พระสายพระอาจารย์มั่น มีองค์ไหนประสบการณ์สู้

กองทัพธรรมสายกรรมฐาน ศิษย์พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ​

 

ผู้ใหญ่ท่านนึงที่ผมรู้จัก ท่านเคยเล่าเรื่องเกี่ยวกับเพื่อนที่เป็นช่างกล อยู่แถวอุเทนถวาย แถบปทุมวัน
วันนั้นกำลังนั่งกินข้าวกันอยู่ดีๆ มีนักเรียนช่างกล เดินมาเป็นกลุ่ม เอาปืนปากกามาจ่อหัว ยิง แล้วก็หนีไป คนโดนยิงหน้าฟุบไป พอเงยหน้าขึ้นเอามือจับท้ายทอย ปรากฏว่ายิงไม่เข้าครับ เป็นรอยปูดแดงเป็นลูกมะนาว พี่เขาแขวนพระท่านพ่อลีปี 2500 พระเนื้อดินเผาโพธิจักร รู้สึกตอนนี้จะปล่อยต่อคนอื่นไปแล้ว

อีกเรื่อง ก็มีเพื่อนผู้หญิง โดนคนร้ายปีนขึ้นห้อง เอามีดมาจี้ ขโมยของไป ต่อสู้กับคนร้ายโดนแทงด้วยมีดหลายครั้ง พอคนร้ายหนีไป ตรวจดูบาดแผลตัวเอง ก็มีแต่รอยเสื้อขาด แต่แทงไม่เข้า เป็นแค่จ้ำๆแดงๆครับ

 

ลูกศิษย์ท่านพ่อลี อีกรูปที่คนรู้จักมากในเวปนี้ ก็คือ หลวงปู่พิศดู ธัมมจารีครับ

http://palungjit.org/threads/หลวงปู่พิศดู-ธมฺมจารี-พระอรหันต์-ปัจเจกภูมิ-เดิม-ประสบการณ์-ปาฏิหาริย์-วัตถุมงคล.292037/

 

หลวงพี่เคยไปจำพรรษาวัดสารภาณนิมิตนครพนมปี๔๘เจ้าคุณพระราชสารโกศลท่านเล่าให้ฟังว่าท่านพ่อลีเป็นพระวิเศษท่านนั่งสมาธิให้พระธาตุเสด็จได้แล้วท่านก็แจกให้นำไปบูชา ปี๒๖ตอนนั้นเป็นสามเณร
ก็รู้จักกับสามเณรห่มปัจจุบันเป็นอาจารย์ห่มท่านบวชวัดอโศการามทราบข่าวว่าท่านไปจำพรรษาต่างประเทศหลายปีแล้ว
ก็เคยไปอยู่รับใช้หลวงปู่สิมพุทธาโรที่ถ้ำผาปล่องเชียงใหม่มาด้วยกัน เห็นปาฏิหารย์ของหลวงปู่สิมมากมาย ในปีนั้นได้ไปกราบหลวงปู่แหวนถึงท่านจะอายุมากแต่ใบหน้าก็เปี่ยมไปด้วยเมตตา ชีวิตสมณะกราบไว้ศึกษาธรรมกับพ่อแม่ครูบาอาจารย์มากมายรวมถึงหลวงปู่เทศเทสรังษี กาลเวลาผ่านไปปัจจุบันเป็นอาจารย์คนแล้วส่งลูกศิษย์ไปเรียนหนังสือที่วัดเจดีย์หลวง เห็นกระทู้หน้านี้แล้วรู้สึกยินดีทำให้นึกถึงพ่อแม่ครูบาอาจารย์ที่ล่วงลับไปแล้ว เจริญพร

 

อนุโมทนาบุญด้วยครับ
ขอเล่าประสบการณ์ครับพอดีกลับๆบ้านที่กาฬสินธุ์มาเลยมีโอกาสได้สมเด็จรุ่นแรกของหลวงปู่ทองผุดมาครับบ้านเกิดท่านอยู่ที่นั่นครับ แต่ท่านไปสร้างวัดที่เลยครับ

รู้ครั้งแรกอยากได้ของท่านไว้บูชาแต่ไม่มีคนแบ่งให้เพราะแถวบ้านศรัทธาท่านมาก
พอวันจะกลับมาทำงานมีคนมาแบ่งให้ครับ แต่งบหมดครับพอดีบูชาพระบูชาหน้าตัก7นิ้วมาก่อนแล้ว (จะขอบูชาต่อเค้า) ในใจคิดว่าถ้ามีบุญคงได้ของหลวงปู่มาบูชา ในใจก็เสียดายมากๆครับ สักพักก็มีคนเอาเงินมาให้จริงๆโดยผมไม่ต้อง ใช้เงินจากกระเป๋าตนเองเลยครับ
หลังจากได้มาเกือบสัปดาห์ ก็มีโอกาสได้บูชาขึ้นคอ วันแรกก็มีคนมาขอเช่าพระไปเป็นเงินกว่า5000บาท (ซึ่งตามปกติผมไม่เคยปล่อยให้เช่าบูชา เพราะเคยเปิดให้บูชาแล้วไม่มีคนเช่า) แถมวัดนั้นผมขายสินค้าให้บริษัทมากกว่าสามแสนบาท ซึ่งวันไหนที่ผมลงไปขายสินค้าก็จะขายได้มากๆทุกวัน ซึ่งเทียบกับคนอื่นนั้นต่างกันมากๆครับ
นี้แหละครับพุทธคุณสายกรรมฐาน

 

ราคา เป็นเรื่องของเซียน ดังไม่ดังก็อยู่ที่เซียน เคยอ่านเจอห้อยหลวงปู่ทิม โดนยิงทะลุก็มี
คนก็ไปถามหลวงปู่ ท่านก็กล่าวว่าพ่อแม่มันยังไม่เอา(ด่าพ่อด่าแม่) แล้วพระจะเอามันหรือ นี่ถือท่านสอนเลยนะ ห้อยหลวงปู่ทิม ห้ามด่าพ่อด่าแม่
..ผมห้อยหลวงพ่อพรหม จิรปุญโญ รุ่น2 ก็มีประสบการณ์นะแต่ไม่ขอเล่าละกัน
**พระป่าออกธุดงค์เจออะไรมากมาย แต่ก็สยบด้วยธรรมอันบริสุทธ์**

 

อีกรูปหนึ่งที่มีชื่อเสียงทางประสบการณฺ์มากๆเลย คือหลวงปู่ผาง วัดอุดมคงคาคีรีเขตต์ ขอนแก่นครับ ซึ่งองค์นี้พ่อผมเจอประสบการณ์มากับตาเลย เรื่องเหยียบรถกระดก ซึ่งในจังหวัดขอนแก่นนั้น มีพระอาจารย์สองรูปที่ทำแบบนี้ได้ คือ หลวงปู่วรพรตวิธาน วัดจุมพล และหลวงปู่ผาง ซึ่งทั้งสองท่านเป็นสหธรรมมิก กันครับ ส่วนตัวผมศรัทธาทั้งสองท่านมากและแขวนเหรียญหลวงปู่ผางติดตัวตลอดครับ เหรียญที่ผมให้ชมนี้ ออกวัดพลับพลา นนทบุรี เนื้อเงิน ซึ่งหลวงปู่ผาง เมตตาให้สร้างขึ้นเพื่อสมทบทุนสร้างอุโบสถ ครับ

 

ดันกระทู้ดีๆให้ได้อ่านกันครับ

 

องค์นี้ ผมและครอบครัวผมหลายคนมีประสพการณ์ตรงเลยครับ เรื่องแบบนี้ทุกคนสัมผัสได้แต่เจ้าตัวอาจจะไม่รู้ตัว ครูบาอาจารย์ทุกองค์ท่านเมตตาหมดแหละครับ แต่ก็ขึ้นอยู่กับกรรมของแต่ละคน บังเอิญญาติผู้ใหญ่ของผมท่านนึงได้อุปฐากท่านใกล้ชิดเลยได้สัมผัสถึงความเมตตาและประสพการณ์เหนือคำอธิบายของครูบาอาจารย์ท่านบ่อยๆ

 

ขออนุญาตยกตัวอย่าง2องค์นี้ก็เป็นอีกองค์ครับ ที่ไม่ธรรมดามากๆ คนไม่ค่อยรู้จัก แต่ท่านไม่ธรรมดาจริงๆ
ทั้งสองรูปนี้ยังทรงสังขารอยู่นะครับ ถ้ามีโอกาสก็ลองไปกราบท่านดู อยากรู้ว่าท่านไม่ธรรมดายังไง ก็ติดตามได้ ที่ลิ้งที่ผมนำมาแปะไว้นะครับ



หลวงตาสมหมาย อัตมโน (ศิษย์ หลวงปู่บุญจันทร์ กมโล ฯลฯ)
อภิญญาหลวงตาสมหมาย วัดป่าสันติกาวาส ไชยวาน (ประสบการณ์ตรง "ไร้เขาเล่าว่า")



หลวงพ่อสมบูรณ์ กันตสีโล (ศิษย์หลวงปู่ฝั้น อาจาโร ฯลฯ )
หลวงพ่อสมบูรณ์ กันตสีโล วัดป่าสมบูรณ์ธรรม อ.ชาติตระการ จ.พิษณุโลก

เรื่องของครูบาอาจารย์สายพระป่า จะเป็นลักษณะอย่างนี้นะครับ เพียงแต่ไม่มีเซียนพระรู้หรอก มีแต่ชาวบ้านที่รู้ครับ เนื่องจากท่านไม่สนับสนุนสร้างวัตถุมงคลเป็นหลัก ท่านเน้นที่การปฏิบัติภาวนาเพื่อการหลุดพ้น วัตถุมงคลบางทีจึงไม่มีสร้าง ไม่ก็มีนิดเดียวไม่มาก

 

พระผงปิดตา..สมจินตนา..หลวงปู่อ่อนสา อุดรธานี
และพระชุดภูธร ปี19 หลวงปู่ผาง มัญจาคีรี ขอนแก่น
ก็สุดยอดครับ....

 

โค ตะ ระ ถูกใจ เลยครับ

ราคามันอยู่ที่เซียน......... คนใส่ ลพ.กวย รถคว่ำคอหักตายก็มี คนใส่พระเหรียญละ 50 บาท โดนรถชนประสานงา ออกมาปัดแข้งปัดขา เดินได้สบายก็มี

เหมือน ๆ กับ จาตุคามฟีเวอร์ แอ๊ดคาราบาวร้องเพลงไว้ รุ่น มีกูไว้มึงไม่จน แต่ดันเสือกนอนตัวเป็นขน จะรวยไปได้อย่างไร มองตามความเป็นจริงน่ะครับ

 

กราบพ่อแม่ครูบาอาจารย์สายหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น และพระเกจิอาจารย์เถราจารย์ทุกรูปในแผ่นดินสยาม

กราบ กราบ กราบ (ส่วนตัวผม สายวัดป่า สายเย็นครับ เมตตา แคล้วคลาดเป็นหลัก)

 

ถ้าพูดถึงเรื่องราคา หลวงปู่ทิมนี่แรงจริงๆยอมรับ แต่ถ้าหลวงพ่อกวย ผมว่าราคายังไม่แรงมากนะ พระที่ท่านกล่าวมาก็เพิ่งจะมาดังเองนะ แต่ลองไปมองลึกกว่านั้นสิ พวก หลวงพ่อเดิม หลวงปู่ศุข หลวงปู่ทวด โดยเฉพาะสมเด็จหลวงพ่อโตราคาไปสุดๆเลย และก็ศิษหลวงพ่อโตอีกหลายท่าน นี้ดังค้างฟ้าราคามีแต่ขึ้น มีเยอะคับพระดัง อยู่ที่ลูกศิษทั้งนั้นที่สายใหนจะรวยและดันแรงกว่า พระหลวงพ่อกวย หลวงปู่ทิมผมก็มีนะ แต่ผมใส่ยังไม่เคยมีประสบการณ์เลย ไปมีประสบการณ์กับหลวงพ่อองค์อื่นมากกว่า ผมว่ามันขึ้นอยู่กับบุญวาสนาเราด้วยมั้ง ว่าใส่หลวงพ่ออะไรที่เข้ากับเราได้ดีและมีประสบการณ์กับเรา

 

ผมเคยมีโอกาสกราบครูบาอาจารย์ทั้ง ๒ รูปแล้ว

ครูบาอาจารย์ทั้งคู่ล้วนเมตตาต่อเหล่าศรัทธาญาติโยมอย่างถ้วนหน้า

อยากให้เราๆมีโอกาสไปกราบรับฟังคติธรรมจากท่านบ่อยๆเมื่อยังมีโอกาสนะครับ


ส่วนเรื่องวัตถุมงคลนั้น !!!

แนะนำว่าอย่าเอ่ยปากขอนะครับ ถ้าไม่อยากโดนเอ็ดเอา อิอิ

ถ้าท่านมีท่านจะเมตตาให้เราเองโดยไม่ต้องเอ่ยปากครับ ^___^

 

case study
FYI

 

สาธุ.. กระทู้นี้มีประโยชน์มากครับ เป็นการเผยแผ่ปฏิปทาครูบาอาจารย์สายกัมมัฏฐานด้วยครับ..

สำหรับผมนะครับจริงๆครูบาอาจารย์ดีๆมีเยอะมาก อยู่ที่ว่าเราจะลงใจกับองค์ไหนเท่านั้น จริงๆผมก็นับถือครูบาอาจารย์หลายองค์ครับ ทั้งหลวงปู่ทิม หลวงพ่อกวย ฯลฯ แต่ถ้าที่ผมพอทราบพ่อแม่ครูบาอาจารย์ในวงกัมมัฏฐานนั้น ที่มีประสบการณ์แนวอิทธิปาฏิหาริย์โดยเฉพาะนั้น เท่าที่ได้ยินจากครูบาอาจารย์สายนี้ก็มีเยอะมากครับ แต่ที่เห็นได้้ชัดเจนและมีการกล่าวขานกันมากที่สุดถึงฤทธิ์อภิญญา บารมี และพลังจิตของท่านที่บอกได้ว่าสูงมากๆเลยก็เห็นจะมี..
- หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม
- หลวงปู่ฝั้น อาจาโร
- ท่านพ่อลี ธัมมธโร
ครูบาอาจารย์ทั้ง 3 รูปนี้ (ถ้าไม่นับรวม พ่อแม่ครูบาอาจารย์เสาร์ และ พ่อแม่ครูบาอาจารย์มั่นแล้ว) ก็คงจะกล่าวได้ว่าไม่เป็นสองรองใครในโลกหล้าเป็นแน่แท้ครับ..
ถ้ากล่าวถึงท่านครูบาอาจารย์ทั้ง 3 รูปนั้น ก็ดูว่ายุคของท่านจะห่างจากยุคของวัยเราๆมาพอสมควรแล้ว แต่ถ้าสำหรับครูบาอาจารย์ในยุคสมัยใกล้ๆเรานี้ ที่ผมเคยสัมผัส และเคยกราบทำบุญกับท่านมา และพบเจอประสบการณ์กับองค์ท่าน จนมั่นใจในภูมิธรรมขั้นสูง รวมถึงฤทธิ์อภิญญา บารมี และพลังจิตตานุภาพของท่านอย่างสนิทใจ ก็เห็นจะมี..
- หลวงปู่หมุน ฐิตสีโล วัดบ้านจาน จ.ศรีสะเกษ
- หลวงปู่พิศดู ธัมมะจารี วัดเทพธารทอง จ.จันทบุรี
ซึ่งท่านทั้งสองนี้ บางท่านอาจจะไม่ทราบว่าท่านเป็นพระป่ากัมมัฏฐาน สายหลวงปู่มั่นด้วยนะครับ..!!!
ตามประวัตินั้น หลวงปู่หมุน ท่านก็เป็นพระธุดงค์ เที่ยวจาริกแสวงหาความวิเวก ตามป่าเขา ได้ทราบข่าวว่ามีครูบาอาจารย์องค์ไหนดี ก็มักจะเดินทางไปศึกษาวิชาด้วยเสมอ ซึ่งหลวงปู่หมุนท่านก็เคยเล่าให้ฟังว่า หลวงปู่เคยเดินทางไปเรียนกัมมัฏฐานกับหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต อยู่ศึกษาวิปัสนากัมมัฏฐานกับหลวงปู่มั่นอยู่ นานหลายเดือน จนมีสหธรรมมิกที่สนิทสนมกันหลายรูป อาทิ หลวงตาพระมหาบัว เป็นต้น เมื่อศึกษาการปฏิบัติได้ระยะหนึ่งแล้ว ท่ามกลางศิษย์สายกองทัพธรรม ในขณะสนทนาธรรมอยู่ หลวงปู่มั่นได้ปรารภกับหลวงปู่หมุนว่า " ท่านหมุน ท่านเก่งพอตัวอยู่แล้ว หากไม่เจอกันหรือมีข้อสงสัยเกี่ยวกับ ปฏิบัติ ให้สอบถามท่านแหวนได้ เพราะเขาเก่งมาก "
หลวงปู่มั่นยังได้มอบของที่ระลึกให้หลวงปู่หมุน 2 อย่าง คือ แผ่นจารอักขระใบลาน ม้วนเป็นลูกอมกลมๆ เขียนเป็นภาษาขอมว่า เย ธมมา เหตุปภวา... ฯลฯ เป็นต้น และธนบัตรรัชกาลที่ 8 พร้อมลายเซ็นต์หลวงปู่มั่น ภายหลังหลวงปู่ได้มอบให้โยมแม่ท่านไป ต่อมาหลวงปู่มีความสงสัยในกัมมัฏฐานในเรื่องของ จตุธาตุวัฏฐาน ซึ่งเป็นเรื่องของการปฏิบัติในธาตุทั้ง 4 เป็นมูลฐานของการพิจจาณาร่างกาย ให้เข้าใจถึงสภาวะของธาตุนั้นๆอย่างถ่องแท้ ซึ่งก็เป็นบาทของกสิณกองหนึ่ง อันก่อให้เกิดอิทธิปาฏิหาริย์ต่างๆ จึงได้เดินทางไปกราบขอความรู้เพิ่มเติมจาก หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง ก็ได้รับความกระจ่าง จากนั้นท่านก็ธุดงค์ต่อไป และได้พบเจอครูบาอาจารย์เก่งๆ และสหธรรมมิกในป่าอีกมากมาย รวมๆแล้วหลวงปู่หมุนท่านอยู่ป่าเป็นวัตรมาหลายสิบปี ก่อนจะออกจากป่ามาอยู่วัด และในเวลาต่อมาจึงมีคนรู้จักในเกียรติคุณของท่านอย่างมากมายในปัจจุบัน...

ส่วนหลวงปู่พิศดูนั้น ท่านก็เป็นพระธุดงคกัมมัฏฐานเช่นกัน ท่านเป็นลูกศิษย์ของท่านพ่อลี ธัมมธโร ที่ถืออุปสมบทในสายธรรมยุติ แต่ว่าข้อวัตรปฏิบัติขององค์หลวงปู่พิศดูนั้น ท่านอาจจะไม่ได้เดินตามสายปฏิปทาของพ่อแม่ครูอาจารย์สายกัมมัฏฐานตรงเสียทีเดียว ถ้าใครได้อยู่กับหลวงปู่จะทราบดี ว่าหลวงปู่ท่านล้ำลึกสุดๆ ไม่ว่าท่านจะทำ จะพูดอะไรล้วนแต่มีความหมายทั้งสิ้น อยู่ที่ว่าผู้ที่พบเห็นจะสามารถตีโจทย์ของท่านออกหรือไม่.. หลวงปู่ท่านเป็นพระที่เคร่งในเรื่องของการปฏิบัติอย่างยิ่งยวด แบบเอาชีวิตเป็นเดิมพัน ท่านปฏิบัติมุ่งเน้นในเรื่องจิตเป็นสำคัญจุดเดียว สำหรับท่านข้อวัตรเป็นเพียงกฏให้ผู้ปฏิบัติอยู่ในกรอบ แต่ถ้าเน้นในเรื่องของจิต สติ กำหนดรู้ในธรรมารมณ์ รู้อายตนะภายนอก ภายใน และเดินวิปัสนาว่าทุกอย่างอยู่ในกฏแห่งไตรลักษณ์ และวางทุกอย่างนั้นได้อย่างหมดสิ้น ทุกสิ่งที่เข้ามากระทบ ใจก็ไม่มีหวั่นไหววิตก อวิชชาก็สามารถคว่ำลงได้ เหลือแต่จิตดวงเดียวที่สุกใส และสว่างไสว เด่นชัดไม่มีความเศร้าหมอง... สิ่งที่ผมบรรยายมาอาจจะไม่ได้เสี้ยวหนึ่งของความรู้ของหลวงปู่ท่านหรอกนะครับ ภูมิธรรมของพระอรหันต์นั้นเป็นเรื่องอจิณไตยสุดจะคาดเดาครับ
มากล่าวกันถึงเรื่องปฏิปทาของหลวงปู่พิศดูกันต่อดีกว่า ที่บอกว่าหลวงปู่ท่านอาจจะไม่ได้เดินตามสายแนวปฏิปทาของพ่อแม่ครูบาอาจารย์สายกัมมัฏฐานหลวงปู่มั่นนั้น เพราะจริตเดิมของท่านเคยปรารถนาพระปัจเจกภูมิมาก่อนครับ เพราะฉะนั้นจึงมักจะเรียนรู้ ศึกษาอะไรเองเป็นหลัก และท่านปรารถนาที่จะไม่คลุกคลีกับหมู่ ท่านเอาแต่ปฏิบัติธรรมโดยถ่ายเดียว และเป็นพระที่โปรด และสงเคราะห์ในเรื่องของการสร้าง และอธิษฐานวัตถุมงคลด้วยครับ ท่านสอนว่า คนเรามีกำลังใจต่างกัน อยู่ๆจะให้ทุกคนหันมาเอาดีทางปฏิบัติเลย บางทีเขาก็อาจไม่สนใจ คนเราก็เหมือนกับเด็ก ที่ยังอยากเล่นของเล่นอยู่ แต่ถ้าเลยจากตรงนี้ไปได้ ก็จะหันมาเข้าหาของจริงเอง... ฯลฯ หลวงปู่ท่านจะทราบอารมณ์ใจของเราได้อย่างละเอียดครับ ท่านอ่านได้อย่างละเอียด ทะลุปรุโปร่ง อีกทั้งในเรื่องฤทธิ์อภิญญาของท่านนั้น บางครั้งท่านไม่ได้ตั้งใจจะแสดง ก็เกิดขึ้นมาได้เอง มีหลายเรื่องมากครับ อย่างเรื่องของการเจริญภาวนาสมาธิของท่าน ปรากฏมีพระธาตุเสด็จลงมาบริเวณกลดของท่านมากมายบ้าง.. ท่านนั่งภาวนา เดินจงกรมจนแผ่นดินนั้นยุบลงไปบ้าง.. หรือมีหลายครั้งที่คนเห็นหลวงปู่ปรากฏกายในต่างสถานที่กัน ทั้งๆที่เวลานั้นท่านก็อยู่ที่วัดบ้าง.. ท่านสามารถพาลูกศิษย์เข้าไปในเมืองลับแลด้วยกายเนื้อได้ตั้งแต่ท่านอายุเพียง 30 ปีเศษเท่านั้น (ปัจจุบันคนที่ไปเมืองลับแลกับหลวงปู่ก็ยังมีชีวิตอยู่ ตอนนี้ก็น่าจะอายุ 70 กว่าได้..) มีชาวบ้านหลายคนเห็นหลวงปู่ท่านนั่งฉันข้าวกลางสายฝนที่ตกกระหน่ำโดยท่านไม่เปียกฝนเลยแม้แต่ชายจีวร.. ท่านช่วยให้คนรอดพ้นจากอุบัติเหตุต่างๆ ทั้งๆที่เขาไม่ได้ใส่พระของท่าน เพียงแต่เขาเรียกชื่อท่านให้ช่วยเท่านั้น.. ท่านรักษาตนตาบอดให้มองเห็นชัดเจนได้อีกครั้งใช้เวลาแค่ 3 วัน 7 วัน.. บางคนที่เสียชีวิตไปแล้ว หลวงปู่ท่านสามารถเอาวิญญาณของเขากลับมายังร่างได้ ต่อมาภายหลังเขาได้ออกบวชทดแทนพระคุณ.. ฯลฯ อีกมากมาย...
นอกจากหลวงปู่พิศดูท่านจะบวชกับท่านพ่อลีแล้วนั้น ครูบาอาจารย์ที่หลวงปู่ให้ความเคารพอย่างมากนั่นก็คือ พระมหาอุปคุต หลวงปู่ท่านเคยเล่าให้ฟังว่าท่านเคยพบพระมหาอุปคุต ครั้งแรกที่เกาะกลางทะเลแห่งหนึ่ง โดยพระมหาอุปคุตท่านได้มาสอนธรรมกับหลวงปู่ ต่อมาไม่ว่าจะมีอะไร พระอุปคุตท่านก็จะมาหาหลวงปู่เสมอ เพียงแค่หลวงปู่คิดถึงท่านเท่านั้นท่านก็มาทันที แม้แต่เวลาที่หลวงปู่จะอธิษฐานวัตถุมงคล พระอุปคุตท่านก็จะมาช่วยทำให้แทบทุกครั้ง ด้วยเหตุนี้ท่านจึงมีความเคารพศรัทธาในองค์พระอุปคุตอย่างมาก ก็เนื่องด้วยว่าในอดีตท่านทั้งสอง คงมีบุญสัมพันธ์กันมาก่อน ซึ่งใครๆก็ต่างทราบดีว่า องค์พระมหาอุปคุตท่านเป็นพระที่เลิศในทางฤทธิ์อย่างที่สุดเพียงใด ที่แม้แต่พญามารยังพ่ายแพ้ต่อฤทธิ์ของท่าน และยังละพยศหันมาถือสัมมาทิฏฐิ ปรารถนาซึ่งพุทธภูมิ ด้วยการทรมานของพระมหาอุปคุตนั่นเอง

จะว่าไปแล้วทั้งหลวงปู่หมุน และหลวงปู่พิศดู ท่านก็มีความคล้ายคลึงกันหลายอย่าง ที่นอกจากจะเป็นพระปฏิบัติในสายหลวงปู่มั่นแล้ว ท่านยังชอบธุดงค์อยู่ป่าเป็นวัตร พบเจอประสบการณ์ในป่ามากมาย รวมถึงท่านทั้งสองยังมีสรรพวิชชา และจรณะที่ถึงพร้อม ที่เลิศทั้งสมถะ และวิปัสนา รวมไปถึงอิทธิวิธี คือฤทธิ์อภิญญาต่างๆอีกมากมายสุดจะกล่าว แต่เนื่องด้วยทั้งหลวงปู่หมุน และหลวงปู่พิศดู ท่านต้องออกจากป่ามาอยู่วัดในบั้นปลายชีวิตของท่านนั้น ก็คงเป็นเพราะว่า ท่านต้องออกมาโปรดบริวารของท่าน ที่เคยเกื้อกูลกันมาแต่ปางก่อน ซึ่งคงจะมีมากมายดังเห็นได้ในปัจจุบัน..

ถึงแม้ท่านทั้งสองจะละขันธ์ เข้าสู่อนุปาทิเสสฯแล้วก็ตาม แต่ท่านก็ยังคอยอยู่ช่วยเหลือลูกศิษย์ของท่านอยู่ตลอด อย่างที่ลูกศิษย์หลายๆคนสัมผัสได้ และพบเจอมาแล้ว แม้วัตถุมคลที่ไม่ทันท่านอธิษฐานจิต เพียงแต่อัญเชิญสภาวะจิตของท่านมาอธิษฐานให้ ก็ยังมีความศักดิ์สิทธิ์สูงส่ง ไม่ต่างกับตอนท่านยังทรงขันธ์อยู่เลยครับ..

 

พระญาณสิทธาจารย์ (หลวงปู่สิม พุทธาจาโร)
วัดถ้ำผาปล่อง ต.บ้านถ้ำ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่
เป็นอีกรูปหนึ่งที่หลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ จ.นครพนม กล่าวยกย่องว่าพลังจิตเหมือนหลวงปู่ฝั้น..ยังไงยังงั้น....ลองหาประวัติท่านดูครับ

 

หลวงปู่ลี ถาวโร วัดป่าหนองทับเรือ จ.พิษณุโลก (องค์นี้คนรู้จักน้อย ท่านเป็นหลานหลวงปู่ขาว สมัยก่อนท่านเคยเป็นฆราวาส มีวิชาอาคมมากมาย ก่อนจะละทิ้งแล้วมาบวช)

องค์นี้ท่านดังด้านน้ำมนต์ครับ

 

ใช่ครับ ดังที่หลวงตามหาบัว เคยกล่าวไว้ บารมีเราไม่เหมือนกันบางรูปมีบารมีด้านชื่อเสียง บางรูปเก่งมากแต่บารมีด้านชื่อเสียงไม่มี ไม่ดัง