ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    จักรวาลกับโลกธาตุต่างกันอย่างไร?

    [​IMG]
    ภาพถ่ายของแกแลคซีแอนโดรเมด้า (Andromeda Galaxy)

    จักรวาลกับโลกธาตุต่างกันอย่างไร ?

    ถามโดยคุณ ประมาท วันที่ 18 มิ.ย. 2549

    *******************************************************

    โลกธาตุ มีความหมายกว้างกว่าจักรวาล คือ จักรวาลหนึ่งมีองค์ประกอบดังนี้

    มีดวงจันทร์ ๑ ดวงอาทิตย์ ๑ อบายภูมิ ๔ โลกมนุษย์(ชมพูทวีป) ๑ เทวดาชั้นจาตุมหา-ราชิกา ๑ ดาวดึงส์ ๑ ยามา ๑ ดุสิต ๑ นิมมานรดี ๑ ปรินิมมิตวสวัตตี ๑ พรหมโลกชั้นต่างๆ ตั้งแต่ปฐมฌานภูมิ จนถึงอรูปพรหมภูมิ ทั้งหมดเป็นหนึ่งจักรวาล

    สำหรับโลกธาตุ มีหลายขนาด คือ โลกธาตุอย่างเล็กมีพันจักรวาลโลกธาตุอย่างกลางมีล้านจักรวาล โลกธาตุอย่างใหญ่มีแสนโกฏิจักวาล

    ขอเชิญคลิกอ่าน...





    ตอบโดยคุณ Study วันที่ 19 มิ.ย. 2549

    *******************************************************

    ดังนั้น จักรวาลของทางวิทยาศาสตร์ ถ้าเทียบกับความหมายที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง ก็เปรียบเทียบกันไม่ได้เลย เหมือนจงอยปากยุง ไม่สามารถวัดความลึกของมหาสมุทรได้

    โดยคุณ pornchai.s วันที่ 20 มิ.ย. 2549

    ******************************************************


    หมายเหตุ

    เราจะเห็นได้ว่าเรื่องของจักรวาล เรื่องของมนุษย์ต่างดาว พระพุทธเจ้าได้ตรัสบอกเอาไว้ในพระไตรปิฏกเมื่อ 2,500 กว่าปีมาแล้ว แต่นักวิทยาศาสตร์เพิ่งจะมาค้นพบความจริงอันนี้ เมื่อไม่กี่ร้อยปีมานี้เอง

    โลกธาตุ ในความหมายที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงเอาไว้ จึงไม่ได้หมายถึงดาวโลกมนุษย์นี้เพียงดวงเดียว แต่ทรงหมายถึงดวงดาวทั้งหมดในจักรวาลต่างๆ รวมกันเลยที่เดียว ในทางวิทยาศาสตร์เราเรียกกลุ่มของจักรวาลนี้ว่า แกแลกซี(Galaxy) เช่นแกแลคซีทางช้างเผือก แกแลคซีอันโดรเมด้า และแกแลคซีอื่นๆ อีกมากมายในห้วงอวกาศ

    เพราะฉะนั้นจึงควรเลิกคิดได้แล้วว่า ในห้วงอวกาศอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้ จะมีเพียงมนุษย์และสัตว์ต่างๆ อาศัยอยู่แต่เฉพาะในโลกมนุษย์นี้เท่านั้น แต่ในความจริงแล้วยังมีมนุษย์และสัตว์ใหญ่น้อย อีกมากมายอาศัยอยู่ตามดวงดาวต่างๆในหลายๆแกแลคซี ซึ่งมีเป็นล้านๆจักรวาล ดังที่พระพุทธเจ้าได้ทรงตรัสบอกเอาไว้เมื่อ 2,500 กว่าปีมาแล้วครับ​

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มิถุนายน 2009
  2. julieinter

    julieinter เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +654
    Swine flu ระบาดหนักในประเทศไทยแล้วค่ะ ต้องตื่นกลัวกันได้แล้ว

    ไข้หวัด 2009 ทามิฟูล ช่วยได้ในรายที่ไข้ไม่สูงมากเท่านั้นค่ะ **เป็นความเห็นส่วนตัวน่ะค่ะ** แล้วก็วัคซีน ป้องกัน swine flu เป็นการทำให้เชื้อฝังตัวในมนุษย์มากขึ้น เพราะในวัคซีน มีเชื้อ swine flu อยู่ มนุษย์เรากันเองนั่นแหละค่ะ ที่จะทำให้ swine flu มีความน่ากลัวมากขึ้น รัฐบาลปิดข่าวมากเกินงามแล้วค่ะ ออกมาเปิดเผยเถอะค่ะ ว่าติดกันมากแค่ไหนแล้ว ไม่ต้องกลัวความนิยมเสื่อมถอย ประชาชนตาดำ ๆ จะได้ตื่นตัวและป้องกันได้แล้ว ทำให้ร่างกายแข็งแรง ออกกำลังกาย ไม่นอนดึก ทาน vit-c กันได้แล้ว เราต้องสู้กับมัน ทุกวันนี้เข้าใจกันว่ามันไม่น่ากลัว ให้ใส่หน้ากากก็อาย หาว่ากระต่ายตื่นตูม ต้องรอให้ตายกันเป็น 1000 คน ก่อนเหรอค่ะ ถึงจะได้ตื่นกลัว ความน่ากลัวของโรคนี้คือ มันจะทำลายสมองและระบบประสาททั้งหมดของมนุษย์ และระบบการทำงานในร่างกายมนุษย์ จนเสียชีวิตในที่สุด<!-- google_ad_section_end --> <!-- / message -->
     
  3. vichai2500

    vichai2500 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    600
    ค่าพลัง:
    +2,877
    pig_cryy2
    Vision of the future

    Written by Zeona Sunday, 07 June 2009 01:30
    I had this dream back in March-April and have been looking for a way to share it. So here goes.

    I was here in the present, 2009, when suddenly I was shifted into the future. Almost as if my being went through a portal by some force. In this future I had this instant feeling of emptiness, fear, and hopelessness in the world. The energy of the world was dark as if love itself had been removed. People were walking down the streets like zombies, lifeless and just hopeless. The negativity was so overwhelming that it scared me.

    I quickly ran up to a stranger and asked, "Where is Jesus?", because of the love that was removed from the world I suppose this is why I asked. She said very nonchalantly as if use to the feeling of being without His presesnce, "Oh Him? He left about a year, a year and a half ago." This scared me. I thought to myself What year is this?! Floating by was a newspaper. I grabbed it and it read the year 2011. I thought to myself as I counted backwards on my fingers and said That soon? But that's less than two years.

    In reality the time line is really anywhere between June-December 2009 this year in which I believe the real horror begins.

    ความน่าสพรึงกลัวเริ่มต้นเห็นตั้งแต่ มิ.ย.-ธนวาคม ปีนี้

    ,,,,,,,,(ตอนนี้เริ่มเห็นโรคระบาดละ คอยดูต่อไป....)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มิถุนายน 2009
  4. Lazaza

    Lazaza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +5,549
    อย่าพึ่งเข้าใจผิดนะคะ ที่เขียนไปนั้น ไม่ได้ค้านเรื่องมนุษย์ต่างดาว
    แล้วก็ไม่ได้ค้านในตัวคุณChayuttด้วย

    ตัวเองก็ติดตามข้อมูลของกลุ่มเขากะลาอยู่ และก็พอจะทราบความเป็นมา
    เป็นไปของกลุ่ม รวมทั้งผู้ที่ทำงานให้ระบบด้วย

    แต่เรื่องราวที่คุณChayuttนำมาเผยแพร่ นั้นเข้าใจว่าเป็นการ
    ติดต่อกับมนุษย์ต่างดาว ของอีกกลุ่ม ซึ่งอยู่ในประเทศ เชครีพับบลิค

    เราไม่ทราบรายละเอียดดีนัก จึงเพียงแต่จะให้พิจารณาให้ดี

    อย่าลืมว่า เราเป็นแต่เพียงผู้มาอาศัย แล้วสุดท้ายเราก็ต้องไป
    เรามาเพื่อค้นหา สุดท้ายเราก็ต้องละและวาง ใช่มั้ยคะ
    กลุ่มเขากะลา เค้าก็เน้นเรื่องการละวาง เช่นกัน
    ต่อไปในอนาคต อาจมีเรื่องน่าเหลือเชื่อมากมายเกิดขึ้น
    แต่สุดท้าย เราก็ต้องละและวางอยู่ดีนะคะ
     
  5. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    <table id="post2187292" class="tborder" width="100%" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0"><tbody><tr valign="top"><td class="alt2" style="border-style: none solid; border-color: -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255); border-width: 0px 1px;" width="175">ชานนคนไทย<!-- google_ad_section_end --> <script type="text/javascript"> vbmenu_register("postmenu_2187292", true); </script>
    สมาชิก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Aug 2007
    อายุ: 43
    ข้อความ: 521
    Groans: 3
    Groaned at 0 Times in 0 Posts
    ได้ให้อนุโมทนา: 11,006
    ได้รับอนุโมทนา 4,303 ครั้ง ใน 502 โพส
    พลังการให้คะแนน: 203 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </td> <td class="alt1" id="td_post_2187292" style="border-right: 1px solid rgb(255, 255, 255);"> <!-- google_ad_section_start -->วาน นี้วันที่14มิ.ย52เวลา18.30น.ผมไปประชุมกับผู้ใหญ่ขึ้นทางด่วนเห็นรุ้งกิน น้ำ 2 จุด...ก็คุยกับท่านว่าไม่เคยเห็นมานาน(ในส่วนตัว)คือในกรุงเทพที่รุ้งกินน้ำ ยาวมากและโค้งใหญ่มาก...แต่ไม่ได้คุยกันเรื่องภัยธรรมชาติเพราะเป็นเรื่อง ที่...บางคนจะเข้าใจแต่มีวันที่13มิ.ย52เวลา15.30น.ได้พบนักบิน(กัปตันขับ เครื่องบิน)มือ1ของสายการบินใหญ่และเป็นผู้บริหารCEOที่เก่งได้พบและคุย เรื่องงานและคุยเรื่องทั่วไปแต่สุดท้ายมาจบเรื่องภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้น... ท่านบอกว่าเรื่องนี้ท่านคิดมานานแต่หาคนพูดคุยและเข้าใจยากมาก...ก็เลยแนะนำ ท่านให้เข้าไปหาข้อมูลที่เวปพลังจิตห้องภัยพิบัติจะมีข้อมูลมาก...โดยเพราะ จะมีเพื่อนๆสมาชิกจะคอยส่งข้อมูลก็แนะนำหลายท่านมีคุณเล็ก,คุณFalkmanที่ให้ ข่าวสาร....ส่วนตัวท่านมีข้อมูลที่สำคัญหลายเรื่องไว้ให้ท่านมาสมัครเป็น สมาชิกแล้วให้ท่านเล่าเองดีกว่า...สวัสดีครับ<!-- google_ad_section_end -->
    <hr style="color: rgb(255, 255, 255); background-color: rgb(255, 255, 255);" size="1"> Last edited by ชานนคนไทย; เมื่อวานนี้ at 12:55 AM.
    </td></tr></tbody></table>
     
  6. สู้เพื่อลูก

    สู้เพื่อลูก Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +27
    ู^
    ^
    ^
    ^
    ยินดีต้อนรับนักบินมือหนึ่งที่จะมาสมัครเป็นสมาชิกนะครับ มีข้อมูลอะไรใหม่ๆ มาบอกด้วยนะครับ รออ่านอยู่ครับ
     
  7. solarman

    solarman สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +20
    ตำแหน่งของรุ้งกินน้ำทั้งสองอยู่ห่างกันแค่ไหนครับ
    เมื่อปีที่แล้วผมเห็น double rainbow เป็นวงสองวงซ้อนกันอยู่บน/ล่าง
    สงสัยว่าจะมีแหล่งกำเนิดแสงสองแหล่ง ทำให้เห็นรุ้งกินน้ำ 2 วง
    ถ้าเป็นแบบนี้ ทฤษฎี planet x ก็น่าสนใจติดตามมากขึ้นครับ
     
  8. เจ้าหญิงแพร

    เจ้าหญิงแพร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2008
    โพสต์:
    378
    ค่าพลัง:
    +390
    ไข้หวัด2009ได้กลายพันธุ์แล้วในบราซิลเซาเปาโล
     
  9. ชัยมงคล

    ชัยมงคล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2007
    โพสต์:
    426
    ค่าพลัง:
    +2,473
    KI tab.สอบถามแล้วยังไม่มีใครขายแต่เป็นผงมีเยอะเอาไว้ทดลองทางวิชา
    วิทยาศาสตร์
    ถ้าจะทานคงต้องคำนวณ ไอโอดีน ให้ได้ มก.ที่ต้องการแล้วชงน้ำทาน
    ไม่ทราบว่าทานกี่ มก.ทานมากน่าจะอันตรายเหมือนกัน
    เดี๋ยวผมจะลองสั่งมาดูสักปอนด์ ราคาประมาณเกือบ 200 บาท
     
  10. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    มิติในจักรวาลคืออะไร มันมีอยู่กี่มิติ ?

    [​IMG]

    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->Chayutt<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2189824", true); </SCRIPT> สมาชิก

    ข้อมูลจากบรรยายของนาย Ivo A.Benda:<O:p</O:p

    ลำดับชั้นของมิติในจักรวาลคืออะไร มันมีอยู่กี่มิติ และในจำนวนนั้นมีมิติไหนบ้างที่มีผู้มายังดาวเคราะห์โลกแล้วในปัจจุบันนี้?<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ตอบ:
    <O:p</O:p
    สำหรับคำถามของท่าน เราขอบอกว่าในจักรวาลนี้มีมิติอยู่หลายมิติ ดังนั้นมันจึงถูกใช้เป็นพื้นฐานในการจัดระบบตามลำดับขั้นของการพัฒนาของสิ่งมีชีวิต ภายใต้กฎอันทรงประสิทธิผลของจักรวาล มิติต่างๆเหล่านี้ประกอบด้วย;
    <O:p</O:p
    1. มิติที่ 1 ซึ่งเป็นมิติที่ต่ำที่สุด จะพบอยู่ในส่วนที่มืดมิดของจักรวาล และที่นั่นสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย จะเป็นพวกที่มีพัฒนาการที่ต่ำมาก นั่นคือ เป็นสิ่งมีชีวิตแห่งความมืด ซึ่งท่านรู้จักมันในนามของ“หลุมดำ” หลุมดำเหล่านี้เป็นทางผ่านเข้าออกของพวกสิ่งมีชีวิตที่ชั่วร้าย (Negative Being) เพื่อไปก่อความเดือดร้อนให้แก่มิติอื่นๆในบางครั้งคราว<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    2. มิติที่ 2 ก็เป็นมิติมืดเช่นเดียวกัน ที่นั่นสิ่งมีชีวิตจะมีพัฒนาการสูงขึ้นมาอีกหน่อย<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    3. มิติที่ 3 เป็นมิติของสิ่งมีชีวิตที่มีพัฒนาการสูงขึ้นมาอีก ซึ่งสิ่งมีชีวิตที่พบในมิตินี้ก็ได้แก่พวกท่านเอง มนุษย์บนดาวเคราะห์โลกทั้งหลาย<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    4. มิติที่ 4 เป็นมิติของสิ่งมีชีวิตชั้นสูง พวกเขามีร่างกายเนื้อ แต่พวกเขาก็เป็น “ประชาชนของจักรวาล” (Cosmic People) พวกคุณจะรู้จักพวกเขาในรูปแบบของ UFO ผู้คนบนโลกนี้ส่วนใหญ่จะสังเกตเห็นพวกเขาได้เมื่อพวกเขาเดินทางลงมายังมิติที่ต่ำกว่า เพื่อมาช่วยยกระดับของสิ่งมีชีวิตในมิตินั้นๆให้สูงขึ้นจากระดับที่เป็นอยู่เดิม พวกเขามาช่วยเหลือด้วยความรัก และความเสียสละ<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    5. มิติที่ 5 จะเป็นพวกที่ มีร่างกายกึ่งกายเนื้อ กึ่งกายละเอียด ร่างกายของสิ่งมีชีวิตเหล่านี้บางส่วนจะเปล่งแสงสว่างออกมาได้ พวกเขาก็เป็นอีกพวกหนึ่งที่เข้ามาให้ความช่วยเหลือด้านจิตวิญญาณแก่สิ่งมีชีวิตที่มีระดับพัฒนาการที่ต่ำกว่าด้วย ดังเช่น ที่ท่านเห็นที่นี่<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    6. มิติที่ 6 เป็นที่ที่อาศัยอยู่ของรูปธรรมชีวิต ที่เป็นจิตวิญญาณล้วนๆ ปราศจากร่างกายเนื้อ แต่มีกายทิพย์แทน ระดับความสั่นสะเทือนของกายทิพย์ของพวกเขาสูงจนกระทั่งแม้แต่อะตอมยังไม่สามารถจะอยู่ได้ ดังนั้นพลังงานแสงสว่าง จึงต้องเข้ามาทำหน้าที่แทนอะตอม <O:p</O:pรูปธรรมชีวิตเหล่านี้ไม่ได้รับผลกระทบจากแรงโน้มถ่วง เพราะธรรมชาติของพวกเขาปราศจากวัตถุธาตุ ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถเนรมิตกายเนื้อขึ้นมาเอง ในรูปแบบใดก็ได้ตามใจปรารถนา เพื่อลงมาให้ความช่วยเหลือสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยูในมิติที่ต่ำกว่า และเพื่อให้สิ่งมีชีวิตเหล่านั้นสามารถสัมผัสกับพวกเขาได้<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    7. มิติที่ 7 เป็นมิติที่รูปธรรมชีวิตแห่
    งแสงว่าง (Being of Light) อาศัยอยู่ พวกเขามีลักษณะคล้ายลูกบอลที่เปล่งแสงสว่าง พวกเขาดูดซับความรู้และข้อมูลข่าวสารต่างๆในจักรวาลข้างเคียง และพวกเขาก็ให้ความช่วยเหลือกับสิ่งมีชีวิตที่มีระดับพัฒนาการต่ำกว่าด้วยเช่นกัน<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    เราจะขอไม่กล่าวถึงมิติอื่นๆที่เหลืออีกในตอนี้ เพราะแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว สำหรับวัตถุประสงค์ของการฝึกฝนทั้งหมด พวกเราจะสามารถสัมผัสรูปธรรมชีวิตได้ แค่ใน 7 มิติแรกนี้เท่านั้น

    เทวหะวัตถุขนาดใหญ่ต่างๆ เช่นดวงฤกษ์ และดาวเคราะห์ทั้งหลาย ที่มีอยู่ในแต่ละมิติ มีความเหมือนกันหรือไม่ ถ้าเหมือนกัน มีอยู่ในมิติไหนบ้าง?<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ตอบ:
    <O:p</O:p
    สำหรับคำถามข้อที่ 3 ของท่าน เราขอตอบว่า สำหรับเทวหะวัตถุใดๆ เช่น ดาวเคราะห์ ดาวฤกษ์ และกาแล็กซี่ จะมีอยู่ในมิติต่างๆเหมือนๆกัน แต่ก็ยังมีเทวหะวัตถุกลุ่มอื่นๆอีก ที่จะมีอยู่เฉพาะในมิติที่ต่ำๆกว่าบางมิติเท่านั้น หรือไม่ก็มีอยู่เฉพาะในมิติที่สูงๆกว่าบางมิติเท่านั้น เพราะเป็นไปตามกฎของจักรวาล ที่นักวิทยาศาตร์ของท่านยังค้นไม่พบ<O:p</O:p

    โอกาสที่เราได้พบกันเช่นนี้ จึงเป็นโอกาสที่ดีมาก ที่เราจะได้สอนคุณ เพราะว่าเรื่องนี้มันต้องใช้แบบจำลองฝึกหัดและเทวหะวัตถุที่จับต้องได้มาช่วยประกอบในการอธิบาย ซึ่งเราสามารถสังเกตได้ที่นี่ผ่านทางสื่อที่เรียกว่า “อุปกรณ์สร้างรูปภาพเสมือน?”

    รูปธรรมจากต่างดาวที่ติดต่อกับเราผ่านทางกระแสจิต ส่วนใหญ่จะมาจากมิติที่ 5 พวกเขาและยานอวกาศของพวกเขายังอยู่ในโหมดพรางตัวอยู่ เพราะว่าพวกเขายังไม่ต้องการให้เกิดการแตกตื่นของมนุษย์โลก เพราะการมาของพวกเขา เนื่องจากมนุษย์โลกยังไม่ได้มีการเตรียมตัวมาก่อน พวกเขาจะเลิกพรางตัวก็ต่อเมื่อคลื่นความสั่นสะเทือนด้านลบในโลกมนุษย์ลดลงถึงระดับ 50% แล้ว (ซึ่งตอนนี้ อยู่ที่ 82%) และเมื่อมนุษย์โลกหลายๆล้านคนปรารถนาที่จะติดต่อกับพวกเขาเท่านั้น ไม่เช่นนั้น พวกเขาก็จะยังคงอยู่ในโหมดพรางตัวอยู่ต่อไป <O:p</O:p

    ในจักรวาลนี้ไม่มีดาวดวงไหนเลย ที่ไม่ถูกตรวจตรา”พลังแห่งแสงสว่าง”(Light power) โดยพวกเขา พวกเขาจะคอยหมั่นมาตรวจตราและคำนวณ”พลังแห่งแสงสว่าง” อยู่เสมอ และพวกเขาก็จะดีใจเสมอหากมีบางอย่างเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น พวกเขาเหล่านี้ ล้วนทำงานตามแผนงานของ “พระผู้สร้าง”<O:p</O:p<!-- google_ad_section_end --> (มนุษย์ต่างดาวจะสอนให้เชื่อในเรื่องของพระเจ้า ซึ่งต่อมากลายเป็นต้นกำเนิดของศาสนาคริสต์ในปัจจุบันนี้-เกษม)

    ชีวิตบนดวงดาวที่รุ่งเรืองด้วย “พลังแห่งแสงสว่าง ”<O:p</O:p

    ในจักรวาลนี้ เต็มไปด้วยรูปธรรมชีวิตชั้นสูงหลากหลายชนิดและเผ่าพันธุ์ บ้างก็มีรูปร่างหน้าตาเหมือนกันกับพวกเรา บ้างก็แตกต่างกับเราโดยสิ้นเชิง ร่างกายของพวกเขามีสภาวะเป็นของแข็งเช่นเดียวกับเรา แต่พวกเขาจะมีระดับการสั่นสะเทือนที่สูงกว่า เพราะพวกเขามีพัฒนาการทางจิตวิญญาณสูงกว่าพวกเรามาก

    พวกเขาจากดวงดาวของพวกเขามาก็เพราะเรื่อง ความหายนะที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้หลายๆครั้ง (Catastrophesof the planet Earth) ซึ่งเป็นเหตุให้มีผู้คนล้มตายจำนวนมหาศาล (อย่างเช่นสมัยแอตแลนติส, และครั้งที่สอง,และครั้งที่สาม)<O:p</O:p

    ในกาแลกซี่ของเรา มีรูปธรรมชีวิตชั้นสูงต่างดาวที่รุ่งเรืองไปด้วยพลังแห่งแสงสว่าง อยู่บนดวงดาว 5 ล้านดวง บางพวกก็อาศัยอยู่บนกองทัพของยานอวกาศ การมีอยู่ของรูปธรรมชีวิตต่างดาวในจักรวาลสามารถเกิดขึ้นได้ แต่ถูกรูปธรรมต่างดาวอีกพวกหนึ่ง (ผมขอเรียกว่าพวกมารต่างดาว (Saurians) นะครับ –chayutt) ใช้วิชชามารทำให้เรื่องนี้ ดูเป็นเรื่องเหลวไหล โดยอาศัยกลไกของสื่อต่างๆบนโลกมนุษย์, อาศัยกลไกของรัฐบาลประเทศต่างๆบนโลกมนุษย์ และอาศัยกลไกของกลุ่ม UFO ต่างๆ เป็นเครื่องมือ<O:p</O:p

    <O:p
    รูปธรรมชีวิตชั้นสูงจากต่างดาวได้รับอนุญาตให้ท่องอวกาศได้ พวกเขาสามารถไปเยื่ยมเยือนอารยธรรมที่ก้าวหน้าแล้วอารยธรรมใดก็ได้ ซึ่งหมายถึงสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของพวกเขาได้ด้วย ในแบบที่มนุษย์โลกอย่างเรานึกไม่ถึงเลยทีเดียว พวกเขาเฝ้าจับตาดูดวงดาวต่างๆ ทั้งที่มีวิวัฒนาการสูงแล้ว และที่กำลังมีวิวัฒนาการด้วย และพวกเขาก็คอยให้ความช่วยเหลือในการวิวัฒนาของสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นด้วย การช่วยเหลือรวมไปถึงการช่วยยกระดับพัฒนาการทางด้านจิตวิญญาณด้วย<O:p</O:p

    การท่องอวกาศของพวกเขาจะใช้วิธีการเดินทางข้ามมิติไป ซึ่งหมายถึงการเปลี่ยนสภาวะของยานและร่างกายตัวเอง จากสภาพของสสารไปเป็นกระแสพลังงาน แล้วค่อยเปลี่ยนกลับจากกระแสพลังงานมาเป็นสสารเหมือนเดิม เมื่อไปถึงกาลเวลาและอวกาศในมิติใหม่แล้ว (จักรวาลคู่ขนาน) มันเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับพวกเขาที่ทำแบบนั้น ก็เหมือนกับที่เราเดินทางไปไหนต่อไหนโดยเครื่องบินหรือโดยรถยนต์นั่นแหละ<O:p</O:p<!-- google_ad_section_end -->

    รูปธรรมชีวิตชั้นสูงจากต่างดาวส่วนใหญ่ในจักรวาลที่เป็นมิตรกับเรา จะเป็นพวกที่รุ่งเรืองไปด้วยพลังแห่งแสงและพวกเขาจะคิดในแง่ลบไม่เป็น พวกเขาไม่รู้จักการทำร้ายผู้อื่น พวกเขาไม่รู้จักโกรธ ไม่รู้จักการโกหก หลอกลวง พวกเขาไม่บังคับฝืนใจใคร พวกเขาไม่ควบคุมใคร พวกเขาเคารพในกฎแห่งจักวาล (Cosmic rule) และชีวิตของผู้อื่นอย่างเข้มงวด พวกเขารู้จักแต่การช่วยเหลือผู้ที่อ่อนแอกว่า

    - พวกเขารักแม้แต่มนุษย์ผู้ชั่วร้ายบนโลกมนุษย์นี้ เพราะพวกเขาตระหนักชัดว่าที่มนุษย์เป็นเช่นนี้ เพราะมนุษย์กำลังอยู่บนเส้นทางของวิวัฒนาการ

    - พวกเขาสามารถเรียนรู้ได้จากประสบการณ์ชีวิต ทั้งของตนเองและของผู้อื่นจากภพชาติที่ผ่านๆมาของพวกเขา<O:p</O:p

    - พวกเขาบางคนยังอาสาสมัครลงมาเกิดบนโลกมนุษย์ เพื่อมาทำภารกิจบางอย่างที่เขาเลือกไว้

    - พวกเขาจะมีธาตุจำเพาะตัวที่มีคลื่นความถี่และกลไกพิเศษ ที่จะทำให้พวกเขาถอดรหัสออกได้

    ซึ่งสิ่งนี้เองที่จะช่วยให้พวกเขาระลึกได้ว่าพวกเขาเป็นใคร และลงมาเกิดบนโลกเพื่อทำภารกิจใด ภารกิจของพวกเขาบนโลกใบนี้ ก็คือการแจ้งข่าวแก่ผู้คนบนโลก เกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันของโลก และช่วยชาวโลกแก้ไขสถานการณ์นี้ ซึ่งสิ่งนี้เป็นไปตามกฎของจักรวาล<O:p</O:p

    พวกเขาไม่ต้องมีโรงพยาบาล เพราะพวกเขาไม่เคยมีใครป่วย นั่นจึงทำให้พวกเขาสามารถมีชีวิตยืนยาวอยู่ได้เป็นพันเป็นหมื่นปี แต่สำหรับโลกใบนี้ของเรา เพราะว่ามันอยู่ในมิติที่ 3 การป่วยไข้จึงเป็นเพียงวิธีเดียวที่ประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนวิธีการคิดของคนเรา ..แต่ไม่ใช่สำหรับพวกเขา..<O:p</O:p

    ในมิติที่พวกเขาอยู่ พวกเขาสามารถส่งข้อมูลถึงกันได้เร็วกว่าความเร็วแสง ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องที่ง่ายสำหรับพวกเขา ที่จะติดตามดูและวิเคราะห์พฤติกรรมของพวกเรา <O:p</O:pมีรูปธรรมทรงภูมิปัญญาชั้นสูงนับล้านที่กำลังจับตาดูเราอยู่ <O:p</O:pพวกเราเป็นส่วนหนึ่งที่มีความสำคัญสำหรับพวกเขา เพราะเราและเขาต่างเป็นหนึ่งเดียวกัน โลกของเราเป็นเหมือนสถานที่ทดลองเพื่อให้เกิดความก้าวหน้าต่อไป<O:p</O:p<!-- google_ad_section_end -->

    วิธีที่รูปธรรมทรงภูมิปัญญาใช้ เพื่อช่วยเหลือด้านจิตวิญญาณแก่มนุษย์ ได้แก่

    - ทำให้พวกเรารักกัน ลดความขัดแย้งที่มีต่อกัน
    <O:p</O:p
    - พวกเขาถ่ายทอดคลื่นความคิดดีๆมาสู่ผู้คน
    <O:p</O:p
    - พวกเขาส่งคลื่นความสั่นสะเทือนแห่งความรักมาให้เรา และมีผลกระทบในแง่ดีๆต่อเรา โดยที่เราไม่รู้ตัวเลย

    ผู้ใดที่มีความปรารถนาที่จะติดต่อกับพวกเขา และมีคุณสมบัติเข้าข่ายตามเงื่อนไขที่พวกเขากำหนดเอาไว้ ก็จะสามารถติดต่อสื่อสารกับพวกเขาได้ และพวกเขาก็จะถ่ายทอดข้อมูล ที่จะช่วยยกระดับพัฒนาการทางด้านจิตวิญญาณของคนผู้นั้นให้<O:p</O:p<!-- google_ad_section_end -->

    การติดต่อกับรูปธรรมทรงภูมิปัญญาจากต่างดาว มาจาก<O:p</O:p

    1).ท่าน Ashtar Sheran ผู้บัญชาการกองทัพยานอวกาศใหญ่แห่งจักรวาล ซึ่งบัญชาการกองทัพที่มียานอวกาศใต้บังคับบัญชาจากทั่วทั้งจักรวาลประมาณ 10 ล้านลำ ประจำการอยู่ที่สถานี Share ซึ่งสถานี Share นี้เป็นยานแม่ รูปทรงเหมือนบุหรี่ซิกก้า ยาว 42 กิโลเมตร และมีความเก่าแก่ร่วม 1 ล้านปีมาแล้ว<O:p</O:p

    2). ท่าน Ptaah กองทัพแห่งจักรวาลจากกลุ่มดาวลูกไก่ (Pleiades) จากดวงดาว Erra ในระบบสุริยะ Taygeta system ซึ่งกองทัพนี้ปกติจะลอยลำอยู่เหนือโลกในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ถึงฤดูใบไม้ร่วง

    3).กองทัพ Sol-tec จากดวงดาว Ajacit ในระบบสุริยะ Ajacita system ในกลุ่มดาว Hyady

    4).กองทัพ Kohun จากดวงดาว Zetorในระบบสุริยะ Proxima Centauri system

    5).กองทัพ Ebermach จากดวงดาว Ridh ในระบบสุริยะ Epsilon Tukana system

    6).<O:p</O:pกองทัพ Antek และกองทัพอื่นๆ<O:p</O:p<!-- google_ad_section_end -->

    ยานอวกาศจากกลุ่มดาวลูกไก่<O:p</O:p

    - พวกเขามีมาตรฐานทางด้านเทคโนโลยีสูงมาก เมื่อเทียบกับของเราแล้ว ของเราก็เหมือนเศษขยะดีๆนี่เอง

    - พวกเขาท่องไปในจักรวาลไม่ใช่โดยวิธีการเคลื่อนที่ แต่โดยวิธีการข้ามมิติ
    โดยการเปลี่ยนการสั่นสะเทือนของยานอวกาศและทุกสิ่งที่อยู่ภายในยาน

    - พวกเขาสามารถท่องไปได้ทั้งไปสู่เวลาในอดีต และอนาคต การท่องไปภายในกาแล็กซี่เป็นเรื่องค่อนข้างปกติสำหรับพวกเขา

    - พวกเขาเดินทางจากดาวอีร่า (Erra) ซึ่งอยู่ห่างจากโลก 500 ปีแสง โดยใช้เวลาเพียง 7 นาที<O:p</O:p

    ตัวอย่างขนาดของยานสำรวจเพื่อการอพยพ ซึ่งทำหน้าที่ชี้ระบุตำแหน่งที่แน่นอนของสถานที่ลำหนึ่ง มีขนาดดังนี้<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    - ความสูง 80 เมตร มี 7 ชั้น, 3 ชั้นสำหรับทำงาน,1 ชั้นสำหรับธรรมชาติสีเขียว,และอีก 3 ชั้นสำหรับพักผ่อน)
    <O:p</O:p
    - เส้นผ่าศูนย์กลาง ด้านยาว 1,500 เมตร ด้านกว้าง 750 เมตร (ยานรูปวงรี)
    <O:p</O:p
    - จำนวนลูกเรือ 600 รูปธรรม, รองผู้บัญชาการชื่อ เพลจา (Pleja) ทำงานกะละ 3 ชั่วโมง
    <O:p</O:p
    - ลอยลำอยู่เหนือพื้นโลก 45 – 130 กิโลเมตร ซึ่งเป็นระดับความสูงปกติในการปฏิบัติภารกิจบนโลก
    <O:p</O:p
    - ยานลูกอื่นๆ มียานสำรวจอื่นๆอีกหลายลำ

    กองทัพยานอวกาศเพื่อการอพยพ ที่เตรียมพร้อมอยู่เหนือดาวเคราะห์โลก มาตั้งแต่วันที่ 13/11/1997 ได้แก่<O:p</O:p

    1). กองทัพยานอพยพ ชื่อ Karne จากกาแล็กซี่ แอนโดรมีด้า 2 (Andromeda-2) ซึ่งอยู่ห่างจากโลกประมาณ 3 ล้านปีแสง
    <O:p</O:p
    2). กองทัพยานอพยพ ชื่อ Isaac ซึ่งมาจากกาแล็กซี่ของเรานี่เอง<O:p</O:p<!-- google_ad_section_end -->

    ที่มาhttp://palungjit.org/threads/การเตรียมการอพยพมนุษย์โลก-เพื่อช่วยเหลือระหว่างการชำระโลก-ของมิตรจากต่างพิภพ-และข้อมูลอื่นๆจากสาธารณรัฐเช็ก.192603/
    <O:p
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มิถุนายน 2009
  11. Kongp

    Kongp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +3,909
    รุ้งกินน้ำ 2 จุด ซ้อนกันด้วยครับ เห็นตอนขับรถกลับบ้าน ประมาณตอนเย็นๆ ขาเข้าวิภาวดีรังสิตครับ

    ครั้งแรก ขับรถแถวๆ หลักสี่ เห็น รุ้งกินน้ำ 1 จุด ครั้งที่ 2 เห็นรุ้งกินน้ำ 2 จุด ซ้อนกัน บริเวณ ลาดพร้าว ครับ

    น่าจะเป็นรุ้งกินน้ำ คนละอันกันนะครับ เพราะระยะเวลาต่างกัน และทิศทางต่างกัน
     
  12. 9อมตะ9

    9อมตะ9 อมตะ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    571
    ค่าพลัง:
    +1,288
    บนท้องฟ้าขณะนี้ พระอาทิตย์และพระจันทร์อยู่พร้อมหน้าพร้อมตาให้เห็น
     
  13. สาวปีใหม่

    สาวปีใหม่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    1,004
    ค่าพลัง:
    +2,368
    เปลี่ยนบรรยากาศมาอ่านเรื่องสบายๆกันนะคะ

    <center>
    </center>
    <hr style="color: rgb(255, 255, 255); background-color: rgb(255, 255, 255);" size="1"> รอบครัวธรรมะ

    โดย: วัสสาน

    เดี๋ยว นี้ไม่ค่อยเห็นกันแล้วค่ะ ที่เด็กผู้ชายจะลุกจากที่นอนแต่เช้าตรู่ ในวันเสาร์อาทิตย์ เพื่อมาใส่บาตร เข้าวัด ฟังเทศก์ฟังธรรม เหมือนอย่างที่น้องทัน-ทิวัฒน์ วัย 9 ขวบ กับน้องปัน-ปัญญ์ วัย 8 ขวบ ลูกชายของคุณดิ๊ก-เทวินทร์ วรรณะบำรุง Design Director ของคอตโต สตูดิโอ กับคุณอ้วน-สุพรรณ ทำกันเป็นกิจวัตร [​IMG]
    ครอบ ครัวนี้อยู่ที่จังหวัดสระบุรีค่ะ แถวๆ อำเภอหินกอง ใกล้ๆ กับวัดซึ่งเป็นสำนักปฏิบัติธรรม ที่ชื่อว่าศูนย์แสงธรรมส่องชีวิต จากบ้านถึงวัดใช้เวลาเดินทางแค่ 2-3 นาทีก็ถึง

    "ปกติไม่เสาร์ก็ อาทิตย์ เราจะตื่นกันตั้งแต่ตี 5 ครึ่ง อาบน้ำทำภารกิจของตัวเองเสร็จก็ไปที่วัดกัน เด็กๆ ก็จะได้ใส่บาตร ได้เห็นคนเยอะ ได้ไหว้พระ ได้สงบนิ่งตอนเช้าๆ อากาศดีๆ บรรยากาศจะดีมากโดยเฉพาะในวัดป่าแบบนี้ ใจเขาก็จะสงบ เสร็จแล้วเราก็ทานข้าวเช้ากันที่วัดเลย เป็นข้าวจากก้นบาตรพระนั่นล่ะ กินกันง่ายๆ เป็นมังสวิรัตบ้าง ผักบ้างขนมบ้าง พอสัก 9 โมงก็เสร็จ แล้วก็มีเวลาเหลือเฟือที่จะทำกิจกรรมอื่นๆ เก็บบ้านกวาดบ้าน ดูทีวี หรือจะพาลูกเข้ากรุงเทพฯ ตอนสายๆ หน่อยก็ยังได้ พาลูกไปเรียนดนตรี หาของอร่อยๆ ทาน เข้าร้านหนังสือกัน" คุณดิ๊กเล่า

    "แรกๆ เขาก็มีอิดออดบ้างเหมือนกันครับ ตามประสาเด็ก แต่เพราะเราทำกันมานานแล้ว ตั้งแต่ที่เขายังเล็กๆ ยังดุ๊กดิ๊กๆ นั่งนิ่งไม่ค่อยได้ ใส่บาตรทีหนึ่งข้าวก็จะร่วงหล่นบ้าง หรือบางทีก็เคาะโถข้าวเล่นป๊องๆ (หัวเราะ) แต่พอคุ้นเคยแล้ว หลังๆ บางทีเขาเองก็เป็นฝ่ายชวนเราไปเองเลย บอกว่า เราไม่ได้ไปวัดนานแล้วนะพ่อ (หัวเราะ)"

    ที่ลูกๆ สนใจใฝ่ธรรมะได้ขนาดนี้ ก็เป็นผลพวงมาจากความสนใจของคุณพ่อคุณแม่

    " ผมกับภรรยาจะสนใจธรรมะอยู่แล้ว เชื่อในคำสอนของพระพุทธเจ้า ว่าชีวิตมันเวียนว่ายตายเกิดไม่สิ้นสุด มีพัดพรากจากกัน มีสุข มีทุกข์ ถ้าวันนี้เราสุข ก็อย่าไปติดสุขมากจนเกินไป เพราะพรุ่งนี้มันก็อาจทุกข์ได้เหมือนกัน แต่ทุกข์มาแป๊บเดียว เดี๋ยวก็ผ่านไป นี่คือความจริงที่เราเห็นและเราเชื่อ ชีวิตไม่มีอะไรแน่นอน อย่าไปยึดติด ...ทุกปีผมกับภรรยาก็จะไปบวชขาว (พราหมณ์) กันที่วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี ถือศีล 8 กันเป็นอาทิตย์ เวลาเราไปลูกๆก็จะตามไปด้วย ซึ่งก็เป็นธรรมดาที่เขาจะอยากอยู่ใกล้เรา แล้วหนังสือที่เราอ่าน ส่วนใหญ่ก็เป็นหนังสือธรรมะ ซึ่งลูกๆ ก็สนใจ ถามว่าอ่านอะไร เราก็จะเล่าให้เขาฟังเป็นภาษาง่ายๆว่า มีเทวดา มีปาฏิหาริย์ มีนรกสวรรค์ สอนเขาว่าถ้าทำแบบนี้จะเกิดผลยังไง

    "หรืออย่างฟังรายการวิทยุ รายการธรรมะบางรายการก็ดีมากๆ เขาจะสอนประวัติพระพุทธเจ้าในแต่ละชาติภพว่าไปทำอะไรมา ได้ผลยังไง มีความทุกข์ยังไง เด็กๆ ก็จะ in แล้วเขาจะเล่าดีมีเสียงสูงต่ำ มีดนตรีประกอบ และบางเรื่องก็สนุก เหมือนได้ฟังนิทาน เขาฟังแล้วก็จะค่อยๆ ซึมซับไปเองโดยที่เราไม่ต้องไปยัดเยียดให้
    [​IMG]
    " ช่วงเวลาก่อนนอนประมาณ 3 ทุ่มถึง 3 ทุ่มครึ่ง จะเป็นช่วงที่เขานิ่งพอสมควร เราก็จะถามเขาว่า ที่โรงเรียนเป็นยังไงบ้าง เล่าให้พ่อกับแม่ฟังหน่อย พอหมดเรื่องเรียนก็เข้าสู่เรื่องธรรมะ ให้ไหว้พระ สวดมนต์ ท่องศีล 5 แล้วเราก็จะเล่าเรื่องศีล 5 ให้เขาฟัง บางวันก็จะลองให้นั่งสมาธิ บางทีนั่งแป๊บเดียวเขาก็ไม่ไหวแล้ว เราก็จะให้เขานับ 1 2 3 อ๊ะ! วันนี้ถึงแค่ 10 ก็พอ (หัวเราะ) ทำให้เป็นเรื่องง่ายๆ ซะ ได้บ้างไม่ได้บ้างก็ไม่เป็นไร" แต่ที่แอบหวังอยู่ในใจก็คือเรื่องศีล 5 ข้อที่อยากให้ลูกมีไว้เป็นหลักใจค่ะ

    "แต่ไม่รีบร้อนนะครับ ค่อยเป็นค่อยไป บางทีก็เล่นเกมกัน อ้าว ใครรู้บ้างว่า ศีล 5 คืออะไร เขาก็จะแข่งกันตอบ แล้วก็ตอบได้ แรกๆจะให้เขารู้ก่อนว่ามีอะไรบ้าง ยังทำไม่ได้ไม่เป็นไร แล้วหลังๆ เราก็ค่อยๆ สอนด้วยนิทาน ด้วยการเข้าวัดฟังเทศก์ เขาก็ทำได้เอง

    "อย่างเรื่องฆ่าสัตว์ เมื่อก่อนลูกคนเล็กจะชอบมากเลย อุ้ยยุง...ตบเลย (หัวเราะ) เราก็จะบอกเขาว่า ทำอย่างนั้นไม่ได้นะลูก นี่พ่อตีหนูเบาๆ หนูยังเจ็บใช่มั้ย แล้วนี่หนูไปฆ่าเขาตาย แล้วพ่อแม่เขาอยู่ยังไงล่ะ แล้วลูกเขาอีก คือสอนให้เขารู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา เขาก็เริ่มเข้าใจและไม่ทำอีก พวกแมงมุม แมลงสาบก็จะไม่ฆ่า แต่จะจับโยนออกไปนอกบ้าน ถ้ายุงกัดก็ปล่อยให้กัดไปถือว่าเสียสละให้เขา กัดเจ็บทีเดียวเดี๋ยวอิ่มก็ไม่มายุ่งกับเราแล้ว สอนให้คิดอย่างนี้เขาก็จะไม่รังแกสัตว์ ไม่รังแกใคร เขาถึงค่อนข้างมีเพื่อนเยอะ เพราะไม่ก้าวร้าว ไม่ทำร้ายคนอื่นทั้งคำพูด ความคิด และการกระทำ ตรงนี้ทำให้ผมคิดว่าจะทำให้เขาอยู่ในสังคมได้โดยไม่มีปัญหา
    [​IMG]
    " ตอนนี้ก็พยายามสอนเขาเรื่องการรู้จักป้องกันตัวเอง ไม่งั้นแล้วเขาจะซื่อและเถรตรงจนเกินไป แล้วกลายเป็นเหยื่อให้คนอื่นหาประโยชน์จากเขาได้ ซึ่งเราไม่อยากให้เป็นแบบนั้น

    "ผมว่าเรื่องธรรมะต้องเริ่มจากที่ ตัวเราสนใจก่อน แล้วทำให้เขาเห็น ตั้งแต่เขายังเด็กๆ ก่อนที่สิ่งเร้าภายนอกจะเข้ามามีอิทธิพลต่อความคิด ให้เขารับตรงนี้เข้ามาเป็นหลักยึดก่อน เมื่อหลักเขาแน่น สิ่งอื่นๆ อาจจะเข้ามาบ้างตามวิถีทาง แต่ก็จะไม่ส่งผลมากจนถึงขนาดที่จะทำให้เขาหลงไปกับมัน

    "ทุกวันนี้ เรียกว่าศีล 5 เราเชื่อเขาได้ ว่าเขาจะไม่ทำร้ายสัตว์ ไม่โกหก ไม่ลักทรัพย์ คือไม่หยิบของไปเองโดยไม่ขออนุญาตเจ้าของก่อน เวลาผิดหวังเขาก็จะไม่เกรี้ยวกราดหรือลงไปชักดิ้นชักงอ คนเล็กอาจจะมีงอนบ้าง แต่พอเราอธิบายให้ฟัง เขาก็เข้าใจ"

    และธรรมะนี้เองที่เป็นเครื่องกล่อมเกลาจิตใจให้คนในครอบครัววรรณะบำรุงใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข

    ถ้า คุณพ่อคุณแม่ท่านใดสนใจ อยากหาที่สงบ พาลูกๆ ไปเรียนรู้ธรรมะที่สำนักปฏิบัติธรรม ศูนย์แสงธรรมส่องชีวิต จ.สระบุรี คุณดิ๊กบอกว่า จะมีรถบัสไปส่งยังศูนย์จอดอยู่ที่อนุสาวรีย์ กับที่บางเขนค่ะ หรือลองโทร.ไปที่เบอร์ 0 3637 9428 สอบถามรายละเอียดได้ค่ะ


    จาก: นิตยสาร Teen, Kids & Family

    เว็ปของ แสงธรรมส่องชีวิตอยู่ลิงค์ด้านล่างค่ะ
    http://www.sangdhamsongchevit.com/

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มิถุนายน 2009
  14. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ยูเอ็นชี้การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ จะส่งผลกระทบอย่างหนักต่อเอเชีย

    [​IMG]

    มะนิลา 17 มิ.ย. - เจ้าหน้าที่สหประชาชาติ (ยูเอ็น) ระบุว่า ผลกระทบจากปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เช่น ผลผลิตการเกษตรตกต่ำ จะสร้างความเดือดร้อนอย่างหนักแก่เอเชีย

    นายอีริค ฮอลล์ โฆษกสำนักงานเลขาธิการยูเอ็น ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กล่าวต่อที่ประชุมธนาคารพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) ในกรุงมะนิลา ของฟิลิปปินส์ ว่า ผลกระทบจากปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศจะส่งผลอย่างหนักต่อเอเชีย โดยจะทำให้ความไม่มั่นคงที่มีอยู่แล้วทวีความรุนแรงขึ้น และอาจทำให้ประเทศในเอเชียถอยกลับเข้าสู่ความยากจน ซึ่งขณะนี้การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศเริ่มส่งผลกระทบต่อการพัฒนาในภูมิภาคแล้ว และอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงด้านผลผลิตทางการเกษตร ตลอดจนความมั่นคงทางอาหารภายในช่วงคริสต์ทศวรรษหลังปี 2020

    ส่วนเมืองตามแนวชายฝั่งทะเล เช่น กรุงเทพฯ จาการ์ตา มะนิลา และเซี่ยงไฮ้ จะเผชิญปัญหาระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งปัญหาน้ำท่วม และคลื่นพายุซัดฝั่ง เนื่องจากสภาพอากาศที่ไม่สามารถพยากรณ์ได้

    ผลการศึกษาของเอดีบีที่เปิดเผยเมื่อเดือน เม.ย. พบว่า ปัญหาโลกร้อน อาจทำให้เอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีความสูญเสียทางเศรษฐกิจปีละร้อยละ 6.7 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศรวมกันภายในปี 2643

    ทั้งนี้ บรรดาประเทศพัฒนาแล้วกำลังถูกกดดันอย่างหนักให้ยอมกำหนดเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงในปริมาณมากภายในปี 2563 เพื่อบรรลุข้อตกลงด้านสภาพอากาศในปลายปีนี้ ซึ่งจะมาแทนที่พิธีสารเกียวโตที่จะหมดอายุลงในเร็ว ๆ นี้. -สำนักข่าวไทย

    2009-06-17 18:34:39

    ยูเอ็นเรียกร้องให้ยุติพฤติกรรมวิพากษ์วิจารณ์ด้วยความเกลียดชังทางอินเทอร์เน็ต

    [​IMG]

    สหประชาชาติ 17 มิ.ย.- องค์การสหประชาชาติวอนขอผู้ปกครอง อุตสาหกรรมอินเทอร์เน็ต และผู้กำหนดนโยบายให้ร่วมมือกันกวาดล้างพฤติกรรมของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตบางรายที่มักโพสต์ข้อความวิพากษ์วิจารณ์เรื่องต่าง ๆ ด้วยจิตใจที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้นชิงชัง

    นายบัน คี มูน เลขาธิการสหประชาชาติ ยอมรับว่า แม้อินเทอร์เน็ตจะเป็นสื่อที่มีประโยชน์ แต่ก็แฝงไว้ด้วยโทษมหันต์ เพราะมีหลายคนใช้สื่ออินเทอร์เน็ตเป็นช่องทางในการตอกย้ำทัศนคติบางอย่างที่ไม่ส่งผลดีต่อสังคม หรือใช้เป็นเครื่องมือปลุกปั่น จงใจเผยแพร่ข้อมูลให้เกิดความเข้าใจผิด หรือบ่มเพาะความเกลียดชัง โดยมุ่งหวังโจมตีผู้บริสุทธิ เพียงเพราะว่า พวกเขามีศรัทธา ความเชื่อ หรือเผ่าพันธุ์ที่ต่างออกไป

    นายบัน คี มูน จึงเรียกร้องให้หลายฝ่ายช่วยกันยุติพฤติกรรมดังกล่าวในสื่ออินเทอร์เน็ต โดยไม่ให้กระทบกับหลักเสรีภาพและสิทธิมนุษยชน ขณะที่ผู้ปกครองมีส่วนสำคัญในการอบรมสั่งสอนบุตรหลาน เพื่อให้การเล่นอินเทอร์เน็ตเป็นไปอย่างปลอดภัยสำหรับเยาวชน -สำนักข่าวไทย

    2009-06-17 09:34:26

    มิเชล โอบามา และเด็กนำพืชสวนครัวทำเนียบขาวมาทำอาหาร

    [​IMG]

    วอชิงตัน 17 มิ. ย. - นางมิเชล โอบามา สตรีหมายเลขหนึ่งสหรัฐ ให้กลุ่มเด็กนักเรียนเกรด 5 มาที่สวนในทำเนียบขาว เพื่อเก็บผักกาดหอมและฝักถั่วที่เคยช่วยกันปลูกไว้ตั้งแต่เมื่อฤดูใบไม้ผลิ

    เด็กนักเรียนโรงเรียนประถมแบนครอฟท์หลายคนช่วยนางโอบามาปลูกพืชผักสวนครัวไว้ตั้งแต่เมื่อเดือนเมษายน และสตรีหมายเลขหนึ่งก็ได้ไปเยือนโรงเรียนของพวกเด็ก ๆ ในกรุงวอชิงตันเมื่อเดือนที่แล้ว ครั้งนี้ทั้งกลุ่มช่วยกันเก็บผักกาดหอมได้ 33 กิโลกรัม และถั่วได้ 5.5 กิโลกรัม ที่ปลูกไว้บนเนื้อที่ 1,100 ตารางฟุต จากนั้นนางโอบามาและเด็ก ๆ นำพืชผักสวนครัวที่เก็บได้มาทำอาหารเมนูเพื่อสุขภาพในห้องครัวของทำเนียบขาว เป็นเมนูข้าวกล้องและไก่อบ ส่วนนักเรียนอีกกลุ่มช่วยกันทำสลัดผักกาดหอม และทำคัพเค้กด้วยการใช้น้ำผึ้งให้ความหวานแทนน้ำตาล

    สตรีหมายเลขหนึ่งสหรัฐและเด็ก ๆ ช่วยกันตั้งโต๊ะปิกนิกจัดสำรับอาหาร พร้อมบอกว่า นี่เป็นรางวัลสำหรับความเหน็ดเหนื่อยจากการทำสวนครัว และหวังว่าโครงการทำสวนครัวนี้จะช่วยให้ผู้ปกครองและเด็ก ๆ ทั่วประเทศเห็นความสำคัญของผักและผลไม้ เธอกล่าวว่า สมัยนี้เด็กหลายคนบริโภคอาหารแคลอรีสูง แต่กลับมีคุณค่าทางโภชนาการต่ำ รวมทั้งยังไม่ยอมออกกำลังกายด้วย และว่าการบริโภคอาหารสดใหม่ทำให้เรามีพลังมากขึ้น .-สำนักข่าวไทย

    2009-06-17 15:37:40

    พีต้า ขอให้ โอบามา มีเมตตาต่อแมลงวันมากกว่านี้

    [​IMG]

    วอชิงตัน 18 มิ.ย. - กลุ่มประชาชนเพื่อการปฏิบัติต่อสัตว์อย่างมีศีลธรรม (พีต้า) ขอให้ประธานาธิบดีบารัค โอบามา มีความเมตตาต่อสัตว์มากกว่านี้ หากคราวหน้าเขาถูกแมลงวันรบกวนในทำเนียบขาว

    กลุ่มพีต้า ได้ส่งเครื่องดักแมลง ที่ชื่อ Katcha Bug Humane Bug Catcher ซึ่งเป็นอุปกรณ์ดักแมลงวันที่บินสร้างความรำคาญภายในบ้าน และสามารถนำแมลงออกไปปล่อยนอกบ้านได้โดยที่แมลงไม่ได้รับอันตราย โฆษกพีต้า กล่าวว่า กลุ่มสนับสนุนความเมตตากรุณาต่อสัตว์ แม้จะเป็นสัตว์ที่แปลกที่สุด เล็กที่สุด และน่าสงสารน้อยที่สุด แต่ก็เชื่อว่าคนที่มีความเมตตาจะมีความรู้สึกเช่นนั้นต่อสัตว์ทุกตัว และแม้พีต้า จะพอใจที่ประธานาธิบดีโอบามา จะให้การสนับสนุนสิทธิสัตว์ และวิจารณ์การทารุณสัตว์อย่างเปิดเผย แต่การที่เขาตบแมลงวันออกโทรทัศน์ ชี้ให้เห็นว่าผู้นำสหรัฐไม่ใช่คนสมบูรณ์แบบ

    ความเคลื่อนไหวของกลุ่มพิทักษ์สิทธิสัตว์พีต้ามีขึ้น หลังประธานาธิบดีโอบามา ตบแมลงวันตัวหนึ่งตายคามือ เพราะแมลงวันตัวดังกล่าวบินสร้างความรำคาญขณะที่เขาให้สัมภาษณ์กับนายจอห์น ฮาร์วู้ด ผู้สื่อข่าวของสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นบีซี ที่ทำเนียบขาว ด้านนายจอห์น เอิร์นเนสต์ รองเลขานุการด้านสื่อมวลชน ระบุว่า ทำเนียบขาวไม่มีความเห็นต่อเรื่องนี้. -สำนักข่าวไทย

    2009-06-18 11:32:13

    หั่นแครอตทำอาหารลดประสิทธิภาพต้านมะเร็ง

    [​IMG]

    วคาสเซิล 17 มิ.ย. – นักวิจัยแนะนำอย่าหั่นแครอตเป็นชิ้น ๆ ก่อนปรุงอาหาร เพราะจะสูญเสียประสิทธิภาพของสารต้านมะเร็งที่อยู่ในแครอต

    นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยนิวคาสเซิล พบว่า หากนำแครอตมาต้มก่อนหั่นเป็นชิ้น แครอตจะมีสาร “ฟอลคารินอล” ซึ่งเป็นสารต้านมะเร็ง มากกว่าหั่นเป็นชิ้นก่อนนำไปต้ม ถึง 25 % สารฟอลคารินอลมีประโยชน์ในการต้านเซลล์มะเร็ง เพราะจากการทดลองกับหนูที่ให้กินสารชนิดนี้พบว่ามีพัฒนาการของเนื้อร้ายลดลง ซึ่งผลการศึกษาจะเสนอต่อที่ประชุมโภชนาการและสุขภาพที่ประเทศฝรั่งเศส

    ดร.เคอร์สเท่น แบรนด์ท หัวหน้านักวิจัยจากคณะเกษตร อาหารและการพัฒนาท้องถิ่นของมหาวิทยาลัยนิวคาสเซิล กล่าวว่า การหั่นแครอตเป็นชิ้นเพิ่มพื้นที่ผิวซึ่งจะทำให้สารอาหารถูกกรองทิ้งลงไปรวมกับน้ำในขณะประกอบอาหาร แต่ถ้าต้องการให้สารอาหารเหล่านี้ยังคงมีอยู่อย่างเต็มที่ก็จะต้องหั่นเป็นชิ้นหลังปรุงเสร็จแล้ว

    นักวิจัย ระบุว่า หนูทดลองที่กินอาหารซึ่งประกอบด้วยแครอตหรือสาร “ฟอลคารินอล” จะมีโอกาสน้อยลงถึง 30 % ที่เนื้อร้ายจะพัฒนาเป็นมะเร็งอย่างเต็มที่ นักวิจัย บอกด้วยว่า แครอตเมื่อถูกทำให้ร้อน ความร้อนจะฆ่าเซลล์ ทำให้สูญเสียความสามารถที่จะเก็บน้ำไว้ภายใน แต่สาร “ฟอลคารินอล” จะมีความเข้มข้นขึ้น

    อย่างไรก็ตาม ความร้อนทำให้ผนังเซลแครอตอ่อนนุ่ม ทำให้สารอาหารที่สามารถละลายได้ในน้ำ เช่นน้ำตาลและวิตามินซีสูญเสียไปทางพื้นผิวของเนื้อเยื่อ เช่นเดียวกับ “ฟอลคารินอล” ก็จะถูกกรองทิ้งออกไปด้วย และถ้าเราหั่นแครอตก่อนนำมาประกอบอาหารก็จะยิ่งเพิ่มพื้นที่หน้าตัดของเนื้อเยื่อ การสูญเสียสารอาหารก็จะยิ่งเพิ่มขึ้น .-สำนักข่าวไทย

    2009-06-17 16:29:25

    เกาหลีเหนือรีบถอนเงินจากบัญชีต่างประเทศหลังถูกยูเอ็นคว่ำบาตร

    [​IMG]

    โซล 17 มิ.ย. - หนังสือพิมพ์ดองอา อิลโบ ของเกาหลีใต้รายงานว่า เกาหลีเหนือรีบถอนเงินออกจากบัญชีธนาคารในต่างประเทศ หลังสหประชาชาติดำเนินมาตรการคว่ำบาตรทางการเงินและด้านอื่น ๆ จากการทดสอบนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ

    รายงานอ้างแหล่งข่าวในจีนระบุว่า เกาหลีเหนือเริ่มถอนเงินออกจากบัญชีธนาคารในเขตบริหารพิเศษมาเก๊า และบัญชีในต่างประเทศเกือบทั้งหมด ทั้งบัญชีส่วนบุคคลและบริษัทการค้า เพราะเกรงว่า อาจถูกอายัดเงิน แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม ด้านหน่วยข่าวกรองเกาหลีใต้ยังไม่แสดงความเห็นใด ๆ
    นอกจากนี้รายงานยังระบุว่า รัฐบาลเกาหลีใต้ได้ให้รายละเอียดบัญชีธนาคารของเกาหลีเหนือ 10-20 บัญชีที่เปิดในจีน สวิตเซอร์แลนด์และที่อื่น แก่รัฐบาลสหรัฐ โดยสงสัยว่า บัญชีเหล่านี้ถูกใช้ในกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการปลอมแปลงธนบัตร การค้ายาเสพติด และการฟอกเงิน

    มติคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นที่ 1874 ที่ผ่านความเห็นชอบเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาเรียกร้องให้ ชาติสมาชิกยูเอ็น ขยายการค่ำบาตรครั้งแรกต่อเกาหลีเหนือหลังการทดลองนิวเคลียร์ เมื่อปี 2549 และให้เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบเรือสินค้าของเกาหลีเหนือ ตลอดจนให้เพิ่มการคว่ำบาตรการค้าอาวุธ และการจำกัดด้านการเงินเพื่อขัดขวางแหล่งรายได้สำหรับโครงการด้านนิวเคลียร์และขีปนาวุธของรัฐบาลเกาหลีเหนือ. -สำนักข่าวไทย

    2009-06-17 11:44:23

    ฝ่ายตรงข้ามกับผู้นำอิหร่านยังออกมาประท้วงเต็มถนนในกรุงเตหะราน

    [​IMG]

    เตหะราน 17 มิ.ย.- กลุ่มสนับสนุนประธานาธิบดี มาห์มุด อาห์มาดิเนจัด ของอิหร่าน และกลุ่มที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามยกขบวนออกมาชุมนุมอย่างคับคั่งในกรุงเตหะรานเมื่อวาน แต่เป็นการชุมนุมกันคนละที่ ท่ามกลางบรรยากาศของความโกลาหลที่ยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

    เดิมทีกลุ่มหนุนอดีตนายกรัฐมนตรี มีร์ ฮอสเซน มูซาวี ผู้พ่ายแพ้การเลือกตั้ง มีกำหนดจะปักหลักชุมนุมที่จัตุรัสวาลี อาเซอร์ กลางกรุงเตหะราน แต่เนื่องจากถูกกลุ่มที่หนุนประธานาธิบดี อาห์มาดิเนจัด ชิงตัดหน้าด้วยการแย่งพื้นที่ชุมนุมไปก่อน จึงทำให้กลุ่มที่หนุนอดีตนายกรัฐมนตรี มูซาวี ต้องย้ายไปปักหลักชุมนุมประท้วงยังจุดอื่นของกรุงเตหะราน

    ขณะที่ทางการอิหร่านสั่งห้ามนักข่าวต่างชาติเกาะติดการชุมนุมประท้วงเมื่อวาน หลังมีภาพเคลื่อนไหวแสดงเหตุรุนแรงที่เกิดระหว่างการประท้วงแพร่ออกมา ส่งผลให้นักข่าวจากสำนักข่าวต่างชาติ รวมถึงซีเอ็นเอ็น ต้องรายงานสดทั้งที่ตัวเองยังอยู่ในสำนักงานหรือห้องพักของโรงแรม เพราะไม่ได้รับอนุญาตให้ไปเกาะติดเหตุการณ์จากสถานที่จริง ขณะที่รัฐบาลอิหร่านวิจารณ์ภาพข่าวที่ปรากฎออกมาว่า บางภาพเป็นการนำเสนออย่างมีอคติและมีเจตนาเบี่ยงเบนจากความเป็นจริง. -สำนักข่าวไทย

    2009-06-17 09:27:25

    ยอดผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่พันธุ์ใหม่ในแคนาดาเพิ่มเป็น 12 ราย

    [​IMG]

    ออตตาวา 18 มิย. - เจ้าหน้าที่แคนาดา กล่าวว่า มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 3 รายในแคนาดาเมื่อวันพุธ ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตจากไวรัสเอช1 เอ็น1 ทั่วประเทศมีจำนวนรวม 12 ราย และผู้ติดเชื้อเกือบ 5,000 ราย

    เจ้าหน้าที่สาธารณสุขกล่าวว่า สองในสามของผู้เสียชีวิตล่าสุดเป็นหญิงวัย 40 ปีเศษในรัฐแมนิโทบา ส่วนรายที่สามเป็นหญิงวัย 70 ปีในรัฐควิเบก ส่วนผู้ติดเชื้อรายใหม่มีจำนวน 856 ราย ทำให้จำนวนรวมเป็น 4,906 ราย และต้องรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 284 ราย เจ้าหน้าที่แคนาดากล่าวคาดว่า จำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศจะลดลงในช่วงฤดูร้อนอีกไม่กี่เดือนนี้ แต่เตือนว่าไวรัสอาจระบาดมากขึ้นในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ทั้งนี้แคนาดามีจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่มากเป็นอันดับสาม รองจากสหรัฐและเม็กซิโก หลังเริ่มระบาดเมื่อเดือนเมษายน .-สำนักข่าวไทย

    2009-06-18 10:30:34

    เหยื่อไข้หวัดใหญ่ 2009 ที่อาร์เจนตินา เสียชีวิตแล้ว 4 คน

    [​IMG]

    อาร์เจนตินา 17 มิ.ย. - ทางการอาร์เจนตินา ยืนยันว่า มีผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เพิ่มอีก 3 คน ส่งผลให้ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 4 คนแล้ว

    นายคาร์ลอส โซรัตติ รัฐมนตรีช่วยสาธารณสุขอาร์เจนตินา ระบุว่า ผู้เสียชีวิตสองคนอยู่ในกรุงบูเอโนสไอเรส ส่งผลให้ในนครหลวงแห่งนี้ มีผู้เสียชีวิตแล้ว 3 คน ทางการระบุด้วยว่า 1 ใน 3 ของเหยื่อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 มีอายุ 28 ปีและเคยเข้ารับการปลูกถ่ายไขกระดูกเพื่อรักษาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเมื่อ 10 ปีที่แล้ว แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดอื่นๆ เพิ่มเติม

    นายโซรัตติ แถลงด้วยว่า มีการยืนยันผู้ติดเชื้อรายใหม่ อีก 138 คน ทำให้ขณะนี้ทั่วประเทศมีผู้ติดเชื้อแล้ว 871 คน ส่วนเหยื่อที่เสียชีวิตเป็นคนแรกของประเทศนั้นเป็นเด็กทารกวัย 3 เดือน ซึ่งได้รับการยืนยันจากทางการเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา .-สำนักข่าวไทย

    2009-06-17 09:35:18

    ยอดตายจากเหมืองระเบิดในอินโดนีเซียพุ่งเป็น 31 ศพ

    [​IMG]

    [​IMG]

    อินโดนีเซีย 18 มิ.ย. - ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุเหมืองระเบิดในอินโดนีเซีย ขยับเพิ่มขึ้นเป็น 31 คนแล้ว

    ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุเหมืองถ่านหินทางตะวันตกของอินโดนีเซียระเบิด เมื่อวานนี้ เพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 31 คนแล้ว หลังจากเจ้าหน้าที่นำร่างผู้เสียชีวิตขึ้นมาได้อีก 14 คน ขณะที่หน่วยกู้ภัยกำลังค้นหาคนงานเหมืองที่สูญหายไปอีก 1 คน แต่เชื่อว่าน่าจะเสียชีวิตแล้ว

    อย่างไรก็ดี ยังมีคนงานเหมือง 9 คน รอดชีวิตมาได้จากอุบัติเหตุครั้งนี้ ทั้งหมดถูกส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล ในจำนวนนี้บาดเจ็บสาหัส 2 คน ขณะนี้ยังไม่ทราบสาเหตุของการระเบิด แต่การสอบสวนเบื้องต้นระบุว่า สาเหตุของการระเบิดน่าจะมาจากแก๊สรั่ว. - สำนักข่าวไทย

    2009-06-18 02:36:14

    คนนับแสนเรียกร้องเลขาฯ ยูเอ็น ช่วยปล่อยตัวนักโทษพม่า

    [​IMG]

    สหประชาชาติ 17 มิ.ย. - นายบัน คี-มูน เลขาธิการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) และนายอิบราฮิม กัมบารี ทูตพิเศษยูเอ็น ที่ดูแลปัญหาในพม่า ได้รับคำร้องจากประชาชนกว่า 670,000 คนทั่วโลก ขอให้ทั้งคู่ช่วยกดดันให้รัฐบาลทหารพม่าปล่อยตัวนักโทษการเมืองทั้งหมด

    นางมิเชล มอนทัส โฆษกสหประชาชาติ ยืนยันวานนี้ว่า นายกัมบารี ได้รับคำร้อง ซึ่งระบุว่าการปล่อยตัวนักโทษการเมืองทั้งหมดจะเป็นก้าวแรกและก้าวสำคัญของเสรีภาพและประชาธิปไตยในพม่า ดังนั้นกลุ่มผู้ลงนามในคำร้องจึงเรียกร้องให้ยูเอ็นเร่งหาทางทำให้นักโทษการเมืองทั้งหมดในพม่าได้รับการปล่อยตัว

    กลุ่มผู้จัดการยื่นคำร้องต่อยูเอ็นระบุว่า รายชื่อผู้ร่วมลงนามกว่า 670,000 คน มาจาก 220 ประเทศ และดินแดนทั่วโลก รวมทั้งอดีตนักโทษการเมืองและกลุ่มนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชน โดยในบรรดากลุ่มนักเคลื่อนไหวชาวพม่าที่ร่วมลงนามครั้งนี้คือ นางขิ่น โอมาร์ รองประธานสหภาพสตรีพม่า นายเทต หน่าย และนายอ่อง ดิน อดีตนักโทษการเมือง นอกจากนี้ยังมีบุคคลสำคัญคนอื่นที่ร่วมลงนามในคำร้องด้วย เช่น นายวาคลาฟ ฮาเวล อดีตประธานาธิบดีสาธารณรัฐเช็ก ซึ่งเคยถูกจำคุกเป็นเวลาหลายปีจากการเคลื่อนไหวต่อต้านคอมมิวนิสต์

    ตามข้อมูลจากสาธารณรัฐเช็กที่ช่วยประชาสัมพันธ์คำร้องครั้งนี้ระบุว่า ปัจจุบันพม่าจำคุกนักโทษการเมืองไว้ 2,100 คน และนับแต่เดือนตุลาคมปีก่อน มีนักโทษกว่า 350 คน ได้รับโทษจำคุกสถานหนักสูงสุดถึง 104 ปี

    ส่วนการพิจารณาคดีฝ่าฝืนคำสั่งกักบริเวณในบ้านพักของนางซู จี จะเริ่มการพิจารณาอีกครั้งในวันที่ 26 มิถุนายนนี้ และเธออาจถูกจำคุกสูงสุดถึง 5 ปี หากถูกตัดสินว่ามีความผิด ด้านเลขาธิการยูเอ็นกำลังพิจารณาเดินทางเยือนพม่าในเดือนหน้า เพื่อเรียกร้องให้คณะผู้นำรัฐบาลทหารพม่ารักษาสัญญาที่จะทำให้ประเทศเป็นประชาธิปไตย. - สำนักข่าวไทย

    2009-06-17 10:10:32

    จีนฆ่าสุนัข 37,500 ตัว หวังจำกัดโรคพิษสุนัขบ้า

    [​IMG]

    ปักกิ่ง 17 มิ.ย. - เจ้าหน้าที่เมืองฮั่นจง ในมณฑลฉ่านซี ทางภาคเหนือของจีน เผยวันนี้ว่า นับแต่เดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ได้ฆ่าสุนัขไปแล้ว 37,500 ตัว เพื่อจำกัดการแพร่ระบาดของโรคพิษสุนัขบ้า ท่ามกลางเสียงคัดค้านทางอินเทอร์เน็ตที่เห็นว่าเป็นการทารุณสัตว์

    เจ้าหน้าที่สำนักเกษตรของเมืองฮั่นจง กล่าวว่า การฆ่าสุนัขเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อจำกัดการแพร่ระบาดของโรคพิษสุนัขบ้า ซึ่งในปีนี้คร่าชีวิตชาวเมืองไปแล้ว 13 คน และมีผู้ถูกสุนัขกัดอีก 6,600 คน และว่าการประกาศจะฆ่าสุนัขที่ไม่มีเจ้าของเพื่อป้องกันโรคแพร่ระบาดนั้นช่วยให้เจ้าของสุนัขไม่กล้าปล่อยสุนัขออกไปเพ่นพ่านนอกบ้าน

    อย่างไรก็ดี โครงการนี้ก่อให้เกิดเสียงคัดค้านทางอินเทอร์เน็ต โดยเฉพาะหลังมีผู้นำภาพการฆ่าสุนัขออกเผยแพร่ ก็มีคนจำนวนมากโทรศัพท์วิจารณ์การกระทำของทางการเมืองฮั่นจง ขณะที่บางคนเริ่มจัดโครงการย้ายบ้านสุนัขจรจัดไปยังเมืองอื่น

    การฆ่าสัตว์ในช่วงที่เกิดโรคระบาดไม่ใช่เรื่องแปลกในจีน เพราะเมื่อปี 2549 มณฑลยูนนาน เคยสั่งฆ่าสุนัข 50,000 ตัว ภายในเวลาเพียง 5 วัน หลังมีผู้เสียชีวิตจากการถูกสุนัขกัด 3 คน และในปี 2550 จีนเคยฆ่าสุกรอย่างน้อย 175,000 ตัว ทั่วประเทศ เพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดโรคพีอาร์อาร์เอส ซึ่งเป็นโรคที่พบในสุกร. -สำนักข่าวไทย

    2009-06-17 16:26:32

    ที่มา http://news.mcot.net/international/
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  15. สาวปีใหม่

    สาวปีใหม่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    1,004
    ค่าพลัง:
    +2,368
    เรื่องเก่า น่ารู้ค่ะ

    แผ่นดินไหว เขื่อนวิบัติ : ภัยที่ต้องป้องกัน ก่อนวัวหายแล้วล้อมคอก

    ไชยณรงค์ เศรษฐเชื้อ searin ๑๗ มกราคม ๒๕๔๗

    เห ตุการณ์สึนามิได้บอกกับสังคมไทยว่าแผ่นดินไหวกับคนไทยไม่ได้เป็นเรื่องไกล ตัวอีกต่อไป แต่น่าเสียดายที่ความสนใจในการป้องกันภัยพิบัติจากแผ่นดินไหวต่างมุ่งไปที่ สึนามิเป็นหลัก ไม่ได้ให้ความสำคัญกับแผ่นดินไหวในประเทศ

    ความจริง แล้ว แผ่นดินไหวที่สร้างความเสียหายต่อประเทศไทยมี ๒ ลักษณะคือ แผ่นดินไหวที่มีศูนย์อยู่นอกประเทศ ส่วนใหญ่มาจากแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในจีนและพม่า เช่นแผ่นดินไหวในปี ๒๕๓๘ ซึ่งเกิดขึ้นบริเวณพรมแดนจีน-พม่า สร้างความเสียหายให้กับอาคารในภาคเหนือของประเทศหรือแผ่นดินไหวในพม่าเมื่อ ปี ๒๔๗๓ สร้างความเสียเล็กน้อยให้กับกรุงเทพฯ

    แผ่นดินไหวลักษณะที่ ๒ คือ แผ่นดินไหวในประเทศ กรมอุตุนิยมวิทยาได้ระบุถึงประวัติแผ่นดินไหวในประเทศไทยว่า เกิดขึ้นทุกภาคของประเทศ แต่ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในภาคเหนือ รองลงมาคือภาคกลาง(หมายถึงฝั่งตะวันตก) และภาคใต้ ส่วนแผ่นดินไหวภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออกนั้นเกิดขึ้นน้อยสุด

    ความจริงแล้ว คนไทยมีประสบการณ์ภัยพิบัติจากแผ่นดินไหวมานานแล้ว ตั้งแต่ในอดีต เช่น แผ่นดินไหวเมื่อปี ๒๐๘๘ มีศูนย์กลางที่เชียงใหม่ทำให้ยอดเจดีย์หลวงสูง ๘๖ เมตรหักพังลงมาเหลือ ๖๐ เมตร ส่วนแผ่นดินไหวในประเทศที่สำคัญในยุคหลังๆ ก็เช่น

    แผ่นดินไหว ขนาด ๕.๖ ริกเตอร์เมื่อวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๘ มีศูนย์กลางที่ อ.ท่าสองยาง จ.ตาก เกิดความเสียหายเล็กน้อยบริเวณใกล้จุดศูนย์กลาง

    แผ่นดินไหวขนาด ๕.๙ ริกเตอร์ เมื่อวันที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๒๖ มีศูนย์กลางใกล้อ่างเก็บน้ำเขื่อนศรีนครินทร์ สร้างความเสียหายเล็กน้อยต่ออาคารในกรุงเทพฯ

    ล่าสุดคือแผ่นดินไหว ขนาด ๕.๑ ริกเตอร์ เมื่อวันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๓๗ มีศูนย์กลางที่ อ.พาน จ.เชียงราย สร้างความเสียหายเล็กน้อยถึงปานกลางให้กับอาคาร โรงพยาบาล โรงเรียน และวัดหลายแห่ง

    อย่างไรก็ตาม แผ่นดินไหวในประเทศอาจจะเคยมีขนาดมากกว่านี้เพราะข้อมูลนี้เป็นข้อมูลภายในประเทศ

    รศ. เป็นหนึ่ง วานิชชัย แห่งสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชียได้ระบุในบทความซึ่งตีพิมพ์ในมติชนเมื่อวัน ที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๓๘ ว่า หากนำข้อมูลแผ่นดินไหวนอกประเทศมาดูจะพบว่าประเทศไทยเคยมีแผ่นดินไหวถึง ๖.๕ ริกเตอร์มาแล้ว โดยมีศูนย์กลางที่จังหวัดแพร่ เมื่อปี ๒๔๗๖

    รศ. เป็นหนึ่ง ยังระบุว่า แผ่นดินไหวครั้งนั้นนับได้ว่ามีขนาดใกล้เคียงกันกับแผ่นดินไหวที่ทำความเสีย หายรุนแรงแก่นครลอสแอนเจลิสเมื่อเดือนมกราคม ๒๕๓๗

    สาเหตุหนึ่งที่ เราให้ความสำคัญกับแผ่นดินไหวในประเทศน้อยก็เพราะว่า จุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ในป่าเขาห่างจากชุมชนจึงสร้างความเสียหายแค่เล็ก น้อยถึงปานกลาง ประกอบกับความรู้เรื่องแผ่นดินไหวในประเทศไทยเพิ่งมีความก้าวหน้าเมื่อ ประมาณ ๒๐ ปีนี้เอง


    <table class="line01" width="90%" align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="row01" height="20"><table width="100%" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="F14T" height="25"> [​IMG] </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> </tbody></table> <table width="100%" border="0" cellpadding="0" cellspacing="1"><tbody><tr><td class="row03" valign="top" width="17%"> <table width="100%" border="0" cellpadding="1" cellspacing="1"> <tbody><tr class="F10T"> <td colspan="2" valign="top"> <table width="100%" align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td>
    </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr class="F10T"> <td valign="top" width="13%" align="center"> [​IMG] </td> <td valign="top" width="87%"> botun </td> </tr> <tr class="F10T"> <td valign="top" width="13%" align="center"> [​IMG] </td> <td valign="top" width="87%"> 28 มกราคม 2551
    เวลา : 08:50
    </td> </tr> <tr class="F10T"> <td valign="top" align="center">
    </td> <td>
    </td> </tr> <tr> <td colspan="2" valign="top">
    </td> </tr> </tbody></table></td> <td class="row02" valign="top"><table width="100%" border="0"> <tbody><tr> <td class="F11T"> ปัจจุบัน ความรู้ด้านธรณีวิทยาที่ก้าวหน้าทำให้เราทราบว่าประเทศไทยมีแนวเลื่อนของเปลือกโลกซึ่งแบ่งออกเป็น ๓ กลุ่มดังนี้

    ๑) เขตภาคเหนือ มีกลุ่มแนวเลื่อนแม่ทาที่โค้งโอบเชียงใหม่ กลุ่มแนวเลื่อนเชียงแสน กลุ่มแนวเลื่อนแพร่ และกลุ่มแนวเลื่อนเถิน

    ๒) เขตภาคตะวันตก มีกลุ่มแนวเลื่อนศรีสวัสดิ์ กลุ่มแนวเลื่อยเมย-อุทัยธานี และกลุ่มแนวเลื่อนเจดีย์สามองค์

    ๓) เขตภาคใต้ มี กลุ่ม แนวเลื่อนระนองที่พาดผ่านตั้งแต่อ่าวไทยลงไปทางตะวันตกเฉียงใต้ผ่าน ระนองถึงทะเลอันดามัน และกลุ่มแนวเลื่อนคลองมะรุยซึ่งขนานกับแนวเลื่อนระนอง โดยแนวเลื่อนหลักพาดผ่านตั้งแต่อ่าวไทย อ่าวบ้านดอนที่สุราษฎร์ธานีลงไปยังกระบี่และภูเก็ต

    แนวเลื่อนเหล่านี้มีขนาดยาวหลายร้อยกิโลเมตรซึ่งสามารถทำให้เกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ได้

    กระนั้น ก็ตาม ความเชื่อที่ว่าประเทศไทยปลอดภัยจากแผ่นดินไหวก็ยังฝังรากลึกอยู่ในสังคมไทย โดย เฉพาะในบรรดาวิศวกรก่อสร้าง และนั่นทำให้ความเสี่ยงจากภัยพิบัติแผ่นดินไหวในปัจจุบันสูงมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากตึกสูงและเขื่อนที่ถูกสร้างขึ้นมากมายในยุคปัจจุบัน

    หลัง สึนามิ การที่ กทม.มีแนวคิดทบทวนกฎกระทรวงเกี่ยวกับการสร้างอาคารจึงเป็นเรื่องน่ายินดี แต่สำหรับเขื่อนแล้ว ดูเหมือนว่ายังน่าเป็นห่วง แม้มีข่าวว่ากรมชลประทานเตรียมของบประมาณ ๓,๐๐๐? ล้านบาทเพื่อปรับปรุงให้เขื่อนปลอดภัยจากแผ่นดินไหวก็ตาม

    ทั้งนี้ ก็เพราะภัย พิบัติจากเขื่อนพังกับอาคารพังเนื่องจากแผ่นดินไหวนั้นแตกต่างกัน เพราะไม่ได้มีแค่เรื่องของความแข็งแรงในการก่อสร้างแต่ยังมีมติต่างๆ อีกมากมาย

    ก่อนอื่นเรา จะต้องเข้าใจก่อนว่า ในระดับนานาชาติ มีการยอมรับกันมานานแล้วว่าเขื่อนที่สร้างบนแนวเลื่อนของเปลือกโลกกับแผ่น ดินไหวนั้นเป็นของคู่กัน

    ศาสตราจารย์บรูซ เอ. โบลต์ แห่งมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียเบอร์กเลย์ ระบุไว้ในหนังสือเรื่องแผ่นดินไหว (Earthquake) ว่า น้ำ ในเขื่อนที่สร้างขึ้นบริเวณแนวเลื่อนของเปลือกโลกเปรียบเสมือนตัวการใน การลั่นไก (triggering) ทำให้เกิดแผ่นดินไหว ซึ่งมีผลมาจากน้ำหนักของน้ำที่ไปกระตุ้นให้เกิดพลังงานในชั้นหินผู้ ที่รายงานแผ่นดินไหวลักษณะนี้คนแรกคือคาร์เคอร์ (Carder) เมื่อ ปี พ.ศ.๒๔๘๘ ซึ่งพบการเกิดแผ่นดินไหวจากเขื่อนฮูเวอร์ในอเมริกา ซึ่งเป็นเขื่อนยุคใหม่แห่งแรกของโลก

    ในชั้นแรกคิดกันว่า แผ่นดินไหวลักษณะนี้เป็นขนาดเล็กๆ ไม่ก่อให้เกิดความเสียหายใดๆ แต่ต่อมาก็เกิดแผ่นดินไหวกับเขื่อนอื่นๆ อีกหลายเขื่อนที่มีการสร้างหลังเขื่อนฮูเวอร์ ที่รุนแรงก็เช่น ภายหลังการสร้างเขื่อนคอยนา (Koyna) ในอินเดีย ทำให้เกิดแผ่นดินไหวเมื่อปี ๒๕๑๐ ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง ๑๗๗ คน บาดเจ็บ ๑,๕๐๐ คน บ้านเรือนเสียหายเป็นจำนวนมาก ทั้งที่บริเวณนั้นไม่เคยเกิดแผ่นดินไหวมาก่อน

    ขณะที่ศาสตราจารย์ปริญญา นุตาลัย ได้แบ่งสาเหตุการวิบัติของเขื่อนจากแผ่นดินไหวออกเป็น ๓ ลักษณะ

    ลักษณะ แรก เกิดจากหินใต้เขื่อนเลื่อนตามแนวเลื่อนทำให้ตัวเขื่อนฉีกขาดออกจากกัน ตัวอย่างเช่น การพังของเขื่อนบอลด์วินฮิลล์ในลอสแอนเจลิส เมื่อวันที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๐๖ ทำให้มีผู้เสียชีวิต ๕ คน บริษัทประกันภัยจ่ายค่าเสียหาย ๑๒? ล้านเหรียญ และมีการฟ้องร้องตามมาอีกมากมาย

    ลักษณะที่สอง เกิดจากการสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว ตัวอย่างเช่น เขื่อนแวนนอร์แมน (Van Norman Dam) ในลอสแอนเจลิส ทำให้สันเขื่อนด้านเหนือน้ำถล่มลงมา

    ลักษณะ ที่สาม
    เกิดจากมวลดินถล่มลงมาในอ่างเก็บน้ำ ทำให้เกิดคลื่นยักษ์ในอ่างเก็บน้ำ เช่น เขื่อนไวยอนต์ (Vaiont Dam) ในประเทศอิตาลี เมื่อวันที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๐๖ ได้เกิดมวลหินถล่มลงมาทำให้เกิดคลื่นยักษ์กระฉอกล้นออกจากเขื่อนและพัดพาเอา บ้านเรือนท้ายเขื่อนมีผู้เสียชีวิตมากกว่า ๒,๖๐๐ คน

    ในประเทศไทย เองก็เคยเกิดเหตุการณ์ทำนองนี้ นั่นก็คือ การเกิดแผ่นดินไหวขนาด ๕.๙ ริกเตอร์ เมื่อวันที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๒๖ มีศูนย์กลางใกล้อ่างเก็บน้ำเขื่อนศรีนครินทร์ ทำให้หินแตกเลื่อนออกจากกันยาวประมาณ ๔ กิโลเมตร และทำให้เกิดดินถล่มลงในอ่างเก็บน้ำหลายแห่งและทำให้เกิดคลื่นยักษ์ตามมา โชคดีที่บริเวณดินถล่มห่างจากตัวเขื่อนมาก จึงไม่เกิดหายนะอย่างเขื่อนไวยอนต์

    อย่างไรก็ตาม ประเด็นความปลอดภัยของเขื่อนกับแผ่นดินไหวในประเทศไทยมักถูกละเลยจากนัก สร้างเขื่อนดังจะเห็นได้จากรายงาน การประเมินผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมที่มักประเมินว่า แนวเลื่อนของเปลือกโลกที่สร้างเขื่อนนั้นตายแล้ว ทั้งนี้ก็เพราะเหตุผลทางการเมืองเพียงเพื่อให้เขื่อนได้รับการอนุมัติ

    ผู้เขียนเชื่อว่า คนท้ายเขื่อนคงตกใจไม่น้อยที่หลังเหตุการณ์สึนามิ กรมชลประทานได้เตรียมของบประมาณถึง ๓,๐๐๐ ล้านบาทเพื่อหาทางป้องกันเขื่อนจากแผ่นดินไหว นั่นหมายความว่าที่แท้แล้ว เขื่อนนั้นไม่ปลอดภัย ทั้งที่ก่อนหน้านี้นักสร้างเขื่อนยืนยันมาตลอดว่าเขื่อนของพวกเขาปลอดภัยจาก แผ่นดินไหวแน่นอน

    นอก จากเขื่อนของกรมชลประทานแล้ว ยังมีเขื่อนของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) อีกหลายเขื่อนที่สร้างบนแนวเลื่อนของเปลือกโลก และมีความเสี่ยงสูงไม่น้อยไปกว่าเขื่อนของกรมชลประทาน โดย เฉพาะเขื่อนเขาแหลมที่สร้างบนแนวเลื่อนเจดีย์สามองค์ เขื่อนศรีนครินทร์ที่สร้างบนแนวเลื่อนศรีสวัสดิ์ และเขื่อนเชี่ยวหลานที่สร้างในเขตแนวเลื่อนคลองมะรุย

    แม้ กฟผ.จะอ้างว่าได้ออกแบบเขื่อนให้รองรับการสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวแล้ว และ กฟผ.มีเครื่องวัดแผ่นดินไหวที่ทันสมัยติดตั้งอยู่ที่เขื่อนศรีนครินทร์ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเขื่อนของ กฟผ.จะปลอดภัยจากแผ่นดินไหว

    ขื่อน บอลด์วินฮิลล์เป็นตัวอย่างได้ดีพราะ ขณะที่การสำรวจเพื่อจะสร้างเขื่อนแห่ง นี้ มีการพบแนวเลื่อน ๓ แนว แต่ผู้สำรวจคิดว่าแนวเลื่อนเหล่านี้จะไม่เลื่อนอีก กระนั้นก็ตาม นักสร้างเขื่อนก็ยังออกแบบเผื่อให้เขื่อนป้องกันแผ่นดินไหวถึง ๐.๒ g (ค่า g คือความเร่งของแรงดึงดูดโลก) เขื่อนแห่งนี้เป็นที่ยอมรับกันว่าเป็นตัวอย่างยอดเยี่ยมทางวิศวกรรมไม่ว่าใน การออกแบบ วิธีก่อสร้าง และการติดตามผล มีระบบการตรวจสอบประสิทธิภาพของเขื่อนตลอดเวลา แต่เขื่อนก็พังลงมาในที่สุด



    การพังของเขื่อนแห่งนี้ ทำให้เราเห็นนัยสำคัญสองประการคือ

    ประการ แรก ไม่ว่าเราจะมีความเชื่อมั่นทางวิศวกรรมอย่างไร แต่ก็อาจจะไม่สามารถป้องกันไม่ให้เขื่อนวิบัติจากแผ่นดินไหวได้ อาจยกเว้นถ้าเราใช้เงินจำนวนมหาศาลเพื่อให้เขื่อนแข็งแรง แต่ก็มีคำถามว่าคุ้มหรือไม่ ดังนั้นวิธีป้องกันที่ดีที่สุดก็คือไม่สร้างเขื่อนในเขตแนวเลื่อนของเปลือกโลก

    ประการที่สอง
    เราไม่สามารถฝากการป้องกันภัยพิบัติเขื่อนจากแผ่นดินไหวให้กับบรรดา วิศวกรนักสร้างเขื่อนได้

    ดังนั้น เราจึงควรระงับโครงการเขื่อนที่มีความเสี่ยงต่อแผ่นดินไหวเนื่องจากจะสร้าง บนแนวเลื่อนของเปลือกโลก เช่น เขื่อนแก่งเสือเต้น เป็นต้น

    ส่วน กรณีเขื่อนที่สร้างไปแล้วนั้น ผู้เขียนใคร่ขอเสนอว่า ควรอย่างยิ่งที่จะต้องมีการจัดทำแผนรับมือกับภัยพิบัติเขื่อนพังจากแผ่นดิน ไหว

    ในระยะเร่งด่วน ควรมุ่งไปที่เขื่อนที่มีความเสี่ยงสูงมากที่สุดก่อน นั่นคือเขื่อนเขาแหลม เขื่อนศรีนครินทร์ เขื่อนเชียวหลาน และเขื่อนบางลาง เนื่องจากเขื่อนทั้งสี่แห่งมีหลักฐานว่าระหว่างการก่อสร้างมีปัญหาด้านธรณี วิทยาและทำให้งบการก่อสร้างบานปลายมาก

    สำหรับเขื่อนเชี่ยวหลานและเขื่อนบางลาง ยังเกี่ยวข้องกับแผ่นดินไหวที่ทำให้เกิดสึนามิที่ผ่านมาด้วย

    รายงาน จากชาวบ้านที่พบหลุบยุบมากมายทางภาคใต้หลังเกิดสึนามิคือสัญญาณเตือนว่า เขื่อนทางภาคใต้อาจมีความ เสี่ยงเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยาที่ต่อเนื่องมาจากการเลื่อนตัว ของเปลือกโลกเมื่อวันที่ ๒๖ ธันวาคมที่ผ่านมา

    ส่วนเขื่อนอื่นๆ ที่อยู่ในข่ายที่ต้องจัดทำแผนคือเขื่อนทางภาคเหนือและภาคตะวันตกของประเทศ เช่น เขื่อนแม่งัด เขื่อนแม่กวง ฯลฯ

    ที่ สำคัญก็คือ การป้องกันภัยพิบัติของเขื่อนจากแผ่นดินไหวต้องเป็นการร่วมมือกันของหน่วย งานต่างๆ นอกเหนือไปจากหน่วยงานสร้างเขื่อน เช่น กรมทรัพยากรธรณี กรมอุตุนิยมวิทยา มหาดไทย องค์กรภาคเอกชน นักวิชาการ และที่สำคัญคือผู้ที่อยู่ท้ายเขื่อนซึ่งป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการอพยพใน กรณีเขื่อนวิบัติ

    ผู้เขียนจำได้ว่า ก่อนหน้าเกิดสึนามิประมาณ ๒ เดือน มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี ชาวบ้านท้ายเขื่อนเขาแหลมและเขื่อนศรีนครินทร์ และกลุ่มอนุรักษ์กาญจน์ได้ร่วมกับสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติจัด ให้มีการสัมมนา เพื่อหาแนวรับมือกับการวิบัติของเขื่อนในกาญจนบุรี

    สิ่ง ที่ น่าตกใจก็คือ ตัวแทนจังหวัดที่รับผิดชอบการป้องกันภัยไม่เข้าใจแม้แต่น้อยว่า การป้องกันภัยพิบัติจากเขื่อนคืออะไร นอกจากกล่าวว่าจังหวัดมีกฎเกณฑ์เกี่ยวกับการจ่ายค่าเสียหายแล้ว ขณะที่ตัวแทน กฟผ.ระบุว่า กฟผ.มีแผนการป้องกันภัยแล้วพร้อมกับชูแผนหนาปึกให้ที่ประชุมดู แต่ก็บอกว่าเปิดเผยไม่ได้เพราะเป็นข้อมูลลับ ต้องขออนุญาตจากผู้บริหารก่อนท่ามกลางชาวบ้านที่ต้องหันมามองตากันปริบๆ แม้ว่าพวกเขาคือผู้ที่จะได้รับผลกระทบโดยตรงหากเขื่อนวิบัติ

    ทัศนะ ของ กฟผ.นี้เองที่ผู้เขียนไม่มั่นใจว่าการป้องกันภัยพิบัติจากเขื่อนพังจะเป็น จริงได้ เพราะวิธีคิดของนักสร้างเขื่อนยังมองว่าแผนการป้องกันภัยพิบัติเขื่อนพัง เป็นความลับและแยกคนในสังคมออกไป ทั้งๆ ที่คนคือหัวใจของการป้องกันภัยพิบัติเขื่อนพังจากแผ่นดินไหว

    ทัศนะ เช่นนี้บอกให้เรารู้ว่าตราบใดที่นักสร้างเขื่อนยังคิดอยู่ในบริบททางการ เมืองแบบเก่า ต่อให้เพิ่มงบประมาณอีกกี่พันล้านก็ตาม เราก็ไม่มีทางหลีกเลี่ยงหายนะจากการวิบัติของเขื่อนจากแผ่นดินไหวได้



    (ที่มา)เครือข่ายแม่น้ำเอเซีย ตะวันออกเฉียงใต้ 78 หมู่ 10 ถ.สุเทพ ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 50200

    ที่มา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มิถุนายน 2009
  16. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ยอดผู้ติดเชื้อหวัด 2009 ในไทยพุ่ง 518 ราย! สถาบันการศึกษาเจอ 60 แห่ง</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>18 มิถุนายน 2552 11:48 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    สธ.แถลงพบผู้ติดเชื้อหวัด 2009 อีกวันนี้ 113 ราย ทำยอดพุ่งถึง 518 รายแล้ว ยันมีผู้ป่วยนอนรักษาตัวที่ รพ.12 ราย ที่เหลือหายเป็นปกติแล้ว พร้อมเผยมีผู้ติดเชื้อใน 38 จังหวัด ขณะที่สถาบันการศึกษาเจอเชื้อ 60 แห่ง

    นายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ในวันนี้ (18 มิ.ย.) มีจำนวนทั้งสิ้น 113 ราย เป็นผู้รายใหม่ที่ติดเชื้อ 18 ราย ส่วนอีก 105 รายเป็นผู้ป่วยที่มีผลการยืนยันผลแลบจากห้องปฏิบัติการที่โรงเรียนต่างๆ ส่งผลตรวจเข้ามา

    ทำให้ขณะนี้มียอดรวมสะสมผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 แล้วทั้งสิ้น 518 ราย ซึ่งมีผู้ป่วยนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล 12 ราย ส่วนที่เหลือหายดีเป็นปกติแล้ว

    ส่วนยอดผู้ป่วยสะสมในแต่ละจังหวัดทั่วประเทศ รวม 18 จังหวัด คือ กรุงเทพมหานคร 318 ราย นนทบุรี 66 ราย ปทุมธานี 58 ราย ชลบุรี 29 ราย สมุทรปราการ 21 ราย ภูเก็ต สมุทรสาคร จังหวัดละ 4 ราย นครปฐม 3 ราย เชียงใหม่ ตรัง ร้อยเอ็ด ราชบุรี สุพรรณบุรี จังหวัดละ 2 ราย นครสวรรค์ พิษณุโลก ลพบุรี สงขลา สระบุรี จังหวัดละ 1 ราย ส่วนสถาบันการศึกษาที่พบผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ มียอดมสะสมรวม 60 สถาบัน เป็นแบ่ง 59 โรงเรียน และ1 มหาวิทยาลัย

    ทั้งนี้ ในเวลาประมาณ 12.00 น.นายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สธ. นายมานิต นพอมรบดี รมช.สธ. พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร สธ.จะเดินไปแจกสมุดปกเขียวรณรงค์เรื่องการป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ที่ ห้างสรรพสินค้ามาบุญครอง และบริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ

    ศธ.สั่งคุมเข้ม ร.ร.ที่เปิดเรียนวันนี้

    นายชินภัทร ภูมิรัตน ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่า ตามที่เช้าวันนี้ (18 มิ.ย.) โรงเรียนหลายแห่งที่ได้หยุดการเรียนการสอนเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 จะกลับมาเปิดการเรียนการสอนอีกครั้ง เช่น โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ทางกระทรวงศึกษาธิการได้กำชับทางโรงเรียนให้ดำเนินตามมาตรการที่ตกลงกันไว้ โดยต้องเฝ้าระวังโรค คัดแยกผู้ป่วยทันที และปฏิบัติตามแนวทางของกระทรวงสาธารณสุข โดยเน้นที่การรักษาผู้ป่วยให้หาย มากกว่าการปิดโรงเรียน เพราะจะทำให้เสียการเรียน และให้ปรึกษากับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอย่างใกล้ชิด

    อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์โรคเกิดการระบาดถึงร้อยละ 10 ของนักเรียนก็อาจจำเป็นต้องปิดเรียนอีกครั้ง สำหรับผู้ปกครองหากพบว่านักเรียนมีอาการป่วยขอให้หยุดเรียนรักษาตัวอยู่ที่บ้านทันที รักษาตั้งแต่เริ่มมีอาการก็จะหายได้ภายใน 1 สัปดาห์

    ทั้งนี้ ในวันนี้มีโรงเรียนแจ้งปิดเรียนเพิ่มเป็นแห่งที่ 28 ได้แก่ โรงเรียนอัสสัมชัญกรุงเทพฯ แผนกประถม ยังไม่พบผู้ติดเชื้อ โดยจะเปิดในวันอังคารที่ 23 มิ.ย.นี้ สรุปจำนวนนักเรียนนักศึกษายืนยันการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 รวม 79 คน จากสถานศึกษา 15 แห่ง

    ที่มา http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9520000068769
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  17. vichai2500

    vichai2500 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    600
    ค่าพลัง:
    +2,877
    ระยะหลังมานี้ มีคนมีความสามารถพิเศษมากขึ้น

    บางคนเห็น บางคนฝัน คล้ายๆ กัน แปลก+++++

    "And it shall come to pass in the last days, saith God, I will pour out of my Spirit upon all flesh: and your sons and your daughters shall prophesy, and your young men shall see visions, and your old men shall dream dreams" ACT 2:17
     
  18. doodee1

    doodee1 คนละพวก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    458
    ค่าพลัง:
    +1,718
    วันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2552 ปีที่ 19 ฉบับที่ 6776 ข่าวสดรายวัน


    แบน"เรพเลย์"



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>อุตสาหกรรมเกมประเทศญี่ปุ่นตัดสินใจแบนเกมคอมพิวเตอร์ที่เลียนแบบการข่มขืนผู้หญิง หลังจากที่นักปกป้องสิทธิมนุษยชนสหรัฐออกโรงต้านเกม "เรพเลย์" โดยผู้เล่น จะสะกดรอยตามเหยื่อซึ่งเป็นหญิงสาวในรถไฟใต้ดิน จากนั้นนำเหยื่อและมารดาไปข่มขืน อย่างไรก็ตาม การแบนนี้ไม่มีผลใดๆ ตามกฎหมาย เป็นเพียงแต่การจัดระเบียบอุตสาหกรรมเกมเท่านั้น

    [FONT=Tahoma,]หน้า 29[/FONT]










    คนตื่นหวัดดันออร์เดอร์หน้ากากอนามัยพุ่ง300% พาณิชย์ทำขึงขังขู่ฟันพ่อค้าโก่งราคา



    นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยภายหลังหารือร่วมกับองค์การเภสัชกรรม กรมควบคุมโรค สมาคมโรงพยาบาลเอกชน และผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในการควบคุมและป้องกันโรคไข้หวัด 2009 ว่า จากการประเมินสถานการณ์โรคพบว่าขณะนี้ประชาชนตื่นตัวมากในการป้องกันตนเองจากโรค โดยมีการหาซื้อหน้ากากอนามัยมาใช้กันมากขึ้น แบบที่ได้รับความนิยมในขณะนี้มี 2 ชนิด คือ ผ้าปิดปากใยสังเคราะห์ จำหน่ายเป็นแพ็กคู่ 2 ชิ้น 19 บาท และหน้ากากอนามัยจำหน่ายชิ้นละ 26 บาท โดยมีการวางจำหน่ายในร้านสะดวกซื้อทั่วไป

    ทั้งนี้จากการสอบถามผู้ผลิตและจำหน่ายผ้าปิดปากใยสังเคราะห์ และหน้ากากอนามัยจำนวน 10 ราย พบว่ามีการผลิตเพิ่มขึ้นจากช่วงปกติตามคำสั่งซื้อ โดยมีกำลังการผลิตเฉลี่ยวันละ 1 ล้านชิ้น ซึ่งเพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค ดังนั้นยืนยันว่าจะไม่เกิดปัญหาขาดแคลนแน่นอน

    นายยรรยง กล่าวต่อถึงความเหมาะสมของราคาจำหน่ายผ้าปิดปากใยสังเคราะห์ และหน้ากากอนามัยขณะนี้กรมยังไม่ได้ทำการวิเคราะห์โครงสร้างต้นทุนสินค้าดังกล่าว แต่จากการพิจารณาในเบื้องต้นได้ขอความร่วมมือไม่ให้ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายปรับขึ้นราคาจากราคาปัจจุบัน ส่วนปริมาณยารักษาโรคไข้หวัด 2009 นั้นพบว่าไม่ขาดแคลนโดยกรมควบคุมโรคมีการสำรองไว้จำนวน 4 ล้านเม็ด สำหรับประชาชนจำนวน 4 แสนคน อย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบการเอาเปรียบฉวยโอกาสขึ้นราคาจำหน่ายหรือขายแพงเกินควร สามารถร้องเรียนผ่านสายด่วน 1569 ได้ ซึ่งในเบื้องต้นยังไม่พบมีการร้องเรียน

    "เอกชนยืนยันว่าจะไม่มีการปรับราคาขายขึ้น แม้ว่าความต้องการจะเพิ่มขึ้น และปริมาณหน้ากากอนามัยและยาฆ่าเชื้อเพียงพอกับความต้องการ หากประชาชนพบเห็นการเอาเปรียบผู้บริโภค แจ้งที่สายด่วนแม่บ้าน 1569 ในกรณีที่ฉวยโอกาสขึ้นราคาจะมีโทษรุนแรงปรับเป็นเงิน 140,000 บาท จำคุก 7 ปี หรือโทษทั้งจำทั้งปรับ อย่างไรก็ตาม ทางกระทรวงสาธารณสุขยืนยันว่า เชื้อส่วนใหญ่จะไม่แพร่กระจาย และสามารถป้องกันได้ ดังนั้นประชาชนจึงไม่จำเป็นต้องตื่นตระหนกแต่อย่างใด" นายยรรยง กล่าว

    นายเกริกชัย สุวัชรังกูร ผู้จัดการทั่วไป บริษัทมหาจักร อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่า บริษัทเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผ้าปิดปากใยสังเคราะห์ โดยมีต้นทุนการผลิตอยู่ที่ชิ้นละบาทกว่า โดยทางบริษัทมีการจำหน่ายชิ้นละ 2 บาท และยืนยันว่าจะไม่มีการปรับราคาหากราคาวัตถุดิบนำเข้าใยสังเคราะห์ไม่มีการปรับราคาเพิ่มขึ้น

    ส่วนแนวโน้มการผลิตสินค้ายอมรับว่าในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาผลิตเพิ่มขึ้นมาก เนื่องจากมียอดคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นจากปกติถึง 300% ทำให้ต้องมีการสั่งจองล่วงหน้า เนื่องจากประชาชนตื่นตระหนกกับการป้องกันโรคมาก คล้ายกับช่วงที่ประเทศไทยประสบปัญหาไข้หวัดนก และโรคซาร์สระบาด แต่เชื่อว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้ภายใน 6 เดือน

    บุรีรัมย์ป่วยอื้อไข้เลือดออก



    บุรีรัมย์ - น.พ.สมพงษ์ จรุงจิตตานุสนธิ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า หลังจากมีฝนตกอย่างต่อเนื่องในหลายพื้นที่ ส่งผลให้เอื้อต่อการเพาะพันธุ์ของลูกน้ำยุงลายซึ่งเป็นพาหะนำเชื้อโรคไข้เลือดออก ล่าสุดที่จ.บุรีรัมย์ พบผู้ป่วยเข้ารับการตรวจรักษาตามร.พ.ต่างๆ แล้ว 89 ราย เสียชีวิต 1 ราย เป็นเด็กอายุ 6 ขวบ ทั้งนี้ แนวโน้มสถานการณ์การระบาดจะรุนแรงต่อเนื่อง

    น.พ.สมพงษ์ กล่าวว่า ได้สั่งการให้สาธารณสุขอำเภอ สถานีอนามัยประจำตำบล อสม. ที่มีอยู่ทุกหมู่บ้านทั้งจังหวัดกว่า 30,000 คน ร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ออกให้ความรู้แก่ประชาชนในการป้องกันอย่างถูกวิธี พร้อมทั้งร่วมกันกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ของลูกน้ำยุงลาย โดยการฉีดพ่นหมอกควัน หยอดทรายอะเบท คว่ำภาชนะที่มีน้ำขังตามบ้านเรือน ส่วนประชาชนหากพบว่าคนในครอบครัวมีอาการไข้สูงผิดปกติ ให้รีบพาไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจรักษาโดยเร็ว หากล่าช้าอาจมีอาการป่วยรุนแรงถึงขั้นช็อกเสียชีวิตได้
    วันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2552 ปีที่ 19 ฉบับที่ 6775 ข่าวสดรายวัน


    ๑๐.พระอุปคุต (พระบัวเข็ม) ผู้ปราบพญามาร

    สิบล่อหั่น ชีวิตพิสดาร

    เสฐียรพงษ์ วรรณปก/ราชบัณฑิต



    ผมไม่ใช่พวก "พระเครื่องนิยม" ไม่มีความรู้เรื่องพระเครื่อง และไม่นิยมแขวนพระ แต่ก็ประหลาด ผมมีพระเครื่องมากที่สุดคนหนึ่ง คนนั้นให้บ้าง คนโน้นให้บ้าง ได้มาก็เอาใส่พานตั้งไว้ที่ห้องพระ พอนานเข้า พานใส่พระต้องเปลี่ยนใหญ่ขึ้นๆ กระนั้นก็ยังเต็ม



    เพื่อนคนหนึ่งกล่าวว่า ถ้าในพานนั้นมีพระสมเด็จแท้สักหนึ่งองค์ จะ "ดูด" องค์อื่นๆ มาโดยอัตโนมัติ พูดยังกับเป็นศิษย์คุณชัยบูลย์ เจ้าของไอเดีย "พระดูดทรัพย์" แน่ะ ฮิฮิ

    ในช่วงที่เกิดวิกฤตทางพระพุทธศาสนา ผมรู้สึกจะถูกสัมภาษณ์โดยหนังสือพิมพ์บ้าง วิทยุบ้าง ทีวีบ้างบ่อยๆ บางทีเราก็พูดออกไปแรงๆ จนผู้ที่เคารพนับถือบางท่านเกรงจะมีภัย ก็ถอดพระถอดเหรียญจากคอตน มาให้ผมบูชา "เอาไว้ป้องกันภัย" ท่านว่าอย่างนั้น

    แม้กระทั่งพระสงฆ์องค์เจ้า ก็เมตตาให้พระมาคุ้มครอง พระไม่เต็มพานบัดนี้จะเต็มบัดไหนเล่าครับ

    ไปเฝ้าสมเด็จพระสังฆราช พระองค์ก็ประทานพระโอวาท อำนวยอวยพรให้สวัสดีมีชัย พร้อมประทานพระไพรีพินาศไว้บูชา เป็นพระกรุณาอย่างหาที่สุดมิได้ เมื่อไม่นานนี้เองก็ไปนมัสการเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์ วัดชนะสงคราม ท่านกล่าวว่า "เราถูกเล่นงานหนักนะ แต่ไม่เป็นไร ขอให้กำลังใจ และให้ทำหน้าที่ปกป้องพระพุทธศาสนาต่อไป" ว่าแล้วท่านก็หยิบพระให้มาองค์หนึ่ง เป็นสมเด็จกรมพระบวรราชเจ้า มหาสุรสิงหนาท (หรือเรียกสั้นๆ ว่า สมเด็จพระราชวังบวรฯ มหาสุรสิงหนาท) ทำให้ผมขนลุกชูชันปลาบปลื้มที่พระผู้ใหญ่ท่านเมตตา

    เจ้าประคุณสมเด็จฯ รูปนี้ เป็นพระเถระเพียงรูปเดียว ที่ผมเห็นว่า ซื่อตรงต่อหลักการพระธรรมวินัย ตรงไปตรงมา เด็ดขาด นอกจากสมเด็จพระสังฆราชแล้ว อย่างน้อยก็มีเจ้าประคุณสมเด็จฯ นี้รูปหนึ่งละครับ ที่เป็น "ความหวัง" ของเราได้

    ผมขึ้นไปสอนปริญญาโท ที่มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตล้านนา อาจารย์ท่านหนึ่ง (ขอสงวนนาม) ท่านกระซิบกระซาบกับผมว่า "อาจารย์ๆ ผมมีของดีจะมอบให้อาจารย์ เพื่อป้องกันตัว ของสิ่งนี้เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พระธุดงค์ท่านให้มา" ว่าแล้วก็หยิบขวดบรรจุวัสดุสิ่งหนึ่ง มองไกลๆ สีดำๆ แต่พอเอามาส่องดูชัดๆ กลับมีสีอำพันเป็นประกาย "ให้เลี้ยงด้วยน้ำผึ้งนะครับ" ท่านกำชับ

    ผมรับสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นมา (ไม่บอกเด็ดขาดว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์คืออะไร) ด้วยความดีใจสุดพรรณนา ผมสั่งให้ทำผอบเล็กๆ พอใส่ เอาน้ำผึ้งใส่แล้วก็ปิดอย่างดี ทำห่วงสำหรับร้อยสร้อยแขวน คราวนี้นึกครึ้มใจอยากแขวนเครื่องรางแล้วละครับ

    แล้วผมก็ตื่นเต้นจนขนลุก อยู่ดีๆ สิ่งศักดิ์สิทธิ์นี้ก็สั่น ดุจโทรศัพท์ระบบสั่นยังไงยังงั้น ทีแรกนึกว่า สั่นมาจากโทรศัพท์ แต่ไม่ใช่ มาจากกล่องวิเศษนี้นั่นเอง เวลาเอากล้องส่องดู คล้ายกับว่าเคลื่อนไหวไปมาได้ จะว่าตาผมฝาดก็ไม่ใช่ เมื่อประจักษ์ในความประหลาดมหัศจรรย์นี้แล้ว ผมก็เลยเอาติดตัวตลอดมาจนบัดนี้

    ในเวลาไล่เลี่ยกัน พลตำรวจโท อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช แวะไปเยี่ยมผมที่โรงพิมพ์ ร้องถามเสียงดังตามสไตล์ว่า "หลวงพี่ มีพระห้อยคอหรือเปล่า" เมื่อผมบอกเปล่า ท่านก็ถามต่อว่า "แล้วเคยมีพระเครื่องไหม" ผมบอกว่า โอ๊ย มีเยอะ มีคนเอามาให้เรื่อย อยู่ที่ทำงานนี่ก็มี ว่าแล้วผมก็หยิบพระสมเด็จวัดระฆัง ที่มีผู้ให้ไว้นานแล้วจะให้ท่านดู ยังไม่ทันหยิบเลย ผู้การป๋อมก็ร้องว่า "นี่ไม่แท้ แต่ก็เก่าแล้ว อายุประมาณ ๕๐ ปี"

    โอ้โฮ ตั้ง ๕๐ ปี เกือบเท่าอายุผม แท้ไม่แท้ก็เลื่อมใสแล้วครับ คนแก่ๆ เรายังนับถือเลยว่าเป็นผู้มีประสบการณ์ พระแก่ เอ๊ย พระเก่าทำไมจะไม่นับถือเล่าครับ ใช่ไหม ยังไม่ทันผมจะคิดเรื่อยเปื่อยมากไปกว่านี้ เสียงผู้การป๋อมก็กัมปนาทต่อมาว่า

    "หลวงพี่ เอาองค์นี้ดีกว่า แท้พันเปอร์เซ็นต์ เป็นพระสมเด็จปกโพธิ์ ให้ไว้ป้องกันตัว" ว่าแล้วก็ปลดสร้อยพระจากคอให้ผม ทำให้ผมขนลุกไม่รู้เป็นครั้งที่เท่าไหร่ที่มีโชคได้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ครั้งแล้วครั้งเล่า

    ที่สำคัญ "จีวร" รวมทั้งสร้อยทองคำรวมแล้วหนักหลายบาท ยังงี้ไม่ให้ขนลุกไงไหว ฮิฮิ

    ต่อมาอีกไม่นาน มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยา เขตล้านนา ได้จัดงานแสดงมุทิตาจิตแก่ผม ที่ได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นศาสตราจารย์พิเศษ ท่านประธานในพิธีได้กรุณามอบพระให้องค์หนึ่งขนาดย่อมๆ เป็นรูปพระพุทธสาวก นั่งสมาธิแหงนหน้า อุ้มบาตร มือขวาทำท่าล้วงบาตร ทางเหนือเรียกว่า ท่า "จกบาตร"

    ทีแรกนึกว่าเป็นพระสีวลีเถระ แต่ท่านบอกว่าเป็นพระอุปคุต หรือพระบัวเข็ม ตามตำนานทางมหายาน พระอุปคุตมีบทบาทสำคัญในการทำสังคายนาครั้งที่สาม สมัยพระเจ้าอโศกมหาราช คือท่านได้ช่วยปราบพญาวสวัตตีมาร ที่จะมาทำลายงานฉลองเจดีย์แปดหมื่นสี่พัน จนพญามารยอมแพ้ ว่ากันอย่างนั้น

    พระอุปคุต ท่านจำพรรษาอยู่ใต้ทะเล หรือ "สะดือทะเล" นานๆ จะขึ้นมาสู่โลกสักครั้งหนึ่ง ชาวไทยภาคเหนือ ภาคอีสาน รวมพม่าด้วย จะคอยใส่บาตรท่าน ในคืนวันพุธที่ตรงกับวันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ เชื่อกันว่าท่านบิณฑบาตกลางคืน ว่าอย่างนั้น

    ไม่รู้ว่าความเชื่อนี้มีความเป็นมาอย่างไร และเหตุใดในวงการพระเครื่องจึงเรียกรูปหล่อรูปปั้น หรือพระพิมพ์ ของท่านว่า พระบัวเข็ม เห็นจะต้องอธิบายเพื่อความเข้าใจแล้วละครับ

    ตำนานทางฝ่ายเถรวาท มิได้พูดถึงพระอุปคุตว่ามีบทบาทสำคัญในการทำสังคายนาครั้งที่ ๓ สมัยพระเจ้าอโศกมหาราช มีแต่ตำนานของฝ่ายมหายาน หรืออาจจะมาจาก สรวาสติวาทิน ก็ได้

    พูดอย่างนี้ ถ้าไม่ขยาย ผู้อ่านก็อาจไม่กระจ่าง คืออย่างนี้ครับ เมื่อพุทธศตวรรษที่ ๓ พระพุทธศาสนารุ่งเรืองมาก ในประเทศอินเดีย เพราะพระเจ้าอโศกทรงทะนุบำรุงอย่างดี พระสงฆ์องค์เจ้าไม่ลำบากด้วยปัจจัยสี่ อยู่ดีสบาย จึงมีพวกนอกศาสนา อันศัพท์ทางเทคนิคเรียกว่า "อัญเดียรถีย์" (แปลว่าผู้นับถือลัทธิอื่น) หวังอยากสบายบ้าง จึงพากันมาปลอมบวช คือ บวชเอาเอง บวชมาแล้วก็ไม่ศึกษาปฏิบัติ แสดงธรรมผิดๆ ถูกๆ พระสงฆ์ผู้ทรงศีลรังเกียจ ไม่ยอมร่วมสังฆกรรมด้วย

    พระเจ้าอโศกทรงปรารถนาจะเห็นพระสงฆ์สามัคคีกัน จึงรับสั่งให้มหาอำมาตย์คนหนึ่งไป "จัดการ" ให้เรียบร้อย เจ้าหมอนี่แทนที่จะจัดการให้เรียบร้อย กลับสร้างความวุ่นวาย คือแกตัดคอพระเถระ ที่ไม่ยอมร่วมสังฆกรรมกับพวกอัญเดียรถีย์ไปหลายองค์

    พระเจ้าอโศกปรารถนาจะ "ล้างบาป" จึงให้ความสนับ สนุนพระมหาเถระ อันมีโมคคัลลีบุตรเป็นประธาน กระทำสังคายนา คือ "ชำระสังฆมณฑลให้บริสุทธิ์" หลังสังคายนาเสร็จก็ส่งพระธรรมทูตไปเผยแผ่พระพุทธศาสนายังต่างแดน ดังที่ประเทศสยามก็ได้มีพระโสณะกับพระอุตตระเดินทางมา สมัยโน้นเรียกว่าสุวรรณภูมิ ศูนย์กลางสุวรรณภูมิว่ากันว่าคือ นครปฐม ปัจจุบันนี้เอง

    ในการทำสังคายนาครั้งนี้ไม่มีชื่อพระอุปคุต หรือมีแต่ไม่ได้บันทึกไว้ก็ได้ แต่จากหลักฐานของฝ่ายมหายานนั้นมี แม้กระทั่ง พระปฐมสมโพธิกถา พระนิพนธ์ของสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส ก็มีกล่าวถึงพระอุปคุตเช่นกัน

    ความว่า นาคถูกครุฑไล่ตาม นาคไปขอร้องให้พระสงฆ์ช่วย ไม่มีรูปใดมีฤทธิ์พอจะปราบได้ บังเอิญเณรน้อยรูปหนึ่งรับอาสาไล่ครุฑไปได้ จึงปรากฏชื่อเสียงโด่งดัง

    พอพญาวสวัตตีมาร จะมาทำลายพิธีเฉลิมฉลองพระเจดีย์ และสังคายนาครั้งที่สามที่พระเจ้าอโศกทรงอุปถัมภ์ เมื่อทราบว่าเณรน้อยมีฤทธิ์มาก จึงไปขอให้เณรน้อยช่วยปราบ เณรน้อยบอกว่า ตนไม่สามารถปราบพญามารได้ มีแต่พระอุปคุตเท่านั้นที่จะปราบได้ และรับอาสาไปนิมนต์พระอุปคุตให้ขึ้นมาจากสะดือทะเลมาช่วย

    วันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2552 ปีที่ 19 ฉบับที่ 6776 ข่าวสดรายวัน


    พระอุปคุต (พระบัวเข็ม)ผู้ปราบพญามาร (ต่อจากฉบับที่แล้ว)

    สิบล่อหั่น ชีวิตพิสดาร

    เสฐียรพงษ์ วรรณปก/ราชบัณฑิต



    ๑๐.พระอุปคุต (พระบัวเข็ม)

    ผู้ปราบพญามาร

    (ต่อจากฉบับที่แล้ว)



    เมื่อพระอุปคุตมาแล้ว ก็ได้รับมอบหมายให้คอยดูแลมิให้พญามารมารบกวนพิธี

    มารบอกว่า อุปคุตอุปแค็ตข้าไม่กลัว ข้านี้คือพญามารนะจ๊ะ พระอุปคุตก็ปรามว่า "พระสงฆ์และพระราชากำลังทำสังคายนานะจ๊ะ มารอย่ายุ่ง"

    พญามารก็จำแลงกายเป็นพญานาคใหญ่เบ้อเริ่มเทิ่ม พ่นควันพิษฟุ้งตลบเลยเชียว พระเถระก็จำแลงกายเป็นครุฑใหญ่โฉบมาขยุ้มพญานาค ต่อสู้กันพัลวัน สู้กันไปสู้กันมา พญามารในคราบพญานาคเห็นทีจะสู้ไม่ไหว ก็วิ่งหนีไป พระเถระจึงเสกหนังหมาเน่าเหม็นฟุ้งซัดไปผูกคอพญามาร

    มารสลัดอย่างไรก็ไม่หลุด วิ่งไปขอความช่วยเหลือจากเทพทั้งหลาย ตั้งแต่ท้าวจาตุมมหาราช จนกระทั่งพรหม ก็ไม่มีใครช่วยปลดหนังหมาเน่าออกจากคอมารได้ เหม็นคลุ้งไปทั่วพิภพ

    ท้ายที่สุดจำต้องมาขอร้องให้พระอุปคุตปลดให้ ยอมแพ้แต่โดยดี พระเถระขอคำมั่นจากพญามารว่าจะไม่มาขัดขวางงานบุญครั้งนี้ พญามารก็รับ ท่านจึงปลดหนังหมาเน่าออกจากคอพญามาร แต่เพื่อความแน่ใจท่านจึงผูกพญามารไว้กับเขาพระสุเมรุจนกว่างานจะสำเร็จ

    พญามารน้อยใจพระเถระ ทั้งที่ยอมแพ้และให้คำมั่นแล้ว พระเถระก็ยังใจร้ายมัดแกไว้อีก จึงเอาตีนกระทืบเขาจนสั่นสะเทือนไปทั้งแผ่นดิน พญามารกล่าวว่า "เพราะข้าได้หลงทางผิด จึงถูกทรมานอย่างนี้ ต่อแต่นี้ข้าจะขอกลับเนื้อกลับตัว ขอปรารถนาพุทธภูมิเพื่อช่วยเหลือสัตว์โลกให้พ้นจากทุกข์ในสังสารวัฏ"

    พระเถระเดินทางมาดูพญามาร พอดีได้ยินคำปรารถนาของพญามาร จึงสาธุการขึ้นดังๆ แล้วแก้มัดพญามาร แล้วขอร้องให้พญามารเนรมิตรูปพระพุทธเจ้าให้ดู เพราะตนเกิดไม่ทันพระพุทธองค์

    พญามารกล่าวว่า ถ้าข้าพเจ้าเนรมิตพระพุทธเจ้าขึ้นมาแล้ว ขออย่าได้นมัสการเป็นอันขาด เพราะมิใช่พระพุทธองค์จริง พระเถระก็รับคำ แล้วกล่าวว่า ไหนๆ จะเนรมิตแล้วก็ขอให้พระราชา พระสงฆ์และประชาชนได้ทัศนาด้วย เป็นอันตกลงตามนั้น

    ว่ากันว่า พระพุทธเจ้า ที่พญามารเนรมิตนั้น งดงามด้วยมหาปุริสลักษณะและอนุพยัญชนะ ๘๐ ประการ สง่างามสมดังตำราว่าไว้ไม่ผิดเพี้ยน พระเถระและประชาชนต่างก็ก้มถวายบังคมโดยทั่วหน้ากัน

    พญามารต่อว่าพระเถระว่า ไหนรับปากแล้วจะไม่ไหว้อย่างไร ทำไมจึงลืมสัญญา พระเถระตอบว่า เห็นพระพุทธองค์แล้วรู้สึกปลาบปลื้มปีติลืมตัว จึงถวายบังคมไม่ทันนึกว่าเป็นรูปเนรมิต แต่ถึงอย่างไร ก็เป็นรูปพระพุทธองค์

    พระเถระกล่าวกับพญามารว่า "ดูกรพญามาร ท่านได้กระทำการอันเป็นบุญกุศลมหาศาล ที่ได้เนรมิตรูปพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้อาตมา และประชาชนได้ทัศนาและนมัสการ ท่านเองก็มีจิตใจน้อมไปในโพธิญาณปรารถนาภาวะพุทธเจ้าในอนาคต ท่านจงไปตามสมควรแก่คติของท่านเถิด"

    พญามารจึงนมัสการพระอุปคุตแล้วหายวับไป ณ บัดนั้นแล

    ว่ากันว่า ตั้งแต่บัดนั้นมา พญามารมิได้ตามรังควานใครๆ ที่ทำบุญกุศลอีกเลย แต่เพราะเคยทำความไม่ดีมาเยอะ คนจึงกล่าวขวัญถึงมารในแง่ไม่ดีและน่าเกลียดน่ากลัวจนกระทั่งบัดนี้ ลบยังไงก็ลบไม่หมด ว่าอย่างนั้นเถอะ

    ในหลวงรัชกาลที่ ๕ ได้พระราชนิพนธ์เรื่องพระอุปคุตไว้ตอนหนึ่งว่า "มีชาวเมืองร่างกุ้งคนหนึ่ง ได้ตักบาตรแก่พระอุปคุตเถระแล้ว ได้เป็นเศรษฐี ชาวเมืองร่างกุ้งทั้งปวง จึงพากันหุงข้าวแต่ยังไม่สว่าง คอยตักบาตรพระอุปคุตเถระ จนทุกวันนี้ก็ยังมีความนับถือพระอุปคุตเช่นนี้แพร่หลายมากขึ้น"

    นี้คือเหตุผลที่ทำไมชาวพม่า ชาวไทยภาคเหนือ และภาคอีสาน นับถือพระอุปคุตมาก เพราะเล่าลือว่า ท่านสามารถบันดาลผู้ตักบาตรให้เป็นเศรษฐีทันตาเห็น ได้เป็นจริงๆ ไม่ใช่หลอกดูดเอาเงินเขาไปจนหมดแล้ว ให้พระดูดทรัพย์มาเก็บไว้ นั่นแหละเครื่องดูดละครับ พระดูดทรัพย์นั้น จะมีแต่ดูด ดูด ดูด เอาเงินจากท่านไปจนหมดตูด ยังไม่รู้ตัวอีก อนิจจา

    เชื่อกันอีกนั่นแหละว่า ท่านพระอุปคุตยังไม่นิพพาน (ในที่นี้แปลว่า ดับขันธ์) เพราะท่านเจริญอิทธิบาทจนถึงขั้นมีอิทธิฤทธิ์อธิษฐาน "ต่ออายุ" ให้อยู่เป็นกัปเป็นกัลป์ได้

    (หมายเหตุ นี้เป็นความเชื่อครับ ที่จริงเป็นไปไม่ได้ พระพุทธเจ้าเองตรัสไว้จริงว่า ผู้เจริญอิทธิบาทสมบูรณ์เต็มที่แล้ว สามารถต่ออายุได้กัปหนึ่งหรือเกินกว่าเล็กน้อย แต่คำว่า "กัป" ในที่นี้หมายเอาเพียง ๑๐ หรือ ๒๐ ปีเท่านั้น มิใช่เป็นกัปเป็นกัลป์ อย่างที่เราเข้าใจ)

    ก็เพราะเชื่อเช่นนี้แหละ คนถึงได้ตื่นขึ้นมาหุงข้าวตั้งแต่ดึก เพื่อเตรียมใส่บาตรท่าน ขืนไม่หุงแต่ดึก ก็จะไม่ทัน ท่านมาแล้ว จะไม่มีข้าวใส่บาตร เพราะเหตุนี้เหมือนกันคนจึงกล่าวว่า ท่านพระอุปคุตมาบิณฑบาตตอนดึก และก็คงฉันดึกๆ ด้วย ว่าไปโน่น

    ผมเองสมัยยังเด็ก เห็นพ่อผมตั้งซุ้มหน้าบ้าน เอาผ้าไตรไปวางใส่พานไว้ แล้วก็สั่งให้แม่นึ่งข้าว ตั้งแต่ประมาณเที่ยงคืนแล้วก็ร้องถามว่า ข้าวสุกหรือยัง ครั้นแม่ร้องบอกว่า จวนแล้ว รอเดี๋ยว เสียงพ่อก็บ่นตามมาว่า ชักช้า เดี๋ยวท่านมา จะไม่ทัน

    ตอนนั้นยังเด็กมาก ไม่รู้เรื่อง และเมื่อโตมาก็ไม่เห็นพ่อทำอย่างนั้นอีก ประเพณีนี้ดูเหมือนจะจางหายไปแล้ว

    ลืมถามพ่อว่า พ่อเคยได้ใส่บาตรพระอุปคุตจริงหรือเปล่า หรือ "จินตนาการ" เอาเรื่องของความเชื่อครับ เราไม่เชื่อก็อย่าดูหมิ่น

    พระอุปคุตได้นามอีกอย่างหนึ่งว่า "พระบัวเข็ม" บัวและเข็ม มาเกี่ยวอะไรกับท่าน ผมก็เลือนๆ จำได้ว่ามีตำนานพม่าเล่าว่า พระเจ้ากรุงหงสาวดีพระองค์หนึ่ง มียานวิเศษพาเหาะไปไหนๆ ได้ (สมัยนี้เรื่องเล็ก เขามีเครื่องบินส่วนตัวแล้ว ไปไหนก็ได้ แต่ก็เครื่องตกตายไปหลายคนเหมือนกัน)

    วันหนึ่งเหาะผ่านชายป่าแห่งหนึ่ง เห็นพระรูปหนึ่งเดินลุยโคลน บนศีรษะมีใบบัวคลุมอยู่ อีกใบเอาเป็นภาชนะเก็บกุ้งหอยปูปลา เพื่อนำไปปล่อยลงแม่น้ำใหญ่ เพราะหนองน้ำนั้นกำลังจะแห้งขอด

    พระเจ้ากรุงหงสาวดี นึกตำหนิในใจว่า พระอะไรมาลุยโคลนจับกุ้งหอยปูปลา ไม่น่าดูเลย เอาไปกินหรือเปล่าไม่รู้ ทันทีที่คิดจบ ยานวิเศษหยุดแล่นและตกลง (ดีที่ไม่คอหักตาย)

    ทรงสำนึกผิด ว่าได้ล่วงเกินพระผู้ทรงคุณวิเศษเสียแล้ว จึงรีบไปจะกราบขอขมา ปรากฏว่าท่านหายวับไปแล้วไร้ร่องรอย

    พระเจ้ากรุงหงสาวดี เมื่อกลับเมืองจึงสละยานนั้นแกะสลักเป็นรูปท่านถวายเป็นพุทธบูชา เนื่องจากไม่ทันสังเกตลักษณะหน้าตาของท่าน จึงทำให้มีเพียงใบหน้า ไม่มีนัยน์ตา จมูกและปาก รูปแกะสลักนี้ประดับแก้วศักดิ์สิทธิ์ ๙ เม็ด

    มีใบบัวปกเศียร และมีหมุดปักอยู่ตามหัวไหล่ ตามเข่าหลายแห่ง จึงเรียกว่า "พระบัวเข็ม" (คือพระที่มีบัวและเข็มตามองค์นั่นแล) และที่ขาดไม่ได้ จะต้องมีรูปบัวและกุ้งหอยปูปลาที่ฐานพระด้วยจึงจะครบเครื่อง

    พระอุปคุตมีอยู่ ๒ แบบใหญ่ๆ คือ แบบพระมารวิชัย ก้มหน้า มีหมุด หรือเข็มปักตามส่วนต่างๆ กับแบบนั่งแหงนหน้ามือหนึ่งทำท่า "จกบาตร" (ล้วงบาตร) แบบนี้เรียกว่า "พระอุปคุตจกบาตรพิชิตมาร" องค์นี้แหละครับที่พระวัดสวนดอกเมตตาให้ผมมา

    ทุกวันผมก็ได้แต่ภาวนาว่า เมื่อไหร่ท่านจะ "จก" เอามารพระพุทธศาสนาในคราบผู้นุ่งเหลืองมา "จิก" หัวให้สมองฝ่อทั้งแก๊งหนอ อมิตตพุทธ

    มัวแต่ตื่นเต้นกับอิทธิปาฏิหาริย์ของท่านอุปคุต ลืมเล่าประวัติว่าท่านเป็นใครมาจากไหน ก็ขอเล่าย่อๆ พอได้ความก็แล้วกันนะครับ

    พระอุปคุตเถระเป็นบุตรพ่อค้าผู้มั่งคั่งแห่งเมืองมถุรา มีพี่น้องสามคนเป็นชายล้วน ท่านเป็นบุตรคนสุดท้อง บิดาท่านให้สัญญากับพระเถระรูปหนึ่งนามสาณวาสี ว่าถ้าได้บุตรชายจะให้บวชเป็นศิษย์พระเถระ พอได้บุตรชายคนแรกมาก็ไม่ให้บวช ได้คนที่สองมาก็ไม่ให้บวช พอถึงคนที่สาม บิดาท่านไม่รู้จะบ่ายเบี่ยงอย่างไรต่อไป จำต้องให้บุตรชายคนเล็กนามอุปคุตบวชตามสัญญา บวชแล้วไม่นานท่านก็ได้บรรลุพระอรหัตผล เป็นพระอรหันต์ขีณาสพ (ผู้สิ้นอาสวกิเลส) ด้วยประการฉะนี้แล

    นักดาราศาสตร์น้ำหอมพบความเสี่ยง ดาวในระบบสุริยะชนกัน!



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>นักดาราศาสตร์ชาวฝรั่งเศสคำนวณโอกาสที่ระบบสุริยะของเราจะเกิดความหายนะจนทำให้ดวงดาวต่างๆ ชนกันว่า เหตุการณ์นี้อาจเกิดภายใน 5,000 ล้านปีข้างหน้า

    ดร.ฌากส์ ลัสคาร์ และนายไมเคิล กัสตินิว จากหอดูดาวฝรั่งเศส เปิดเผยว่า ดาวเคราะห์ขนาดเล็กหลายดวง เช่น โลก ดาวศุกร์ ดาวอังคาร มีวิถีการโคจรที่ไม่ค่อยตรงตามเส้นโคจร จึงมีโอกาสที่แรงดึงดูดของ 2 ดาวเคราะห์จะดึงดาวให้ชนกัน ซึ่งก็เหมือนกับยางรถยนต์เก่าที่ทำให้รถทรงตัวไม่ดี จนรถแฉลบออกนอกทาง ขณะที่ดาวเคราะห์ขนาดใหญ่ที่ประกอบด้วยก๊าซ เช่น ดาวพฤหัสฯ ดาวยูเรนัส ดาวเสาร์ และดาวเนปจูน มีวิถีการโคจรที่ค่อนข้างมั่นคง <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ดร.ลัสคาร์และนายกัสตินิวนำข้อมูลไปป้อนในคอมพิวเตอร์ จนได้การประมวลผล 2,501 เหตุการณ์ ที่อาจเกิดขึ้นในช่วงชีวิตของดวงอาทิตย์ที่คาดว่าจะมีอายุอยู่ราว 5,000 ล้านปี

    อาทิ ดาวอังคารและโลกอาจโคจรอยู่ห่างจากกันเพียง 794 ไมล์ หรือราว 2,000 กิโลเมตร ใกล้พอที่จะเกิดหายนะต่อสิ่งมีชีวิตบนโลก อย่างเกิดคลื่นยักษ์ ส่วนเหตุการณ์อื่นๆ เช่น โลกชนกับดาวอังคาร โลกชนกับดาวศุกร์ ดาวอังคารกระเด็นออกไปนอกระบบสุริยะ ดาวเคราะห์เล็กไปชนกับดาวแม่


    กองทัพยิวสร้าง"งูหุ่นยนต์"ฉกความลับศัตรู



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>ผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธของอิสราเอลพัฒนาหุ่นยนต์งู ที่สามารถเลื้อยเข้าไปในรอยแตก รูโหว่ของที่ทำการศัตรู เพื่อนำเสียงและภาพการเคลื่อนไหวกลับมาให้กับกองบัญชาการ <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    จากวิดีโอคลิปของสถานีโทรทัศน์ช่อง 2 พบว่า หุ่นยนต์งูยาว 6 ฟุต ปลอกทำจากผ้าลายพราง มีการเคลื่อนไหวเลื้อยไปมาและผงกหัวได้เหมือนงู ที่หัวมีการติดตั้งเลนส์กล้องที่ใช้แสงแอลอีดี ส่วนการควบคุมนั้นเป็นแบบไร้สาย โดยทหารจะใช้แล็ปท็อปในการค้นเส้นทางให้กับงูหุ่นยนต์ ส่วนข้อมูลที่ได้กลับมานั้นก็จะเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ทันที

    นอกจากจะนำไปใช้หาข้อมูลศัตรูแล้ว ยังสามารถนำงูหุ่นยนต์ไปค้นหาผู้ได้รับบาดเจ็บจากอาคารถล่มได้ด้วย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มิถุนายน 2009
  19. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    โลกวิปริตขึ้นทุกวัน !มันคือ Genpets ของเล่นที่มีชีวิตจริง!!
    Date: Fri, 12 Jun 2009 08:44:27 +0000

    <STYLE>.ExternalClass .EC_hmmessage P{padding:0px;}.ExternalClass body.EC_hmmessage{font-size:10pt;font-family:Verdana;}</STYLE>

    


    ขอเสนอเรื่องราวของงานศิลปะเชิงเสียดสีวิทยาการทางวิทยาศาสตร์ของศิลปินหนุ่มชาวแคนาดา นามว่า Adam Brandejs กับผลงานที่โด่งดังของเขาชื่อว่า "Genpets" หรือสัตว์เลี้ยงกลายพันธุ์จากห้องทดลองวิศวกรรมชีวภาพ (Bioenginerring Pet) เชื่อว่า หลายคนคงเคยได้ยินหรืออ่านเรื่องราวของ "Genpets" ไปบ้างแล้ว ไม่ว่าจะเป็นทางอีเมลที่ส่งต่อกันมา (forward email) หรือทางเว็บไซต์ ซึ่งคนส่วนใหญ่คิดว่าเป็นเรื่องจริง เพราะจากรูปภาพ คำบรรยายรูปประกอบกับเว็บไซต์ Genpets.com - Bioengineered Buddies! ที่ทำการโฆษณาและการตลาด ล้วนแต่สมจริงสมจังมาก

    แต่หลายคนตั้งข้อสงสัยว่า ไม่น่าจะจริง ซึ่งตรงกับความตั้งใจของศิลปินผู้นี้ที่ต้องการกระตุ้นต่อมคิดของคนให้ "คิด คิด คิด" เชิงวิเคราะห์ (critical thinking) คิดแบบไตร่ตรอง ก่อนที่จะสรุปความ โดยในกรณีนี้เป็นเรื่องของเทคโนโลยีชีววิศวกรรมที่กำลังมาแรงในปัจจุบัน อันเป็นเทคโนโลยีที่นำหลักการทางวิศวกรรมมาเป็นแกนในการศึกษาและพัฒนาระบบชีววิทยาสมัยใหม่ เพื่อคิดค้นนวัตกรรมที่เป็นประโยชน์ทางด้านชีวภาพและการแพทย์ เช่น ผิวหนังสังเคราะห์ หรืออวัยวะเทียม เป็นต้น ซึ่งเทคโนโลยีชีววิศวกรรมนี้เกิดขึ้นแล้ว และพวกเราพร้อมหรือยังที่จะรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น...งานประติมากรรมชิ้นนี้ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น เพื่อความสนุกแต่อย่างใด

    Adam Brandejs ผลิต Genpets ด้วยสองมือ ผสมผสานตั้งแต่พลาสติก ยาง โฟม กระดาษ ไมโครชิป มอเตอร์ แผงวงจร ไฟฟ้า ระบบหุ่นยนต์ และคอมพิวเตอร์ซอฟต์แวร์ เป็นต้น วิธีการเริ่มจากแบบร่างจากสมองสู่การทำแม่พิมพ์ดินเหนียวไปจนถึงการหล่อ และผลิตจำนวนจำกัดเพียง 19 ชิ้นเท่านั้น ซึ่งจำหน่ายเหมือนงานศิลปะชิ้นอื่นๆ ในราคา 1,070 เหรียญสหรัฐ สำหรับรุ่นที่เคลื่อนไหวได้ และ 715 เหรียญ สำหรับรุ่นที่ไม่เคลื่อนไหว โดยไม่มีการผลิตจำนวนมากเพื่อผลประโยชน์ทางการค้าอย่างที่หลายคนเข้าใจ

    "Genpets รุ่น 01" เป็นงานประเภทสื่อผสม ในรูปแบบของผลิตภัณฑ์ตุ๊กตาหุ่นสัตว์เลี้ยงหน้าตาประหลาด บรรจุอยู่ในห่อพลาสติกเข้ารูป มีแถบบอกความสดใหม่ กราฟแสดงการทำงานของหัวใจ ไมโครชิปฝังอยู่ในตัว ระบบสายยางให้อาหาร และหน้าจอ LCD ในรุ่น Getpets LCD สัตว์เลี้ยงชีววิศวกรรมนี้ มีให้เลือกถึง 7 อุปนิสัย ตามสีต่างๆ สามารถส่งเสียงได้ มีอายุขัยประมาณ 1 หรือ 3 ปี ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิและความสด

    "Genpets" เป็นการสะท้อนให้เห็นว่า หากวันหนึ่งในท้องตลาดเกิดมีสินค้าประเภทสิ่งมีชีวิตบรรจุอยู่ในหีบห่อ สามารถซื้อขายได้ สามารถใช้แล้วทิ้งได้ คุณจะคิดอย่างไรและอยากเป็นเจ้าของสินค้านั่นไหม เป็นโจทย์ที่ Adam Brandejs ตั้งขึ้น "ผมไม่ได้ต่อต้านเทคโนโลยีชีววิศวกรรม แต่ผมเพียงแค่ลังเลใจ เกี่ยวกับใครจะเป็นผู้ใช้เทคโลโลยีนี้ และใช้ที่ไหนและใช้อย่างไร" เขาแสดงความเห็นส่วนตัวอันเป็นที่มาของงานชิ้นนี้ที่เขาต้องการทดสอบแนวโน้มของผู้คลั่งสัตว์เลี้ยงกับเทคโนโลยีนี้ที่นับวันจะเป็นจริงมากยิ่งขึ้น ซึ่งเขายังยกตัวอย่าง ปลาเรืองแสงของบริษัท Glofish ในสิงคโปร์ที่ผลิตของมาเอาใจคนชอบเลี้ยงปลา และแมวสำหรับผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้จากบริษัท Allerca ในเอลเอ แคลิฟอร์เนีย โดยบริษัทเหล่านี้ทำการจำหน่ายจริง ไม่ใช่แค่งานศิลปะแบบเขาเท่านั้น...หลังจากที่เขาแสดงงานใน 4 รูปแบบ เขาได้คำตอบหลากหลาย เริ่มตั้งแต่

    1. ตัวประติมากรรม Genpets ในบรรจุภัณฑ์ดังรูปที่ 2 ที่แสดงในห้องแสดงศิลปะ และร้านค้า (ร้าน Iodine & Arsenic) ณ เมืองโตรอนโต ประเทศแคนาดา ปีที่แล้วเขาได้รับเชิญไปแสดงที่เมือง Alberta ที่อยู่ทางตะวันตกของแคนาดา และข้ามทวีปไปแสดงที่ V-Gallery ใน Basel ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

    หลังจากที่เขาติดตั้ง Genpets ที่ร้าน Iodine ในโตรอนโต เจ้าของร้านต้องหอบหมอนมานอนเฝ้าร้าน เนื่องจากมีคนมาทุบหน้าต่างร้านอย่างโกรธแค้น เพราะคิดว่าเป็นสัตว์เลี้ยงที่มีชีวิตจริงๆ และถูกนำมาใส่บรรจุภัณฑ์แบบของเล่น บางคนประท้วงว่า การนำผลผลิตจากการทดลองทางชีวพันธุกรรมมาบรรจุกล่องพลาสติกจำหน่ายเป็นเรื่องผิดจริยธรรม บางคนก็อยากปลุกให้เจ้าตัวน้อยนี้ตื่นและซื้อกลับบ้าน ผู้ปกครองของวัยรุ่นหลายคนที่อยากเป็นเจ้าของ Genpets ถึงกับเกิดอาการสับสนและตะลึงงัน ซึ่งประติมากรคนนี้ได้ตั้งคำถามอีกว่า "สัตว์เลี้ยงในกล่องพลาสติกแบบนี้แตกต่างจากสัตว์เลี้ยงในตู้กระจกหรือกรงตามร้านขายสัตว์เลี้ยงอื่นๆ หรือไม่อย่างไร"

    2. เว็บไซต์ Genpets.com ถูกออกแบบมาให้เหมือนกับเว็บไซต์ที่มีวัตถุประสงค์ทางการตลาดของบริษัทใหญ่ๆ ทั่วไป โดยทั่วไปแล้วการเข้าถึงผลงานศิลปะชิ้นหนึ่งๆเป็นเรื่องจำกัด เขาจึงสร้างเว็บไซต์ขึ้นมาเพื่อให้เรื่องราวของ Genpets เข้าถึงคนหมู่มาก ทำให้การถกเถียงหรือการคิดถึงประเด็นเรื่องชีวิตและวิทยาศาสตร์กระจายออกกว้างยิ่งขึ้น ซึ่งเขาประสบความสำเร็จมากในการนำเสนอรูปแบบนี้ เพราะขณะนี้เราอ่านเรื่อง Genpets ในประเทศไทย และหวังว่าคนไทยจะคิดเชิงวิเคราะห์กันมากขึ้นกับประเด็นที่ไม่ไกลตัวอย่างนี้

    อย่างไรก็ดี Adam มีความเห็นว่า การเห็นผลงานจริงดีกว่าเห็นจากรูปภาพหรือเว็บไซต์ เนื่องจากของจริงมีการเคลื่อนไหว มีแสงและเสียงปรากฏ ยิ่งให้ความรู้สึกจริงมากขึ้น

    3. แค็ตตาล็อกงาน Genpets เป็นงานวิทยานิพนธ์ของ Adam แทนที่เขาจะเขียนเป็นรายงานวิทยานิพนธ์แห้งๆ น่าเบื่อทั่วไปๆ เขาสร้างแค็ตตาล็อกจำนวน 20 หน้า เป็นการเพิ่มสร้างสรรค์แบบศิลปินตัวจริง ผลที่ได้คือ เขาจบการศึกษาพร้อมด้วยเกียรตินิยมเหรียญทอง

    4. ใช้กลยุทธ์ "ไวรัล มาร์เก็ตติ้ง" (Viral Marketing) อันเป็นการตลาดแนวใหม่ในยุคไซเบอร์ เป็นการส่งข้อความหรืออีเมลต่อกันไปในระยะเวลาอันสั้นและจำนวนมาก ผ่านอีเมลลูกโซ่ หรือ Forward Mail ซึ่งเป็นวิธีการที่ได้ผลดีมาก บทความนี้ถือเป็นผลพวงของไวรัล มาร์เก็ตติ้งที่ได้รับจากอีเมลลูกโซ่ และผู้เขียนนำมาเขียนขยายความอีกทอดหนึ่ง

    Adam Brandejs หนุ่มวัยเบญจเพส เกิดที่เมือง Ottawa ประเทศแคนาดา จบการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาสื่อผสม คณะวิจิตรศิลป์ จาก Ontario College of Art & Design เขาไม่ได้เป็นแค่ศิลปิน แต่เขายังเป็นนักเขียนโปรแกรมอีกด้วย งานของเขามีตั้งแต่งานหุ่นจำลองเหมือนจริง งานสร้างเว็บไซต์ และงานประดิษฐ์หุ่นยนต์ งานชิ้นล่าสุดที่สร้างความภาคภูมิใจให้เขาไม่น้อยคือ งานสร้างหุ่นอสูรกายในภาพยนตร์เกาหลีเรื่อง "The Host" ซึ่งเป็นเรื่องที่ซ่อนประเด็นประเทศมหาอำนาจกับสิ่งแวดล้อมของโลกไว้ให้ผู้ชมได้เก็บไปคิดเป็นการบ้าน เช่นเดียวกับผลงาน "Genpets" ของ Adam Brandejs

    ข้อมูลจาก :
    Adam Brandejs - Brandejs.ca - portfolio - Home
    Genpets.com - Bioengineered Buddies!


















    <TABLE class=EC_EC_EC_EC_MsoNormalTable border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD style="PADDING-BOTTOM: 0cm; PADDING-LEFT: 0cm; PADDING-RIGHT: 0cm; PADDING-TOP: 0cm" vAlign=top>

    [​IMG]
    GENPETS มันเป็นเกิดจากกระบวนการ Zygote Micro Injection แล้วก็เติบโตขึ้นในแล็บ เป็นการผสมและปรับแต่ง DNA จากสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์ต่าง ๆ ออกมาเป็น Genpets

    ดังนั้น Genpets จึงมีชีวิตจริง ๆ หายใจได้ มีเลือด กระดูก และกล้ามเนื้อ ซึ่งถ้าโดนบาดหรือตัดออก ก็จะมีเลือดไหลออกมา และถ้าดูแลผิด Genpets นี้ก็จะตายได้เหมือนกับสัตว์ทั่วไป หากเสียชีวิตก็นำไปฝังดินเช่นเดียวกันสัตว์เลี้ยงอื่น ๆ หรือจะส่งกลับไปที่ศูนย์บริการของบริษัทก็ได้


    เจ้า Genpets นี้ไม่ต้องใช้ถ่านหรือแบตเตอรี่ เนื่องจากมันมีชีวิตจริง แหล่งพลังงานของของ Genpets ก็คือ life monitoring devices ที่อยู่ในแพ็จเกจของ Genpets เอง
    [​IMG]
    โดยขณะที่ Genpets แขวนรอขายอยู่บนชั้นวางสินค้า จะมีสายให้อาหารที่ทำขึ้นพิเศษ เพื่อให้ Genpets มีชีวิตอยู่อย่างสงบรอคนที่จะมาซื้อ

    [​IMG]

    ตัวนี้มีรอยๆตามตัวเนื่องจากคงออกมาซักพักแล้ว ดูจากไฟสีฟ้าที่ลดลงเหลือ 1 ขีด

    แต่ละตัวจะมีบุคคลิกภาพต่าง ๆ กัน ตามสีที่กำหนดไว้ในแพ็คเกจ
    [​IMG]
    สามารถ นำออกมาจากแพ็คเกจได้ เรียกได้ว่าเป็นเหมือนตุ๊กตาที่มีชีวิต โดยได้รับการออกแบบให้เหมือนกับเด็กแรกเกิด เส้นผมของ Genpets ก็จะสามารถงอกยาวออกมาได้ เล็ก น้อย สามารถลืมตาได้เมื่อนำออกจากแพ็จเกจ สำหรับการเคลื่อนไหวในรุ่นแรกนี้ สามารถบิดตัวได้ เล็ก น้อยแต่ไม่ถึงกับคลานหรือเดินได้


    อาหารของ Genpets จะเป็นอาหารพิเศษ ที่จำหน่ายโดยบริษัทผู้ผลิต หรือตัวแทนจำหน่าย ซึ่งจะให้ครั้งหนึ่งต่อสัปดาห์
    [​IMG]
    0 1 . Genpet
    0 2 . Color Coding


    • Genpet Red - Athletic and energetic
    • Genpet Orange - Adventurous, confident and curious
    • Genpet Yellow - Playful and fun
    • Genpet Green - Helpful, harmonious and peaceful
    • Genpet Blue - Communicative and serene
    • Genpet Violet - Imaginative and spiritual
    0 3 . Heart Monitor
    04. Fresh Strip
    05. Bio-Genica IV System
    06. Genpet™ Restraints

    มันน่ากลัวไงไม่รู้ ตุ๊กตาก็ไม่ใช่ สิ่งมีชีวิตก็ไม่เชิง แปลกๆ มีมือมีเท้า ลืมตาได้ ผมงอกได้อีก โน้ววว... น่ากลัวว่ะ



    [​IMG]



















    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  20. nuttadet

    nuttadet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,892
    ค่าพลัง:
    +6,454
    คนขายเค้า ต้องการสร้างจุดขายหน่ะครับ จริงๆ ไม่ใช่แบบนั้นหรอก
     

แชร์หน้านี้

Loading...