เรื่องเด่น เผชิญดวงไฟประหลาด แสงสีเลือด!!

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย ภูผาปักษา, 20 มกราคม 2017.

  1. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,427
    ค่าพลัง:
    +35,048
    จริงๆเรื่องนี้ไม่มีอะไรหรอก
    กลุ่มที่เคยติดตามข้าพเจ้า จะมองว่า
    เป็นเรื่องปกติมาก..
    น่าจะเห็นกันจนชินแระ...
    เด่วนี้ไม่มีอะไรแล้ว ถ่ายแต่นก หมา แมว
    ดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ และ จักรยาน ๕๕๕
     
  2. นทีบุญ

    นทีบุญ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    939
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +796
    ขอบคุณค่ะ
     
  3. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,427
    ค่าพลัง:
    +35,048
    ภาพที่ถ่ายอยากสุด
    คือภาพท่านที่ไม่มีกายเนื้อ
    แต่มาแบบกายเนื้อและยอมให้ถ่ายรูป
    พอมีให้เห็นได้บ้าง ตามวัดดังๆที่มีอาจารย์มีชื่อ
    ส่วนตัวแม้เคยเห็นแต่ไม่เคยถ่ายภาพได้

    กับอีกภาพคือ ภาพภพภูมิต่างๆแบบ
    ฟูลออฟชั่นหมายถึงรวมธาตุดินด้วยนะ
    ที่ยากคือมีโอกาสที่คนถ่ายจะ
    วิปลาสทางจิตได้ถ้าเห็นแบบฟูลออฟชั่นนะ

    ที่วิปลาสคือ จิตจะทนกะแสที่ออกมา
    จากภพูมินั้นๆไม่ได้ เรียกว่าเห็นมากไป
    เกินกำลังที่ตัวจิตจะต้านไหว

    เพราะมนุษย์มีจิตอยู่ในกาย
    จนชินไม่ได้อยู่สภาวะแบบเป็นทิพย์
    ตั้งแต่เกิดเลยเหมือนฝ่ายภพภูมิ
    เล่าให้ฟังเฉยๆ แต่จะเป็นอย่างที่เล่านั้นหละ
    เรื่องแบบนี้พอ มีประสบการณ์มาบ้างเล็กน้อย
    มีหลายคนที่วิปลาสกับเรื่อง
    การไปเห็นแบบฟูลออฟชั่นโดยบังเอิญ
    มาแล้วในอดีตหลายคน
    ปล.เล่าให้เฉยๆเด้อ
     
  4. นทีบุญ

    นทีบุญ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    939
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +796
    เราเข้าไปดูในเฟสของคุณนพฯแล้วค่ะ เห็นภาพเท่าที่โชว์ เท่าที่ไม่ใช่เพื่อนในเฟสจะเห็นได้ เท่าที่การตั้งค่าแบบสาธารณะ 555

    อ่อมีทำนองเห็นแบบฟลูออฟชั่นแล้วจิตวิปลาส อืมๆๆ
    เอ่ออย่างเช่น ถ้าสมมุติ พญานาคปรากฎให้เราแบบ HD ในร่างของท่านจริงๆ คือเห็นแบบตาเนื้อ ไม่ใช่เห็นในนิมิตรหรือในฝัน เราอาจจะต้านทานกระแสไม่ไหว อย่างนี้หรือเปล่าคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 มกราคม 2017
  5. วงกรตน้ำ

    วงกรตน้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2015
    โพสต์:
    810
    กระทู้เรื่องเด่น:
    12
    ค่าพลัง:
    +2,433
    เรื่องจริง ที่ถูกลืม ตำนานดวงแก้วบนภูพาน


    ก่อนอื่นขอเรียนว่าเทือกเขาภูพาน นั้นกว้างใหญ่ไพศาลมาก เป็นเทือกเขาที่ทอดตัวในแนวตะวันตกเฉียงเหนือสู่ตะวันออกเฉียงใต้ เริ่มจากจังหวัดอุดรธานี ผ่านกาฬสินธุ์ สกลนคร นครพนม และมุกดาหาร เป็นถิ่นภูเขาดั้งเดิมตามตำนานอันมีชื่อว่าภูกูเวียน ซึ่งเกิดจากอานุภาพของ สุวรรณนาค ซึ่งมีลักษณะภูเขาเป็นวงใหญ่ ส่วนเทือกทิวเขาเล็กที่มีลักษณะเป็นวงก็ยังมีปลีกย่อยออกไปอีก เช่น บริเวณพื้นที่ อำเภอเขาวง ถ้ามองจากระดับสูงของภูพานไปทางเขตเชื่อมต่อระหว่างจังหวัดมุกดาหาร กับจังหวัดกาฬสินธุ์ จะเห็นทิวเขาลิบๆสุดสายตาที่ทอดตัวยาวเป็นแนวโค้งโอบล้อมออกไปทั้งสองด้านซึ่งแนวทิวเขานี้ในที่สุดก็จะกลายเป็นวงล้อมรอบอาณาบริเวณอันกว้างใหญ่ทั้งหมดของอำเภอเขาวงไว้ หากเดินทางตามถนนมิตรภาพจาก อำเภอสมเด็จ มุ่งหน้าไปทาง ภูพานราชนิเวศน์ พอถึงบ้านสร้างค้อ ตรงฝั่งขวาจะมีทางแยกไปอำเภอเขาวงได้

    เรื่อง แก้ววิเศษแห่งเทือกเขาภูพาน ที่ผู้เขียนนำมาเล่าขานนี้ไม่ใช่เรื่องจากตำนาน แต่เป็นเรื่องจากประสบการณ์จริงในถิ่นบ้านเกิดคือ บ้านโพนสวาง ที่ผู้คน ชาวเขาวง แถบ ลุ่มน้ำลำพยัง ได้รับรู้มา แม้ว่าในปัจจุบันผู้คนที่เคยรับรู้เรื่องนี้บางท่านจะยังมีชีวิตอยู่แต่ก็อายุมากจนแทบจะลืมเรื่องเหล่านี้ไปหมดแล้ว เรื่องราวและข้อเท็จจริงดั้งเดิมจึงเกือบจะสูญหายไปเพราะขาดการสืบต่อ จึงขอบันทึกตามข้อมูลเท่าที่พอจะรวบรวมได้เพื่อบอกเล่าให้อนุชนรุ่นหลังได้รับรู้ไว้

    pl.jpg

    เรื่องมีอยู่ว่า ปู่สิงห์ แสนพาน ซึ่งเป็นน้องชาย ปู่อินทร์(ปู่ของผู้เขียน) ได้แต่งงานกับญาติทางฝ่ายย่าผู้ได้รับมรดกสำคัญคือ ลูกแก้ว คู่หนึ่งมาจาก ตาไฮ พ่อของฝ่ายหญิงผู้สืบทอดมรดกมาจากบรรพบุรุษของตระกูล “ศรีชุบร่วง” (ตระกูล“แสนพาน” และ “ศรีชุบร่วง”เป็นตระกูลคนไทยเชื้อสายภูไท)
    ลูกแก้วคู่นี้ไม่เคยมีใครบอกว่าชื่ออะไรหรือมีลักษณะพิเศษอย่างไร แต่เป็นที่ทราบกันดีว่าเป็น แก้วค้ำคูณ หรือ แก้วมงคล มีบุญญาธิการและความศักดิ์สิทธิ์มาแต่โบราณ เคยบันดาลความมั่งคั่งร่ำรวยให้ครอบครัวบรรพบุรุษมามาก คือ มีช้าง มีม้า มีวัวเป็นร้อย มีควายเป็นร้อย และมีโภคทรัพย์ไม่ขาด ขนาดที่เสือมาลักคาบวัวไปกินแทบทุกวันก็ยังไม่รู้จักหมดคอก นอกจากนี้ยังป้องกันอันตรายให้แก่ผู้รักษาโดยตลอด ไม่ว่าปืนผาหน้าไม้หรือโจรขโมยก็ไม่อาจทำร้ายได้ เมื่อมาอยู่กับครอบครัวใหม่ก็ยังคงบันดาลให้เกิดความอยู่ดีกินดีเสมอมา

    สองสามีภรรยาเป็นผู้มีความใส่ใจ ปฏิบัติขัดสีแก้วตามประเพณีคือสักการบูชาและสรงสนานทุกวันโกณวันพระมิได้ขาด ยามจะไปหาทรัพย์ก็ยกใส่หัวอาราธนาแล้วพกพาไปด้วย แต่มีเคล็ดลับคือจะนำไปเฉพาะลูกใดลูกหนึ่งซึ่งอาจจะเป็น ลูกแก้วผัว หรือ ลูกแก้วเมีย ของแก้วคู่นั้นเพื่อที่แก้วจะได้ไม่หนีหายไปไหน พอกลับมาจึงนำมาบูชาไว้ด้วยกัน ครอบครัวก็ได้รับความสุขความเจริญดี

    ในตอนดึกดื่นค่ำคืนของวันโกณวันพระพวกชาวบ้านโพนสวาง จะเห็นแก้วเสด็จคือมีดวงแสงลอยออกมาจากช่องหน้าจั่วบ้านของปู่สิงห์ ลักษณะเป็นดวงสว่างเท่าไข่เป็ดมีแสงรัศมีสีเขียวเรืองลอยออกไป ลอยออกไปเป็นเวลานานพอสมควรแล้วก็จะลอยกลับมาเข้าไปทางช่องหน้าจั่วของบ้านทางเดิม เป็นเช่นนี้เสมอจนชาวบ้านเขารู้กันดี


    kaewwisais2.jpg

    บางทีพวกหนุ่มๆที่กลับดึกและผู้เฒ่าที่ตื่นกลางดึกจะเห็นแก้วดวงอื่นๆเสด็จด้วย เขาจะเห็นกันว่าแก้วเสด็จมาทาง ภูผาแฝก ลอยผ่านกลางบ้านไปทาง ภูพานแล้วมีเสียงดังตูม แต่เป็นแก้วคนละดวงและมีรัศมีสีอื่น ถ้าเป็นรัศมีสีเขียวเรืองก็จะจำได้ว่าเป็นแก้วมรดกที่ ตาไฮมอบให้ลูก สมัยที่พ่อของผู้เขียนเป็นเด็กยังเคยเห็นพวกรุ่นพี่ที่ซุกซนคอยดักซุ่มรอตอนที่ลูกแก้วลอยมา เพื่อที่จะเอาผ้าขาวม้าปัดป่ายลูกแก้วที่ลอยไปในอากาศให้ตกลงมาแต่ก็ไม่มีใครทำสำเร็จ

    อยู่มาวันหนึ่งชะรอยจะเป็นด้วยกรรมเก่าของปู่สิงห์จะถึงคราวหมดอายุขัย จึงทำให้คิดไปค้าวัวควายในที่แดนไกลถึงภาคกลางของไทย ก่อนไปก็ยกแก้วใส่หัวอาราธนาพกพาไปด้วยเช่นเคย แต่พอไปอยู่ต่างถิ่นกลับล้มป่วยด้วยอาการ“ลงท้อง” (ท้องร่วง) จนเสียชีวิต จึงต้องฝังศพในถิ่นอื่น

    ฝ่ายคนทางบ้านเฝ้ารอก็ไม่ได้ข่าว เป็นเวลานานแล้วที่เจ้าตัวไม่กลับมา...เห็นแต่แก้วกลับมาเองอยู่ที่หิ้งบูชา.. ก็รู้ว่าผิดปกติเสียแล้วจนกระทั่งรู้ข่าวการตายในภายหลัง

    หลังจากนั้นทางครอบครัวก็ยังคงปฏิบัติขัดสีลูกแก้วตามประเพณี ครอบครัวลูกหลานก็ได้รับความสุขความเจริญมาโดยตลอดจนกระทั่งมาถึงช่วงทายาทผู้สืบต่อชื่อ นายกา เป็นช่วงที่ทายาทขาดความเข้าใจในการปฏิบัติรักษาลูกแก้ว ในช่วงนี้มีคนเล่าลือเรื่องผีปอบกันหนาหูจนผู้คนคิดกันไปต่างๆนาๆ คนที่มีใจอิจฉาก็พูดให้ร้ายว่าผีปอบนั้นเกิดจากลูกแก้วที่เป็นมรดกตกทอดนี้เป็นสาเหตุ พวกที่ไล่ผีปอบก็พลอยเห็นชอบไปด้วย เมื่อมีคนพูดกันหนาหูขึ้นทุกทีประกอบกับทั้งนายกาเองก็ไม่มั่นใจด้วยว่าตัวเองปฏิบัติรักษาถูกต้องหรือไม่ก็เลยทนไม่ไหว

    ในที่สุดนายกาก็เลยบอกกับทุกคนว่าได้เอาแก้วไปทิ้งแล้ว แรกๆคนก็ไม่ค่อยเชื่อกันนักพยายามซักว่าเอาไปทิ้งไว้ที่ไหน พอคะยั้นคะยอมากๆเข้านายกาก็บอกว่าเอาไปทิ้งลงที่ใจกลางธาตุบนสันเขา ภูโหล่ย (เป็นธาตุที่ชาวบ้านร่วมกันเอาก้อนหินมากองสุมกันขึ้นให้เป็นลักษณะพระธาตุตามความศรัทธามาแต่เก่าก่อน) ฝ่ายคนที่มีความโลภได้ยินอย่างนั้นก็ไม่รอช้าพากันแอบไปรื้อธาตุเพื่อค้นหาลูกแก้วแต่หายังไงก็ไม่พบ ต่อมาคนที่ไปรื้อธาตุต่างก็ประสบอันตรายคือตายโหงทุกคน
    ทุกวันนี้ ไม่มีใครพบเห็นและได้ข่าวลูกแก้วคู่นี้อีกเลย

    การปฏิบัติขัดสีแก้ว

    “การปฏิบัติขัดสีแก้ว”นั้นเป็นคำพูดลักษณะออกไปทางสำนวนโวหารอยู่บ้าง เมื่อพูดว่า ปฏิบัติ ก็จะพูดว่าขัดสี พ้องกันได้ง่ายเช่นเดียวกับคำว่า ปฏิบัติพัดวี อันที่จริงคนพื้นเมืองที่เข้าใจจะรู้ว่าเป็นการสักการบูชาอย่างเหมาะสมให้สมควรแก่ฐานะที่เป็นของสูง เช่น เอาใส่ผอบตั้งไว้บนพานที่หิ้งบูชา สรงน้ำ ปะพรมน้ำมันหอม บูชาด้วยดอกไม้ธูปเทียน เป็นต้น ส่วนผู้ที่มีสติปัญญามากก็จะเข้าใจลึกซึ้งยิ่งไปกว่าการบูชาแบบอามิสบูชา ดังกล่าว ท่านผู้รู้จึงสอนลูกหลานว่า การปฏิบัติขัดสีแก้วที่แท้นั้นเรียกว่า ปฏิบัติบูชา คือการประพฤติตนตามหลัก ศีล สมาธิ และปัญญา นั่นเอง เป็นการบูชา “แก้วทั้งสาม”คือ แก้วพระพุทธ แก้วพระธรรม และแก้วพระสงฆ์ ดังบันทึกในตำนานอุรังคธาตุว่า

    “...ดูก่อนอานนท์ บุคคลบูชารูปตถาคตและศานาที่ตถาคตตั้งไว้ด้วยดอกไม้ธูปเทียนนั้นชื่อว่ามิได้บูชา ส่วนบุคคลบูชาได้ชื่อว่าได้บูชานั้น ตถาคตจะสั่งเธอไว้ ภิกษุ สามเณร หรือคฤหัสถ์ก็ตามที่ปฏิบัติถูกต้องตามคำสั่งสอนของตถาคต ถึงแม้ว่าจะไม่มีเครื่องสักการะก็ตาม เป็นแต่เพียงมีจิตต์ใจเลื่อมใสเชื่อในคุณพระรัตนตรัย ไหว้นบแต่มือเปล่าๆก็ได้ชื่อว่าบูชาอันประเสริฐยิ่งกว่าประเสริฐ...”

    ฉะนั้น หากพิจารณาในเรื่องของ “การปฏิบัติขัดสีแก้ว” ในสองส่วน จะเห็นว่าส่วนที่เป็น อามิสบูชา นั้น จะขาดส่วนที่เป็น ปฏิบัติบูชาไม่ได้เลย

    ปฏิบัติ ถูก กับ ผิด “มงคล” และ “อัปมงคล”

    เรื่องของ แก้ว เป็นเรื่องที่มีแนวความเชื่อและทัศนคติของ การสั่งสมบารมี มากกว่า ไสยศาสตร์ คนที่ รักษาแก้ว อันที่จริงก็น่าจะเป็นคนที่ รักษาบารมีแก้ว นั่นเอง คือทำตามเจตนารมณ์ดั้งเดิมของเจ้าของแก้วว่าจะสร้างสมบารมีทางใด ปฏิบัติตัวเองคือสั่งสมความดีเพื่อเพิ่มพูนบารมีของแก้ว และปกป้องรักษาแก้วไว้ยิ่งด้วยชีวิต หมายถึงทุ่มเทชีวิตปกป้องศีลธรรมและคุณธรรมประจำใจตัวเอาไว้ให้ได้ ไม่ใช่ทุ่มเทกำลังอาวุธและชีวิตเข้ายื้อแย่งชิงเอาแก้วมาเป็นเจ้าของ เพราะแก้วนั้นไปมาเองได้และจะหนีไปเมื่อไหร่ก็ได้

    ฉะนั้น เมื่อพิจารณาตามประวัติของ “แก้ววิเศษแห่งเทือกเขาภูพาน” แล้ว จึงอาจอนุมานถึงความน่าจะเป็นไปได้ว่า “การปฏิบัติขัดสีแก้ว” ของบรรพบุรุษในช่วงแรกนั้นเป็นมาอย่างถูกต้องทั้ง อามิสบูชา และ ปฏิบัติบูชา ส่วนในระยะหลังนั้นไม่ได้ใส่ใจใน อามิสบูชา และ ไม่เข้าใจใน ปฏิบัติบูชา จึงทำให้ดวงแก้ววิเศษทั้งสองดวงนั้นอันตรธานหายไป ส่วนการรื้อธาตุค้นหาแก้วนั้นก็เข้าทำนอง อยากได้ผล แต่ไม่สร้างเหตุ ทั้งยังลุแก่ความโลภจนทำลายสถานศักดิ์สิทธิ์จึงถึงแก่ความวิบัติ

    ที่มา :http://writtenbychunkham.blogspot.com/2012/03/blog-post_5708.html?m=1
     
  6. วงกรตน้ำ

    วงกรตน้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2015
    โพสต์:
    810
    กระทู้เรื่องเด่น:
    12
    ค่าพลัง:
    +2,433

    “ภูพาน” กับคำเล่าลือเรื่อง “แก้วหยาดน้ำค้าง”หรือ “แก้วสารพัดนึก”


    คำเล่าลือในเรื่องนี้เท่าที่ผู้เขียนคาดคะเนคงอยู่ในระหว่างปี พ.ศ.๒๕๐๐ –๒๕๒๐ เป็นช่วงเวลาที่ผู้เขียนยังเด็กและได้ยินเรื่องแก้วไปเล่นตามบ่อหินในคืนวันเพ็ญจากสามเณรอุปัฏฐากและลูกศิษย์พระป่า ในช่วงเวลานั้นมีพระภิกษุผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบจาริกธุดงค์และจำพรรษาอยู่แถบเทือกเขาภูพานเป็นจำนวนมาก จึงเป็นที่เข้าใจกันอยู่ว่าแถวๆ ภูแฝก ภูค้อ ภูจ้อก้อ ภูผากูด และภูฮัง นั้น มีปรากฏการณ์ปาฏิหาริย์เรื่องภพภูมิเกิดขึ้นมาก ขณะเดียวกันในวงการของผู้เสาะหาของวิเศษก็มีไม่น้อย จากนั้นก็มีคำร่ำลือเรื่อง “แก้วหยาดน้ำค้าง”

    ผู้คนได้ร่ำลือว่าที่ภูเขาแถบนี้ในยามค่ำคืนวันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ จะเกิดปรากฏการณ์คือมีดวงแก้วลอยลงมาฝนกับหินตามภูเขาเสียงดังกร่างๆๆ เกิดเป็นประกายสีขาวสดใสกระจายตัวออกมาทุกครั้งที่แก้วฝนกับหิน ต่างก็ตื่นเต้นเล่ากันเป็นตุเป็นตะ..

    มีพระธุดงค์ได้รับทราบมาจากครูบาอาจารย์และผู้เฒ่าผู้แก่ว่าแก้วนี้ศักดิ์สิทธิ์นัก มีอานุภาพบันดาลได้ทั้ง เมตตามหานิยม ร่มเย็น แคล้วคลาด ปราศจากอุปสรรคและอันตราย ทำการสิ่งใดก็ประสบผลสำเร็จ

    ผู้ที่สนใจทั้งนักบวชและฆราวาสผู้แสวงหาทั้งหลายต่างก็พยายามติดตามเสาะแสวงเพื่อให้ได้มา แม้พระธุดงค์ต่างๆที่ยังไม่ละวางเรื่องนี้ก็พากันไปนั่งสวดมนต์ภาวนาขอแก้วหยาดน้ำค้างในที่ต่างๆที่คิดว่าจะมี บางครั้งแก้วก็มาปรากฏลอยมาเป็นแสงวิ่งวนเวียนรอบๆตัว พอลุกขึ้นคว้าก็หนีไป

    นับว่ายังโชคดีที่ผู้คนถิ่นนี้ได้รับการอบรมสั่งสอนจากพระปฏิบัติผู้มีภูมิธรรมสูงส่ง จึงรู้ว่าของศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้มีเทวดารักษา แม้ว่าจะขวนขวายใฝ่หาสักเท่าใดหากไม่ใช่บุญบารมีก็จะไม่ได้มา หรือแม้ได้มาก็ไม่อาจรักษาเอาไว้ได้

    หลวงปู่โชติเคยบอกไว้

    เรื่องคำเล่าลือนี้แม้จะไม่มีข้อสรุปที่แน่นอน แต่หลวงปูโชติ อาภัคโค วัดภูเขาแก้ว ท่านเคยบอกเอาไว้ว่าแก้วที่ว่านี้เขาเรียกว่า“แก้วหยาดน้ำค้าง” หรือ“แก้วสารพัดนึก” ถ้ามีสองลูกครบตัวผู้ตัวเมียก็จะไม่ไปไหน จะทำอะไรก็ให้บอกเขาแล้วจะสำเร็จ

    แก้วในถิ่นธรรม

    ในบันทึกตำนานท้องถิ่นของเทือกเขาภูพานนั้น ไม่มีอะไรบ่งบอกเป็นพิเศษว่าเป็นบ่อแก้วหรือถิ่นกำเนิดของแก้วรัตนชาติประเภทใด จะมีก็แต่เรื่องราวของพระสงฆ์องค์เจ้าซึ่งเสียสละทุ่มเททั้งชีวิตชนิดที่เรียกว่า ยอมสละชีวิตเพื่อบูชาธรรม รูปแล้วรูปเล่า แม้แต่ชาวบ้านเหล่าทายกทายิกาต่างก็ปฏิบัติศาสนาพร้อมเพรียงกันด้วยดี นี่ก็อาจจะเป็นเหตุผลอย่างหนึ่งที่แก้ววิเศษซึ่งมีเทวดารักษาปรากฏขึ้นในช่วงประมาณปี พ.ศ.๒๕๐๐– ๒๕๒๐

    ตำนานกล่าวว่าเหล่าเทวดาที่รักษาพระพุทธศาสนานั้นมีอยู่มาก แต่ละท่านมีอายุยืนยาวทั้งนั้น ที่มีอายุอยู่ตลอดกัปก็มี ผู้คนหลายชั่วอายุเกิดแล้วตายไปไม่รู้กี่รุ่นกี่ชั่วโคตรที่วนเวียนทับถม นานๆจะมีสักครั้งที่จะบังเกิดมีพระอริยะเจ้าผู้เห็นแจ้งแทงทะลุในอริยมรรค ๔ ผล ๔ ตามพระพุทธองค์ให้ท่านได้มีโอกาสอนุโมทนาเอาบุญครั้งใหญ่ นานๆจะได้รับการแผ่เมตตาระดับเจโตวิมุติอันสุดประเสริฐร่มเย็น จะไม่ให้ท่านร่าเริงหฤหรรษ์ยินดีได้อย่างไร
     
  7. นทีบุญ

    นทีบุญ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    939
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +796
    แก้วแห่งเทือกเขาภูพาน อิอิ ชุนคำ จิตจักรเป็นคนเขียน นี่พี่ชายเราเองค่ะ ทำงานในแวดวงเดียวกัน แกสนใจเรื่องแก้ว ศึกษามาเยอะพอควร ขอบคุณวงกรตน้ำนะคะที่นำเอางานเขียนของพี่เรามาเผยแผ่ ขอบคุณค่ะ:D:D:D

    เรื่องแก้วมีอยู่อีก 1 เรื่องเล่าเหมือนกัน แต่น่าจะเป็นแก้วพญานาค คนหมู่บ้านข้างๆเป็นญาติกัน บ้านแกอยู่ใกล้กับลำห้วย ลำห้วยแห่งนี้มีประวัติว่ามีดวงแก้วขึ้นมาจากผิวน้ำ เชื่อกันในหมู่บ้านว่าน่าจะเป็นแก้วพญานาค วันดีคืนดีแกฝันมีคนมาบอกว่าจะมีดวงแก้วมาอยู่ด้วย ให้เตรียมธูปเทียนดอกไม้มารับ ผ่านไปอีกไม่นานก็มีมาอยู่จริงๆ คือลอยเข้ามาในบ้านเลย เห็นว่าลูกไม่ใหญ่มาก แต่หลังจากนั้น เขาก็ทำมาค้าขึ้น คือมีแต่โชคดี แต่ปัจจุบันนี้ไม่รู้เป็นไงบ้างนะคะ ไม่ได้ถามข่าวเลย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 มกราคม 2017
  8. วงกรตน้ำ

    วงกรตน้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2015
    โพสต์:
    810
    กระทู้เรื่องเด่น:
    12
    ค่าพลัง:
    +2,433
    เจอคนวงในแล้ว คริคริ ..งั้นคุณนทีบุญจัดมาเลยค่ะ ^_^ รอติดตามผลงานด่วน !!!
    เป็นงานเขียนที่ดีค่ะ แถมข้อมูลก็ลึก ค้นออกมาให้เพื่อนๆได้อ่าน ดีกว่าปล่อยหายไปกาลเวลา สนใจเรื่องดวงแก้วเหมือนกันค่ะ ^_^
    ปล.ยังมีดวงแก้วมากมาย เรื่องเล่าหลายหลาก ที่คนสมัยก่อนพบเห็น แต่ไม่มีบันทึก เสียดายฟุดๆ
     
  9. นทีบุญ

    นทีบุญ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    939
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +796
    ขอบคุณมากๆค่ะ ข้อมูลต่างๆที่แกเอามาเขียน ส่วนมากเกิดจากการลงพื้นที่เองและค้นหาเรื่องเล่าของคนเก่าคนแก่อ่ะคะ คุยกับแกเป็นวันๆก็ไม่จบนะคะ
    แกเขียนอีกเล่มหนึ่งคือเรื่อง "ธาตุ" เกี่ยวกับธาตุกรรมฐาน ไปคุยกับครูบาอาจารย์หลายท่านที่เชี่ยวชาญด้านธาตุ การฝึก ฯลฯ
    เดี๋ยวบอกแกเอาผลงานเก่าๆมาลงนะคะ ให้ผู้อื่นได้ศึกษาและเป็นประโยชน์:D:D:D
     
  10. วงกรตน้ำ

    วงกรตน้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2015
    โพสต์:
    810
    กระทู้เรื่องเด่น:
    12
    ค่าพลัง:
    +2,433
    จัดมาเลยค่ะ คุณนทีบุญ plssssssss วันนี้จัดยกล้อ ตามด้วยคาปู และขนมแระ ตาค้าง รออ่านได้สบายๆ 5555
     
  11. นทีบุญ

    นทีบุญ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    939
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +796
    http://www.khongriverso.com ตามเว็บนี้เลยนะคะ ของชุนคำ จิตจักร และนักเขียนเรื่องลี้ลับรุ่นลายครามท่านอื่นๆ 555 มีเรื่องน่าสนใจค่ะ
    555 อ่านกันไปยาวๆค่ะ ตาค้างแล้วหาอ่านเรื่องที่เป็นประโยชน์ อนุโมทนาบุญด้วยค่ะ
     
  12. วงกรตน้ำ

    วงกรตน้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2015
    โพสต์:
    810
    กระทู้เรื่องเด่น:
    12
    ค่าพลัง:
    +2,433
    โอ้โห...:eek::eek::eek: รวบรวมจากหลวงพ่อหลายรูป (3รูป) มีเรื่องวิชาเดินธาตุด้วยอะ หลวงพ่อมนัส ดิฉันเคยไปกราบท่านครั้งนึง แบบว่า ท่านรักษาโรคด้วยยาสมุนไพรด้วย
     
  13. นทีบุญ

    นทีบุญ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    939
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +796
    อะคะ คือ หลวงพ่อมนัส เห็นท่านสอนเรื่องธาตุด้วยค่ะ ลองเข้าไปดูในเน็ต ถ้าสนใจจะฝึกนะคะ เห็นมีตารางการสอนอยู่ค่ะ แต่ไปถึงเมืองจันทบุรี ถ้าสะดวกก็ลองดูจ้า อิอิ
    สาธุด้วยค่ะ เคยไปกราบครูบาอาจารย์:D:D:D
     
  14. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,427
    ค่าพลัง:
    +35,048
    ถ้าภูมินี้ยังไม่ต้องรวมธาตุดินนะ
    แต่มาแบบฟูลออฟชั่นคือ
    มีเห็นกายพร้อมสีสันนะ
    ถ้าไม่มีกำลังจิตเป็นทุน
    วิปลาสแน่นอน
    ที่เห็นๆผีทั่วไป แค่สร้าง
    สัญญาให้เกิดกับจิตเรา
    ทำให้เราเห็นภาพเฉยๆ
    ถ้าตัดได้ก็ไม่เห็น
    ถ้าระดับเทพมีชื่อปรากฏ
    รับรองว่าอลังการงานสร้าง
    น้องๆหนังจักรๆวงศ์
    ยกเว้นระดับพระโพธิ์
    พระพุทธฯ หรือที่สูงๆ
    ยิ่งเบา ยิ่งเงียบ
    ถ้าไร้ร่องรอย(หมายถึง
    ไม่เหลือความข้องคาใจให้เรา)
    นี่คือระดับผูโปรดที่จิตไม่เป็นวงกลมแล้ว
    มีแต่บารมีล้วน
    ปล.ที่พูดคือแบบลืมตาปกติแล้วเห็นนะ
    นี่เห็นแบบนี้ยังยึดไม่ได้
    ประเภทหลับตาแล้วเห็นลืมไปเหอะ
    ยังห่างไกล เผลอๆจะยึดมั่นเป็นจริงเป็นจัง
    เอาฮาๆก็พอ
    "กลจิตเป็นมายาจิตชนิดหนึ่ง"
    แม้ว่าจะรู้ว่าเป็นเพียงมายา
    แต่ก็ชอบดูกันจัง ๕๕๕๕
     
  15. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,427
    ค่าพลัง:
    +35,048
    มีมาให้โม้อีกแระ
    วิชาเดินธาตุที่ฝึกๆกัน
    เพื่อใช้รักษาโรคนี่หละ
    มีเดินธาตุโบราน
    เดินธาตุในดง
    เดินธาตุแบบอดีตสมเด็จฯ
    ทั้งสามอย่างพอทำได้หมด
    ยกเว้นระดับจิตธาตุคือระดับ
    สุดท้ายเพราะมันฝึกเอา บ่ ได้
    มันได้จากจากการวางเอา

    เคยแนะไว้ในกระทู้กสิณอะไรฝึกง่ายสุด
    แต่หาคนทำตามได้ยาก
    แต่มีคนเข้าถึงระดับรองสุดท้าย
    ด้วยวิธีพิเศษหลายคน
    จากฝีมือข้าพเจ้านี่หละ
    ข้อดีวิชานี้คือถ้าฝึกพอทำได้
    จิตเราจะมีความสามารถ
    ทำให้คนอื่นๆเกิดมีได้
    โดยที่ไม่ต้องฝึกให้เมื่อยตุ้ม
    เป็นเรื่องปกติๆ
    หลักการนี้เอาไว้ทดสอบ
    กับบุคคลที่บอกว่าตัวเองฝึกสำเร็จดูได้
    ปล.วิชาพวกนี้ เรียนกับภาคส่วนภพภูมินะ
    มนุษย์สอนได้แค่พื้นฐาน
    เข้าใจเนาะ. โม้ๆ ขำๆ ฮา
     
  16. นทีบุญ

    นทีบุญ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    939
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +796
    ขอบคุณสำหรับคำอธิบายค่ะ ทีนี้ไม่รู้ว่าเข้าใจถูกป่าว
    อย่างเช่น เวลาที่เราจะพบเจอกับอะไรก็ตามที่อยู่ในโลกทิพย์ซึ่งมีความละเอียด ขณะที่โลกมนุษย์หรือกายมนุษย์มีความหยาบ มันก็จะไม่มีความใกล้เคียงกัน พลังไม่บาลานซ์กัน ไม่ดึงดูดกัน จึงไม่สามารถเจอกันได้ตามสภาวะปกติ
    หากแม้นเมื่อใดมนุษย์ทำจิตให้เกิดความละเอียด เช่น การปฏิบัติภาวนาจนเข้าถึงความเป็นทิพย์แล้ว ก็สามารถเห็นเทพเทวดา หรืออะไรๆต่างๆในโลกทิพย์ได้ ยกตัวอย่างเวลาที่เรานิมิตรเห็นเทพเทวดา พญานาค ซึ่งเห็นด้วยจิตอันเป็นทิพย์ ส่วนที่ท่านจะปรากฎกายให้เราเห็นแบบตาเนื้อ แบบอลังการงานสร้างอย่างที่กล่าวมา หากในขณะนั้นเราทรงสภาวะจิตที่เป็นทิพย์ได้ อยู่ในภาวะที่จิตละเอียด เราก็จะไม่วิปลาสใช่หรือไม่
     
  17. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,427
    ค่าพลัง:
    +35,048
    ประมานนี้หละ
    ที่เห็นได้คือเราปรับคลื่นให้ตรงกับอีกฝ่าย(คือแบบฝึกมา)
    หรืออีกฝ่ายปรับคลื่นเราให้ตรงกับเค้า(ทั่วไปจะเป็นอย่างนี้)
    ส่วนที่เห็นเป็นภาพได้มาจากสัญญา
    ไม่ว่าจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเพื่อให้เรียกได้ถูก
    ส่วนที่จะวิปลาสเพราะกำลังที่อยู่ในจิตนั้นๆ
    มากกว่าที่จิตเราจะรับได้ ฟลูออฟชั่นเป็นผลของพลัง
    ในจิตที่สร้างมาให้เราเห็น.
    การเห็นแบบใช้งาน คือการเห็นผ่านเหนือระหว่างคิ้ว
    ออกไปภายนอกกาย
    ไม่ใช่ตาปกติเรานะ แม้จะลืมตาก็ตามแต่ไม่ได้ใช้ตาปกตินะ
    และที่เห็นนอกกายเพราะจะตัดเรื่องการปรุงแต่ง
    ที่เกิดจากสมองที่อยู่ในกานและตัวตนเราที่ร่วมสร้างให้เห็น
    พอเข้าใจภาพกว้างๆเนาะ
    ปล.สังเกตุไหมเวลาเจอพระที่ความสามารถทางจิตสูงๆ
    แล้วท่านมองเรา สายตายมักจะมองเหนือศรีษะเราขึ้น
    ไปมุมสูงนั้นหละ มองแล้วก็ละสายตาทันที
    เพราะระดับใช้งานเค้าเป็นกันแบบนี้
    และสิ่งที่ปรากฎจะไม่นาน แต่รู้ด้วยกำลังสติทางธรรม
    ที่จะให้คำตอบเกี่ยวกับนามธรรมที่เห็นนั้นๆ
    ประเภทหลับตา ลืมตา เห็นตรงลิ้นปี่ เห็นในสมอง
    พูดง่ายๆว่ายังไม่พ้นกาย
    สามารถเกิดการปรุงแต่งได้หมด
     
  18. วงกรตน้ำ

    วงกรตน้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2015
    โพสต์:
    810
    กระทู้เรื่องเด่น:
    12
    ค่าพลัง:
    +2,433
    ท่านหน่อ มาแล้ว แบ่งปันประสบการณ์บ้างซิคะ มาว่าวให้ฟังบ้าง
     
  19. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    แล้วแบบที่ดวงไฟสว่างคล้ายๆแสงดาววิ่งเข้าตัวหล่ะครับ คืออะไรกันแน่ใครเคยมีประสบการณ์บ้าง?...

    ครั้งหนึ่งนานมาแล้วเมื่อหลายปีก่อน ได้ฝึกนอนภาวนาดูร่างกายดูลมหายใจ คืนนั้นท้องฟ้าปลอดโปร่ง เรือนไม้มุงสังกะสีเมื่อมองผ่านลอดช่องเพดานที่มีรูรั่ว ข้าพเจ้ารู้สึกผ่อนคลายกับบรรยากาศในช่วงฤดูหนาวที่ท้องฟ้าเต็มไปด้วยดาว หรืออาจเป็นเพราะจิตเราไปจับกับแสงสว่างประกายพรึกดวงนั้น เมื่อหลับตาไปสักพัก เหมือนร่างกายขยับไม่ได้แต่มีความรู้สึกตัวทั่วพร้อมอยู่ ในขณะนั้นเหมือนกับเราลืมตา(แต่แท้จริงยังนอนหลับตาอยู่) ดาวประกายพรึกดวงนั้นค่อยๆลอยเข้ามา และเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ข้าพเจ้ามีความรู้สึกกลัวเล็กน้อยเพราะขยับร่างกายไม่ได้ และแสงสว่างดวงนั้นกำลังเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้อยู่ทุกขณะเหมือนมีจุดประสงค์บางอย่าง! มันคืออะไร แล้วจะมาทำอะไร ? คำถามเกิดขึ้น เป็นเวลาเดียวกับที่มันลอยเข้ามาประชิดถึงตัวแล้ว!! ความรู้สึกเหมือนมันกำลังวิ่งวนไปมารอบร่างกายเราเพื่อสำรวจ ทันใดนั้นเอง มันก็แว๊บหายเข้าไปตรงหน้าอกซ้ายข้าพเจ้า พร้อมกับอาการร่างกายกระตุกเมื่อรับสัมผัสนั้น ก็สะดุ้งลืมตาตืนขึ้นมาพอดี เลยใช้มือลูบคลำที่หน้าอกตนเองว่ามีอะไรผิดปกติเปล่า ทุกอย่าก็ดู ok ไม่มีอาการแปลกประหลาดแต่อย่างใด เรื่องผ่านมาสิบกว่าปีไม่เคยเล่าให้ใครฟัง ก็ไม่รู้ว่าคืออะไรเลยเอามาลงไว้เป็นประสบการณ์นะครับ ^_^
     
  20. วงกรตน้ำ

    วงกรตน้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2015
    โพสต์:
    810
    กระทู้เรื่องเด่น:
    12
    ค่าพลัง:
    +2,433
    โห ต้องให้คุณนบมาตอบแล้วละค่ะ ขอปูเสื่อรอฟังเช่นกันค่ะ หุหุ
     

แชร์หน้านี้

Loading...