บูชาเบาๆ ราคาพิเศษ

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Muang99, 31 กรกฎาคม 2024.

  1. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,462
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    จัดส่งไปให้แล้วครับ ขอบคุณครับ

    333.jpg
     
  2. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,462
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    จัดส่งไปให้แล้วครับ ขอบคุณครับ

    333.jpg
     
  3. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,462
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    ด้านหน้า55.jpg
    พร้อมกล่อง222.jpg

    11.พระพิฆเนศ รุ่นรวยเพิ่มพูน วัดอรุณราชวรราม บูชา 199 บาท

    พระพิฆเนศ รุ่นรวยเพิ่มพูน พระธรรมธาตุขึ้นเต็ม เก็บสะสมมานานหลายปี สภาพเก่าเก็บ เหมาะสำหรับท่านที่ศรัทธาองค์พระพิฆเนศ

    คาถาบูชา.jpg
     
  4. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,462
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    เรียนเชิญครับ
     
  5. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,462
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    รูปหล่อหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ ด้านหลัง.jpg
    รูปหล่อหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ.jpg
    12.รูปหล่อหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ บูชา 330 บาท

    หลวงพ่อเดิม พร้อมกล่อง11.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 สิงหาคม 2024
  6. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,462
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    รูปสุดท้าย อัดสำเนาครั้งที่2-2.jpg

    รูปหลวงปู่เทพโลกอุดร พิเศษบูชา 999 บาท

    รูปหลวงปู่เทพโลกอุดร ปัจจุบันเหลืออยู่แค่รูปเดียว ซึ่งเป็นรูปสุดท้าย

    ป.ล รูปนี้และรูป Original ล้วนมีพลังที่ยิ่งใหญ่ ผมสามารถสัมผัสได้ทุกครั้ง

    ภาพจริง สวยครับ เพียงแต่ตอนถ่ายรูป ไม่ได้เอาซองพลาสติกออก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มกราคม 2025 at 13:01
  7. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,462
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    หลายปีก่อน แจกรูปหลวงปู่เทพโลกอุดรไปมากมายหลายรูป มีท่านหนึ่งที่ขอรับรูปหลวงปู่เทพโลกอุดร(หลวงปู่ใหญ่) ไปบูชา เขาแจ้งกลับมาบอกว่า "ปล.รูปลปใหญ่ มีพลังอันยิ่งใหญ่จริงๆครับ วางรูปแล้ว พลังยังติดมืออยู่เลย สาธุครับ"

    พลังอันยิ่งใหญ่.JPG
     
  8. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,462
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    กล่อง888.jpg
    หลัง222.jpg หน้า111.jpg
    รายการที่ 15.พระผงหลวงปู่มีชัย กามฉินโท รุ่นแจกงานกฐิน ขุมทรัพย์ ๙๙๙๙๙๙๙ พิเศษบูชา 250 บาท รส

    พระผงหลวงปู่มีชัย กามฉินโท รุ่นแจกงานกฐิน ขุมทรัพย์ ๙๙๙๙๙๙๙ ปี ๒๕๕๘ วัดปราการชัยพัฒนาราม อ.ปราสาท จ.สุรินทร์

    ด้านหลังเป็นยันต์ขุมทรัพย์ เรียกทรัพย์สินเงินทอง

    พระแจกงานกฐิน ปี 2558 หลวงปู่มีชัย กามฉินโท วันที่ 12 มกราคม 2558 ทางคณะกรรมการวัดปราการชัยพัฒนารามได้ขออนุญาตหลวงปู่มีชัยสร้างพระกฐิน ปี 2558 จำนวน 30,000 องค์ ถวายเพื่อที่หลวงปู่จะได้มอบให้แก่ผู้มีจิตศรัทธามาร่วมงานกฐิน และญาติโยมทั้งหลายที่มากราบท่านที่วัด และในวาระอื่นๆ ซึ่งท่านได้อนุญาตโดยการเซ็นต์ใบอนุญาตให้สร้างอย่างเป็นทางการ รูปแบบด้านหน้าหลวงปู่มีชัยนั่งพื้น หลวงปู่เทพโลกอุดรนั้งบนท่อนไม้ ด้านหลังเป็นยันต์ขุมทรัพย์

    มวลสารของพระผงหลวงปู่มีชัย กามฉินโท รุ่นแจกงานกฐิน :

    1.เป็นผงของ "หลวงพ่อสิริ สิริวัฒฑโน" ซึ่งเป็นผงเก่าและผงอื่นๆ รวมทั้งผงที่เหลือจากส่วนผสมก้นกริ่งฉินโท ของหลวงปู่มีชัย กามฉินโท

    2.เกศาของหลวงปู่มีชัย เป็นผงเหมือนกับที่สร้างพระผงอุปคุต

    พระกริ่งฉินโทของ "หลวงปู่มีชัย" มีพลานุภาพฉันใด รุ่นนี้ก็ไม่ย่อหย่อนไปกว่ากัน

    ได้รับการปลุกเสกจากหลวงปู่ก่อนที่ท่านจะมรณภาพ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มกราคม 2025 at 13:06
  9. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,462
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    ประสบการณ์1.png


    ผมจะขอเล่าประสบการณ์น่ะครับ คือ ประมาณกลางๆปี58 ผมได้เอาพระหลวงปู่มีชัยไปใส่กรอบสแตนเลสเก้าองค์ เพื่อแจกพี่ๆเพื่อนๆที่ทำงาน ส่วนมากผมจะให้เฉพาะคนที่ไม่มีพระคือไปแขวนขึ้นคอจริงๆ ถือว่าเป็นการทำบุญไปในตัว ตามเจตนารมณ์หลวงปู่ครับ ซึ้งลูกศิษย์ที่เคยไปกราบหลวงปู่จะทราบดี ผมแจกไปแปดองค์ เหลือหนึ่งองค์เลยเก็บไว้ในลอ็กเกอร์ พอผ่านไปประมาณเดือนกว่าๆ เพื่อนรุ่นพี่เจอผมแล้วก็ดึงพระที่ผมให้ไปที่เหน็บที่คอเสื้อโชว์แล้วพูดว่า ตั้งแต่ได้ไปถูกหวยสองงวดแล้ว แล้วก็เสี่ยงโชคได้เงินอีกงวดนึง เพราะปกติแล้วพี่คนนี้จะแขวนพระเกจิดังราคาหลักหมื่น และน้องอีกทำงานเป็นพนักงานรายวันมีงานเขาก็เรียกมาทำไม่มีงานก็ต้องหยุด พอเจอผมก็บอกว่าพี่ตั้งแขวนพระที่พี่ให้มาเดี๋ยวนี้ผมได้ทำงานประจำแล้วพี่

    และผมจะเล่าถึงพระที่ผมเก็บไว้ที่ล็อกเกอร์ที่ยังไม่ได้ให้ใคร ตอนนั้นพระหลวงปู่เริ่มดังแล้วครับ พี่ที่ทำงานด้วยกันเจอกันก็ทักทายกันคุยกันเรื่องพระเครื่อง พี่เขาก็พูดขึ้นมาว่าทีคนอื่นแจกจังทีผมนั่งอยู่ใกล้ๆไม่เห็นแจก ผมก็เลยบอกว่าพรุ่งนี้ค่อยเอา พออีกวันพี่เขาหยุด ผมก็เลยเอาพระกลับบ้านเพื่อจะเปลี่ยนอีกองค์ที่ขอบบิ่นให้แทน ด้วยความกลัวว่าพี่เขาจะเอาพระไปปล่อยให้คนอื่นบูชา และเกิดความเสียดายพระด้วย พอกลับถึงบ้านจะหยิบพระที่วางไว้ที่หิ้งพระผมจำได้ดีว่าผมวางไว้ที่หิ้งพระ หายังงัยก็หาไม่เจอ จนทุกวันนี้ก็ยังไม่เจอ ความคิดที่เกิดตอนนั้นก็คือ หลวงปู่ท่านคงตำหนิผมว่าพระมีตั้งหลายองค์แต่จะเอาพระบิ่น ไปเปลี่ยนให้เขา "เป็นความเชื่อส่วนตัวของผมเองนะครับ" ก็เลยต้องเอาพระใส่กรอบตั้งแต่แรกไปให้พี่เขาครับ ส่วนพระที่ผมแจกก็คือพระแจกงานกฐินขุมทรัพย์๙๙๙๙๙๙๙ ครับ
     
  10. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,462
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    ด้านหน้า888.jpg
    ด้านหลัง333.jpg
    กล่อง222.jpg

    รายการที่ 16.พระกริ่งพระธาตุพนม เนื้อผงพระธาตุพนม รุ่นพระธาตุพนมบรมเจดีย์ พิเศษบูชา 250 บาท รส


    พระกริ่งพระธาตุพนม เนื้อผงพระธาตุพนม รุ่นพระธาตุพนมบรมเจดีย์ เจ้าคณะจังหวัดจัดสร้าง ปี 2537 พร้อมกล่องเดิม

    “ หลวงปู่คำพันธ์ โฆษปัญโญ “ วัดธาตุมหาชัย อ.ปลาปาก จ.นครพนม ประธานพิธีพุทธาภิเษก

    พิธีมหาพุทธาภิเษก ณ.ลานพระธาตุพนม วัดพระธาตุพนมมหาวรวิหาร วันที่ 10 ตุลาคม 2537
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,462
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    เหรียญหลวงปู่หลอด ด้านหน้า11.jpg
    เหรียญหลวงปู่หลอด ด้านหลัง11.jpg

    17.เหรียญหลวงปู่หลอด ปโมทิโต วัดสิริกมลาวาส บูชา 230 บาท

    เหรียญหลวงปู่หลอด ปโมทิโต วัดสิริกมลาวาส (วัดใหม่เสนา) กรุงเทพมหานคร รุ่นสร้างพระอุโบสถ วัดป่าหลวง อุดรธานี 2545

    หลวงปู่หลอด ปโมทิโต พระอรหันต์วัดใหม่เสนานิคม กรุงเทพมหานคร หลวงปู่หลอดเป็นศิษย์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ยุคเดียวกับพระหลวงตามหาบัว องค์ท่านบวชพระปีพ.ศ.2479(รุ่นน้องพระหลวงตามหาบัว 2 พรรษา) หลวงปู่ละสังขารเข้าพระนิพพานเมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2552 สิริอายุ 93 ปี พรรษาที่73 หลวงปู่หลอดเป็นสหธรรมมิกกับหลวงปู่เหรียญ วรลาโภ พระอรหันต์วัดอรัญบรรพรต เพราะทั้งสององค์ท่านจะธุดงค์ร่วมกันตลอดแต่หลวงปู่เหรียญเป็นศิษย์ผู้พี่หลวงปู่หลอดครับ หลวงปู่หลอดองค์ท่านเป็นผู้ที่หลวงปู่บุดดา ถาวโร พระอรหันต์เจ้าวัดกลางชูศรีเจริญ จ.สิงห์บุรี ยกย่องชมว่าเป็นพระอรหันต์ผู้ที่มีพลังจิตสูงและจิตสว่างไสวจ้าครอบโลกธาตุ เวลาองค์ท่านทั้งสองเจอกันหลวงปู่บุดดา องค์ท่านจะรีบไปกราบหลวงปู่หลอดก่อน ทั้งๆที่หลวงปู่บุดดาอายุพรรษามากกว่า จนหลวงปู่หลอดกราบหลวงปู่บุดดาแทบไม่ทัน หลวงปู่บุดดา จะบอกลูกศิษย์ขององค์ท่านว่า พระลูกศิษย์หลวงปุ่มั่นองค์นี้เก่ง วัตถุมงคลของทันพอท่านจับ จะรับรู้ถึงพลังจิตแรงมากแสงสว่างจ้าไม่มีประมาณ
     
  12. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,462
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    เบาๆ ครับ ราคาพิเศษ
     
  13. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,462
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    พระสิวลี หลวงปู่นาค พิมพ์ใหญ่ หน้าจีน.jpg
    18.พระสิวลี หลวงปู่นาค พิมพ์ใหญ่ หน้าจีน ปี 2499 (ราคาทุน 999 บาท) พิเศษบูชา 650 บาท รส (ปิดรายการให้คุณ shaj)

    พระสิวลีของหลวงปู่นาคนี้ สร้างขึ้นในปี 2499
    พระที่ทำเป็นรูปปั้น กับ พระที่ ประทับรูปลงในบล็อกติดด้านหลัง หรือ ด้านหน้า
    ท่านว่าไว้ว่า มีอุปเทห์ที่แตกต่างกัน
    หากทำเป็นรูปปั้น คือ เสมือนมีชีวิต และ พร้อมที่จะก้าวเดินอยู่ทุกเมื่อ แต่ผู้ใช้ ผู้ครอบครอง ต้องมีชีวิตที่ขวนขวาย หมั่นปรับปรุง เปลี่ยนแปลง ก้าวย่าง อยู่ เหนื่อยก็ได้แค่พัก แล้วก็ต้องเดินหน้าต่อ
    ส่วน รุปเหมือนที่ประทับไว้ในองค์พระด้านหลัง หรือ ด้านหน้า
    ท่านว่า เอาไว้เสริม
    นี่เป็นหลักกว้าง ๆ
    พระสิวลีของหลวงปู่นาคนี้ สร้างขึ้นในปี 2499
    ชนวนเหตุ คือ สงครามหาเอเซียบูรพา สงบลงแล้ว
    ประเทศชำรุดทรุดโทรมมาก
    สภาสวรรค์ มีประชุมกัน แล้วมีมติ ขอให้อัญเชิญดวงแก้วแห่งพระสิวลี เพื่อลงมาเชื่อมสานรอยต่อของสภาวะในโลก ให้เข้าสู่สมดุล ก่อนจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
    คือ การเปลี่ยนศตวรรษ
    ดวงแก้วสิวลีนี้ ถูกอัญเชิญมาไว้ที่ฐานกุฎิของสมเด็จฯ โต ที่ยังเหลือตำแหน่งอยู่ในขณะนั้น
    หลวงปู่นาค ผู้รับถ่ายทอดวิชาสายตรง และ เป็นวิชาที่ไม่มีเปิดเผยถึงรายละเอียด
    ช่วงแรก ท่านก็ทำพระสมเด็จ โดยอาศัยเศษเนื้อมวลสารที่แตกหักของสมเด็จวัดระฆังเดิม มาอัด มาผสม มาเข้ากรอบ เข้ารูป ใหม่
    โดยยังคงใช้วิชาที่ได้รับการถ่ายทอดมาทั้งหมด
    พอถึงเวลาหนึี่ง โองการสวรรค์ ได้สื่อกับท่านถึง วาระที่จะต้องทำและ มีแต่ท่านเท่านั้นที่ทำสิ่งนี้ได้
    ขณะนั้น การเตรียมการในการรับศตวรรษใหม่เริ่มต้นขึ้นทีละน้อย ๆ ทุกภาคส่วนมีดำริกันว่า จะต้องรวมทุกสิ่งทุกอย่างทีดี และ มีพุทธคุณ จากทั่วประเทศ นั่นคือที่มาของ สมเด็จปรกเกศ และ ระฆังหลังฆ้อนในปี 05
    แต่ในช่วงเตรียมการนั้น หลายคนได้นำสิ่งของที่มีค่า และหนึ่งในนั้น คือ ชนวนที่สมเด็จโตมอบไว้กับคนหนึ่ง และ ตกทอดมาถึงรุ่นหลาน
    หลานคนนี้ฝันว่า หลวงปู่โตมาหา แล้วบอกว่า ถึงเวลาอีกแล้ว ให้นำชนวนนี้ไปให้หลวงปู่นาค ท่านจะทำพระ
    หลวงปู่นาค จึงได้นำเอาชนวนที่ว่านี้ รวมกับสิ่งของต่าง ๆ ที่ผู้มามอบให้
    และที่สำคัญ ท่านได้อัญเชิญดวงแก้วสิวลี ซึ่งฝังอยู่ขึ้นมา
    คืนนั้น หลวงปู่นาค ได้เข้าญาณและองค์พระสิวลี ได้อวตารลงมา ประกอบพิธีรวมมวลสารให้เป็นสายเชื่อมโยง พลังแห่งโลกกับพลังแห่งจักรวาฬ
    พลานุภาพที่เกิดขึ้นนี้ จะเชื่อมโยงอดีตและอนาคตเข้าด้วยกัน
    โดยเฉพาะอนาคตที่เกี่ยวโยงกับพระที่จะสร้างในวาระต่อไป คือ ระฆังหลังฆ้อน และ พระปรกเกศ
    หลวงปู่นาค เล่าให้ฟังว่า ทุกครั้งที่นำพระสิวลีองค์นี้ขึ้นมาอาราธนา จะเสมือน การชัดนำเอาพลังญาณแห่งสมเด็จวัดระฆังทั้งหมด และ ระฆังหลังฆ้อน รวมทั้งพระปรกเกศมารวมกัน แล้วเกิดเป็นกำแพงแก้ว 7 ชั้น ดึงดูดสิ่งที่ดี บุญที่ดี เข้ามา เพื่อพยุงชีวิตให้กลับคือนสู่สิ่งที่ควรเป็น นอกจากนั้น กำแพงชั้น ที่ 8 และ 9 จะเป็นตัวป้องกันภยันอันตราย มีรัศมีมากกว่า 1 กิโลเมตร ไม่ว่าอันตรายอะไรกำลังเกิดขึ้นอยู่ข้างหน้า สภาวะการป้องกันจะหันเหหรือเบี่ยงเบนให้เราเปลี่ยนเส้นทาง ไม่ไปประสบ ไม่แม้แต่จะได้เห็น
    ดังนั้น หากใครที่มีพระระฆังหลังฆ้อนอยู่ในขณะนี้ หรือมีพระปรกเกศอยู่ ก็ขอให้ท่านได้นำสิ่งนี้ไปประกอบกัน เสมือน ชนวนตัวสุดท้าย ที่จะทำให้เหตุปัจจัยทั้งหมด ลงตัวและสมบูรณ์
    จบเรื่องเล่าจากการสื่อกับหลวงปู่นาคที่ท่านมาให้เห็นภาพเหตุการณ์ในอดีตเพียงเท่านี้ครับ

    เครดิตข้อมูล : คุณธรรมลิขิต

    หมายเหตุ : พระสิวลี หลวงปู่นาค พิมพ์ใหญ่ หน้าจีน ปี 2499 พระมีขนาด 1.1 X 3.3 c.m
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 สิงหาคม 2024
  14. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,462
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    หลวงพ่อฤาษีกับหลวงปู่นาค.jpg
    หลวงพ่อฤาษีลิงดำเล่าเรื่องหลวงปู่นาค...วัดระฆัง ปลุกเสกพระ

    เรื่องของหลวงพ่อนาค เขียนไว้อีกข้อเดียว คือเรื่องดูใจเวลาปลุกพระ นี่เรื่องมันเกี่ยวกันกับอาตมา ต้องขอประทานโทษบรรดาท่านผู้อ่านหรือท่านผู้ฟัง เมื่อฟังแล้วอ่านแล้วก็อย่าคิดว่าอาตมาเป็นผู้วิเศษ อย่าคิดยังงั้นนะ จงคิดเสียว่าอาตมาก็เป็นเถรหัวล้านธรรมดาๆ ไม่มีอะไรดีกว่าท่านผู้ฟัง เกิดแล้วก็แก่ แก่แล้วก็เจ็บ เจ็บแล้วก็ตาย กินแล้วก็ขี้
    ตื่นแล้วก็หลับ ธรรมดา ปวดเมื่อยไม่สบาย ปวดฟันตาฟ้าหูฟางเหมือนกัน พูดจาเอะอะโวยวายหยาบคายก็ได้ พูดนิ่มนวลก็ได้ ทำท่าเป็นผู้ดีก็ได้ ทำท่าเป็นสิงห์หน้าพลับพลาก็ได้ ทำเป็นหมาเห่าชาวบ้านก็ได้ เป็นทุกอย่าง ไอ้ที่ทำอย่างนั้น เพราะใจมันเป็นอย่างนั้น ไม่เหมือนหลวงพ่อนาค ท่านดีจริงๆ เลยยอมรับนับถือท่าน
    มาครั้งหนึ่ง ที่วัดชิโนรสาราม ธนบุรี ตอนนั้น สมัยนั้น เจ้าคุณสุวรรณเวที(ทองดี) อดีตเป็นพระของวัดระฆังมาเป็นเจ้าอาวาส ท่านก็ทำพิธีพุทธาภิเศก ปลุกพระเรียกว่าบวชพระพุทธเจ้า พระเครื่องนี่เขาทำรูปเปรียบพระพุทธเจ้าบ้าง บางทีก็ทำรูปเปรียบของพระสงฆ์
    แต่วันนั้นทำรูปเปรียบเฉพาะพระพุทธเจ้า ก็เลยเรียกว่าไปบวชพระพุทธเจ้ากัน ปลุก ไม่ใช่บวชกระมัง ท่านกำลังหลับ ไปปลุกให้ตื่น ท่านมีหน้าที่ปลุกเขานิมนต์มา 9 องค์ พระอะไรบ้างก็ไม่ทราบ แต่เท่าที่รู้จักมีอยู่หลายองค์ แต่พูดถึงอยู่ 2 องค์ คือ หลวงพ่อนาค กับพระครูธรรมาภิราม พระแขนสั้นแขนยาวนครปฐม นอกนั้นที่รู้จักก็มีชื่อเสียงโด่งดังเหมือนกัน ในสมัยนี้ก็โด่งดัง สมัยนั้นก็โด่งดังอีก 7 องค์
    แต่ไม่พูดถึงหรอก คือพูดถึงไม่ได้ เดี๋ยวจะถูกด่า เวลาท่านปลุกพระ สำหรับพระครูธรรมาภิราม รู้จักอาตมาดี อาตมาเรียกหลวงน้า พอเจอะท่านเข้าก็คุยตามแบบฉบับ ทีแรกก็ทำท่าเป็นพระติ๋มๆ เพราะไม่เคยรู้จักใคร พออาตมาเข้าไปก็เลยออกท่าตามแบบฉบับ ออกท่าอะไรทราบไหม ท่าลิง ก็ไปยั่วท่านด้วยอาการต่างๆ ท่านก็ทำโน่นทำนี่
    ชาวบ้านเขาก็เลยรู้สึกว่าท่านจะล่อกแล่กไปหน่อย ก็เลยบอกว่าหลวงน้า ไอ้แก้วน้ำน่ะ มันอยู่ไกลผม หลวงน้าช่วยหยิบมาให้ทีเถอะ
    ท่านบอก เฮ้ย แขนกูหยิบไม่ถึงนี่หว่า ก็เลยบอก เอ๊อะ พระจะปลุกพระนี่ เอาพระที่ไม่มีฤทธิ์มามันก็เสีย เสียของเปลืองที่ ไม่เอา ถ้าหยิบแก้วน้ำไม่ได้ก็นิมนต์กลับวัด ไม่มีประโยชน์ พระแบบนี้ ความจริงตอนนั้นพระคณาจารย์หลายองค์ก็นั่งอยู่ด้วย แต่เราไม่เกี่ยว เราคุยกับน้าชาย ท่านบอกไอ้นี่มันดูผิดคนนี่หว่า
    หนอยแน่มันดูถูกนี่หว่า หาว่ากูหยิบไม่ได้เรอะ ก็ตอบว่าไม่ได้ดูถูก แต่ว่าหยิบไม่ถึง นิมนต์กลับวัดเลย เอามารกที่ พระประเภทนี้ เสียศักดิ์ศรีครูบาอาจารย์ นี่เป็นลูกศิษย์หลวงพ่อปานนะ แล้วก็เป็นหลานชายหลวงพ่อปานด้วยนะ ไม่ใช่ลูกศิษย์อย่างเดียว มองหน้าเป๋ง
    เออ มึงดูถูกกู กูก็เอาได้วะ เรื่องอะไร ท่านก็ยื่นแขนซ้ายออกไปมันก็ไม่ถึง เลยเอาแขนขวาตบตรงข้อศอก บอกแขนยาวออกไปซิหว่า ไอ้แขนมันค่อยๆ ยาวออกไปๆ ความจริง ไอ้แก้วน้ำตั้งอยู่ห่างสุดแขนท่านสักเมตรหนึ่งเห็นจะได้หรือเมตรเศษๆ ในที่สุดท่านก็หยิบแก้วน้ำมาส่งให้
    คนพวกนั้นมองกันตาตั้งหมดแปลกใจว่าพระทำได้ ท่านก็บอก ไอ้นี่มันเป็นยังงี้ละ ถ้าไปเจอะมันเข้าทีไรมันทำเสียผู้ใหญ่ทุกทีแหละ มันให้เล่นอย่างโน้นเล่นอย่างนี้ ไม่เล่นมันก็ว่า
    เราจะให้มันทำมั่งมันก็บอกว่ามันลูกศิษย์รุ่นหลัง มันเล็กกว่า มันไม่ทำ นี่ให้มันทำอะไรซี มันไม่ทำหรอก แล้วมันก็ไม่ทำจริงๆ เพราะอะไร เพราะว่า หลวงน้า คือหลวงพ่อปานนะ ท่านเรียกหลวงน้า หลวงน้าท่านสั่งมันไว้ ห้ามไม่ให้ทำ
    มันก็เลยเลิกทำ ไอ้นี่เคารพคำสั่งครูบาอาจารย์จริงๆ ไอ้เราไม่ถูกจำกัดนี่ มันก็เลยใช้ให้เราทำอะไรต่ออะไรเรื่อยไป ชาวบ้านเขาถามว่าไม่โกรธมันรึ ลูกหลาน บอก โกรธมันยังไงไปด่ามันเข้าซี ดีไม่ดีมันล้วงย่ามเอาสตางค์หมด ไม่ได้หรอก ไปด่งไปด่ามันไม่ได้หรอก
    ถ้ามันจะว่าอะไร จะใช้อะไรก็ต้องตามใจมัน เดี๋ยวมันไม่ชอบในมันก็หยิบก็ล้วงเอาตามพอใจ เขาก็ถามว่าไม่บาปเรอะ มันจะบาปยังไง มันลูกมันหลาน มันเอาไปแล้วก็เลยนึกให้มันไปเลย ไม่เอาโทษเอาโพยกับมัน นี่เล่าเรื่องตอนต้นนะ สำหรับครูธรรมาภิราม
    ทีนี้ถึงเวลาปลุกพระจริงๆ เก้าองค์เข้าไปนั่ง อาตมาเองคิดในใจ ว่าเราก็ไม่มีความรู้อะไร ความดีด้านสมาธิก็ไม่มีอะไร เพราะเป็นคนธรรมดาๆ เป็นพระเดินผ่านหน้านรกไปผ่านหน้านรกมา เดินห่างนรกอยู่ครึ่งนิ้วเท่านั้นเอง ถ้าเผลอเมื่อไรหัวก็ทิ่มนรกเมื่อนั้น ก็เลยนึกในใจว่าเอาพระ 9 องค์นี้องค์ไหนมีอานุภาพมากบ้าง อยากรู้ก็เลยเข้าไปในโบสถ์ เขาปลุกในโบสถ์ ไปนั่งอยู่ท้ายอาสนสงฆ์ สำหรับพระที่ปลุกพระเขาทำเก้าอี้ให้นั่ง เอาไม้ไผ่มาทำเก้าอี้ เขาบอกว่าถ้าปลุกด้วยเก้าอี้ไม้ไผ่มันขลังดี ไอ้นั่นเรื่องของอุปาทาน
    ไม่เกี่ยว เรื่องของคนคิด
    เมื่อไปนั่งอยู่ท้ายอาสนสงฆ์ตั้งจิตอธิษฐาน อาราธนาบารมีพระพุทธเจ้า คือมองดูพระประธานเป็นกำลัง ขอบารมีพระพุทธเจ้าได้โปรดสงเคราะห์ ข้าพระพุทธเจ้าอยากจะดูอานุภาพจิตของพระแต่ละองค์ที่มานั่งปลุกพระในวันนี้ ถ้ากระแสจิตของบุคคลใด มีขนาดเท่าใด มีอานุภาพอย่างไรก็ขอให้ปรากฏแก่อารมณ์ของข้าพระพุทธเจ้า นึกเท่านี้นะ อธิษฐานเอาตามเรื่อง ตามเรื่องของคนที่ไม่มีฌานสมาบัติชั้นดีอย่างเขาหรืออาจจะไม่มีเลย พออธิษฐานเท่านั้นก็จับลมหายใจเข้าออก ทำจิตสงบนิดหนึ่ง ก็เป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ นี่เป็นอำนาจของพุทธานุภาพจริงๆ นะ
    ไม่ใช่ความดีของอาตมา เห็นกระแสจิตของพระทุกองค์ใสแจ๋ว เหมือนกับเห็นของในเวลากลางวัน สำหรับกระแสจิตหลวงพ่อนาคนี่พุ่งออกมาใหญ่เหลือเกิน คลุมเครื่องรางของขลังทั้งหมด เรียกว่าแสงสว่างของจิตแทรกลงไปในเครื่องของขลังอยู่ที่ผิดด้านหน้า ยันข้างล่างสุด เรียกว่าคลุมหมด อาบลงไปหมดเลย โพลงสว่างชัด ของพระครูธรรมาภิราม พุ่งออกมาเหมือนหอก เป็นกระแสเล็กแต่พุ่งแรงมาก แสดงว่าพระครูธรรมาภิราม เป็นพระนักเลง ชอบคงกระพันชาตรี ของหลวงพ่อนาคนี่เต็มไปด้วยอำนาจพระพุทธบารมีจริงๆ มีความเยือกเย็นสบายๆ ยังไงชอบกล แต่พระอีก 9 องค์ มองดูไปแล้วกระแสจิตไม่ได้ออกมา เหมือนกับจุดเทียนจุดริบหรี่ ปักอยู่ในอกนั่นเองอยู่เฉยๆ เป็นดวงนิดหนึ่ง แล้วก็อยู่ในอกเฉยๆ ก็นั่งดูอยู่ยังงั้นจนกว่าเขาจะเลิกปลุกกัน
    เมื่อถึงเวลา 23 น. เศษๆ ก็หมดสัญญาณการปลุก ความจริงการปลุกพระนี่ ไม่ต้องใช้เวลามาก ถ้าใช้เวลามากแล้วไม่มีผล ควรจะให้พระกำหนดกันเอง ปลุกพร้อมกัน ใครเต็มเมื่อไรก็พัดผ่อนได้เมื่อนั้น แต่ยังไม่ลุกออกมา ยังงี้จะดีมาก แล้วเวลาปลุกพระ ต้องใช้กำลังสมาธิสูงมาก
    ถ้าพระได้สมาบัติยังต่ำหรือโยเยอยู่ ยังไม่มั่นคงนัก จิตจะส่ายไปตามกระแสสวด ผลจะไม่ดี แต่ว่าที่ทำกันเวลานี้ ก็มีพระสวดพุทธาภิเศกควบไปด้วย เขาเอาแบบมาจากไหนก็ไม่รู้เหมือนกัน ไม่รู้เรื่อง ไม่รู้ว่าเอาแบบมาจากไหน แต่ว่ามันจะดีหรือไม่ดีแค่ไหนก็ตามเรื่อง หากมีพระกำลังจิตดีก็ใช้ได้ ถ้าพระกำลังจิตไม่ดีก็เลยนั่งหลับตา อีตอนนั่งหลับตาใครจะรู้ว่าทำอะไรบ้าง บางวัดก็เกณฑ์กันตลอดรุ่งไม่เห็นมีประโยชน์ เคยไปร่วมกับเขาเหมือนกัน ถ้าเกณฑ์ตลอดรุ่งดีไม่ดีก็นั่งหลับเลย
    ตานี้ พอเขาเลิกทำพิธี พระอาจารย์ทุกองค์ก็ลงมา พอลงมาเสร็จท่านก็ไปนั่งกันตามหน้าอาสนสงฆ์แต่ไม่ถึงท้าย อาตมานั่งอยู่ทางท้ายกับพระสมุห์สมบูรณ์ พอลงมานั่งกันเรียบร้อย หลวงพ่อนาคก็บอกว่านี่ท่านพวกนี้รู้ไหม ไอ้ขโมยมันมานั่งขโมยอยู่ พระพวกนั้นก็ทำหน้าล่อกแล่กๆ มีพระครูธรรมาภิรามองค์เดียวยิ้ม หันมายิ้มด้วยแสดงว่าท่านรู้ก็เลยยิ้มกับท่าน แต่หลวงพ่อนาคท่านก็ทำเฉย ทำไม่รู้ไม่ชี้ บอกท่านทั้งหลายรู้หรือเปล่า ไอ้ขโมยมันมานั่งขโมยอยู่ ท้ายอาสนสงฆ์ แล้วก็มีญาติโยมคนหนึ่งถามว่าขโมยอะไร ถามขโมยอะไรเจ้าค่ะหลวงพ่อ ท่านก็บอก มันไม่ได้ขโมยอะไรหรอก มันมานั่งขโมยดูใจพระปลุกพระ ไอ้ขโมย มันนั่งอยู่ท้ายอาสนสงฆ์
    ตานี้เวลาที่ท่านลงมาแล้วเขาขอพระท่าน ท่านก็แจก เวลาท่านแจกไปขอท่านมั่ง ท่านไม่ให้ บอกไอ้นี่ขโมย ไม่ให้ละ ทำได้อย่างที่เขาทำนี่ ทำได้ไปทำเอาเองซี ท่านไม่ให้ ก็มีพระหลายองค์ท่านมองหน้า
    ท่านก็เลยบอกว่าไอ้นี่แหละขโมย ขโมยดูใจพระทุกองค์ มันรู้ ว่าใจพระองค์ไหนเป็นยังไง นี่มันทำได้นะพระนี่ มันทำได้ ทำได้คล้ายๆ ข้าแหละ
    แต่ไอ้ข้ากับมันใครดีกว่ากันข้าไม่รู้หรอก แต่วันนี้ท่านผู้ฟังจำไว้นะ ว่าอาตมาไม่ดีเท่าหลวงพ่อนาค แล้วก็ดียังไม่ใกล้หลวงพ่อนาค ยังไกลอยู่นะ เพราะยังเป็นปุถุชนคนธรรมดา ยังเป็นคนปวดอุจจาระ
    ปวดปัสสาวะ มีหนาว มีร้อน มีเมื่อย มีหิว มีกระหาย รู้เปรี้ยว รู้เค็ม รู้เผ็ด แล้วมีอารมณ์ เสียงดังบ้าง ดุบ้าง ด่าบ้าง ว่าบ้าง คำสุภาพบ้าง ยิ้มแย้มแจ่มใสบ้าง หน้าบึ้งขึงจอบ้าง
    อย่างนี้อย่าชมกันว่าดีนะ เป็นอาการของคนเลว แต่มันยังอยากจะเลวอยู่ก็ปล่อยมันไป ตายเมื่อไร เลิกเมื่อนั้น
    เป็นอันว่าเรื่องของหลวงพ่อนาค ยุติกันเพียงเท่านี้ แต่ก็ยังไม่เลิกพูด เวลามันยังไม่หมด วันนี้เห็นจะสรุปงานกันได้แล้วนะ เพราะว่าเทปเหลือนิดเดียว
     
  15. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,462
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    รับทราบครับ
     
  16. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,462
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    จัดส่งไปให้แล้วครับ
    ขอบคุณครับ
    777.jpg
     
  17. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,462
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    เรียนเชิญครับ บูชาเบาๆ
     
  18. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,462
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    ท่านพ่อคล้าย วัดสวนขวัญ ด้านหน้า33.jpg
    ท่านพ่อคล้าย วัดสวนขวัญ ด้านหลัง33.jpg

    19.เหรียญพ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์ วัดสวนขัน ปี 2534 ราคาเดิมบูชา 2,500 บาท พิเศษบูชา 1,800 บาท

    เหรียญพ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์ รุ่นสร้างอุโบสถ์เฉลิมพระเกียรติ พุทธาภิเษก วัดสวนขัน จ.นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2534

    สภาพยังสวย (ของจริงสวยกว่าในรูป) พร้อมกล่องเดิมๆ

    เหรียญพ่อท่านคล้าย พร้อมกล่อง2.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มกราคม 2025 at 13:07
  19. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,462
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    เรื่องหนึ่งซึ่งเลื่องลือกันในหมู่ลูกศิษย์ท่านที่เกี่ยวเนื่องถึงหลวงปู่ศรี วัดสะแก โดยท่านสามารถที่จะตรวจสอบพลังพระพุทธคุณได้ถึงขนาดทราบว่าพระเกจิรูปนั้นๆปลุกเสกมนต์ด้วยบทอะไร และปลุกเสกใช้กำลังจิตแบบไหนครับ มีวันหนึ่งลูกศิษย์นำพระเครื่องของพ่อท่านคล้ายมาให้ท่านสอบดู ท่านใช้เวลาอยู่หลายวันก็ไม่ทราบว่าท่านพ่อท่านคล้ายปลุกเสกด้วยมนต์บทอะไร ล่วงเลยไปหลายวันท่านถึงบางอ้อ ท่านกล่าวว่าวัตถุมงคลพ่อท่านคล้ายศักดิ์สิทธิ์ด้วยคำอธิษฐานแต่เพียงว่า ขอให้วัตถุมงคลนั้นศักดิ์สิทธิ์ คำพูดเพียงเท่านี้เองก็สามารถทำให้วัตถมงคลศักดิ์สิทธิ์แล้วครับ สมดังคำสมญานามของท่านจริงๆครับ

    credit พี่ท่าน1ในเว็ปครับ
    ที่มา : http://palungjit.org/threads/มาร่วมด้วยช่วยกันแชร์ประสบการณ์พ่อท่านคล้าย-วาจาสิทธิ์-กันครับ.507239/#post-8742832
     
  20. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,462
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    รูปพ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์999.jpg

    ปาฏิหาริย์เรื่องเล่า พ่อท่านคล้ายวาจาสิทธิ์

    กิตติศัพท์ชื่อเสียงของพ่อท่านคล้ายนั้น โด่งดังในหลาย ๆ ด้าน ด้านหนึ่งที่ประจักษ์เด่นชัด จนกลายเป็นฉายาต่อท้ายชื่อของท่าน ก็คือความเป็นผู้มีวาจาสิทธิ์ วาจาชัย เล่ากันว่าท่านกล่าวเช่นไรมักจะเป็นเช่นนั้น ราวกับว่าเป็นนักพยากรณ์ผู้อัจฉริยะ

    ครั้งที่ยังมีชีวิตอยู่นั้น ชื่อเสียงของท่านระบือสนั่น ๗ คาบสมุทร ดังข้ามประเทศเลยก็ว่าได้ เห็นได้จากชาวพุทธในประเทศมาเลเซียยังเลื่อมใสศรัทธา ถึงกับนิมนต์ท่านให้เดินทางไปยังปีนัง อยู่บ่อยครั้ง

    หรือแม้กระทั่งพวกแขกต่างศาสนา ยังเกิดความเลื่อใสศรัทธา ช่วยกันบริจาคทรัพทย์สร้างปูชนียสถานคือ พระพุทธไสยาสน์ไว้เป็นอนุสรณ์สถานที่ วัดชัยมังคลาราม หรือ “วัดปลุลอติกุด” ตามภาษามาเลย์ วัดนี้อยู่ที่ เกาะปีนัง

    พ่อท่านคล้ายนั้น นอกจากจะมีชื่อเสียงเรื่องวาจาสิทธิ์แล้วเรื่องความเมตตาต่อชนทุกหมู่เหล่าไม่เลือกที่รักมักที่ชัง ท่านถือปฏิบัติพรหมวิหาร ๔ คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา เป็นธรรมข้อสำคัญในการดำรงชีวิต

    และยังได้ชื่อว่าเป็น “หมอเทวดา” สามารถรักษาอาการป่วยไข้ที่หมอทั่วไปรักษาไม่ได้ให้หายขาดได้อย่างน่าอัศจรรย์ท่านรักษาด้วยพลังจิต โดยการอาบน้ำมนต์แผ่เมตตาให้ และใช้ยาสมุนไพรได้หายชงัด จนชาวบ้านทั่วไปยกย่องท่านเป็น “เทพเจ้าของชาวฉวาง” ไม่เพียงเท่านี้ พ่อท่านคล้ายยังเป็นพระนักพัฒนา นำความเจริญต่าง ๆ มาสู่ท้องถิ่น และพระพุทธศาสนาไม่น้อยทีเดียวจนไม่สามารถรวบรวมนำมาบอกกล่าวเล่าแจ้งได้หมดสิ้น ทั้งที่เกี่ยวกับศาสนสถาน และที่เป็นสาธารณประโยชน์ทั่วไป

    อิทธิปาฏิหาริย์ “พ่อท่านคล้ายวาจาสิทธิ์” เทพเจ้าแดนทักษิณ

    ก่อนอื่นต้องขอแนะนำบุคคลสำคัญผู้นำเรื่องราวเหตุการณ์ “สิ่งเหนือโลก” ที่ประสพพบมากับตัวเองจริง ๆ ไม่ได้ยกแม่น้ำทั้งห้ามากล่าวอ้างแต่ประการใด มาถ่ายทอดให้ฟังท่านคือ สามเณรวีระยุทธ สุดใจ

    สามเณรวีระยุทธ บรรพชาที่วัดสามัคคีนุกูลก่อนจะย้ายมาอยู่ที่วัดสวนขัน โดยเจ้าอาวาสวัดสวนขันคือ “พระครูกิตติวิมล” มีศักดิ์เป็นตา ด้วยเหตุนี้เอง สามเณรวีระยุทธจึงได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ดูแลรักษาความสะอาดเรียบร้อยภายในมณฑลปประดิษฐานรูปเหมือนของพระเดชพระคุณพ่อท่านคล้ายหรือที่ชาวบ้านเรียกว่า “หอไตร” ภายในหอไตรนั้น จะมีโอ่งน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ตั้งอยู่เบื้อหน้ารูปเหมือนของพ่อท่านคล้าย และทุกครั้งที่น้ำมนต์ในโอ่งหมดสามเฌรวีระยุทธจะเป็นผู้ขนน้ำใส่จนเต็ม จากนั้นจะห่อจีวรเข้าไปในหอไตร จัดการปิดประตูหน้าต่างทุกบาน ก่อนจุดเทียน ๙ เล่ม ที่ปากโอ่ง และจุดธูป ๙ ดอก พร้อมตั้งจิตอธิษฐานภาวนาว่า “อิติปิโส พาหุง มหาการุณิโก” จนจบ และกล่าวอธิษฐานถึงดวงวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์ของพ่อท่านคล้ายว่า

    “ขอให้พระเดชพระคุณพ่อท่านคล้ายจงช่วยปลุกเสกน้ำมนต์ในโอ่ง เพื่อญาติโยมผู้มีจิตเลื่อมใสในหลวงพ่อจะได้เอาไปใช้” ปากว่าไปพลางทั้งหลับตาปี๋ เมื่ออธิษฐานจบก็ลืมตาขึ้น สิ่งที่ไม่อยากเชื่อสายตาตนเองปรากฏอยู่ตรงหน้า คือเห็นพ่อท่านคล้ายยืนอยู่ข้างเตียงเก่าของท่านที่คงเก็บรักษาเอาไว้ภายในหอไตร ในครั้งแรกสามเณรวีระยุทธไม่เชื่อสายตาตนเอง จึงใช้มือขยี้ตาดูสองสามครั้ง แต่ภาพของพ่อท่านคล้ายก็คงปรากฏอยู่ตรงหน้า ดังนั้นสามเณรวีระยุทธจึงคลานเข้าไปกราบที่เท้าของท่าน เมื่อเงยหน้าขึ้นมองพบว่า พระเดชพระคุณพ่อท่านคล้ายยิ้มให้อย่างเมตตา แล้วร่างของท่านก็ค่อย ๆ หายไปในที่สุด

    “นับเป็นครั้งแรกในชีวิตของข้าพเจ้าเลยก็ว่าได้ ที่ได้พบพระเดชพระคุณพ่อท่านคล้าย เพราะข้าพเจ้าเกิดไม่ทัน” สามเณรวีระยุทธกล่าว

    “อิสลามก็ยังไหว้”


    ครั้งนั้นประมาณเดือนตุลาคม แต่วันที่เท่าไรจำไม่ถนัดนัก มีผู้หญิงคนหนึ่งนับถือศาสนาอิสลามได้เล่าให้ฟังว่า ตนเป็นหัวคะแนนให้กับ อบต. ที่จังหวัดภูเก็ต และที่สำคัญสามารถหาคะแนนเสียงได้ดีเสียด้วย เมื่อเป็นเช่นนั้น ฝ่ายตรงข้ามจึงจ้างวานมือปืนมาเล่นงาน หมายเด็ดหัวให้ดับดิ้นสิ้นชื่อเลยทีเดียว ตนก็พอจะทราบระแคะระคาย ครั้งตกดึกในคืนนั้น ตนได้พบเห็นร่างของพระภิกษุสงฆ์องค์หนึ่ง และพูดกับตนว่า

    “ขอให้ลูกไปหาพ่อที่วัดสวนขัน นำดอกบัว ธูปเทียนไปด้วย แล้วลูกจะสิ้นทุกข์สิ้นภัย ไปถึงก็เข้าไปนั่งสมาธิในหอไตร”

    เมื่อพูดจบร่างนั้นก็หายไป พอเช้าวันรุ่งขึ้น ตนนึกได้ว่ามีเพื่อนอยู่ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช จึงเดินทางมาหาเพื่อนเพื่อให้พาไปยังวัดสวนขัน และได้พบกับสามเณรวีระยุทธ ซึ่งขณะนั้นอยู่ที่ศาลาอนุสรณ์ 120 ปี พ่อท่านคล้าย พอดี

    สามเณรวีระยุทธ กล่าวต่อว่า หญิงอิสลามคนดังกล่าว ได้จุดธูปเทียนนมัสการรูปเหมือนพระเดชพระคุณพ่อท่านคล้ายจากนั้นเข้าไปนั่งสมาธิในหอไตรอยู่นานพอสมควรเมื่อกลับออกมาข้าพเจ้าและโยมแม่ชีผู้อยู่ประจำศาลาได้เอ่ยถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง ? รู้สึกดีขึ้นบ้างมั้ย ? หญิงอิสลามก็ตอบว่า เห็นพ่อท่านคล้ายยิ้มและยังกล่าวว่า “สิ้นเคราะห์สิ้นภัยนะลูกนะ”

    พ่อท่านคล้ายอยู่สวนขัน”

    ในเดือนเดียวกันกับเหตุการณ์ที่เพิ่งกล่าวมา มีตำรวจ 2 นายเดินทางมายังวัดสวนขัน นายตำรวจทั้งสองที่ว่านี้ เป็นผู้มีความรู้ทางด้านไสยศาสตร์ กล่าวคือ เป็นร่างทรงของท้าวเวสสุวรรณ และทั้งสองเล่าแจ้งถึงจุดประสงค์ที่มาในครั้งนี้ให้สามเฌรวีระยุทธฟังว่า พ่อท่านคล้ายได้ไปเข้าฝัน ทั้งบอกกับตนว่า

    “ถ้าจะทำบุญร่วมกับท่านให้มาทำยังวัดสวนขัน เพราะท่านจะไม่อยู่ที่อื่น เดือนนึงมี ๓๐ วัน ท่านจะอยู่ที่วัดสวนขันเสีย ๒๐ วัน นอกนั้นท่านจะไปดูแลตามที่ที่มีรูปเหมือนของท่านตั้งบูชาอยู่”

    สามเณรวีระยุทธได้ยินได้ฟังดังนั้นจึงเชื่อว่า ดวงวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของพระเดชพระคุณพ่อท่านคล้ายยังคงอยู่ที่วัดสวนขัน เพราะประสบพบมากับตัวเองเช่นกัน ?

    “ทุกคนมีกรรม”

    เล่ากันว่าคราวหนึ่ง พระเดชพระคุณพ่อท่านคล้าย กำลังนอนเอกเขนกพักผ่อนอยู่บนศาลาหลังเตี้ยยกพื้นสูงสักแค่หัวเข่ารอบ ๆ ศาลาเป็นลานทรายกว้าง มีหญิงชายนั่งจับกลุ่มคุยกันในเรื่องสัพเพเหระ สักพักได้วกมาพูดเรื่องพระภิกษุรูปหนึ่งที่เป็นสมภารเสียด้วย เรื่องเพิ่งเกิดขึ้นสด ๆ ร้อน ๆ คงเป็นอาหารปากอันโอชะของชาวบ้าน เรื่องมีอยู่ว่าพระรูปนั้นเกิดไปทำอาบัติปาราชิกกับศิษย์สาว จนเกิดท้องเกิดไส้ขึ้น เป็นธรรมดาเมื่อคนนี้เอ่ยคนนั้นรับกันอย่างเป็นปี่เป็นขลุ่ยพ่อท่านคล้ายนอนฟังอยู่นาน ก็พรวดพราดยันกายขึ้นนั่ง แล้วพูดเสียงดังฟังชัดเป็นภาษาใต้ว่า

    “เฮ พวกสูอย่าดีแต่เอาเรื่องของคนอื่นมาพูด มาวิจารณ์กันนักเลย หามีใครอยากชั่วอยากเลวไม่ แต่เพราะกรรมบันดาลจะทำอย่างไรได้ ทุกคนมีกรรมเป็นแดนเกิด มีกรรมเป็นผู้ติดตาม มีกรรมเป็นที่พึ่ง ทำกรรมดีก็ได้ดี ทำกรรมชั่วก็ได้ชั่ว ถึงตัวกูเองก็ไม่แน่ดอกนะ กรรมมาถึงเมื่อใด อาจแรงเสียยิ่งกว่า (สมภารผู้นั้น) ก็ไม่แน่นา” ทำเอาชมรมนินทาต่างคนต่างก้มหน้าเงียบ!!

    “แคล้วคลาดอันตราย”

    เมื่อครั้งสร้างโรงธรรมศาลาหลังใหญ่ที่หลวงพ่อเดชเป็นผู้ริเริ่มสร้าง และต่อมาถูกวาตภัยถล่มจนพังทลายไปเมื่อปี ๒๕๐๕ ในครั้งนั้นเสาไม้หลักที่ใช้ก่อสร้างขนาดหน้ากว้างสัก ๑๕ นิ้ว ยาวกว่า ๘ เมตร ลองหลับตานึกภาพดูสิว่าจะมีน้ำหนักสักเท่าไร ? และต้องใช้กำลังคนกี่ร้อยคน ถึงจะยกขึ้นตั้งเป็นแนวตรง ? ต้องใช้เชือกผูกปลายเสาหลายเส้นเพื่อพยุงขึ้น ขณะที่เสาเกือบจะเข้าที่เข้าทาง สิ่งที่ไม่คิดไม่คาดฝันก็อุบัติขึ้นคือ เชือกที่ใช้พยุงเสาเกิดขาดพร้อมกัน เสียงเสาล้มฟาดพื้นโครม! สนั่นหวั่นไหว กลางหมู่คนจำนวนนับร้อย นึกแล้วขนพองสยองเกล้า คนคงถูกทับแบนแต๊ดแต๋ตายเป็นเบือ? คุณพระช่วยกลับไม่มีใครได้รับอันตรายแต่อย่างใด เมื่อหายจากอาการปากอ้าตาค้าง ต่างก็ยกมือขึ้นสาธุท่วมหัวเมื่อเห็นพ่อท่านคล้ายยืนสงบนิ่งอยู่เบื้องหน้า เพราะเชื่อว่าด้วยความเมตตาและบารมีของท่านที่ช่วยให้รอดตายในครั้งนี้

    “แม้แต่ฝนยังรู้ภาษา”


    มีอยู่คราวหนึ่ง ชาวบ้านสวนขันและคณะครูได้นำกฐินไปทอดยังวัดมะปรางงามโดยการนำของครูช้อง พร้อมทั้งนมัสการนิมนต์พ่อท่านคล้ายไปด้วย หลังจากที่ถวายกฐินอนุโมทนาเสร็จเรียบร้อย ราวสักบ่ายสามโมงเห็นจะได้ จึงยกขบวนเดินทางกลับโดยใช้เก้าอี้เป็นพาหนะให้พ่อท่านคล้ายนั่งแล้วช่วยกันหาม ขณะนั้นฝนกำลังตั้งเค้าจะตกมืดฟ้ามัวดิน จึงพาพ่อท่านคล้ายกลับเข้าไปพักหลบฝนเสียในวัด แต่ท่านกลับบอกว่า “ไม่เปียกดอก กลับกันเถิด” ยังไม่ทันขาดคำฝนก็เทลงมาและตกไล่หลังขบวนมาติด ๆ หลายครั้งหลายคราที่จะพาท่านหยุดพักหลบฝนในบ้านคนข้างทาง แต่ท่านก็ยืนกราน “ไปเถิด ๆ ไม่ถูก ๆ” พวกที่มาด้วยกันทั้งหมดจึงตัดสินใจว่าเปียกเป็นเปียก เมื่อท่านอยากเปียกฝนก็ยอมเปียกด้วยกัน อาบน้ำฝนให้สนุกกันสักทีจะเป็นไรไป ฝนตกหนักบ้างเบาบ้างไล่หลังมาตลอด ห่างกันสักวาสองวา พ่อท่านคล้ายนั่งยิ้มหันไปมองฝนพรางบอกว่า “ไม่ถูก ไม่ถูก” ขบวนมุ่งหน้ามาตามทางหลวงเศลาใต้ ลัดเลาะตัดเข้าบ้านยางยวนข้ามคลองระแนะ ผ่านมาถึงบริเวณปากทางเข้าวัดใต้หรือวัดราษฎร์บำรุง ที่หลวงพ่อเริ่มลูกศิษย์ของท่านเป็นเจ้าอาวาสพ่อท่านคล้ายก็เอ่ยขึ้นว่า “แวะพักกันที่วัดคุณเริ่มก่อน ฝนมันเต็มกลั้นแล้ว” จึงพากันเข้าไปพักในโรงครัวของวัดใต้ คราวนี้เองฝนซึ่งตกไล่หลังมาตั้งแต่มะปรางงามเหลืออดเหลือกลั้นแล้วจริง ๆ ก็เทลงมาอย่างรุนแรง ชนิดที่ว่าหลังคาสังกะสีแทบจะทะลุ

    ช่างอัศจรรย์ดีแท้ แม้แต่ฝนแม้แต่ธรรมชาติยังสื่อภาษาได้ หรือคุณจะว่าอย่างไร?

    “เสกใบมะขามเป็นนกกระยาง”

    นายกระจ่าง ธราพร (เพิ่งเสียชีวิตเมื่อปี ๒๕๔๑ นี่เอง) เล่าให้ฟังว่า ในสมัยที่แกยังหนุ่ม ๆ ที่วัดสวนขันจะมีพระภิกษุสามเณรเยอะเป็นพิเศษ เพราะใครต่อใครก็อยากมาบวชที่วัดสวนขัน วัดพ่อท่านคล้ายในแต่ละวันพ่อท่านคล้ายจะให้สามเณรช่วยกันถากถอนหญ้าที่ขึ้นรกในบริเวณวัด และให้พระภิกษุกวาด ซึ่งจะมีโยมชาวบ้านมาร่วมในกิจกรรมดังกล่าวด้วย และหนึ่งในนั้นก็คือนายกระจ่าง เรื่องมีอยู่ว่า ขณะที่นายกระจ่างกำลังกวาดขยะอยู่นั้นเห็นพ่อท่านคล้ายเดินยิ้มเข้ามาหา และเอ่ยปากบอกว่า “ไปเก็บใบมะขามมาสักกำมือ ฉันจะทำอะไรให้ดู” เมื่อนายกระจ่างนำใบมะขามใส่มือพ่อท่านคล้าย ท่านก็ยืนหลับตาบริกรรมคาถา แล้วบอกว่า “ดูดี ๆ นะ” พระเดชพระคุณพ่อท่านคล้ายก็โปรยใบมะขามที่อยู่ในกำมือ นายกระจ่างแทบไม่เชื่อสายตาตนเอง ใบมะขามกลายเป็นนกกระยางบินร่อนเต็มวัดอย่างเหลือเชื่อ!! (Cr.พุทธาคม ปาฏิหาริย์อำนาจบุญ อริยะเหนือโลก)

    เรื่องมีอยู่ว่า… นางถนอม ชาวบ้านธรรมดาๆ เป็นลูกผู้ใหญ่บ้าน ชื่อ นายทอง จงจิต ได้ซื้อสวนยางมา แปลงนึง มีบ้านอยู่ด้วย ๑ หลัง ซึ่งบ้านหลังนี้ได้ปลูกอยู่บนจอมปลวกที่ถูกขุด ทำลายไปแล้ว ก่อนซื้อบ้านหลังนี้ นางถนอมไม่ทราบเรื่องมาก่อน แต่มาทราบในภายหลัง นางถนอมจึงได้ไหว้วานให้นายเจิม มณีมาส ปลัดอำเภอฉวาง ซึ่งเป็นญาติกัน ให้ไปนิมนต์พ่อท่านคล้ายไปเจริญพระพุทธมนต์ที่บ้านหลังนั้น และเมื่อถึงวันงานทางเจ้าภาพก็ได้ไปนิมนต์พระอธิการนาค เจ้าอาวาสวัดหลักช้าง และพระวัดจันดีไปด้วย

    เมื่อเจริญพระพุทธมนต์จบแล้ว พระรูปอื่นได้กลับวัดไปก่อน ส่วนพ่อท่านคล้ายได้ถูกนิมนต์ให้จำวัดที่ใต้โคนต้นยางพาราในสวน ส่วนพระอธิการนาคก็กางมุ้งนอนข้างๆกับท่าน พอตกดึกฝนทำท่าว่าจะตก มีลมพัดแรง พ่อท่านคล้ายก็บอกว่า ฝนจะตกแล้ว พระอธิการนาคต้องเข้าไปนอนในบ้าน แต่ที่น่าแปลกตรงที่ว่า เตียงพ่อท่านคล้ายกลับไม่ถูกฝนแม้แต่น้อย งานบุญครั้งหนึ่ง ที่จัดให้มีการสรงน้ำทำบุญท่านที่วัดสวนขัน พอพิธีจะเริ่มขึ้นฝนก็เริ่มจะตก พ่อท่านคล้ายบอกว่า ไม่เป็นอะไรหรอก ฝนมันตกเป็นโรงมโนราห์ ตกลงว่าวันนั้นฝนได้ตกรอบๆวัด แต่ในวัดไม่มีฝนตกลงมาเลยเป็นที่อัศจรรย์ใจยิ่งนัก

    เครดิตที่มา : https://praauchan.com/ปาฏิหาริย์-พ่อท่านคล้าย/
     

แชร์หน้านี้

Loading...