เพื่อการกุศล ร่วมบริจาคเงินเข้า ร.พ.สงฆ์ ชุด3 <<<วัตถุมงคลหลวงปู่พิศดูและครูบากฤษดา>>>

ในห้อง 'ตลาด พระเครื่องเพื่อการกุศล' ตั้งกระทู้โดย เยาวราช2013, 24 กุมภาพันธ์ 2013.

  1. เยาวราช2013

    เยาวราช2013 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    3,055
    ค่าพลัง:
    +5,617
    รับทราบครับ อนุโมทนาครับ
     
  2. เยาวราช2013

    เยาวราช2013 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    3,055
    ค่าพลัง:
    +5,617
    EJ 606199056 TH คุณปกรณ์พันธ์
    EJ 606199056 TH คุณสันติ
    EJ 606199073 TH คุณสมยศ

    อนุโมทนา
     
  3. เยาวราช2013

    เยาวราช2013 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    3,055
    ค่าพลัง:
    +5,617
    เหลือวัตถุมงคลที่ให้ร่วมบุญอีก2รายการครับ
    1.พระกริ่ง สุขังเสติ เหลือ1ชุด
    2.พระอุปคุตเนื้อผง 1องค์
    ทั้งสองรายการ เป็นการโอนร่วมบุญ ร.พ.สงฆ์ครับ
     
  4. ปัญจ

    ปัญจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2009
    โพสต์:
    27,557
    ค่าพลัง:
    +88,534
    ได้รับรายการที่ร่วมบุญแล้วครับ
     
  5. เยาวราช2013

    เยาวราช2013 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    3,055
    ค่าพลัง:
    +5,617
    คุณหอยสังข์ร่วมบริจาค สังข์ อุดผงพุทธมงคลมาครับ เด๋วรายละเอียดรอคุณหอยสังข์นิดนึงครับ:cool::cool:
     
  6. หอยสังข์

    หอยสังข์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มกราคม 2011
    โพสต์:
    774
    ค่าพลัง:
    +7,662
    สวัสดีครับเพื่อนสมาชิกทุกท่านขอร่วมบุญด้วยครับขอร่วมด้วย"หอยสังข์มงคล" หอยสังข์นี้ไม่ทันหลวงปู่อธิฐานครับ แต่ก็ฝากท่านทุเรียนทอดไปเข้าพิธีมามากหลายพิธี อุดด้วยผงพุทธมงคลที่ทันหลวงปู่อธิฐานไว้ หอยสังข์นี้แท้จากอินเดียคัดสรรค์มา เพราะว่าขนาดเล็กและสมบูรณ์มากครับหายากมากที่จะสมบูรณ์เก็บไว้นานแล้ว ขอร่วมด้วย2ขอน ครับเห็นงานบุญไม่ได้ขอแจมด้วยคน ไว้ภาพต้องรอท่านเยาว์ราช2013ลงครับ เป็นของมงคลน่าบูชา ผมเคยถามพระอาจารย์ท่านหนึ่งว่า "สังข์" มีดีในตัวจริงหรือท่านเมตตาตอบว่าจริง ครับ ในสวนรมณีนาถ(ตรงข้ามวัดสุทัศน์)มีสังข์โลหะหล่อประดิษฐ์ฐานอยู่เอาไว้แก้สิ่งที่ไม่ดี สังข์เด่นทางด้านโภคทรัพย์ คนอินเดียบางคนนำสังข์ใส่ไว้ในลิ้นชักเก็บเงิน และในเทวรูปโบราณก็ถือสังข์ก็มีเช่นพระพรหมเจ้า พระพิฆเนตร เป็นต้น ใครอยากรู้ประวัติลองหาในเวปดูได้ครับ โอนเข้าบัญชีออมทรัพย์ สาขาสรงประภา ชื่อบัญชีมูลนิธิบ้านสงเคราะห์สัตว์พิการ ธฺกรุงเทพ 059-0-12305-5(ในความอุปถัมภ์ของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน). รายละเอียดรูปสังข์รอท่านเยาว์ราช2013ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มีนาคม 2013
  7. แหยมla

    แหยมla เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    702
    ค่าพลัง:
    +5,575
    สวัสดีครับ คุณ เยาวราช2013 วันนี้ผมได้โอนเงินร่วมบริจาค เข้า บ/ช เงินบริจาคบำรุงโรงพยาบาลสงฆ์ และบ/ช มูลนิธิสงเคราะห์เด็กอ่อนพิการทางสมองและปัญญา บัญชีละ500บาท เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาแด่องค์หลวงปู่พิศดูครับ สืบเนื่องจากวันนี้ได้โชคจากการอธิฐานขอโชคจากพระกริ่ง สุขัง เสติ ที่ผมพึ่งจะนำมาบูชาติดตัวครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • lสลิบ.JPG
      lสลิบ.JPG
      ขนาดไฟล์:
      55.5 KB
      เปิดดู:
      101
    • 914.JPG
      914.JPG
      ขนาดไฟล์:
      62.1 KB
      เปิดดู:
      126
    • 914-2.JPG
      914-2.JPG
      ขนาดไฟล์:
      61.1 KB
      เปิดดู:
      94
    • 914-3.JPG
      914-3.JPG
      ขนาดไฟล์:
      70.4 KB
      เปิดดู:
      106
  8. หอยสังข์

    หอยสังข์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มกราคม 2011
    โพสต์:
    774
    ค่าพลัง:
    +7,662
    ยินดีและอนุโมทนาด้วยครับท่าน
     
  9. เอก-ชัย

    เอก-ชัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    738
    ค่าพลัง:
    +2,063
    โอนเงินวันนี้

    โอนเงินวันนี้เวลา 21.05 น. จำนวน 2000.02 บาทครับ
    เข้าบัญชี รพ.สงฆ์ครับ
    ที่อยู่ทาง PM ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. เยาวราช2013

    เยาวราช2013 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    3,055
    ค่าพลัง:
    +5,617
    :cool:อนุโมทนา สาธุ ด้วยครับท่านแหยม LA :cool::cool:
     
  11. เยาวราช2013

    เยาวราช2013 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    3,055
    ค่าพลัง:
    +5,617
    รับทราบครับ อนุโมทนาด้วยนะครับ:cool:
     
  12. เยาวราช2013

    เยาวราช2013 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    3,055
    ค่าพลัง:
    +5,617
    ตำนานหอยสังข์*

    ---สังข์เป็นหอยอีกชนิดหนึ่ง ที่มีความเกี่ยวพันกับขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรมต่าง ๆ ที่เป็นมงคลของไทย ที่เห็นบ่อย ๆ ได้แก่ การรดน้ำสังข์ในงานแต่งงาน หรือในงานพระราชพิธีต่าง ๆ ที่มีการอัญเชิญพระสังข์ พระมหาสังข์องค์ต่าง ๆ เข้าประกอบพิธี เช่น พิธีโสกัณฑ์ พระราชพิธีบรมราชาภิเษก หรือแม้กระทั่งที่ผ่านมา ในงานพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ของในหลวงเรา ก็คงจะได้เห็นภาพที่พระราชครูวามเทพมุนี ถวายน้ำพระมหาสังข์ แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ พระที่นั่งอัมรินทรวินิจฉัย ซึ่งพระมหาสังข์เอง ก็จัดเป็นหนึ่งในเครื่องราชูปโภค ซึ่งหมายถึง เครื่องใช้ส่วนพระองค์ของพระมหากษัตริย์ อีกทั้ง ยังใช้เป็นเครื่องประกอบในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ซึ่งประกอบด้วยเครื่องมงคล 8 ประการ เรียกว่า "อัฐพิธมงคล" อันประกอบด้วย

    ---1.คทา หรือ ตะบอง

    ---2.สังข์ทักษิณาวรรต

    ---3.จักร

    ---4.ธงสามชาย

    ---5.อุณหิศ หรือ หญ้าแพรก

    ---6.โคอศุภราช

    ---7.หม้อน้ำมนต์

    ---8.ขอสับช้าง

    ---แม้แต่รูปปั้นของเทพเจ้าฮินดู ที่ทรงสังข์เป็นเทพศาสตราวุธ ในพระหัตถ์ก็จะทรงสังข์ทักษิณาวรรต หรือในมหากาพย์ต่าง ๆ เช่น มหาภารตยุทธ ก็ได้กล่าวถึงสังข์สำคัญมากมาย ซึ่งเหล่ากษัตริย์มีไว้ประจำองค์ และนำติดตัวไปเป็นเครื่องพิชัยสงคราม ยามที่ออกเล่นศึกชาญณรงค์สงคราม หลายท่านอาจจะสงสัยว่า สังข์ ใช้เป็นอาวุธได้อย่างไร จริง ๆ แล้วมิได้ใช้ ขว้าง ทิ่ม แทง ใส่ศัตรูดอกขอรับ เพียงแต่ใช้เป่า เป็นอาณัติสัญญาณให้กับไพร่พล เวลาออกทำศึกในตอนเช้า และเลิกทัพในตอนเย็น รวมถึงตอนที่เข้าประจัญบาน เพื่อให้เกิดความฮึกเหิม หรือเป็นการประกาศเดชานุภาพ ให้เหล่าทวยเทพและมหาชนได้รับรู้

    ---แม้แต่ในพงศาวดารหลายเรื่อง ก็มีการกล่าวถึงหอยสังข์ เช่น การใช้เปลือกหอยสังข์ มาทำเป็นผังเมืองสำหรับสร้างเมืองหริภุญไชย หรือที่กล่าวไว้ในพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ในตอนสร้างกรุงศรีอยุธยา ในปี พ.ศ. 1893 พระเจ้าอู่ทอง (สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1) ทรงเห็นว่า ทำเลบริเวณหนองโสน อยู่ในชัยภูมิที่เหมาะสม มีคูคลองล้อมรอบ จึงมีรับสั่งให้ชีพ่อพราหมณ์ ตั้งพิธีกลบบาตสุมเพลิง จากนั้น จึงให้พนักงานขุดดินโดยรอบ เพื่อเตรียมสร้างพระราชวัง และได้พบสังข์ทักษิณาวรรต สีขาวบริสุทธิ์ใต้ต้นหมันหนึ่งขอน

    ---อ้อ ลืมบอกไปขอรับ คำลักษณะนามที่ใช้เรียก “สังข์” นั้น เขาเรียกกันเป็น “ขอน” เดี๋ยวจะเข้าใจว่าเป็นขอนของต้นหมันไป ทรงถือเป็นศุภนิมิตร ทรงโปรดให้สร้างปราสาทขึ้นเพื่อประดิษฐานสังข์ทักขินาวัฎขอนดังกล่าว ในปัจจุบันจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ยังคงรูปสังข์ทักษิณาวรรต ประดิษฐานอยู่ในพานทองใต้ต้นหมัน เป็นตราประจำจังหวัด นอกจากนี้ ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ก็ปรากฏว่ ามีแขกคนหนึ่งชื่อ นักกุดาสระวะสี ได้นำมหาสังข์ทักษิณาวรรตมาถวายเป็นคนแรก จึงทรงพระกรุณาโปรดตั้งให้เป็นขุนนางมียศเป็นหลวงสนิทภูบาล

    ---เรื่องราวที่เล่าขานมานี้ ล้วนแต่แสดงให้เห็นว่า สังข์มีความเกี่ยวพันกับคนไทยมานานแล้ว หลายคนอาจจะสงสัยว่า ทำไมต้องใช้สังข์หลั่งน้ำในงานมงคลต่าง ๆ หรือเข้าประกอบในงานมงคลต่าง ๆ นั้น เรื่องนี้มีที่มาขอรับ เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า เมื่อครั้งพระอิศวรสร้างเขาพระสุเมรุแล้ว พระองค์ก็มีประกาศิต ให้พระพรหมธาดา ขึ้นไปอยู่ในพรหมโลก ให้เป็นใหญ่กว่าพรหมทั้งหลาย ในครั้งนั้น บรรดาพรหมที่มีจิตใจริษยาต่างก็ไม่พอใจ ก็เลยจุติลงมาเป็นสังข์อสูร อยู่ใต้เขาพระสุเมรุ ครั้งนั้น พระพรหมธาดาได้นำเอาคัมภีร์มาถวายพระอิศวร เมื่อมาถึงที่อยู่ของสังข์อสูร ก็เกิดอาการร้อนรุ่มอยากสรงน้ำ จึงได้วางคัมภีร์ไว้ริมฝั่งแล้วเสด็จลงน้ำ

    ---ฝ่ายสังข์อสูร เมื่อเห็นเช่นนั้น จึงได้ให้ผีเสื้อน้ำไปลักเอาคัมภีร์นั้นมา แล้วก็กลืนเข้าไว้ในท้องทั้งหมด ฝ่ายองค์พรหมเมื่อขึ้นมาจากน้ำไม่เห็นคัมภีร์ จึงรีบไปเข้าเฝ้าพระอิศวร ทูลเรื่องที่เกิดขึ้นให้ทรงทราบ เมื่อพระศิวะเจ้า เข้าฌานก็ทราบถึงสาเหตุ จึงได้เชิญพระนารายณ์มา และให้เป็นธุระในการนำเอาพระคัมภีร์กลับมา พระนารายณ์จึงได้แปลงกายเป็นปลากรายทอง นามว่า "มัจฉาวตาร" ไล่ล่าสังหารผีเสื้อน้ำ และเข้าโรมรันกับสังข์อสูรเป็นสามารถ ในที่สุดก็เอาชนะสังข์อสูรได้ แล้วสำแดงองค์ คืนร่างเป็นพระสี่กร ยื่นพระหัตถ์เข้าไปในปากสังข์อสูร เพื่อหยิบเอาพระคัมภีร์

    ---บางตำนานก็ว่า ทรงแหวกปากของสังข์อสูรออก ทำให้หอยสังข์ในปัจจุบัน มีรอยนิ้วของพระนารายณ์ปรากฏอยู่จนทุกวันนี้ จากนั้น พระสี่กรจึงสาปสังข์อสูรว่า สังข์อสูรเป็นพรหมมาจุติ และกลืนคัมภีร์พระเวทย์เข้าไว้ อีกทั้งยังมีรอยนิ้วพระหัตถ์แห่งพระองค์ปรากฏอยู่ด้วย นับว่าเป็นมงคล ดังนั้น ถ้าผู้ใดจะทำการมงคลพิธีในภายภาคหน้าก็จงเอาสังข์เข้าอยู่ในพิธีนั้น ผู้ใดรดน้ำในอุทรสังข์ ก็ให้เป็นมงคลกันอุบาทว์เสนียดจัญไร หรือเป่าก็ให้เป็นมงคลไปจนสุดเสียงสังข์ ครั้นสาปแล้ว พระนารายณ์ก็นำคัมภีร์ไปถวายพระอิศวร และเสด็จกลับเกษียรสมุทรตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา พราหมณ์จึงถือว่าหอยสังข์ที่ปากมีริ้ว 2-4 ริ้ว อันเกิดจากนิ้วพระหัตถ์ของพระสี่กรปรากฏอยู่นั้นเป็นสังข์สำคัญ

    ---อีกตำนานหนึ่ง ซึ่งมีที่มาจากทางคชศาสตร์ โดยเกี่ยวพันกับเทพเจ้าแห่งช้าง ที่สำคัญสององค์ คือ “พระ พิฆเนศ” และ “พระโกญจนาเนศวร” สำหรับพระพิฆเนศนั้น เชื่อว่าหลายท่านคงรู้จักดี แล้วขออนุญาตไม่เล่าในที่นี้ขอรับ ถ้าอยากทราบประวัติของท่าน สามารถหาอ่านได้ในหนังสือ“อมนุษยนิยาย” ของ ส พลายน้อย ได้ขอรับ แต่เทพอีกองค์คือ พระโกญจนาเนศวร นั้น มีพระนามปรากฏอยู่เฉพาะในตำราคชลักษณ์ ตามตำนานกล่าวว่า ในไตรดายุค พระนารายณ์ ทรงกระทำเทวฤทธิ์ให้เกิดดอกบัวผุดขึ้นจากอุทร ดอกบัวดอกนั้นมีแปดกลีบ มีเกสร 172 เกสร แล้วนำไปถวายพระอิศวร ซึ่งองค์เทวะเจ้า ได้แบ่งเกสรดอกบัวออกเป็นสี่ส่วน หนึ่งส่วนเป็นขององค์ศิวะเจ้าเอง

    ---หนึ่งส่วนขององค์พรหมา ส่วนหนึ่งเป็นของพระวิษณุ และส่วนที่สี่ให้แก่พระอัคนี เพื่อให้เทวะแต่ลงองค์ ทรงบันดาลให้เกิดช้างสี่ตระกูล คือ อิศวรพงศ์, พรหมพงศ์, วิษณุพงศ์ และอัคนิพงศ์ แล้วจึงสร้างพระเวทสี่ประการ ไว้ให้สำหรับชนทั้งหลาย จะได้ปราบช้างทั้งสี่ตระกูลในโลก พระผู้ทรงจันทเศขร ทรงประสาทพร ให้พระเพลิงกระทำเทวฤทธิ์ให้บังเกิดเปลวเพลิงออกจากช่องพระกรรณทั้งสองและท่ามกลางเปลวเพลิงทางด้านขวา บังเกิดเป็นเทวกุมาร องค์หนึ่ง มีพระพักตร์เป็นช้าง พระกรขวาทรงตรีศูล พระกรซ้ายทรงดอกบัว มีอุรเคนทร์ (พญานาค) เป็นสังวาล นั่งชาณุมณฑล อยู่เบื้องขวาพระผู้เป็นเจ้าทั้งสาม ทรงพระนามว่า “ศิวบุตรพิฆเนศวร” ส่วนเบื้องซ้ายบังเกิดเป็นเทวกุมาร มีพระพักตร์เป็นช้างสามเศียร มีหกพระกร ทรงพระนาม “โกญจนาเนศวร” ทรงบันดาลให้เกิดเป็นช้างเอราวัณ ช้างเผือกผู้มี 33 เศียร

    ---อีกพระการหนึ่ง บังเกิดช้างคิรีเมขละไตรดายุค ช้างเผือกผู้สามเศียร ช้างทั้งสองถือเป็น “เทพยานฤทธิ์” ซึ่งพระเป็นเจ้าทั้งสามประสาทพรไว้ให้เป็นเทพพาหนะขององค์อมรินทร์ พระกรอีกสองกรของพระโกญจนาเนศวร เกิดเป็นช้างเผือกซึ่งจะได้อุบัติในโลก

    ---สำหรับเป็นพาหนะของกษัตริย์ อันมีอภินิหารอีกข้างละสามตระกูล คือ ช้างเผือกเอก โท ตรี และพระกรเบื้องขวาเป็นพลาย อีกสองพระกรบังเกิดเป็น “สังข์ทักษิณาวรรต” เบื้องขวา “สังข์อุตราวัฏ” เบื้องซ้าย ยืนอยู่เหนือกระพองศรีษะช้างเจ็ดเศียร บรรดาหมอช้างทั้งหลายจึงไหว้บูชา พระศิวบุตรพิฆเนศวรและพระโกญจนาเนศวร ด้วยเหตุนี้ พระศิวบุตรทั้งสอง ก็ประจำอยู่ในโลกจนสิ้นภัทรกัปหนึ่ง

    ---ช้างเผือกทั้งสามตระกูล และสังข์สองตระกูล จึงเป็นของมงคล เพราะเกิดจากกลางฝ่ามือของพระโกญจนาเนศวรศิวบุตรนั่นเอง ความเชื่อดังกล่าว ทำให้การขึ้นระวางสมโภชช้างสำคัญในทุกรัชกาล จะทรงหลั่งน้ำพระมหาสังข์ทักขิณาวัฏเหนือศีรษะช้างสำคัญ อันเป็นพิธีใหญ่และสำคัญมาก เทียบเท่าพระเจ้าลูกยาเธอชั้นเจ้าฟ้าเลยนะครับ

    ---สำรับพระมหาสังข์ที่สำคัญที่ใช้ในงานพระราชพิธีต่าง ๆ ประกอบด้วย พระมหาสังข์สำคัญ ตั้งแต่รัชกาลที่ 1 จนถึงรัชกาลปัจจุบัน มีจำนวน 16 องค์ เป็นพระมหาสังข์ทักษิณาวรรตเจ็ดองค์ ส่วนพระมหาสังข์สำคัญองค์อื่น ๆ เป็นสังข์อุตราวัฏ ได้แก่

    ---พระมหาสังข์ทักขิณาวัฏ (ทักษิณาวรรต) : พระมหาสังข์องค์นี้ สร้างในสมัยรัชกาลที่ 1 ทรงใช้สำหรับบรรจุน้ำพระพุทธมนต์ สรงมูรธาภิเษกในงานพระราชพิธีปราบดาภิเษกของพระองค์ และเป็นพระราชประเพณีถือปฏิบัติสืบมาว่า ห้ามมิให้สตรีจับต้อง

    ---พระมหาสังข์เพชรใหญ่ (ทักษิณาวรรต) : สร้างในสมัยรัชกาลที่ 1 ทรงสร้างขึ้นไว้ประจำถาดสรงพระพักตร์ และยังใช้สำหรับมูรธาภิเษก ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกรัชกาลต่อ ๆ มา

    ---พระมหาสังข์เพชรน้อย (ทักษิณาวรรต) : ไม่ปรากฏหลักฐานแน่นอนว่าสร้างในรัชกาลใด สังข์องค์นี้ ใช้ประจำสำหรับองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สรงน้ำพระแก้วมรกต ในพระราชพิธีเปลี่ยนเครื่องทรงประจำฤดูกาล และทรงใช้สังข์นี้ บรรจุน้ำพระพุทธมนต์ จากที่สรงน้ำพระแก้วมรกต หลั่งลงที่พระเศียรของพระองค์เอง แล้วหลั่งพระราชทานพระราชวงศ์ ตั้งแต่ชั้นหม่อมเจ้าขึ้นไป ที่มาเข้าเฝ้าในพระราชพิธี นอกจากนี้ พระสังข์องค์นี้ยังใช้ในพิธีสรงน้ำมูรธาภิเษก ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก และเป็นพระมหาสังข์ สำหรับถวายสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และสมเด็จพระเทพพระรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงใช้หลั่งน้ำ พระราชทานในงานพระราชพิธีมงคลต่าง ๆ เช่น อภิเษกสมรส เป็นต้น

    ---พระมหาสังข์ทอง สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 1

    ---พระมหาสังข์เงิน สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 1

    ---พระมหาสังข์นาก สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4

    ---พระมหาสังข์งา สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4

    ---พระมหาสังข์สัมฤทธิ์ ไม่ปรากฏแน่ชัดว่าสร้างขึ้นในรัชสมัยใด

    ---พระมหาสังข์เดิม (อุตราวัฏ) : เป็นสังข์ของพระบรมราชชนกในรัชกาลที่ 1 ทรงใช้มาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ในรัชกาลต่อ ๆ มา ทรงใช้สำหรับหลั่งน้ำพระราชทานแก่ราชสกุลชั้นหม่อมราชวงศ์ หม่อมหลวง ราชสกุล และราชนิกุล เช่น งานสมรสพระราชทาน หรือ การเข้าเฝ้าฯ เพื่อกราบถวายบังคมลาไปปฏิบัติราชการ ณ ต่างประเทศ

    ---สังข์นคร (อุตราวัฏ) เป็นสังข์ที่เจ้าพระยานครศรีธรรมราช เชิญมาทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในรัชสมัยต่อ ๆ มา ถือเป็นราชประเพณี ใช้สำหรับพระราชทานรดน้ำแก่ข้าราชการทั่วไป ที่เข้าเฝ้าฯ เช่น กราบถวายบังคมลาไปเป็นเอกอัครราชทูต หรือหลั่งน้ำพระราชทานแก่พระยาแรกนา และเทพีในพระราชพิธีพืชมงคล เป็นต้น

    ---พระสังข์ข้างที่ : เป็นสังข์ซึ่งใช้ประจำ ณ พระราชฐานที่ประทับ สำหรับเรียกพระราชทาน ในกรณีเป็นการปกติส่วนพระองค์โดยไม่มีกำหนดเวลาให้เข้าเฝ้าฯ

    ---สังข์พิธีของหลวง (อุตราวัฏ) : ใช้พระราชพิธีบรมราชาภิเษก

    ---พระมหาสังข์พิธีพราหมณ์ (ทักษิณาวัตร) : เป็นของหลวงมีมาแต่รัชกาลที่ 1 สำหรับพราหมณ์ใช้ถวายน้ำเทพมนต์แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในงานพระราชพิธีต่าง ๆ

    ---พระมหาสังข์ประจำพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร (ทักษิณาวัตร) : สร้างในรัชกาลที่ 4 ทรงถวายเป็นพุทธบูชา สำหรับถวายน้ำสรงพระแก้วมรกต โดยเฉพาะเมื่อเวลาเปลี่ยนเครื่องทรงตามฤดูกาล ประดิษฐานอยู่หน้าบุษบกที่ประดิษฐานพระแก้วมรกต

    ---พระมหาสังข์ทักษิณาวัตรสำหรับพราหมณ์ : สร้างในรัชกาลที่ 1 สำหรับพราหมณ์ ใช้เป่านำเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในพระราชพิธีปราบดาภิเษกและพระราชพิธีบรมราชาภิเษก รัชกาลต่อ ๆ มา มี 2 องค์

    ---จากเทวปกรณัมที่เล่ามา หลายคนอาจจะสงสัย พระสังข์ทักษิณาวรรต หรือถ้าแปลเป็นภาษาง่าย ๆ จะแปลว่าหอยเวียนขวา ส่วนพระสังข์อุตราวัฏ หรือหอยเวียนซ้ายนั้น จะดูอย่างไร ว่าสังข์ขอนไหนที่เป็นเวียนขวา หรือว่าเวียนซ้าย ก่อนอื่นเราคงต้องมาทำความเข้าใจกันก่อนนะขอรับ ว่าการดูว่าเปลือกหอยเปลือกไหน เวียนขวาหรือว่าเวียนซ้ายนั้น มีการมองอยู่สองแบบ แบบหนึ่งเป็นไปตามหลักการทางด้านสังขวิทยา

    ---ส่วนอีกแบบเป็นไปตามคติของพราหมณ์ เราลองมาเปรียบเทียบทั้งสองแบบดูนะขอรับ เอาแบบทางด้านสังขวิทยาก่อนแล้วกันนะขอรับ ถ้าตอนนี้ ใครมีเปลือกหอยทะเลในมือ (ขอเป็นหอยฝาเดียวนะขอรับ หอยสองฝาเดี๋ยว ไว้มีเวลากระผมค่อยบอกว่าดูยังไงเป็นฝาซ้ายหรือว่าฝาขวา) ทีนี้ลองยกเปลือกหอยขึ้นมาดูนะขอรับ ให้เอาด้านที่เป็นปลายแหลมชี้ขึ้นข้างบน แล้วหันเอาด้านที่เป็นปากเปิด (aperture) หันเข้าหาตัว ถูกต้องแล้วขอรับ

    ---ทีนี้ให้สังเกตด้านปากเปิด ถ้าปากเปิดอยู่ด้านขวามือเรา แสดงว่า เป็นหอยเวียนขวา (right-hand coiling : Dextral) แต่ถ้าปากเปิดอยู่ด้านซ้ายก็เป็นหอยเวียนซ้าย (left-hand coiling : Sinistral) ขอรับ ซึ่งในหอยทะเล 99.99 % เป็นหอยเวียนขวา และ 0.01 % เป็นหอยเวียนซ้าย เอาล่ะขอรับ ทีนี้เรามาลองดู การขดวนของหอย แบบทางคติพราหมณ์บ้างขอรับ ในทางพราหมณ์นั้น เขาไม่ได้มองการขดวน เหมือนทางวิชาการ แต่ดูจากเวลาใช้สังข์รดน้ำ ลองนึกภาพตอนที่เรารดน้ำสังข์ในงานแต่งงานสิขอรับ เราทำอย่างไร

    ---เราจะหันเอาด้านปลายแหลมเข้าหาตัว แล้วก็เอาด้านที่เป็นช่องที่ใส่น้ำออกจากตัวใช้ไหมขอรับ ในกรณีนี้ ถ้าปากเปิด หรือช่องที่ใช้รดน้ำนั่นแหละขอรับ อยู่ทางด้านซ้ายมือเรา ก็จะเรียกว่า หอยเวียนซ้าย หรือสังข์อุตราวรรต แต่ถ้าปากเปิดอยู่ทางด้านซ้ายมือ ก็จะเป็นหอยเวียนขวา หรือสังข์ทักขิณาวรรต ทีนี้เอาใหม่นะขอรับ เราลองเอาสังข์อุตราวรรต มาดูการขดวนแบบทางวิชาการดู สังเกตเห็นอะไรไหมขอรับ ใช่แล้วขอรับ สังข์อุตราวัฏ ก็จะกลายเป็นหอยเวียนขวาในทางวิชาการ และในทำนองเดียวกัน สังข์ทักขิณาวรรต ก็จะกลายเป็นหอยเวียนซ้าย

    ---เพราะฉะนั้น อย่าได้สับสนนะขอรับ ให้เข้าใจว่า ถ้าพูดถึงสังข์ หรือพระมหาสังข์ทักษิณาวรรตแล้วล่ะก็ จะหมายถึงหอยที่มีการขดวนของเปลือกเป็นแบบเวียนซ้าย ส่วนสังข์หรือพระสังข์อุตราวัฏ จะหมายถึง หอยที่มีการขดวนของเปลือกเป็นแบบเวียนขวาขอรับ ขออนุญาตนอกเรื่องสักนิดขอรับ ในประเทศอินเดีย เราคงทราบดีอยู่แล้วว่า มีการปกครองแบบแบ่งวรรณะ (varna) ต่าง ๆ สี่วรรณะ เชื่อหรือไม่ขอรับว่า แม้แต่สังข์เอง ก็ยังแบ่งออกเป็นสีในการใช้ตามวรรณะด้วยเช่นกัน

    ---โดยวรรณะพราหมณ์ ใช้สังข์สีขาว วรรณะกษัตริย์ ใช้สังข์สีแดงหรือสีน้ำตาล หรือชมพู วรรณไวศยะ ซึ่งได้แก่ คหบดี หรือพ่อค้า ใช้สังข์สีเหลือง และวรรณะสุดท้ายคือ ศูทร ได้แก่ ชาวไร่ ชาวนา ผู้ใช้แรงงาน ใช้สังข์สีเทา หรือสีดำ ขอรับ จากที่กล่าวมา เรื่องสีของสังข์นี่ หลายท่านอาจจะสงสัยว่า เป็นสีโดยธรรมชาติ หรือว่า เอาสีมาย้อมสังข์กันแน่นอน เมื่อสอบถามท่านผู้รู้ก็ได้คำตอบว่า โดยทั่วไป สังข์ที่ไม่ได้เอาผิวชั้นนอกสุด (periostracum) ออกก็มักจะมีสีเหมือน ๆ กัน คือ สีน้ำตาล แต่ถ้าลอกเอาผิวชั้นนอกนี้ออก ผิวเปลือกด้านในก็จะมีสีหลายสีด้วยกัน (หมายถึงแต่ละขอนนะขอรับ มิได้เป็นสีรวมมิตร) คือ สีขาวบริสุทธิ์ สีชมพู สีส้ม แดง น้ำตาล เหลือง และเทา

    ---พูดถึงเรื่องสังข์ทักษิณาวรรตแล้ว ในปัจจุบันมีการหลอกขายสังข์ทักษิณาวรรต สำหรับคนที่อยากได้ไว้ครอบครอง สักขอน โดยจะนำเอาหอยสังข์อีกชนิดหนึ่ง ซึ่งมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Busycon persum มาหลอกขายให้และบอกว่า เป็นสังข์ทักษิณาวรรตของแท้ ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่า ประชากรหอยชนิดนี้ มีการขดวนของเปลือกเป็นแบบเวียนซ้าย (sinistral) หรือแบบทักษิณาวรรตทั้งหมด ทำให้คนที่ไม่รู้ ก็นึกว่าตัวเองได้สังข์ทักษิณาวรรตของแท้ไปครอง

    ---เรื่องของสังข์ นี่ถ้าจะให้เล่ากันล่ะก็ คงเล่าได้ไม่รู้จบ เอาเป็นว่า เราพอที่จะสรุปได้ว่า วิถีชีวิตคนไทยเรา ผูกพันกับสังข์มานาน และแม้แต่ในปัจจุบันก็ยังมีพิธีกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสังข์ ดังเช่น งานพระราชพิธีต่าง ๆ ที่กล่าวถึงในตอนต้น และสำหรับเราเหล่าสามัญชนแล้วล่ะก็ ที่ยังเห็นได้บ่อย ๆ คือ การรดน้ำสังข์ในงานแต่งงานนั่นเอง

    ---ทั้งนี้ทั้งนั้น ล้วนแต่มาจากคติความเชื่อที่ว่า สังข์เป็นของมงคล และน้ำที่หลั่งจากสังข์ ช่วยปัดเป่าสิ่งที่ไม่ดีออกไปได้ พอพูดถึงเรื่องนี้ คนแก่เองก็อยากทราบเหมือนกันว่า คนกรุงเทพฯ เรานี่จะมีสักกี่คนที่ทราบว่า หอยสังข์อุตราวัฏสัมฤทธิ์ขนาดใหญ่ ใน “สวนรมณีนาถ” ซึ่งสร้างในวโรกาสที่สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ทรงเจริญพระชนมายุครบ 60 พรรษานั้น ภายในสังข์นั้นบรรจุแผ่นยันต์มหาโสฬสมงคล และองค์สังข์จริง ซึ่งได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประดิษฐานไว้ในสังข์สำริด ทำให้น้ำพุที่ไหลผ่านกลายเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ไปด้วย.
    ขอขอบคุณแหล่งข้อมูล


    กลุ่มอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพและสิ่งแวดล้อม

    รวบรวมโดยแสงธรรม...

    (แก้ไขแล้ว ป.)
     
  13. แหยมla

    แหยมla เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    702
    ค่าพลัง:
    +5,575
    ---------------------

    อนุโมทนา สาธุ ให้กับ คุณ เยาวราช2013ด้วยครับ ที่ได้นำงานบุญมาเผยแพร่ ผมกำลังตัดสินใจอยู่ว่าจะเล่าเรื่องความฝันของผมเมื่อคืนนี้ดีรึเปล่า แต่ขอบอกว่าผมมีความสุขกับความฝันของผมมาก และรู้สึกอิ่มบุญอย่างมากครับ
     
  14. เยาวราช2013

    เยาวราช2013 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    3,055
    ค่าพลัง:
    +5,617
    <a href="http://image.ohozaa.com/view2/wGan3fQ5MX4mEIpb" target="_blank"><img border="0" src="http://image.ohozaa.com/i/edb/04pFHN.jpg" /></a>

    <a href="http://image.ohozaa.com/view2/wGannOBEeGHs6Zk0" target="_blank"><img border="0" src="http://image.ohozaa.com/i/ca4/nxLVdL.jpg" /></a>

    <a href="http://image.ohozaa.com/view2/wGamWags7kASXib4" target="_blank"><img border="0" src="http://image.ohozaa.com/i/05d/LGhZQq.jpg" /></a>

    ขออณุญาติยืมรูปหอยสังข์ของคุณกวาวชไมมาก่อนแล้วกันครับ...อีกสองขอนของคุณหอยสังข์ยังไม่ได้ถ่ายรูปเลย
     
  15. เยาวราช2013

    เยาวราช2013 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    3,055
    ค่าพลัง:
    +5,617
    ครับ...สำหรับหอยสังข์อุดผงพุทธมงคล มี2ขอนครับ บริจาคร่วมบุญ ขอนละ 2,000บาทตามบัญชีที่คุณหอยสังข์ระบุ ไว้คือ มูลนิธิบ้านสงเคราะห์ สัตว์พิการ (สำหรับการบริจาคร่วมบุญ หอยสังข์ขอนแรกครับ)

    ชื่อมูลนิธิ (อังกฤษ): Home for Handicapped Animals Foundation
    ประเภท: มูลนิธิ
    ที่ตั้ง: 15/1 หมู่ 1 ซ.พระมหาการุณย์ ถ.ติวานนท์ ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี 11120
    โทรศัพท์: 0-2584-4896, 0-2961-5625
    โทรสาร: 0-2961-5305
    อีเมล: sataporn@home4animals.org
    เว็บไซต์:

    Home TH
    บริจาคออนไลน์: (กรณีสามารถรับบริจาค online ได้)
    ประเภทของมูลนิธิ: มูลนิธิด้านสัตว์
    มูลนิธิด้านศาสนา
    ประเภทของการบริจาค: บริจาคเงิน
    บริจาควัสดุก่อสร้าง
    บริจาคอาคาร
    บริจาควัสดุอื่นๆ
    ช่วยสอนหนังสือ
    บริจาคเครื่องนอน
    บริจาคยารักษาโรค
    บริจาคเครื่องครัว

    แนะนำมูลนิธิ:

    ครอบครัวคุณศตพร ดีพา (เรณู จุลสุคนธ์) ได้ช่วยเหลือสัตว์ต่างๆเหล่านั้น มาตั้งแต่ปี 2524 ต่อมาเมื่อสัตว์แข็งแรง หายจากการเจ็บป่วยก็เลยเลี้ยงไว้เป็นเพื่อนแก้เหงา กลายเป็นส่วนหนึ่งของสมาชิกภายในครอบครัว เมื่อเพิ่มจำนวนมากขึ้น สถานที่คับแคบ และเป็นภาระที่ต้องเลี้ยงดู ประกอบกับสัตว์ส่งเสียงดัง ส่งกลิ่นรบกวนเพื่อนบ้าน จึงต้องย้ายสถานที่เลี้ยงออกไปนอกเมือง โดยตั้งชื่อว่า "บ้านสงเคราะห์สัตว์พิการ"

    ต่อมาในปี 2532 คุณชวนชื่น โกมารกุล ณ นคร (ยั่งยืน) ได้ทราบข่าวและมาเยี่ยม แสดงประสงค์ให้ความช่วยเหลือ จึงจัดซื้อที่ดินบริจาค 200 ตารางวา ณ ที่ทำการมูลนิธิฯ ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พร้อมสร้างโรงเรือนถาวรให้ในปี พ.ศ. 2533

    ในปี 2536 หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน แห่งวัดป่าบ้านตาด จังหวัดอุดรธานี ได้เมตตามาเยี่ยมโปรดสัตว์พิการ ได้เห็นถึงสภาพปัญหา และภาระของการเลี้ยงดูสัตว์เหล่านี้ จึงจัดสร้างอาคาร และซื้อที่ดินติดกันให้อีก 1 ไร่ และอนุญาตให้ตั้งเป็น "มูลนิธิบ้านสงเคราะห์สัตว์พิการ (ในความอุปถัมภ์ของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)" มาจนทุกวันนี้

    ปัจจุบันมูลนิธิฯ ได้อุปาระสัตว์พิการ อาทิเช่น สุนัข แมว ลิง เต่า และสัตว์พิการอื่นๆ โดยเฉพาะสุนัขมีประมาณ 700-800 ตัว แมวประมาณ 100 กว่าตัว โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือ ให้ความสงเคราะห์สัตว์พิการที่บาดเจ็บ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ที่ไม่มีเจ้าของ ให้ได้รับการรักษา มีที่พักพิง และอยู่อาศัยตามอัตภาพ โดยมีสัตวแพทย์ เจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่อาสาสมัคร คอยให้การดูแลช่วยเหลือ
    วัตถุประสงค์:

    เพื่อช่วยเหลือ เป็นที่พักพิงให้สัตว์พิการ

    บนเนื้อที่ประมาณ 2 ไร่ ณ บ้านเลขที่ 15/1 หมู่ 1 ซอยพระมหาการุณย์ ถ.ติวานนท์ อ. ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เป็นที่รวมของบรรดาสัตว์พิการกว่า 1,000 ชีวิต ทั้งหมา แมว นก เต่า ลิง ชะนี ฯลฯ ทุกชีวิตเหล่านี้ล้วนพิกลพิการ อันเนื่องมาจากการทารุณของทั้งน้ำมือมนุษย์และสัตว์ด้วยกันเอง

    ศตพร ดีพา หรือที่รู้จักกันมานานในนาม "เรณู จุลสุคนธ์" ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานมูลนิธิฯ ได้เริ่มต้นกิจกรรมแห่งความเมตตาสัตว์พิการที่น่าสงสารเหล่านี้มานานกว่า 20 ปี... 20 ปีแห่งหยาดเหงื่อและน้ำตา เพื่อเพื่อนร่วมโลกที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้เหล่านี้

    06.00 น. เริ่มต้นที่เหล่าบรรดาพนักงานกว่า 20 ชีวิต ตื่นขึ้นมาทำหน้าที่อย่างแข็งขัน บ้างล้าง ทำความสะอาดที่อยู่สัตว์ บ้างจัดเตรียมอาหารเช้าสำหรับสัตว์ บ้างออกตรวจเช็คดูสภาพสัตว์เลี้ยง หากตัวใดที่มีอาการเจ็บป่วยธรรมดา พนักงานก็จะดูแลกันไป โดยทำความสะอาดแผล ทำความสะอาดเนื้อตัว เช็ดขี้มูก ขี้ตาที่เกรอะกรังอยู่บนใบหน้า ส่วนสัตว์ที่อาการหนักจะได้รับการเคลื่อนย้ายเข้ามายังคลีนิค เพื่อรับการรักษาจากสัตวแพทย์ประจำมูลนิธิฯ อย่างใกล้ชิด

    จวบจนกระทั่งบ่าย ...ก็จะมีกิจกรรมการให้อาหารสัตว์อีกรอบ...อาหารประจำวันนั้น หากไม่ใช่ข้าวต้มผสมกระดูกไก่หรือไก่บด ก็จะเป็นอาหารเม็ด หมุนเวียนกันไป เพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซาก...เพราะเจ้าหน้าที่ที่นี่ต่างก็รับรู้ว่า สัตว์ก็มีหัวใจ รู้จักเบื่อหน่ายอาหารซ้ำซากเช่นเดียวกับมนุษย์อย่างเราๆ หากสัตว์ตัวใดก็ตามที่เจ็บป่วยมีปัญหาในเรื่องของการย่อย ทางเจ้าหน้าที่ก็จะจัดเตรียมอาหารพิเศษที่ย่อยง่าย รวมถึงลูกสุนัขตัวน้อยๆที่ติดท้องแม่พิการเข้ามา ทางมูลนิธิฯก็จะมีนม มีอาหารอ่อนๆจัดเตรียมไว้สำหรับเจ้าตัวน้อยเหล่านี้

    เจ้าหน้าที่ทั้งหมด นอกจากจะมีภารกิจรับผิดชอบชีวิตพิการเหล่านี้แล้ว ยามว่างยังต้องช่วยกัน ดูแลรักษาสวน หากใครที่มีทักษะทางช่าง ก็จะต้องรับหน้าที่ซ่อมบำรุง ต่อเติมกรง ที่อยู่อาศัยให้กับสัตว์ทั้งหลาย

    กิจกรรมมูลนิธิ:

    โครงการเดินตามรอยเบื้องพระยุคลบาท

    เพื่อเดินตามรอยเบื้องพระยุคลบาทพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯที่ทรงพระเมตตาต่อสุนัขจรจัด มูลนิธิฯ ขอเชิญชวนทุกท่าน ให้มาร่วมมอบความรัก ความอบอุ่น ลดปัญหาสังคม ด้วยการแบ่งเบาสุนัขจรจัดเหล่านี้ให้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของสมาชิกภายในครอบครัว

    โครงการหนูอยากมีพ่อ-แม่

    เพื่อช่วยสานสัมพันธ์ระหว่างคนกับสัตว์ โดยเฉพาะสัตว์เจ็บป่วยที่ต้องการ ความรัก ความเมตตา รอความช่วยเหลือเรื่องค่ายา ค่าอาหารจากท่าน โครงการนี้เปิดโอกาสให้ท่านรับเป็นพ่อเป็นแม่บุญธรรม อุปถัมภ์ให้สัตว์ที่น่าสงสารเหล่านี้มีความสุข สมหวังกับชีวิตที่เหลืออยู่

    โครงการวันละบาท ต่อชีวิตหมา-แมว

    ร่วมแบ่งปันน้ำใจสู่สัตว์เหล่านี้โดยบริจาคเป็นค่ายา ค่าอุปกรณ์ดูแล และค่าอาหาร อาทิ แชมพูอาบน้ำ ยากันยุง ยา ฯลฯ ให้แก่สัตว์ป่วยและสัตว์พิการ ด้วยเศษเงินเพียงวันละ 1 บาท เงินบาทของท่านมีค่ายิ่ง ในการต่อชีวิตสัตว์ที่น่าสงสารเหล่านี้

    โครงการบ้านพักสัตว์ป่วย

    ชีวิตแล้ว ชีวิตเล่า ที่ทยอยเข้ามาอาศัยภายใต้ชายคามูลนิธิฯ ล้วนแต่ผจญความโหดร้ายมาจากโลกภายนอก นับวันจำนวนสัตว์ที่น่าสงสารเหล่านี้ ถูกทอดทิ้งมากยิ่งขึ้น จนขณะนี้ที่มูลนิธิฯไม่สามารถที่จะขยายการรองรับได้ ท่านสามารถช่วยเหลือให้แหล่งพักพิงอาศัยกับเขาได้ ด้วยการบริจาคเงิน ช่วยเหลือในโครงการ "บ้านพักสัตว์ป่วย"
    ภาพกิจกรรม:

    ข้อมูลบัญชี: โอนเข้าบัญชีอออมทรัพย์ในนาม
    มูลนิธิบ้านสงเคราะห์สัตว์พิการ
    สาขาสรงประภา ดอนเมือง
    ธนาคาร กรุงเทพ จำกัด (มหาชน) บัญชีเลขที่ 059-0-12305-5
    ธนาคาร ไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) บัญชีเลขที่ 105-2-18418-1
    ธนาคาร กรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) บัญชีเลขที่ 332-1-08971-9
    ธนาคาร กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) บัญชีเลขที่ 422-2-20785-7
     
  16. เยาวราช2013

    เยาวราช2013 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    3,055
    ค่าพลัง:
    +5,617
    บุญรักษาครับคุณแหยม ...
    ป.ล.เล่าเหอะอยากฟัง...เอ้าใครอยากฟังมั่ง ยกมือขึ้น :cool::cool::cool:
     
  17. เยาวราช2013

    เยาวราช2013 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    3,055
    ค่าพลัง:
    +5,617
    หอยสังข์ขอนที่สองบริจาคร่วมบุญ 2,000 เช่นเดียวกันครับ ขอนนี้เข้าบัญชี ร.พ.สงฆ์ครับ
     
  18. เยาวราช2013

    เยาวราช2013 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    3,055
    ค่าพลัง:
    +5,617
    <a href="http://image.ohozaa.com/view2/wGaBDzBR9WPGVwDN" target="_blank"><img border="0" src="http://image.ohozaa.com/i/29d/3li8nx.JPG" /></a>

    <a href="http://image.ohozaa.com/view2/wGaBf74NARBPtZvY" target="_blank"><img border="0" src="http://image.ohozaa.com/i/gc8/tt5Vaa.jpg" /></a>



    ภาพประกอบ สังข์ขนาดห้อยคอ
     
  19. เอก-ชัย

    เอก-ชัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    738
    ค่าพลัง:
    +2,063
    ขอร่วมบุญจองขอนที่สองนี้ครับ
     
  20. เยาวราช2013

    เยาวราช2013 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    3,055
    ค่าพลัง:
    +5,617
    รับทราบครับคุณเอกชัย คืนนี้จะถ่ายรูปหอยสังข์ที่ร่วมบุญมาให้ชมครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...