พูดคุย แนะนำ ครูบาอาจารย์สายล้านนา...

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย kang_som, 25 มกราคม 2012.

  1. rungaran

    rungaran เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    15,573
    ค่าพลัง:
    +57,322
    :cool:***ขอแสดงความยินดีกับกระทู้ ใหม่ ของ เสี่ย เอท ด้วยนะครับ
    พี่ล่ะ มาช้ามากครับ ขอให้ กระทู้ ฮ้อท สุดฮ้อท นะครับ เอิ๊กเอิ๊ก***
     
  2. rungaran

    rungaran เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    15,573
    ค่าพลัง:
    +57,322
    :cool:***และขอร่วมศึกษาด้วย คนนะครับ***
     
  3. kang_som

    kang_som เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    11,853
    ค่าพลัง:
    +27,807
    555 จะว่าใหม่ ก็ไม่ใหม่หรอกครับ ตั้งไว้นานแล้ว แต่ไปอยู่หน้าหลังๆ 555 ขอบคุณครับพี่รุ่งที่มาเยี่ยม :cool::cool:
     
  4. kang_som

    kang_som เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    11,853
    ค่าพลัง:
    +27,807
    อันนี้คือรูปตอนที่ไปกราบของเมตตาครุบาท่านอธิฐานก้อนเหล็กน้ำพี้ครับ เมื่อปี 54


    [​IMG]
     
  5. kang_som

    kang_som เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    11,853
    ค่าพลัง:
    +27,807
    รูปนี้เป็นรูปตอนที่นำรูปหลวงปู่พิศดูที่ทำถวายวัดเขาน้ำซับ ขอเมตตาครูบาท่านอธิฐานจิตให้ครับ เมื่อช่วงวันแม่ปีนี้

    [​IMG]
     
  6. ฐนกร

    ฐนกร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,095
    ค่าพลัง:
    +7,639
    ประสบการณ์เรื่องเล่าของครูบาผาผ่า
    เรื่องผีกะ

    ผีกะ เป็นผีพื้นบ้านทางภาคเหนือ ผีพวกนี้จะมีลักษณะคล้ายผีปอบ คือเข้าสิงในคน และชอบกินของสดของคาว คนที่เลี้ยงผีกะ เป็นคนที่มีวิชาอาคม เล่นคุณเล่นของ ผีกะจะถูกเลี้ยงไว้ในหม้อดิน โดยมีผ้ายันต์สีขาวปิดปากหม้อไว้ โดยจะวางไว้บนเพดานบ้าน เจ้าของจะเซ่นผีกะด้วยไข่ดิบวันละฟอง
    ผีกะ แต่เดิมคนที่เริ่มนำมาเผยแพร่ คือพวกลิเก หรือพวกนักดนตรี ที่แสดงการละเล่น เรียกว่าผีกะพระ-นาง ผีกะชนิดนี้มีลักษณะคล้ายวอกหรือค่าง ( ลิง )ตัวเล็กๆ สองตัว มักจะนั่งบนบ่าคนเลี้ยง ผีกะชนิดนี้มีคุณประโยชน์ตรงที่ หากใครเลี้ยงไว้ไม่ว่านักแสดงจะขี้เหร่แค่ไหน พอตกกลางคืนมันจะเลียหน้า ทำให้ยิ่งดึกยิ่งงดงาม การเลี้ยงผีกะจึงเป็นแฟชั่นของนักแสดงทางภาคเหนือในช่วงหนึ่งและเริ่มแพร่ หลายสู่ภาคเหนือในจังหวัดต่างๆ จนกระทั่งแยกเป็นหลายชนิด ผีกะมีคุณอนันต์แต่ก็มีโทษมหันต์ หากใครเลี้ยงไม่ดี ปล่อยให้ผีกะอดๆอยากๆ มันก็จะทำให้เจ้าของกลายสภาพเป็นกึ่งคนกึ่งภูติ ชอบสิงสู่ชาวบ้านกินตับไตไส้พุง ต้องหาหมอผีมาไล่ออกไปเป็นประจำ

    เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมได้รับฟังมาจากผู้เฒ่าผู้แก่ได้เล่าไว้ มีชายหนุ่มคนหนึ่งหน้าตาหล่อมากและนิสัยดี แต่ว่าเมื่อเขาไปจีบสาวและมีแฟนก็มักจะถูกแฟนบอกเลิก เป็นอย่างนี้มาหลายคน จนเขาเริ่มสงสัย และได้ถามสาวคนที่บอกเลิกเขา ว่าเขาผิดตรงไหนที่เลิกกับเขา ฝ่ายหญิงสาวก็บอกว่า พี่ไม่รู้หรอว่าชาวบ้านเขาลือกันว่าบ้านพี่เป็นผีกะ ชายหนุ่มก็สงสัยว่าผีกะคืออะไร เลยไปหาครูบาผาผ่า พอไปถึงก็กราบครูฯ บาแล้วถามท่านว่าผีกะคืออะไร เป็นอย่างไง ครูบาฯท่านก็ไม่อยากบอก แต่ชายหนุ่มก็รบเร้าครูบาฯอยู่นาน จนครูบาฯทนการรบเร้าไม่ได้ เลยยื่นหมากให้ชายหนุ่มนั้นเคี้ยวแล้วบอกให้ไปที่บ้าน แล้วได้บอกให้ชายหนุ่มว่าเมื่อเห็นอะไรแล้วไม่ต้องพูด ไม่ต้องทำอะไร แล้วให้กลับมาหา เมื่อชายหนุ่มเดินมาถึงที่บ้านก็ไม่พบว่าใครอยู่ที่บ้าน เห็นแต่ลิง นั่งอยู่บนระเบียงบ้าน 1 ตัว และพอเข้าไปในบ้านก็เห็นลิงอีกตัวกำลังเอาขี้มาถูที่พื้นบ้าน ทำให้พื้นบ้านเปื้อนไปหมด ชายหนุ่มเมื่อเห็นดังนั้นแล้วก็โกรธ หาไม้มาไล่ตีลิง ลิงก็หนีแต่ก็หนีไม่พ้น ลิงทั้ง 2 ตัวก็โดนชายหนุ่มนั้นตีจนบาทเจ็บสาหัส แล้วชายหนุ่มก็เดินกลับไปให้ครูบาผาผ่าตามที่ครูบาฯได้บอกไว้ ระหว่างทางก็บ่นว่าไม่เห็นผีกะอย่างที่ครูบาฯว่าไว้เลย พอไปถึงครูบาฯท่านก็ทักชายหนุ่มนั้นทันทีว่า สั่งแล้วว่าเห็นอะไรแล้วไม่ให้ทำอะไรทำไมไม่เชื่อฟังคำที่บอก ชายหนุ่มก็งงกับคำที่ครูบากำลังบอก แต่ไม่ทันที่ชายหนุ่มจะได้พูดอะไร ก็มีญาติวิ่งมาหาที่วัด แล้วก็แจ้งว่า พ่อกับแม่ของเขาถูกใครทำร้ายไม่รู้ สลบอยู่ที่บ้านให้เขารีบไปดู ชายหนุ่มตกใจและคิดได้ว่าลิงที่เขาไล่ตีนั้นที่แท้ก็เป็นพ่อกับแม่ของเขานี้เอง ชายหนุ่มนั้นก็ไม่กล้าที่จะกลับไปบ้านเพราะเสียใจมากกับสิ่งที่ทำลงไป เลยหนีไปบวชที่เชียงใหม่ไม่กลับมาบ้านอีกเลยจนปัจจุบัน
     
  7. kang_som

    kang_som เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    11,853
    ค่าพลัง:
    +27,807
    ขอบคุณสำหรับเรื่องเล่าประสบการณ์มากครับพี่กวางคำ มีเรื่องอะไรดีๆ มาแนะนำช่วยบอกด้วยนะครับ แหะๆๆๆ
     
  8. ฐนกร

    ฐนกร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,095
    ค่าพลัง:
    +7,639
    เรื่อง ผ้ายันต์ถ่ายเอกสาร


    เรื่องนี้ผมได้รับฟังจากพี่ที่รู้จักกันมีอาชีพค้าขายในอำเภอแม่สะเรียง เมื่อก่อนเขามีอาชีพเป็นอาสาทหารพราน ค่ายเทพสิงห์ อำเภอแม่สะเรียง ช่วงปี 2530 – 2531 ได้เกิดสงครามบ้านร่มเกล้า หลายท่านคงจะจำได้เป็นสงครามที่สร้างความสูญเสียให้กับกองทัพไทยเป็นอย่างมาก และค่ายเทพสิงห์ต้องส่งกำลังไปช่วยในการรบในครั้งนี้ด้วย ทหารพรานแต่ละคนที่ได้รับคำสั่งให้ไปรบก็ต่างหา เครื่องรางของขลัง เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการสู้รบ แน่นอนคนที่แม่สะเรียงก็ต้องพึ่งบารมีครูบาผาผ่า ต่างหาพระเครื่องของท่านเพื่อนำติดตัวไป พี่ท่านนี้ก็ไม่มีของขลังอะไรเลย จึงจะไปขอยืมผ้ายันต์ครูบาผาผ่าจากญาติผู้ใหญ่ที่บ้านผาผ่า แต่ญาติเขาก็หวงมากกลัวเอาไปแล้วจะหาย ไม่ยอมให้ยืมไป พี่ท่านนี้ไม่รู้จะทำอย่างไงเลยขอยืมเอาไปถ่ายเอกสารในเมืองแล้วจะนำมาคืน ญาติเขาจึงอนุญาตให้เอาไป พอไปสงครามพี่ท่านนี้ก็เล่าว่ามีกระดาษที่ถ่ายยันต์ที่บาผาผ่ามาอย่างเดี๋ยวพับใส่กระเป๋าเสื้อไว้ตลอด พอไปถึงไม่นาน ได้รับคำสั่งให้ทหารพรานจากค่ายเทพสิงห์ร่วมกับหน่วยอื่นบุกขึ้นเนิน 1428 คืน ในตอนเช้ามืดของวันรุ่งขึ้น ตลอดทั้งวันต่างคนก็ต่างเตรียมสัมภาระเพื่อเตรียมทำศึก พอตกช่วงเย็นมีคำสั่งด่วนให้ ทหารม้าจากพิษณุโลกขึ้นแทน ทหารจากค่ายเทพสิงห์ให้อยู่เป็นกำลังสำรองไปก่อน ผลจากการบุกครั้งนั้นทำให้ทหารม้าที่ไปแทนทหารพรานจากค่ายเทพสิงห์ เสียชีวิตเกือบหมด พี่ท่านนี้บอกว่าขึ้นไปวันนั้นก็ต้องตายแน่ อยู่ต่อมาไม่นาน ทางประเทศลาวก็เจรจาขอสงบศึก ทำให้ทหารพรานจากค่ายเทพสิงห์ได้กลับบ้านกันอย่างปลอดภัยทุกคน นี้คงเป็นเพราะบารมีของครูบาฯที่ช่วยปกป้องลูกหลานจากแม่สะเรียงให้ปลอดภัย พี่ท่านนี้มีประสบการณ์อีกหนึ่งเรื่องวันหน้าจะเล่าให้ฟังครับ
     
  9. ฐนกร

    ฐนกร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,095
    ค่าพลัง:
    +7,639
    เรื่องของครูบากฤษดาก็มีนะครับ แต่ต้องหลังไมค์ครับเดี๋ยวเขาจะหาว่าสร้างกระแสครับ
     
  10. kang_som

    kang_som เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    11,853
    ค่าพลัง:
    +27,807
    เหรียญครูบาอินตา วัดห้วยไซ ลำพูน


    [​IMG]

    อัตโนประวัติของหลวงปู่ครูบาอินตา อินฺทปัญฺโญ วัดห้วยไซ ท่านเกิดเมื่อวันขึ้น ๓ ค่ำ เดือน ๘ เหนือ ปี มะเส็ง(งูเล็ก) ตรงกับ วันเสาร์ ที่ ๖ เดือนพฤษภาคม พุทธศักราช ๒๔๔๘ ณ บ้านห้วยไซ ตำบลห้วยยาบ อำเภอบ้านธิ จังหวัดลำพูน มีนามเดิมว่า อินตา นามสกุล ปาลี เป็นบุตรของ นายก๋อง นางก๋ำ นามสกุล ปาลี เป็นคนที่มีเชื้อสายยอง มารดาของท่านเสียชีวิตตั้งแต่ท่านยังเด็กไม่รู้ความ ท่านจึงได้รับการเลี้ยงดูจากบิดาจนอายุท่านได้ ๙ ขวบ จึงได้ฝากตัวเป็นศิษย์วัด(ขะโยม)ที่วัดห้วยไซเพื่อจะได้รับการศึกษาเล่า เรียน ในสมัยนั้นยังไม่มีโรงเรียนเช่นปัจจุบัน เด็กชายอินตา จึงได้เรียนภาษาพื้นเมืองตามแบบสมัยนิยม และได้รับการบรรพชาเป็นสามเณรขณะอายุได้ ๑๓ ปี พ.ศ.๒๔๖๑ ณ วัดห้วยไซ โดยมีพระภิกษุพุธเป็นผู้บวชให้ หลังจากบรรพชาเป็นสามเณรแล้วจึงได้ไปศึกษาภาษาไทยกลางเพิ่มเติมที่สำนักวัด สันก้างปลา(วัดทรายมูลในปัจจุบัน) อำเภอสันกำแพง โดยมีพระครูอินทนนท์ เจ้าอาวาส เป็นอาจารย์ผู้สอนให้ ด้วยความเป็นผู้ไผ่เรียนท่านยังมีความสนใจเรื่องของภาษาอื่นๆด้วยเช่น อักษรขอมโบราณ ภาษาอังกฤษ และจีนเพิ่มเติม ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากมากในสมัยนั้น เมื่อพออายุครบบวชจึงได้รับการอุปสมบทเป็นพระภิกษุที่วัดห้วยไซ พ.ศ.๒๔๖๙ โดยมีครูบาอินทจักร วัดป่าลาน เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการชื่น สันกอแงะ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ครูบาขันแก้ว วัดป่ายาง(สันพระเจ้าแดง) เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาทางพระพุทธศาสนาว่า “อินฺทปัญฺโญภิกขุ”

    หลังจากอุปสมบทเป็นพระภิกษุแล้วจึงได้ตั้งใจที่จะศึกษาพระธรรมวินัยและสรรพวิชา ตามจริตวิสัยที่ชอบศึกษาหาความรู้อันเป็นทุนเดิมของท่าน ทำให้ท่านเป็นที่ยอมรับนับถือในเรื่องของวิชาอาคมแขนงต่างๆ ระหว่างปีพ.ศ.๒๔๗๑ ครูบาศรีวิชัยท่านได้มาเป็นประธานในการบูรณะพระธาตุดอยห้างบาตร ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากวัดห้วยไซมากนัก หลวงปู่ครูบาอินตาก็ได้ไปร่วมในการบุญครั้งนั้นด้วยและได้พบกับครูบาศรี วิชัยและถือโอกาสฝากตัวเป็นศิษย์ หลังจากนั้นขณะที่ครูบาศรีวิชัยท่านเป็นประธานในการสร้างทางขึ้นดอยสุ เทพหลวงปู่ครูบาอินตาก็ได้มีโอกาสไปร่วมในการสร้างทางด้วยเช่นกัน เมื่อครูบาศรีวิชัยมรณภาพไปหลังเสร็จสิ้นงานพระราชทานเพลิงศพ ผ้าขาวดวงต๋า ได้นำอัฐิธาตุของครูบาศรีวิชัยมาบรรจุและสร้างกู่อัฐิขึ้นที่บนดอยง้ม เขตติดต่อระหว่างอำเภอสันกำแพงกับอำเภอบ้านธิ หลวงปู่ครูบาอินตาท่านก็ถือว่าเป็นผู้หนึ่งที่มีส่วนร่วมในการนำสร้างด้วย ที่วัดห้วยไซเองท่านถือได้ว่าเป็นกำลังสำคัญที่มีส่วนร่วมกับอดีตเจ้าอาวาส ของวัดห้วยไซองค์ก่อนๆในการนำสร้างถาวรวัตถุต่างๆภายในวัด โดยเฉพาะสมัยของพระครูดวงดี จนกระทั้งครูบาดวงดีท่านมรณภาพไป หลวงปู่ครูบาอินตาท่านจึงได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดห้วยไซ เมื่อพ.ศ.๒๕๑๙ และได้รับพระราชทานสมณะศักดิ์เป็น พระครูถาวรวัยวุฒิ เมื่อปีพ.ศ.๒๕๓๖ ระหว่างที่ท่านยังมีชีวิตอยู่นั้นได้ได้ฝากผลงานทางด้านพระพุทธศาสนาและ สาธารณประโยชน์มากมาย อาทิ พัฒนาถาวรวัตถุสิ่งก่อสร้างต่างๆของวัดห้วยไซจนเป็นที่เจริญรุ่งเรือง สาธารณะประโยชน์เช่นโรงเรียน สถานีอนามัย โรงพยาบาล ห้องสมุด ที่อ่านหนังสือพิมพ์ ตลอดจนฌาปนกิจสถานประจำหมูบ้าน นอกจากนั้นท่านยังทำนุบำรุงพระศาสนาไปยังวัดวาอารามต่างๆที่มาของความเมตตา อนุเคราะห์จากท่าน เช่น ถาวรวัตถุต่างที่วัดเปาสามขา วัดวังธาน อำเภอแม่ออน วัดโป่งช้างคต อำสันเภอกำแพง วัดเวียงแห่ง อำเภอเวียงแห่ง จังหวัดเชียงใหม่ วัดศรีชัยชุม บ้านห้วยไซเหนือ

    พระพุทธรูปยืนวัด ศรีดอนชัย อำเภอบ้านธิ ประธานสร้างตึกสงฆ์อาพาสโรงพยาบาลบ้านธิ และผลงานชิ้นสุดท้ายที่ทิ้งไว้ให้ศิษย์ได้สารงานต่อคือพระวิหารของวัดห้วยไซ ก่อนที่ท่านจะมรณภาพด้วยชราภาพ เมื่อวันที่ ๒๕ เดือนกรกฎาคม พ.ศ.๒๕๔๕ สิริรวมอายุได้ ๙๘ ปี ๗๗ พรรษา พระเถระที่หลวงปู่ครูบาอินตาท่านสนิทสนมไปมาหาสู่กันเป็นประจำก็มี ครูบาขันแก้ว วัดป่ายาง(สันพระเจ้าแดง) ครูบาชุ่ม วัดวังมุย ครูบาหล้าตาทิพย์ วัดป่าตึง ครูบาอิน วัดฟ้าหลั่ง ครูบาดวงจันทร์ วัดป่าเส้า ครูบาน้อย วัดบ้านปง ครูบาดวงดี วัดท่าจำปี ครูบาวงศ์ วัดพระบาทห้วยต้ม ครูบาอินตา วัดวังทอง สำหรับพิธีพระราชทานเพลิงศพ หลังจากศิษยานุศิษย์ได้เก็บรักษาสรีระของหลวงปู่ครูบาอินตาไว้เป็นเวลาหลาย ปีแต่รางของท่านก็มิได้มีการเน่าเปื่อยแต่อย่างใด เมื่อก่อสร้างวิหารแล้วเสร็จจึงได้ของไฟพระราชทานและประกอบพิธีพระราชทาน เพลิงศพ เมื่อวันที่ ๔ เดือนมีนาคม พ.ศ.๒๕๕๐ ขึ้น


    ขอบคุณข้อมูลจาก เวบวัดป่า
     
  11. Jintamuttha

    Jintamuttha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    986
    ค่าพลัง:
    +1,956
    สนใจครับ ผมขอหลังไมค์ด้วยได้ไหมครับ ^^
     
  12. jaguarnusing

    jaguarnusing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มกราคม 2011
    โพสต์:
    4,901
    ค่าพลัง:
    +15,583
    ขออนุญาตติดตามด้วยคนนะครับท่านพี่
     
  13. PraKhoonPhan

    PraKhoonPhan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2010
    โพสต์:
    881
    ค่าพลัง:
    +6,625
    ฟังแล้วท่าภาคกลางมีน่ากลัวนะครับ
     
  14. PraKhoonPhan

    PraKhoonPhan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2010
    โพสต์:
    881
    ค่าพลัง:
    +6,625
    ขออนุญาติแนะนำ พระอาจารย์โต วัดพระบาทปางแฟนนะครับ ท่านเก่งจริงเรื่องหนุนดวง
    แม้กระทั่งแก้คุณไสย์
    ประวัติพระอาจารย์
    พระครูปลัดกฤต ฐิตวิริโย (พระอาจารย์โต ) วัดพระบาทปางแฟน อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่
    ชาตกาล
    พระอาจารย์กฤต ฐิตวิริโย ถือกำเนิดเมื่อ วันพุธ ที่ 28 ม.ค. 2519 ที่บ้านทุ่งแล้ง อ.ลอง จ.แพร่ เป็นบุตร ของโยมพ่อสันติ์ โยมแม่บัวผัด อินทรานาคะไชย เป็นบุตรคนโต ในจำนวนพี่น้อง 5 คนดังนี้

    พระอาจารย์กฤต ฐิตวิริโย
    นายมนุญ อินทรานาคะไชย
    นายพินิจ อินทรานาคะไชย
    คุณศศิธร อินทรานาคะไชย
    นายสุริยา อินทรานาคะไชย

    โยมแม่ของพระอาจารย์ โต เล่าว่า ขณะตั้งครรถ์จวนคลอด ฝันว่า มีดวงแก้วสีเขียวสดใส ขนาดโตเท่าลูกมะพร้าว ลอยมาหาและหายเข้าไปในครรถ์ จึงตกใจตื่น และรู้สึกปวดท้อง ขณะนั้นเกิดฝนตกอย่างหนัก โยมพ่อจึงได้ไปตามหมอตำแยมาทำคลอด พอพระอาจารย์คลอดออกมาอย่างปลอดภัย ได้เกิดศุภนิมิต อัศจรรย์ เกิดแผ่นดินไหว แถมยังคลอดมาแล้วยังมีสายรกพันตัว ตามความเชื่อของคนโบราณ บอกว่าบุตรของผู้ใดเมื่อแรกเกิดจากครรถ์มรรดา มีสายรกพันตัวหรือพันคอ เด็กผู้นั้น เมื่อเติบใหญ่ มักมีบุญวาสนาได้เป็นพระสงฆ์สืบทอดพระศาสนาตลอดไป

    การศึกษา

    ชีวิตในวัยเด็กเนื่องด้วยเป็นบุตรชายคนโต พ่อแม่จึงตั้งชื่อว่า เด็กชายโต ในวัยเด็กเป็นคนมีวินัย ว่านอนสอนง่าย เชื่อฟังคำสอนของผู้ใหญ่ ทำหน้าที่เป็นลูกที่ดี ตักน้ำ ฝ่าฟืน และนิสัยที่โดดเด่นอีกอย่างคือ การไม่เบียดเบียนผู้ใด ไม่ชอบการฆ่าสัตว์ ตัดชีวิต เพื่อนชวนไปยิงนก ตกปลา ก็จะตามเพื่อนไปด้วย แต่ว่าเพื่อนจะไม่ได้สัตว์ป่ากลับมาเลย พักหลังเพื่อนๆเลยไม่กล้าชวนไปด้วย

    เด็กชายโต ยังมีความแปลกกว่าเด็กทุกคน คือมีความรู้สึกผูกพันกับพระภิกษุโดยเฉพาะในหมู่บ้านของท่านในสมัยนั้น ยังกันดารอยู่มาก มักจะมีพระธุดงค์หลายรูป มาปักกลดอยู่ป่าช้า ท้ายหมู่บ้านเสมอ การที่ได้พบกับพระธุดงค์บ่อยๆ ทำให้จิตใจของ เด็กชายโต มีความอิบเอิบเบิกบาน และเมื่อได้สนทนาธรรม สอบถามความเป็นมาของพระเหล่านั้น ว่าเหตุใดจึงต้องมาใช้ชีวิตเป็นพระธุดงค์ การได้พูดคุยกับพระอยู่บ่อยครั้ง ทำให้จิตใจมุ่งไปในด้านศาสนา ตั้งความปรารถนาไว้ว่า เมื่อโตขึ้นจะต้องบวชและเดินธุดงค์ ตามแบบอย่างของพระธุดงค์ที่ได้พบเห็นมา เมื่อถึงเกณฑ์เข้ารับการศึกษา ท่านก็เข้าศึกษาเล่าเรียน จนจบการศึกษาระดับประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนประชารัฐวิทยาคาร จ.แพร่

    คำทำนายจากหลวงพ่อดาบส

    เหตุการณ์ครั้งสำคัญในชีวิต เนื่องด้วยคุณปู่ ที่อาศัยอยู่บ้านสองแคว อ.เมือง จ.แพร่ เป็นคนใจบุญสุนทาน ชอบการทำบุญเสมอ คราวหนึ่ง หลวงพ่อดาบส สุมโณ ได้มาจำพรรษาที่บริเวณสวนมะม่วง ของคุณปู่ ท่านปู่ได้อุปัฏฐากทำการดูแลอย่างดี ต่อมาวันหนึ่ง หลวงพ่อดาบสได้บอกกับคุณปู่ว่า อีกไม่นานจะได้หลานชาย เด็กผู้นี้เป็นผู้มีบุญวาสนามาเกิด โดยให้สังเกตุตอนหลานจะเกิดจะฝนตกแผ่นดินไหว และมีสายรกพันตัว และเมื่อเด็กคนนี้โตพอจำความได้ ขอให้โยมมอบของสิ่งหนึ่งให้กับเด็ก และเมื่อโตขึ้นก็จะได้บวชในพระศาสนา จะเป็นผู้มีชื่อเสียงเป็นที่พึ่งของประชาชน แต่เมื่ออายุครบ 30 ปี ก็จะหมดบุญ แต่จะมีผู้มีบารมีมากมาช่วย ต่ออายุให้ ขอให้เลี้ยงเด็กคนนี้ให้ดี

    จากนั้นหลวงพ่อดาบส ก็เดินทางไปจำพรรษา ที่ถ้ำจักรพรรดิ์ อ.ลอง จ.แพร่ ก่อนที่ท่านจะย้ายไปจำพรรษาที่อาศรมไผ่มรกต จ.เชียงราย สำหรับหลวงพ่อดาบส สุมโณรูปนี้เป็นพระอริยะสงฆ์ ของเมืองเหนือมีประชาชนเครารพนับถือท่านไปทั่วประเทศ ท่านมีความเคร่งครัดในข้อปฏิบัติ พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า

    สัมผัสสิ่งศักดิ์สิทธิ์

    เหตุการณ์สำคัญอีกครั้งหนึ่งในชีวิตวัยเด็ก เมื่อเกิดป่วยหนัก ตัวร้อนเหมือนไฟ ทานยาอย่างไรก็ไม่บรรเทา เวลาทานอาหารเข้าไปก็อาเจียร ออกหมดมีอาการอ่อนเพลีย มากตาแดงก่ำด้วยพิษไข้ ขณะครึ่งหลับครึ่งตื่น ก็มีความรู้สึกว่ามีหญิงสาวคนหนึ่ง เดินเข้ามาหา นุ่งห่มผ้าสีสวยงามแปลกตา ได้มานั่งข้างๆ เอามือมาลูบศรีษะของท่าน พูดสำเนียงไฟเราะหูว่าไม่ต้องกลัวนะ ต่อไปนี้จะติดตามดูแลตลอดไปให้พักผ่อนเสียแล้วทุกอย่างจะดีเอง ตอนนั้น ท่านพูดไม่ออก ขยับตัวก็ไม่ได้ หญิงสาวยิ้มให้อย่างมีเมตตาแล้วก็หายไป

    พอรุ่งเช้าอาการป่วยหนัก เจียนตาย ก็หายไปอย่างปลิดทิ้ง ด้วยความสงสัยจึงได้ถามพ่อกับแม่ว่า ตอนป่วยอยู่มีใครมาหาหรือไม่ ก็ทราบว่าไม่มีใครมาหา จึงได้เก็บความสงสัยนั้นไว้ตลอดมา เวลาล่วงมาจนเรียนหนังสือจบชั้น ป.6 อายุได้ 12 ปี ก็ยิ่งมีใจจะเข้าสู่ร่มเงาของพระศาสนา จึงตัดสินใจ หยุดเรียนทางโลก เวลานั้น ตรงกับปี พ.ศ.2531จึงได้บรรพชาเป็นสามเณร อยู่ที่วัดศรีดอนคำ จ.แพร่ มีพระครูเกษมรัตนคุณ ท่านเจ้าอาวาสวัดศรีดอนคำ อบรมสั่งสอนวัตรการปฏิบัติต่างๆ

    ที่วัดศรีดอนคำ มีความสำคัญาก คือ พระแม่เจ้า จามเทวี ปฐมกษัตริย์นครหริภุญชัย ได้มาสร้างบรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าเอาไว้ คืนหนึ่ง ได้นิมิตไปว่ามีสตรีกลางคนมาหา แต่ไม่ไช่คนเดิมที่เคยเจอเมื่อตอนไม่สบาย โดยได้บอกว่าเป็น พระนางจามเทวีที่มาหาก็เพื่อจะบอกว่าในวันข้างหน้า พ่อเณรจะมีส่วนช่วยท่านเสริมสร้างบารมีให้ขจรขจายไปทั่วทุกทิศ เพราะอดีตชาตินั้น
    เคยเกื้อหนุนกันมาก่อน และยังได้บอกว่า วันพรุ่งนี้ หากไปบิณฑบาตร จะมีคนนำสไบสีเขียวมาถวาย ให้นำไปห่มที่อนุสาวรีย์ของท่านที่วัดศรีดอนคำ จากนั้นได้หายตัวไป พอสามเณรโต ได้ออกบิณฑบาตร เหมือนเช่นเคย ขณะกำลังจะกลับเข้าวัด ได้มีหญิงชาวจีนวัยกลางคน เรียกนิมนต์ อาหารคาวหวาน และถวายสไบสีเขียวตองอ่อนผืนหนึ่ง พร้อมกับกล่าวว่า เมื่อคืนพระนางจามเทวี ได้มาเข้าฝันให้เอาผ้าสไบสีเขียวมาถวายเณร จึงได้บอกถึงลักษณะเอาไว้ จึงมารอพบ จึงได้นำสไบไปห่มถวายที่ อนุสาวรีย์ของเจ้าแม่จามเทวี และเริ่มสนใจศึกษาเกี่ยวกับเทพพรหมและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ

    สามเณรโต พบร่างทรง

    หลังจากออกพรรษา สามเณรโต ก็มีความปรารถนาอย่างแรงกล้า ที่จะออกธุดงค์ แสวงหาพระธรรมอันแท้จริง จึงนำความคิดนี้ไปปรึกษาครูบาอาจารย์ ต่างก็ให้ความเห็นทั้งเห็นด้วยแ ละไม่เห็นด้วย อย่างไรก็ตามขณะที่สามเณรโต กำลังกวาดลานวัดอยู่นั้น ได้มีหญิงวัยกลางคน มาหา และแนะนำว่า ชื่อ กิมส้วน เป็นคนจังหวัดตรัง ได้รับบัญชา จากเจ้าแม่จามเทวี ว่าจะใช้ร่างของนางติดต่อกับสามเณรโต ขอนิมนต์ไปที่บ้าน เลขที่ 125/2 หมู่ 7 อ.ลอง จ.แพร่

    บ้านมีลักษณะเป็นบ้านสองชั้น ชั้นบนมีโต๊ะหมู่บูชาขนาดใหญ่ มีพระพุทธรูปอยู่มากมาย และที่สำคัญมีภาพขนาดใหญ่ ของเจ้าแม่จามเทวี ติดอยู่ตรงข้างฝา แต่สามเณรโต ยังไม่ทราบว่าเป็นใคร เพราะยังไม่ได้ศึกษา เมื่อเจ้าบ้านใด้นิมนต์ให้นั่งใน ที่อันควรแล้ว สตรีท่านนั้นได้บอกว่า ได้เวลาที่จะอัญเชิญ พระนางจามเทวีแล้ว เขาจุดธูป 99 ดอก ว่าคาถางึมงำ อยู่ครู่ใหญ่ ร่างก็สั่นเทา หน้าตาดูเหี่ยวย่นไปเล็กน้อย พูดเสียงแหบพร่า และทักท่านว่าจำได้ไหม ขอขอบคุณที่ห่มผ้าให้ และบอกว่าจากนี้ไปอีก 19 ปี พระนางจะขอให้สามเณรช่วยสร้างบารมีกับท่าน จากนั้นก็ได้พูดคุยเรื่องราวต่างๆ อยู่ประมาณ ชั่วโมงเศษ และได้แนะนำการออกธุดงค์ให้ไปในทิศทางใด เพื่อจะได้พบกับบุคคลต่างๆ

    ตัดสินใจออกธุดงค์

    เมื่อสมัยเป็นสามเณรอยู่ที่วัดศรีดอนคำ ด้วยความที่ชื่นชอบพระธุดงค์ มีความปรารถนาอยากใช้ชีวิตแบบพระธุดงค์ เพราะเมื่อยู่ที่วัด ก็มักจะถูกล้อเลียนจากพระภิกษุสามเณรด้วยกันหาว่าบ้า ไม่ยอมเข้าสังคมเอาแต่นั่งสวดมนต์ไหว้พระ หนังสือหนังหาก็ไม่ยอมเรียน เพราะมีความคิดว่าเป็นเณรแล้วชีวิตยังไม่สงบ จึงมักหาเวลาออกไปนั่งตามป่าช้า ตามชายป่า แต่ก็หาได้พ้นสายตาของผู้คนพากันมารบกวน และเล่าลือไปต่างๆนานา ว่าเณรผู้นี้คงจะเพี้ยน เพราะสวดมนต์มากเกินไป

    จึงตัดสินใจเด็ดขาด เข้าลาต่อหลวงปู่ผู้เป็นเจ้าอาวาส วัดศรีดอนคำ ว่าจะออกไปแสวงหาครูบาอาจารย์ ขอเรียนกรรมฐาน ตั้งเป้าไปที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย และได้รับการแนะนำจากครูบาสมจิต จิตคุตโต วัดสะแล่ง ว่าขอให้ตั้งใจบำเพ็ญเพียรให้ดีแล้ว ทุกอย่างจะสำเร็จ จากนั้นได้เดินทางไปอำเภอแม่สาย จ.เชียงราย ได้มุ่งตรงไปยังวัดถ้ำผาจม เพื่อพบกับ พระอาจารย์วิชัย เขมิโย มีชื่อเสียงในฐานะ อาจารย์ฝ่ายกรรมฐานแต่บังเอิญว่า ไม่พบ เนื่องจาก พระอาจารย์วิชัย เดินทางไปต่างประเทศ จำเป็นต้องนอนค้างที่วัด ทางวัดจึงจัดให้พักค้างคืนไม่เกินเจ็ดวัน จึงใช้สถานที่ในถ้ำผาจมเป็นที่บำเพ็ญภาวนา

    พบภิกษุลึกลับ

    ขณะที่อยู่ที่ถ้ำผาจม เมื่อท่านเจอผู้คนหลายหมู่คณะ ด้วยอุปนิสัยที่ชอบความสงบสันโดษ จึงได้แยกตนจากกลุ่ม คนไปยืนแถวเงื้อมผาในตอนนั้น ที่ตรงนั้นรกมาก บังเอิญเหลือบไปเห็นปากทางเข้าถ้ำ อีกถ้ำหนึ่ง ห่างจากถ้ำใหญ่ไปทางขวามือไม่มากนัก ไม่มีคนอยู่ในละแวกนั้น เลยจึงตัดสินใจเดินเข้าถ้ำนั้น ภายในมืดมาก จึงได้จุดเทียนส่องนำทาง พอสำรวจก็พบว่าภายในถ้ำแห่งนี้มีอยู่หลายห้อง แต่ไม่ลึกมาก เหมาะแก่การปลีกวิเวก

    จึงคิดจะชวนเพื่อนมานั่งสมาธิ แต่ยังมีอีกห้องหนึ่ง ที่ยังไม่ได้เข้าไป เป็นห้องเล็ก จึงตัดสินใจเข้าไปในห้องนั้น ก็ต้องแปลกใจ ได้พบพระภิกษุรูปหนึ่ง นั่งสมาธิอยู่ในนั้น อายุราว 5 0 ปี นุ่งผ้าแดง สีคล้ำจนเกือบจะดำ รูปร่างสูงใหญ่ หน้าตาดูมีเมตตาจึงคลานเข้าไปกราบท่านเงียบๆ เพราะเกรงจะเสียสมาธิ กราบเสร็จท่านก็ลืมตา ขึ้นมาทักว่ามาแล้วหรือ รออยู่ตั้งสองวัน จากนั้นท่านก็สอบถามเรื่องราวต่างๆ ทั้งที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน และได้ชวนเดินทางข้ามไปฝั่งพม่า นับเป็น การได้เดินธุดงค์ครั้งแรก และยังได้สอนกฏของการธุดงค์ โดยมีข้อปฏิบัติอยู่ 13 ข้อ จากนั้นก็ได้สอนการกำหนดจิตขึ้นพื้นฐาน ด้วยการปล่อยวาง ไม่เข้าไปยึดมั่น ถือมั่นในเหตุปัจจัยแห่งสัญญา ของรูปเวทนา สัญญา สังขาร วิญญาน

    ทำให้ได้เรียนรู้สัจจะธรรมความเป็นจริงของชีวิต ได้เรียนกรรมฐานอยู่ 12 วัน พระภิกษุรูปนั้นได้สอนให้ฝึกเจริญอาณาปานสติกรรมฐาน ทั้งแบบยืนทำสมาธิ เดินจงกลม ท่านั่งสมาธิ ท่านอนสมาธิ และวันสุดท้ายของการจากลา พระภิกษุรูปนั้น ได้เรียกให้ไปพบ และยื่นคำภีร์เก่าๆใหกำชับให้ศึกษาคาถาในคำภีร์นั้นให้เข้าใจ บอกว่าจะได้สงเคราะห์คนในภายหน้า แต่ตราบใดที่ไม่ได้เป็นเจ้าอาวาส ห้ามนำออกมาใช้อย่างเด็ดขาดเพราะจะเป็นภัยกับตัวเณรเอง

    ฝากตัวเป็นศิษย์หลวงปู่บุดดา ถาวโร

    หลังจากกลับมาจากจังหวัดเชียงราย มาจำพรรษาอยู่วัดเดิมได้ระยะหนึ่ง เวลานั้นเกียรติคุณของหลวงปู่บุดดา ขจรขจายไปทั่วประเทศ ในฐานะของพระสุปฏิปันโน สามเณรโตจึงเดินทางไปจังหวัดสิงห์บุรี วัดกลางชูศรีเจริญสุข ได้กราบฝากตัวเป็นศิษย์ ปรนนิบัติรับใช้หลวงปู่บุดดาได้สองเดือน ได้รับการอบรมสั่งสอนอย่างเต็มที่

    ว่ากันว่า หลวงปู่บุดดา มีบุญบารมีติดตัวมาแต่ภพชาติปางก่อน เป็นผู้ระลึกชาติได้ พบเห็นสิ่งต่างๆ จากนิมิต เช่นครั้งหนึ่งท่านไปขุดกระดูกของตัวเองที่ฝังเอาไว้ในอดีต เมื่อมีผู้สอบถาม ถึงเรื่องอดีตชาติท่านจะ พูดเสมอว่ารู้สึกเบื่อหน่าย และเล่าว่าได้เกิดมาแล้วถึง 7 ชาติ ชาติก่อนมีพี่ชายคนหนึ่ง รักและตามใจท่านทุกอย่าง สัญญาว่าจะไม่ทิ้งกันเป็นอันขาด ซึ่งหลวงปู่ได้เกิดมาเป็นบุตรของ พี่ชายคนนั้น เวลาที่ถูกพ่อตี ก็จะวิ่งออกไปนอกบ้าน ตะโกนว่าพ่อโกหกไม่หยุด จนมรรดาเห็นผิดสังเกตุ จึงได้ถามว่าพ่อโกหกอะไร จึงได้เล่าเรื่องในอดีตชาติให้ฟัง

    หลวงปู่บุดดา ได้บวชเป็พระภิกษุในพระพุทธศาสนา ปฏิบัติธรรมเพียงสี่พรรษา ก็สามารถตัดกิเลส บรรลุธรรมได้สำเร็จ ณ ถ้ำภูคา จ.นครสวรรค์ ขณะอายุ 32 ปี ส่วนสามเณรโต เมื่อฝากตัวเป็นศิษย์ แม้นจะเป็นระยะเวลาสั้นๆ แต่การปฏิบัติทางจิตของท่าน ก็ก้าวหน้าไปมาก ขณะนั้น หลวงพ่อคง วัดเขาสมโภช อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี ได้มากราบหลวงปู่บุดดา ท่านหลวงปู่ จึงได้ฝากสามเณรโตให้ไปเรียนวิชาธรรมเปิดโลกกับหลวงพ่อคง

    ประทีปธรรมแห่งศาสนาบังเกิด

    หลังจากได้ฝากตัวเป็นศิษย์ เรียนวิชาธรรมเปิดโลกอยู่กับหลวงพ่อคง วัดเขาสมโภช ได้ระยะหนึ่ง จนมีความชำนาญ ได้กราบลาออกเดินทาง แสวงหาอาจารย์ เพื่อศึกษาสรรพวิชา มีผู้แนะนำให้ไปที่จังหวัดสงขลา อ.นาทวี จึงเดินทางไปกราบพระครูประสูติโสภณ หรือหลวงปู่อั้น คุณกาโม วัดในวัง และในปีนั้นเองสมเด็จย่าทรงประชวรบ่อยครั้ ทางหลวงพ่อเจ้าอาวาส จึงได้แนะนำให้สามเณรโต อุปสมบทถวายเป็นพระราชกุศล โดยพระเดชพระคุณ พระสุนทรราชมานิตเถร ได้นำเรื่องขึ้นทูลถวายสมเด็จย่า ได้ทรงพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ และให้ตำรวจตระเวณชายแดน และตำรวจท้องที่ เป็นผู้แทนพระองค์จัดอุปสมบท ณ วัดในวังพระอารามหลวง เมื่อวันที่ 9 พ.ค. 2538 โดยมีพระสุนทรราชมานิตเถรเจ้าอาวาสวัดในวังในพระชาชูปถัมภ์ เจ้าคณะอำเภอนาทวีเป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูวิธานะธรรมรัตนเจ้าคณะตำบลนาทวีวัดในวัง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระคูรพิพัฒกิติสุนทร เจ้าคณะตำบลคลองทราย วัดลำซิง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ พระครูประสูติโสภณ หลวงปู่อั้น วัดในวัง อายุ 98 ปี เป็นพระศีลาจารย์ พระครูธรรมกิจโกศล หรือหลวงพ่อนอง ธัมมูภูโต วัดทรายขาว จ.ปัตตานี เป็นพระอาจารย์สอนกรรมฐาน ได้รับฉายาว่า ฐิตวิริโย แปลว่า ผู้มีความเพียรอันตั้งมั่น

    ขณะจำพรรษาอยู่ที่วัดในวัง ก็ได้ขยันศึกษาหาความรู้ จนเป็นที่รักไคร่ของครูบาอาจารย์ หลวงปู่อั้น จึงได้ฝากให้ไปศึกษาพระเวทย์วิทยาคมกับ หลวงพ่อนองวัดทรายขาว ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นพระอาคมขลังแก่กล้าในวิทยาคมทั้งปวง นอกจากนี้ยังเป็นกัลยาณมิตร และสหธรรมิก กับพระอาจารย์ทิม วัดช้างไห้ โดยเคยสร้างพระเครื่องร่วมกันคือ พระหลวงปู่ทวด เมื่อปี พ.ศ.2497 จนโด่งดังไปทั่วประเทศ
    การได้ศึกษากับหลวงพ่อนอง จึงเป็นวาสนาอย่างยิ่งของพระอาจารย์โต โดยสุดยอดวิชาที่ได้รับการถ่ายทอดคือ สาลิกาเหินฟ้า วิชาอาคมต่างๆเหล่านี้ พระอาจารย์โต ก็ได้สงเคราะห์ญาติโยมมาจนถึงปัจจุบัน
     
  15. kang_som

    kang_som เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    11,853
    ค่าพลัง:
    +27,807
    ยินดีตอนรับทุกๆท่านครับ......พระอาจารย์โต วัดพระบาทปางแฟน ผมเคยไปกราบท่านครั้งเดียวเองครับเมื่อหลายปีก่อน ได้ครับยันต์มงกุฏพุทธเจ้า และเป็นที่มาของการเลิกดื่มของมึนเมาสำหรับผมด้วยครับ น่าจะ 4-5 ปีแล้วครับ
     
  16. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,727
    ค่าพลัง:
    +53,128
    [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]
     
  17. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,727
    ค่าพลัง:
    +53,128
    [/url] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]
     
  18. kang_som

    kang_som เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    11,853
    ค่าพลัง:
    +27,807
    อื้อหือออออ..พี่ตี๋จัดหนักเลย ...ตาลายเลยครับ 5555 เอาอีกๆๆๆๆ
     
  19. kang_som

    kang_som เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    11,853
    ค่าพลัง:
    +27,807
    สี่หูหน้าตา ครูบากฤษดา

    เอาไปถักเชือกใหม่ครับ


    [​IMG]
     
  20. FLUKE-NICE

    FLUKE-NICE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2008
    โพสต์:
    968
    ค่าพลัง:
    +1,397
    ครูบาพรหมา พรหมจักรโก วัดพระพุทธบาทตากผ้าครับ ลำพูน และ ครูบากองคำ วัดดอนเปา เชียงใหม่ วัดท่านอยู่ใกล้กับวัดร้องขุ้ม ครูบาบุญปั๋น ครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...