เราไม่มีในกาย กายไม่มีในเรา

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย ขันธ์, 26 ธันวาคม 2008.

  1. เกสท์

    เกสท์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    765
    ค่าพลัง:
    +18
    นี่แสดงว่ารู้จักขันธ์ 5 ไม่รอบ

    คำว่า "ผม" หรือ "หนู" เมื่อตากระทบรูป ก็เป็นจักษุวิญญาณ มองเห็นแล้วจะเข้าใจเลยไม่ได้

    สัญญา ต้องซึมซาบออกมา หมายรู้ก่อนว่า
    "ผม" ก็มีความหมายอย่างนี้นะ
    "หนู" ก็มีความหมายอย่างนี้นะ

    ถึงจะเข้าใจภายหลัง

    อย่าง อ.ขันธ์ ไม่มีสติน่ะสิ ถึงรู้ลงไปไม่ได้
    แล้วเที่ยวมาสอนคนผิด ๆ อย่างนี้

    แม้พระพุทธองค์เองพระองค์ก็ทรงสอนพระองค์เองให้รู้แล้วจึงนำมาสอนผู้อื่น

    และจะมามองว่า ให้เป็นสัทธรรมปฏิรูปไปก่อน ไม่ได้นะ

    ก็เหมือนหมอให้ยานั่นล่ะ
    จะไห้ยาก็ต้องถูกกับโรค
    อันนี้ให้ยาซี้ซั้วคนไข้ก็ตายสิ

    อยากได้บาปได้กรรมก็ทำเข้าไป

    ยิ่งธรรมขั้นสูงขึ้นไป
    ทำให้ผู้ปฏิบัติตาม
    ธรรมแตกได้นะเอ้า
     
  2. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    เพราะมันเป็นของดี เลยทำให้มันเจริญไง

    พอทำให้มันเจริญ ก็เลยไม่ได้ดู ไม่ได้ยกขึ้นเป็นของถูกรู้ถูกดู

    แล้วของดีสุดๆนี่ จะไปยกขึ้นมารู้มาดู ก็จะเสียของดีไป ตรงนี้
    พูดยาก แล้วก็ไม่ใช่เรื่องของเรา มันเป็นเรื่องของลูกไก่ในไข่

    อย่าถามต่อนะ เดี๋ยวผมซวย
     
  3. เกสท์

    เกสท์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    765
    ค่าพลัง:
    +18
    แต่ที่ผมยกย่อง อ.ขันธ์ มากที่สุด
    คือ
    แนะนำคนไปวัดป่าบ้านตาด

    ตรงนี้ยกเอาไว้
    นับถือได้เลย
     
  4. ผีเสื้อราตรี

    ผีเสื้อราตรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,141
    ค่าพลัง:
    +283
    คุณเกสท์ ผมกับหนูอะไรหนักกว่ากัน
     
  5. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    คุณ นัท

    อาการของผู้รู้.. มีแค่ 3ลักษณะ คือ 1.ยินดี จิตพองฟู(สุขเวทนา) 2.จิตไม่ชอบใจ เป็น
    อกุศลจิต มีอาการอึดอัดแน่น ขัดใจ(ทุกข์เวทนา) 3.เฉยๆ จิตเรียบๆ รู้ก็สักว่ารู้ จิตนิ่ง
    เฉยอยู่ (อุเบกขาเวทา)

    ก็โอนะ

    แต่ถ้าผมจะขอเรียก ข้อ 1 ข้อ 2 คือ โสมนัส กับ โทมนัส รวมเรียกว่า เวทนาจิต

    ส่วนข้อ 3 เรียกอุเบกเวทนา

    ซึ่งก็เป็นเรื่องของ เวทนาจิต

    การเป็นกลางตรงนี้เป็นเพียงการเป็นกลางต่อ เวทนา ไม่ใช่ เป็นกลางต่อสังขารธรรม

    ผมกล่าวตรงนี้มีที่ขัดใจคุณหรือเปล่า

    * * * *

    อ้อ ถ้าจะกล่าว สาธุ (เคารพกัน) ทำไมต้อง อิอิ ( ข่มกัน ) ปรากฏติดกันด้วยหละ

    ถ้าผมแยกว่า อิอิ คือ ส่วนที่มาจากคุณ
    แล้ว สาธุ คือ รูปแบบของนักปฏิบัติที่ดี ผมกล่าวตรงนี้มีที่ขัดใจคุณหรือเปล่า<!-- / message -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มกราคม 2009
  6. เกสท์

    เกสท์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    765
    ค่าพลัง:
    +18
    คำถามคุณผีเสื้อราตรีลึกซึ้งทุกคำถาม

    ก็เหมือนกับ ทองคำ กับ ก้อนอิฐ
    หนัก ก้อนละ 20 กิโล
    แล้วคุณอยากจะแบกก้อนไหน ล่ะครับ

    ถ้าเป็นผม ผมจะไม่แบกทั้ง ทองคำ และ ก้อนอิฐ
     
  7. ๐นัท๐"เอหิปัสสิโก"

    ๐นัท๐"เอหิปัสสิโก" สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    223
    ค่าพลัง:
    +21
    สำหรับคุณ นัท
    อ้างอิง:
    สาธุ..คับคุณ ขันธ์..
    ผมพูด อยู่หลายครั้งนะคับ... ธรรมแท้ไม่ขัดกัน.. ผู้ที่ถึงยอดเขา ย่อมมองเห็นทางที่เดินขึ้นมาได้หลายทาง..(อย่าเหมาว่าผมถึงที่สุดแล้วนะ...ผมอยู่แค่เนินเล็กๆเอง..แต่ก็พอจะเห็นทางขึ้นมา บนเนินนี้แล้ว)..
    ประโยคนี้..ผมว่าท่าน ขันธ์ไว้พิจาราเองดีกว่านะคับ...
    เพราะผมเคยกล่าวแล้ว ว่า..ทางทุกทางเหมาะกับแต่ละบุคคล..ไม่มีทางไหนดีที่สุด...
    สมถะนำวิปัสนา ... เวทนาตัวเดียวกัน ใช่ว่า จะเห็นธรรมได้เหมือนกันทุกคน(ต่างคนต่างกรรมต่างวาระ) นี่ต้องยอมรับ...
    วิปัสนา นำ สมถะ .... อันนี้ก็มีพวกที่ติดจ้องเพ่งโดยไม่รู้ตัว แทนจะดูจิต ก็ไปจ้องจิต เพ่งจิต นี่ต้องยอมรับ...
    ที่ผมกล่าว...สำหรับผู้ปฏิบัติใหม่่..คุณขันธ ลองย้อนความจำู้..เมื่อเริ่มปฏิบัติว่าผิดจากผมกล่าวหรือไม่?..ส่วนวิธีละที่ ถูกต้องนั้นก็ตามแต่ ครูบาอาจารย์และแนวทาง..ผมก็ไม่ได้ก้าวก่ายนะคับ..
    แต่สำหรับผู้มีจริต..เห็นสติ(ผู้รู้) แยกจากจิตแล้ว..เช่นคุณบุคคลทั่วไป 1 คน.
    ผมเสนอทางเลือก..
    ว่าให้ดูเฉยๆ..นี่เป็นสิ่งปฏิบัิติได้ทันทีที่เห็น กิเลสนั้น..กิเลสก็จะแสดงไตรลักษณ์ให้ดูเอง..แต่ถ้า อยู่วัดปฏิบัติอยู่ จะเอาสมถะเข้าฟาดฟันก็ไม่ว่ากัน..
    เปรียบเหมือน..เราไปนั่งรอใครสักคน...ถ้ารอไป ใจจดจ่อกับเวลา รอไปดูเวลาไป..เวลาจะเดินช้ามาก(ในความรู้สึก)สุดท้ายก็กะวนกะวาย แต่ถ้ารอแบบไม่สนใจเวลา(ไม่สนใจกิเลส)นั่งอ่านหนังสือไป แปปเดียวก็ผ่าน..
    นี่เป็นธรรมชาติของจิต...ถ้าฝึกตรงนี้ จนชำนาญ..เวลากิเลสมา.. เราก็นั่งดูเหมือนดูหนังดูละคร ตัวอิจฉาแสดงบนเวที เรานั่งดูหน้าเวที..ก็ดูแบบ สบายๆ
    ผมพูดของ ยากให้ดูง่าย..เพื่อประโยชน์ในความเข้าใจ และง่ายต่อการนำไปใช้...แต่ของจริงไม่งายหรอกนะ..ที่จะแยกมานั่งดูแบบ สบายๆได้..สติต้องไวต่อการกระทบอย่างมาก...ต้องผ่านการฝึกมาพอสมควร


    ...ก่อนอื่นต้องขอโทษจริงๆนะคับ ถ้าคำกล่าวผมทำให้คุณขันธ์คิดเช่นนั้น
    ..

    อย่าเปรียบเช่นนี้เลยคับ...เป็นการปรับตู่กันเป่าๆ...ผมบอกคำไหนเหรอคับว่า ห้ามคนอื่น เดินทาง...เพียงแต่เสนอทางเลือกเท่านั้นเอง..เพราะเรา เพศ ฆารวาสเหมือนอยู่ในสงคราม กิเลสตัญหาอยู่แล้ว..มีแผน1แผน2 ไว้รับมือไม่น่าจะเสียหาย..และที่สำคัญ ที่ผมกล่าวนะ ของจริงเพียงแต่จะได้เห็นกันหรือเปล่าเท่านั้นเอง
    ....กรรม..วิบากกรรม เขาเที่ยงตรงเสมอ..การปรับตู่ว่าผมไปขวาง ไปห้ามการปฏิบัติธรรมนั้นนะ กรรมหนักนะคับ...ผมทำเช่นนั้นจริง..วิบากกรรมก็รอส่งผลแล้ว...ไม่ต้องรอคุณขันธ์ ชี้หรอกคับ..
    แต่ถ้าผมกล่าวของจริง...ก็ต้อง ดูกิเลสผู้กล่าวแล้วคับ..เหมือนที่ผมบอกคุณนิวรณ์นะ..ดูเองคับว่า กิเลสตัวไหนอย่างไร..ถ้าเห็นก็จะได้พัฒนาต่อไป..ถ้าไม่เห็น..ก็อยู่ที่เดิมต่อไปคับ...สาธุ
    อย่าสรุปเช่นนั้นเลย...สภาวะธรรมที่ได้ จะ โสดา สกิทาคา อนาคา..วัดกันไม่ได้ด้วยธรรมที่แสดงหรอกคับ...เขาวัดกันที่ว่าใครละวางกิเลสได้มาก กว่ากันต่างหาก...ไม่ใช่ใครกล่าวธรรมได้ดีหรอกนะ..ดั่งนั้น แคอ่านข้อธรรมที่กล่าว อย่าสรุปเลยคับว่าใครติดไม่ติด...ดูตัวเองดีก่าคับว่า ติดอะไรมั่ง

    ขอยืมคับคุณขันธ์มากล่าวปิดท้ายนะคับ
    แต่ คนมีกิเลส มีมานะ ก็มักจะเห็นวิธีการของตนดีเลิศสุด และ มองเห็นว่า ที่ผ่านมานั้นมันเยิ่นเย้อ...
     
  8. ๐นัท๐"เอหิปัสสิโก"

    ๐นัท๐"เอหิปัสสิโก" สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    223
    ค่าพลัง:
    +21
    ...<label for="rb_iconid_31">[​IMG]อนุโมทนาคับ...สาธุ</label>

    ขอโทษอย่าตีความว่า ...อิอิ เป็นการข่มกันสิคับ.. เอาเป็นว่าไม่ใช้ อิอิ ก็ได้คับ.. 5555 จะได้ไม่ซีเรียส
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มกราคม 2009
  9. ผีเสื้อราตรี

    ผีเสื้อราตรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,141
    ค่าพลัง:
    +283
    แต่ถ้าเป็นเรา เราขอเลือกทองคำนะ แต่คงไม่แบกหลอกเอาไปขายได้เงินเยอะเลยแล้วเงินก็เอาไปทำประโยชน์ได้อีกเยอะ
     
  10. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    คุณ นัท อ่านแล้วอย่าให้มันเข้าตัว ให้มันเข้าคนที่ทำเช่นนั้น
     
  11. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ฟิ้ว รอดตัวไป กลัวจะแย่เลยนะนี่ กลัวจะเห็นว่ามาเถียงกัน

    มันเป็นการปรับคำศัพท์ ผมก็ไม่จัดเจนหรอก

    เรื่องปฏิบัติของคุณนัทก็ว่ากันไปเน๊าะ

    บัญญัตินี่ก็ปรับๆกันไป บางทีผมก็ใช้ผิด ก็ดูให้ผมด้วยละกัน :)
     
  12. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    อ้อ ไม่เป็นไร ถ้ากล่าวแบบนี้ แปลว่า มันเป็น รูปแบบ

    ก็ว่ากันไปเน๊าะ ไม่ได้เสียหาย ก็ปล่อยมันเกิด ดับไป เราอาศัยมันมาดู

    หลวงพ่อท่านว่า ตอนที่ รูป-แบบ มันหลุดออกมานะ กิเลสมันเผยไต๋
    ไตรลักษณ์ให้เราดู มันบังคับไม่ได้ มันจะปรากฏก็หลุดออกมาอัตโนมัติ
    หลุดออกมาแล้ว ใจเราก็พราก เห็นมันจืดๆ เลย ลืม มันไปซะงั้น
     
  13. ๐นัท๐"เอหิปัสสิโก"

    ๐นัท๐"เอหิปัสสิโก" สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    223
    ค่าพลัง:
    +21
    แค่ภาษาบัญญัติ..(กลับอ่านในประทีปส่องธรรม หรือทางเอก..ไม่แน่ใจนะคับมีกล่าวไว้).เอาเป็นว่า มี ผู้รู้ กับ สิ่งที่ถูกรู้ ...และรู้ว่า อาการผู้รู้ เป็นอย่างไรก็ใช้ได้แระ..
     
  14. เกสท์

    เกสท์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    765
    ค่าพลัง:
    +18
    ถูกต้องนะคร้าบ....
    เอาไปสร้างบุญกุศล สร้างบารมีต่อ ก็เห็นด้วยครับ
     
  15. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    ไม่ผิดหรอก สัญญา คือ หมายมั่น จำได้ เท่านั้น ก็ความฉลาดของ สัญญา ก็แค่รู้จำ

    แต่ วิญญาณ นี้คือรู้ และตีความ

    ปัญญา นี้ ละเอียดขึ้นมาอีก จนถึงขยายความ

    ก็ตามข้างต้น ก็อธิบายไปแล้วว่า มันหมายรู้ไปถึง 3 กรณี ไม่ใช่แค่ เส้นผมเป็นอย่างไร

    ใครที่ตื้นอยู่
     
  16. ๐นัท๐"เอหิปัสสิโก"

    ๐นัท๐"เอหิปัสสิโก" สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    223
    ค่าพลัง:
    +21
    ...
    เข้าใจแล้วคับคุณขันธ์ อาการผู้รู้ของผม ...กับวิญญาณของคุณขันธ์ไม่เหมือนกัน จริงๆ และ...
    ของผมนะ เข้าไป รู้ตัว เวทนา...
    ของคุณขันธ์คือ...อย่างที่คุณขันธ์อธิบายแหละ....
     
  17. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    แยกให้ออกนะ ความเข้าใจ ในคำพูด ว่าคืออะไร
    กับ การหมายจำได้ นั้นต่างกัน

    คุณเกสท์ คุณ อย่าเพิ่งมาพูดเลย ไปกำจัดกิเลสให้ดีก่อน แล้วค่อยมาเถียง
     
  18. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    "ผม" กับ "หนู"

    อันนี้ผมขออนุญาติแยกให้ดูบ้าง แต่ เอ...ผีเสื้อก็แยกได้นี่หน่า แต่ขออธิบายละกัน

    เริ่มจากรูปขันธ์ หรือ รูปปรมัตถ์ สีดำ ตัดสีขาว สีดำเป็นจุดต่อเนื่อง [ สติที่ระลึกรู้ได้ ณ จุดนี้เรียกว่าเห็นตามจริง , แต่ไม่จำเป็นต้องเห็นสำหรับบางคน ]

    ตรง สีดำ สีขาว แยกได้ นี่สัญญาเกิดไปแล้ว วิญญาณเกิดไปแล้ว สังขารเกิดไปแล้ว ( รอบจิตแรกๆ -- ตรงนี้สรรพสัตว์เห็น ) [ เราภาวนาสติให้รู้พ้นตรงนี้ขึ้นไป ]

    ไม่เชื่อลองมองเฉยๆ แล้วหลับตา วับ รูปติดตาไปแล้ว ต้องอาศัยเวลาสักพักจะละ
    จากจักษุวิญญาณ ส่วนรูป ก็บันทึกเข้าภวังค์จิตไปเรียบร้อย

    ต่อมาก็เกิด เวทนา เริ่มมี วิติก วิจาร ดึงรูปขันธ์ สัญญา วิญญาณ นั้นมาพินา สัญญา ( รอบจิตหลังๆ -- ตรงนี้เห็นโดยเฉพาะมนุษย์, สรรพสัตว์เรียกต่างกันไป )
    แบบสมบัญญัติทำงานต่อ เริ่มหมายรู้ว่า สีดำนี่เป็นอักษร แล้วเป็นคำ แล้วเป็น
    ความหมายถึงสรรพนาม เกิดเป้นขอบเขตคน กับ หนู ถ้าเป็นผู้หญิงบางคนนี้จะขนลุก
    แล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มกราคม 2009
  19. เกสท์

    เกสท์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    765
    ค่าพลัง:
    +18
    ยิ่งมั่วไปใหญ่แล้วอาจารย์
    ปัญญา อะไรไปขยาย หรือ เพิ่ม การทำงานของวิญญาณ ได้

    วิชาอะไรครับ อ.ขันธ์ อยู่ที่ไหน ใครสอน บอกผมหน่อย
    ผมจะไปถามให้เห็นดำเห็นแดงกันไปเลย
     
  20. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    ใครจะต้องมาสอน มองเข้าไปสิ ปัญญามีก็มองไปสิ เกิดกับตัวก็มองด้วยตัวเอง
    ส่วนชื่อจะเรียกอย่างไร ไม่ต้องไปสนใจหรอก

    บางคนพิจารณา ศพ ร่างกาย ก็ละได้ มันไม่ต้องละเอียดแบบที่ผมพูดหรอก
    พอ จุดปลายมันอยู่ที่ การละความปรุงแต่งของจิต

    ก็ขอใช้คำพูดว่า "ก็มันไม่รู้สึก" นั้นแหละ เท่าันั้น ไม่ว่าจะละอะไร ก็นำมาสู่ ความไม่ได้ หลงไป ตามไป เพราะมันไม่ได้รู้สึกว่า สิ่งนั้นๆ เป็นอะไรไป
     

แชร์หน้านี้

Loading...