ถกอาเซียนเริ่มแล้ว! ไทยย้ำไม่เคยลงนามหยุดยิง

ในห้อง 'ข่าวทั่วไป' ตั้งกระทู้โดย titawan, 4 กุมภาพันธ์ 2011.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. titawan

    titawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2008
    โพสต์:
    2,290
    ค่าพลัง:
    +5,139
    ผช.ทูตทหารไทยนำ'พลทหารเชลยศึก'กลับถึงไทยแล้ว


    [​IMG] "พลทหารสงกรานต์" เชลยศึกไทยถูกส่งตัวถึงด่านอรัญฯ จ.สระแก้วของไทยแล้ว โดยผู้ช่วยทูตทหารประจำสถานทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ เป็นผู้นำผ่านด่านพรมแดนอรัญฯ ไม่ยอมให้สื่อถ่ายภาพ...

    เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 8 ก.พ. ที่บริเวณด่านพรมแดนอรัญประเทศ จ.สระแก้ว จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ได้มีกองทัพสื่อมวลชนของไทยหลายสำนักกว่า 20 ชีวิต ได้มาเฝ้ารอ เพื่อทำข่าวการส่งตัวพลทหารสงกรานต์ ทองชมพู อายุ 22 ปี ที่ทหารกัมพูชาจับกุมเป็นเชลยศึกเมื่อคืนวันที่ 4 ก.พ. ขณะเกิดการปะทะกันระหว่างทหารไทย และกัมพูชา บริเวณชายแดนปราสาทพระวิหาร จ.ศรีสะเกษ โดยมีนายศานิตย์ นาคสุขศรี ผวจ.สระแก้ว เดินทางมาร่วมสังเกตการณ์ด้วย

    ต่อมาได้มีรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า แลนด์ครุยเซอร์ สีเขียว ป้ายทะเบียนเหลืองของสถานทูต หมายเลข CD76-056 วิ่งข้ามสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา จากฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา เข้ามาอย่างรวดเร็ว แล้ววิ่งเข้าตัว อ.อรัญฯ จากการตรวจสอบทราบว่ารถคันดังกล่าวเป็นรถของทูตทหารไทย ประจำสถานทูตกัมพูชา ณ กรุงพนมเปญ ซึ่งได้นำตัวพลทหารสงกรานต์มาส่งให้ไทย โดยมี พ.อ.ดิเรก บงการ ผู้ช่วยทูตทหารไทย ประจำกรุงพนมเปญ เดินทางมาส่งผ่านด่านพรมแดนอรัญฯ และมี พ.อ.เทพพงษ์ ทิพยจันทร์ รองผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา และ พ.อ.สรชัช สุทธิสน หน.ชุดประสานงานชายแดนไทย-กัมพูชา ชุดที่ 1 จ.ศรีสะเกษ เดินทางมารอรับที่สำนักงานประสานงานชายแดนไทย-กัมพูชา อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว.


    ไทยรัฐออนไลน์


    • โดย ทีมข่าวภูมิภาค
    • 8 กุมภาพันธ์ 2554, 21:00 น.
    [​IMG]

    ผช.ทูตทหารไทยนำ'พลทหารเชลยศึก'กลับถึงไทยแล้ว - ข่าวไทยรัฐออนไลน์
     
  2. titawan

    titawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2008
    โพสต์:
    2,290
    ค่าพลัง:
    +5,139
    'มาร์ค'ต่อสาย แจงยูเอ็น ยิงตอบโต้เขมร


    [​IMG] นายกฯ ต่อสายตรง "บัน กี มูน" เลขาฯ ยูเอ็น 2 ทุ่ม แจงสาเหตุยิงปะทะเขมร ยันไทยไม่เคยรุกรานใคร เหตุที่เกิดขึ้นเป็นการตอบโต้ตามสมควร เนื่องจากถูกรุกรานก่อน เชื่อคณะกรรมการมรดกโลกจะระงับขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร...

    เมื่อ เวลา 14.00 น. วันที่ 8 ก.พ. ที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานประชุม สมช. ต่อด้วยการประชุมคณะกรรมการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เพื่อหารือถึงปัญหาการปะทะระหว่างทหารไทยกับกัมพูชาบริเวณชายแดนเขาพระวิหาร โดยมีบรรดารัฐมนตรี ข้าราชการฝ่ายความมั่นคงระดับสูง ผบ.เหล่าทัพและ ผบ.ตร. ร่วมหารืออย่างพร้อมเพรียง ทั้งใช้เวลาทั้งสิ้นรวมกว่า 3 ชั่วโมงครึ่ง

    จากนั้นนายอภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์ถึงการต่อสายพูดโทรศัพท์กับนายบัน กี มูน เลขาธิการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ว่า เวลา 20.00 น. วันนี้ จะโทรศัพท์ไปชี้แจงเลขาธิการสหประชาชาติ เพื่อจะได้แจ้งข้อเท็จจริงให้เห็นว่า ที่ทางกัมพูชาได้ทำหนังสือไป กับที่เราทำไปข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร คือ ประเทศไทยไม่เคยดำเนินการรุกรานใคร สิ่งที่เราทำเป็นเพียงการตอบโต้รักษาอธิปไตยสมควรแก่เหตุ และไม่เคยโจมตีพลเรือน แต่ขณะเดียวกันพลเรือนของเราได้รับความเดือดร้อนนับหมื่นคน ต้องมีการอพยพ และคงจะชี้ให้เห็นความคืบหน้าว่า ทั้งรมว.ต่างประเทศของอินโดนีเซีย ที่ทำหน้าที่ประธานอาเซียน มาพบกับ รมว.ต่างประเทศของทั้ง 2 ประเทศ มาหารือในระดับทวิภาคี ไม่ได้ปิดกั้นอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม เรายืนยันว่าเราไม่เห็นความจำเป็นที่กัมพูชาจะยกระดับปัญหาไปสู่สากล ซึ่งอาเซียนเองก็สนับสนุนเป็นการเจรจาของทั้งสองฝ่ายเพื่อหาข้อยุติกัน และเราพร้อมรับมือหากกัมพูชายกระดับปัญหาไปสู่สากล

    เมื่อถามว่าการ เจรจาทั้งสองฝ่ายโอกาสที่จะทำให้สถานการณ์สงบลงมีมากน้อยแค่ไหน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ รมว.ต่างประเทศได้พูดถึงการนัดหมายประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม ไทย-กัมพูชา (เจบีซี) อยู่แล้ว เมื่อถามถึงรายงานสถานการณ์ล่าสุดจากหน่วยงานรับผิดชอบเป็นอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า วันนี้ยังไม่มีอะไรผิดปกติ เมื่อถามว่า ล่าสุดมีรายงานว่ามีการยิงเข้ามาที่ภูมะเขืออีกระลอก นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนเพิ่งออกจากที่ประชุม ยังไม่มีรายงานเข้ามา เมื่อถามว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ที่จะมีการถอนทหารออกจากบรเวณชายแดนดังกล่าว นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังไม่มีการพูดถึงเรื่องนี้ เมื่อถามว่า มีปัจจัยอะไรที่จะทำให้หยุดปัญหาทั้งสองฝ่ายได้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จุดยืนชัดเจนของเราชัดอยู่แล้วเราไม่ได้ไปรุกรานใคร แต่ถ้าถูกรุกล้ำต้องตอบโต้ มีอยู่เท่านั้น ดังนั้นไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องมาหวาดระแวงว่าเราจะไปทำอย่างอื่น

    ต่อ ข้อถามว่า สถานการณ์ขณะนี้เราต้องพิจารณาระงับความช่วยเหลือระหว่างประเทศแก่กัมพูชา หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้พูดถึงความช่วยเหลือ ขณะนี้เป็นการปะทะในบริเวณแนวชายแดนและทั้ง 2 ฝ่ายกำลังเฝ้าดูสถานการณ์อยู่ เมื่อถามว่า การที่ทหารไทยได้รับการปล่อยตัวจากทางกัมพูชาอกมาเป็นสัญญาณอย่างไร กำลังรอการแถลงข่าวอยู่ เมื่อถามว่า จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นถือว่านายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ล้มเหลวในการทำหน้าที่ในเรื่องการเจรจาตลอดเวลาที่ผ่านมาหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนคิดว่าปัญหาความขัดแย้งโดยเฉพาะกรณีปราสาทพระวิหาร ที่เรายืนยันตลอดว่า ปัญหาเกิดความตึงเครียดเรื่องมรดกโลก ซึ่งเราเตือนมาตลอดว่าลุกลามได้ ต้องยอมรับความกดดันที่นำมาสู่ความตึงเครียด คือความกดดันที่มรดกโลกไปสร้างไว้กับกัมพูชา ทางนายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะได้นำเอาข้อเท็จจริงโดยเฉพาะเอากำลังข้อเท็จจริงและหลักฐานไปแสดง โดยเฉพาะการนำเอากำลังไปไว้ในบริเวณตัวปราสาท ที่ขัดกับแนวทางมรดกโลกชัดเจน เพราะการนำสถานที่ไปใช้ทางการทหารมันผิดวัตถุประสงค์อยู่แล้ว เรายืนยันจุดยืนเดิมว่าควรจะระงับการเดินเรื่องเหล่านี้ต่อ เมื่อถามว่าความตึงเครียดจะดำรงอีกนานหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ และคงขึ้นอยู่กับท่าทีของยูเนสโกตอนนี้ว่าตระหนักหรือยังว่าปัญหาที่เกิด ขึ้นเป็นอย่างไร

    ต่อข้อถามถึงกรณีที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อ ประชาธิปไตยจะเดินทางไปพื้นที่ 11 ก.พ.นี้ห่วงหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขอให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ ตอนนี้ตนได้กำชับไปแล้วว่าอย่าให้มีกรณีที่พี่น้องคนไทยต้องขัดแย้งกันเอง ให้เจ้าหน้าที่ดูแลอย่าให้เกิดปัญหา พันธมิตรฯอยากจะไปแสดงความช่วยเหลือ ก็ควรหารูปแบบที่เหมาะสมที่ไม่ให้เกิดปัญหากับคนในพื้นที่ที่ไม่เห็นด้วย น่าจะหาแนวทางที่ตกลงได้ เมื่อถามว่า นายกฯจะเดินทางไปเยี่ยมชาวบ้านที่อพยพออกจากพื้นที่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า พรุ่งนี้จะมีรัฐมนตรีไป และกำลังสลับสับเปลี่ยนกันไป เมื่อถามว่า นายกฯได้ตรวจสอบข้อมูลเรื่องพล.ท.ฮุน มาเน็ต บุตรชายของสมเด็จฮุน เซน เป็นผู้คุมทหารกัมพูชาในการปะทะครั้งนี้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่ขอลงรายละเอียด.


    ไทยรัฐออนไลน์


    • โดย ทีมข่าวการเมือง
    • 8 กุมภาพันธ์ 2554, 20:00 น.
    [​IMG]

    'มาร์ค'ต่อสาย แจงยูเอ็น ยิงตอบโต้เขมร - ข่าวไทยรัฐออนไลน์
     
  3. titawan

    titawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2008
    โพสต์:
    2,290
    ค่าพลัง:
    +5,139
    ล่าสุดจากเว็ปกระปุก

    [8 กุมภาพันธ์] เกาะติดสถานการณ์ ไทยปะทะเขมร ชายแดน ไทย - กัมพูชา

    [​IMG] 21.00 น. ผู้ว่าฯ ศรีสะเกษมอบอาวุธปืนให้ชุดรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ติดชายแดน อ.กันทรลักษ์ ไว้ป้องกันหมู่บ้าน

    [​IMG] 20.38 น. กษิตออกแถลงการณ์แจง UN ยันกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อน พร้อมขอระงับขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก

    [​IMG] 20.14 น. สื่อ กัมพูชารายงานกองทัพไทยระแวงไส้ศึก ที่อาจเป็นทหารกัมพูชาปลอมตัวเป็นแรงงาน หรือคนในที่สมคบคิดกัมพูชา คอยบอกข้อมูลที่แอบดักฟังได้

    [​IMG] 20.07 น. เหตุรบกัมพูชา ทำนักพนันไทยหันมาเข้าบ่อนพม่าและลาวแทน โดยส่วนใหญ่แฝงตัวเดินทางแบบนักท่องเที่ยว

    [​IMG] 19.54 น. หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหารเผยเหตุระเบิด ทำให้บ้านพักในอุทยานฯ เสียหาย 9 หลัง กระจก-หลังคาบ้านแตกหมด

    [​IMG] 18.56 น.จาตุรนต์ทวิตซัดอภิสิทธิ์ วางยุทธศาตร์ผิดสร้างปัญหาขัดแย้งไทย-กัมพูชาจนบานปลาย

    [​IMG] 18.37 น. กัมพูชาขู่เรียกทูตกลับ หากสถานการณ์ยังไม่คลี่คลาย พร้อมฟ้อง 5 ชาติใหญ่ถูกไทยรุกรานดินแดน

    [​IMG] 18.22 น. นายกฯ อภิสิทธิ์ บอกไม่ถอนทหารชายแดน ค้านพันธมิตรจะไปกันทรลักษ์ ไม่ตอบลูกฮุนเซนนำทัพ

    [​IMG] 18.08 น. ธานี ชี้ปัญหาไทยปะทะกัมพูชา ถกแค่ 2 ฝ่ายก็จบได้ ไม่ต้องยกระดับอาเซียน

    [​IMG] 18.01 น. คนร้ายบุกยกเค้าบ้านของนางฉวีวรรณ บุญเสนอ ในกันทรลักษ์ หลังอพยพมาจากบ้านเพราะเหตุสงคราม ทรัพย์สินหายเกลี้ยง

    [​IMG] 17.14 น. สื่อต่างประเทศ รายงานขณะนี้พื้นที่ชายแดนไทย - กัมพูชา เต็มไปด้วยทหาร พร้อมสู้รบ

    [​IMG] 16.40 น. ชายแดนระอุอีก มีรายงาน ทหารไทย-เขมร ปะทะกันอีกรอบ บนภูมะเขือ ในเขตระหว่างทหารชุดหน่วย ฉก.ทพ.23 กองกำลังสุรนารี [เดลินิวส์]

    [​IMG] 16.36 น. นายกฯ เผยต่อสายแจงเลขาฯ ยูเอ็น เหตุปะทะชายแดน 2 ทุ่มคืนนี้-กษิต จ่อแถลงผลหารือ ปธ.อาเซียน 4 ทุ่ม

    [​IMG] 16.22 น. ก.ศึกษาธิการ สั่งปิดโรงเรียนชายแดนไทย-กัมพูชา 50 แห่ง หลังได้รับผลกระทบจากเหตุปะทะ เผย ร.ร.ภูมิซรอล เสียหาย 3.2 ล้าน

    [​IMG] 16.01 น. ส.อ.ธนกร พูลเพิ่ม เจ็บสาหัสจากเหตุไทยปะทะเขมร เสียชีวิตแล้ว หลังเข้ารักษาตัวที่ รพ.ค่ายสรรพสิทธิ์ฯ

    [​IMG] 14.45 น. จ.สุรินทร์ สั่ง 3 อำเภอ สังขะ-บัวเชด-พนมดงรัก ทำแผนอพยพชาวบ้าน พร้อมเร่งทำบังเกอร์-หลุมหลบภัย

    [​IMG] 14.31 น. ทหารเขมร เตรียมอาวุธสงคราม พร้อมรถถังหุ้มเกราะร่วม 10 คัน ในฐานที่มั่นเขาเเหลม ห่างจากช่องจอม จ.สุรินทร์ 4 กม.

    [​IMG] 14.27 น. ระดมตำรวจ 400 นาย เฝ้าหมู่บ้านผู้อพยพชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมจัดหน่วยเคลื่อนที่เร็วออกลาดตระเวน

    [​IMG] 13.49 น. กัมพูชา เผยปล่อยตัวพลทหารสงกรานต์ ทหารไทยที่ถูกจับ เวลา 17.00 น. จนท.ไทยเดินทางรอรับฝั่งปอยเปต [สำนักข่าวเนชั่น]

    [​IMG] 13.03 น. บรรยากาศที่หมู่บ้านซำเม็ง อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ยังเงียบ ส่วนชาวบ้านภูมิซรอล เริ่มเดินข้ามหลุมระเบิดกลับเข้าบ้านพักบ้างแล้ว
     
  4. titawan

    titawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2008
    โพสต์:
    2,290
    ค่าพลัง:
    +5,139
    "เสธ.ไก่อู"โต้ภูมะเขือไร้เหตุปะทะรอบใหม่

    [​IMG]
    ภูมะเขือเดือดอีกทหารไทยปะทะเขมรซ้ำ “เสธ.ไก่อู"โต้ชายแดนวันนี้ยังสงบไร้เสียงปืน ส่วน“ส.อ.ธนากร”สิ้นใจแล้ว

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ส.อ.ธนากร พูลเพิ่ม อายุ 30 ปี สังกัด ฉก.ทบ.23 ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส จากเหตุปะทะเมื่อคืนวันที่ 6 ก.พ. ซึ่งกระสุนปืนใหญ่ตกบริเวณบ้านโนนเอา อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ตลอดแนวชายแดนบริเวณบ้านโนนเอา ไปจนถึงบ้านภูมิซรอล ซึ่ง ส.อ.ธนากร ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี ล่าสุด ส.อ.ธนากร ได้เสียชีวิตแล้ว

    ทางด้านเจ้าหน้าที่ไทยได้ไปรับตัว พลทหารสงกรานต์ ทองชมพู หลังจากพลทหารสงกรานต์ ถูกจับกุม เนื่องจากพลัดหลงเข้าพื้นที่กัมพูชาระหว่างการสู้รบของทหารทั้งสองประเทศ บริเวณเขาพระวิหาร อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ เมื่อวันที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมา
    ล่า สุดเมื่อเวลา 15.50 น. ได้เกิดการปะทะกันระหว่างทหารไทย หน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารพรานที่ 23 กองกำลังสุรนารี กับทหารกองร้อยสนับสนุนที่ 111 กองพลน้อยสนับสนุนที่ 8 กองทัพบกกัมพูชา ที่บริเวณพลาญอินทรีย์ บนภูมะเขือ ในเขตพื้นที่พิพาท ห่างจากปราสาทพระวิหาร ไปทางด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือ 2 กม. โดยทหารกัมพูชาเป็นฝ่ายเปิดฉาก ใช้ปืนอาก้า เอเค 47 ระดมยิงเข้าใส่ฐานปฏิบัติการทหารไทย ที่อยู่ใกล้บริเวณดังกล่าว จำนวนหลายสิบนัด ซึ่งทหารไทยได้กระโจนหลบ พร้อมกับใช้ปืนเอ็ม 16 และเอชเค 33 ยิงตอบโต้กันสนั่นหวั่นไหว โดยทหารกัมพูชาได้เรียกกำลังเสริม จากกองร้อยสนับสนุนที่ 81 ซึ่งอยู่ใกล้ที่สุดไปช่วยเหลือ ส่วนทหารไทยจากกองพลทหารราบที่ 6 กองทัพภาคที่ 2 ได้เคลื่อนกำลังไปสนับสนุนเช่นกัน ขณะรายงานข่าวยังมีการยิงปะทะกันอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเมื่อเวลาประมาณ 16.30น.เสียงปืนได้สงบลงแล้ว
    ต่อมา พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกทบ.ได้ให้สัมภาษณ์ปฏิเสธว่าไม่มีเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างทหารไทยและกัมพูชาดังกล่าวเกิดขึ้น
    ด้าน นายบุญช่วย ทนง นายก อบต.รุง อ.กันทรลักษ์ เปิดเผยถึงกระแสข่าว ที่กลุ่มพันธมิตรฯ มีกำหนดการที่จะเดินทาง ไปมอบถุงยังชีพและข้าวของเครื่องใช้ ให้กับกลุ่มผู้อพยพที่หอประชุม ที่ว่าการ อ.กันทรลักษ์ ว่าชาวบ้านพร้อมที่จะรับความช่วยเหลือ โดยที่ไม่แบ่งสีแบ่งฝ่าย ในสถานการณ์ฉุกเฉินเช่นนี้
    ส่วนนายสมร อุตส่าห์ดี นายก อบต.ภูผาหมอก อ.กันทรลักษ์ กล่าวว่า ในฐานะประชาชนคนไทยด้วยกัน แม้ที่ผ่านมาจะมีการใช้กำลัง ห้ำหั่นกันระหว่างกลุ่มพันธมิตร และประชาชนในพื้นที่ แต่ในยามที่ประสบภัยนอกประเทศ เราก็ยินดีที่รับความช่วยเหลือ จากพี่น้องพันธมิตรฯ
    ลั่นยูเอ็นไม่เกี่ยวไทย-เขมรเคลียร์กันเองได้
    วันนี้ (8 ก.พ.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึง กรณีที่ สมเด็จฯ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้เรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) เร่งจัดการประชุม เพื่อพิจารณาส่งกองกำลังรักษาสันติภาพของยูเอ็น มาประจำการบริเวณพื้นที่ที่มีการปะทะกัน ระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา ว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ทางยูเอ็นยังไม่จำเป็นต้องเรียกประชุมฉุกเฉิน เพื่อส่งกองกำลังรักษาสันติภาพเข้ามาช่วยดูแล เพราะทั้งฝ่ายไทย และเขมร จะสามารถหารือแก้ไขปัญหาได้ และการที่ยูเอ็นต้องการให้ทางอาเซียนเข้ามาช่วยไกล่เกลี่ยนั้น ขอยืนยันว่า เป็นเรื่องของสองประเทศ อย่างไรก็ตาม ไทยยึดหลักการไม่รุกราน และไม่เริ่มต้นก่อน แต่การรักษาอธิปไตย รวมทั้งศักดิ์ศรีของประเทศด้วยการตอบโต้ทางทหาร ต้องทำตามสมควร เพื่อไม่ให้เสียเปรียบ
    ด้าน บรรยากาศภายในศูนย์อพยพชั่วคราว หอประชุมอำเภอกันทรลักษ์ มีชาวบ้านหนีตายเข้ามาพักอาศัยประมาณ 16,000 คน จาก 32 หมู่บ้าน 3 ตำบล ในเขตพื้นที่อำเภอกันทรลักษ์ ประกอบด้วย ต.รุง ต.เสาธงชัย และต.บึงมะรุ โดยมีเจ้าหน้าที่หน่วยกาชาดมาตรวจสุขภาพให้กับชาวบ้าน พร้อมแจกของเล่นให้กับเด็ก เพื่อคลายความเครียดด้วย ซึ่งผู้อพยพกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า อยากให้การสู้รบยุติลงโดยเร็ว เพราะคิดถึงบ้าน และเป็นห่วงวัวควาย หมู สุนัข และไก่ ที่ต้องอดอาหารมาแล้วหลายวัน

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายในหมู่บ้านทั้ง 3 มีคณะกรรมการหมู่บ้าน ตำรวจหมู่บ้าน และชุด ชรบ. ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารเข้าไปรักษาความปลอดภัย เนื่องจากตลอดคืนที่ผ่านมา มีกระแสข่าวว่า ทหารกัมพูชาจะระดมกำลังขนอาวุธหนักเข้าประชิดตามแนวชายแดน ด้าน อ.กันทรลักษ์ ประกอบกับเมื่อช่วงเวลาประมาณ 01.30 น. มีเสียงปืนดังขึ้นเป็นระยะ ด้านภูมะเขือ แต่ยังไม่มีรายงานการปะทะกันครั้งใหม่เกิดขึ้นแต่อย่างใด

    ล่าสุด มีรายงานข่าวว่า ทหารกัมพูชาเตรียมที่จะปล่อยตัวเชลยศึกทหารไทย ที่ถูกจับกุมตัวไปขณะเกิดเหตุปะทะกันก่อนหน้านี้
    ผู้ สื่อข่าวรายงานว่า กระทรวงมหาดไทย ได้ตั้งศูนย์อำนวยการช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์ความไม่สงบบริเวณชาย แดนไทย-กัมพูชา เพื่อร่วมบริจาคเงิน และสิ่งของ ระหว่างเวลา 09.00-21.00 น. ของวันราชการ และเวลา 09.00-18.00 น. ในวันหยุดราชการ โดยสามารถบริจาคเงินได้ ผ่านบัญชีธนาคารกรุงไทย สาขาถนนเฟื่องนคร ประเภทบัญชีออมทรัพย์ เลขที่ 159-0-05733-3 ชื่อบัญชี "กระทรวงมหาดไทยช่วยเหลือผู้ประสบภัยบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา" และบริจาคสิ่งของ สามารถบริจาคได้ที่ กระทรวงมหาดไทย ณ บริเวณลานอเนกประสงค์ กระทรวงมหาดไทย

    ด้าน นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย พร้อมคณะผู้บริหารกระทรวง เดินทางไปยังที่ว่าการอำเภอกาบเชิง เพื่อร่วมประชุมกับผู้ว่าฯสุรินทร์ บุรีรัมย์ สระแก้ว และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ นายชวรัตน์ กำชับให้ทางผู้ว่าฯ เฝ้าระวังเหตุการณ์ และช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ โดยให้ทุกจังหวัดจัดตั้งศูนย์อำนวยการ ทั้งระดับจังหวัด ลงไปถึงระดับอำเภอในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา และให้ประสานงานกับฝ่ายทหารอย่างใกล้ชิด เพื่อความรวดเร็วในการเคลื่อนย้ายประชาชนออกจากพื้นที่อันตราย นอกจากนี้ ยังให้วางระบบการป้องกันตนเองของทุกหมู่บ้าน และซักซ้อมการปฏิบัติกรณีฉุกเฉิน เพื่อให้ประชาชนมีขวัญกำลังใจที่เข้มแข็ง และสามารถบริหารจัดการพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทันต่อเหตุการณ์

    วันเดียวกัน ที่ หอประชุมศรีบูพา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) โครงการเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มธ. ได้จัดสัมมนาทางวิชาการอุษาคเนย์ ครั้งที่ 8 เรื่อง “สยาม-ขแมร์ คู่รัก คู่ชัง คู่กรรม คู่เวร” โดยมีเอกอัครราชทูตกัมพูชาประเทศไทย ร่วมเปิดงานสัมมนา ทั้งนี้ ภายในงานสัมมนาผู้จัดงานห้ามนำน้ำดื่ม และอาหารเข้ามาภายในหอประชุม เพื่อการรักษาความปลอดภัย โดยมีกำลังตำรวจ และสารวัตรทหารมาดูแลความสงบเรียบร้อย

    นายชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดี มธ. กล่าวปาฐกถาในหัวข้อ “ไทย-กัมพูชา สงครามหรือสันติภาพ” ตอนหนึ่งว่าปัญหาข้อพิพาทไทย-กัมพูชา มีวิธีการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าระยะสั้นได้ใน 3 แนวทาง 1.การปรึกษาหารือ เพื่อแก้ปัญหาในรูปแบบการเจรจาทวิภาคีตามเอ็มโอยู 43 หรือ 2.นำข้อพิพาททั้งทางบก ทางทะเลไปขึ้นศาลโลกอีกครั้ง หรือ 3.ส่งกองกำลังทั้งบก ทางเรือ และทางอากาศทำสงครามสั่งสอน ยึดคืนพื้นที่ที่คิดว่าไทยได้เสียดินแดนให้กับกัมพูชา มาเลเซีย และพม่า เพื่อขยาย และสร้างมหาอาณาจักรไทยตามนโยบายจอมพล ป.พิบูลสงคราม มาจนถึงสมัย จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ แต่เชื่อว่ารัฐบาลชุดปัจจุบันคงไม่เลือกในแนวทางที่ 3 สำหรับวิธีแก้ปัญหาระยะยาวในภูมิภาค ตนมองว่าไม่มีความจำเป็นต้องขึ้นทะเบียนมรดกโลกร่วมกัน เพราะต่างคนต่างขึ้นได้ จากแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศจะเห็นว่า เทือกเขาพนมดงรัก และแก่งหลี่ผี ควรขึ้นเป็นมรดกโลกทั้งสิ้น ซึ่งเป็นประโยชน์มากกว่าการดำเนินการตามข้อเสนอของคนกระหายสงครามคลั่งความ รุนแรง

    นายชาญวิทย์ ยังให้สัมภาษณ์ด้วยว่า เหตุการณ์ล่าสุด ถูกยกระดับเป็นการสู้รบใช้ความรุนแรง ก็น่าวิตกจะบานปลาย เพราะต่างฝ่ายต่างต้องการช่วงชิงความได้เปรียบในการยึดพื้นที่ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นปัญหาภายในของประเทศไทยเราเอง ที่บางคนมองว่าไม่ได้แบ่งเป็นสามก๊กแล้ว แต่เป็นเสียม โป๊ย กั๊ก มีความพยายามใช้กำลังบังคับรัฐบาล ซึ่งน่าวิตกว่าอาจบานปลายไปสู่การยึดอำนาจรัฐประหารได้

    นายชาญวิทย์ กล่าวต่อว่า เรื่องชายแดนชาตินิยมกรณีกัมพูชา ถูกชูขึ้นมาใน ปี พ.ศ.2551 เพื่อต่อต้านรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นการเมืองภายใน เป็นความขัดแย้งระหว่างเสียม โป๊ย กั๊ก แล้วใช้ประเทศเป็นข้ออ้าง ซึ่งปลุกระดมง่าย เพราะคนไทยส่วนใหญ่ก็ผ่านตำราเรียนเรื่องเสียดินแดน ซึ่งบางเรื่องนั้น ต้องเข้าใจว่าเราไม่ได้เสียดินแดน แต่เราไม่ได้ดินแดน ตำราเรียนที่สร้างทัศนคติเป็นลบต่อประเทศเพื่อนบ้านเราควรเปลี่ยนได้แล้ว ส่วนการปลุกกระแสในขณะนี้ ก็เพื่อขับไล่รัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไล่ไปเรื่อย ๆ ก็จะมีการยึดอำนาจ แล้วก็จะไม่มีประชาธิปไตย คนที่ไม่อยากใช้วิถีประชาธิปไตยคือคนไม่อยากเลือกตั้ง เพราะลงเลือกตั้งไปก็ไม่ได้สักที ก็เลยรอเอาส้มหล่น ก็ไม่รู้ว่าส้มจะหล่นที่ใคร แต่ก็เคยเห็นคนรุ่นเดียวกับตนได้ส้มหล่นไปหลายคน ทั้งนี้ สิ่งที่ควรทำ ได้เสนอไปแล้วในนามกลุ่มสันติประชาธรรม อาทิ ให้กองกำลังสองประเทศใช้ขันติธรรม ยุติการเคลื่อนกำลังไปยังจุดพิพาทอื่น ๆ ให้เร่งรัดแก้ไขปัญหาข้อพิพาทว่าด้วยปราสาทพระวิหารโดยการเจรจาทวิภาคีตาม เอ็มโอยู 43 และแต่ละฝ่ายยึดมั่นอหิงสา อย่าเอาเรื่องความขัดแย้งทางเขตแดนมาหาประโยชน์ทางการเมือง

    ขณะที่ นายนิธิ เอียวศรีวงศ์ นักวิชาการอิสระ กล่าวว่า ประวัติศาสตร์ และการศึกษา ทำให้คนไทยมองคนกัมพูชาเป็นพวกแปรพักตร์ หรือขี้หักหลังคบไม่ได้ ขณะที่ บางส่วนมองว่ากัมพูชากับไทยเหมือนกัน แต่ต่ำต้อยกว่า จึงเป็นเหตุผลที่ไทยต้องคุมกัมพูชา เพราะเป็นอันตราย ไม่มีการมองถึงความสัมพันธ์ในมิติของการค้า และความเป็นเครือญาติ มีแต่เรื่องการเมืองกับสงคราม การไม่คิดถึงชายแดน แต่คิดถึงเพียงเส้นพรมแดน จึงจำเป็นต้องเปลี่ยนสำนึกประวัติศาสตร์ และสำนึกความเป็นชาติของ 2 ประเทศ เพราะสำนึกชาตินิยมที่ขยายมาจากชนชั้นสูง ไม่นำไปสู่ความเสมอภาค เสรีภาพ และการเมืองในตลาดเสรี

    ผศ.ธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์ หัวหน้าภาควิชาสังคมศาสตร์ วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม ม.รังสิต กล่าวว่า คำว่า วาทกรรม มีคนใช้วาทะ แต่ชาวบ้านในพื้นที่ต้องรับกรรมใน 3 เรื่อง คือ เสียดินแดน ปราสาทพระวิหาร และเอ็มโอยู 43 โดยกระบวนการสร้างสำนึกเรื่องเสียดินแดนเป็นของทหารที่สาบสูญไปหลังสงคราม โลกครั้งที่ 2 แต่ถูกปลุกขึ้นอีกครั้ง เพื่อล้มรัฐบาล หรือประโยชน์ทางการเมืองในประเทศ ส่วนการเคลื่อนไหวของภาคประชาชนเป็นเพียงการเรียกน้ำย่อย ขณะเดียวกัน ฝ่ายกัมพูชาก็ใช้วาทะกรรมเสียดินแดน เพื่อประโยชน์ทางการเมืองในประเทศที่เพิ่งพ้นจากภาวะสงคราม โดยย้อนหลังไปถึงยุคพระเจ้าชัยวรมัน สงครามวันนี้ จึงเป็นสงครามที่ไร้สาระ พระวิหารเป็นที่บูชาบรรพกษัตริย์ของกัมพูชา เราจะไปเอาอะไรกับเขา พระวิหารจึงเป็นสัญลักษณ์การเรียกร้องเอกราชของกัมพูชาที่เคยถูกยึดครองไป

    นายศานติ ภักดีคำ อาจารย์คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินวิโรฒ กล่าวว่า ราชอาณาจักรกัมพูชากำลังกลับไปสู่ยุคกษัตริย์ วาทกรรมพระวิหารจึงถูกหยิบยกขึ้นมาอีกครั้ง ตำราเรียนหลายเล่มของกัมพูชาตอกย้ำความรู้สึกเชิงลบต่อไทย แบบเรียนจึงเป็นจุดเปราะบางที่เป็นปัญหามาก ตำนานการรับรู้ของคนกัมพูชาจึงสะท้อนในกรอบชาตินิยมว่าสยามตีเขมร ขณะที่ แบบเรียนของไทยก็บอกเพียงว่าเขมรทำอะไรกับไทย แต่ไม่เคยบอกว่าไทยทำอะไรกับเขมรบ้าง

    ที่รัฐสภา นายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กล่าวว่า จากการเข้าพบ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พร้อมกับตัวแทนจากกระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงกลาโหม เมื่อวันที่ 7 ก.พ.ที่ผ่านมานั้น นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศทำหนังสือชี้แจงต่อคณะ กรรมการมรดกโลกขององค์การศึกษาวิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) เพื่อชี้แจงว่าทางกัมพูชาดำเนินการขัดต่ออนุสัญญากรุงเฮก ว่าด้วยการปกป้องสมบัติทางวัฒนธรรมจากเหตุการณ์ความขัดแย้งที่พึ่งอาวุธ สงคราม ปี 1954 ที่มีข้อกำหนดสำคัญระบุว่า ห้ามใช้โบราณสถานสำคัญที่เป็นพื้นที่มรดกโลกเป็นที่ตั้งกองกำลังทหาร หรือโล่ในการปกป้องกำลังทางทหาร ซึ่งถือว่ากัมพูชาทำผิดข้อกำหนดดังกล่าวชัดเจน ส่วนการประชุมคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลกของไทย คาดว่า จะมีการชัดประชุมเร็ว ๆ นี้ เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกที่ประเทศบาห์เรน
    ช่วง เช้าวันเดียวกัน นายสำเริง เอี่ยมสะอาด รองราชเลขาธิการในพระองค์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้นำผ้าห่มกันหนาว สิ่งของพระราชทาน ไปมอบให้กับประชาชนที่เดือดร้อนจากเหตุการณ์ปะทะชายแดน ไทย-กัมพูชา ที่ศูนย์อพยพ อ.กันทรลักษ์ ผ่าน ผวจ.ศรีสะเกษ โดย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงห่วงใยราษฎรที่เดือดร้อน พร้อมกำชับให้จังหวัดดูแลอย่างเต็มที่
    แหล่งข่าวจากคณะกรรมการมรดก โลกของไทย กล่าวว่า ขณะนี้ทางสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ในฐานะเลขานุการของคณะกรรมการมรดกโลกของไทย เตรียมจัดทำวาระ และท่าทีเกี่ยวกับกรณีปัญหามรดกโลกพระวิหาร เพื่อเสนอให้ นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการมรดกโลกของไทย เร่งพิจารณากำหนดจุดยืนของประเทศไทย และเสนอไปยังสำนักงานเลขาคณะกรรมการมรดกโลกของยูเนสโกโดยเร็ว เนื่องจากขณะนี้ ได้เกิดความขัดแย้ง และสงครามบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา จากกรณีการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารแล้ว ที่สำคัญยังพบมีข้อมูลที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบกับไทย ซึ่งเรื่องนี้ถือว่ามีความละเอียดอ่อนมาก ดังนั้น จึงต้องเร่งหาข้อโต้แย้งไปยังมรดกโลกของยูเนสโก เพื่อตอบโต้ข้อมูลที่คลาดเคลื่อน

    นพ.ประเวช ตันติพิวัฒนสกุล ผู้จัดการแผนงานสร้างเสริมสุขภาพจิต สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวถึง การติดตามข่าวการสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาของประชาชน ว่า การรับข้อมูลข่าวสารอยู่ตลอดเวลาอาจทำให้เกิดความเครียด และมีอารมณ์ร่วมสูง โดยเฉพาะเมื่อรับชมผ่านโทรทัศน์ที่มีทั้งภาพ และเสียง จะปลุกเร้าอารมณ์ได้มากกว่าสื่ออื่น หากเริ่มรู้สึกว่ามีอาการเครียดจากข่าวสาร ต้องลดความถี่ในการรับสื่อลง หรือปรับรูปแบบการรับเป็นการอ่านแทน จะช่วยลดอารมณ์ลงได้มาก
    ที่ กระทรวงการต่างประเทศ นายธานี ทองภักดี อธิบดีกรมสารนิเทศ กล่าวภายหลัง ดร.อาร์ เอ็ม มาร์ตี้ มูเลียนา นาตาเลกาวา รัฐมนตรีต่างประเทศอินโดนีเซีย ในฐานะประธานอาเซียน เข้าหารือกับ นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ กรณีทหารไทย-กัมพูชาปะทะกัน ว่า ทางฝ่ายไทยได้ชี้แจงข้อมูลให้นายมาร์ตี้ ได้รับทราบ ซึ่งได้มีการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ออกไปแล้ว ตามแนวทางที่รัฐบาลได้แจ้งกับมิตรประเทศ และทางสหประชาชาติ ดังนั้น ก็จะเป็นการตอกย้ำท่าที และทัศนะของฝ่ายไทย ส่วนนายมาร์ตี้ ได้ย้ำว่า ในการหาข้อสรุปในการแก้ไขปัญหาที่ยั่งยืน ต้องอาศัยการเจรจาระดับทวีภาคี และอาเซียนก็พร้อมสนับสนุน โดยก่อนจะไปถึงขั้นตอนนั้น คงจะมีการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมเขตแดน (เจบีซี) ไทย-กัมพูชาก่อน ในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือน ก.พ. โดยไทยเป็นเจ้าภาพ
    นางวิสา เบ็ญจะมโน กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้ออกแถลงการณ์ ต่อกรณีการปะทะกันที่ พื้นที่ชายแดน อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ และมีแนวโน้มที่ต้องเฝ้าระวังในบางจังหวัดชายแดน เช่น จังหวัดสุรินทร์ สระแก้ว และอุบลราชธานี ว่า มีข้อห่วงใยและข้อเสนอแนะเพิ่มเติมในส่วนของกลุ่มเปราะบาง ได้แก่ กลุ่มเด็ก สตรี ผู้สูงอายุและคนพิการ ถึงแม้ทางหน่วยงานภาครัฐจะดูแลให้การช่วยเหลือ ระดมความร่วมมือ ด้านต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ซึ่งก็ต้องขอชื่่นชม แต่การดำเนินการช่วยเหลือควรคำนึงถึงห้วงระยะเวลา ที่หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ควรจัดระบบบริหารจัดการการช่วยเหลือ เยียวยาอย่างเข้าถึงทุกกลุ่มคนอย่างเหมาะสมและเพียงพอ
    สำหรับการช่วยเหลือที่ต้องคำนึง 1.ในระยะสั้น สิ่งของเครื่องใช้ที่มอบให้แก่ผู้ประสบความเดือดร้อน นอกเหนือจากสิ่งจำเป็นเฉพาะหน้าแล้ว ยังคงต้องคำนึงถึงความจำเป็นและความต้องการสำหรับการดำรงชีวิตประจำวันของ กลุ่มเด็ก สตรี ผู้สูงอายุ และคนพิการ เป็นกรณีพิเศษ เช่น ยารักษาโรคยาประจำตัว ซึ่งอาจเกิดขึ้นในกลุ่มผู้สูงอายุ นมกล่อง นมผงและขวดนม ซึ่งมีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อทารก และเด็กอ่อน ผ้าอนามัยและของใช้ที่จำเป็นส่วนตัว รวมถึงระบบสุขอนามัยของกลุ่มบุคคลดังกล่าว
    2. ในระยะยาว ในการฟื้นฟู ปรับสภาพแวดล้อม พื้นที่ทำกิน ที่อยู่อาศัย ซึ่งคณะอนุกรรมการฯ เชื่อมั่นว่ารัฐบาลจะพยายามดำเนินการอย่างเต็มที่ แต่อย่างไรก็ตาม การดำเนินการดังกล่าว ควรคำนึงถึงพื้นที่นอกเหนือจากที่กล่าวมาแล้ว อาทิ สถานที่รวมตัวเพื่อประกอบอาชีพและกิจกรรมทางสังคมอื่นๆของกลุ่มแม่บ้าน ศูนย์เด็กเล็ก ชมรมผู้สูงอายุ เป็นต้น
    3.ควรให้ความสำคัญเป็น พิเศษในการฟื้นฟู เยียวยา สภาพจิตใจผู้ประสบความเดือดร้อนอย่างต่อเนื่อง นอกเหนือจากการสนับสนุนการช่วยเหลือด้านวัตถุและสิ่งของจำเป็น

    Daily News Online > หน้าการเมือง > "เสธ.ไก่อู"โต้ภูมะเขือไร้เหตุปะทะรอบใหม่
     
  5. titawan

    titawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2008
    โพสต์:
    2,290
    ค่าพลัง:
    +5,139
    ยูเนสโกส่งทีมตรวจความเสียหายพระวิหาร

    [​IMG]

    [​IMG]

    ยูเนสโกส่งทีมตรวจความเสียหายพระวิหาร

    นักวิชาการชี้ลัทธิคลั่งชาติตัวการความขัดแย้ง

    <style>p { margin: 0px; }</style> เอเอฟพีรายงานว่า เมื่อ 8 ก.พ. นางไอรีนา โบโควา ประธานองค์การยูเนสโก หรือองค์การร่วมมือทางการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมระหว่างประเทศ แถลงว่า จะจัดทีมสำรวจเร่งด่วนเพื่อตรวจสอบความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับปราสาทพระ วิหาร เนื่องจากการปะทะที่เกิดขึ้น พร้อมเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายหยุดยิงและถอยทัพกลับที่ตั้ง เพื่อเห็นแก่ความสำคัญของปราสาทพระวิหาร

    “เราต้องการส่งทีมเข้าไปในพื้นที่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ตอนนี้ทีมงานอยากรู้สภาพปัจจุบันของตัวปราสาทว่าได้รับผลกระทบเพียงใด ความเป็นมรดกโลกนั้นมีความสำคัญต่อมนุษยชาติทั้งมวลและต่อประชาคมโลก ดังนั้นการปกป้องรักษาจึงเป็นหน้าที่ของทุกคนด้วย ไม่ว่าจะเป็นคนประเทศใดก็ตาม การเป็นมรดกโลกควรจะเชื่อมประชาชนและเป็นเครื่องมือของการเจรจาและความเข้า ใจกัน ไม่ใช่ความขัดแย้ง” ประธานใหญ่ยูเนสโกกล่าว

    ขณะเดียวกัน เอเอฟพียังรายงานวิเคราะห์โดยสัมภาษณ์นักวิชาการนานาชาติในเอเชีย เช่น ศ.วิ ลเลียม เคส ผู้อำนวยการศูนย์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มหาวิทยาลัยซิตี้ ในฮ่องกง, ศ.เดวิด แชนด์เลอร์ มหาวิทยาลัยโมนาช ออสเตรเลีย, ไมเคิล มอนเตซาโน สถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษาในสิงคโปร์ ล้วนกล่าวตรงกันว่า ลัทธิคลั่งชาติ หรือชาตินิยมเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองนั้นเป็นตัวจุดชนวนความขัดแย้ง ระหว่างไทยกับกัมพูชาขึ้น

    [​IMG]

    http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRJNU56RTNNVEkyTkE9PQ==&sectionid
     
  6. titawan

    titawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2008
    โพสต์:
    2,290
    ค่าพลัง:
    +5,139
    วิกฤติชายแดนจะดีขึ้นย้ำทหารป้องอธิปไตยสมศักดิ์ศรี

    วิกฤติชายแดนจะดีขึ้นย้ำทหารป้องอธิปไตยสมศักดิ์ศรี


    [​IMG] เลขา สมช. แจงไม่รีบร้อนเจรจาสงบศึกชายแดนไทย-กัมพูชา เชื่อสถานการณ์จะดีขึ้นในไม่ช้า แจงไทยไม่ได้ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบเขมร ย้ำทหารปกป้องอธิปไตยสมศักดิ์ศรี...

    เมื่อวันที่ 8 ก.พ. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) มีรัฐมนตรี, หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และ ผบ.เหล่าทัพร่วมประชุม จากนั้นนายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) แถลงว่า ที่ประชุมรับทราบรายงานสถานการณ์ปะทะระหว่างทหารไทย-กัมพูชา บริเวณแนวชายแดนว่า ไม่ใช่การทำสงคราม แต่เป็นการปะทะ และกระทบกระทั่งจำกัดเขตเฉพาะแนวชายแดน สาเหตุของปัญหาคือ เรื่องเขตแดนที่ทั้ง 2 ฝ่ายอ้างพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตร.กม.ว่า เป็นพื้นที่ภายใต้อธิปไตยของแต่ละฝ่าย

    ทั้งนี้ ที่ประชุมเห็นว่า ทหารทำหน้าที่ปกป้องรักษาอธิปไตยอย่างสมศักดิ์ศรีควรแก่การยกย่อง ยืนยันว่าการปฏิบัติการทางทหารเป็นไปสมควรแก่เหตุ ไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มก่อน เป็นการตอบโต้ที่เหมาะสมเท่าที่จำเป็น ส่วนการเจรจานั้น เราไม่ได้รีบร้อนเจรจา แต่ไม่ปิดกั้นเพราะทหารได้ตอบโต้สมควรแก่เหตุไปบ้างแล้ว ส่วนที่กัมพูชายื่นเรื่องไปที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอชซี) นั้น เห็นว่าน่าจะเป็นเรื่องทวิภาคีระหว่างไทยและกัมพูชา ซึ่ง รมว.ต่างประเทศอินโดนีเซีย ในฐานะประธานอาเซียนก็ยังเห็นว่า เป็นเรื่องทวิภาคีระหว่าง 2 ประเทศ ที่พูดคุยกันได้ แต่ถ้ามากกว่านั้นก็ขอจำกัดให้อยู่เฉพาะในอาเซียนเท่านั้น

    เมื่อถาม ว่า ไทยถูกมองว่าเป็นฝ่ายตั้งรับตลอดเวลา นายถวิล กล่าวว่า การตั้งรับไม่ได้ทำให้เกิดความเสียเปรียบ เพราะการรุกรานไม่ใช่เรื่องได้เปรียบหรือเป็นประโยชน์ ขอย้ำว่าทหารทำงานอย่างสมศักดิ์ศรีซึ่งแนวโน้มสถานการณ์จะดีขึ้นในไม่ช้า แต่ต้องดูสถานการณ์ในพื้นที่ เพราะไม่มีใครต้องการให้เกิดสงคราม เมื่อถามว่า มีการคุยถึงข่าวลือการปฏิวัติหรือไม่ นายถวิล ตอบว่า "วันนี้ไม่มีการพูดเรื่องการปฏิวัติ เพราะจากที่ได้พูดคุยกับ รมว.กลาโหม ท่านบอกว่าเป็นเรื่องเหลวไหล".


    ไทยรัฐออนไลน์


    • โดย ทีมข่าวการเมือง
    • 8 กุมภาพันธ์ 2554, 21:42 น.
    [​IMG]

    วิกฤติชายแดนจะดีขึ้นย้ำทหารป้องอธิปไตยสมศักดิ์ศรี - ข่าวไทยรัฐออนไลน์
     
  7. titawan

    titawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2008
    โพสต์:
    2,290
    ค่าพลัง:
    +5,139
    ปูด“บิ๊กป้อม”งัดไม้แข็งขู่ใช้เอฟ16ถล่มเขมร

    [​IMG]
    สถานการณ์ สู้รบตามแนวชายแดน ระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ ทางด้านทิศตะวันตกของปราสาทพระวิหาร ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเปิดฉากยิงถล่มกันอย่างหนักระหว่างวันที่ 4-7 ก.พ.54 ทำให้ทหารไทยและชาวบ้านเสียชีวิต 2 ศพ และบาดเจ็บอีกจำนวนหนึ่ง รวมทั้งบ้านเรือนและโรงเรียนถูกยิงถล่มเสียหายหลายหลัง เป็นเหตุทำให้มีผู้อพยพหนีภัยสงครามกว่า 16,000 คน โดยบางส่วนมาอาศัยอยู่หอประชุมที่ว่าการอำเภอกันทรลักษณ์ บางส่วนต้องกางเต๊นฑ์นอนรอให้สถานการณ์คลี่คลาย เพื่อกลับเข้าบ้านไปใช้ชีวิตตามปกติ
    ครม.ถกลับปัญหาเขมร
    ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 8 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ได้หยิบยกปัญหาการปะทะระหว่างทหารไทยและกัมพูชาขึ้นมาหารืออย่างเคร่งเครียด กว่า 1 ชั่วโมง อย่างไรก็ตามก่อนที่จะพูดคุยในเรื่องดังกล่าว นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้สั่งให้เป็นการประชุมลับ โดยเชิญข้าราชการและเจ้าหน้าที่ออกจากห้องประชุมทั้งหมด เหลือเพียงรัฐมนตรีเท่านั้น โดยพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม และตัวแทนจากกองทัพได้แก่พล.ต.ฉัตรเฉลิม เฉลิมสุข เจ้ากรมยุทธการทหารบก ได้ลำดับเวลาและเหตุการณ์การปะทะตั้งแต่เริ่มต้นให้ครม.ฟังอย่างละเอียด โดยมีแผนที่ประกอบในแต่ละจุด พร้อมทั้งระบุว่าสาเหตุแท้จริงของการปะทะ มาจากปัญหาการสร้างถนนเข้าไปในพื้นที่ทับซ้อนของทั้ง 2 ฝ่าย โดยทางกัมพูชาเป็นฝ่ายสร้างก่อน
    ขู่ใช้“เอฟ16”ถล่ม
    ขณะที่พล.อ.ประวิตรได้ประเมินให้ครม.ฟังว่า ก่อนหน้านี้ได้มีโอกาสพูดคุยกับพล.อ.เตีย บันห์ รมว.กลาโหมของกัมพูชา เชื่อว่าทางกัมพูชาสู้ไทยไม่ได้ เพราะกัมพูชาไม่มีกองทัพอากาศ มีเครื่องบินแต่ก็ใช้ไม่ได้ ตนจึงบอกว่าถ้ากัมพูชายังไม่หยุด ก็จะเอาเครื่องบินขึ้นแล้ว เชื่อว่าเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้กัมพูชาหยุดยิง
    คัดค้านขึ้นมรดกโลก
    นอกจากนี้พล.อ.ประวิตรยังชี้แจงด้วยว่า ที่ผ่านมาไทยยึดหลักเอ็มโอยูมาตลอด แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางกัมพูชายิงมาเข้ามาก่อน โดยยิงมาจากข้างบนประสาทพระวิหารและยิงโดนพลเรือนของไทย ดังนั้นจึงอยากให้นายสุวิทย์ คุณกิตติ คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เอาไปเป็นเหตุผลคัดค้านในที่ประชุมคณะกรรมการมรดกโลก ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็เห็นด้วย และได้สั่งให้นายสุวิทย์ไปดำเนินการเรื่องคัดค้านการขึ้นทะเบียนปราสาทพระ วิหาร เข้าไว้ในเดือนมิ.ย.นี้
    ทางด้านนายสุวิทย์กล่าวว่านายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศทำ หนังสือชี้แจงต่อคณะกรรมการมรดกโลกขององค์การศึกษาวิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ ( ยูเนสโก) เพื่อชี้แจงว่าทางกัมพูชาดำเนินการขัดต่ออนุสัญญากรุงเฮกว่าด้วยการปกป้อง สมบัติทางวัฒนธรรมจากเหตุการณ์ความขัดแย้งที่พึ่งอาวุธสงคราม ปี 1954 ที่มีข้อกำหนดสำคัญระบุว่าห้ามใช้โบราณสถานสำคัญที่เป็นพื้นที่มรดกโลกเป็น ที่ตั้งกองกำลังทหาร หรือโล่ในการปกป้องกำลังทางทหาร ซึ่งถือว่ากัมพูชาทำผิดข้อกำหนดดังกล่าวชัดเจน
    คาด“ลูกฮุนเซน”ไม่เจ็บ
    นอกจากนี้รัฐมนตรีบางคน ได้สอบถามถึงกระแสข่าวที่ระบุว่าพล.ท.ฮุน มาเนต ลูกชายของสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้รับบาดเจ็บจากเหตุปะทะครั้งนี้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงว่า ไม่น่าจะบาดเจ็บ เพราะลูกชายของสมเด็จฮุนเซนมาแถวจุดปะทะจริง แต่ก็อยู่ไกลจากจุดปะทะ ตามหลักของการบังคับบัญชาทางทหาร เพราะสายการบังคับบัญชาจะอยู่ห่างจากพื้นที่สู้รบพอสมควร เพื่อความปลอดภัย ทั้งนี้ในช่วงท้ายของการประชุม นายกรัฐมนตรีได้ย้ำกับผู้เข้าร่วมประชุมว่า อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพูดเรื่องนี้ให้ชัดเจนว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นการปะทะ ไม่ใช่เกิดสงคราม เพราะประเทศเพื่อนบ้านก็เหมือนลิ้นกับฟัน เมื่อมีการลาดตระเวนก็ย่อมมีการปะทะกันเป็นธรรมดา ส่วนด่านชายแดนก็คงปิดเพียงชั่วคราว เพื่อไม่ให้มีการส่งสินค้าและยุทธปัจจัยออกไป นอกจากนี้ขอย้ำว่าอย่าให้เรื่องที่คุยกันในครม. หลุดไปทางสื่อมวลชน
    “เทพ”ลั่นไม่เอายูเอ็น
    นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงกรณีที่สมเด็จฯฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้เรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ(ยูเอ็นเอสซี) เร่งจัดการประชุม เพื่อพิจารณาส่งกองกำลังรักษาสันติภาพของยูเอ็นมาประจำการบริเวณพื้นที่ที่ มีการปะทะกันระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชาว่า ตนคิดว่าปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบันทางยูเอ็นยังไม่จำเป็นต้องเรียกประชุม ฉุกเฉิน เพื่อส่งกองกำลังรักษาสันติภาพเข้ามาช่วยดูแล เพราะไทยและกัมพูชาสามารถหารือแก้ไขปัญหาได้ และการที่ยูเอ็นต้องการให้ทางอาเซียนเข้ามาช่วยไกล่เกลี่ยนั้น ตนขอยืนยันว่าเป็นเรื่องของ 2 ประเทศ
    ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่สมเด็จฯฮุนเซนแสดงความไม่พอใจ เพราะมองว่ารัฐบาลและกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยพร้อมเครือข่าย เป็นพวกเดียวกันปราศรัยโจมตีสมเด็จฯฮุนเซน นายสุเทพกล่าวว่าตนไม่แน่ใจว่าด่านายอภิสิทธิ์ กับด่าสมเด็จฯฮุนเซน อันไหนจะมากกว่ากัน และคิดว่าสมเด็จฯฮุนเซนคงจะได้ยิน เพราะถ้าเปิดโทรทัศน์ก็จะเห็น
    2ฝ่ายซัดกันอีกรอบที่5
    ต่อมาเวลา 15.50 น. วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเกิดการยิงปะทะกันระหว่างทหารไทย หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 กองกำลังสุนารี กับทหารกองร้อยสนับสนุนที่ 111 กองพลน้อยสนับสนุนที่ 8 กองทัพบกกัมพูชา บริเวณพลาญอินทรีย์ บนภูมะเขือ ในเขตพื้นที่พิพาท ห่างจากปราสาทพระวิหาร ไปทางด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือ 2 กม. โดยทหารกัมพูชาเป็นฝ่ายเปิดฉากใช้ปืนอาก้า ระดมยิงใส่ฐานปฏิบัติการทหารไทยหลายสิบนัด ทำให้ทหารไทยต้องหลบลงบังเกอร์ แล้วใช้ปืนเอ็ม 16 และปืนเอชเค 33 ยิงตอบโต้กันสนั่นหวั่นไหว จากนั้นทหารกัมพูชาได้เรียกกำลังเสริมจากกองร้อยสนับสนุนที่ 81 ส่วนทหารไทยจากพล.ร.6 ได้เคลื่อนพลเข้าสนับสนุนเช่นกัน ท่ามกลางการยิงปะทะอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกทบ.ออกมาปฏิเสธว่าไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริง
    ทหารกล้าตายอีกศพ
    มีรายงานเพิ่มเติมว่า ส.อ.ธนากร พูลเพิ่ม ทหารสังกัดกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 6 จ.อุบลราชธานี ที่ออกปฏิบัติการร่วมกับกรมทหารพราน 23 จนได้รับบาดเจ็บจากการสู้รบเมื่อวันที่ 6 ก.พ.54 ได้เสียชีวิตแล้วเมื่อเวลา 13.10 น. ที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี หลังจากนั้นพ.อ.ธเนศ วงศ์ชะอุ่ม ผบ.กรมทหารราบที่ 6 พ.อ.พิชิต วันทา รอง ผบ. และพ.ท.จักรกฤษ เงินดี ผบ.กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 6 พร้อมด้วยญาติๆ ได้ไปรับศพส.อ.ธนากรออกจากโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ เพื่อนำกลับไปบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิด ที่วัดบ้านโนนไหล่ ต.เบญจลักษณ์ อ.เบญจลักษณ์ จ.ศรีษะเกษ
    เขมรปล่อยตัวประกันแล้ว
    ส่วนที่ด่านชายแดนบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เมื่อเวลา 18.00 น. วันเดียวกัน พ.อ.ดิเรก บงการ ผู้ช่วยทูตทหารไทยประจำกรุงพนมเปญ และนายเนตร เสรี กงสุลใหญ่กัมพูชาประจำประเทศไทย ได้นำรถยนต์เข้าไปรับตัวพลทหารสงกานต์ ทองชมพู ทหารกองกำลังสุรนารี ที่ถูกทหารกัมพูชาจับกุมตัวขณะมีการสู้รบเมื่อวันที่ 4 ก.พ.54 แล้วนำไปควบคุมตัวไว้ในกรุงพนมเปญ แต่หลังรัฐบาลไทยพยายามเจรจาต่อรองให้รัฐบาลกัมพูชาปล่อยตัว จนกระทั่งรัฐบาลกัมพูชายอมปล่อยตัวพลทหารดังกล่าว โดยรัฐบาลกัมพูชามอบหมายให้เจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมกัมพูชาเป็นหน่วยงานนำ ตัวพลทหารสงกานต์ มาส่งที่จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึกอ.อรัญประเทศ ในพลทหารสงกานต์ใส่หมวกไหมพรมปิดหน้า และนั่งรถออกไปกับคณะของพ.อ.ดิเรกอย่างรวดเร็ว โดยมีจุดหมายปลายทางที่กองทัพภาคที่ 2 จ.นครราชสีมา
    ธารน้ำใจช่วยผู้อพยพ
    สำหรับบรรยากาศบริเวณศูนย์อพยพผู้ประสบภัยพิบัติอันเนื่องจากกองกำลังนอก ประเทศ บริเวณที่ว่าการ อ.กันทรลักษ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าชาวบ้านได้ตื่นนอนกันตั้งแต่ 06.00 น. เพื่อทำภารกิจส่วนตัว และรับประทานอาหารเช้า ที่ทางศูนย์ได้จัดแม่ครัวทำอาหารไว้บริการ นอกจากนี้ยังมีหน่วยงานราชการ และภาคเอกชนได้เข้ามาดูแลช่วยเหลือด้านต่างๆ อาทิ กองทัพภาคที่ 2 นำรถประปามาเพิ่มเติมอีก 2 คัน ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) นำมาเพิ่มเติมอีก 4 คัน รวมทั้งกองบัญชาการทหารสูงสุดได้นำรถผลิตน้ำดื่มบรรจุขวดเคลื่อนที่มาบริการ ด้วย เพื่อให้เพียงพอกับความต้องการของผู้อพยพ ส่วนเต๊นฑ์ที่พักทางปภ.จะนำเพิ่มอีก 480 หลัง
    พระราชทาน“ผ้าห่ม”
    ต่อมาเวลา 09.00 น. นายสำเริง เอี่ยมสะอาด รองราชเลขาธิการในพระองค์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้นำผ้าห่มกันหนาว สิ่งของพระราชทาน ไปมอบให้กับประชาชนที่ศูนย์อพยพ อ.กันทรลักษ์ เนื่องจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯทรงห่วงใยราษฎรที่เดือดร้อน พร้อมทั้งกำชับให้ทางจังหวัดดูแลอย่างเต็มที่ ขณะที่เด็กๆในศูนย์อพยพวันนี้ ยิ้มแย้มแจ่มใส เนื่องจากเหล่ากาชาด จ.ศรีสะเกษ นำนมผง และของเล่นมามอบให้เด็กๆทุกคน
    ผู้อพยพพุ่ง16,654 คน
    ทางด้านนายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผวจ.ศรีสะเกษ กล่าวว่าขอขอบคุณพี่น้องประชาชนคนไทยที่เป็นกำลังใจให้ชาวศรีสะเกษในขณะนี้ ด้วย ปัจจุบันไม่ถึงกับปิดหมู่บ้าน โดยอพยพย้ายออกมาเฉพาะเด็ก สตรี และคนชรา ส่วนชายฉกรรจ์หรือผู้แข็งแรงยังอยู่ในหมู่บ้าน หากเกิดเหตุปะทะก็วิ่งเข้าหลุมหลบภัยได้ ขณะนี้มียอดผู้อพยพทั้งหมด 16,654 คน ใน 40 จุด มีบางส่วนอพยพไปที่อ.ทุ่งศรีอุดม จ.อุบลราชธานี เพราะใกล้กว่าอ.กันทรลักษ์ สำหรับสิ่งที่ต้องการมากที่สุดคือ ของเล่นเด็กเพื่อช่วยผ่อนคลายจิตใจได้ รวมทั้งยากันยุง สบู่ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน ผ้าถุงให้ผู้หญิงเปลี่ยนอาบน้ำ เบื้องต้นสิ่งของจำเป็นและอาหารก็พอเพียงแล้ว ส่วนจดหมายต่างๆทางไปรษณีย์นั้น ผู้อพยพไม่ต้องกังวลว่าจะไม่ถึงมือ เพราะพนักงานไปรษณีย์ จะนำมาส่งที่ศูนย์ฯ แล้วจะประกาศให้เจ้าของจดหมายมารับ นอกจากนั้นทางศูนย์ฯ ยังได้จัดเจ้าหน้าที่เข้ามาจัดกิจกรรม เพื่อให้ความผ่อนคลาย เพื่อลดความเครียดคลายความกังวลของชาวบ้าน
    ให้อาชีวะช่วยสร้างบ้าน
    นายสมศักดิ์กล่าวต่อไปอีกว่า มีข้อมูลที่จะชี้แจงต่อคณะมนตรีความมั่นคง กรณีกัมพูชามุ่งทำร้ายเป้าหมายที่เป็นพลเรือน โดยเชื่อว่าข้อมูลที่เกิดขึ้นน่าจะชี้แจงได้ว่ากัมพูชากำลังละเมิดสิทธิ มนุษยชนของไทย โดย 24 ชม.นับจากนี้ไป หากไม่มีการปะทะเกิดขึ้นก็น่าจะเป็นแนวโน้มที่ดี ส่วนการอนุญาตให้ชาวบ้านกลับเข้าบ้านได้เมื่อไหร่นั้น คงจะต้องให้ฝ่ายทหารและฝ่ายความมั่นคงเป็นผู้พิจารณาตัดสินใจ สำหรับความเสียหายของบ้านเรือนนั้น มีเสียหายทั้งหลัง 7 หลัง เสียหายบางส่วน 10 หลัง โดยทางราชการจะดูแลช่วยเหลือปลูกสร้างให้ใหม่ โดยใช้เวลาประมาณ 1 เดือนสามารถเข้าอยู่อาศัยได้ โดยจะใช้บุคคลกรและนักศึกษาจากสถาบันอาชีวะศึกษาในจ.ศรีสะเกษ เข้ามาดำเนินการก่อสร้างให้
    ปภ.แจงมาตรการช่วย
    ทางด้านนายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) กล่าวว่าหลังเกิดเหตุปะทะตามแนวชายแดน ทางจ.ศรีสะเกษได้ให้ความช่วยเหลือบ้านที่เสียหายทั้งหลังตามระเบียบกระทรวง การคลังหลังละ 30,000 บาท เป็นเงิน 210,000 บาท ส่วนที่เสียหายบางส่วนจะเร่งสำรวจเพื่อให้ความช่วยเหลือต่อไป ส่วนความช่วยเหลือผู้ประสบภัย แบ่งเป็น กรณีเสียชีวิต ช่วยเหลือเป็นค่าจัดการศพรายละ 25,000 บาท หากเป็นหัวหน้าครอบครัวจะได้รับเพิ่มเติมอีกรายละ 25,000 บาท รวมเป็น 50,000 บาท เครื่องมือประกอบอาชีพช่วยเหลือครอบครัวละไม่เกิน 10,000 บาท อย่างไรก็ตาม ขณะนี้การช่วยเหลือผู้อพยพครอบคลุมทุกพื้นที่ แต่ยังมีบ้านที่เสียหายบางส่วน ซึ่งเจ้าหน้าที่ยังเข้าไปสำรวจไม่ครบ เนื่องจากบางพื้นที่อยู่ในจุดเสี่ยง
    หมอห่วงโรคภัยระบาด
    ขณะที่นพ.ประวิ อ่ำพันธ์ นายแพทย์สาธารณสุขจ.ศรีสะเกษ เปิดเผยว่ากรมควบคุมโรคได้กำชับให้ประสานอาสาสมัครสาธารณสุขหมู่ บ้าน(อสม.)ในพื้นที่ชายแดน ร่วมกันจัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ เร่งออกตรวจรักษา และคัดกรองผู้ป่วยโรคติดต่อทางเดินอาหาร และทางเดินหายใจ เน้นการตรวจหาเชื้อมาลาเรีย หลังจากพบว่าศรีสะเกษ เป็น 1 ใน 10 จังหวัดของไทย ที่พบโรคมาลาเรียระบาด และมีเชื้อดื้อยา โดยเฉพาะชาวบ้านต้องอพยพมาอยู่รวมกันจำนวนมาก ยิ่งเป็นปัจจัยเร่งให้โรคติดต่อต่างๆกระจายได้ง่าย จึงขอให้รักษาสุขอนามัยอย่างเคร่งครัด ทั้งดื่มน้ำสะอาด และอาหารสุกใหม่ พยายามรักษาความอบอุ่นของร่างกาย หากเครื่องกันหนาวไม่เพียงพอ สามารถจุดไฟผิงได้ แต่ห้ามจุดในที่อับ เพราะควันไฟจะทำให้ขาดอากาศหายใจและเสียชีวิตได้
    ผลสู้รบปิด50โรงเรียน
    ดร.ชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยว่าขณะนี้มีโรงเรียนที่ต้องสั่งปิดเนื่องจากการสู้รบจำนวน 50 แห่ง สำหรับโรงเรียนที่ได้รับความเสียหายหนักสุดคือ โรงเรียนภูมิซรอลวิทยา ซึ่งเป็นโรงเรียนระดับมัธยมศึกษา โดยประเมินค่าความเสียหายเบื้องต้นพบว่าอาคารเรียน และอาคารชั่วคราว ได้รับความเสียหายรวมมูลค่าประมาณ 3,200,000 บาท ทั้งนี้สพฐ.จะส่งผู้บริหารลงพื้นที่ในวัน 9 ก.พ.54 เพื่อตรวจเยี่ยมและประเมินความเสียหายในภาพรวมทั้งหมด เพื่อทำรายงานเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.) ต่อไป
    “ยาย”เศร้าสินสอดหาย
    ต่อมาเวลา 14.00 น. นางฉวีวรรณ บุญเสนอ อายุ 70 ปี อยู่บ้านเลขที่ 265 หมู่ 12 บ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ ได้เข้าร้องเรียนกับสื่อมวลชนประจำศูนย์อพยพอ.กันทรลักษ์ ว่าตนอาศัยอยู่ตามลำพังกับสุนัข 1 ตัว เมื่อเกิดเหตุปะทะกันก็ได้ทิ้งบ้านเอาไว้แล้วอพยพมาอาศัยอยู่ที่อ.กันทรลัก ษ์ แต่ปรากฏว่าเมื่อเพื่อนบ้านกลับไปตรวจสอบดูแลบ้าน ได้กลับมาเล่าให้ฟังว่า บ้านของตนถูกโจรงัดบ้าน และทรัพย์สินภายในบ้านที่มีค่าหลายรายการได้สูญหายไป รวมทั้งสิ่งที่หวงแหนมากที่สุดคือ ขันเงินแท้ซึ่งเป็นสินสอดในวันแต่งงานของตนกับสามี ที่เก็บรักษาเอาไว้นานกว่า 50 ปี ได้ถูกโจรขโมยไป และทรัพย์สินอื่นๆอีกหลายรายการ ทำให้ขณะนี้ต้องหมดตัวแล้ว ไม่เหลืออะไรอีกเลย จึงมาร้องเรียนกับสื่อมวลชนเพื่อขอให้ประสานงานกับตำรวจให้ติดตามนำเอา ทรัพย์สินของตนกลับคืนมาให้ด้วย
    ยินดีต้อนรับพันธมิตรฯ
    ทางด้านนายบุญช่วย ทนง นายกอบต.รุง อ.กันทรลักษ์ เปิดเผยถึงกระแสข่าวว่ากลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย(พธม.) มีกำหนดจะเดินทางมามอบถุงยังชีพและข้าวของเครื่องใช้ให้กับกลุ่มผู้อพยพที่ หอประชุมที่ว่าการอ.กันทรลักษณ์ ในวันที่ 11 ก.พ.นี้ ว่าชาวบ้านพร้อมที่จะรับความช่วยเหลือ โดยไม่แบ่งสีแบ่งฝ่าย ในสถานการณ์ฉุกเฉินเช่นนี้ ส่วนนายสมร อุตส่าห์ดี นายกอบต.ภูผาหมอก อ.กันทรลักษ์ กล่าวว่าในฐานะประชาชนคนไทยด้วยกัน แม้ที่ผ่านมาจะมีการใช้กำลังห้ำหั่นกันระหว่างกลุ่มพันธมิตรฯและประชาชนใน พื้นที่ แต่ในยามที่ประสบภัยจากนอกประเทศ เราก็ยินดีรับความช่วยเหลือจากพี่น้องพันธมิตร.
    นักวิชาการเสนอ3แนวทาง
    ส่วนที่หอประชุมศรีบูพา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์(มธ.) โครงการเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มธ. ได้จัดสัมมนาทางวิชาการอุษาคเนย์ครั้งที่ 8 เรื่อง “สยาม-ขแมร์ คู่รัก คู่ชัง คู่กรรม คู่เวร” โดยมีนางยู ออย เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทย และนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ร่วมงานสัมมนาในครั้งนี้ด้วย ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดจากตำรวจ และสารวัตรทหาร (สห.) นอกจากนี้ยังห้ามนำน้ำดื่มและอาหารเข้ามาภายในหอประชุม โดยนายชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรรมศาสตร์ กล่าวในตอนหนึ่งว่า สำหรับปัญหาข้อพิพาทไทย-กัมพูชา มีวิธีการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าระยะสั้นได้ใน 3 แนวทาง คือ 1. การปรึกษาหารือเพื่อแก้ปัญหาในรูปแบบการเจรจาทวิภาคีตามเอ็มโอยู 43 2. นำข้อพิพาททั้งทางบก ทางทะเลไปขึ้นศาลโลกอีกครั้ง 3. ส่งกองกำลังทั้งบก ทางเรือ และทางอากาศทำสงครามสั่งสอน ยึดคืนพื้นที่ที่คิดว่าไทยได้เสียดินแดนให้กับกัมพูชา มาเลเซีย และพม่า เพื่อขยายและสร้างมหาอาณาจักรไทยตามนโยบายจอมพล ป.พิบูลสงครามมาจนถึงสมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ แต่เชื่อว่ารัฐบาลปัจจุบันคงไม่เลือกในแนวทางที่ 3 สำหรับวิธีแก้ปัญหาระยะยาวในภูมิภาค ตนมองว่าไม่มีความจำเป็นต้องขึ้นทะเบียนมรดกโลกร่วมกัน เพราะต่างคนต่างขึ้นได้ จากแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศจะเห็นว่าเขาใหญ่ เทือกเขาพนมดงรัก และแก่งหลี่ผี ควรขึ้นเป็นมรดกโลกทั้งสิ้น ซึ่งเป็นประโยชน์มากกว่าการดำเนินการตามข้อเสนอของคนกระหายสงคราม คลั่งความรุนแรง
    ไทยแตกแยกหนักไปสู่ปฏิวัติ
    นายชาญวิทย์กล่าวอีกว่าเหตุการณ์ล่าสุด ถูกยกระดับเป็นการสู้รบใช้ความรุนแรง จึงน่าวิตกจะบานปลายเพราะต่างฝ่ายต่างต้องการช่วงชิงความได้เปรียบในการยึด พื้นที่ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นปัญหาภายในของประเทศไทย ที่บางคนมองว่า ไม่ได้แบ่งเป็นสามก๊กแล้ว แต่เป็นเสียม โป๊ย กั๊ก มีความพยายามใช้กำลัง บังคับรัฐบาล ซึ่งน่าวิตกว่า อาจบานปลายไปสู่การยึดอำนาจ รัฐประหารได้ การผลักดันให้ยกระดับการต่อสู้ เดือดร้อนประชาชนคนอีสานนับหมื่นราย ตนนึกถึงที่อาจารย์ป๋วย อึ้งภากรณ์ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พูดว่า “ถ้าท่านตาย ก็ไม่อยากตายด้วยความโง่จากสงครามที่คนอื่นก่อ” เพราะนี่คือสงครามของคนที่ไม่ได้อยู่ชายแดนก่อ คนก่อคือคนอยู่เมืองหลวง ใช้การเมืองเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง ร่วมทั้งในประเทศไทยก็มีความแตกแยกกันมาก อาจนำไปสู่การปฏิวัติได้
    ทูตเขมรไม่คิดทวงแผ่นดิน
    ส่วนนางยู ออย กล่าวว่าตนไม่ได้เป็นนักวิชาการด้านประวัติศาสตร์แต่เป็นนักการทูต และเห็นด้วยอย่างยิ่งกับการจัดสัมมนาขึ้นมาในครั้งนี้เพื่อความเข้าใจอันดี ในภูมิหลังของประวัติศาสตร์ ความสัมพันธ์ สาเหตุ และอาจจะเป็นหนทางของการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนี้ก็เป็นได้ หากมองย้อนหลังไปในอดีตจะพบว่ากัมพูชากับไทยต่างก็มีวัฒนธรรมและวิถีชีวิต ที่คล้ายคลึงกัน ยกตัวอย่างเช่น ปราสาทบายนในจังหวัดเสียมราฐมีพระปรางค์ 4 หน้า 54 องค์ด้วยกัน ซึ่งเป็นตัวแทนของอาณาจักรเขมร ซึ่งมี 54 จังหวัด แต่ปัจจุบันนี้ กัมพูชามี 24 จังหวัดและเมือง แล้วอีก 30 จังหวัดหายไปไหน ปรากฏว่า 13 จังหวัดอยู่ในไทย และอีก 17 จังหวัดอยู่ในเวียดนาม
    ตนเคยไปเยือนจ.สุโขทัย ตามคำเชิญของกระทรวงวัฒนธรรมของไทย พบว่า มีวัดอยู่แห่งหนึ่งซึ่งสร้างขึ้นมาโดยกษัตริย์ชัยวรมันที่ 7 แห่งกัมพูชา แสดงว่าไทยกับกัมพูชามีดีเอ็นเอด้วยกัน นอกจากนั้นยังเคยไปเยือนปราสาทหินพิมายที่จ.นครราชสีมา และปราสาทพนมรุ้งจ.บุรีรัมย์ ทั้งหมดนี้สร้างขึ้นมาโดยกษัตริย์ชัยวรมันที่ 7 แห่งกัมพูชาทั้งนั้น แล้วยังทรงสร้างถนนจากพิมายไปยังนครวัดอีกด้วย
    “กัมพูชาไม่เคยคิดที่จะขอคืน 13 จังหวัด เพราะเรื่องนี้มันจบไปแล้ว แต่ต้องการเพียงปกป้องและอนุรักษ์ทุกอย่างที่เรามีอยู่ในวันนี้เอาไว้เท่า นั้น เช่นเดียวกับ 17 จังหวัดในเวียดนาม ซึ่งกัมพูชากับเวียดนามก็ไม่เคยมีปัญหาข้อขัดแย้งบริเวณชายแดนเลย ทั้งนี้เพราะผู้นำของสองประเทศมีความจริงใจในทางการเมืองที่จะแก้ปัญหาด้วย สันติวิธีผ่านทางกลไกของทั้งสองฝ่าย” เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทย กล่าว
    ผู้หญิงตะโกนด่า“กษิต
    ทางด้านนายกษิตกล่าวว่า ตนตกลงกับนายฮอร์ นัม ฮงต่างประเทศกัมพูชาแล้วว่า จะหารือกันในประเทศที่สามสักแห่งว่า จะแก้ปัญหาอย่างไร เพราะอาเซียนไม่อยากให้เราทะเลาะกับกัมพูชา เนื่องจากอาเซียนจะเดินไปไม่ได้ ความเจริญก็ไปจีนหรืออินเดียหมด เราก็เหี่ยวอยู่ตรงนี้ ผู้นำของประเทศควรหาจุดร่วมมากกว่าจุดต่าง หมดเวลาของลัทธิดูถูกดูแคลนกันแล้ว ที่สัมมนากันมาทั้งหมดก็ไม่อยากให้ไทยกับกัมพูชาเป็นคู่เวรคู่กรรม แต่อยากให้เป็นคู่รัก คู่ค้า คู่ร่วมพัฒนามากกว่า
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนจบการสัมมนานายกษิตได้เปิดโอกาสให้ประชาชนที่เข้าฟังการสัมมนาได้ซักถาม แต่กลับมีหญิงวัยกลางคนตะโกนด่านายกษิต จนนาย กษิตต้องตอบโต้ว่า ถ้าจะเอาความชังมาด่าทอกัน นี่ไม่ใช่เวที ตรงนี้ไม่ห่างจากวัดพระแก้ว ดังนั้นเอาสันติสุขมาแก้ปัญหากัน ตนไม่ได้มีหน้าที่ส่งเสริมความเกลียดชัง โตๆกันแล้วขอให้เข้าใจ แต่หญิงวัยกลางคนดังกล่าวยังไม่หยุด จนนายกษิตโต้กลับไปอีกครั้งว่า ถ้าถามบ้าๆ บอๆ อย่าถาม มีอีเมลล์หรือช่องทางของกระทรวงการต่างประเทศติดต่อไปก็ขอให้ติดต่อไป ตนจะตอบให้ทุกคำถาม จากนั้นรมว.ต่างประเทศได้เดินทางกลับทันที
    นัดหารือทวิภาคีอาเซียน
    ส่วนที่กระทรวงการต่างประเทศ ดร.อาร์ เอ็ม มาร์ตี้ มูเลียนา นาตาเลกาวา รมต.ต่างประเทศอินโดนีเซีย ในฐานะประธานอาเซียนได้พบและหารือกับนายกษิต โดยใช้เวลาหารือกันกว่า 1 ชม. ทั้งนี้ดร.อาร์ เอ็ม มาร์ตี้กล่าวว่า ตนเป็นมิตรกับทั้ง 2 ประเทศ ทั้งไทยและกัมพูชา จึงได้ติดตามสถานการณ์ที่ผ่านมาอย่างใกล้ชิด เมื่อวันที่ 7 ก.พ.ได้เดินทางไปกัมพูชาและพบกับนายฮอร์ นัม ฮง รมต.ต่างประเทศกัมพูชา และวันนี้ก็ได้หารือกับนายกษิต จากการได้มารับฟังข้อมูล ข้อเท็จจริงและสัมผัสกับทั้ง 2 ฝ่าย คงต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่งในการประมวลข้อมูลต่างๆที่ได้รับ แต่ท้ายที่สุดการจะหาข้อยุติที่ยั่งยืนได้นั้น ต้องเป็นการหารือกันในระดับทวิภาคี โดยอาเซียนจะเข้าไปสนับสนุนและสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการเจรจา
    ประกาศใช้พ.ร.บ.มั่นคง
    ทางด้านนายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าครม.มีมติเห็นชอบการประกาศใช้พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราช อาณาจักร พ.ศ.2551 หมวด 2 โดยประกาศพื้นที่เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย เขตดุสิต เขตปทุมวัน เขตวังทองหลาง เขตวัฒนา เขตราชเทวี และเขตพระนคร เป็นพื้นที่ตามพ.ร.บ.ดังกล่าว โดยมีผลบังคับใช้ระหว่างวันที่ 9-23 ก.พ.นี้ เป็นไปตามที่มีการประเมินเพื่อดูแลพื้นที่ให้ปลอดภัยและให้มีเสถียรภาพ โดยจะมีการจัดตั้งศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) โดยมอบหมายให้ทางตำรวจเป็นผู้ดูแล
    เมื่อถามว่าเมื่อกฎหมายดังกล่าวมีผลบังคับใช้ ผู้ชุมนุมทั้งกลุ่มพันธมิตรฯ และกลุ่มคนเสื้อแดงจะต้องออกจากพื้นที่ ห้ามการชุมนุมเลยหรือไม่ นายปณิธาน กล่าวว่า ทางกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) จะประชุมกันเพื่อออกข้อกำหนด จัดตั้งศอ.รส. รวมทั้งการพิจารณาจำนวนของกำลังพล จากนั้นจะมีการสื่อสารกับบรรดาผู้ชุมนุมกลุ่มต่างๆ
    พธม.ขู่ฟ้องเพิกถอน
    ทางด้านนายปานเทพ พัวพงศ์พันธ์ โฆษกกลุ่มพันธมิตรฯ และนายประพันธ์ คูณมี ร่วมแถลงข่าว โดยนายประพันธ์ กล่าวถึงกรณีที่ครม.ประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคง เพื่อสกัดกั้นการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯว่าเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง เพราะการชุมนุมครั้งนี้ไม่เข้าเงื่อนไขของพ.ร.บ. คือไม่มีการทำลายทรัพย์สิน ไม่มีเจตนาทำลายความมั่นคงของชาติ หรือสร้างความวุ่นวายให้บ้านเมือง ดังนั้นกลุ่มพันธมิตรฯ จะส่งทีมกฎหมายฟ้องร้องศาลปกครองให้เพิกถอนประกาศดังกล่าว รวมทั้งเอาผิดทางอาญากับคณะรัฐมนตรีที่ให้ความเห็นชอบ อย่างไรก็ตามในวันที่ 11 ก.พ.นี้ กลุ่มพันธมิตรฯจะมีการเคลื่อนไหวไปสถานที่ต่างๆ แต่ยังไม่มติว่าจะไปที่ไหนบ้าง
    พท.เย้ยเป็นการเรียกแขก
    ขณะที่นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงในราชอาณาจักรในบางพื้นที่ของกทม. ระหว่างวันที่ 9-23 ก.พ.นี้ ว่า เรื่องนี้น่าจะเป็นการซ้ำเติมปัญหา และน่าจะเป็นการเชิญแขกมากกว่า พอมีปัญหาอะไรรัฐบาลก็ชอบใช้กฎหมายพิเศษดำเนินการกับกลุ่มผู้ชุมนุม ดังนั้นการใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงฯในครั้งนี้น่าจะหวังสกัดทั้งคนเสื้อเหลือง และเสื้อแดง เนื่องจากเสื้อเหลืองจะมีการยกระดับการชุมนุมในวันที่ 11 ก.พ.นี้ และเสื้อแดงจะชุมนุมใหญ่วันที่ 13 ก.พ. เช่นกัน จึงอยากให้ครม.ทบทวนเรื่องนี้
    เตือนระวังการเสนอข่าว
    ทางด้านคณะกรรมการสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ ได้มีการประชุมกัน และมีข้อห่วงใยต่อการนำเสนอข่าว-ภาพการสู้รบระหว่างไทยกับกัมพูชา ว่าขอให้พี่น้องสื่อมวลชนทุกแขนง ได้ทำหน้าที่ของตนด้วยความรับผิดชอบต่อประเทศและประชาชน โดยการเสนอข่าวและภาพข่าว ตลอดจนการแสดงความคิดเห็นต้องเป็นไปในเชิงสร้างสรรค์ แสวงหาหนทางการแก้ปัญหาข้อพิพาท และความขัดแย้งอย่างสันติวิธี และใช้ความระมัดระวังในการนำเสนอประเด็นข่าวและภาพ ซึ่งอาจเป็นการเปิดเผยจุดยุทธศาสตร์ ซึ่งมีผลกระทบต่อความมั่นคง เพราะฝ่ายตรงข้ามอาจนำไปใช้ประโยชน์ได้ ทั้งนี้ควรหลีกเลี่ยงการใช้ภาษา หรือการแสดงท่าทางดูหมิ่นเหยียดหยามฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ก่อให้เกิดความเกลียดชังระหว่างประชาชนสองประเทศ

    ต่อสายคุยเลขาฯยูเอ็น
    ต่อมาเวลา 18.30 น. นายอภิสิทธิ์กล่าวภายหลังการประชุมกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน(กอ.รม น.) ถึงการโทรศัพท์พูดคุยกับนายบัน คี มูน เลขาธิการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ในช่วงค่ำวันนี้(8ก.พ.) เพื่อชี้แจงเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างทหารไทยกับกัมพูชา ว่าตนจะแจ้งข้อเท็จจริงเพื่อให้เห็นว่าสิ่งที่กัมพูชาและไทยได้ทำหนังสือไป มีข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ซึ่งตนยืนยันว่าประเทศไทยไม่เคยไปรุกรานใคร และสิ่งที่ทำเป็นการตอบโต้เพื่อรักษาอธิปไตย และไม่มีการโจมตีในส่วนของพลเรือน แต่ในทางกลับกัน เราได้รับความเดือดร้อนโดยมีพลเรือนนับหมื่นคนที่ต้องอพยพ
    “มาร์ค”ย้ำไม่ปลด “กษิต”
    ผู้สื่อข่าวถามว่า มีเหตุปะทะกันอีกครั้งบริเวณภูมะเขือ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ยังไม่มีรายงานเรื่องนี้ เมื่อถามว่าสถานการณ์ขณะนี้จำเป็นที่ไทยจะระงับความช่วยเหลือระหว่างประเทศ หรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่ายังไม่ได้มีการพูดถึงเรื่องนี้ ส่วนคำถามถึงการลงพื้นที่จ.ศรีสะเกษ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่าในวันที่ 9 ก.พ.54 จะมีรัฐมนตรีคนอื่นๆเดินทางลงไปอีก ซึ่งตนให้สลับสับเปลี่ยนกันไป
    “ขณะนี้ยังทำงานตามปกติ เพราะยังต้องคุยกับรมว.ต่างประเทศกัมพูชาเป็นระยะๆ และยืนยันว่าไม่มีแรงกดดันจากกองทัพให้เปลี่ยนตัวรมว.ต่างประเทศของไทย เพราะรัฐบาลได้หารือปัญหานี้กับกระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศ สภาความมั่นคง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาตลอด โดยทราบอยู่แล้วว่าพื้นที่ดังกล่าวเสี่ยงต่อการปะทะกัน ” นายกรัฐมนตรี กล่าว
    ส.ส.ปชป.ฮึ่มไล่2รมต.
    รายงานข่าวจากที่ประชุมพรรคประชาธิปัตย์ แจ้งว่าช่วงที่มีการพูดถึงปัญหาปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา และการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯนั้น นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช ได้ลุกขึ้นเรียกร้องให้ส.ส.ของพรรคช่วยออกมาช่วยชี้แจงและปกป้องรัฐบาลในการ แก้ปัญหาดังกล่าว เพราะที่ผ่านมาตนพยายามชี้แจง แต่จะปล่อยให้ทำคนเดียวคงไม่ไหว เพราะตอนนี้แทบจะไม่มีที่เดินอยู่แล้ว นอกจากนี้ได้มีส.ส.หลายคนรุมตำหนิการทำงานของ 2 รัฐมนตรี คือ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รมต.ประจำสำนักนายกฯที่ดูแลสื่อ และนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกฯ โดยเห็นว่าสถานการณ์สู้รบ การเสนอข่าวของสื่อมวลชนจะต้องรัดกุมกว่านี้ ไม่ใช่ปล่อยให้หยิบหนังสือพิมพ์กัมพูชามาอ่านออกอากาศ ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อประเทศ
    น.ส.รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม กล่าวว่าตนลงพื้นที่พบปะชาวบ้าน บรรดาชาวบ้านได้ฝากมาบอกว่าให้ปลดนายสาทิตย์และนายองอาจเพราะทำงานด้านสื่อ ไม่เป็น จึงควรเปลี่ยนตัวได้แล้ว

    [​IMG]

    Daily News Online > หน้าการเมือง > ปูด“บิ๊กป้อม”งัดไม้แข็งขู่ใช้เอฟ16ถล่มเขมร
     
  8. titawan

    titawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2008
    โพสต์:
    2,290
    ค่าพลัง:
    +5,139
    [​IMG] 22.00 น. กระทรวงต่างประเทศกัมพูชาแถลงการณ์โต้ไทย ยันไม่ได้ตั้งฐานบนเขาพระวิหารโจมตีไทย

    [​IMG] 21.30 น. อิสสระ สมชัย รมว.พัฒนาสังคมฯ เผยเตรียมมอบเงินช่วยเหลือชาวบ้าน ที่หนีภัยสงครามไทย - กัมพูชา จำนวนกว่า 4,000 ครอบครัวละ 1,000 บาท

    [​IMG] 21.20 น. กรรมการสิทธิมนุษยชนฯ เผย จากเหตุปะทะไทยกัมพูชา ต้องให้ความสำคัญต่อเด็ก สตรี และคนชราเป็นพิเศษ ในการให้การช่วยเหลือ

    [​IMG] 21.12 น. ยูเนสโกเตรียมส่งเจ้าหน้าที่ไปสำรวจความเสียหายเขาพระวิหาร เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ หลังเกิดเหตุปะทะไทย - กัมพูชา
     
  9. titawan

    titawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2008
    โพสต์:
    2,290
    ค่าพลัง:
    +5,139
    อัพเดตจากเว็ปกระปุก

    [​IMG]



    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
    ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ไทยโพสต์

    กระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา ออกแถลงการณ์ ปัดใช้พระวิหารเป็นฐานอาวุธหนักถล่มไทย ด้านคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ยันจะไม่จัดประชุมด่วนตามคำขอสมเด็จฮุน เซน ชี้ควรแก้ไขในระดับภูมิภาค ขณะที่มีรายงานว่า ลูกชายฮุนเซนแค่บาดเจ็บเล็กน้อยที่หัวเข่า ยังบัญชาการรบอยู่

    กระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศกัมพูชา ออกแถลงการณ์ ลงวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2011 โต้คำให้สัมภาษณ์ ของ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ที่ถูกเผยแพร่ วานนี้ (8 กุมภาพันธ์) ว่า "ทหารกัมพูชาใช้ปราสาทพระวิหาร เป็นฐานอาวุธหนัก เพื่อถล่มฐานบัญชาการทางการทหารของไทย ที่ตั้งอยู่ในผืนแผ่นดินของไทย ซึ่งอยู่ในระดับต่ำกว่า"

    โดยทางกระทรวงกาารต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศ ขอปฏิเสธอย่างหนักแน่น ต่อข้อกล่าวหาดังกล่าว และขอเน้นย้ำในประเด็น ดังต่อไปนี้

    กัมพูชาไม่เคยและจะไม่มีทหารที่ปราสาทพระวิหาร ซึ่งเป็นสถานที่สำหรับการสักการะบูชา และการท่องเที่ยวตลอดเวลาที่ผ่านมา มีเพียงเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมอาวุธเบาเพียงไม่กี่นาย เพื่อดูแลความปลอดภัย โดยรอบปราสาทพระวิหารเท่านั้น ข้อกล่าวหาของโฆษกกองทัพบกของไทย มีเป้าหมายเพียงเพื่อต้องการแก้ตัวให้กับประเทศไทย ต่อการโจมตีปราสาทพระวิหารซึ่งเป็นมรดกโลก

    ด้านสำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือ UNSC ปฏิเสธ การเรียกร้องจากสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ที่ขอให้จัดการประชุมด่วนของสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ทั้ง 15 ชาติ ตามข้ออ้างว่า ถูกกองกำลังทหารไทยบุกรุก โดยที่ นางมาเรีย ลุยซา ริเบโร วิออตตี (Maria Luiza Ribeiro Viotti) เอกอัครราชทูตบราซิล ประจำสหประชาชาติ ในฐานะประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ประจำเดือนกุมภาพันธ์ นี้ ได้แถลงว่า ปัญหานี้ควรที่จะแก้ไขกันในระดับภูมิภาค

    ก่อนหน้านี้ (7 กุมภาพันธ์) มีรายงาน อ้างคำกล่าวของ นางวิออตติ ที่ระบุว่า สมาชิกของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ แสดงความกังวลอย่างมาก ที่สถานการณ์กลับเลวลง และความตึงเครียดที่เพิ่มมากขึ้น ในพื้นที่ชายแดน และทางคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ยินดีที่จะจัดประชุมเกี่ยวกับเรื่องนี้ ตามคำขอของ สมเด็จฮุน เซน แต่ต้องเป็นหลังจากความพยายามไกล่เกลี่ย ในระดับภูมิภาค โดย นายมาร์ตี นาตาเลกาวา (Marty Natalegawa) รัฐมนตรีต่างประเทศอินโดนีเซียไม่บรรลุผล

    แต่ภายหลัง นาย ฟิลิป โครวลีย์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ออกมากล่าวแสดงความกังวลเกี่ยวกับการปะทะกันของไทยกับกัมพูชา และกล่าวถึงการที่ยังไม่เป็นที่แน่ใจว่า สหประชาชาติควรจะเข้าไปมีส่วนร่วม ตามคำขอของกัมพูชาที่ให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ เข้ามาดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยเร่งด่วนหรือไม่

    แต่ ในเวลาต่อมา อินเนอร์ ซิตี เพรสส์ เป็นองค์กรไม่แสวงผลกำไร ได้รายงานว่า หลังจากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติยังไม่ได้จัดการประชุมเร่งด่วน ตามข้อเรียกร้องของกัมพูชานั้น แต่ได้มีผลสรุปออกมาแล้วว่า จะมีการจัดประชุมตามข้อเรียกร้อง ในวันจันทร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ โดยให้นายมาร์ตี นาตาเลกาวา รัฐมนตรีต่างประเทศอินโดนีเซีย ที่กำลังเป็นเจ้าภาพหมุนเวียนของอาเซียน และทำหน้าที่เป็นคนกลางไกล่เกลี่ยข้อพิพาทระหว่างไทยกับกัมพูชา เข้าร่วมการประชุมด้วย

    ขณะที่ นายบัน คี-มุน เลขาธิการสหประชาชาติ ได้กล่าวในระหว่างแถลงข่าวเมื่อวันอังคารว่า เขาได้หารือกับนายกรัฐมนตรีของไทยและกัมพูชา เกี่ยวกับข้อพิพาทดังกล่าวแล้ว

    ขณะ ที่กระแสข่าวลือที่ว่า พล.ต.ฮุนมาเน็ต รองผู้บัญชาการทหารบกของกัมพูชา ซึ่งเป็นบุตรชายของสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ถูกสะเก็ดระเบิดของทหารไทย จากการเปิดฉากปะทะกัน จนได้รับบาดเจ็บสาหัส จนเป็นเหตุให้บรรดาทหารกัมพูชาเกิดความเคียดแค้น ล่า สุด แหล่งข่าวทางทหารแจ้งว่า พล.ต.ฮุนมาเน็ต ได้รับสะเก็ดระเบิดปืนใหญ่ ขนาด 150 มิลลิเมตร ถูกช่วงบริเวณหัวเข่า บาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และยังบัญชาการรบที่เขาพระวิหารดังเดิม

    ทั้งนี้ พล.ต.ฮุนมาเน็ต จบจากโรงเรียนนายร้อยเวสต์ พ้อยต์ (The United States Military Academy (West Point) สหรัฐอเมริกา จบปริญญาโท และปริญญาเอก สาขาเศรษฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ประเทศอังกฤษ มีพี่น้องร่วมสายเลือด 6 คน ชาย 3 คน หญิง 3 คน

    ด้านสภากาแฟชาวบ้าน ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา กล่าวว่า เป็นถึงลูกชายนายกรัฐมนตรี ไม่น่ามารบเองทั้ง ๆ ที่ สมเด็จฮุนเซน มีทหารใต้บังคับบัญชามากมาย ใครก็ได้ ไม่จำเป็นต้องส่งลูกชายมารบแนวหน้าอย่างนี้


    [9 กุมภาพันธ์] เกาะติดสถานการณ์ ไทยปะทะเขมร ชายแดน ไทย - กัมพูชา

    [​IMG] 12.15 น. ประชาชนยังเดินทางไปเคารพศพ ร.อ.รุชรินทร์ ชาติคำดี ทหารกล้าที่เสียชีวิตจากเหตุปะทะ ที่ศรีสะเกษ และช่วงบ่ายจะเคลื่อนไปประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพ ที่วัดป่าโนนแสงทอง จ.สกลนคร

    [​IMG] 12.05 น. องอาจ คล้ามไพบูลย์ รมต.ประจำสำนักนายกฯ ลงพื้นที่ อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ แจกจ่ายถุงยังชีพให้ผู้อพยพ พร้อมไปเยี่ยมทหารที่ตรึงกำลังเข้ม บริเวณด่านช่องจอม

    [​IMG] 11.59 น. ที่ปรึกษาคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เปิดศูนย์การเรียนรู้ 2 แห่ง ให้นักเรียนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ได้ศึกษาตามปกติ

    [​IMG] 11.55 น. กษิต ออกรายการพิเศษ จี้กัมพูชาตอบชาวโลก กรณีตั้งเป้ายิงถล่มพลเรือน และซ่องสุมกำลังบนเขาพระวิหาร

    [​IMG] 11.31 น. นายบัน คี-มุน เลขาธิการสหประชาชาติ เผยได้หารือกับนายกรัฐมนตรีของไทยและกัมพูชา เกี่ยวกับข้อพิพาทไทยกัมพูชาแล้ว

    [​IMG] 11.25 น. กลุ่มภาคประชาสังคม จ.อุบลฯ ออกขอรับบริจาคเครื่องอุปโภค-บริโภค ไปแจกจ่ายให้ผู้อยพพจากเหตุปะทะของทหารไทย-กัมพูชา ที่ จ.ศรีสะเกษ

    [​IMG] 11.05 น. ร้านค้าส่งแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ผวาเหตุปะทะซ้ำอีก ทยอยย้ายสินค้าออกนอกพื้นที่ ด้านทหารค่ายมณฑลทหารบกที่ 22 ขนกำลังเสริมชายแดน

    [​IMG] 11.00 น. คณะมนตรีความมั่นคงนัดถกกรณีไทย-กัมพูชา 14 ก.พ. โดยให้ประธานอาเซียนเป็นคนกลางไกล่เกลี่ยข้อพิพาท

    [​IMG] 10.30 น. สุเทพ ระบุนายกฯ ยังไม่คุยผู้นำกัมพูชา ยันยังไม่ลดระดับความสัมพันธ์ ต้องประเมินสถานการณ์วันต่อวัน

    [​IMG] 10.20 น. สาย ข่าวทหารแจงข่าวลือลูกชายสมเด็จฮุนเซน บาดเจ็บหนักจากเหตุปะทะไม่จริง เพราะโดนแค่สะเก็ดระเบิด ที่หัวเข่าเท่านั้น ยังบัญชาการรบเหมือนเดิม

    [​IMG] 10.10 น. ผู้ว่าฯ ศรีสะเกษ ระดมทีมสันทนาการ จัดกิจกรรมผ่อนคลายความเครียดและฝึกอาชีพให้ชาวบ้านอพยพ ด้านครูผลัดเปลี่ยนเวรเข้าสอนนักเรียนที่อพยพด้วย

    [​IMG] 09.56 น. ผู้ว่าฯ บุรีรัมย์ ยันคนชายแดนไทย-กัมพูชา ยังสัมพันธ์อันดีต่อกัน เตรียมเจราจาขอเปิดจุดผ่อนปรนค้าขายสินค้าที่ช่องสายตะกู อ.บ้านกรวด

    [​IMG] 08.49 น. ศูนย์อพยพประชาชน อ.กันทรลักษ์ เริ่มแจกอาหารเช้ากับประชาชน ขณะที่ ผู้มีจิตศรัทธานำอาหารบริจาคจำนวนมาก ด้านผู้อพยพเริ่มเบาใจกับสถานการณ์แล้ว

    [​IMG] 08.43 น. บรรยากาศตลอดคืนที่ผ่านมา ใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ยังปรากฏข่าวลือ การปะทะกันของทหารทั้งสองฝ่ายเป็นระยะ ส่งผลชาวบ้านต้องเร่งอพยพไปมาตลอดทั้งคืน

    [​IMG] 08.41 น. ประวิตร พร้อม ผบ.ทบ.ลงพื้นที่กันทรลักษ์ เยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดน พร้อมร่วมงานศพทหารที่เสียชีวิต

    [​IMG] 07.39 น. อาเซียน ชี้ ปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชา จำเป็นต้องได้รับการแก้ไข

    [​IMG] 07.38 น. องค์การ UNESCO เตรียมส่งเจ้าหน้าที่ เข้าสำรวจความเสียหาย ปราสาทพระวิหาร พร้อมร้องขอความสงบ

    [​IMG] 07.36 น. แม่ทัพภาคที่ 2 ลั่น ป้องกันดินแดนได้ 100% เชื่อฝึกคอบร้าโกลด์ ไม่ทำให้สถานการณ์ตึงเครียดเพิ่ม ยันไม่เคยรุกดินแดนกัมพูชาก่อน

    [​IMG] 07.27 น. คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ กลับลำ จะไม่จัดประชุมด่วน ตามคำขอ สมเด็จฮุน เซน ชี้ควรแก้ไขในระดับภูมิภาค

    [​IMG] 07.23 น. กระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาออกแถลงการณ์ ปัดใช้พระวิหารเป็นฐานอาวุธหนักถล่มไทย
     
  10. titawan

    titawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2008
    โพสต์:
    2,290
    ค่าพลัง:
    +5,139
    "สุเทพ"เชิญยูเนสโกดูพระวิหารด้วยตาตัวเอง


    [​IMG] “สุเทพ”รับมีรายงานเขมรใช้พระวิหารยิงถล่มไทย ไฟเขียวยูเนสโกขึ้นไปดูของจริงให้เห็นกับตา ระบุ “ฮุนเซน” รับรองความปลอดภัย บ่นเหตุปะทะทำให้ปชช.สองฝ่ายเสียโอกาส...
    เมื่อ เวลา 08.35 น.วันที่ 9 ก.พ.2554 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ให้สัมภาษณ์กรณีที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติให้จัดงานแสดงสินค้าที่กัมพูชาว่า ความจริงงานนี้ได้มีการกำหนดไว้อยู่ก่อนแล้ว ในการที่จะแสดงสินค้าไทยที่กรุงพนมเปญ และได้จัดมาก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าที่ชาวกัมพูชาชอบใจให้ความสนใจมาก และ มาปีนี้เกิดมีเหตุกระทบกระทั่งกันที่บริเวณชายแดน ผู้ที่จะนำสินค้าไปแสดงที่พนมเปญคงไม่ค่อยสบายใจ แต่สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรี กัมพูชา ได้ออกมารับรองความปลอดภัยของผู้ที่จะไปจัดงานแสดงสินค้า โดยสมเด็จฮุนเซนบอกว่าเรื่องการปะทะที่ชายแดนเป็นเรื่องหนึ่ง และความสัมพันธ์ทางการค้าก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง อย่างไรก็ตาม คนที่จะนำสินค้าไปแสดงคงไม่สะดวกใจมากนัก แต่บรรดาคนไทยที่ค้าขายในกัมพูชาก็บอกว่า ถึงแม้ไม่มีพ่อค้าจากประเทศไทยไปแสดงสินค้า ก็ขอให้คนไทยที่อยู่ในกัมพูชานำสินค้ามาแสดงก็แล้วกัน จึงได้นำเรื่องดังกล่าวมาขออนุญาตคณะรัฐมนตรี

    ผู้สื่อข่าวถามว่า เรายังจะเล่นตามเกมอีกหรือ เพราะทหารและคนของเราก็เสียชีวิต เรายังจะไปค้าขายกับเขาอีกหรือ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า ตนคิดว่าเรื่องการปะทะที่บริเวณชายแดน น่าจะเป็นเรื่องที่ทั้งสองฝ่ายจะได้สติ และตระหนักว่าการใช้กำลังไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหา ความสัมพันธ์ที่จะอยู่ร่วมกันและเห็นแล้วว่าเมื่อมีการกระทบกระทั่งกันที่ ชายแดนก็เดือดร้อนกันทั้งสองฝ่าย ฝ่ายไทยเดือดร้อนและกัมพูชาคงเดือดร้อนไม่น้อยกว่าที่เราได้รับ จะไปพูดว่าเท่านั้นเท่านี้จะเป็นการยั่วยุว่าใครได้เปรียบเสียเปรียบ แต่ตนยืนยันได้ว่ากองทัพไทยได้ดูแลอธิปไตยของบ้านเมืองอย่างดี และพร้อม ไม่มีใครรุกรานเข้ามาได้แน่นอน แต่ต้องมีคนบาดเจ็บ ขณะเดียวกันประชาชนสองประเทศก็เคยค้าขายติดต่อกันมา การปะทะกันกระทบกระทั่งกันวันหนึ่งก็ต้องยุติลงได้ ฉะนั้นการค้าของคงรักษาความสัมพันธ์ไว้

    เมื่อถามว่า ควรมีการลดระดับลงหรือไม่ เพราะกัมพูชาเป็นคนเริ่มก่อนควรได้รับบทเรียนอะไรบ้าง นายสุเทพ กล่าวว่า ตนคิดว่าการหยุดค้าขายคงกระทบถึงประชาชน เราต้องเข้าใจประชาชนไม่ได้เป็นผู้ก่อเหตุหรือทำให้เกิดปัญหา แต่อย่างไรก็ตาม ทันทีที่มีการสั่งปิดด่านประชาชนก็เดือดร้อน เมื่อถามว่า เมื่อวานในที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ ฝ่ายความมั่นคงได้รายงานแนวโน้มอะไรบ้าง หรือ ต้องเฝ้าระวังอะไรหรือไม่ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า ต้องแยกกันว่าการเฝ้าระวังดูแลแนวชายแดนเป็นภาระของกองทัพอยู่แล้ว กองทัพยอมให้ใครล่วงล้ำอธิปไตยมาไม่ได้โดยเด็ดขาด ไม่ว่าจะโดยวิธีไหน ยิงปืนเข้ามาก็ต้องตอบโต้ไปเป็นธรรมดา

    “เรามั่นใจในสิ่งที่รัฐมนตรี ว่าการกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารบก ที่ได้นำมาเรียนในที่ประชุม ทำให้ที่ประชุมไม่มีความวิตกกังวลในเรื่องนี้เลย แต่การสู้กันบนเวที ทั้งเวทีอาเซียน สหประชาชาติ ก็เป็นหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศ ที่ต้องรวบรวมพยานหลักฐานไปแสดงให้เป็นที่ปรากฏแก่สายตาชาวโลก ซึ่งในกรณีนี้มีตั้งแต่บันทึกภาพของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งจะชี้แจงได้ว่า แท้ที่จริงแล้วประเทศไทยได้กระทำการในฐานะป้องกันตนเองเท่านั้น ไม่ได้รุกรานอย่างที่กัมพูชากล่าวหา” นายสุเทพ กล่าว

    เมื่อถามว่า องค์การยูเนสโก จะขอขึ้นไปดูที่เขาพระวิหารอย่างนี้ เราจะดูแลอย่างไร เพราะมีการระบุว่าใช้พื้นที่ตรงนั้นเป็นฐานในการยิงลงมาจริงหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า มีรายงานอย่างนั้นจริงว่า ทหารกัมพูชาได้เข้าไปอาศัยอยู่ในพื้นที่ของปราสาทและยิงออกมา อย่างนี้ก็เป็นประเด็นที่เป็นปัญหา ว่าอย่างนี้จะเอาไปขึ้นทะเบียนมรดกโลกได้อย่างไร ส่านที่ยูเนสโกจะขอขึ้นไปตรวจก็เป็นเรื่องที่ดี จะได้เห็นด้วยสายตาตัวเอง
    เมื่อ ถามว่า กรณีที่สำนักข่าวต่างประเทศเข้าไปตรวจสอบความเสียหาย แต่กลับไม่พบความเสียหายอย่างที่กัมพูชากล่าวอ้าง ตรงนี้จะกลายเป็นว่ากัมพูชาให้ข่าวเท็จกับชาวโลกหรือไม่ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า ตนไม่ไปกล่าวหาอย่างนั้นดีกว่า แต่เมื่อมีข้อกล่าวหามาเราก็พิสูจน์ด้วยความจริง ชี้แจงด้วยข้อเท็จจริง เพราะมีหลักฐานรูปภาพชัดเจน เราก็ไปแสดงว่าทั้งหมดเรื่องจริงเป็นอย่างไร ชาวโลกจะได้เข้าใจ กัมพูชาก็เป็นปกติ เมื่อเวลาต่อสู้เขาก็พยายามที่จะให้เขาได้เปรียบทั้งในเวทีโลก ข่าวสาร เขาสามารถกำกับทิศทางของข่าวได้ว่าจะให้ไปทางไหนฝ่ายเราเป็นประเทศเสรี ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติและข้อเท็จจริง แต่เป็นเรื่องที่ดีในความหลากหลายที่จะไปยืนยันกับชาวโลกได้

    เมื่อ ถามว่า การที่สหประชาชาติไม่รับข้อร้องเรียนจากกัมพูชา เมื่อเป็นเช่นนี้ทางกัมพูชาจะดึงเรื่องไปถึงการประชุมที่ประเทศบาห์เรน เราจะมีแนวทางป้องกันอย่างไร นายสุเทพ กล่าวว่า เป็นหลักปกติอยู่แล้ว นายกษิต ภิรมย์ รมว.การต่างประเทศ ได้แจ้งที่ประชุมครม.ได้ทราบว่า ในกรณีที่มีการปะทะกันจุดใดจุดหนึ่งที่ชายแดนมันไม่ใช่เรื่องที่จะต้องไปถึง สหประชาชาติ เพราะก่อนจะถึงสหประชาชาติก็ยังมีอาเซียน เพราะเราเป็นสมาชิกก็ควรพูดคุยกันก่อน ซึ่งก่อนจะถึงขั้นนั้นประเพณีปฏิบัติระหว่างประเทศคือ สองประเทศต้องพูดคุยกัน โดยยังอยู่ในขั้นตอนที่สองประเทศสามารถคุยกันได้ อย่างไรก็ตาม กระทรวงการต่างประเทศได้จัดทีมไปเดินสายชี้แจงทุกเวที รวมทั้งมิตรประเทศที่เราคบค้าสมาคมด้วย
    เมื่อถามว่า ทางกระทรวงกลาโหมอยากให้นายกฯ ทั้งสองประเทศพูดคุยกัน ขณะนี้นายกฯ ของไทยได้เริ่มอยากที่จะพูดคุยกับนายกฯกัมพูชาแล้วหรือไม่ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า ยัง ต้องว่าไปตามขั้นตอนก่อน บางทีในขณะที่มีการตอบโต้ผ่านสื่อ และในสายตาชาวโลก ถ้าฝ่ายเราแม้มีเจตนาดี รีบออกไปพูดคุยเขาก็จะบอกว่ายอมจำนนแล้ว ยิ่งหนัก และจะแย่ลงไปอีก ตนพูดอย่างนี้สมเด็จฮุนเซนก็ได้ยินอยู่แล้ว ต้องรู้ว่าเราไม่มีเจตนาให้เรื่องบานปลายและเราต้องการแก้ปัญหาตามข้อเท็จ จริง เมื่อถามว่า หมายความว่าถ้าผู้นำของประเทศใดเริ่มพูดคุยก่อน หมายความว่าประเทศนั้นยอมจำนนหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่ใช่ครับ ประเทศไทยไม่เอาเปรียบอย่างนั้น เพียงแต่เราต้องระมัดระวังอย่าให้เสียเกียรติภูมิศักดิ์ศรีของบ้านเมืองเรา แม้เราจะไม่ได้ตั้งใจทำอย่างนั้น แต่เวลาคนกล่าวอ้างเราต้องเสียเวลามาแก้ต่าง

    เมื่อถามว่า นอกจากจุดที่ อ.กันทรลักษ์ ฝ่ายความมั่นคงได้มีการรายงานจุดอื่นที่มีความเสี่ยงทั้งสองฝ่ายอาจจะปะทะ กันหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ยังไม่มีจุดอื่น เราพยายามให้พื้นที่กระทบกระทั่งกันจัดจำนวนที่สุด เมื่อถามว่า ที่ อ.น้ำยืนและ กิ่ง อ.น้ำขุ่น จ.อุบลราชธานี ได้รับผลกระทบด้วยเราจะดูแลเหมือนที่ อ.กันทรลักษ์ ด้วยหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ดูแลทุกแห่ง ต้องเข้าใจว่าถึงแม้ประชานไม่ได้อยู่ที่ อ.กันทรลักษณ์ แต่เมื่อข่าวสงครามใกล้เข้ามาอย่างนี้ก็ต้องตกใจ บางแห่งเราต้องอพยพออกมาเพื่อให้เขาสบายใจ จนกว่าเหตุการณ์จะคืนสู่ความสงบ เมื่อ ถามว่า เห็นมีข่าวว่าจะดูการอพยพผู้คนให้กลับเข้าพื้นที่ในวันนี้พรุ่งนี้ นายสุเทพ กล่าวว่า ก็ดูเป็นรายวัน เมื่อรัฐบาลทั้งสองประเทศได้คุยกันและยืนยันว่าให้จบแค่นี้ เราก็อพยพชาวบ้านกลับ
    เมื่อถามว่าขณะนี้สถานการณ์ยังไม่สามารถบอกได้ ว่าบริเวณชายแดนจะมีการตอบโต้ กันหรือไม่ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า นั่นเป็นส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนหนึ่งชาวบ้านยังไม่สบายใจที่จะกลับไปช่วงนี้ เพราะเหตุการณ์ยังใหม่อยู่ และที่มาคงไม่ใช่เพราะมีของแจก เพราะเขาเดือดร้อนและน่าเห็นใจกันจริง เมื่อถามว่า ทำไมคนมามากผิดปกติ นายสุเทพ กล่าวว่า ประชาชนที่นั้นเยอะ


    ไทยรัฐออนไลน์


    • โดย ทีมข่าวการเมือง
    • 9 กุมภาพันธ์ 2554, 11:39 น.
    [​IMG]

    "สุเทพ"เชิญยูเนสโกดูพระวิหารด้วยตาตัวเอง - ข่าวไทยรัฐออนไลน์
     
  11. titawan

    titawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2008
    โพสต์:
    2,290
    ค่าพลัง:
    +5,139
    'ฮุนเซน'ไม่สำเร็จ ยูเอ็นปัด หย่าศึกไทย-เขมร


    [​IMG] ผลพวงสงครามทำตลาดหงอย แห่ซื้อสินค้าอาหาร-น้ำมันกักตุน "ภูมิซรอล" กลายเป็นหมู่บ้านร้าง ยูเอ็นปัดข้อเรียกร้อง "ฮุน เซน"ชี้ก่อสงครามปั่นกระแส ยูเนสโกเตรียมตรวจสอบเขาพระวิหาร...
    ผ่านมา 5 วันแล้วกับเหตุการณ์ปะทะกันของทหารไทยและทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องโดนเอาว์ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ โดยฝ่ายกัมพูชายิงจรวดและกระสุนปืนใหญ่เข้ามาตกในฝั่งไทยหลายสิบนัด ส่งผลให้มีราษฎรไทยเสียชีวิต 1 คน ทหารตาย 1 นาย และบาดเจ็บอีกหลายสิบนาย ชาวบ้านในพื้นที่ตามแนวชายแดนและพื้นที่ใกล้เคียงการสู้รบ ต้องอพยพหนีตายมาอาศัยอยู่ในศูนย์ผู้อพยพ ในตัวอำเภอกันทรลักษ์ นับหมื่นคน ขณะที่สมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เร่งโหมเกมระหว่างประเทศ ด้วยการส่งหนังสือร้องเรียนสหประชาชาติว่าถูกประเทศไทยรุกราน ขณะที่รัฐบาลไทยยังมีท่าทีนิ่งเฉยไม่ตอบโต้

    สำหรับบรรยากาศในตลาด อำเภอกันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ตั้งแต่เช้าตรู่วันที่ 8 ก.พ. มีประชาชนออกมาจับจ่ายซื้ออาหารกันอย่างบางตา แม้ว่าเหตุการณ์ปะทะ จะเริ่มน้อยลงบ้างแล้วก็ตาม แต่ชาวบ้านยังคงอยู่กันอย่างหวาดผวา ไม่มั่นใจต่อสถานการณ์การสู้รบที่อาจจะปะทุขึ้นมาอีก จากการสอบถามแม่ค้าขายผักในตลาด บอกว่าหลังจากเกิดเหตุปะทะ ทำให้ผู้คนไม่ค่อยออกมาซื้อหาสินค้า เพราะยังหวาดกลัวอยู่ แต่เข้าวันนี้ยังดีกว่าวันก่อนมาก ผู้คนเริ่มเข้ามาจับจ่ายหาซื้อสิ่งของจำพวกผักและเนื้อสัตว์ไปปรุงอาหาร คาดว่าหากไม่เกิดการปะทะกันอีก สถานการณ์น่าจะกลับมาเป็นปกติในไม่ช้า ขณะเดียวกันได้มีทหารจาก ร.16 ค่ายบดินทรเดชา ซึ่งประจำการอยู่เนินทางขึ้นเขาพระวิหาร ได้มาหาซื้อเสบียงอาหารรวมทั้งน้ำดื่มจำนวนมากใส่รถยีเอ็มซีนำกลับไปที่ฐาน คาดว่าจะสามารถใช้ปรุงอาหารได้นานเป็นสัปดาห์

    [​IMG]


    ขณะที่ประชาชนในพื้นที่อำเภอกันทรลักษ์และอำเภอใกล้เคียง ยังคงไม่มั่นใจในสถานการณ์ เพราะมีกระแสข่าวออกมาอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวันว่า จะมีการปะทะตามแนวชายแดนขึ้นอีก จึงแห่กันไปซื้ออาหารจำพวกข้าวสารอาหารแห้งน้ำดื่ม รวมทั้งยารักษาโรค และกักตุนน้ำมันเชื้อเพลิงกันเป็นจำนวนมาก จนทำให้บางร้านสินค้าไม่เพียงพอต่อความต้องการ ขณะที่เทศบาลกันทรลักษ์ นำรถติดเครื่องขยายเสียงประกาศเชิญชวนร้านค้าต่างๆ ช่วยกันบริจาคอาหาร สิ่งของ น้ำดื่ม นำไปสมทบช่วยเหลือชาวบ้านที่หนีภัยจากการปะทะมาพักอยู่ที่ศูนย์อพยพด้วย

    ส่วน ที่ว่าการอำเภอกันทรลักษ์ ตั้งแต่เช้าเป็นต้นมา หน่วยงานต่างๆรวมทั้งประชาชนได้นำสิ่งของ รวมทั้งเครื่องอุปโภคบริโภคจำนวนมากมาบริจาค โดยทางอำเภอได้ตั้งเต็นท์อำนวยความสะดวกเพื่อรับบริจาคสิ่งของอยู่บริเวณ ด้านหน้าที่ว่าการอำเภอ ขณะเดียวกันที่หอประชุมอำเภอ ได้มีหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ของโรงพยาบาลกันทรลักษ์ มาตรวจรักษาผู้ที่เจ็บป่วย พร้อมจัดจิตแพทย์มาให้คำปรึกษากับชาวบ้าน ที่เกิดความเครียดจากเหตุการณ์สู้รบที่เกิดขึ้นมีชาวบ้านจำนวนมากขอเข้ารับ คำปรึกษา ส่วนใหญ่เป็นห่วงเรื่องการดำรงชีวิต นอกจากนี้ยังมีการจัดการแสดงหมอลำ การเล่นเกมสนุกสนาน เพื่อผ่อนคลายความ เครียดให้กับชาวบ้านและเด็กๆอีกด้วย

    ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ บ้านภูมิซรอล หมู่ 13 ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ที่ได้รับความเสียหายจากการปะทะ พบว่าบ้านเกือบทุกหลังปิดเงียบ คล้ายเป็นหมู่บ้านร้าง สภาพบ้านเรือนหลายสิบหลังถูกแรงระเบิดจนพังยับทั้งหลัง บางหลังถูกไฟไหม้วอดจนดำเป็นตอตะโก บนถนนมีหลุมลึกจากอานุภาพของจรวดที่ทหารกัมพูชายิงเข้ามาตกใส่ในหมู่บ้าน จำนวนมาก เศษระเบิดกระจายเกลื่อนกลาดไปทั่วบริเวณ ขณะเดียวกันทางชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้านได้จัดชายฉกรรจ์พร้อมอาวุธปืนลูก ซองจำนวนหนึ่ง จัดเวรยามระแวดระวังพวกมิจฉาชีพที่อาจฉวยโอกาสเข้ามาขโมยของ พร้อมกับทำหน้าที่เป็นหูเป็นตาให้กับราชการ โดยจะแจ้งไปที่อำเภอทันที หากเกิดเหตุปะทะขึ้น

    วันเดียวกัน ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็นเอสซี ได้ลงความเห็นปฏิเสธข้อเรียกร้องของสมเด็จ ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ที่ต้องการให้ยูเอ็นจัดประชุมฉุกเฉินประเทศสมาชิกคณะมนตรีฯ 15 ชาติ และส่งกำลังทหารเข้ามารักษาความสงบในพื้นที่พิพาท โดยระบุว่าควรแก้ปัญหากันเองในระดับภูมิภาค นอกจากนี้ นายมาร์ตี้ นาตาเลกาวา รมว.ต่างประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งได้รับมอบหมายจากสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียน ให้เป็นผู้คลี่คลายวิกฤตการณ์ครั้งนี้ กล่าวที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ก่อนออกเดินทางมายังประเทศไทยว่า เพื่อบรรลุเป้าหมายการสร้างประชาคมอาเซียนภายในปี 2558 เสียงปืนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต้องยุติในทันที

    ด้านสำนัก ข่าวเอเอฟพี รายงานอ้างบทวิเคราะห์ ของกลุ่มผู้เชี่ยวชาญต่างชาติ ระบุว่าเหตุปะทะบริเวณพื้นที่พิพาทพรมแดนไทย-กัมพูชา สาเหตุอาจเกิดจากการโหมกระแสชาตินิยมและเรื่องการเมืองของทั้งสองฝ่าย โดยนายวิลเลียม เคส ผอ.ศูนย์วิจัยเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในฮ่องกง มองว่าสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรี กัมพูชา จงใจเดินเกมเพื่อปลุกกระแสรักชาติเรียกเสียงสนับสนุนให้ตนเอง ส่วนนายไมเคิล มอนเตซาโน นักวิเคราะห์จากสถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษาในสิงคโปร์ กล่าวในทำนองเดียวกันว่า ปัญหาเรื่องพรมแดนจะส่งผลดีทางการเมืองแก่ตัวสมเด็จฮุน เซน ทั้งนี้เพราะกัมพูชา จะจัดการเลือกตั้งในปี 2556

    เวลาต่อมา สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า นางอีรีนา โบโควา ผู้อำนวยการองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก ได้ออกแถลงการณ์ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ถึงกรณีที่ปราสาทพระวิหาร ได้รับความเสียหายจากการปะทะ โดยเรียกร้องให้รัฐบาลไทยและกัมพูชายุติความรุนแรงพร้อมใช้ความอดทนอดกลั้น เพราะมรดกโลกถือเป็นมรดกของมนุษยชาติ ดังนั้นทุกคนจึงมีหน้าที่ในการปกปักรักษามิให้พังทลาย ทั้งนี้ ทางยูเนสโกจะส่งตัวแทนเข้าไปตรวจสอบที่ปราสาทพระวิหารโดยเร็ว เพื่อดูว่าได้รับความเสียหายมากน้อยเพียงใด.



    ไทยรัฐออนไลน์


    • โดย ทีมข่าวหนังสือพิมพ์
    • 9 กุมภาพันธ์ 2554, 06:15 น.
    [​IMG]

    'ฮุนเซน'ไม่สำเร็จ ยูเอ็นปัด หย่าศึกไทย-เขมร - ข่าวไทยรัฐออนไลน์
     
  12. titawan

    titawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2008
    โพสต์:
    2,290
    ค่าพลัง:
    +5,139
    กฎบัตรอาเซียน กับ การระงับข้อพิพาทระหว่างประเทศ

    [​IMG]
    บันทึกอาเซียน : “กฎบัตรอาเซียน กับ การระงับข้อพิพาทระหว่างประเทศ”
    กรณี ข้อพิพาทบริเวณพรมแดนไทย-กัมพูชา ที่นำไปสู่การยิงตอบโต้กันระหว่างทหารของทั้งสองฝ่าย แม้ว่าจะเกิดจากการยิงก่อนของฝ่ายกัมพูชา ตามการแถลงของกองทัพไทย ขณะที่ฝ่ายกัมพูชามิได้ปฏิเสธเรื่องการเป็นผู้ยิงก่อนและกล่าวหาฝ่ายไทยว่า มีกิจกรรมการใช้เครื่องจักรกลสร้างถนนที่ล้ำเข้าเขตที่กัมพูชาอ้างว่าเป็น ดินแดนของตนก็ตาม ไม่ว่าการโต้แย้งนี้จะมีความจริงแค่ไหนอย่างไร ก็ต้องถือว่าเรื่องนี้เป็นข้อพิพาทระหว่างรัฐสมาชิกอาเซียนสองประเทศที่มี พรมแดนติดกันและมีข้อพิพาทเรื่องเขตแดนมานานนับแต่ครั้งประวัติศาสตร์โบราณ แล้ว

    มาถึงยุคที่ความร่วมมือระดับภูมิภาคได้รวม 10 ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เข้าด้วยกันเป็น “สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ | Association of Southeast Asian Nations” หรือ “อาเซียน | ASEAN” โดยราชอาณาจักรไทยเป็นผู้ริเริ่มก่อตั้งเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม ค.ศ.1967 ณ กรุงเทพมหานคร และช่วยชักนำราชอาณาจักรกัมพูชาเข้ามาเป็นสมาชิกประเทศล่าสุดของอาเซียน เมื่อวันที่ 30 เมษายน ค.ศ.1999 และแล้วทั้งสองประเทศก็เกิดการปะทะกันด้วยอาวุธสงครามครั้งล่าสุดเมื่อต้น เดือนกุมภาพันธ์ 2011

    ผู้นำรัฐสมาชิกอาเซียนลงนามในกฎบัตรอาเซียน เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน ค.ศ. 2007 ที่สาธารณรัฐสิงคโปร์ และหลังจากมีการให้สัตยาบันครบถ้วนจากทั้ง 10 รัฐสมาชิก อาเซียนจึงประกาศการมีผลบังคับใช้กฎบัตรอาเซียน เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม ค.ศ. 2008 ณ สำนักเลขาธิการอาเซียน กรุงจาการ์ตา

    ในอดีต ครั้งที่ยังไม่มีอาเซียน ประเทศต่าง ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีพรมแดนติดกัน ทั้งทางบกและทางทะเล มักจะมีข้อพิพาทกันอยู่เป็นประจำ ตามที่เป็นเรื่องปรกติของประเทศในโลกที่มีพรมแดนติดกัน เป็นปัญหาปรกติของภูมิรัฐศาสตร์กับความเป็นรัฐชาติ เช่น มาเลเซียกับอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์กับมาเลเซีย เวียดนามกับกัมพูชา และไทยกับกัมพูชา การเกิดของอาเซียนมีจุดมุ่งหมายจะสร้างสันติภาพและความสงบสุขให้บังเกิดใน ภูมิภาค เพื่อโอกาสในความร่วมมือทางเศรษฐกิจ พัฒนาประเทศและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้เจริญรุ่งเรื่องยั่งยืนต่อ ไป อาเซียนผ่านกาลเวลาไปถึง 4 ทศวรรษ โดยใช้แบบแผนความสัมพันธ์ระหว่างกันแบบถ้อยทีถ้อยอาศัยและพยายามปฏิบัติตาม ความตกลง ปฏิญญา คำแถลงร่วม หรือคำมั่นสัญญาที่ไม่มีการบังคับเข้มงวดชัดเจน จนกระทั่งทุกฝ่ายเห็นว่าถึงเวลาแล้วที่อาเซียนจะต้องมีกฎเกณฑ์ข้อบังคับเสมอ เหมือนรัฐธรรมนูญของประเทศ อาเซียนจึงร่างและประกาศใช้รัฐธรรมนูญของอาเซียนเอง เรียกว่า “ASEAN Charter” หรือ “กฎบัตรอาเซียน”

    องค์การสหประชาชาติ มี “กฎบัตรสหประชาชาติ | United Nations Charter”

    สหภาพยุโรป มี “ธรรมนูญสหภาพยุโรป | Constitution for the European Union”

    อาเซียน ก็มี “กฎบัตรอาเซียน | ASEAN Charter”

    ทำนองเดียวกันกับ ประเทศไทยและกัมพูชา มี “รัฐธรรมนูญ | Constitution”

    ดังนั้น รัฐสมาชิกอาเซียนทั้งสิบจึงต้องปฏิบัติตามกฎบัตรอาเซียนที่ได้ลงนามและให้ สัตยาบันกันเป็นทางการไว้แล้ว ในกรณีที่รัฐสมาชิกมีข้อพิพาทใด ๆ กฎบัตรอาเซียนมีบทบัญญัติเป็นกรอบการดำเนินการไว้ดังนี้ :
    (ต้นฉบับภาษาอังกฤษ)

    ASEAN CHARTER
    CHAPTER VIII
    SETTLEMENT OF DISPUTES
    ARTICLE 22
    GENERAL PRINCIPLES

    1. Member States shall endeavour to resolve peacefully all disputes in a timely manner through dialogue, consultation and negotiation.

    2. ASEAN shall maintain and establish dispute settlement mechanisms in all fields of ASEAN cooperation.

    ARTICLE 23
    GOOD OFFICES, CONCILIATION AND MEDIATION

    1. Member States which are parties to a dispute may at any time agree to resort to good offices, conciliation or mediation in order to resolve the dispute within an agreed time limit.

    2. Parties to the dispute may request the Chairman of ASEAN or the Secretary-General of ASEAN, acting in an ex-officio capacity, to provide good offices, conciliation or mediation.

    ARTICLE 24
    DISPUTE SETTLEMENT MECHANISMS IN SPECIFIC INSTRUMENTS

    1. Disputes relating to specific ASEAN instruments shall be settled through the mechanisms and procedures provided for in such instruments.

    2. Disputes which do not concern the interpretation or application of any ASEAN instrument shall be resolved peacefully in accordance with the Treaty of Amity and Cooperation in Southeast Asia and its rules of procedure.

    3. Where not otherwise specifically provided, disputes which concern the interpretation or application of ASEAN economic agreements shall be settled in accordance with the ASEAN Protocol on Enhanced Dispute Settlement Mechanism.

    ARTICLE 25
    ESTABLISHMENT OF DISPUTE SETTLEMENT MECHANISMS
    Where not otherwise specifically provided, appropriate dispute settlement mechanisms, including arbitration, shall be established for disputes which concern the interpretation or application of this Charter and other ASEAN instruments.

    ARTICLE 26
    UNRESOLVED DISPUTES
    When a dispute remains unresolved, after the application of the preceding provisions of this Chapter, this dispute shall be referred to the ASEAN Summit, for its decision.

    ARTICLE 27
    COMPLIANCE

    1. The Secretary-General of ASEAN, assisted by the ASEAN Secretariat or any other designated ASEAN body, shall monitor the compliance with the findings, recommendations or decisions resulting from an ASEAN dispute settlement mechanism, and submit a report to the ASEAN Summit.

    2. Any Member State affected by non-compliance with the findings, recommendations or decisions resulting from an ASEAN dispute settlement mechanism, may refer the matter to the ASEAN Summit for a decision.

    ARTICLE 28
    UNITED NATIONS CHARTER PROVISIONS AND
    OTHER RELEVANT INTERNATIONAL PROCEDURES

    Unless otherwise provided for in this Charter, Member States have the right of recourse to the modes of peaceful settlement contained in Article 33(1) of the Charter of the United Nations or any other international legal instruments to which the disputing Member States are parties.

    (บทแปล โดยกระทรวงการต่างประเทศ)
    กฎบัตรอาเซียน
    หมวด 8
    การระงับข้อพิพาท

    ข้อ 22

    หลักการทั่วไป
    1. รัฐสมาชิกต้องพยายามที่จะระงับข้อพิพาททั้งปวงอย่างสันติให้ทันท่วงที โดยผ่านการสนทนา การปรึกษาหารือ และการเจรจา
    2. ให้อาเซียนจัดตั้งและธำรงไว้ซึ่งกลไกการระงับข้อพิพาทในทุกสาขาความร่วมมือของอาเซียน

    ข้อ 23
    คนกลางที่น่าเชื่อถือ การประนีประนอม และการไกล่เกลี่ย

    1. รัฐสมาชิกที่เป็นคู่กรณีในข้อพิพาทอาจจะตกลงกันเมื่อใดก็ได้ที่จะใช้คนกลาง ที่น่าเชื่อถือ การประนีประนอม หรือการไกล่เกลี่ย เพื่อระงับข้อพิพาทภายในระยะเวลาที่ตกลงกัน
    2. คู่กรณีในข้อพิพาทอาจร้องขอให้ประธานอาเซียน หรือเลขาธิการอาเซียน ทำหน้าที่โดยตำแหน่งในการเป็นคนกลางที่มีตำแหน่งหน้าที่น่าเชื่อถือ การประนีประนอม หรือการไกล่เกลี่ย

    ข้อ 24
    กลไกระงับข้อพิพาทตามตราสารเฉพาะ
    1. ให้ระงับข้อพิพาทที่เกี่ยวข้องกับตราสารเฉพาะของอาเซียนโดยกลไกและขั้นตอนการดำเนินการที่กำหนดไว้ในตราสารนั้นๆ
    2. ให้ระงับข้อพิพาทที่ไม่เกี่ยวข้องกับการตีความหรือการใช้ตราสารอาเซียนใดๆ โดยสันติตามสนธิสัญญาทางไมตรีและความร่วมมือแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และ ตามกฎว่าด้วยขั้นตอนการดำเนินงานของสนธิสัญญาดังกล่าว
    3. ในกรณีที่มิกำหนดไว้เป็นอย่างอื่นเป็นการเฉพาะ ให้ระงับข้อพิพาทที่เกี่ยวข้องกับการตีความหรือการใช้ความตกลงทางเศรษฐกิจ ของอาเซียนตามพิธีสารว่าด้วยกลไกระงับข้อพิพาทของอาเซียน

    ข้อ 25
    การจัดตั้งกลไกระงับข้อพิพาท
    ในกรณีที่มิได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่นเป็นการเฉพาะ ให้มีการจัดตั้งกลไกระงับข้อพิพาทที่เหมาะสม รวมถึงอนุญาโตตุลาการ สำหรับข้อพิพาทที่เกี่ยวข้องกับการตีความหรือการใช้กฎบัตรนี้ และตราสารอาเซียนอื่นๆ

    ข้อ 26
    ข้อพิพาทที่มิอาจระงับได้
    ในกรณีที่ยังคงระงับข้อพิพาทมิได้ ภายหลังการใช้บทบัญญัติก่อนหน้านี้ในหมวดนี้แล้ว ให้เสนอข้อพิพาทนั้นไปยังที่ประชุมสุดยอดอาเซียน เพื่อตัดสิน

    ข้อ 27
    การปฏิบัติตาม

    1. เลขาธิการอาเซียนโดยการช่วยเหลือจากสำนักเลขาธิการอาเซียน หรือ องค์กรอาเซียนอื่นๆ ที่ได้รับแต่งตั้ง จะสอดส่องดูแลการปฏิบัติตามผลการวินิจฉัย ข้อเสนอแนะ หรือข้อตัดสินใจ ซึ่งเป็นผลจากกลไกระงับข้อพิพาทของอาเซียน และส่งรายงานไปยังที่ประชุมสุดยอดอาเซียน
    2. รัฐสมาชิกที่ได้รับผลกระทบจากการไม่ปฏิบัติตามผลการวินิจฉัย ข้อเสนอแนะ หรือข้อตัดสินใจ ซึ่งเป็นผลจากกลไกระงับข้อพิพาทของอาเซียน อาจส่งเรื่องไปยังที่ประชุมสุดยอดอาเซียนเพื่อตัดสิน

    ข้อ 28
    บทบัญญัติของกฎบัตรสหประชาชาติ
    และกระบวนการระหว่างประเทศอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
    หากมิได้ระบุไว้เป็นอย่างอื่นในกฎบัตรนี้ รัฐสมาชิกยังคงไว้ซึ่งสิทธิที่จะใช้วิธีการระงับข้อพิพาทอย่างสันติที่ระบุ ไว้ในข้อ 33(1) ของกฎบัตรสหประชาชาติ หรือตราสารทางกฎหมายระหว่างประเทศอื่นๆ ที่รัฐสมาชิกคู่พิพาทเป็นภาคี

    หากนำเอากฎบัตรอาเซียนมาใช้ในกรณีข้อขัดแย้ง ไทย-กัมพูชา สามารถอธิบายได้ดังนี้:
    1. ไทยกับกัมพูชาไม่ควรใช้กำลังในการจัดการหรือตกลงข้อพิพาท (ข้อ 22)
    2. ทั้งสองฝ่ายควรใช้การเจรจาแบบทวิภาคี หรือตัวต่อตัว เพื่อระงับข้อพิพาทก่อนอื่นใด (ข้อ 22)
    3. หากไม่สามารถตกลงระงับข้อพิพาทกันได้ ทั้งสองฝ่ายร่วมกันควรหารือกับอาเซียน ผ่านเลขาธิการอาเซียนและผ่านต่อไปยังประเทศที่เป็นประธานอาเซียนอยู่ในเวลา ที่มีข้อพิพาท (อินโดนีเซีย – 2011) (ข้อ 23, 24, 25, 26)
    4. หากตกลงกันได้ตามที่อาเซียนเป็นองค์กรกลางประสานการระงับข้อพิพาท ก็ให้ปฏิบัติตามนั้น หากมีการละเมิดความตกลงก็ให้ที่ประชุมสุดยอดอาเซียนเป็นที่ตัดสิน (ข้อ 27)
    5. กัมพูชามีสิทธิ์ที่จะข้ามกระบวนการเจรจาระดับทวิภาคี ไทย-กัมพูชา และระดับอาเซียน ไปสู่องค์การสหประชาชาติ ได้ดังที่ทำอยู่แล้ว (ข้อ 28) โดยใช้สิทธิ์การเป็นสมาชิองค์การสหประชาชาติ แต่การข้ามอาเซียนไปในเมื่อไม่พร้อมที่จะใช้กรอบทวิภาคีก็ทำให้อาเซียนไม่มี บทบาท และไม่มีความหมายสำคัญสำหรับการระงับข้อพิพาทในหมู่รัฐสมาชิก และเป็นการไม่ปฏิบัติตามขั้นตอน หรือตามที่ลำดับขั้นตอนไว้ในกฎบัตรอาเซียน (หมวด 8)
    6. สำหรับประเทศไทย ประกาศนโยบายยึดการเจรจากรอบทวิภาคีก่อนอื่นใด แต่ก็ต้องชี้แจงต่อองค์การสหประชาชาติ และอาเซียน เพื่อให้เข้าใจกระบวนการเจรจาของไทย ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอนของกฎบัตรอาเซียนโดยแท้

    ทั้งราชอาณาจักรไทย และ ราชอาณาจักรกัมพูชา ต่างก็เคารพและปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญของประเทศตน ทั้งสองก็ควรจะต้องปฏิบัติตามกฎบัตรอาเซียน ซึ่งถือเป็นธรรมนูญของอาเซียนที่ทั้งสองเป็นสมาชิกอยู่ด้วย ในกรณีนี้ประเทศไทยปฏิบัติตามกฎบัตรอาเซียนอย่างเคร่งครัด ถือเป็นแบบอย่างรัฐสมาชิกที่ดี น่าชื่นชมยกย่อง โดยเฉพาะในเมื่อไทยคือประเทศผู้ริเริ่มก่อตั้งอาเซียนและริเริ่มความคิดให้ มีกฎบัตรอาเซียนด้วย

    ปัญหาของอาเซียน ณ เวลานี้คือการขาดกลไกเช่นศาลรัฐธรรมนูญไทยที่จะมีหน้าที่ชี้ขาดเรื่องการ ละเมิดรัฐธรรมนูญในประเทศไทย กฎบัตรอาเซียนไม่มีกลไกตัดสินเอาผิดกับรัฐสมาชิกที่ไม่ปฏิบัติตามกฎบัตรอา เซียน มีแต่ข้อเสนอแนะและทางออกที่รัฐสมาชิกที่เคารพในปฏิญญากรุงเทพ ปี 1967 ควรจะปฏิบัติตามในฐานะสมาชิกที่ดีมีความรับผิดชอบและมีวัฒนธรรมแห่งการร่วม มือกันในภูมิภาคเท่านั้น รัฐสมาชิกใดไม่ปฏิบัติตามกฎบัตรอาเซียนอาจได้รับโทษทางสังคมเท่านั้นในกรณี ของกัมพูชา อย่างน้อยก็สร้างความไม่สบายใจขึ้นในหมู่ชาติสมาชิกอาเซียน และอาจสูญเสียความน่าเคารพเชื่อถือในหมู่รัฐสมาชิกอาเซียนไปส่วนหนึ่งแล้ว

    การกลับมาสู่โต๊ะเจรจาระดับทวิภาคี และการพึ่งการเป็นคนกลางของอาเซียนเท่านั้นที่จะเป็นทางออกที่ดีที่สุด

    ข้อมูลเพิ่มเติม
    กฎบัตรอาเซียน ภาษาต่างๆ
    ASEAN Charter - Thai / ภาษาไทย
    http://www.aseansec.org/AC-Thai.pdf
    ASEAN Charter - Cambodian / ภาษาขแมร์
    http://www.aseansec.org/AC-Cambodia.pdf
    ASEAN Charter, 11 languages
    ASEANWEB - Translations of the ASEAN Charter

    สมเกียรติ อ่อนวิมล

    [​IMG]

    Daily News Online > โทรโข่ง > หน้าคอลัมนิสต์ > กฎบัตรอาเซียน กับ การระงับข้อพิพาทระหว่างประเทศ
     
  13. titawan

    titawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2008
    โพสต์:
    2,290
    ค่าพลัง:
    +5,139
    สุเทพเผยทหารเขมรใช้เขาพระวิหารเป็นฐานยิงไทยจริง

    <style>p { margin: 0px; }</style> เมื่อเวลา 08.30 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ให้สัมภาษณ์กรณีครม.มีมติให้กระทรวงพาณิชย์จัดแสดงสินค้าไทย ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชาว่า งานดังกล่าวมีกำหนดการไว้อยู่ก่อนแล้ว ปีนี้เกิดมีเหตุกระทบกระทั่งกันผู้ที่จะนำสินค้าไปแสดงที่พนมเปญคงไม่ค่อย สบายใจ แต่สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้ออกมารับรองความปลอดภัยของผู้ที่จะไปจัดงานแสดงสินค้า โดยบอกว่าเรื่องการปะทะที่ชายแดนเป็นเรื่องหนึ่ง และความสัมพันธ์ทางการค้าก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

    ผู้สื่อข่าวถามว่า ไทยจะเล่นตามเกมของกัมพูชาอยู่อีกหรือไม่ เพราะทหารและคนของเราก็เสียชีวิต เรายังจะไปค้าขายกับเขาอีกหรือ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนคิดว่าเรื่องการปะทะที่บริเวณชายแดน น่าจะเป็นเรื่องที่ทั้งสองฝ่ายจะได้สติ และตระหนักว่าการใช้กำลังไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหา ความสัมพันธ์ที่จะอยู่ร่วมกันและเห็นแล้วว่าเมื่อมีการกระทบกระทั้งกันที่ ชายแดนก็เดือดร้อนกันทั้งสองฝ่าย จะไปพูดว่าเท่านั้นเท่านี้จะเป็นการยั่วยุว่าใครได้เปรียบเสียเปรียบ แต่ตนยืนยันได้ว่ากองทัพไทยได้ดูแลอธิปไตยของบ้านเมืองอย่างดี ไม่มีใครรุกรานเข้ามาได้แน่นอน แต่มันก็ต้องมีคนบาดเจ็บ ขณะเดียวกันประชาชนสองประเทศก็เคยค้าขายติดต่อกันมา การปะทะกันกระทบกระทั่งกันวันหนึ่งก็ต้องยุติลงได้ หากหยุดค้าขายคงกระทบถึงประชาชน ทันทีที่มีการสั่งปิดด่านประชาชนก็เดือดร้อน

    “เรามั่นใจในสิ่งที่รมว.กลาโหม ผบ.ทบ. นำมาเรียนในที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ ทำให้ไม่มีความวิตกกังวลในเรื่องนี้เลย แต่การสู้กันบนเวทีอาเซียน สหประชาชาติ ก็เป็นหน้าที่ของกต. ที่ต้องรวบรวมพยานหลักฐานไปแสดงให้เป็นที่ปรากฏแก่สายตาชาวโลก ซึ่งในกรณีนี้มีตั้งแต่บันทึกภาพของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งจะชี้แจงได้ว่า แท้ที่จริงแล้วไทยได้กระทำการในฐานะป้องกันตนเองเท่านั้น ไม่ได้รุกรานอย่างที่กัมพูชากล่าวหา” นายสุเทพ กล่าว

    เมื่อถามว่าองค์การยูเนสโก จะขอขึ้นไปดูที่เขาพระวิหารอย่างนี้เราจะดูแลอย่างไร เพราะมีการระบุว่าใช้พื้นที่ตรงนั้นเป็นฐานในการยิงลงมาจริงหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า มีรายงานอย่างนั้นจริงว่า ทหารกัมพูชาได้เข้าไปอาศัยอยู่ในพื้นที่ของปราสาทและยิงออกมา อย่างนี้ก็เป็นประเด็นที่เป็นปัญหา ว่าอย่างนี้จะเอาไปขึ้นทะเบียนมรดกโลกได้อย่างไร ส่วนที่ยูเนสโกจะขอขึ้นไปตรวจก็เป็นเรื่องที่ดี จะได้เห็นด้วยสายตาตัวเอง

    เมื่อถามว่า กรณีที่สำนักข่าวต่างประเทศเข้าไปตรวจสอบความเสียหาย แต่กลับไม่พบความเสียหายอย่างที่กัมพูชากล่าวอ้าง ตรงนี้จะกลายเป็นว่ากัมพูชาให้ข่าวเท็จกับชาวโลกหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่ไปกล่าวหาอย่างนั้นดีกว่า แต่เมื่อมีข้อกล่าวหามาเราก็พิสูจน์ด้วยความจริง ชี้แจงด้วยข้อเท็จจริง เพราะมีหลักฐานรูปภาพชัดเจน เราก็ไปแสดงว่าทั้งหมดเรื่องจริงเป็นอย่างไร ชาวโลกจะได้เข้าใจ กัมพูชาก็เป็นปกติ เมื่อเวลาต่อสู้เขาก็พยายามที่จะให้เขาได้เปรียบทั้งในเวทีโลก ข่าวสาร เขาสามารถกำกับทิศทางของข่าวได้ว่าจะให้ไปทางไหนฝ่ายเราเป็นประเทศเสรี ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติและข้อเท็จจริง แต่เป็นเรื่องที่ดีในความหลากหลายที่จะไปยืนยันกับชาวโลกได้

    เมื่อถามว่า การที่ยูเอ็นปัดไม่รับข้อร้องเรียนจากกัมพูชา เมื่อเป็นเช่นนี้ทางกัมพูชาจะดึงเรื่องไปถึงการประชุมที่ประเทศบาห์เรน เราจะมีแนวทางป้องกันอย่างไร นายสุเทพ กล่าวว่า เป็นหลักปกติอยู่แล้ว นายกษิต ภิรมย์ รมว.กต.ได้แจ้งที่ประชุมครม.ทราบว่า ในกรณีที่มีการปะทะกันจุดใดจุดหนึ่งที่ชายแดนมันไม่ใช่เรื่องที่จะต้องไปถึง สหประชาชาติ เพราะก่อนจะถึงสหประชาชาติก็ยังมีอาเซียน เพราะเราเป็นสมาชิกก็ควรพูดคุยกันก่อน ซึ่งก่อนจะถึงขั้นนั้นประเพณีปฏิบัติระหว่างประเทศคือ สองประเทศต้องพูดคุยกัน ซึ่งยังอยู่ในขั้นตอนที่สองประเทศสามารถคุยกันได้ อย่างไรก็ตาม กระทรวงการต่างประเทศได้จัดทีมไปเดินสายชี้แจงทุกเวที

    เมื่อถามว่า ทางกลาโหมอยากให้นายกฯทั้งสองประเทศพูดคุยกัน ขณะนี้นายกฯของไทยได้เริ่มอยากที่จะพูดคุยกับนายกฯกัมพูชาแล้วหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ยังครับ ต้องว่าไปตามขั้นตอนก่อน บางทีในขณะที่มีการตอบโต้ผ่านสื่อและในสายตาชาวโลก ถ้าฝ่ายเราแม้มีเจตนาดีรีบออกไปพูดคุยเขาก็จะบอกว่ายอมจำนนแล้ว ยิ่งหนักและจะแย่ลงไปอีก ตนพูดอย่างนี้สมเด็จฮุนเซ็นก็ได้ยินอยู่แล้ว ก็ต้องรู้ว่าเราไม่มีเจตนาให้เรื่องบานปลายและเราต้องการแก้ปัญหาตามข้อเท็จ จริง

    เมื่อถามว่า หมายความว่าถ้าผู้นำของประเทศใดเริ่มพูดคุยก่อน หมายความว่าประเทศนั้นยอมจำนนหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่ใช่ครับ ประเทศไทยไม่เอาเปรียบอย่างนั้น เพียงแต่เราต้องระมัดระวังอย่าให้เสียเกียรติภูมิ ศักดิ์ศรีของบ้านเมืองเรา แม้เราจะไม่ได้ตั้งใจทำอย่างนั้น แต่เวลาคนกล่าวอ้างเราต้องเสียเวลามาแก้ต่าง

    [​IMG]

    http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRJNU56SXlOREEyT1E9PQ==&sectionid
     
  14. titawan

    titawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2008
    โพสต์:
    2,290
    ค่าพลัง:
    +5,139
    ไทยเสริมรถถังอีก กษิตโวย 3ชาติดันหลังเขมร

    ไทยเสริมรถถังอีก กษิตโวย 3ชาติดันหลังเขมร


    [​IMG] เอพียันมีทหารบนพระวิหารฮุนเซนด่าแสบมาร์คเจ้า เล่ห์ควรถูกนำตัวไปขึ้นศาลโลก รมว.กลาโหม ควง ผบ.ทบ.ติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ก่อนร่วมพิธีพระราชทานเพลิงศพทหาร...

    แม้ว่าเหตุการณ์ ปะทะของทหารไทยกับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือและช่องโดนเอาว์ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ทำให้ทหารพลีชีพไป 2 นาย ชาวบ้านเสียชีวิต 1 ราย จะสงบลงชั่วคราว แต่สถานการณ์ยังคงไม่น่าไว้วางใจ ล่าสุดมีการส่งรถถังและทหารเข้าไปเสริมในพื้นที่ ขณะที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม พร้อม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. นำคณะลงพื้นที่ดูสถานการณ์และ ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลที่ปกป้องรักษาอธิปไตย

    ผู้สื่อข่าว รายงานเมื่อวันที่ 9 ก.พ. ถึงบรรยากาศที่ชายแดนด้านเขาพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ว่า เวลา 08.45 น. วันเดียวกัน มีการเสริมเขี้ยวเล็บกำลังรถถัง เอ็ม 60 เอ 3 และรถกู้ เอ็ม 88 จำนวน 25 คัน จากม.พัน. 5 รอ.และ ม.พัน. 20 รอ. จ.สระบุรี พร้อมปืนต่อสู้อากาศยาน 2 กระบอก และกำลังทหารจากกองกำลังสุรนารี นำโดย พล.ต.ชวลิต ชุนประสาน ผบ.กองกำลังสุรนารี จำนวน 450 นาย สนธิกำลังกับทหารพราน กรมทหารพรานที่ 23 และทหารจาก ร.16 ค่ายบดินทรเดชา จ.ยโสธร มุ่งหน้าขึ้นตรึงกำลังรายรอบเขาพระวิหาร หลังมีรายงานการปะทะกันเล็กน้อยช่วงกลางดึกคืนวันที่ 8 ก.พ. โดยมีสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศเฝ้ารอทำข่าวอย่างคับคั่ง
    [​IMG]

    ต่อมาเวลา 10.25 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม พล.อ.กิตติพงษ์ เกษโกวิท ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ เสธ.ทบ. พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 1 เดินทางไปที่กรมทหารพรานที่ 23 ค่ายพิทักษ์อุทุมพรเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ โดยมี พ.อ.ธนศักดิ์ มิตรภานนท์ ผบ.ทพ.23 รอต้อนรับ และเข้ารับฟังสรุปสถานการณ์การสู้รบบนเขาพระวิหาร ระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา ราว 1 ชั่วโมง จากนั้น พล.อ.ประวิตรให้โอวาทกำลังพลที่ถูกส่งเข้ามาเสริมกำลังว่า จากเหตุการณ์ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ในนามของรัฐบาลต้องขอขอบคุณกำลังพลทุกคนที่ได้ช่วยดูแลอธิปไตย ดูแลประชาชนตามแนวชายแดน ไม่ให้ได้รับความเสียหายและบาดเจ็บมากขึ้น รัฐบาลมีความหวังอย่างยิ่งว่า กำลังพลทุกคนจะต้องดูแลประเทศชาติได้อย่างเต็มความสามารถ เพราะจากที่ได้รับฟังการชี้แจงจาก ผบ.ทบ. แม่ทัพภาคที่ 2 และ ผบ.กองกำลังสุรนารี จะได้กลับไปเรียนนายกรัฐมนตรีให้รับทราบว่า ทุกคนมีความมุ่งมั่นในการดูแลประเทศชาติ ประชาชนตามแนวชายแดนด้วยชีวิต ส่วนรัฐบาลก็มีความมุ่งมั่นในการดูแลประเทศชาติ ประชาชน ให้เกิดความสงบเรียบร้อย มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ที่สำคัญรัฐบาลจะต้องยึดมั่นในกฎบัตรสหประชาชาติ ในเรื่องสนธิสัญญาที่ทำไว้กับต่างประเทศอย่างเคร่งครัด กองทัพของเราไม่เคยคิดไปรุกรานใคร แต่กองทัพของเราก็ต้องดูแลประเทศชาติให้เกิดความสงบให้ได้
    ภาย หลังการให้โอวาทเสร็จสิ้น พล.อ.ประวิตร เปิดเผยว่า เราไม่อยากให้เกิดการสู้รบ แต่เราต้องทำหน้าที่รักษาอธิปไตย เราไม่คิดจะรุกรานใคร และจะดูแลประชาชนให้เกิดความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินเรื่อง MOU และกฎบัตรสหประชาชาติไม่ต้องห่วง ส่วนเรื่องการเจรจาเป็นเรื่องของรัฐบาลกับกระทรวงการต่างประเทศ ทหารในพื้นที่ไม่มีปัญหาคุยกันแล้ว ต่อข้อถามที่ว่า ทั้งที่มีการเจรจาหยุดยิงกันแล้ว แต่กัมพูชายังยิงใส่ทหารไทย เกิดจากอะไร พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่ทราบ ต้องไปถามกัมพูชา เพราะกัมพูชายิงมา ทหารไทยก็ยิงป้องกันตัวเอง ต่อข้อถามที่ว่าจะเกิดสภาวะสงครามหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า เราไม่ให้เกิดสภาวะสงครามอยู่แล้ว ต่อข้อถามที่ว่า ถ้าสถานการณ์เป็นแบบนี้ แสดงให้เห็นว่าทหารไทยเป็นฝ่ายตั้งรับฝ่ายเดียว พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า อธิปไตยเราอยู่ตรงไหน จะให้ไปรุกรานใคร ขอยืนยันจะดูแลผืนแผ่นดินไทยทุกตารางนิ้วไม่ให้เสียดินแดนไป

    จาก นั้น พล.อ.ประวิตรได้ตรวจเยี่ยมกำลังพลของกองกำลังสุรนารี โดยเดินทักทายอย่างทั่วถึง พร้อมมอบเงินบำรุงขวัญกำลังใจ ขณะเดียวกันยังได้ไปให้กำลังใจ ทหารที่ได้รับบาดเจ็บ จากการสู้รบจำนวน 5 นาย และถูกส่งตัวมารักษาที่ รพ.กันทรลักษ์ แล้วสมัครใจขอกลับขึ้นไปประจำการบนเขาพระวิหารอีกครั้ง หนึ่งในจำนวนนั้น มี ร.ต.ธนพล สุขประเสริฐ ผบ.หมวดปืนเล็กที่ 1 ร้อย ร.2312 พัน ร.12 ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ ที่โดนสะเก็ดปืน ค.เข้าบริเวณลำคอ ใบหน้า นิ้วกลางขวาเป็นแผลเหวอะ กล่าวว่า วันเกิดเหตุวันที่ 6 ก.พ. ประจำการอยู่แนวหน้าบริเวณผามออีแดง มีการปะทะกันอย่างหนัก ตนถูกสะเก็ดปืน ค.ได้รับบาดเจ็บไม่มาก นอนพักอยู่โรงพยาบาล 2 วัน รู้สึกเป็นห่วงลูกน้อง จึงขออาสากลับไปสู้กับทหารกัมพูชาอีกครั้ง
    ภายหลัง ตรวจเยี่ยมกำลังพล พล.อ.ประวิตร และคณะเดินทางต่อไปยังวัดโนนไหล่ ตำบลเสียว อ.เบญจลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งตั้งศพ ส.อ.ธนากร พูนเพิ่ม ทหารที่เสียชีวิตจากการปะทะ พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมด้วยนายทหารชั้นผู้ใหญ่ ได้ร่วมรดน้ำศพ พร้อมกับมอบเงินช่วยเหลือให้กับครอบครัวทหารที่เสียชีวิตบรรยากาศเป็นไปด้วย ความเศร้าสลด มีเพื่อนทหารเข้าร่วมงานนับร้อยนายเข้าร่วมแสดงความไว้อาลัย

    หลัง จากทำพิธีรดน้ำศพเสร็จสิ้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวกับครอบครัว ส.อ.ธนากร ว่า ขอชื่นชม ผู้เสียชีวิตเป็นทหารที่กล้าหาญ เสียสละชีวิตเพื่อรักษาอธิปไตยของชาติ ขอขอบคุณและจะดูแลครอบครัวเป็นอย่างดี ขณะที่นายบัวลา พูนเพิ่ม บิดาของ ส.อ.ธนากร ได้ขอให้ย้ายลูกชายคนเล็กซึ่งเป็นทหารปืนใหญ่ ไปช่วยราชการที่ จ.นราธิวาส กลับมาที่ค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี เพราะจะได้ดูแลครอบครัว ซึ่ง ผบ.ทบ.ได้รับปากว่าจะดำเนินการให้

    ที่ รัฐสภา คณะกรรมาธิการการต่างประเทศ วุฒิสภา ได้จัดสัมมนาวิชาการเรื่อง "ประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน : เหตุการณ์ปกติ" โดยนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ได้กล่าวระหว่างเป็นวิทยากรตอนหนึ่งว่า วันที่ 14 ก.พ.นี้ จะเดินทางไปนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เพื่อรายงานสถานการณ์ข้อพิพาทระหว่างไทย-กัมพูชา ต่อคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติ พร้อมทั้งหารือกับนายฮอร์ นัม ฮง รมว.ต่างประเทศกัมพูชา โดยมีนายมาตี้ นาตาเลกาวา รมว.ต่างประเทศอินโดนีเซีย ในฐานะประธานอาเซียนร่วมด้วย โดยจะสนทนาเปิดอกกับนายฮอร์ นัม ฮง ว่าจะรักษาอาเซียนและความสัมพันธ์กันระหว่าง 2 ประเทศ หรือจะสู้รบฟาดฟันตลอดแนวชายแดนก็ได้ แต่ที่ผ่านมาพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า อย่ามาต่อกรกับไทย เพราะหากยังเกเรก็มีแต่เจ็บลูกเดียว ขอยืนยันว่าประเทศลาวและ เวียดนามไม่มีทางฮั้วกับกัมพูชาเพื่อสู้กับไทยแน่นอน เพราะทั้ง 2 ประเทศมีความสัมพันธ์อันดีในทุกเรื่องกับไทย นอกจากนี้ ยังจะทวงสัญญากับสหรัฐอเมริกา ในฐานะที่ เป็นพันธมิตรกัน และมีสัญญาระหว่างกันมากมายเพื่อช่วยแก้ปัญหาไทย-กัมพูชาด้วย
    นา ยกษิตกล่าวว่า ยืนยันว่าเราเป็นฝ่ายถูกกระทำ วันนี้มีเด็กเกเรอยู่ข้างบ้าน เราในฐานะผู้ใหญ่จะทำอย่างไร เรายังมีมิตรจิตมิตรใจต่อชาวกัมพูชาอยู่เช่นเดิม สาเหตุหลักที่สมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เปิดฉากปะทะกับไทย เพราะต้องการปราสาทพระวิหารและดินแดนโดยรอบ โดยต่างชาติเข้ามาบริหารมรดกโลก เพราะเขาคิดว่ารัฐสภาไทยช้า ทำเรื่องไม่เสร็จ และยังคิดว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ก็ฮั้วกับรัฐสภาไทย ทำให้เรื่องช้าไปอีก จึงเป็นวิธีที่ท่านผู้นำเปิดฉากเพื่อทำให้สถานการณ์ เละเทะ ให้เขาสูญเสียมากมาย เพราะเชื่อว่าจะมีพี่เลี้ยงเข้ามาช่วยเหลือ อาทิ รัสเซีย อินเดีย ฝรั่งเศส เรื่อง ดังกล่าวนี้ตนจะรายงานต่อคณะมนตรีความมั่นคง สหประชาชาติ ในวันที่ 14 ก.พ.นี้ด้วย

    นายกษิตกล่าวอีกว่า สำหรับอาวุธที่กัมพูชาใช้ สู้รบกับไทย มาจากสหรัฐฯ จีน รัสเซีย และบัลแกเรีย อาวุธของจีนได้รับมาฟรี ขณะที่บัลแกเรียซื้อมา ส่วนทางรัสเซียกำลังตรวจสอบ แต่ยอมรับความสัมพันธ์ไทยกับ รัสเซียไม่ราบรื่น เพราะเขาต้องการขายอาวุธให้ แต่ไทยไม่เคยซื้อ รัสเซียจึงไปเข้าทางกัมพูชาแทน ยอมรับว่าประเทศรัสเซียมีความเห็นแก่ตัวมาก เมื่อเขาขายอาวุธให้เราไม่ได้เขาก็ไม่ตอบสนอง คำว่าให้ทานไม่อยู่ในจิตใจ ทั้งที่เขาเป็นประเทศใหญ่แต่ไม่ยอมให้อะไรเลย

    ขณะที่นายคำนูญ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา สายพันธมิตรฯ ได้สอบถามว่า ทำไมการว่าจ้างนักวิชาการทำงานวิจัยเรื่องข้อพิพาทไทย-กัมพูชา ของกระทรวงการต่างประเทศ ถึงมีแนวทางขัดแย้งกับรัฐบาล รวมทั้งอยากให้ไทยประกาศว่าพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตรเป็นของไทย

    นา ยกษิตชี้แจงว่า มีการจ้างนักวิชาการ 2 กลุ่ม มูลค่า 10 ล้านบาท แต่เป็นเรื่องก่อนที่ตนจะมารับตำแหน่ง และไม่ทราบเรื่อง ทั้งนี้ ยอมรับว่างานในกระทรวงการต่างประเทศ เป็นแดนสนธยา รัฐมนตรีไม่ทราบเรื่อง เพราะไม่บอกตน เวลามอบนโยบายพวกเขาก็ยอมรับ แต่เมื่อไปอยู่ข้างนอกเขาพูดอีกอย่าง เพราะกระทรวงแห่งนี้ยังมีการครอบงำจากอดีตข้าราชการประจำ อดีตนักการเมือง ผู้มีอิทธิพลในกระทรวง นำเรื่องไปบอกผู้ใหญ่ในบ้านเมือง ให้เกิดความสับสน พร้อมทั้งให้เรากระทืบกัมพูชา หากเป็นเช่นนั้นเราจะอยู่กันได้อย่างไร ส่วนเรื่องพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรนั้น ตนสามารถประกาศได้ว่าเป็นพื้นที่ของไทย แต่เราไม่ทำ เพราะเกรงว่าต่อไปจะเจอคำถามที่ 2 ให้ตนและ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม นำทหาร รถถัง ขึ้นไปรับรอง จะทำให้ทั้ง 2 ประเทศรบกันอีก การชี้แจงต่อสหประชาชาติจะลำบากหรือไม่ หรือ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ อาจจะยกทัพไปที่นั่น
    ส่วนสำนักข่าว เอพีรายงานว่า จากกรณีกระทรวงการต่างประเทศของกัมพูชา ออกชี้แจงเมื่อวันที่ 8 ก.พ. ว่า บนปราสาทพระวิหารไม่มีทหารกัมพูชาประจำการอยู่แม้แต่นายเดียว มีเพียงตำรวจคอยดูแลรักษาความปลอดภัยนั้น ผู้สื่อข่าวเอพีที่เข้าไปตรวจสอบกลับพบว่า มีทหารกัมพูชาประจำการอยู่ภายในปราสาทพระวิหารและบริเวณรอบๆจำนวนหลายร้อย นาย ขณะที่อาวุธก็ประกอบไปด้วยปืนประจำกายอาก้า จรวดอาร์พีจี รวมถึงปืนครกขนาด 81 มม. ที่ตั้งศูนย์เล็งไปยังฝั่งประเทศไทย โดยทหารหลายนายเผยว่า พวกตนได้รับคำสั่งให้มาป้องกันเขาพระวิหาร แต่ถ้าการสู้รบจบสิ้นก็จะเคลื่อนกำลังออกไป

    ขณะ เดียวกัน นักวิชาการประจำสถาบันเขมร เพื่อประชาธิปไตยในกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา เปิดเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์ ว่า โดยปกติแล้วชาวกัมพูชาส่วนใหญ่ จะแสดงความไม่พอใจต่อประเทศเพื่อนบ้านอย่างรุนแรง เวลาเกิดปัญหาพื้นที่พิพาทพรมแดน แต่ครั้งนี้กลับแตกต่างออกไป โดยรัฐบาลกัมพูชามีการระมัดระวังเป็นพิเศษ ไม่ให้เกิดกระแสโกรธแค้น สาเหตุอาจมาจากรัฐบาลกัมพูชา ไม่ต้องการให้เหตุการณ์บานปลายเหมือนเมื่อปี 2546 ที่สถานทูตไทยประจำกรุงพนมเปญถูกกลุ่มชาวบ้านบุกเผาทำลาย และในช่วงนี้รัฐบาลกัมพูชาอยู่ระหว่างการขอร้องให้สหประชาชาติเข้ามาช่วย คลี่คลายสถานการณ์ อีกทั้งไม่อยากให้พรรคฝ่ายค้านนำไปใช้เป็นประเด็นโจมตีว่า รัฐบาลไม่สามารถแก้ปัญหาพื้นที่ทับซ้อนบริเวณพรมแดนทั้งฝั่งตะวันตกติดกับ ประเทศไทย และฝั่งตะวันออกติดกับประเทศเวียดนาม เห็นได้จากเมื่อวันที่ 7 ก.พ. เจ้าหน้าที่ตำรวจในกรุงพนมเปญเข้าขัดขวางไม่ให้ชาวบ้านมารวมตัวประท้วง บริเวณหน้าสถานทูตไทย.




    ไทยรัฐออนไลน์


    • โดย ทีมข่าวหนังสือพิมพ์
    • 10 กุมภาพันธ์ 2554, 06:15 น.
    [​IMG]

    ไทยเสริมรถถังอีก กษิตโวย 3ชาติดันหลังเขมร - ข่าวไทยรัฐออนไลน์
     
  15. titawan

    titawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2008
    โพสต์:
    2,290
    ค่าพลัง:
    +5,139
    กษิตปากดี ด่ารัสเซีย-จีน-อินเดีย

    [FONT=Tahoma,]กษิตปากดี ด่ารัสเซีย-จีน-อินเดีย

    จวกแหลกหนุนหลังเขมรรบ "มาร์ค"โวยใช้ปราสาทตั้งฐาน กัมพูชาซัด-ไทยยิงพระวิหาร



    <table align="left" border="0" cellpadding="1" cellspacing="5" width="20%"><tbody><tr bgcolor="#400040"><td>[​IMG]
    รถถัง - ทหาร จากกรมทหารม้าที่ 4 รักษาพระองค์ เคลื่อนย้ายรถถังไปประจำการที่ค่ายตชด. บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ที่ยังคุกรุ่น เมื่อวันที่ 9 ก.พ.

    </td></tr></tbody></table>ตร.ขีด เส้นพันธมิตรวันนี้ต้องเปิดถนน ลั่นใช้มาตรการตามกฎหมายจัดการ ผบ.ตร.ระดม 50 กองร้อยกด ดันแทนสลายม็อบ "มาร์ค" เผยเบื้องหลังต่อสายบัน คีมูนระบุเลขาฯ ยูเอ็นเข้าใจไทย ไม่เข้ามาแทรกแซง ปล่อยไทย-เขมรเจรจากันเอง พร้อมกับเรียกร้องให้ยูเอ็นสั่งยูเนสโกชะลอเรื่องมรดกโลกไว้ก่อน ติงสถานการณ์ยังไม่เหมาะที่ยูเนสโกจะเข้ามาดูปราสาทพระวิหาร และยังไม่ถึงเวลาคุย "ฮุนเซน" ด้วยตัวเอง ได้ทีฟ้องโลกแฉเขมรใช้ตัวปราสาทเป็นที่ตั้งฐานทหารและอาวุธ ถือว่าผิดกฎระหว่างประเทศ "กษิต" ปากดีอีกซัดรัสเซีย จีน อินเดียอยู่ข้างเขมร คุยมีสหรัฐเป็นเพื่อน ขณะที่หมีขาวคบไม่ได้

    "เทือก"จากเบาไปหาหนัก

    เมื่อ วันที่ 9 ก.พ.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ให้สัมภาษณ์ว่า หลังจากครม.มีมติให้ประกาศใช้พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณา จักร หมวด 2 เพื่อประกาศพื้นที่ควบคุมและตั้งพล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. เป็นผอ.ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย(ศอ.รส.) พร้อมจัดทำแผนและข้อกำหนดต่างๆเพื่อใช้ปฏิบัติงาน ตนกำชับศอ.รส.ชี้แจงประชาชนทราบในทุกขั้นตอนปฏิบัติงาน

    ผู้สื่อข่าว ถามว่ามีข่าวจะเจรจากับผู้ชุมนุมให้ออกจากพื้นที่บางส่วนเพื่อเปิดการจราจร มั่นใจว่าจะเจรจาสำเร็จหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า จะมั่นใจหรือไม่ต้องพยายามเต็มที่ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนประชาชน โดยจะเริ่มปฏิบัติตามมาตรการจากเบาไปหาหนัก เมื่อถามว่าแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ระบุจะยื่นร้องต่อศาลปกครองว่ารัฐบาลประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงไม่ชอบด้วย กฎหมาย นายสุเทพ กล่าวว่า เมื่อฟ้องร้อง รัฐบาลยินดีพิสูจน์ข้อเท็จจริงที่ศาล เมื่อถามว่าจะพิจารณาถอนประกันแกนนำกลุ่มพันธมิตรที่ถูกตั้งข้อหาก่อการร้าย หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ผบ.ตร.จะพิจารณา และตนยังไม่ได้พูดคุยกับผบ.ตร. งานนี้ตำรวจทำงานเต็มที่ 100% ถ้า 50 กองร้อยไม่เพียงพอก็เอากำลังมาเพิ่ม

    เมื่อถามว่ามั่นใจว่าในการ ประชุมสภาเพื่อโหวตลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ วาระ 3 วันที่ 11 ก.พ.นี้ จะไม่มีปัญหากลุ่มผู้ชุมนุมไปปิดล้อมสภา นายสุเทพ กล่าวว่า ผบ.ตร.ยืนยันกับรัฐบาลว่าจะดูแลทำเนียบรัฐบาล รัฐสภา และกระทรวงต่างๆ รวมถึงกระทรวงกลาโหม ไม่ให้ผู้ชุมนุมกลุ่มใดบุกรุกเข้าไป ซึ่งเจ้าหน้าที่ดำเนินการตามการข่าวเพื่อป้องกัน และเชื่อว่ามาตรการที่ตำรวจดำเนินการจะทำให้ส.ส. และ ส.ว.เข้าไปทำหน้าที่ได้

    เจอเอสเอ็มเอสด่าหยาบๆ

    ต่อ ข้อถามว่ามีรายงานการข่าวลอบสังหาร นายกฯหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่มี คนคิดเพ้อเจ้อมีอยู่ตลอดเวลา แต่เราดูแลป้องกันอย่างรัดกุม อย่างไรก็ตาม ช่วงนี้ตนได้รับเอสเอ็มเอสต่อว่าจำนวนมาก แต่เปิดเผยไม่ได้ เพราะส่วนใหญ่หยาบคายมาก

    ผู้สื่อข่าวถามว่ากลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วน จะแบ่งกำลังไปอ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จะมีปัญหาหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ไม่กังวล เพราะพื้นที่จ.ศรีสะเกษประกาศใช้กฎอัยการศึกอยู่แล้ว จะไปทำอะไรวุ่นวายไม่ได้ เจ้าหน้าที่คงไม่ยอม และประชาชนที่อยู่ตามแนวชายแดนก็ไม่ชอบใจเรื่องนี้อยู่แล้ว

    "เรามั่น ใจในสิ่งที่รมว.กลาโหม ผบ.ทบ. ชี้แจงทำให้ที่ประชุมไม่กังวลในเรื่องนี้ แต่การสู้กันบนเวที ทั้งเวทีอาเซียน สหประชาชาติ เป็นหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศ ต้องรวบรวมพยานหลักฐานไปแสดงให้ปรากฏแก่สายตาชาวโลก กรณีนี้มีตั้งแต่บันทึกภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งจะชี้แจงได้ว่าประเทศไทยกระทำการในฐานะป้องกันตนเองเท่านั้น ไม่ได้รุกรานอย่างที่กัมพูชากล่าวหา" นายสุเทพ กล่าว

    ยูเนสโกตรวจเขาวิหารยิ่งดี

    เมื่อ ถามว่าองค์การยูเนสโกจะขอไปตรวจสอบสภาพเขาพระวิหาร จะดำเนินการอย่างไรเพราะฝ่ายไทยระบุว่ากัมพูชาใช้พื้นที่ตรงนั้นเป็นฐานยิง นายสุเทพ กล่าวว่า มีรายงานอย่างนั้นจริงว่าทหารกัมพูชาเข้าไปอาศัยอยู่ในพื้นที่ปราสาทและยิง ออกมา เป็นประเด็นที่เป็นปัญหาว่าจะเอาไปขึ้นทะเบียนมรดกโลกได้อย่างไร ส่วนที่ยูเนสโกจะขอขึ้นไปตรวจเป็นเรื่องที่ดี จะได้เห็นด้วยสายตาตัวเอง

    เมื่อ ถามว่าสำนักข่าวต่างประเทศเข้าไปตรวจสอบความเสียหาย แต่ไม่พบความเสียหายอย่างที่กัมพูชาอ้าง นายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่กล่าวหาอย่างนั้นดีกว่า แต่เมื่อมีข้อกล่าวหามาเราก็พิสูจน์ด้วยความจริง ชี้แจงด้วยข้อเท็จจริง เพราะมีหลักฐานรูปภาพชัดเจน ชาวโลกจะได้เข้าใจ กัมพูชาก็เป็นปกติ เมื่อเวลาต่อสู้ก็พยายามทำให้ได้เปรียบทั้งในเวทีโลก ข่าวสาร เขากำกับทิศทางของข่าวได้ว่าจะไปทางไหน ฝ่ายเราเป็นประเทศเสรี ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติและข้อเท็จจริง แต่เป็นเรื่องที่ดีในความหลากหลายที่จะไปยืนยันกับชาวโลกได้

    เมื่อ ถามว่าการที่ยูเอ็นปัดไม่รับข้อร้องเรียนจากกัมพูชา ทางกัมพูชาจะดึงเรื่องไปถึงการประชุมมรดกโลกที่ประเทศบาห์เรน เราจะมีแนวทางป้องกันอย่างไร นายสุเทพ กล่าวว่า เป็นหลักปกติอยู่แล้ว นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ แจ้งครม.ว่า กรณีที่มีการปะทะกันจุดใดจุดหนึ่งที่ชายแดนไม่ใช่เรื่องที่ต้องถึงสหประชา ชาติ เพราะยังมีอาเซียน ควรพูดคุยกันก่อน ซึ่งก่อนถึงขั้นนั้นประเพณีปฏิบัติระหว่างประเทศคือสองประเทศต้องพูดคุยกัน ยังอยู่ในขั้นตอนที่สองประเทศคุยกันได้ และกระทรวงการต่างประเทศได้จัดทีมเดินสายชี้แจงทุกเวที รวมทั้งมิตรประเทศที่เราคบค้าสมาคมด้วย

    มาร์คยังไม่คุยฮุนเซน

    เมื่อ ถามว่าทางกลาโหมอยากให้นายกฯ ทั้งสองประเทศคุยกัน นายกฯของไทยอยากพูดคุยกับนายกฯ กัมพูชาหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ยัง ต้องว่าตามขั้นตอนก่อน ขณะที่มีการตอบโต้ผ่านสื่อและในสายตาชาวโลก ถ้าฝ่ายเราแม้มีเจตนาดีรีบพูดคุยเขาก็จะบอกว่ายอมจำนนแล้ว ยิ่งหนักและแย่ลงไปอีก ตนพูดอย่างนี้สมเด็จฮุนเซนก็ได้ยินอยู่แล้ว ต้องรู้ว่าเราไม่มีเจตนาให้เรื่องบานปลายและต้องการแก้ปัญหาตามข้อเท็จจริง

    เมื่อ ถามว่าหมายความว่าถ้าผู้นำประเทศใดเริ่มพูดคุยก่อน ประเทศนั้นยอมจำนน นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่ใช่ ประเทศไทยไม่เอาเปรียบอย่างนั้น แต่ต้องระวังอย่าให้เสียเกียรติภูมิ ศักดิ์ศรี แม้จะไม่ได้ตั้งใจทำอย่างนั้น แต่เวลาคนกล่าวอ้างเราต้องเสียเวลามาแก้ต่าง

    ต่อ ข้อถามว่านอกจากอ.กันทรลักษ์ ฝ่ายความมั่นคงรายงานจุดอื่นที่มีความเสี่ยงหรือไม่ นาย สุเทพ กล่าวว่า ยังไม่มีจุดอื่น เราพยายามให้พื้นที่กระทบกระทั่งจำกัดจำนวนที่สุด เมื่อถามว่าที่ อ.น้ำยืน และกิ่งอ.น้ำขุ่น จ.อุบลราชธานี ได้รับผลกระทบด้วย นายสุเทพ กล่าวว่า ดูแลทุกแห่ง แม้ประชาชนไม่ได้อยู่ที่อ.กันทรลักษ์ แต่เมื่อข่าวสงครามใกล้เข้ามาอย่างนี้ต้องตกใจ บางแห่งอพยพออกมาเพื่อให้สบายใจจนกว่าเหตุการณ์ จะสงบ

    เมื่อถาม ว่าขณะนี้สถานการณ์ยังบอกไม่ได้ว่าบริเวณชายแดนจะมีการตอบโต้กันหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า นั่นเป็นส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนหนึ่งชาวบ้านยังไม่สบายใจที่จะกลับในช่วงนี้ เพราะเหตุการณ์ยังใหม่อยู่และที่มาคงไม่ใช่เพราะมีของแจก เขาเดือดร้อนและน่าเห็นใจกันจริง เมื่อถามว่า ทำไมคนมามากผิดปกติ นาย สุเทพ กล่าวว่า ประชาชนที่นั่นเยอะ

    ประวิตรนำบิ๊กทหารลงพื้นที่

    ที่ กองการบิน ขส.ทบ. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม พล.อ.กิตติพงษ์ เกษโกวิท ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ เสธ.ทบ. พร้อมด้วยนายทหารชั้นผู้ใหญ่ เดินทางไปฟังบรรยายสรุปและติดตามสถานการณ์ชาย แดนไทย-กัมพูชา ที่กองกำลังสุรนารี จ.สุรินทร์ จากนั้นไปรดน้ำศพส.อ.ธนากร พูลเพิ่ม ที่เสียชีวิต และเยี่ยมทหารที่ได้รับบาดเจ็บจากการปะทะกับกัมพูชา ที่จ.อุบลราชธานี ก่อนร่วมพิธีพระราชทานเพลิงศพ ร.อ.วุธชรินทร์ ชาติคำดี หัวหน้าชุดกองร้อยทหารราบที่ 1623

    พ.อ.หญิงศิริจันร์ งาทอง รองโฆษกทบ. เปิดเผยว่า กองทัพบกปูนบำเหน็จพิเศษ 9 ขั้นแก่ ส.อ.ธนากร พูลเพิ่ม รองผบ.ชุดปฏิบัติการ กองร้อยทหารพรานที่ 2306 กรมทหารพรานที่ 23 ซึ่งเสียชีวิตระหว่างปฏิบัติหน้าที่ที่ชายแดนไทย-กัมพูชา จากสิบเอก เป็นพันตรี

    พ.อ.หญิงศิริจันทร์ กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม พร้อมด้วยพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เป็นประธานร่วมพิธีรดน้ำศพพ.ต.ธนากร ที่วัดโนนไหล่ อ.เบญจลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ทบ.จัดการศพให้อย่างสมเกียรติ พร้อมดูแลสิทธิด้านกำลังพล มอบเงินช่วยเหลือตามสิทธิทางราชการ

    "กษิต"ฟุ้งสัมพันธ์ไทย-เพื่อนบ้าน

    ที่ รัฐสภา นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ กล่าวในการสัมมนาของกรรมาธิการการต่างประเทศ วุฒิสภา เรื่อง "ประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน เหตุการณ์ปกติ" ตอนหนึ่งว่า ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน ประกอบด้วยลาว เวียดนาม และมาเลเซีย ถือว่ามีเสถียรภาพอย่างยิ่ง อยู่ในระดับเอ แต่สำหรับกัมพูชา เรามีปัญหาความสัมพันธ์กับกัมพูชา เพราะเขาเอาเรื่องประวัติศาสตร์มาเร้าอารมณ์ สอนให้คนกัมพูชารู้สึกว่า 600-700 ปีที่ผ่านมาเราทุบศีรษะเขาตลอด ไล่ตั้งแต่สมเด็จนโรดมสีหนุ ที่ต้องการเสถียรภาพ จึงเร้าอารมณ์นำเรื่องปราสาทพระวิหารขึ้นศาลโลก เอาไทยไปเป็นกระสอบทราย ถือเป็นบทเรียนของเรา แต่ปัญหาไม่จบสิ้นเมื่อศาลโลกพูดถึงเรื่องตัวปราสาท แต่ไม่ได้พูดถึงเรื่องดินแดน ทำให้กัมพูชาใช้ไทยเป็นเครื่องมือภายในของกัมพูชา

    จุดไฟอีกด่ารัสเซีย-อินเดีย-จีน

    นา ยกษิต กล่าวว่า จนมาถึงสมเด็จฮุนเซน เป็นนายกฯกัมพูชาในปัจจุบัน แนวทางการทูตของกัมพูชาต่อเราก็เป็นการทูตแบบจุดประสงค์เดียว คือต้องการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก และต้องการพื้นที่โดยรอบ 4.6 ตร.ก.ม. ดังนั้น วิธีที่ทำให้ได้ดังใจมากที่สุดคือเปิดแนวรบให้รุนแรงสาหัส อย่างวันที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมา ที่เขาทำสำเร็จ อาจมีประเทศอื่นสนับ สนุน เช่น รัสเซีย อินเดีย จีน แล้วจึงฟ้องสู่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ วันที่ 14 ก.พ.นี้ ตนจะไปชี้แจงต่อคณะมนตรีความมั่นคงถึงกรอบดังกล่าว ขณะที่ฝ่ายกัมพูชามีนายฮอร์ นัมฮง รมว.ต่างประเทศของกัมพูชา และมีรมต.ต่างประเทศของอินโดนีเซียในฐานะประธานอาเซียนไปร่วมชี้แจงด้วย ทั้งนี้ ตนได้คุยกับนายฮอร์ นัมฮง แบบเปิดอกว่าจะรักษาอาเซียนและความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศ หรือสู้รบฟาดฟันตลอดแนวชายแดนก็ได้ แต่ที่ผ่านมาพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าอย่ามาต่อกรกับไทย เพราะหากยังเกเร มีแต่เจ็บลูกเดียว ยืนยันว่าลาวและเวียดนามไม่มีทางฮั้วกับกัมพูชาเพื่อสู้กับไทยแน่นอน เพราะทั้ง 2 ประเทศมีความสัมพันธ์อันดีในทุกเรื่องกับไทย

    "เราพร้อม ชี้แจงทุกเวทีไม่ว่าเจนีวา นิวยอร์ก หรือกรอบอาเซียน อย่าลืมว่าเรายังมีสหรัฐอเม ริกาเป็นพันธมิตร แม้เขาจะแสดงให้เห็นภาพว่าเป็นผู้ถูกกระทำ ขอความเห็นอกเห็นใจว่าเขาผ่านการสู้รบมาตลอดเพื่อให้ได้สิทธิเสรีภาพ แต่ความเห็นใจเหล่านี้ไม่อนุญาตให้สมเด็จฮุนเซน เป็นเด็กเกเรกับประเทศไทย ต้องชี้แจงว่าตอนนี้มีเด็กเกเรตอแยอยู่ข้างบ้าน แต่เราเป็นผู้ใหญ่ที่มีมิตรกับชาวกัมพูชาที่ยากจนทุกคน ทางรถไฟจากสระแก้วไปพนมเปญ ก็ยังจะดำเนินการต่อ จะทำให้ได้ประโยชน์ร่วมกันมาก และความจริง ใจอีกอย่างคือคนกัมพูชาเดินทางเข้าประเทศไทยได้โดยไม่ต้องใช้วีซ่า การประชุมเจซีบีปลายเดือนนี้ยังมีอยู่ เราต้องชี้แจงกับสหประชาชาติว่าเราพร้อมให้เงิน ให้ความหวังดี แม้จะมีเด็กเกเรอยู่ข้างบ้าน ต่อไปกัมพูชาต้องคุยกับรัฐบาลพลเรือน ไม่ใช่ใช้แนวทางเดิมที่ไปคุยกับผู้นำทางทหารแล้วหวังว่ากลาโหมจะมาบีบนายก ษิต นายพลทหารก็บอกว่ารู้จักสนิทสนม ก็ที่รู้จักก็เพราะประโยชน์ของท่านเอง ไม่ใช่ประโยชน์ของประเทศชาติ แต่เขาไม่รู้แล้วว่าตอนนี้กระทรวงกลาโหมกับต่างประเทศมีความเข้าใจซึ่งกัน และกัน" นายกษิตกล่าว <table align="right" border="0" cellpadding="1" cellspacing="5" width="20%"><tbody><tr bgcolor="#400040"><td>[​IMG]
    ถูกยิง -ทหาร กัมพูชาถ่ายภาพความเสียหายของปราสาทพระวิหาร โดยอ้างว่าถูกทหารไทยยิงถล่ม ขณะเดียวกันฝ่ายไทยก็อ้างว่ากัมพูชาจงใจใช้ปราสาทพระวิหารเป็นฐานที่มั่นสู้ กับไทย

    </td></tr></tbody></table>

    จากนั้นนายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา สอบถามนายกษิตว่า ได้พิจารณาถึงความสัมพันธ์กับประเทศมหาอำนาจอื่นๆ หรือไม่ นายกษิต กล่าวว่า กำลังให้ตรวจสอบข้อมูลอยู่ว่าอาวุธทางทหารของกัมพูชา โดยเฉพาะเครื่องยิงจรวดบี 51 ที่ทราบว่ากัมพูชาได้จากสหรัฐ จีน และบัลแกเรียนั้นได้มาอย่างไร

    เชิดชูอเมริกาด่าหมีขาว

    นา ยกษิต กล่าวว่า สำหรับรัสเซียเป็นประเทศที่เล่นการทูตกับไทยเพื่อหวังค้าอาวุธ แต่ไม่สำเร็จ จึงไม่พอใจ ทั้งที่รัสเซียได้เงินจากการค้าน้ำมันจำนวนมาก กลับจ่ายค่าข้าวเราเป็นอาวุธ แสดงให้เห็นว่ารัสเซียมีนโยบายทางการทูตที่เห็นแก่ตัว ส่วนเรื่องวิกเตอร์ บูท จะเกี่ยว ข้องหรือไม่นั้นไม่ทราบ แต่ขอให้คิดง่ายๆ ว่าหากส่งตัวให้รัสเซีย เราจะต้องเจอแรงกดดันจากสหรัฐทุกเวที ขณะที่รัสเซียไม่เคยให้ความช่วยเหลือเรา

    นายกษิต กล่าวอีกว่า ตนเพิ่งทราบว่ากระ ทรวงการต่างประเทศต้องจ่ายเงินให้นักวิชาการ 2 กลุ่ม เป็นเงินกว่า 10 ล้านบาทเพื่อศึกษาเรื่องพื้นที่ทับซ้อนบริเวณปราสาทพระวิหาร ยอมรับว่าในกระทรวงการต่างประเทศยังมีอะไรที่เป็นแดนสนธยาอยู่ มีข้าราชการ นักการเมืองหลายคนเดินสายไปพบผู้ใหญ่เพื่อกดดันตน และไม่คิดว่าจะอยู่ได้นานถึง 2 ปี การที่ตนเข้ามาโดยไม่ได้ตั้งใจ ทำให้เกิดผลกระทบกับคนในกระทรวงเยอะ ทั้งที่ตนไม่คิดจะมา อยู่บนเวทีพันธมิตรก็สนุกสนานดีอยู่แล้ว

    ตร.ออกระเบียบคุมม็อบ

    ที่ รัฐสภา คณะกรรมการร่วมเพื่อการเสริมสร้างความร่วมมือที่ดีระหว่างประชาชน กัมพูชา-ไทย นำโดยมหาเถระ ยัวส ฮุท เขมมะจาโร นายโสทา โรส กรรมการฝ่ายกัมพูชา และนาง ชลิดา ทาเจริญศักดิ์ กรรมการฝ่ายไทย พร้อมชาวบ้านจากหมู่บ้านภูมิซรอล อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะ เกษ เข้ายื่นหนังสือกับนายต่อพงษ์ ไชยสาส์น ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย ประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร เพื่อเรียกร้องให้ไทย-กัมพูชายุติความขัดแย้ง และการประทะกันบริเวณแนวชายแดน พร้อมให้ใช้หลักธรรมตามพุทธศาสนา แก้ไขปัญหาความ ขัดแย้งของทั้ง 2 ประเทศ

    ที่สำนักงานตำรวจแห่ง ชาติ(ตร.) พล.ต.ต. ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกตร. แถลงความคืบหน้าหลังประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคง ในพื้นที่ 7 เขตของกทม.ว่า วันนี้ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. ในฐานะผอ.ศอ.รส. จะเป็นประธานประชุม เพื่อออกข้อกำหนดในพื้นที่ตามพ.ร.บ. ความมั่นคง โดยรายละเอียดจะระบุว่าพื้นที่ใดห้ามบุคคล ผู้ชุมนุม หรือรถยนต์เข้าหรือบุกรุกเข้าไป ซึ่งข้อกำหนดในส่วนนี้คาดว่าจะประกาศออกมาบังคับใช้ได้ภายในวันนี้

    ขอคืนพื้นที่บางส่วนทันที

    พล.ต.ต. ประวุฒิ กล่าวอีกว่า รายละเอียดการเคลื่อนย้ายผู้ชุมนุมออกนอกพื้นที่นั้น เบื้องต้นจะใช้การเจรจา โดยพล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบช.น. และพล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 จะเริ่มขอคืนพื้นที่บางส่วนวันนี้ ซึ่งต้องรอฟังผลเจรจาอีกครั้ง แต่ถ้าการเจรจาไม่เป็นผลก็ต้องประกาศพื้นที่ที่เห็นสมควรว่าจะเปิดพื้นที่ ได้ เพราะตอนนี้ผู้ชุมนุมมีจำนวนน้อย แต่ใช้พื้นที่ชุมนุมมากเกินไป ดังนั้นจึงต้องการพื้นที่บางส่วนที่ผู้ชุมนุมไม่ได้ใช้ประโยชน์เพื่อเปิดการ จราจร ถ้าเจรจาเป็นผลและผู้ชุมนุมยอมเปิดพื้นที่ให้ มาตรการประกาศข้อกำหนดพื้นที่ห้ามชุมนุมในส่วนที่ผู้ชุมนุมยอมเปิดพื้นที่ ให้ ก็คงไม่จำเป็นต้องประกาศใช้ ยืนยันว่าตอนนี้ยังไม่ถึงขั้นต้องสลายการชุมนุม ตำรวจมีเป้าหมายและต้องการให้เกิดความสงบ แต่วิธีดำเนินการเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์และการตกลงร่วมกันระหว่าง เจ้าหน้าที่รัฐกับผู้ชุมนุม

    ม็อบน้อยไม่ต้องใช้วิธีสลาย

    ผู้ สื่อข่าวถามว่าจะเจรจาให้ยกเลิกการชุมนุมเลยหรือไม่ พล.ต.ต.ประวุฒิ กล่าวว่า อยากให้ผลการเจรจาเป็นเช่นนั้น เมื่อถามว่าหากผู้ชุมนุมไม่ปฏิบัติตามพ.ร.บ.ความมั่นคง จะใช้กำลังผลักดันให้ออกนอกพื้นที่หรือไม่ พล.ต.ต.ประวุฒิ กล่าวว่า คงไม่ถึงขั้นใช้กำลังผลักดัน แต่จะใช้วิธีที่นุ่มนวลที่สุด จะคำนึงว่าต้องให้การจราจรเคลื่อนตัวได้อีกครั้ง

    เมื่อถามว่าเหตุใด จึงไม่ใช้วิธีปฏิบัติเหมือนการสลายการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง พล.ต.ต. ประวุฒิ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่สำคัญการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรมีจำนวนผู้ชุมนุมไม่ มาก สถานการณ์จึงไม่น่าจะเป็นแบบกลุ่มคนเสื้อแดง

    เมื่อถามว่าวันที่ 10 ก.พ.นี้ แกนนำกลุ่มพันธมิตรจะไปร้องศาลปกครอง เพื่อให้มีคำสั่งระงับการประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคง พล.ต.ต. ประวุฒิ กล่าวว่า ต้องดูว่าผู้ชุมนุมใช้เหตุผลอะไรยื่นคำร้องต่อศาล เพราะตามที่เสนอเพื่อขอให้ประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคง ถือว่ามีเหตุผลและมีความจำเป็นตามเงื่อนของกฎหมาย

    มั่นใจใช้เวลาไม่เกิน 15 วัน

    เมื่อ ถามว่าจะให้เวลาผู้ชุมนุมเท่าไร ในการให้เคลื่อนย้ายนอกจากพื้นที่รอบทำเนียบ พล.ต.ต.ประวุฒิ กล่าวว่า คงน่าจะอยู่ใน 15 วัน ที่ประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคง ซึ่งเชื่อว่าช่วงนี้สถานการณ์น่าจะดีขึ้น และอาจใช้เวลาน้อยกว่า 15 วันก็เป็นได้

    เมื่อถามว่าเหตุใดตำรวจจึงไม่บังคับใช้กฎ หมายอย่างจริงจัง พล.ต.ต.ประวุฒิ กล่าวว่า ขณะนี้ผู้ชุมนุมถือว่ายังชุมนุมโดยสงบ และตอนนี้ก็ยังไม่มีเงื่อนไขที่จะสร้างความรุนแรง จึงต้องใช้การเจรจาก่อน แต่ถ้าการเจรจาภายใน 1-2 วันไม่เป็นผล จะบังคับใช้กฎหมายที่เข้มข้นมากขึ้น

    ห้ามเข้าถนนรอบทำเนียบ-สภา

    ต่อ มาเวลา 14.00 น. พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. ในฐานะผอ.ศอ.รส. เป็นประ ธานประชุมเตรียมออกประกาศข้อกำหนดควบคุมพื้นที่ตามพ.ร.บ.ความมั่นคง นานประมาณ 3 ช.ม. จากนั้น พล.ต.ต.ประวุฒิ โฆษกตร. ในฐานะโฆษกศอ.รส. แถลงว่า ที่ประชุมพูดคุยถึงเรื่องขอบเขตการออกประกาศข้อกำหนดควบคุมพื้นที่ตามพ.ร.บ. ความมั่นคง ฝ่ายกฎหมายของศอ.รส.กำลังร่างข้อกำหนดและพิจารณาว่า จะควบคุมและห้ามบุคคลเข้าพื้นที่หรือถนนเส้นใดบ้าง ตอนนี้พิจารณาไปกว่าร้อยละ 90 แล้ว เบื้องต้นน่าจะควบคุมและห้ามไม่ให้บุคคลเข้าไปบริเวณถนนรอบทำเนียบรัฐบาล และรัฐสภา อย่างไรก็ตาม เช้าวันที่ 10 ก.พ. จะออกข้อ กำหนดมาบังคับใช้กับผู้ชุมนุมได้

    พล.ต.ต.ประวุฒิ กล่าวอีกว่า ส่วนการเจรจากับผู้ชุมนุม ได้มอบหมายบช.น.เจรจาทั้ง 2 กลุ่ม ไม่ว่ากลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติและกลุ่มพันธมิตร ซึ่งผลเจรจาเบื้องต้น กลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติรับข้อเสนอและขอนำไปหารือก่อน เชื่อว่าน่าจะเปิดเส้นทางบริเวณถนนพิษณุโลก ตั้งแต่บริเวณสะพานชมัยมรุเชฐจนถึงแยกสวน มิสกวัน อย่างที่เคยเปิดเส้นทางก่อนหน้านี้ แต่ต้องรอผลหารืออีกครั้ง ส่วนการเจรจากับกลุ่มพันธมิตร เบื้องต้นได้รับการปฏิเสธและไม่ยินยอมคืนพื้นที่ อ้างว่าต้องสงวนพื้นที่ไว้ใช้ชุมนุม เจ้าหน้าที่ต้องออกประกาศข้อกำหนดที่มีสภาพบังคับตามกฎหมาย หากฝ่าฝืนจะมีความผิดตามมาตรา 24 ของพ.ร.บ.ความมั่นคง มีโทษ จำคุก 1 ปี ปรับ 2 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่คงเจรจาควบคู่ไปด้วย

    ใช้ 50 กองร้อยกดดันแทนสลาย

    พล.ต.ต. ประวุฒิ กล่าวว่า การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่จะไม่ใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุมเด็ดขาด แต่จะใช้กำลังเข้าไปกดดันแทน เพื่อ ไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่งและลดการเผชิญหน้า ซึ่งทุกขั้นตอนจะแจ้งให้กลุ่มผู้ชุมนุมและสื่อทราบ เพื่อเป็นสักขีพยาน โดยการปฏิบัติการครั้งนี้จะใช้กำลังเจ้าหน้าที่ 50 กองร้อย รวมทั้งจะสนธิกำลังกับทหารร่วมปฏิบัติงาน

    ผู้สื่อข่าวถามว่า ศอ.รส.ต้องดูแลการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่ประกาศชุมนุมหน้าศาลอาญาในวัน ที่ 13 ก.พ.ด้วยหรือไม่ พล.ต.ต. ประวุฒิ กล่าวว่า ศอ.รศ.ดูแลการชุมนุมของทุกกลุ่ม ไม่ได้เจาะจงเฉพาะกลุ่มใด เพื่อให้การ ชุมนุมเกิดความเรียบร้อยใน 7 เขตที่ประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง ส่วนการเคลื่อนการชุมนุมจากศาลอาญามายังอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย หาก ไม่ปิดการจราจร ไม่ทำให้ประชาชนเดือดร้อนเกินไป เจ้าหน้าที่คงผ่อนผันได้ตามสิทธิของรัฐธรรมนูญ

    ปจ.ซ้อมวิ่งพธม.แตกฮือ

    ผู้ สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากประกาศพ.ร.บ. ความมั่นคงมีผลบังคับใช้วันแรก บรรยากาศภายในทำเนียบรัฐบาลเป็นไปอย่างคึกคัก มีการสับเปลี่ยนหมุนเวียนกำลังตำรวจทั้งภูธรและนครบาล เป็นระยะ และเตรียมพร้อมปฏิบัติการ ซักซ้อมแผนเผชิญเหตุ และประจำจุดต่างๆ ทั้งบริเวณประตูทางเข้าออก และพื้นที่โดยรอบนอกจากนี้กทม.ยังนำรถดับเพลิงมาเตรียมพร้อม เช่นกัน

    เวลา 16.00 น. พล.ต.ต.สมพงษ์ ชิงดวง ผบก.อคฝ. เรียกแถวนำกำลังตำรวจปราบจลาจล 4 กองร้อย รวมพลและวิ่งฝึกซ้อมข้างเวทีกลุ่มพันธมิตร เชิงสะพานชมัยมรุเชฐ และตลอดแนวถนนลูกหลวง สร้างความแตกตื่นให้กับผู้ชุมนุม และวิ่งกรูมาสังเกตการณ์ พร้อมจับกลุ่มวิจารณ์ว่าเจ้าหน้าที่อาจเตรียมสลายการชุมนุม จนผู้ปราศรัยบนเวทีต้องประกาศว่าเจ้าหน้าที่มาออกกำลังกายเท่านั้น และขอให้อยู่ในความสงบ ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมอยู่ในความสงบ

    "มาร์ค"เปิดใจคุยเลขาฯยูเอ็น

    ขณะ ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ที่รัฐสภาถึงผลการคุยโทรศัพท์กับนายบัน คี มูน เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เมื่อค่ำวันที่ 8 ก.พ. ว่า ยูเอ็นห่วงใยสถานการณ์ และขอให้ทั้งสองฝ่ายใช้ความอดกลั้นแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธี ตนยืนยันว่าประ เทศไทยไม่ประสงค์ใช้ความรุนแรงหรือรุกรานใคร แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อละเมิดอธิปไตยและใช้อาวุธยิงเข้ามา เราจำเป็นต้องปกป้องด้วยการตอบโต้เหมาะสมแก่เหตุ โดยตอบโต้ไปยังเป้าหมายที่มาของการใช้อาวุธ เป็นเป้าหมายทางทหาร และได้เรียนเลขาฯ ยูเอ็นทราบว่า ขณะนี้เรามีพลเรือนกว่าหมื่นคนที่ต้องอพยพจากบริเวณดังกล่าว และมีความเสียหายด้วย

    นายกฯ กล่าวอีกว่า นายบันคีมูนสอบถามว่า มีความเสียหายเกิดขึ้นต่อตัวปราสาทพระวิหารหรือไม่ ตนบอกไปว่าพร้อมส่งภาพถ่ายต่างๆ ที่แสดงให้เห็นถึงการใช้ปราสาทพระวิหารในเรื่องการทหาร ไม่ว่าการมีอาวุธหรือใช้กำลังจากที่นั่น ซึ่งขัดกับเจตนารมณ์ที่จะให้สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ทางวัฒนธรรม เป็นมรดกโลก และตนบอกเลขาฯ ยูเอ็นด้วยว่า ความตึงเครียดจะเพิ่มมากขึ้นในปีนี้ ตราบเท่าที่ยังมีแรงกดดันจากปัญหาการขึ้นทะเบียนมรดกโลกของกัมพูชา เพราะกัมพูชารู้สึกกดดันว่าต้องมาจัดการพื้นที่ตรงนี้ ขณะที่ฝ่ายไทยถือว่าเป็นของไทย ย่อมจะเกิดปัญหา ซึ่งเลขาฯ ยูเอ็น รับจะติดตามเรื่องนี้กับยูเนสโก

    นายกฯ กล่าวว่า รมว.ต่างประเทศอินโด นีเซีย ในฐานะประธานอาเซียนได้มาพบทั้งสองฝ่ายแล้ว และสนับสนุนให้เจรจาในกลไกของทวิภาคี ตนแจ้งว่ารมว.ต่างประเทศของไทยและกัมพูชามีนัดหมายประชุมกัน ฉะนั้นหนทางแก้ปัญหาโดยการเจรจาทวิภาคีอย่างที่ยูเอ็นต้อง การยังเป็นหนทางเปิดกว้าง ไม่ได้ปิดกั้น ซึ่งเลขาฯ ยูเอ็น บอกว่า ถ้ามีอะไรที่ยูเอ็นจะช่วยคลี่คลายได้ให้แจ้งไป คิดว่าเลขาฯ ยูเอ็นคงเข้าใจ และติดต่อไปทางสมเด็จฮุนเซน นายกฯ กัมพูชาเหมือนกัน

    ผู้สื่อข่าวถาม ว่าในสายตานานาชาติ การปะทะที่เกิดขึ้นยังเป็นเรื่องของ 2 ประเทศใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ใช่ เพราะต่างฝ่ายต่างอ้างว่าปกป้อง ขณะนี้สถานการณ์หยุดลงระดับหนึ่ง แต่เขาคงติดตามและประมวลข้อมูลต่างๆ ส่วนการอพยพคนกลับนั้น ในที่ประชุมสมช.อยากให้เกิดความมั่นใจ หากกลับไปแล้วมีเหตุอีกคงไม่ดี ฉะนั้นจะเร่งทำให้สถานการณ์คลี่คลายโดยเร็ว ขณะนี้เป็นการพูดคุย และต้องนำมาสู่แนวปฏิบัติในพื้นที่จริง<table align="left" border="0" cellpadding="1" cellspacing="5" width="20%"><tbody><tr bgcolor="#400040"><td>[​IMG]
    (บน)ต้านพธม. - ชาว บ้านภูมิซรอล อ.กันทรลักษ์ ชูป้ายหน้าศูนย์อพยพชั่วคราว ต่อต้านกลุ่มพันธมิตรฯ ที่เตรียมเข้ามาในพื้นที่เพื่อแจกสิ่งของช่วยเหลือ โดยเชื่อว่าสาเหตุการสู้รบเกิดจากการ ยั่วยุของพันธมิตรฯ



    (ล่าง)ต้านสงคราม - กลุ่ม สองขาเพื่อประชาธิปไตยรณรงค์เรียกร้องสันติภาพ เสนอให้แก้ปัญหาไทย-กัมพูชาแบบปัญญาชน ที่ลานสวนสันติภาพ ก่อนปั่นไปรณรงค์ต่อที่อนุสาวรีย์ชัยฯและชิดลม เมื่อวันที่ 9 ก.พ.

    </td></tr></tbody></table>

    ส่ง"กษิต"แจงยูเอ็นเอสซี

    เมื่อ ถามว่าเหตุใดยังมีการประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ(ยูเอ็นเอสซี) เพื่อพิจารณากรณีไทย-กัมพูชา นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ทั้ง 2 ฝ่ายทำหนังสือถึงยูเอ็นเอสซี คาดว่าคงสอบถามข้อมูลจากทั้ง 2 ฝ่าย นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ พร้อมชี้แจง เมื่อถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่าการประชุมจะไม่ถูกแทรกแซงจากยูเอ็น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จากข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น รวมถึงสิ่งที่มีการยืนยันขณะนี้เรื่องกลไกทวิภาคีที่มีอยู่ และกรณีอาเซียนที่เข้ามา สนับสนุน คิดว่ายูเอ็นคงสนับสนุนให้ดำเนินการกันเองมากกว่า เมื่อถามว่ากัมพูชายังไม่พร้อมแก้ปัญหาแบบทวิภาคี แต่เรียกร้องให้ยูเอ็นเข้ามา นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คิดว่าอาเซียนได้แสดงท่าทีชัดเจนในการแก้ไขปัญหา คิดว่าตรงนี้มีน้ำหนัก

    ติงยูเนสโกมาดูปราสาท

    ต่อ ข้อถามว่ายูเนสโกจะส่งตัวแทนเข้ามาดูพื้นที่ปราสาทพระวิหารวันที่ 14 ก.พ. นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า "คงไม่เหมาะ เพราะเราได้แจ้งไปอย่างชัดเจนว่าความตึงเครียดที่เกิดจะยิ่งเพิ่มพูนขึ้น ตรงนี้คือปัญหาที่เราพยายามสื่อสารกับเขามาตลอด ขณะนี้กระทรวงการต่างประเทศ ได้คุยและทำความเข้าใจกับเขาแล้ว"

    เมื่อถามว่าท่าทีของยูเนสโกยัง ไม่เข้าใจสภาพปัญหาที่เกิดขึ้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า นายบัน คี มูน บอกจะคุยกับยูเนสโก เพราะสิ่งที่เราพูดเป็นสิ่งที่พิสูจน์โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว และตนย้ำว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่เพิ่งพูด แต่ตนเคยคุยกับเลขาฯ ยูเอ็น เมื่อปลายปี 2553 ว่าเรื่องมรดกโลกเป็นปัญหามากในการเพิ่มความตึงเครียดในพื้นที่ ฉะนั้นยูเนสโกควรทบทวนท่าทีเรื่องนี้ ซึ่งตนย้ำอีกเลขาฯ ยูเอ็น บอกว่าจะไปคุยกับยูเนสโก

    ควรชะลอเรื่องมรดกโลกไว้ก่อน

    เมื่อ ถามว่าทางออกที่ดีที่สุดสำหรับเรื่องมรดกโลกคืออะไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้คิดว่ายูเนสโกควรหยุดเรื่องการกดดันในการกำหนดตารางเวลาว่ากัมพูชาจะ ต้องมีแผนบริหารจัดการพื้นที่ ขณะที่พื้นที่ยังมีปัญหากันอยู่ ควรรอกระบวนการขอการจัดทำหลักเขตต่างๆ ให้เสร็จสิ้นเรียบร้อยก่อนค่อยดำเนินการ เมื่อถามว่าควรชะลอและทบทวนการขึ้นปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ชั้นนี้คิดว่าควรรอให้การทำงานตามกลไกของการจัดทำหลักเขตแดนชัดเจน เมื่อชัดเจนแล้วจะมีคำตอบในตัวของมันเองว่าควรเดินต่ออย่างไร ดังนั้น จึงควรชะลอแผนบริหารรอบพื้นที่ เพื่อลดแรงกดดันทั้งหมด แรงกดดันต่อกัมพูชาที่รู้สึกว่าต้องมาทำอะไรก็ตามในพื้นที่นี้ และแรงกดดันต่อไทยซึ่งยืนยันว่าคนอื่นจะเข้ามาบริหารจัดการพื้นที่นี้ไม่ได้

    เมื่อถามว่าท่าทีของยูเนสโกควรเกิดก่อนประชุมเดือนมิ.ย. นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถูกต้องซึ่งนายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะเดินทางไปช่วงนี้เพื่ออธิบาย เมื่อถามว่าหากยูเนสโกไม่ฟังแล้วยังส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาจะทำอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คงไม่ ตนคิดว่าเขาต้องฟัง ถ้าเกิดเข้ามาแล้วยิ่งก่อให้เกิดความวุ่นวาย ไม่เป็นผลดีกับใคร

    ยังไม่ถึงเวลาคุย"ฮุนเซน"

    เมื่อ ถามว่าถึงเวลาที่นายกฯ จะคุยกับสมเด็จฮุนเซน หรือยัง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ผู้ประสานงานฝ่ายต่างๆ ยังทำงานกันอยู่ เขาจะบอกได้ว่าการพูดคุยควรเป็นระดับไหนเมื่อไร ขณะนี้ต่างฝ่ายต่างดูความเคลื่อนไหวอีกฝ่ายหนึ่ง หากเหตุการณ์คงไว้ไม่ให้เกิดปัญหาอีกระยะหนึ่ง มันจะง่ายขึ้น เมื่อถามว่าคิดว่าสามารถประคับประคองไม่ให้สถานการณ์เกิดขึ้นอีกได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เราทำอย่างเต็มที่ แต่ต้องปกป้องตัวเองอย่างเต็มที่เช่นกัน

    เมื่อถามว่ามีการอภิปรายใน สภาว่านายกฯ อีโก้สูงจึงไม่ยอมคุยกับสมเด็จฮุนเซน นาย อภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่เกี่ยว เขาก็พูดมีสิทธิวิจารณ์ เดี๋ยวจะชี้แจงให้หมด เมื่อถามว่าเมื่อถึงเวลานายกฯพร้อมพูดคุยหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่มีปัญหา

    ส.ส.ยื่นญัตติด่วนถาม"มาร์ค"

    ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนฯ พ.อ. อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาผู้แทนฯ ทำหน้าที่ประธานประชุม หลังพิจารณาร่างพ.ร.บ. เสร็จสิ้น ได้พิจารณาญัตติด่วนที่นายธเนศ เครือรัตน์ ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคเพื่อไทย เสนอญัตติด่วนด้วยวาจา เรื่องขอให้สภาพิจารณาแก้ปัญหาผลกระทบจากการปะทะระหว่างไทยกับกัมพูชาที่ ผ่านมา นายอภิสิทธิ์ นายกฯ แจ้งว่า หากเป็นการดูแลผลกระทบก็ไม่เป็นไร พร้อมชี้แจง แต่หากเกี่ยวข้องความสัมพันธ์และความมั่นคง ขอประชุมลับ

    ขณะ ที่ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย สนับสนุนการเสนอญัตติโดยระบุว่าจะอภิปรายเชิงสร้างสรรค์ หากเกี่ยวกับความมั่นคงและความสัมพันธ์ นายกฯ ขอประชุมลับได้

    จาก นั้นนายธเนศ ผู้เสนอญัตติ อภิปรายว่า ขอบคุณนายกฯ ที่มานั่งฟัง แต่น่าตำหนิรมว. ต่างประเทศที่ไม่มาฟัง ซึ่งปัญหาเกิดหลังจากรัฐบาลบริหารประเทศผิดพลาด นายกฯ ตั้งนายกษิต ภิรมย์ เป็นรมว.ต่างประเทศ สร้างความตึงเครียดทำให้สมเด็จฮุนเซน แต่งตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจของรัฐบาลกัมพูชา จนเกิดปัญหาต่อเนื่องมาถึงการปักธงขึ้นป้ายเป็นพื้นที่ของกัมพูชา มีการตอบโต้ยั่วยุทางสื่อกันไปมา ปล่อยให้มีการชุมนุมถ่ายทอดสดด่ากัมพูชา เอาปัญหาในประเทศไปสู่นอกประเทศและหลังเกิดเหตุยิงปะทะ ทำให้ประชาชนในพื้นที่ต้องอพยพหลายจุด ถือเป็นครั้งแรกมีคนไทยอพยพ ขอให้นายกฯ เร่งเจรจากับผู้นำกัมพูชาโดยด่วนให้ได้ข้อยุติ แม้จะหยุดยิงก็ไม่ได้ถอนกำลัง กลับเสริมกำลังอย่างต่อเนื่อง พร้อมเรียกร้องรัฐบาลเร่งแก้ปัญหาการเมืองภายในประเทศให้เด็ดขาด

    "เหลิม"ชำแหละ 4 สาเหตุ

    จาก นั้นส.ส.ศรีสะเกษ จากพรรคเพื่อไทย และพรรคภูมิใจไทย รวมทั้งนายสาธิต เทพวงศ์ศิริรัตน์ ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อแผ่นดิน อภิปรายระบุสาเหตุเกิดจากรัฐบาลตั้งนายกษิต เป็นรมว.ต่างประเทศ และเรียกร้องรัฐบาลอย่าเล่นการเมือง แต่ควรเจรจาโดยเอาผลประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง และขอให้คนที่ยุแหย่ให้เกิดสงครามหยุดทำอย่างนั้น เพราะประชาชนชายแดนได้รับผลกระทบ

    ร.ต.อ.เฉลิมอภิปรายว่า นายกฯ สมัยเป็นผู้นำฝ่ายค้าน อภิปรายรัฐบาลพรรคพลังประชาชน ก็เป็นคนจุดกระแสคลั่งชาติ เพราะพูดว่าเขตแดนต้องยึดสันปันน้ำ ทำให้คนเข้าใจว่าต้องทวงคืนเขาพระวิหารหรือไม่ ปัญหาไทย-กัมพูชาเกิดจาก 4 สาเหตุ เริ่มจาก 1.การไปต่อว่านายกฯกัมพูชา ตั้งพ.ต.ท.ทักษิณเป็นที่ปรึกษา ซึ่งเป็นเรื่องกัมพูชาที่ไทยไม่ควรยุ่ง 2.นายกษิตเป็นตัวปัญหา หากยังเป็นรมว.ต่างประเทศ ไม่มีทางสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาไปสู่จุดที่ดีขึ้น 3.กรณีวัดแก้วสิกขาคีรีศวร เมื่อปี 2541 ฝ่ายทหารขอให้ประท้วง แต่รัฐบาลไทยขณะนั้นคือพรรคประชาธิปัตย์ไม่ประท้วง พอปี 2543 เอ็มโอยูเกิดขึ้นจึงมีปัญหา ประท้วงไม่ได้แล้ว 4.กรณี 7 คนไทยโดนจับ ทั้งที่เจ้าหน้าที่ไทยเตือนแล้วว่าอย่าเข้าไป 1 ในนั้นมีส.ส.ประชาธิปัตย์ด้วย แถมบอกว่าเรื่องนี้นายกฯ รู้คนเดียว แล้วฝ่ายกัมพูชาจะคิดอย่างไร นี่คือความผิดพลาดที่รัฐบาลนี้ก่อ

    "จุด แตกหักที่สุดของไทย-กัมพูชาคือตอนที่กัมพูชาตั้งพ.ต.ท.ทักษิณเป็นที่ปรึกษา รัฐบาลนี้ต่อว่า และดำเนินมาตรการการทูตค่อนข้างแรงทั้งการเรียกทูตกลับ การทบทวนพันธกรณี ทบทวนความร่วมมือและความช่วยเหลือที่ทำกับกัมพูชา นี่คือที่มาของความกินแหนงแคลงใจ" ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวและว่า รัฐบาลไม่มีศักยภาพในการเจรจาเท่าฝ่ายทหาร และยังใช้นายกษิต เป็นคนเจรจา อย่างไรก็ตามกรณีนี้จะไม่ยุติ ถ้านายกฯ ไม่ลงมือลงไปจัดการเอง ขอฝากนายกฯ ให้กองทัพดำเนินการ แต่นายกฯ ต้องกักตัวนาย กษิตห้ามบินไปกัมพูชาและงดให้สัมภาษณ์

    จวกนายกฯไม่เคยไปดูชาวบ้าน

    นาย จตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า ที่ผ่านมาเกิดเหตุปะทะถึง 4 ครั้ง ประชาชนตามแนวชายแดนเดือดร้อนมาก แต่นายกฯ ไม่ได้ลงพื้นที่ดูที่เกิดเหตุแม้แต่ครั้งเดียว แสดงให้เห็นถึงภาวะการเป็นผู้นำ ทั้งนี้การอภิปรายไม่ไว้วางใจในปี 2553 ตนได้ยกกรณีกองกำลังสุรนารีทำหนังสือแจ้งกระทรวงการต่างประเทศให้ประท้วง ฝ่ายกัมพูชาที่กำลังตัดถนนถึง 9 ครั้ง แต่กระทรวงการต่างประเทศเก็บเงียบ ถ้าวันนั้นนายกษิตไม่ปล่อยปละละเลย ไม่ปะเหลาะฮุน เซน เพราะกลัวจะไม่มาร่วมงานประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ปัญหาคงไม่เกิด

    นาย จตุพร กล่าวว่า หากกรณีดังกล่าวไปถึงศาลโลก สิ่งที่ตนสงสัยไม่ใช่ว่าใครยิงใครก่อน แต่ใครต้องการจุดชนวนสงคราม วันนั้นใครสั่งรถแมคโครไปบริเวณดังกล่าว จนท้ายที่สุดเกิดปัญหาขึ้น วันนี้คนที่กล่าวหาว่าคนอื่นขายชาติทำไมขายชาติเสียเอง โดยเฉพาะกลุ่มคนที่ร่วมกันยึดทำเนียบ ยึดสนามบินสุวรรณภูมิ และวันนี้เกิดปัญหาไทย-กัมพูชา จึงเป็นหน้าที่ของพวกเราต้องไม่ให้สงครามบริเวณแนวชายแดนขยายตัว ซึ่งคำว่าสิ้นชาติที่เคยเกิดขึ้นที่เวียดนามใต้อาจเกิดขึ้นในไทยได้

    หนุนส่ง"ปู่ชัย"เป็นทูตพูดเขมร

    นาย สรวงศ์ เทียนทอง ส.ส.สระแก้ว พรรคประชาราช อภิปรายว่า ปัญหาที่เกิดขึ้น อยากฝากรัฐบาลให้ใช้คนให้ถูก เมื่อเกิดปัญหานายกฯ ควรลดทิฐิ และน่าจะแก้ปัญหาด้วยตัวเอง หรือให้นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนฯ ไปก็ได้เพราะพูดภาษาเขมรได้ นายชัย ซึ่งทำหน้าที่ประธานการประชุม บอกว่าถึงเวลาแล้วจะไปเอง

    วันเดียวกัน นายธานี ทองภักดี อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ระบุถึงกรณีการเดินทางไปให้ข้อมูลกับยูเอ็นเอสซี ของนายกษิต ภิรมย์ วันที่ 14 ก.พ.นี้ ว่า ไปเพื่อตอกย้ำจุดยืนของฝ่ายไทยและหาทางออกให้กับความขัดแย้ง สืบเนื่องจากเหตุการณ์ปะทะระหว่างทหารไทยกับกัมพูชา เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยทางการไทยมีหนังสือถึงยูเอ็นเอสซีไปแล้ว 2 ฉบับ ทั้งนี้ทางการไทยเคยทำหนังสือชี้แจงมาแล้วหลายครั้ง นับตั้งแต่เหตุการณ์ปะทะกันในปี 2551 ทางการไทยประสานยูเอ็นเอสซีหลังจากการหารือนอกรอบกับประเทศที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเห็นพ้องกันต่อการใช้เวทีดังกล่าว โดยยูเอ็นเอสซีจะนำข้อมูลไปประมวลเพื่อสรุปอีกครั้งหนึ่ง

    สำหรับใน การประชุมจะประกอบด้วย ประธานยูเอ็นเอสซี ประธานอาเซียน รมว.ต่างประเทศของไทยและกัมพูชา ทำหน้าที่เป็นตัวแทนของประเทศในการให้ข้อมูล

    เขมรโต้ใช้ปราสาทตั้งฐาน

    ทาง ด้านอินเตอร์ ซิตี้ เพรสส์ องค์กรสื่อที่ไม่แสวงหาผลกำไรในนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่ายูเอ็นเอสซี มีมติเมื่อวันที่ 8 ก.พ. ว่าจะจัดประชุมว่าด้วยการแก้ปัญหาข้อพิพาทระหว่างกัมพูชา-ไทย วันที่ 14 ก.พ. นี้ โดยเชิญอินโดนีเซีย ในฐานะประธานอาเซียน เข้าร่วมประชุมด้วย นายมาร์ตีย์ นาตาเลกาวา รมว.ต่างประเทศอินโดนีเซีย จะเป็นผู้แทนของอินโดนีเซีย การประชุมดังกล่าวตอบสนองต่อข้อเรียกร้องของฮุนเซน นายกฯกัมพูชาที่ขอให้ยูเอ็น เข้าแทรกแซงข้อพิพาท ขณะที่นายกฯของไทยยืนยันว่าความขัดแย้งควรแก้ไขบนพื้นฐานของทวิภาคี

    ด้าน นายบัน คีมูน เลขาธิการยูเอ็น กล่าวว่า ตนหารือกับนายกฯของทั้งสองประเทศแล้ว และเสนอว่ายูเอ็นยินดีช่วยเหลือด้านการเปิดเจรจาเพื่อให้เกิดข้อตกลงหยุดยิง บริเวณรอบเขาพระวิหาร

    วันเดียวกัน กระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาออกแถลงการณ์ตอบโต้พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบกไทย ที่ระบุว่าทหารกัมพูชาใช้ปราสาทพระวิหารเป็นฐานทหาร พร้อมอาวุธหนักยิงใส่ทหารไทยในพื้นที่ชายแดนไทย โดยย้ำว่าไม่เคยมีทหารบนปราสาทพระวิหาร ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวตลอดมา มีเพียงตำรวจหน่วยเล็กๆเท่านั้นพร้อมอาวุธเบาเพื่อรักษาความปลอดภัยปราสาท พระวิหาร ดังนั้นข้อกล่าวหาของไทยตามข้างต้นจึงเป็นเพียงข้ออ้างของไทยเพื่อใช้โจมตี ปราสาทพระวิหาร

    ขณะที่รัฐบาลกัมพูชาระบุว่า ปราสาทพระวิหารได้รับความเสียหายบางส่วนจนพังลงมา เพราะถูกกองทัพไทยระดมยิงปืนใหญ่ระหว่าง การสู้รบกับกัมพูชาบริเวณพื้นที่พิพาทในวันที่ 3 ของการปะทะ แต่ไม่ได้ระบุว่าเกิดความเสียหายกับปราสาทมากน้อยแค่ไหน

    ทบ.แจงเสริมรถถังแค่ซ้อม

    เมื่อ เวลา 07.00 น. กองทัพเคลื่อนย้ายรถถัง รุ่น เอ็มซี 48 เอ 5 จากพล.ม.2 รอ. สนามเป้า กทม. และม.พัน 5 รอ. จ.สระบุรี จำนวน 30 คันมาบริเวณอ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ โดยชี้แจงว่า เคลื่อนย้ายอาวุธยุทโธปกรณ์เพื่อฝึกภาคสนามตามปกติประจำทุกปี

    นาย ภูมิวดี มีสุข พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พช.) จ.ยโสธร พร้อมคณะเดินทางไปเยี่ยมปลอบขวัญครอบครัวพลทหารสงกรานต์ ทองชมพู ที่ถูกทหารกัมพูชาจับตัวไปแล้วปล่อยกลับมาเมื่อวันที่ 8 ก.พ. พร้อมมอบเงินสงเคราะห์เบื้องต้น 2,000 บาท ให้กับนายคอลเกต นางวิไล ทองชมพู พ่อแม่พลทหารสงกรานต์ ที่บ้านป่าชาด หมู่ที่ 9 ต.ห้องแซง อ.เลิงนกทา จ.ยโสธร นางวิไลกล่าวว่า คืนนี้จะเชิญคนเฒ่าคนแก่ในหมู่บ้านมาทำพานใบตองกล้วยไว้สำหรับทำพิธีบายศรี สู่ขวัญลูกชาย และจัดงานทำบุญเลี้ยงพระเณรเพื่อเสริมสิริมงคลให้คนในครอบครัวได้อยู่เย็น เป็นสุข เตรียมหัวหมู ไก่ต้ม อาหารคาวหวานเพื่อนำไปเลี้ยงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านป่าชาดให้ความเคารพ นับถือที่บริเวณเจ้าปู่ดอนปู่ตาท้ายหมู่บ้าน

    ต้านพธม.มากันทรลักษ์

    ผู้ สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังกลุ่มพันธมิตรประกาศจะเดินทางมาแจกจ่ายข้าวของเครื่องใช้แก่ชาวบ้าน ที่อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ปรากฏว่ากลุ่มชาวบ้านกว่าร้อยคน นำโดยนายวิสิทธิ ดวงแก้ว อายุ 41 ปี เดินขบวนชูป้ายผ้าเขียนข้อความต่อต้านกลุ่มพันธมิตร ไม่ต้องการให้เข้ามาในพื้นที่เพราะเกรงจะเกิดเหตุการณ์บานปลายขึ้นมา ชาวบ้านอยากอยู่อย่างสงบเหมือนเมื่อก่อน กลุ่มพันธมิตรอย่ามาทำให้คนในพื้นที่เดือดร้อน

    เมื่อเวลา 11.00 น.ที่หอประชุมโรงเรียนอนุบาลเบญจลักษ์ อ.เบญจลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ดร.ปัญญา แก้วกียูร ที่ปรึกษาสพฐ. เป็นประธานเปิดศูนย์การจัดการเรียนรู้แก่นักเรียนที่รับผลกระทบจากการต่อสู้ ตามตามแนวชายแดนไทย?กัมพูชา ซึ่งศูนย์แห่งนี้มีนักเรียนที่ติดตามผู้ปกครองมาทั้งสิ้น 15 โรงเรียน จำนวน 122 คน

    ทยอยจากศูนย์อพยพกลับบ้าน

    ส่วนที่ศูนย์อพยพ ชั่วคราวโรงเรียนน้ำขุ่นวิทยา อ.น้ำขุ่น จ.อุบลราชธานี ชาวบ้านที่อพยพหนีภัยการสู้รบจเริ่มทยอยกลับภูมิลำเนา จำนวนผู้อพยพจากเดิมมากกว่า 5,000 คนลดลงเรื่อยๆคงเหลืออยู่ประมาณ 500 คน โดยชาวบ้านที่ยังเหลืออยู่เป็นชาวบ้านที่อยู่ใกล้จุดปะทะระหว่างทหาร ไทย-กัมพูชามากที่สุด จึงยังกลัวไม่ปลอดภัย ยังคงพักอาศัยอยู่ในศูนย์อพยพต่อไป

    สังฆราชประทานจีวร-หมากพลู

    วัน เดียวกันพระครูสังฆสิทธิกร หัวหน้าฝ่ายศาสนวิเทศ สำนักเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช เปิดเผยว่า สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงห่วงใยพระภิกษุและประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยในอ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จึงโปรดให้พระเทพสารเวที ผู้ปฏิบัติหน้าที่เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช เป็นผู้แทนพระองค์ ประทานผ้าไตรจีวร แก่พระสงฆ์ที่พำนักในพื้นที่ ซึ่งกำลังได้รับความเดือดร้อน พร้อมประทานหมาก พลู แก่ผู้สูงอายุ ในศูนย์อพยพ

    บิ๊กกองทัพร่วมงานศพทหารกล้า

    เมื่อเวลา 12.00 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.มหาดไทย พล.อ.กิตติพงษ์ เกษ โกวิท ปลัดกลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. และพล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ เสธ. ทบ. เดินทางไปร่วมเคารพศพ ส.อ.ธนากร เพิ่มพูน ทหารกล้าที่เสียชีวิตจากการปะทะกับทหารเขมร ที่วัดโนนไหล่ ต.เสียว อ.เบญจลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ นายทหารชั้นผู้ใหญ่ทั้งหมดเข้าวางพวงหรีดหน้าหีบศพคลุมด้วยธงไตรรงค์ ก่อนพล.อ.ประวิตรจะจุดธูปเทียนเคารพศพ วางพวงมาลัยที่ขันรดน้ำศพ และนำนายทหารกว่าร้อยนายรดน้ำศพ

    จากนั้นมอบเงินช่วยเหลือครอบครัว ส.อ. ธนากร พร้อมชื่นชมในความกล้าหาญ และกล่าวยกย่องเป็นทหารกล้า ยอมสละชีพเพื่อรักษาอธิปไตยของชาติ โดยเฉพาะส.อ.อดิศักดิ์ พูนเพิ่ม น้องชาย ส.อ.ธนากร ปัจจุบันเป็นทหารปืนใหญ่ลพบุรี ถูกส่งไปช่วยราชการหน่วยฉก.จ.นรา ธิวาส จะดำเนินการส่งตัวกลับมาค่ายสรรพประสงค์ จ.อุบลราชธานี เพื่อดูแลนายบัวลา และนางสมัย พูนเพิ่ม บิดามารดา และครอบครัว

    นาย บัวลา อายุ 54 ปี บิดากล่าวทั้งน้ำตาว่า "ประมาณ 10 โมงเช้าวันเกิดเหตุ เขาโทรศัพท์มาพูดคุยบอกว่าอยากให้น้องชายมาอยู่กับพ่อแม่ บอกว่าเขายังไม่สามารถกลับบ้านได้ แต่ไม่ต้องห่วงจะส่งเงินมาให้ เขาพูดไปหัวเราะไป ก็แปลกใจว่าทำไมต้องหัวเราะ เพราะปกติเป็นคนที่จริงจังมากๆ ไม่คิดเลยว่าจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้พูดคุยกัน"

    สลดเมียตั้งท้อง 2 เดือน

    ด้าน นางธันยาภัทร์ ชนินทร์วลัย อายุ 31 ปี ภรรยาส.อ.ธนากร กล่าวทั้งน้ำตาเช่นกันว่า เฝ้าดูอาการสามีกระทั่งสิ้นลมหายใจเวลา 13.10 น. เมื่อวานนี้ ก่อนหน้านี้เคยฝันว่าสามีอยู่แนวหน้า ในฝันเห็นรองเท้าสวยมาก เมื่อเข้าไปหยิบ รองเท้ากลับลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า จึงเข้าใจว่าจะได้เลื่อนยศ เพราะในเดือนต.ค.นี้ สามีเตรียมสอบเลื่อนยศเป็นจ่า แต่ยังไม่ทันสอบก็เสียชีวิตก่อน เสียใจที่บ้านที่สร้างร่วมกันมาใน อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี เพิ่งเสร็จสามีก็มาด่วนจากไปโดยที่ไม่เคยได้เข้ามาอยู่เลย

    "ตอนนี้ ท้องได้ประมาณ 2 เดือน ไม่มีงานทำประจำ ผบ.ทบ. รับปากว่าจะหาทางช่วยเหลือ อยากบอกกับสามีว่ารู้ว่าพ่อเหนื่อยมากแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างที่พ่อทำ แม่จะสานต่อเอง ส่วนพ่อแม่จะดูแลเหมือนเดิม ขอให้พ่อหลับให้สบาย ไม่ต้องห่วงอะไรทั้งสิ้น" นางธันยาภัทร์ กล่าว

    ผู้แทนพระองค์มอบถุงยังชีพ

    เมื่อ เวลา 10.30 น. นายแผน วรรณเมธี เลขาธิการสภากาชาดไทย ผู้แทนพระองค์สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เดินทางมามอบถุงยังชีพพระราชทาน จำนวน 100 ครัวเรือน ที่โรงเรียนสิริขุนหาญ อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะ เกษ จากนั้นไปมอบต่อที่ศูนย์วัดป่าเบญรักษ์ อ.เบญจลักษณ์ จำนวน 300 ครัวเรือน

    "จำลอง"จะพาม็อบไปลานพระรูป

    ส่วน การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ ถ.ราชดำเนินนอก ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเช้าผู้ชุมนุมบางตา พิธีกรบนเวทีกำชับผู้ชุมนุมเตรียมความพร้อม หากมีการสลาย หลังรัฐบาลประกาศพ.ร.บ.ความมั่นคง

    เวลา 10.00 น. ที่ด้านหน้ากระทรวงศึกษาฯ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตร พร้อมด้วย นายประพันธ์ คูณมี นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตร ร่วมกันแถลงข่าว พล.ต. จำลอง กล่าวว่า วันที่ 11 ก.พ. เวลา 10.00 น. กลุ่มพันธมิตรจะเคลื่อนไปยังลานพระบรมรูปทรงม้า เพื่อถวายบังคมสักการะพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อรำลึกถึงพระคุณท่าน ยืนยันว่าเมื่อถวายกราบบังคมเสร็จแล้ว จะไม่ไปไหนต่อ หรือแม้แต่บริเวณรัฐสภา ที่จะลงมติแก้รัฐธรรมนูญ ก็ไม่ต้องกลัว จะไม่บุกไปที่รัฐสภาแน่นอน นอกจากนี้ในวันเดียวกันจะจัดคาราวานไปช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือด ร้อนที่ชายแดนไทยกัมพูชา และนำอาหารไปมอบให้ทหาร

    เมินพ.ร.บ.-ไม่เปิดถนน

    พล.ต.จำลอง กล่าวว่า เราจะชุมนุมจนกว่านายกฯ จะออกมาทำหน้าที่ตามข้อเรียกร้องทั้ง 3 ข้อ ที่ผ่านมาให้โอกาสนายกฯ มานาน แม้จะประกาศพ.ร.บ.ความมั่นคง หรือจะใช้กฎหมายใด ก็จะชุมนุมต่อเช่นเดิมไม่ออกไปไหน ถ้าจะคิดมาสลาย หรือมาจับก็เชิญ เชิญมาสลายได้ทุกนาที ทั้งนี้ เมื่อช่วงเช้า ตำรวจชั้นผู้ใหญ่มาเจรจากับเราว่าขอให้เปิดพื้นที่จราจรได้หรือไม่ ยืนยันไปว่าไม่ได้ เพราะเราออกมาทำหน้าที่ เพื่อไม่ให้ประเทศไทยเสียดินแดน ถ้าจะทำให้ผู้สัญจรไปมา ทำให้รถติดเสียเวลาไปบ้างก็ไม่เป็นไร เพราะดีกว่าเสียดินแดน และการชุมนุมนี้จะแพ้ไม่ได้ ถ้าแพ้จะเหมือนกับการเสียดินแดนให้กับประเทศกัมพูชา

    ส่วนที่เต็นท์ เครือข่ายกลุ่ม คนไทยหัวใจรักชาติ นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ แกนนำ แถลงว่า กรณีรัฐบาลประกาศพ.ร.บ.ความมั่นคง ภายใน อาทิตย์นี้เราจะฟ้องศาลปกครอง เพื่อให้เพิกถอนคำสั่ง เพราะถือว่าชุมนุมอย่างสงบปราศจากอาวุธ ส่วนการเคลื่อนไหววันที่ 11 ก.พ. เครือข่ายจะเคลื่อนไปไหนหรือไม่นั้น จะประเมินและประกาศความชัดเจนอีกทีในวันที่ 11 ก.พ. เวลา 09.00 น. ว่าจะเคลื่อนไปที่ไหนหรือไม่ ส่วนความคืบหน้าการช่วยเหลือนายวีระ และนางราตรี เราขอปฏิเสธการดำเนินการผ่านศาลประเทศกัมพูชา โดยต่อไปจะเดินหน้า อาศัยกลไกระหว่างประเทศ ก้าวแรกจะยื่นเรื่องต่อข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชา ชาติ เพื่อให้บุคคลทั้ง 2 ได้รับอิสรภาพ

    ยึกยักไม่ร้องศาลปกครอง

    ขณะ ที่การชุมนุมช่วงค่ำ มีผู้ชุมนุมมาฟังการปราศรัยประมาณ 1,000 คน ส่วนที่ด้านหน้ากระทรวงศึกษาฯ พล.ต.จำลอง นายปานเทพ และนายประพันธ์ ร่วมกันแถลงอีกครั้ง นายปานเทพ กล่าวว่า เรื่องประกาศขอพื้นที่คืนของรัฐบาล ขณะนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อจากรัฐบาล ถ้ารัฐบาลจะขอพื้นที่คืน ควรทำหนังสือมาอย่างเป็นทางการ เพื่อจะได้รู้ว่าใครเป็นผู้สั่งการหรือรับผิดชอบ เช่น นายกฯ หรือ ผบ.ตร. และใครจะเป็นผู้รับผิดชอบทางกฎหมาย ส่วนการยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง กรณีประกาศพ.ร.บ.ความมั่นคง เดิมจะยื่นฟ้องวันที่ 10 ก.พ. แต่จากการลงมติของคณะกรรมการรวมพลังปกป้องแผ่นดิน เห็นว่าจะยังไม่ยื่นร้องศาลปกครอง ต้องรอความชัดเจนจากเนื้อหาในพ.ร.บ.ว่ามีมาตรการไหนกระทบต่อผู้ชุมนุมบ้าง หากพบจึงฟ้องร้องศาลปกครองทันที

    ผู้สื่อข่าวถามว่าที่ยังไม่ยื่นฟ้อง เนื่องจากขั้นตอนการประกาศถูกต้องตามกฎหมายใช่หรือไม่ นายปานเทพ กล่าวว่า ยืนยันว่าขั้นตอนการออกไม่ถูกต้อง แต่ขณะนี้ยังไม่มีผู้เสียหาย และรัฐบาลยังไม่มีมาตรการอะไรออกมา หากรัฐบาลประกาศใช้แล้วมีผู้เสียหาย เราสามารถฟ้องต่อศาลปกครองได้

    ด้านนายประพันธ์ กล่าวว่า เชื่อว่าตำรวจไม่กล้าสลายพวกเรา ตนพูดคุยกับตำรวจไม่สลายแน่เพราะเข็ดจากครั้งก่อน จากกรณีถูกป.ป.ช.ชี้มูลความผิด

    ตร.ขีดเส้นต้องเปิดถนน

    ผู้ สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเย็นวันเดียวกันพล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น. 1 เข้าเจรจากับแกนนำพันธมิตรเพื่อแจ้งให้ทราบว่า จำเป็นต้องให้กลุ่มผู้ชุมนุมเปิดถนนบางส่วน เพื่อให้ประชาชนใช้เป็นเส้นทางสัญจรตามปกติ เพราะตั้งแต่มีการชุมนุมได้สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน และนักเรียนที่ใช้เส้นทางอย่างมาก โดยจะให้เวลาแกนนำพูดคุยตกลงกันก่อน แล้วจะมารับฟังผลในวันที่ 10 ก.พ. หากยังไม่ยอมเปิดเส้นทางเจ้าหน้าที่จำเป็นต้องใช้มาตรการทางกฎหมาย

    [/FONT][​IMG]

    http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROd01ERXdOREV3TURJMU5BPT0=&sectionid=TURNd01RPT0=&day=TWpBeE1TMHdNaTB4TUE9PQ
     
  16. titawan

    titawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2008
    โพสต์:
    2,290
    ค่าพลัง:
    +5,139
    ไทยขนรถถัง 30 คันตรึงชายแดนสั่งทหารคุมเข้ม หวั่นเขมรผิดสัญญายิงอีก

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    ไทยขนรถถัง 30 คันตรึงชายแดนสั่งทหารคุมเข้ม หวั่นเขมรผิดสัญญายิงอีก

    <style>p { margin: 0px; }</style> ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 07.00 น. ทางกองทัพได้มีการเคลื่อนย้ายรถถัง รุ่น เอ็มซี 48 เอ 5 จากกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ม.2 รอ.) และ กองพันทหารม้าที่ 5 รักษาพระองค์ (ม.พัน 5 รอ.) จ.สระบุรี จำนวนกว่า 30 คันมาบริเวณ อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ โดยทางกองทัพบกชี้แจงว่า เป็นการเคลื่อนย้ายอาวุธยุทโธปกรณ์ เพื่อมาฝึกภาคกองร้อยและฝึกภาคสนามของหน่วยทหารของกองทัพบกตามวงรอบปกติเป็น ประจำในทุกปีที่จะมีการฝึกในช่วงเดือนก.พ.ถึงมี.ค.

    แหล่งข่าวนายทหารระดับสูงในกองทัพภาคที่ 2 ยืนยันว่า ขณะนี้ทางกองกำลังทหารตามแนวชายแดนยังไม่มีการเสริมกำลัง หรือนำรถถัง อาวุธยุทโธปกรณ์ลงไปในพื้นที่ชายแดนแต่อย่างใด เนื่องจากกำลังที่มีอยู่ตลอดแนวชายแดนขณะนี้มีจำนวนเพียงพอแล้ว อีกทั้งสถานการณ์ขณะนี้เริ่มเข้าสู่สถานการณ์ความสงบแล้ว หลังจากที่ผ่านมาทางทหารระดับสูงในพื้นที่ของทั้งสองประเทศมีการเจรจากันมา ตลอดทุกครั้งที่มีการปะทะเกิดขึ้น แต่ปัญหาที่ผ่านมาหลังจากเจรจาแล้ว คือ กัมพูชามักจะไม่ทำตามคำสัญญาว่า จะหยุดยิง และมักจะเป็นฝ่ายยิงเข้ามายังฝั่งไทยก่อน ทำให้ทางฝั่งไทยต้องยิงตอบโต้กลับไป โดยทางกัมพูชามีเป้าหมายที่จะยกระดับปัญหาเข้าสู่ระดับนานาชาติ เนื่องจากทางกัมพูชามั่นใจว่า จะได้เปรียบไทย หากให้ทางองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เข้ามาช่วยยุติปัญหาดังกล่าว อย่างไรก็ตามขณะนี้ทางกำลังพลในพื้นที่ชายแดนยังเตรียมความพร้อมตลอดแนวชาย แดน โดยไม่ได้ประมาท เพราะไม่รู้ว่า ทางกัมพูชาจะเปิดศึกยิงอีกเมื่อไร


    [​IMG]

    http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRJNU56STFNRFl3TkE9PQ==&sectionid
     
  17. titawan

    titawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2008
    โพสต์:
    2,290
    ค่าพลัง:
    +5,139
    “ฮุนเซน”ตอกย้ำปะทะไทย-กัมพูชาคือสงคราม

    [​IMG]

    นายกฯฮุนเซน ชี้เหตุปะทะกับไทยในบริเวณพรมแดนข้อพิพาทเป็นสงครามที่แท้จริง ไม่ใช่การปะทะของทหาร
    วันนี้ 10 ก.พ. นายกรัฐมนตรีฮุนเซน กล่าวในระหว่างพิธีปิดการประชุมประจำปีของกระทรวงพาณิชย์ว่า เขาได้โทรศัพท์พูดคุยกับนายบัน คี มูน เลขาธิการสหประชาชาติ โดยนายบันบอกว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการปะทะทางทหาร แต่เขายืนยันกลับไปว่าเป็นสงครามที่แท้จริง ประเทศไทยเป็นผู้สร้างสงครามนี้ขึ้นมา และนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ของไทยจะต้องรับผิดชอบสงครามครั้งนี้ ในส่วนของความคืบหน้าบริเวณปราสาทพระวิหาร ผู้สื่อข่าวของเอพีรายงานว่า เห็นทหารกัมพูชาหลายร้อยนายประจำการทั้งในและรอบปราสาทพระวิหาร โดยมีกระสอบทรายเป็นที่กำบัง และไม่เห็นว่าปราสาทพระวิหารมีความเสียหายหนักตามที่กัมพูชาออกมาอ้างก่อน หน้านี้.

    [​IMG]

    Daily News Online > หน้าต่างประเทศ > “ฮุนเซน”ตอกย้ำปะทะไทย-กัมพูชาคือสงคราม
     
  18. titawan

    titawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2008
    โพสต์:
    2,290
    ค่าพลัง:
    +5,139
    ด่วนฝรั่งเศสโผล่เสนอแก้ไขข้อพิพาทไทย-เขมร

    [​IMG]

    โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ฝรั่งเศส เสนอมอบแผนที่จัดทำเองแก้ไขข้อพิพาทไทย-กัมพูชา
    วันนี้ 10 ก.พ.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เบอร์นาร์ด วาเลโร โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ฝรั่งเศส เสนอตัวช่วยคลี่คลายข้อพิพาทเรื่องพรมแดนระหว่างไทยและกัมพูชา ด้วยการมอบแผนที่ซึ่งพวกเขาทำขึ้นเมื่อช่วงต้นของศตวรรษก่อน ครั้งที่ยังปกครองอินโดจีน เจ้าหน้าที่ฝรั่งเศสได้จัดทำแผนที่สำหรับเตรียมการทำสนธิสัญญาสยาม - ฝรั่งเศส ค.ศ. 1907 ซึ่งปักปันเขตแดนเหนือพื้นที่พิพาทระหว่างสองประเทศ

    เบอร์นาร์ด วาเลโร กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่าปารีส มีความยินดีที่จะมอบเอกสารหรือจัดทำสำเนาเอกสารใดๆก็ตามหากมีประเทศใดร้องขอ คำปรึกษาจากฝรั่งเศส

    ขณะเมื่อวันที่ 9 ก.พ.ที่ผ่านมา ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการการต่างประเทศ วุฒิสภา ได้จัดสัมมนาวิชาการเรื่อง "ประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน:เหตุการณ์ปกติ" โดย นายกษิต ภิรมย์ รมว.การต่างประเทศ ในฐานะวิทยากร กล่าวว่า ในวันที่ 14 ก.พ.นี้ ตนจะเดินทางไปนิวยอร์ค ประเทศอเมริกาจะรายงานสถานการณ์ข้อพิพาทระหว่างไทยและกัมพูชา ต่อคณะมนตรีความมั่งคงสหประชาชาติ พร้อมทั้งหารือกับนายฮอร์นัม ฮง รมว.ต่างประเทศกัมพูชา โดยมีนายมาตี้ นาตาเลกาวา รมว.ต่างประเทศอินโดนีเซียและ ประธานอาเซียนมาร่วมด้วย ทั้งนี้การสนทนากับนายฮอร์นัม ฮง จะคุยแบบเปิดอกว่าจะรักษาอาเซียนและความสัมพันธ์ กันระหว่าง 2 ประเทศ หรือสู้รบฟาดฟันตลอดแนวชายแดนก็ได้ แต่ที่ผ่านมาพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าอย่ามาต่อกรกับไทย เพราะหากยังเกเรก็มีแต่เจ็บลูกเดียว ตนขอยืนยันว่า ประเทศลาว และเวียดนามไม่มีทางฮั้วกับประเทศกัมพูชา เพื่อสู้กับไทยแน่นอน เพราะทั้ง 2 ประเทศดังกล่าวมีความสัมพันธ์อันดีในทุกเรื่องกับไทย นอกจากนี้ยังจะทวงสัญญากับประเทศสหรัฐอเมริกา ในฐานะที่เป็นพันธมิตรกันและมีสัญญาระหว่างกันมากมาย เพื่อช่วยแก้ปัญหาไทยกับกัมพูชาด้วย

    "ยืนยันว่าเราเป็นฝ่ายถูกกระทำ วันนี้มีเด็กเกเรอยู่ข้างบ้าน เราในฐานะผู้ใหญ่จะทำอย่างไร เรายังมีมิตรจิตมิตรใจต่อชาวกัมพูชาอยู่เช่นเดิมทั้งการทำทางรถไฟจากสระแก้ว ไปพนมเปญ รวมทั้งการอนุมัติกฎหมายให้คนกัมพูชาเข้าไปประเทศไทยโดยไม่ต้องทำวีซ่า" นายกษิต กล่าว

    รมว.การต่างประเทศ กล่าวว่า สาเหตุหลักที่สมเด็จฮุนเซน นายกฯกัมพูชา เปิดฉากปะทะกับไทยเพราะต้องการปราสาทพระวิหาร และดินแดนโดยรอบ โดยต่างชาติเข้ามาบริหารมรดกโลก เพราะเขาคิดว่ารัฐสภาไทยช้าทำเรื่องไม่เสร็จและยังคิดว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ก็ฮั้วกับรัฐสภาไทยทำให้เรื่องช้าไปอีก จึงเป็นวิธีที่ท่านผู้นำเปิดฉากเพื่อทำให้สถานการณ์เละเทะ และให้เขาสูญเสียมากมาย เพราะเชื่อว่าจะมีพี่เลี้ยงเข้ามาช่วยเหลือ อาทิ รัสเซีย อินเดีย ฝรั่งเศส เรื่องดังกล่าวนี้ตนจะมีการรายงานต่อคณะมนตรีความมั่งคง สหประชาชาติ ในวันที่ 14ก.พ.นี้ด้วย

    เผยที่มาอาวุธเขมรใช้รบกับไทย

    นายกษิต ยังได้ชี้แจงถึงกรณีอาวุธที่กัมพูชาใช้สู้รบกับไทย ว่า อาวุธที่ใช้สู้รบมาจากสหรัฐ จีน รัสเซียและบัลแกเรีย อาวุธของจีนได้รับมาฟรี ขณะที่บัลแกเลียซื้อมา ส่วนทางรัสเซียกำลังตรวจสอบแต่ยอมรับความสัมพันธ์ไทยกับรัสเซียไม่ราบรื่น เพราะเขาต้องการขายอาวุธให้ แต่ไทยไม่เคยซื้อ รัสเซียจึงไปเข้าทางกัมพูชาแทน ยอมรับว่าประเทศรัสซียมีความเห็นแก่ตัวมาก เมื่อเขาขายอาวุธให้เราไม่ได้เขาก็ไม่ตอบสนอง คำว่าให้ทานไม่อยู่ในจิตใจ ทั้งที่เขาเป็นประเทศใหญ่แต่ไม่ยอมให้อะไรเลย

    ขณะที่ นายคำนูญ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา สายพันธมิตรฯ ได้ สอบถามว่าทำไมกระทรวงต่างประเทศได้จ้างนักวิชาการที่ทำงานวิจัยเรื่องข้อ พิพาทไทยกัมพูชาถึงมีแนวทางขัดแย้งกับรัฐบาล รวมทั้งอยากให้ไทยประกาศว่าพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตรเป็นของไทย

    นายกษิต กล่าวว่ามีการจ้างนักวิชาการ 2 กลุ่มมูลค่า 10 ล้านบาท แต่เป็นเรื่องก่อนที่ตนจะมารับตำแหน่ง และไม่ทราบเรื่อง ทั้งนี้ยอมรับงานในกระทรวงการต่างประเทศเป็นแดนสนธยารัฐมนตรีไม่ทราบเรื่อง เพราะไม่บอกตน เวลามอบนโยบายพวกเขาก็ยอมรับแต่เมื่อไปอยู่ข้างนอกเขาพูดอีกอย่าง เพราะกระทรวงแห่งนี้ยังมีการครอบงำจากอดีตข้าราชการประจำ อดีตนักการเมือง ผู้มีอิทธิพลในกระทรวงนำเรื่องไปบอกผู้ใหญ่ในบ้านเมืองให้เกิดความสับสน พร้อมทั้งให้เรากระทืบกัมพูชา หากเป็นเช่นนั้นเราจะอยู่กันได้อย่างไร

    ส่วนเรื่องพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรนั้น ตนสามารถประกาศได้ว่าเป็นพื้นที่ของไทย แต่เราไม่ทำเพราะเกรงว่าต่อไปจะเจอคำถามที่ 2 ให้ตนและ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม นำทหาร รถถังขึ้นไป รับรองจะทำให้ทั้ง 2 ประเทศรบกันอีก การชี้แจงต่อสหประชาชาติลำบากหรือไม่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ อาจจะยกทัพไปที่นั่น

    ประทานผ้าไตรแด่พระสงฆ์ในพื้นที่

    ด้าน พระครูสังฆสิทธิกร หัวหน้าฝ่ายศาสนวิเทศ สำนักเลขานุการ สมเด็จพระสังฆราช กล่าวว่า สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงห่วงใยพระภิกษุ และประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย ใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เนื่องจากมีการปะทะระหว่างไทยกับกัมพูชา จึงโปรดให้ พระเทพสารเวที ผู้ปฏิบัติหน้าที่เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช เป็นผู้แทนพระองค์ ประทานผ้าไตรจีวรแด่พระสงฆ์ที่พำนักในพื้นที่ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งกำลังได้รับความเดือดร้อนจากการปะทะในพื้นที่ดังกล่าว พร้อมประทานหมากพลูให้แก่ผู้สูงอายุในศูนย์อพยพในพื้นที่ด้วย โดยมีผู้แทนจากสถานีโทรทัศน์สีช่อง 3 เป็นผู้รับมอบ ณ สำนักเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช

    พระครูสังฆสิทธิกร กล่าวต่อว่า ในวันที่ 10 ก.พ. เวลา 07.00 น. ผู้แทนสำนักเลขานุการสมเด็จพระราช พร้อมด้วย พล.อ.ท.วุฒิชัย คชาชีวะ รองเสนาธิการทหารอากาศ และเหล่าศิลปินดาราจากสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 จะเดินทางจากไปยังพื้นที่ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เพื่อนำพระไพรีพินาศ และน้ำมนต์ 96 พรรษาสมเด็จพระสังฆราช ไปแจกเป็นขวัญกำลังใจให้แก่ทหาร และประชาชน ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว

    “สมเด็จพระสังฆราชทรงห่วงใยประชาชน และเหล่าทหารในพื้นที่เป็นพิเศษ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์การปะทะระหว่าง 2 ประเทศ ซึ่งสำนักเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช ได้รับประทาน ให้ทำหน้าที่ลงไปให้กำลังใจประชาชนในพื้นที่ และให้ประชาชนมีขวัญ มีกำลังใจในการดำเนินชีวิตต่อไป” หัวหน้าฝ่ายศาสนวิเทศ กล่าว.

    สภาถกญัตติด่วนจี้รัฐแก้ปัญหา”ไทย-เขมร"

    ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่าเมื่อเวลา14.10 น.ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มี พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาผู้แทนฯทำหน้าที่ประธาน ซึ่งหลังพิจารณาร่าง พ.ร.บ.เสร็จสิ้น ได้มีการพิจารณาญัตติด่วน ที่ นายธเนศ เครือรัตน์ ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคเพื่อไทย ได้เสนอญัตติด่วนด้วยวาจาเรื่องขอให้สภาพิจารณาแก้ไขปัญหาผลกระทบจากการปะทะ ระหว่างไทยกับกัมพูชาบริเวณชายแดน จ.ศรีสะเกษ ระหว่างวันที่4–6 ก.พ.ที่ผ่านมา ขณะที่ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ วิปรัฐบาลได้เห็นด้วย ควรพิจารณาญัตติ รัฐบาลจะได้ชี้แจง

    โดย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้แจ้งว่าหากเป็นเรื่องการดูแลผลกระทบก็ไม่เป็นไร พร้อมชี้แจง แต่หากเกี่ยวข้องความสัมพันธ์และความมั่นคง คณะรัฐมนตรีจะขอประชุมลับ ด้าน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย กล่าวสนับสนุนการเสนอญัตติว่าเหตุที่เกิดขึ้น ไม่มีไครอยากให้เกิดขึ้น เพราะทำให้มีความเสียหาย เมื่อเหตุเกิดเรามีหน้าที่จะบอกว่ารัฐบาลจะแก้ปัญหา แต่เป็นเพราะดำเนินนโยบายอย่างไร ได้เปลี่ยนสนามการค้าเป็นสนามรบ เรื่องนี้ไม่ใช่ความลับ ขอให้ไว้ใจและสบายใจ เราต่างมีเหตุผลจะอภิปรายเชิงสร้างสรรค์ หากเกี่ยวกับความมั่นคงความสัมพันธ์นายกฯก็ขอประชุมลับได้

    จากนั้น นายธเนศ อภิปรายเสนอญัตติได้ขอบคุณนายกฯที่มานั่งฟัง แต่ที่น่าตำหนิ รมว.ต่างประเทศที่ไม่มาร่วมฟังซึ่งปัญหาเกิดหลังจากรัฐบาลเข้ามาบริหาร ประเทศที่ได้มีความผิดพลาด นายกฯตั้ง นายกษิต ภิรมย์ เป็นรมว.ต่างประเทศ ได้สร้างความตึงเครียดทำให้สมเด็จ ฮุนเซ็น แต่งตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจของรัฐบาลกัมพูชา จนมีการเรียกฑูตไทยประจำกรุงพนมเปญกลับประเทศและได้มีปัญหาต่อเนื่องจนมาถึง การปักธงขึ้นป้ายเป็นพื้นที่ของกัมพูชา มาทำลายป้ายจึงมีการตอบโต้ยั่วยุทางสื่อกันไปมาปล่อยให้มีการชุมนุมถ่ายทอด สดด่ากัมพูชา เอาปัญหาในประเทศไปสู่นอกประเทศและหลังเกิดเหตุยิงปะทะได้ทำให้ประชาชนใน พื้นที่ต้องอพยพหลายจุด ถือเป็นครั้งแรกมีคนไทยอพยพ ส่วนปัญหาปักปันเขตแดน มีมากกว่า100ปี อยากให้รัฐบาลดำเนินปักปันให้เสร็จสิ้นโดยเร่งด่วน พร้อมขอให้นายกรัฐมนตรีเร่งเจรจากับทางผู้นำกัมพูชาโดยด่วนให้ได้ข้อยุติ

    “เฉลิม” ซัด ปชป.เย้ยเขมร เป็นเด็ก ป.2

    ด้าน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การไปเปรียบว่า กัมพูชา เหมือนป.2 ไทยเป็น ป.6 แบบนี้ทำให้เพื่อนบ้านไม่พอใจ ผลคือ ชาวบ้านในพื้นที่ได้ผลกระทบ ส่วนการเยียวยาช่วยเหลือ นายกฯยังปล่อยปละให้ว่าที่ผู้สมัครบางพรรค เอางบประมาณหลวงไปแจกทั้งที่เป็นภาษีของประชาชน นอกจากนี้ นายกฯ และรัฐมนตรีที่รับผิดชอบต่างพูดเรื่องเดียวกันไปคนละแบบ สาเหตุ 4 ปัญหา ไทย-กัมพูชา เริ่มจาก 1.การไปต่อว่าที่นายกฯกัมพูชา ตั้งพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯเป็นที่ปรึกษา ซึ่งเป็นเรื่องกัมพูชาที่ไทยไม่ควรไปยุ่ง แต่ไทยกลับต่อว่ากัมพูชารุนแรง 2.นายกษิต เป็นตัวปัญหา หากยังเป็นรมว.ต่างประเทศ ไม่มีทางให้สัมพันธ์ไทย-กัมพูชาไปสู่จุดที่ดีขึ้น 3.กรณีวัดแก้ว เมื่อปี 41 ฝ่ายทหารขอให้ประท้วง แต่รัฐบาลไทยขณะนั้นคือพรรคประชาธิปัตย์ไม่ประท้วง พอปี 43 เอ็มโอยูเกิดขึ้นจึงมีปัญหา ประท้วงไม่ได้แล้ว 4.กรณี 7 คนไทยโดนจับทั้งที่เจ้าหน้าที่ไทยก็เตือนแล้วว่าอย่าเข้าไป 1 ในจำนวนนั้นมีส.ส.พรรคประชาธิปัตย์เข้าไปด้วย แถมบอกว่า เรื่องนี้นายกฯรู้คนเดียว แล้วฝ่ายกัมพูชาจะคิดอย่างไร นี่คือความผิดพลาดที่รัฐบาลนี้ก่อ

    ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า รัฐบาลไม่มีศักยภาพในการเจรจาเท่าฝ่ายทหารแน่ เช่น พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ มีสัมพันธ์ที่ดี สนิมกับ สมเด็จ ฮุนเซ็น ผู้นำกัมพูชา มายาวนาน ตั้งแต่เป็นพันเอกแล้ว โทรไปนิดเดียวก็คุยกันได้ ทำไม ไม่ให้มาช่วยเหลือ แต่รัฐบาลนี้ใช้นายกษิต เป็นคนเจรจา แต่นายกษิต เป็นคนไปด่านายกฯกัมพูชาตั้งแต่ก่อนเป็นรัฐมนตรีโดยไม่นึกว่าตัวเองจะได้ เป็นรัฐมนตรี วันนี้จึงเกิดปัญหา

    “กษิต”ยอมรับร่วมม็อบเพื่อต่อต้านระบบทุจริต

    เวลา 22.35 น. นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ชี้แจงว่า การแก้ไขปัญหากระทรวงการต่างประเทศได้ทำอย่างต่อเนื่อง อาทิ วันที่ 14 ก.พ. ตนจะเดินทางไปพบคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ที่สหรัฐฯเพื่อชี้แจงเรื่องที่เกิดขึ้น รวมถึงที่ผ่านมาประเทศไทยได้ให้ความช่วยเหลือประเทศกัมพูชาด้านต่างๆ เพื่อสร้างความกินดีอยู่ดีกับประชากรกัมพูชาในวันที่ 28 ก.พ.จะมีการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมเจบีซี ในประเทศ วันที่ 10 ก.พ.ที่ประเทศไทย นอกจากนี้นายอัษฏา ชัยนาม ประธานเจบีซีจะเดินทางไปสมทบ นายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่กรุงปารีส เพื่อพบคณะกรรมการมรดกโลก

    “ส่วนประเด็นที่ระบุว่าผมเคยร่วมขบวนการกับม็อบพันธมิตรฯ ช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมานั้น ยอมรับว่าต้องการต่อต้านระบบปกครองที่ทุจริต แต่ช่วงนี้มีความเห็นต่างเรื่องความคิดและนโยบาย จึงถูกวิจารณ์หยาบบ้าง ไม่หยาบบ้าง นั่นเป็นสิทธิเสรีภาพ และการใช้ถ้อยคำเป็นเรื่องมารยาท การชุมนุมก็เป็นเรื่องของความสมัครใจไม่ใช่มือมือรับจ้างใครมา”นายกษิต กล่าว

    “มาร์ค”ยืนยันจะเร่งเจรจาอย่างเต็มที

    นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ลุกขึ้นสรุปว่า ขอขอบคุณสมาชิกสภาทุกท่านที่เสนอญัตติในเรื่องที่ละเอียดอ่อน มีการดำเนินการประชุมลักษณะเปิดเผย สมาชิกตั้งใจดีอภิปรายสร้างสรรค์ อยากให้ประชาชนรู้สึกว่าเวลาเกิดเหตุการณ์เช่นนี้รัฐสภายังห่วงใยประชาชน พร้อมทำงานร่วมกันให้ผ่านสถานการณ์ยากๆไปได้ ซึ่งตนได้มีโอกาสโทรศัพท์ไปหาส.ส.ศรีสะเกษ 2 คน เพื่อสอบถามสารทุกข์ของประชาชน ถือเป็นนิมิตรหมายที่ดีที่สามัคคี เรื่องของไทย-กัมพูชา นโยบายที่พูดชัดเจนว่ารัฐบาลมีหน้าที่รักษาผลประโยชน์ของประเทศ ปกป้องอธิปไตย รักษาดินแดน รักษาสิทธิอันชอบธรรม อันนี้ไม่สามารถปะนีประนาม หย่อนยาน ละเว้นได้เด็ดขาด และมีเป้าหมายที่ดีเป็นเพื่อนต่อประเทศต่างๆ โดยเฉพาะกัมพูชา อีกทั้งชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยตลอดแนวชายแดนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ยาวนานที่สุดจากการดำเนินนโยบายต่างๆ เชื่อว่าสมาชิกเห็นด้วยสิ่งเหล่านี้ต้องเป็นธงนำในการดำเนินนโยบายและตัดสิน ใจต่างๆ การจะทำให้บรรลุเป้าหมายคือวิธีสันติ หากใช้ความรุนแรง ใช้กำลัง เข้าไปสู่ภาวะสงคราม แม้การสู้รบจะสิ้นสุดลง คงไม่เป็นคำตอบที่ยั่งยื่นดูแลชีวิตประชาชนที่อยู่ในภาวะความเสียง


    “วันนี้ผมยืนอยู่ตรงกลางที่กำหนดท่าทีต่อเรื่องนี้ ประชาชนอาจมองว่าผมกระหายสงคราม อยากชนะคละคลาน ไปฟังคนที่ชุมนุมอยู่ก็บอกว่าเป็นคนอ่อนแอ ไม่คิดจะปกป้อง เป็นคนขายชาติ ผมไม่เป็นทั้ง2อย่าง แต่ดำเนินการด้วยความรัดกุม และต้องร่วมมือกับทุกฝ่าย มีการเจรจากันทุกระดับตลอด แต่ไม่ได้เปิดเผย และจะเร่งเจรจาอย่างเต็มที่”นายกรัฐมนตรี กล่าว

    ระบุเหตุปะทะเพราะเขมรถูกกดดัน

    นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขอให้ความมั่นใจส.ส.ในพื้นที่ว่าการช่วยเหลือต้องมีความต่อเนื่อง และปรับปรุงให้ความคุ้มครองชาวบ้าน ทุกครั้งที่เราตัดสินใจจะประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ขอให้สมาชิกได้สบายใจ ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชายังไม่สามารถจัดทำเขตแดนได้ในหลายพื้นที่ เอ็มโอยู2543 เป็นเครื่องมือให้ชาวบ้านตลอดแนวชายแดนดำเนินชีวิตต่อไปได้ในที่พื้นที่ยัง ไม่ชัดเจน แม้ไม่ใช่ยาวิเศษ แต่ก็ไม่เลวร้ายที่จะไปยกดินแดนให้ใคร อยู่ระหว่างเจรจากัน ส่วนสาเหตุปะทะกันนั้น ไม่ใช่เกิดจากตัวรมว.ต่างประเทศ หรือเกิดจากพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ได้รับตั้งเป็นที่ปรึกษารัฐบาลกัมพูชา แต่เกิดจากการผูกพันที่เกี่ยวข้องกับการขึ้นทะเบียนมรดกโลก และทำอย่างไรไม่ให้มีทหารบริเวณพื้นที่4.6ตารางกิโลเมตร หากมีจะเป็นเรื่องยากที่จะบริหารพื้นที่รอบปราสาทพระวิหาร ทางกัมพูชาจึงถูกกดดันจากคณะกรรมการมรดกโลก จึงใช้วิธีดังกล่าว เราจึงต้องตอบโต้ แต่สมเด็จฮุนเซนได้เรียกร้องให้ทหารยูเอ็นเข้ามา เพื่อไม่ให้มีทหารไทยอยู่ในบริเวณดังกล่าว เมื่อคืน (วันที่8 ก.พ.)ได้คุยกันเลขายูเอ็นก็บอกว่าหากจะปลดชนวนเรื่องนี้ต้องถอนเรื่องมรดก โลกออกไปก่อน ท่านก็บอกว่าไปคุยยูเนสโกให้

    รับส่ง”พนิช”เข้าไปแก้ปัญหาแต่ประสานงานพลาด

    ส่วนที่กลุ่มนายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ เข้าไปนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เกิดจากชาวบ้านยังคลางแคลงใจในพื้นที่ทำกิน แต่ไม่สามารถเข้าไปทำกินได้ ที่ส่งนายพนิชเข้าไปเพื่อแก้ไขปัญหาระหว่างประเทศ และแก้ปัญหาทำกินของชาวบ้าน แต่เกิดความผิดพลาดในการประสานงาน และไม่ทราบจริงๆว่านายพนิชไปกับนายวีระ สมความคิด แกนนำเครือข่ายคนรักชาติฯ หากทราบก็ต้องเตือน เพราะนายวีระเคยถูกจับกุมในบริเวณพื้นที่ทับซ้อน 7 คนไทยมีเจตนาดี และพร้อมช่วยเหลือ2คนให้กลับประเทศไทยให้เร็วที่สุด

    จากนั้นนายชัย ประธานในที่ประชุมได้สั่งปิดการประชุมในเวลา 23.45 น. รวมเวลาที่อภิปรายฯทั้งสิ้นเกือบ 10 ชั่วโมง

    “ชวนนท์”เผย กต.ส่งทีมไปเจรจายูเนสโก

    ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการรมว.ต่างประเทศ เปิดเผยถึงการพูดคุยโทรศัพท์ระหว่างนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กับนายบัน คี มูน เลขาธิการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เมื่อค่ำวันที่ 8 ก.พ.ที่ผ่านมา ว่า เป็นการพูดคุยนาน 20 นาที โดยนายกรัฐมนตรี ได้ย้ำว่าไทยใช้ความอดทนอดกลั้นอย่างถึงที่สุดในการเจรจากับทางกัมพูชา แต่ทางกัมพูชาได้เปิดฉากยิงเข้ามายังที่ตั้งของทหารไทยก่อน ซึ่งไทยได้ตอบโต้ไปเท่าที่จำเป็น และใช้อาวุธตามที่เห็นเหมาะสม โดยไทยไม่เคยยิงตอบโต้ไปยังบริเวณเป้าหมายที่เป็นพลเรือนของกัมพูชา แต่ตรงกันข้ามประชาชนชาว จ.ศรีสะเกษ ต้องถูกอพยพจากหมู่บ้านภูมิซรอลและหมู่บ้านอื่นๆเกือบ 16,000 คน ซึ่งแสดงให้เห็นชัดเจนว่าเป้าหมายของกัมพูชาไม่ใช่เป้าหมายทางการทหาร

    นายชวนนท์ ยังกล่าวถึงการที่นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ เดินทางไปนครนิวยอร์ค ประเทศสหรัฐอเมริกา ว่า เป็นการเดินทางไปตามคำเชิญให้ข้อมูลของยูเอ็นเอสซี และคาดว่าจะได้มีการหารือกับนายฮอร์ นัม ฮง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศของกัมพูชา นอกรอบในโอกาสนี้ด้วย ทั้งนี้ การไปชี้แจงต่อยูเอ็นเอสซีครั้งนี้ ไม่ถือว่าเป็นการเข้ามาแทรกแซงกิจการของทั้ง 2 ประเทศ แต่เป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลในประเด็นที่ขัดแย้ง ทั้งนี้ยังมีการดำเนินการของคณะของกระทรวงการต่างประเทศอีกคณะหนึ่ง คือการมอบหมายให้นายอัษฎา ชัยนาม ประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม(เจบีซี) ฝ่ายไทย เดินทางไปที่สำนักงานใหญ่ของยูเนสโก กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เพื่อพูดคุยกับนางอีรินา โบโกวา ผู้อำนวยการของยูเนสโก ถึงข้อห่วงใยจุดยืนของไทยที่ต้องการคัดค้านการขึ้นทะเบียบประสาทพระวิหาร เป็นมรดกโลก และชี้แจงต่อชาติสมาชิกของคณะกรรมการมรดกโลกทั้ง 21 ชาติด้วย โดยนายกษิต และนายอัษฎา จะเดินทางพร้อมกันไปยังฝรั่งเศส ในวันที่ 11 ก.พ.นี้ จากนั้น นายกษิต จะต่อไปยังสหรัฐอเมริกา เพื่อพบยูเอ็นเอสซี

    “มาร์ค”เผยยูเอ็นห่วงวอนใช้ความอดทน

    เมื่อเวลา 17.30 น. ที่รัฐสภา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงผลการคุยโทรศัพท์กับนายบัน คี มุน เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ(ยูเอ็น) เมื่อช่วงค่ำวันที่ 8 ก.พ. ที่ผ่านมา ว่า ยูเอ็นห่วงใยต่อสถานการณ์นี้ และขอให้ทั้ง 2 ฝ่ายใช้ความอดกลั้นในการแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธี ซึ่งตนได้ยืนยันว่าไทยไม่ประสงค์ใช้ความรุนแรงใดๆหรือไปรุกรานใคร แต่เมื่อเราถูกละเมิดอธิปไตยและมีการใช้อาวุธยิงเข้ามา ก็จำเป็นต้องปกป้องตัวเองด้วยการตอบโต้ที่เหมาะสมแก่เหตุ โดยตอบโต้เป้าหมายทางทหาร และตนได้แจ้งให้เลขาธิการยูเอ็นทราบว่าในขณะนี้เรามีพลเรือนจำนวนกว่าหมื่น คนที่ต้องอพยพจากบริเวณนี้ และมีความเสียหาย นอกจากนี้ เลขาธิการยูเอ็น สอบถามถึงความเสียที่เกิดขึ้นต่อตัวปราสาทพระวิหาร ตนบอกว่าพร้อมจะส่งภาพถ่ายที่แสดงให้เห็นถึงการที่เขาใช้ปราสาทพระวิหารไปใน เรื่องการทหารโดยมีอาวุธและใช้กำลังจากที่นั่น ซึ่งขัดกับเจตนารมณ์ที่จะให้สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ทางวัฒนธรรม เป็นมรดกโลก

    นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ตนยังบอกกับเลขาธิการยูเอ็นด้วยว่าความตึงเครียดจะเพิ่มมากขึ้นในปีนี้ ตราบเท่าที่ยังมีแรงกดดันจากการที่กัมพูชาขอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็น มรดกโลก เพราะกัมพูชาก็รู้สึกกดดันว่าต้องมาจัดการพื้นที่ตรงนี้ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ ฝ่ายไทยก็ถือว่าเป็นของไทย จึงเกิดปัญหา ซึ่งเลขาธิการยูเอ็น รับว่าจะไปติดตามเรื่องนี้กับยูเนสโก ทั้งนี้ ตนคิดว่ายูเนสโกควรหยุดการกดดันด้วยการกำหนดตารางเวลาที่กัมพูชาต้องส่งแผน บริหารจัดการพื้นที่ ในขณะที่พื้นที่ยังมีปัญหากันอยู่ จึงควรรอให้กระบวนการจัดทำหลักเขตต่างๆเสร็จก่อน เพื่อลดแรงกดดันต่อกัมพูชาและไทย ดังนั้นตนคิดว่าได้อธิบายข้อเท็จจริงต่างๆชัดเจน ซึ่งเลขาธิการยูเอ็นก็คงเข้าใจ และคงจะติดต่อไปยังสมเด็จฯ ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ด้วย

    ผู้สื่อข่าวถามว่าทำไมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (ยูเอ็นเอสซี) ยังมีการประชุมเพื่อพิจารณากรณีไทย-กัมพูชา ในเมื่อไทยชี้แจงให้เขาเข้าใจแล้ว นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คงเป็นการสอบถามข้อมูลจากทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ มีความพร้อมในการชี้แจง เมื่อถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่าการประชุมจะไม่ถูกแทรกแซงจากสหประชาชาติ (ยูเอ็น) นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยูเอ็นคงจะสนับสนุนให้เราดำเนินการในส่วนของเรากันเองมากกว่า เมื่อถามต่อว่ากัมพูชายังเรียกร้องให้ยูเอ็นเข้ามา การเรียกร้องของเราจะมีความเข้มแข็งแค่ไหน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อาเซียนได้แสดงท่าทีชัดเจนในการแก้ไขปัญหา ฉะนั้นตนคิดว่าตรงนี้มีน้ำหนัก

    ระบุคกก.มรดกโลกดูเขาพระวิหารไม่เหมาะ

    เมื่อถามว่าคณะกรรมการมรดกโลกจะส่งตัวแทนเข้ามาดูพื้นที่ปราสาทเขาพระวิหาร ในวันที่ 14 ก.พ.นี้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คงไม่เหมาะสม เพราะเราได้แจ้งไปอย่างชัดเจนว่าความตึงเครียดจะยิ่งเพิ่มพูนขึ้น นี่คือปัญหาที่เราพยายามสื่อสารกับเขามาตลอด ซึ่งขณะนี้กระทรวงการต่างประเทศได้คุยและทำความเข้าใจกับเขาแล้ว ต่อข้อถามว่าถึงเวลาที่นายกรัฐมนตรี จะพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา แล้วหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ผู้ที่ประสานงานในฝ่ายต่างๆยังทำงานกันอยู่ ซึ่งเขาจะบอกได้ว่าการพูดคุยควรจะเป็นระดับใด เมื่อใด ขณะนี้ตนคิดว่าควรทำความเข้าใจกันอีกระยะหนึ่ง และต่างฝ่ายต่างดูความเคลื่อนไหวอีกฝ่ายหนึ่ง ซึ่งตนคิดว่าถ้าเหตุการณ์สามารถคงไว้ไม่ให้เกิดปัญหาอีกระยะหนึ่ง มันจะง่ายขึ้น ทั้งนี้ เราทำอย่างเต็มที่เพื่อประคับประคองไม่ให้เกิดเหตุขึ้นอีก แต่เราต้องปกป้องตัวเองอย่างเต็มที่ด้วย

    ฝรั่งเศสเสนอแผนที่เก่าแก้ปัญหา

    สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 9 ก.พ. ว่า รัฐบาลฝรั่งเศสเสนอช่วยแก้ไขปัญหาพิพาท ด้วยแผนที่เก่าที่ฝรั่งเศสทำไว้ ช่วงเริ่มคริสต์ศตวรรษที่แล้ว ที่ฝรั่งเศสยังปกครองดินแดนอินโดจีน โดยนายแบร์นาร์ด วาเลอโร โฆษกกระทรวงการต่างประเทศฝรั่งเศส กล่าวเมื่อวันพุธว่า รัฐบาลฝรั่งเศสยินดีที่จะส่งมอบเอกสาร แก่ประเทศใดก็ได้ที่ร้องขอคำปรึกษา หรือขอถ่ายสำเนาเอกสารเหล่านี้ รายงานระบุอีกว่า คณะเจ้าหน้าที่ของฝรั่งเศสได้จัดทำแผนที่ เพื่อเตรียมการสำหรับสนธิสัญญาฝรั่งเศส-สยาม ปี พ.ศ. 2450 ซึ่งจำกัดพื้นที่เหนือดินแดนรอยต่อไทยกับกัมพูชา ที่กำลังเป็นปัญหาพิพาท

    เขมรพร้อมเจราร้องขอบุคคลที่ 3 ร่วม

    ที่กรุงพนมเปญ สมเด็จ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา กล่าวในระหว่างการปราศรัยในกรุงพนมเปญในวันเดียวกัน ว่า รัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชากำลังเตรียมเอกสารต่างๆ สำหรับเข้าร่วมการประชุมของยูเอ็น และว่า เขาได้บอกกับนายบัน คี-มูน เลขาธิการยูเอ็นว่า สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่การปะทะกันด้วยอาวุธ แต่นี่เป็นสงคราม และสงครามครั้งนี้จะแก้ไขได้ก็โดยผ่านกลไกของสหประชาชาติ สมเด็จ ฮุนเซน กล่าวอีกว่า กัมพูชาไม่สนใจการประชุมทวิภาคีอีกต่อไป “เราจะเจรจาโดยสันติต่อไป แต่ต้องมีบุคคลที่ 3 รวมอยู่ด้วย” ผู้นำกัมพูชากล่าวย้ำ

    [​IMG]

    Daily News Online > หน้าการเมือง > ด่วนฝรั่งเศสโผล่เสนอแก้ไขข้อพิพาทไทย-เขมร
     
  19. titawan

    titawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2008
    โพสต์:
    2,290
    ค่าพลัง:
    +5,139
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=TSobmCVYF9w]YouTube - ข่าว ไทยปะทะเขมร 9 กพ 54 part 1[/ame]

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=lBISpEdjxqE]YouTube - ข่าว ไทยปะทะเขมร 9กพ 54 part 2[/ame]
     
  20. titawan

    titawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2008
    โพสต์:
    2,290
    ค่าพลัง:
    +5,139
    APรายงานอ้างเขมรใช้พระวิหารฐานโจมตีไทย

    [​IMG]
    APรายงานอ้างเขมรใช้พระวิหารฐานโจมตีไทย
    สำนักข่าว AP รายงานอ้าง ทหารกัมพูชา ใช้ปราสาทพระวิหารเป็นฐานโจมตีไทย

    สำนักข่าว AP รายงาน ระบุ ขณะที่รัฐบาลกัมพูชา ปฏิเสธว่าไม่เคยส่งเข้าไปที่ปราสาทพระวิหาร เพื่อใช้เป็นฐานโจมตีทหารฝ่ายไทยหรือใช้เป็นโล่กำบัง พร้อมกล่าวหาว่าประเทศไทย สร้างความเสียหายให้กับปราสาทพระวิหาร แต่ผู้สื่อข่าวจากสำนักข่าวเอพี ที่เดินทางเข้าไปในปราสาทพระวิหาร วานนี้ พบทหารกัมพูชาหลายร้อยนาย เข้ามาประจำการอยู่ในตัวปราสาท และพื้นที่โดยรอบพร้อมทั้งสร้างบังเกอร์จากกระสอบทรายไว้ด้วย

    นอกจาก นี้ ผู้สื่อข่าวยังพบกระสุนปืนตกเกลื่อนในพื้นที่ และกำแพงวัดบางส่วนที่แหว่งหายไป แต่ไม่มีพบความเสียหายอย่างรุนแรงต่อโครงสร้างปราสาท

    ตามรายงานยัง อ้างแหล่งข่าว เป็นทหารกัมพูชานายหนึ่งที่ขอไม่เปิดเผยชื่อ กล่าวว่าตนและทหารนายอื่นๆ ประจำการในพื้นที่ไกลออกไปหลายกิโลเมตร แต่ย้ายเข้ามาประจำการในปราสาทพระวิหาร ตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมาหลังการปะทะ ปะทุรุนแรง

    ขณะที่ สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา กล่าวในวันพุธ ว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นเป็น "อาชญากรรมสงคราม" และเรียกร้องให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีของไทยรับผิดชอบ อีกทั้งความขัดแย้งที่เกิดขึ้นก็ไม่ได้เป็นเพียงการปะทะกันด้วยอาวุธ แต่เป็น "สงคราม"


    http://news.sanook.com/1000990-apรายงานอ้างเขมรใช้พระวิหารฐานโจมตีไทย1.html
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...