ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,804
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Trading Snapshot

    - ดัชนีเงินดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินแข็งค่าขึ้นสู่จุดสูงสุดรอบ 2 สัปดาห์ที 100.48 ในระหว่างช่วงการซื้อขายวันอังคาร ในขณะทีนักลงทุนเทขายสินทรัพย์เสียง เนืองจากราคาน้ำมันดิบลดลงอย่างรุนแรง ทั้งนี้ ราคาสัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบของสหรัฐเพิงดิ่งลงสู่ระดับติดลบเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ในวันจันทร์

    - ในขณะทีปริมาณการใช้เชื้อเพลิงทั่วโลกรูดลงอย่างรุนแรงท่ามกลางวิกฤติไวรัสโคโรนา และ ปัจจัยนี้ส่งผลให้เกิดภาวะอุปทานน้ำมันล้นตลาด และส่งผลให้เกิดปัญหาขาดแคลนคลังเก็บน้ำมัน

    - นอกจากนี้ สถานการณ์นี้ก็ส่งผลให้นักลงทุนเทขายสกุลเงินของประเทศผู้ส่งออกสินค้าโภค ภัณฑ์และสินทรัพย์เสียงอืนๆ และเข้าซื้อสินทรัพย์ในรูปดอลลาร์ทีมีความปลอดภัย

    - ดอลลาร์อยู่ที 107.76 เยน USD/JPY ในช่วงท้ายตลาดวันอังคาร โดยแข็งค่าขึ้นจากระดับปิดตลาดวันจันทร์ที 107.61 เยน ส่วนยูโรอยู่ที 1.0856 ดอลลาร์ USD/EUR ในช่วงท้ายวันอังคาร โดยขยับลงจาก 1.0862 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันจันทร์ ทางด้านดัชนีดอลลาร์เมือเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที 100.258 ในช่วงท้ายวันอังคาร โดยแข็งค่าขึ้นจาก 99.955 ในช่วงท้ายวันจันทร์

    - สกุลเงินของประเทศผู้ส่งออกน้ำมันดิงลงอย่างรุนแรง โดยเฉพาะโครนนอร์เวย์และดอลลาร์ แคนาดา ทางด้านโครนาสวีเดนรูดลงด้วยเช่นกัน เพราะโครนาสวีเดนมักจะได้รับผลกระทบ จากเสถียรภาพเศรษฐกิจโลก ทั้งนี้ ดอลลาร์สหรัฐเพิมขึ้นสู่จุดสูงสุดในรอบเกือบ 1 เดือนเมื่อ เทียบกับโครนนอร์เวย์ ก่อนจะปิดตลาดทะยานขึ้น 1.68% ส่วนดอลลาร์แคนาดาลดลง 0.21% เมือเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ทางด้านโครนาสวีเดนปรับลง 0.81% เมือเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ

    - ยูโรขยับลงเล็กน้อย ถึงแม้สถาบันวิจัย ZEW เปิดเผยผลสํารวจพบว่า ความเชื่อมั่นของนักลงทุนในเยอรมนีเพิ่มขึ้นในเดือนเม.ย. ขณะทีดูเหมือนว่านักลงทุนคลายวิตกเกียวกับผลกระทบ ต่อเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของเชื้อโคโรนาไวรัส ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของ นักลงทุนในเยอรมนีเพิมขึ้นสู่ระดับ 28.2 ในเดือนเม.ย. จาก -49.5 ในเดือนมี.ค.

    - ปอนด์ลดลงสู่จุดต่ำสุดรอบ 2 สัปดาห์ที่ 1.2248 ดอลลาร์สหรัฐในระหว่างวัน ในขณะที่นักลงทุนเทขายสินทรัพย์อังกฤษเพื่อระดมเงินสด มาใช้ชดเชยการขาดทุนที่เป็นผลมาจากการดิ่งลงอย่างรุนแรงของราคาน้ำมัน โดยปอนด์ดิ่งลงราว 1.17% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐในวันอังคาร

    ภาวะตลาดพันธบัตรของไทยวานนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรไทยรุ่นอายุ 5ปี (LB24DB) ปรับตัวลดลงจากวันทําการก่อนหน้าประมาณ 2-3 bps. และมีอัตราผลตอบแทนล่าสุด 0.85% ในขณะที่ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรไทยรุ่นอายุ 10ปี (LB29DA) ปรับตัวลดลงประมาณ 6-7 bps.จากวันทําการก่อนหน้าเนืองจากปริมาณการซื้อของนักลงทุนภายในประเทศ ส่งผลให้มีอัตราผลตอบแทนล่าสุด 1.20% ปิดตลาดสิ้นวันนักลงทุนต่างชาติขายพันธบัตรสุทธิ 203 ล้าน บาท และเป็นการขายพันธบัตรรุ่นอายุมากกว่า 1 ปี 142.31 ล้านบาท

    บทความนี้มาจากศูนย์วิจัยกรุงศรี
    โดย รุ่ง สงวนเรือฝ

     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,804
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เว็บไซต์ เซาต์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์ รายงานผลการวิจัยล่าสุด พร้อมบทสัมภาษณ์ของนาลหลี่หลานจวน นักวิทยาศาสตร์อันดับต้นๆ ของจีนที่ออกมาเตือนว่า อย่ามองข้ามการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งสาเหตุของโรคโควิด-19 หลังที่ทีมวิจัยพบว่ามีสายพันธุ์ที่ดุและรุนแรงกว่าสายพันธุ์ทั่วไปถึง 270 เท่า

    งานวิจัยของศาสตราจารย์ หลี่หลานจวน จากมหาวิทยาลัยเจ้อเจียง และคณะ วิเคราะห์เชื้อโคโรนาไวรัสที่ได้จากผู้ป่วย โควิด-19 ในเมืองหางโจว 11 ราย เพื่อศึกษาความรุนแรงในการติดต่อและทำลายเซลล์ของไวรัส พบว่าไวรัสเกิดการกลายพันธุ์ และได้สร้างสายพันธุ์ที่มีความรุนแรงขึ้นกว่าสายพันธุ์อื่น

    หลี่หลานจวนได้ใช้วิธีการพิเศษในการตรวจสอบการกลายพันธุ์ของไวรัส โดยเธอวิเคราะห์สายพันธุ์ไวรัสที่แยกได้จากผู้ป่วย 11 รายจากนั้นทดสอบว่าสามารถติดเชื้อและฆ่าเซลล์ได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ ซึ่งพบว่า “การกลายพันธุ์ที่อันตรายที่สุดในผู้ป่วยที่เจ้อเจียงเป็นสายพันธุ์เดียวกับที่พบในผู้ป่วยส่วนใหญ่ทั่วยุโรป ในขณะที่สายพันธุ์ซึ่งรุนแรงกว่านั้น เป็นสายพันธุ์ที่พบได้ในส่วนต่างๆ ของสหรัฐอเมริกา เช่น รัฐวอชิงตัน

    อย่างไรก็ดี สายพันธุ์ที่ระบาดในมหานครนิวยอร์กซึ่งมีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในสหรัฐ กลับเป็นสายพันธุ์เดียวกับที่ระบาดในยุโรป

    การค้นพบนี้ทำให้เข้าใจได้ถึงความแตกต่างของการเสียชีวิตในระดับภูมิภาค อัตราการติดเชื้อและการเสียชีวิตของการระบาดใหญ่แตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ นักวิทยาศาสตร์ทางพันธุกรรมได้สังเกตเห็นว่าสายพันธุ์ที่โดดเด่นในแต่ละภูมิภาคซึ่งนักวิจัยบางคนสงสัยว่าอัตราการตายที่แตกต่างกันอาจเกิดจากการกลายพันธุ์หรือไม่ แต่ยังไม่มีหลักฐานโดยตรง แต่ปัญหานี้มีความซับซ้อนมากขึ้น เนื่องจากอัตราการรอดชีวิตนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง อาทิ อายุ สุขภาพพื้นฐาน หรือแม้กระทั่งกรุ๊ปเลือดของผู้ป่วย

    หลี่หลานจวน ยังเตือนอีกว่า สายพันธุ์ที่ไม่รุนแรงก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีความเสี่ยงต่อผู้ป่วยน้อยกว่า โดยยกตัวอย่างผู้ป่วยชาวเจ้อเจียง 2 ราย ช่วงอายุระหว่าง 30-59 ปี ที่ติดเชื้อสายพันธุ์ไม่รุนแรงแต่กลับมีอาการหนัก แม้ว่าทั้งคู่จะไม่เสียชีวิต แต่ผู้ป่วยที่อายุมากกว่าต้องเข้ารับการรักษาในห้องไอซียู

    ทีมของหลี่หลานจวนใช้วิธีการศึกษาแบบ ultra-deep sequencing หรือการจัดลำดับพันธุกรรมไวรัสแบบลึก ซึ่งสามารถอ่านพันธุกรรมแต่ละชุดได้มากกว่า 100 ครั้ง เพื่อให้เห็นความเปลี่ยนแปลงที่อาจมองข้ามไปในการศึกษาตามปกติที่จะอ่านพันธุกรรมเพียงครั้งเดียว

    ทางทีมพบว่าการกลายพันธุ์ทำให้การทำหน้าที่ของขาของไวรัส (spike protein) ซึ่งไวรัสใช้เป็นเกราะด้านนอกในการโจมตีเซลล์ของมนุษย์และสัตว์ เปลี่ยนแปลงไป โดยมีความสามารถเกาะติดที่รวดเร็วและดีกว่าเดิม นั่นน่าจะเป็นสาเหตุของการระบาดที่รุนแรงขึ้น

    นอกจากนี้ ยังพบการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสโคโรนากว่า 30 ครั้ง โดยในจำนวนนี้ 19 ครั้ง หรือราว 60% ได้สร้างสายพันธุ์ใหม่ และยังพบอีกว่าสายพันธุ์ที่ดุที่สุดมีความรุนแรงกว่าสายพันธุ์ที่อ่อนแอที่สุดถึง 270 เท่า ทั้งยังทำลายเซลล์ได้เร็วที่สุดด้วย

    การกลายพันธุ์ระดับยีนที่พบนี้แตกต่างจากสายพันธุ์แรกสุดที่แยกได้ในอู่ฮั่นซึ่งตรวจพบไวรัสครั้งแรก เมื่อปลายเดือนธันวาคมปีที่แล้ว เชื้อไวรัสโคโรนาเปลี่ยนแปลงตัวเองที่ความเร็วเฉลี่ยประมาณหนึ่งการกลายพันธุ์ต่อเดือน โดยภายในวันจันทร์ที่ผ่านมา มีนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกสามารถเรียงลำดับสายพันธุ์ได้มากกว่า 10,000 สายพันธุ์ โดยมีการกลายพันธุ์มากกว่า 4,300 สายพันธุ์ตามที่ศูนย์ข้อมูลชีวสารสนเทศแห่งชาติของจีนได้รายงานไว้

    งานวิจัยชิ้นนี้ถือเป็นหลักฐานชิ้นแรกที่ยืนยันว่าการกลายพันธุ์ส่งผลต่อความรุนแรงและอันตรายของไวรัสโคโรนา ทำให้แต่ละเมืองแต่ละประเทศมีอัตราการเสียชีวิตแตกต่างกัน และต้องพัฒนาวัคซีนที่รองรับการกลายพันธุ์นี้ด้วย

    ที่มา https://www.scmp.com/news/china/sci...tions-affect-deadliness-strains-chinese-study
    https://www.dailymail.co.uk/health/...tml?ito=push-notification&ci=13483&si=1642235

    #RoundtableThailand
    roundtablethailand.com

    #โควิด19
    #โคโรนาสายพันธุ์ใหม่
    #กลายพันธุ์

     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,804
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สุดรันทด!!
    แม่ค้าสาวเลี้ยงเดี่ยวลูก 4 คนถูกรถชนดับ-พ่อเด็กอยู่เรือนจำ
    ตาวอนช่วยหลานห่วงเผชิญชะตากรรม

    สำหรับลูกๆ ของผู้ตายนั้น นายราชินทร์บอกว่าทราบเรื่องแล้วว่าแม่เสียชีวิต อย่างไรก็ตามตามประสาเด็กจึงยังไม่เข้าใจความหมายที่แท้จริงของการเสียชีวิต โดยเฉพาะลูกสาวทั้ง 2 คนที่อยู่ที่ตลาดด้วยในช่วงเกิดเหตุที่ยังคิดว่าเดี๋ยวแม่ก็กลับมาหา ทั้งนี้ สิ่งที่ตัวเองเป็นห่วงที่สุดในเวลานี้คือการเลี้ยงดูหลานทั้งหมดที่กังวลว่าจะไม่สามารถเลี้ยงได้ดีอย่างที่ควรจะเป็น เนื่องจากครอบครัวมีฐานะยากจนและตัวเองก็อายุมากแล้ว ทำอาชีพรับจ้างทั่วไป และภรรยาอายุ 57 ปีเก็บผักขายซึ่งมีรายได้ไม่มากมาย โดยหลังเสร็จสิ้นงานศพของลูกสาวแล้วคงจะต้องมีการหารือกับครอบครัวอีกครั้งว่าจะทำอย่างไรดี

    ทั้งนี้ หากมีผู้ใจบุญต้องการช่วยเหลือลูกๆ ของนางสาวศริญญา สามารถโอนเงินช่วยได้ที่เลขบัญชี 725-0-16953-4 ธนาคารกรุงเทพ สาขาเทสโก้ โลตัส สันทราย ชื่อบัญชี นายราชินทร์ ไชยพันธ์

    อ่านต่อ>>https://mgronline.com/local/detail/9630000041928

    #อุบัตเหตุ #สันทราย #เชียงใหม่

     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,804
    ค่าพลัง:
    +97,150
    "เมียจ่าจำปา" ไม่อยากได้เงิน แต่อยากได้ความเป็นธรรม
    ทภ.4 ขนเตียง-รถเข็นให้แม่ใช้

    คืบหน้ากรณี "จ่าจำปา" แม้ตัวถูกจำขัง 45 วัน แต่แม่ทัพภาคที่ 4 สั่งชุดใหญ่ไฟกะพริบ ขนเตียงขนรถเข็นให้แม่ถึงบ้าน ภรรยาเผยไม่อยากได้เงิน เพราะโควิด-19 ทุกคนกระทบหมด แต่อยากได้ความเป็นธรรมเพราะถูกลงโทษรุนแรง ด้านอดีตผู้บังคับบัญชาเผย ยอดธารน้ำใจทะลุ 6.2 แสนแล้ว

    อ่านต่อ>>https://mgronline.com/onlinesection...dawrad9Zkx10XDybNcDuUkmkx_4FAVYnH4vyFQ25vf6ug

    #จ่าจำปา #แม่จ่าจำปา #เมียจ่าจำปา #เคอร์ฟิว #ทภ4 #ผู้ว่าตรัง

     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,804
    ค่าพลัง:
    +97,150
    หวั่นติดเชื้อพุ่ง!!
    ผู้นำอิเหนาห้ามประชาชนแห่กลับภูมิลำเนา
    หลังสิ้นสุด ‘รอมฎอน’

    รอยเตอร์ – รัฐบาลอินโดนีเซียเตรียมสั่งห้ามประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาหลังสิ้นสุดเดือนรอมฎอนในช่วงปลาย พ.ค. เพื่อยับยั้งการแพร่กระจายของโรคทางเดินหายใจโควิด-19

    อินโดนีเซียมีผู้เสียชีวิตจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่แล้ว 590 ราย ซึ่งถือว่ามากเป็นอันดับ 2 ในเอเชียตะวันออกรองจากจีน

    อ่านต่อ>>https://mgronline.com/around/detail...grX-UwFc_SvnzB6cN_WN0zeoFqdHjiQ_WrFnnE1o7_Wbk

    #อินโดนีเซีย #อิเหนา #รอมฎอน #สถานการณ์ผู้ติดเชื้ออินโดฯ #covid19 #ยอดผู้ติดเชื้อโควิด

     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,804
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ‘ทรัมป์’ ปฏิเสธยอดเงินอุดหนุนทหารมะกันที่ ‘เกาหลีใต้’ เสนอ
    อ้าง ‘น้อยไป’

    “ตอนนี้พวกเขาได้เสนอวงเงินจำนวนหนึ่งมา แต่ผมไม่โอเค” ทรัมป์ แถลงที่ทำเนียบขาว พร้อมเผยว่าที่ผ่านมากรุงโซลจ่ายเงินอุดหนุนเพียงราวๆ 1,000 ล้านดอลลาร์ต่อปีสำหรับทหารอเมริกันที่ถูกส่งไปประจำการอยู่อย่างถาวรในเกาหลีใต้ 28,000-32,000 นาย

    อ่านต่อ>>https://mgronline.com/around/detail...aCxVCWtsrIqUjreaD0ntenqvaoOFO8Agd5CUZvkGOpU1w

    #ฐานทัพกองทัพสหรัฐฯในเกาหลีใต้ #เงินอุดหนุนกองทัพาหรัฐฯ #เกาหลีใต้ #สหรัฐฯ #เส้นขนานที่38

     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,804
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ทรัมป์เตรียมใช้อำนาจปธน.
    “ห้ามอพยพเข้าสหรัฐฯ ชั่วคราว”
    อ้างวิกฤตโควิด-19

    เอเจนซีส์ – ผู้นำสหรัฐฯแถลงช่วงค่ำวันจันทร์(20 เม.ย)ว่า จะลงนามคำสั่งประธานาธิบดีห้ามการอพยพเข้าสหรัฐฯ ชั่วคราวจากการที่สหรัฐฯในเวลานี้กำลังอยู่ในวิกฤตจัดการโรคระบาดโควิด-19 ขณะที่ตัวเลขผู้เสียชีวิตรวมทั่วโลกวันอังคาร(21 เม.ย) อยู่ที่ 170,399 คน ติดเชื้อรวม 2,478,948 คน ด้านสิงคโปร์พบมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่ม 1,000 คนส่วนใหญ่เป็นแรงงานต่างชาติในหอพัก ตัวเลขติดเชื้อรวมสิงคโปร์อยู่ที่ 9,125 คน

    อ่านต่อ>>https://mgronline.com/around/detail...gc3jKqUR7qx34mNQeGpuxyMt-ZfJVbZeU17kkG6xvVuTg

    #สหรัฐฯ #โดนัลด์ทรัมป์ #วิกฤตโควิด #สถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิดสหรัฐฯ #ยอดผู้ติดเชื้อโควิดทั่วโลก

     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,804
    ค่าพลัง:
    +97,150
    รัฐมนตรีกลาโหมไต้หวันต้องรุดออกมาขอโทษและแสดงความรับผิดชอบด้วยการขอลาออกจากตำแหน่ง หลังเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 บนเรือลำหนึ่งของกองทัพเรือที่เดินทางเยือนเกาะในแปซิฟิกเมื่อเดือนที่แล้ว ช่วงที่ไต้หวันกำลังเฉลิมฉลองตัวเลขผู้ติดเชื้อที่ลดลงอย่างมาก และพอกลับสู่แผ่นดินเกิดก็ปล่อยให้ลูกเรือเหล่านั้นขึ้นบกตะลอนไปทั่ว โหมกระพือความกังวลว่ามันอาจจุดชนวนการแพร่ระบาดระลอกใหม่ในดินแดนที่ได้รับการยกย่องว่าบริหารจัดกับวิกฤตโควิด-19 ได้ดีที่สุดแห่งหนึ่ง

    อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9630000041894
    ………………………………
    ● อีกช่องทางติดตาม NEWS1
    Line : http://nav.cx/4tvbDJ8
    Youtube : youtube.com/c/NEWS1VDO

     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,804
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Sovereign Man
    They’ll wreck the currency if they have to
    ถ้าจะต้องถึงขั้นทำลายค่าเงิน..พวกเขาก็จะทำ

    Simon Black April 21, 2020

    เมื่อเกือบเจ็ดร้อยปีมาแล้ว ระหว่างช่วงกลาง 1300s เกิดการระบาดของกาฬโรคครั้งรุนแรง ที่ทำให้ชาวยุโรปยุคนั้นต้องมีมาตรการ social distancing ที่หนักหนาที่สุดในประวัติศาสตร์

    Boccacio กวีชื่อดังของยุคนั้นเขียนไว้ใน The Decameron ในปี 1353 .....panic ที่เกิดในระดับฮิสทีเรียมันสุด ๆ ขนาดที่ว่า "พี่น้องทอดทิ้งกันและกัน ...บิดามารดาปฏิเสธที่จะดูแลลูก ๆ ของตน..."

    แล้วพอผู้คนรู้สึกว่า เรื่องเลวร้ายสุด ๆ ผ่านไปแล้ว พวกเขาก็ค่อย ๆ ออกจากบ้าน

    ไม่มีพิธี grand re-opening เศรษฐกิจของประเทศ ในแบบที่ห้างสรรพสินค้ากำลังคิดกันตอนนี้ ....แต่ผู้คนก็ยังไม่วางใจกันและกันอยู่ ยังคงหลีกเลี่ยงการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างเพื่อน..ครอบครัว..หรือกับเพื่อนร่วมอาชีพ

    ธุรกิจการค้าดำเนินไปอย่างเชื่องช้า เศรษฐกิจยังคงซบเซาอยู่นานนับปี

    ครั้นพอถึงเวลาที่ดูเหมือนว่าสถานการณ์จะกลับมาเริ่มดีขึ้นแล้ว กาฬโรคก็กลับมาระบาดอีกครั้งในปี 1360 และอีกครั้งปี 1374

    ในยุโรปสมัยกลางเริ่มค้นพบว่า ถ้ายังคงมีหนูแม้เพียงตัวเดียวในโลกนี้ที่สามารถเป็นพาหะของโรคได้ ...การระบาดของโรคนี้ก็ยังคงไม่จบสิ้นหรอก

    และนั่นมันทำให้รู้ว่า..ไม่มีทางที่จะกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้

    มีอุตสาหกรรมบางชนิดเท่านั้นที่ยังคงรุ่งเรืองอยู่ได้..หลังการระบาดของกาฬโรค ..เพราะผู้คนก็ยังคงต้องกิน ดังนั้นการเกษตรกรรมเพื่อการผลิตอาหารก็ยังคงดีอยู่

    และจากการที่คนส่วนใหญ่ยังคงต้องกักตัวเองอยู่บ้าง วิทยาศาสตร์จึงเข้ามามีบทบาทในแบบที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในยุโรปตะวันตกยุคนั้น

    อุตสาหกรรมส่วนใหญ่เจ๊งอย่างไม่รู้จะเปรียบกับอะไรดี

    ธุรกิจการค้าหดตัวรุนแรง ..อุตสาหกรรมทอผ้าขนสัตว์ในอิตาลีต้องปิดตัวลง ...ธนาคารชื่อดังหลายแห่งของยุโรปพากันเจ๊ง ...แม้แต่หนี้สาธารณะของรัฐบาลบางแห่งก็ยังชักดาบ

    แต่สถานการณ์ปัจจุบัน..เห็นได้ชัดว่ามันแตกต่างกัน โลกมีการพัฒนาและกำลังคิดหาหนทางทำให้ต้นเหตุของการระบาดนี้มันสูญพันธ์ให้ได้

    ขณะเดียวกันการผลิตสินค้าและการบริการหลายอย่างก็ยังคงดีอยู่ ...มันเป็นการส่งสินค้าได้ทั่วโลกผ่านทางการค้าออนไลน์ ...จนถึง home delivery

    แต่หลาย ๆ อย่างก็ยังคงเหมือนกับยุคก่อน และยากที่จะมองข้ามไป

    ตอนนี้ ผู้คนส่วนใหญ่ต้องกักตัวเองอยู่ในบ้านของตน ส่วนนักวางแผนทั้งหลายก็กำลังรอให้ไวรัสมันตายซะที

    แต่นี่ดูเหมือนจะขัดกับที่รู้มาใน biology อยู่ซักหน่อยนะ

    ก็เป็นแบบที่คนในยุค 1300s รู้อยู่ ถ้ามีพาหะของโรคแม้เพียงหนึ่งเดียว .....การระบาดของโรคก็พร้อมจะเริ่มเกิดขึ้นได้อีก

    ถ้ามีผู้ติดเชื้ออยู่ 2-3 คน คนเหล่านี้แต่ละคนก็จะสามารถแพร่เชื้อไปได้อีก 2-3 คน กร้าฟการเพิ่มก็พร้อมจะเป็นเส้นโค้งแบบ exponential ทันทีอีกครั้ง

    Lockdowns ไม่อาจฆ่าไวรัสได้หรอก มันแค่เป็นเพียงการรีเซ็ทนาฬิกา

    จะเกิดอะไรขึ้น..ถ้ามีการระบาดเกิดขึ้นเป็นระลอกที่สอง ....เราจะต้องมีการ lockdown เป็นเวลาสองเดือนเกิดขึ้นอีกครั้ง..จนทำให้เศรษฐกิจพังหรือเปล่า

    และถึงแม้จะยกเลิกการ lockdown อุตสาหกรรมหลายภาคนับไม่ถ้วนก็จะต้องเปลี่ยนรูปแบบไป ...เราจะยังมีธุรกิจที่เป็นที่รวมของฝูงชนเช่น ผับบาร์..ธุรกิจการบิน..สนามกีฬา..แหล่งช้อปปิ้ง อยู่พร้อมหน้าเป็นปกติอีกหรือ

    แม้แต่ที่ทำงานที่เราคุ้นที่สุดเช่นในออฟฟิซ ..ก็มีผลกระทบ

    ธุรกิจขนาดใหญ่ต้องมีการ downsize ต้องมีการลดกำลังคน และลดขนาดพื้นที่ในออฟฟิซ แม้แต่ Disney ก็มีความคิดลดขนาดพื้นที่..ในที่ทำงานของตน

    เทรนด์นี้จะต้องมีผลกระทบอย่างแรงต่ออุตสาหกรรมเรียลเอสเตทศูนย์การค้าแน่ ๆ เริ่มจากผู้ออกแบบ ผู้ก่อสร้าง เจ้าของพื้นที่ ตลอดจนธนาคารเจ้าของเงินทุน

    ห้างค้าปลีกน่ะ มันหายไปก่อนหน้านี้แล้ว การแจ้งยื่นขอล้มละลายน่ะ เอกสารกองเป็นตั้งเลย ..นี่มันกระทบคนทำงานที่เกี่ยวข้องนับล้านคนในภาคค้าปลีก และมันจะไปจุดชนวนการชักดาบหนี้แบ้งค์ของห้างค้าปลีกยักษ์อีกหลายแห่งด้วย

    และเมื่อวานนี้คุณ ๆ ก็อาจเห็นแล้วว่าราคาน้ำมัน WTI มันแครชลงไปต่ำกว่า $0 ต่อบาเรล .....แล้วบริษัทน้ำมันจำนวนมากมันจะไปเหลือเหรอ

    คนทำงานในภาคการผลิตน้ำมันก็คงจะต้องตกงาน และแน่นอน ธนาคารที่เป็นเจ้าหนี้ของบริษัทน้ำมันเหล่านี้ ...แบ้งค์บางแห่งปล่อยสินเชื่อให้กับบริษัทน้ำมันมากเกินกว่า 100% ของทุนของแบ้งค์ซะอีก

    และมันก็ไม่ใช่แค่ภาคพลังงานเท่านั้น

    ธนาคารที่ปล่อยสินเชื่อให้ห้างค้าปลีกก็จะต้องเจอ ...ธนาคารที่ปล่อยสินเชื่อให้เรียลเอสเตทศูนย์การค้าก็จะต้องเจอ

    แล้วยังมีสินเชื่อบริโภคส่วนบุคคลที่แน่นอนว่าจะต้องเจอเหมือนกัน เพราะคนตกงานอีกนับล้านก็คงจะต้องเตรียมเอามือจับดาบแล้วด้วย

    แต่เรื่องใหญ่คือ จะต้องมีการชักดาบของหนี้สาธารณะระดับชาติเกิดขึ้นด้วย ธนาคารจำนวนมากจะต้องเจอครั้งใหญ่เลย

    หนี้ทั้งหมดในโลกนี้มีมากกว่า $250 ล้านล้าน ...เจ้าหนี้ส่วนใหญ่คือธนาคาร ถ้ามีหนี้สูญเกิดขึ้นแม้เพียง 1% แบ้งค์จำนวนมากก็จะไม่รอด

    ถ้าคุณจะคิดว่า แบ้งค์เจ๊งน่ะเป็นเรื่อง impossible ...ก็อย่าลืมว่าเรื่องราคาน้ำมันที่มันติดลบถึง $40 เมื่อวานน่ะ ก็ไม่เคยมีใครคิดว่ามันจะ possible มาก่อนนิ

    scenario อะไรตอนนี้ มันก็ possible ทั้งนั้นแหละคู๊น

    และนี่ก็นำไปสู่ไอเดียอีกเรื่องนึง:

    ก็ไม่รู้ว่าราคาหุ้นในตลาดมันจะขึ้นไปอีกหรือร่วงลง หรือจะเกิดอะไรต่อไปกับราคาน้ำมัน

    แต่ก็ไม่น่าต้องสงสัยว่ารัฐบาลและธนาคารกลางกำลังรวมหัวกันพิมพ์เงินเพิ่มแบบไม่จำกัดจำนวนที่จะ bail-out ทุก ๆ คนโดยเฉพาะแบ้งค์อีกหรือเปล่า

    สิ่งสุดท้ายที่นักการเมืองจะคำนึงถึงก็คือเรื่องค่าของเงิน ....เหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ทำให้เรารู้ว่า เงินเฟ้อน่ะ มักจะถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือของรัฐบาลในยามวิกฤต

    ถ้าจะต้องเสกเงินกลางอากาศมาแก้ปัญหาเฉพาะหน้าทางเศรษฐกิจ พวกเขาก็จะทำ ถึงแม้มันจะเป็นการทำลายค่าเงินก็เถอะ

    นี่จะเป็นตัวชี้นำให้เราเตรียมตัว..ว่าจะต้องทำอะไรต่อไปนะ

    ***********

    They’ll wreck the currency if they have to

    Simon Black April 21, 2020

    Nearly seven centuries ago in the mid-1300s, the first major outbreak of the Bubonic Plague forced Europeans into some of the harshest social distancing measures in history.

    As Boccacio wrote in The Decameron in 1353, the hysteria was so extreme that “brother abandoned brother. . . fathers and mothers refused to see and tend their children, as if they had not been theirs.”

    When people sensed the worst was over, they slowly came out of their homes.

    There was no grand re-opening of the economy like some department store suddenly under new management. People remained highly mistrustful of one another, continuing to avoid even the most basic interactions with friends, family, and professional colleagues.

    Commerce was slow and the economy remained depressed for years.

    And just when it seemed that the situation was finally starting to improve, the plague struck again in 1360. And again in 1374.

    Medieval Europeans quickly realized that if there was just a single rat left on the planet carrying the disease, then another wave of the pandemic could begin anew.

    And that made it next to impossible for anything to return to normal.

    Only a handful of industries flourished after the plague. People still needed to eat, so agriculture did well.

    And as more people remained in relative isolation, science began to advance at a pace never seen in western Europe.

    But most industries suffered immeasurably.

    Commercial trade dwindled. Italy’s woolen textile industry practically ceased to exist. Many prominent banks in Europe collapsed. And there were even government debt defaults.

    Today our circumstances are obviously different. The world has some of its brightest minds working to eradicate this pandemic, and they have a pretty great track record.

    And while there are certainly a lot of challenges to deal with, we’re still able to produce certain goods and services, ship them across the globe, and order online for home delivery.

    But there are some similarities that are difficult to ignore.

    Right now most people are barricaded in their homes while policymakers wait for this virus to die off.

    But that’s not how biology works.

    Just like in the 1300s, if there’s even a single carrier of the coronavirus remaining, then the whole thing starts over.

    That person transmits the virus to 2-3 people, those people transmit the virus to 2-3 other people, and the exponential growth curve begins again.

    Lockdowns don’t kill off the virus. They just reset the clock.

    I’ve been writing about this for a while: what happens if there’s a second wave of outbreaks? Do we all go on lockdown for another two months and send the economy into another tailspin?

    Even when they do lift the lockdowns, countless industries will be hideously disfigured; do we really expect crowded bars, airplanes, sports stadiums, and shopping malls to return to normal?

    Even something as basic as office space could take an enormous hit.

    I wrote last week that big businesses could be downsizing– permanently reducing their work forces and cutting back on office space. Even Disney acknowledged that they will reduce office space.

    It’s hard to imagine that trend won’t have a major impact on the entire commercial real estate industry, from agents to construction companies to property owners, to the banks who own the mortgages.

    Retail stores have been totally vanquished, and the bankruptcies are piling up; this could impact millions of workers in the retail sector and trigger a wave of defaults against the banks who loaned money to retail giants.

    And you probably saw yesterday that the price of WTI crude oil crashed BELOW $0.

    We’ll talk about that more in another letter… but it’s fair to say that low oil prices will force a lot of oil companies out of business.

    And that will impact workers in the sector who stand to become unemployed… and, yes, the banks who loaned money to oil companies.

    [According to a recent report from investment firm KBW, some banks, like Oklahoma-based BOK Financial, have more than 100% of bank equity tied up in loans to oil companies!]

    I’ve been writing about this theme since the pandemic started: there will be some banks that don’t make it. They simply won’t be able to withstand the loan losses.

    And it’s not just the energy sector.

    Banks with loans to retail companies could take a hit. Bank with commercial real estate loans could take a hit.

    And banks’ consumer loan portfolios will undoubtedly take a hit as millions of newly unemployed people stop paying their bills.

    There will likely even be sovereign debt defaults, and banks will take a huge hit from those.

    There’s more than $250 TRILLION worth of debt worldwide, much of it owned by banks. If even 1% of that debt goes to zero, a number of banks won’t survive.

    And if you think that bank failures aren’t possible, please remember that oil prices hit MINUS $40 yesterday. Nobody thought that was possible. And yet it happened.

    EVERY scenario is possible.

    And this leads me to a very central idea:

    I don’t know if the stock market is going to rise or fall. I don’t know what’s going to happen to oil prices.

    But I have a strong suspicion that the government and central bank are going to keep working together, printing incomprehensible sums of money to bail everyone out– especially banks.

    This ‘whatever it takes’ monetary policy could come at an extremely steep price.

    The last thing politicians care about right now is the value of the currency. And history tells us that inflation is almost always the preferred tool of a government in crisis.

    If they have to conjure $10 trillion out of thin air to bail out the economy, they’ll do it… even if it wrecks the currency.

    This is an enormous implication worth preparing for today.

     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,804
    ค่าพลัง:
    +97,150
    พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในเรือสำราญสัญชาติอิตาลีชื่อ Costa Atlantica ที่จอดซ่อมอยู่ที่ จ. นางาซากิ เพิ่มถึง 33 ราย

    เพราะจอดซ่อมไม่มีลูกค้านะคะ มีแต่ลูกเรือ 623 ราย

    เมื่อวานพบ 1 ราย ตรวจคนใกล้ชิด 57 ราย พบเพิ่ม 33 ราย

    เรือมาถึงตั้งแต่ 29 มกรา (3 เดือนที่แล้ว)

    จอดอยู่อู่ 三菱重工長崎造船所香焼工場

    20 ก.พ. เข้า dock

    25 มี.ค. เริ่มซ่อม

    ในระหว่างนี้ลูกเรือออกไปซื้อของในเมืองบ้าง แต่ก็ให้วัดไข้ตลอด และใช้บัสซึ่งเป็นชาร์เตอร์ของบริษัท

    14 เมษา ลูกเรือเริ่มมีไข้

    รัฐบาลอิตาลีขอความร่วมมือทางการแพทย์มาทางรัฐบาลญี่ปุ่น รัฐบาลญี่ปุ่นจึงส่งทีมแพทย์เข้าไปช่วยเหลือ
    ———

    ✒️ บางทีก็เหนื่อยแทนญี่ปุ่นนะคะ.... 

    #กิ๊ฟจังนั่งเล่า #ข่าวญี่ปุ่น #เกาะติดไวรัสโคโรนา
    #เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ #อู่ฮั่น #COVID-19 #โควิด19

     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,804
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #สำคัญ ข้อปฏิบัติ 10 ประการเพื่อลดการสัมผัส 80% จากการประชุมของผู้เชี่ยวชาญวันนี้

    【1】กลับบ้านเกิดแบบออนไลน์
    【2】ไปซื้อของซุปเปอร์ คนเดียว/น้อยคน และไปเวลาที่คนน้อย
    【3】วิ่งจ๊อกกิ้ง : ไปเวลา สถานที่ที่มีคนน้อย
    【4】ของที่ไม่รีบก็ซื้อผ่านออนไลน์
    【5】ดื่มเหล้าสังสรรค์ออนไลน์ (โนมิไก)
    【6】หาหมอออนไลน์ หรือ หาหมอระยะไกล
    【7】ออกกำลังกาย โยคะ ที่บ้านผ่านคลิปวีดีโอต่าง

    【8】กินอาหารเทคเอ้าท์/delivery
    【9】งานทำ WFH / คนเดินทางไปทำงานให้เหลือเฉพาะ แพทย์ อินฟรา logistics (ขนส่ง)
    【10】เวลาคุยกันต้องใส่แมส

    แม่โคอิเคะแห่งโตเกียว เตรียมพิจารณาประกาศให้กำหนดจำนวนคนเข้าซุปเปอร์
    Lawson แปะป้ายหน้าร้าน บอกเวลาที่คนเยอะ เพื่อให้คนหลีกเลี่ยง

    ———

    ภาพ/ข่าว: NTV / NHK

    ✒️คู่มือมาแล้วนะคะ หวังว่าทุกอย่างจะดีขึ้นเรื่อย ๆ ^^

     #กิ๊ฟจังนั่งเล่า #ข่าวญี่ปุ่น #เกาะติดไวรัสโคโรนา
    #เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ #อู่ฮั่น #COVID-19 #โควิด19

     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,804
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #โรงพยาบาลร้างที่ลอนดอน
    #คนไข้ล้นคนพยาบาลขาด

    วันนี้ สื่ออังกฤษได้ลงข่าวใหญ่ ตั้งข้อสงสัยถึง โรงพยาบาลสนามไนติงเกล (Nightingale Field Hospital) ที่ลงทุน ลงแรง สร้างโดยการปรับศูนย์การประชุมขนาดใหญ่ Excel Centre ในกรุงลอนดอน เพื่อรองรับผู้ป่วยฉุกเฉิน Covid-19 ได้ถึง 4,000 เตียง

    ทำไมวันนี้ ถึงร้าง ไร้ผู้คน จนนักข่าวไปตั้งฉายาว่า เป็นโรงพยาบาลผี รึเปล่า?

    ถ้าเป็นประเทศที่เอาอยู่กับ Covid-19 เลยจุดพีค จนเกือบจะสู่ภาวะปกติแล้ว ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก แต่กับอังกฤษ ที่มียอดผู้ติดเชื้อเกือบจะทะลุ 130,000 อยู่แล้ว รักษาหายยังน้อยมาก และมีตัวเลขผู้เสียชีวิตในระดับหมื่นคน มันไม่น่าจะใช่นะ

    และยังมีข้อมูลบางส่วนอีกด้วยว่า ถึงจะมีเตียงว่างมากมายแค่ไหน แต่โรงพยาบาลสนามไนติงเกลแห่งนี้ กลับปฏิเสธที่จะรับผู้ป่วยที่โอนย้ายมาจากโรงพยาบาลอื่นที่เตียงเต็มแล้วถึง 50 ราย ด้วยเหตุผลว่า "ไม่มีพยาบาล"

    ดังนั้นนักข่าวจึงไปสอบถามกับหน่วยงานสาธารณสุขของอังกฤษ กลับได้รับคำตอบที่ต่างออกไป??

    เจ้าหน้าที่สาธารณสุขระดับสูง ให้เหตุผลว่า ไม่ใช่เรื่องการขาดแคลนพยาบาล อาจเป็นการสื่อสารที่ผิดพลาดบางอย่าง และต้องทำความเข้าใจก่อนว่า โรงพยาบาลสนามไนติงเกลนี้ สร้างขึ้นเพื่อเป็นโรงพยาบาลฉุกเฉิน ในกรณีที่โรงพยาบาลทั่วไปมีคนไข้ล้น จนเตียงพยาบาลไม่พอแล้ว จึงนำคนไข้มาส่งในที่นี่ แต่ในตอนนี้ สถานการณ์ในโรงพยาบาลทั่วไปยังว่างอยู่ ยังรับมือกันได้ ดังนั้นโรงพยาบาลสนามก็ยังไม่จำเป็นต้องใช้

    และยังพูดเสริมอีกว่า ถ้าเตียงพยาบาลเหล่านี้ไม่ได้ถูกใช้งานเลย นั่นถือเป็นความสำเร็จของระบบสาธารณสุขของเราแล้ว ที่รับมือสถานการณ์ได้

    ฟังแล้วก็แปลกๆ มันจะใช่หรือท่าน???

    สำหรับโรงพยาบาลสนามไนติงเกลนี้ ตั้งชื่อตามนางฟ้าแห่งพยาบาล ฟลอเรนซ์ ไนติงเกล ของอังกฤษ เริ่มสร้างกันตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคมที่ผ่านมา โดยมีการเกณฑ์กำลังพลจากกองทัพ และอาสาสมัคร จำนวนมาก มาเร่งก่อสร้าง ปรับพื้นที่ศูนย์ประชุม Excel Centre ให้กลายเป็นโรงพยาบาลสนามขนาดใหญ่ พร้อมจุเตียงพยาบาลมากถึง 4,000 เตียง ที่ส่วนใหญ่มีอุปกรณ์ช่วยชีวิตครบครัน เพื่อรองรับผู้ป่วยวิกฤติได้เลย และใช้เวลาเพียง 9 วันก็แล้วเสร็จ

    ในวันที่ 3 เมษายน มีพิธีเปิดโรงพยาบาลสนามด้วยนะคะ โดยรัฐมนตรีสาธารณสุข Matt Hancock และยังมีวิดิโอ ลิงค์ จากเจ้าฟ้าชายชาลส์ มาร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีเปิดด้วย โดยทางการอังกฤษคุยไว้ว่าโรงพยาบาลสนามแห่งนี้ จะเป็นศูนย์พยาบาลผู้ป่วย ICU ที่ใหญ่ที่สุดในโลก

    แต่วา ตั้งแต่เริ่มเปิดโรงพยาบาลสนามแห่งนี้มา ได้ใช้รับคนไข้เพียง 41 ราย ที่ตอนนี้มีทั้งตาย และ หาย กลับไปแล้วบางส่วน ยิ่งช่วงวันหยุดในเทศกาลอีสเตอร์ เหลือคนไข้เพียง 19 คน มองหน้ากันเลิ่กลั่ก เห็นแต่เตียงพยาบาลโล่งๆ สุดลูกหู ลูกตา

    ถ้าตั้งใจจะเปิดโรงพยาบาลสนาม พร้อมอุปกรณ์ครบครันขนาดนี้ ก็น่าจะใช้ให้คุ้มหน่อย

    แต่พอสอบถามรายละเอียดว่า ทางโรงพยาบาลไนติงเกล มีคุณหมอ คุณพยาบาลประจำอยู่จริงๆกี่ท่าน กลับไม่พบตัวเลขจากแหล่งข่าวไหนเลยที่จะยืนยันได้

    แต่หากความตั้งใจแต่แรกคือ มีไว้รองรับผู้ป่วย ICU นั่นหมายความว่าจะต้องมีคุณหมอ และคุณพยาบาล ที่ได้รับการเทรนมาแล้วในอีกระดับหนึ่งที่สามารถดูแลผู้ป่วยวิกฤติได้

    แล้วโรงพยาบาลสนามแห่งนี้ จะไปหามาจากไหน ถ้าไม่ใช่ดึงตัวมาจากโรงพยาบาลทั่วไป ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ในทางปฏิบัติอยู่แล้ว เพราะถ้าเขามีคนไข้ล้นมือ เขาจะส่งพยาบาลมาได้อย่างไร

    สุดท้าย เหตุผลก็คือ คุณพยาบาลขาดจริงๆนั่นแหล่ะค่า

    เรื่องพยาบาลขาดแคลนในอังกฤษ ไม่ได้เพิ่งจะมีปัญหาตอนเกิดวิกฤติไวรัสโคโรน่า แต่มีมาตั้งนานแล้ว

    จากเว็บไซท์ ข่าวสารพยาบาล ของทางอังกฤษ เคยลงข่าวไว้ว่า ในปีที่ผ่านมา 2019 ทั่วอังกฤษ ขาดแคลนพยาบาลถึง 44,000 ตำแหน่ง

    ตัวเลขการขาดแคลนบุคลากร มันจะไม่จบนิ่งแค่ปีเดียว แต่จะสะสม ทบต้นไปเรื่อยๆ หากยังขาดแคลนอยู่อย่างนี้ ในอีก 10 ปีข้างหน้า อังกฤษอาจเป็นประเทศที่ขาดแคลนพยาบาลถึง 1 แสนคน

    ผลของการขาดแคลนทั้ง หมอ-พยาบาล ไม่ใช่เฉพาะที่อังกฤษ แต่เป็นอย่างนี้ทั่วทั้งยุโรป ได้ส่งผลมาถึงตัวเลขผู้ติดเชื้อไวรัสในยุโรปที่สูงมาก และเสียชีวิตเป็นจำนวนมากเช่นกัน ไม่ใช่เพียงเพราะขาดแคลนอุปกรณ์การแพทย์เพียงอย่างเดียว แต่ขาดทรัพยากรบุคคลผู้เชี่ยวชาญในการปฏิบัติงานด้วย

    เหมือนกับโรงพยาบาลไนติงเกลแห่งนี้ 5 วัน 10 วัน สร้างได้ ใหญ่แค่ไหนก็ได้ แต่ทรัพยากรบุคคลที่มีทักษะ และประสบการณ์ ไม่สามารถสร้างได้ภายในระยะเวลาจำกัดนะคะ

    ก็จะย้อนกลับมาที่นโยบาย Stay home เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ เป็นการ Save คุณหมอ คุณพยาบาล ลดภาระในการทำงาน นั้นดีที่สุดแล้วหล่ะค่า

    แหล่งข้อมูล
    https://www.dailymail.co.uk/news/ar...xCeL-Centre-rejects-patients-lack-nurses.html
    https://metro.co.uk/2020/04/22/nhs-...turned-away-30-patients-lack-nurses-12591302/
    https://www.france24.com/en/2020040...london-adding-4-000-beds-to-coronavirus-fight
    https://theconversation.com/nursing-expert-this-is-the-full-scale-of-nhs-staffing-problem-128250
    https://en.m.wikipedia.org/wiki/NHS_Nightingale_Hospital_London

     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,804
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ทำไมราคาน้ำมันดิบ Brent ถึงไม่มีวันจะติดลบได้เหมือนน้ำมันดิบ WTI ?

    ถึงแม้จะเป็นภาพที่นึกออกได้ยากมากว่าทำไมราคาน้ำมันดิบถึงจะติดลบได้ แต่มันก็เกิดขึ้นให้เราเห็นแล้วเมื่อ 2 วันก่อนกับราคา WTI

    เพราะว่าสัญญาซื้อขาย WTI ที่ Nymex นั้นเป็น Physical Delivery หรือเมื่อหมดสัญญาจะมีการรับส่งมอบน้ำมันของจริงกันที่ Cushing Okahoma ในรัฐ Texas สหรัฐ

    ทำให้ไม่ว่าจะเป็นเพราะกองทุนน้ำมัน ETFs ที่เปิดสัญญาซื้ออยู่จะโดนบีบให้ต้องเร่งปิดสัญญา หรือ เพราะผู้ค้าน้ำมันในสหรัฐจะยอม #จ่ายเงินให้คนอื่นมาช่วยรับน้ำมันไปที ก็ตาม เราก็ได้เห็นแล้วว่าสัญญาราคาน้ำมัน WTI นั้นเทรดลงไปลบที่ 40 เหรียญต่อบาร์เรลในช่วงขณะหนึ่ง

    แต่สัญญาซื้อขายน้ำมันดิบ Brent ที่ ICE นั้นต่างกับ WTI อยู่ตรงที่ Brent นั้นเป็นระบบ Cash Settle เมื่อหมดสัญญาแล้วจะไม่มีการรับส่งมอบของกันจริง จะมีเพียงการคำนวนราคาส่วนต่างระหว่างราคาที่ซื้อขายไว้กับราคาทีปิดหรือหมดอายุสัญญาเท่านั้น และจะมีการรับจ่ายเงินกันตามส่วนต่างนี้ ไม่มีการรับส่งมอบของกันจริงๆ

    ทำให้สำหรับน้ำมันดิบ Brent นั้นคงไม่มีมีใครหรอกที่จะยอม #จ่ายเงินให้คนอื่นมารับเงินของตัวเองไปที มันไม่น่าจะเป็นไปได้

    ยังมีน้ำมันดิบในยุโรปอีกหลายแห่งที่ซื้อขายและรับของกันจริงโดยมีการอ้างอิงราคาจาก Brent อีกที โดยราคาอาจจะกลายเป็นติดลบได้ตามทฤษฎี แต่ก็โอกาสก็น้อยกว่า WTI มากหากจุดส่งมอบยังมีการเข้าออกที่คล่องไม่ได้ติดปัญหาเรื่องท่อขนส่งออกนอกประเทศเต็ม อย่างที่ Cushing Okahoma ของ WTI

    ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามเพจของเรานะครับ ฝากกด Like และ Share ให้แอดด้วยหากข้อมูลนี้มีประโยชน์นะครับ ขอบคุณมากๆครับ

    #OilTradingKP
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,804
    ค่าพลัง:
    +97,150
    22 เมษายน 2020 สนามแม่เหล็กโลก 8:51, 11:59, 12:39, 15:39, 17:19

    April 22, 2020. Magnetosphere. 8:51, 11:59, 12:39, 15:39, 17:19.

     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,804
    ค่าพลัง:
    +97,150
    22 เมษายน 2020 สนามแม่เหล็กโลก การรบกวนของเส้นสนามแม่เหล็กรุนแรง เวลา 19:11

    April 22, 2020. Magnetosphere. Strong magnetic field line disturbance. 19:11

     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,804
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สวีเดนสั่งปิดสถาบันขงจื้อซึ่งถือเป็นเครื่องมือเผยแพร่วัฒนธรรมของรัฐบาลจีนแล้ว โดยทยอยปิดและปัจจุบันปิดหลังสุดท้ายไป
    นับเป็นประเทศแรกในยุโรปที่ปิดสถาบันขงจื้อจนหมดประเทศ และหลายๆประเทศก็เริ่มทยอยปิดสถาบันขงจื้อด้วยเหตุผลต่างๆ หลายฝ่ายมองว่าสถาบันขงจื้อเป็นเครื่องมือของรัฐบาลจีนในการเผยแพร่วัฒนธรรมและแนวคิดของจีน
    ปัจจุบันประเทศไทยเองก็มีสถาบันขงจื้อและมีความร่วมมือกับหลายๆมหาวิทยาลัยและสถาบันการศึกษาต่างๆ

     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,804
    ค่าพลัง:
    +97,150
    WHOเตือนโควิด-19จะอยู่กับมนุษย์อีกนาน โต้เสียงวิจารณ์ประกาศภาวะฉุกเฉินทันการณ์
    FB_IMG_1587609257447.jpg
    เอเอฟพี - ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่(โควิด-19) จะย่องอยู่บนโลกต่อไปอีกนาน จากความเห็นขององค์การอนามัยโลก(WHO)ในวันพุธ(22เม.ย.) พร้อมเตือนว่าประเทศส่วนใหญ่ยังเพิ่งอยู่ในขั้นต้นของการควบคุมการแพร่ระบาดเท่านั้น

    เทดรอส แอดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก ระบุว่ามีบางประเทศที่คิดว่าพวกเขาควบคุมไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ได้แล้ว แต่บัดดลก็ได้เป็นสักขีพยานในการฟื้นคืนชีพของเคสผู้ติดเชื้อใหม่ๆ ขณะที่ในทวีปอเมริกาและทวีปแอฟริกาก็กำลังเผชิญปัญหาแนวโน้มการแพร่ระบาดที่ยังอยู่ในช่วงขาขึ้น

    เมื่อถูกถามว่าองค์การอนามัยโลกดำเนินการอย่างรวดเร็วเพียงพอหรือไม่ หลังถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักหน่วงจาากสหรัฐฯต่อแนวทางรับมือการแพร่ระบาด เทดรอสยืนยันว่าหน่วยงานสาธารณสุขของสหประชาชาติแห่งนี้ประกาศประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศในเวลาที่เหมาะสมคือวันที่ 30 มกราคม เพื่อให้ประเทศต่างๆได้เตรียมการและวางแผนตอบสนอง

    "ลองมองย้อนกลับไปดู ผมคิดว่าเราประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินได้ถูกเวลา โลกมีเวลามากพอสำหรับตอบสนองต่อสถานการณ์การแพร่ระบาด" เทดรอสกล่าว พร้อมแสดงท่าทีไม่ใส่ใจต่อเสียงเรียกร้องที่ขอให้เขาลาออกจากตำแหน่ง

    ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกบอกต่อว่า "สถานการณ์ของโรคระบาดในยุโรปตะวันตก ส่วนใหญ่แล้วทรงตัวหรือกำลังลดลง" เขากล่าวระหว่างแถลงข่าวทางไกลในเจนีวา "แม้จำนวนยังต่ำอยู่ แต่เรากำลังกังวลกับแนวโน้มขาขึ้นในแอฟริกา, อเมริกากลางและอเมริกาใต้ รวมถึงยุโรปตะวันออก"

    "ประเทศส่วนใหญ่ยังคงอยู่ในขั้นต้นของการแพร่ระบาด และบางส่วนที่ได้รับผลกระทบจากโรคระบาดใหญ่ในช่วงต้นๆ ตอนนี้พบเห็นเคสผู้ติดเชื้อเริ่มโผล่ขึ้นมาอีกครั้ง จงอย่าทำผิดพลาด เราอยู่บนเส้นทางที่ยาวไกล ไวรัสนี้จะอยู่กับเราไปอีกนาน" เทดรอสกล่าว

    จากข้อมูลล่าสุดบนเว็บไซต์ worldometers พบว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อทั่วโลกอยู่ที่ราว 2,610,000 คน ในนั้นเสียชีวิต 182,270 คน โดยสหรัฐฯครองอันดับ 1 ทั้งสองกรณี มีผู้ติดเชื้อแล้วกว่า 830,556 คน เสียชีวิต 46,235 คน

    คลิก >> https://mgronline.com/around/detail/9630000042353
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,804
    ค่าพลัง:
    +97,150
    นักวิจัยเผยตรวจพบ Microplastic ในชั้นน้ำแข็งที่ขั้วโลกใต้

    นักวิทยาศาสตร์ตรวจพบชิ้นส่วนไมโครพลาสติกในน้ำแข็งที่ขั้วโลกใต้ Antarctica เป็นครั้งแรก ก่อนหน้านี้เคยมีการตรวจพบที่ผิวน้ำทะเล และหิมะมาก่อน แต่การพบไมโครพลาสติกในน้ำแข็ง เเปลว่าชิ้นส่วนเหล่านี้อาจปนเปื้อนในห่วงโซ่อาหาร เริ่มจากเคย ที่กินสาหร่ายจากน้ำแข็ง

    นักวิทยาศาสตร์พบชิ้นส่วนไมโครพลาสติกกว่า 96 ชิ้น ขนาดเล็กกว่า 5mm ในก้อนน้ำแข็งที่ถูกขุดเจาะตั้งแต่ปี 2009 แช่แข็งไว้ที่ Hobart ,Tasmania

    “ระยะทางที่ห่างไกลของทะเลขั้วโลกใต้ ก็ไม่สามารถลดการแปดเปื้อนของมลภาวะพลาสติกที่เดินทางข้ามมหาสมุทรไปได้ “
    Anna Kelly จาก Institute for Marine and Antarctic Studies at the University of Tasmania เจ้าของงานวิจัยการค้นพบครั้งนี้กล่าว

    แม้ว่าจะมีรายงานการตรวจพบไมโครพลาสติกในน้ำแข็งที่ขั้วโลกเหนือมาก่อน แต่เทียบความเข้มข้นแล้วยังน้อยกว่าที่ขั้วโลกเหนือ “ ไมโครพลาสติกที่พบทางขั้วโลกใต้มีขนาดใหญ่กว่าที่ขั้วโลกเหนือ นั่นแปลว่าแหล่งของขยะ อยู่ไม่ไกล พลาสติกจึงมีเวลาแตกตัวให้เล็กลงไม่นานพอ “

    “แหล่งที่มาอาจมาจากเสื้อผ้า อุปกรณ์ของนักท่องเที่ยว นักวิจัยเอง นอกจากนี้ยังตรวจพบไฟเบอร์จากวัสดุเคลือบเงา และอุปกรณ์การประมง”

    ผู้ช่วยศาสตราจารย์ Delphine Lannuzel จากสถาบันเดียวกันและหนึ่งในทีมงานวิจัย เป็นผู้ขุดน้ำแข็งก้อนนี้จากชายฝั่งในปี 2009 น้ำแข็งนี้เป็นชนิด Fast Ice คือเป็นน้ำแข็งที่ก่อตัวอยู่ตามชายฝั่งและเคลื่อนที่ไม่ได้ เขาพบไมโครพลาสติก ถูกล้อมรอบด้วยสาหร่ายที่เจริญเติบโตบนน้ำแข็ง

    “น้ำแข็งเป็นแหล่งอาหารของสัตว์ต่างๆ โดยเฉพาะ เคย ซึ่งเปรียบเสมือนลำดับล่างสุดของห่วงโซ่อาหาร และเคยอาศัยสาหร่ายจากน้ำแข็งในการเจริญเติบโต ถ้าสาหร่ายถูกปนเปื้อนไปโดยไมโครพลาสติก ลองจินตนาการไมโครพลาสติกเหล่านี้ ปนเปื้อนในเคย สัตว์น้ำชนิดอื่นที่อยู่ในห่วงโซ่อาหารสูงขึ้นไป และท้องปลาวาฬดู “

    “อย่าลืมว่า ทางฝั่งตะวันตกของ Antarctica อาจมีปริมาณพลาสติกปนเปื้อนมากกว่างานวิจัยนี้ ที่น้ำแข็งมาจากฝั่งตะวันออก ทางฝั่งตะวันตกและคาบสมุทรนั้นประกอบไปด้วยแหล่งนักท่องเที่ยว ศูนย์งานวิจัย และแหล่งประมงอีกด้วย”

    https://www.theguardian.com/world/2...time-in-antarctic-ice-where-krill-source-food

     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,804
    ค่าพลัง:
    +97,150
    มันก็แค่มุกขึ้นราคาน้ำมันนายคนนี้ชอบทำแบบนี้ในช่วงนี้เวลาราคาน้ำมันตก

    #ทรัมพ์สั่งยิงเรือรบอิหร่าน

    เมื่อสักครู่ที่ผ่านมา เสี่ยอ่าง โดนัลด์ ทรัมพ์ เพิ่งทวิตสั่งให้กองทัพสหรัฐยิงเรือรบอิหร่านทุกลำที่แล่นมา เพื่อทำซ่าส์กับกองทัพเรือสหรัฐ แหยมมาเมื่อไหร่ ก็จัดหนักไปเลย!

    "I have instructed the United States Navy to shoot down and destroy any and all Iranian gunboats if they harass our ships at sea."

    "ผมได้สั่งกองทัพเรือสหรัฐให้ยิงถล่มเรือรบติดอาวุธของอิหร่านทุกลำ ที่มาบังอาจเข้ามาแหย่เรือของเรา"

    เท่านั้นแหล่ะ ก็มีเสียฮือฮากันใหญ่ เอาแล้ว! สหรัฐ กับอิหร่าน จะกลับมาตึงเครียด สั่นประสาทกันอีกแล้วหรือ

    เรื่องของเรื่องคือ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ระหว่างที่เรือรบสหรัฐลาดตระเวณอยู่ในน่านน้ำทะเลอาหรับ ก็ปรากฏเรือติดอาวุธที่ปักธงอิหร่านกว่า 11 ลำ แล่นมาเฉียดใกล้เรือรบสหรัฐ บางลำวิ่งตัดหน้า บางลำมาบีบแตรใส่ บางลำยืนชี้หน้าท้าทาย แม้ว่าเรือรบสหรัฐจะส่งสัญญาณเตือนออกไป ก็ไม่ได้รับคำตอบ

    ในระหว่างที่สำนักข่าวต่างพยายามติดต่อทางอิหร่าน ขอคำอธิบายจากอีกฝ่าย แต่วันนี้เสี่ยทรัมพ์ไม่รอคำตอบ จัด Twitter ประกาศไปว่า สั่งไปแล้ว ให้ยิงทิ้ง!!

    ส่วนฝ่ายอิหร่านก็ออกมาตอบโต้ว่า แทนที่จะเอาแต่หาเรื่องคนอื่น เสี่ยทรัมพ์น่าจะเอาเวลาไปจัดการปัญหาเรื่อง Covid น่าจะดีกว่า

    หลังจากที่สหรัฐได้ลอบสังหารผู้นำระดับสูงในกองทัพอิหร่าน กาเซ็ม สุไลมานี่ ไปเมื่อต้นปีทีผ่านมา ทั่วโลกก็ทำใจไว้แล้วในระดับหนึ่งว่า ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐ กับอิหร่าน คงไม่มีวันได้ญาติดีกันได้อีกแล้ว ขออย่างเดียว อย่าระเบิดจนกลายเป็นสงครามใหญ่โต จะดีกว่า

    แต่ว่า ตั้งแต่เกิดวิกฤติไวรัส Covid-19 ทั้งโลกก็แทบลืมเรื่องอื่นไปหมด ใจจดจ่ออยู่กับวิกฤติโรคไวรัส และคิดว่าความขัดแย้งระหว่าง 2 ประเทศน่าจะเงียบไปสักพัก

    แต่ดูเหมือนว่าเราจะโลกสวยไปหน่อย เพราะเราลืมไปว่านี่เป็นยุคของเสี่ยทรัมพ์ แกคิดไว ทำไว และไม่มีเก็บอารมณ์ และไม่ขอทนเรื่องที่รู้สึกว่าถูกหยาม

    ว่าแต่อิหร่านไปทำซ่าส์ ท้าเรือรบสหรัฐจริงหรือไม่?

    ถ้าดูจากคลิปข่าวด้วยใจกลางๆ อิหร่านก็ซ่าส์จริงๆหล่ะค่า แต่เรือของอิหร่านก็ลำเล็กมาก หากเทียบกับเรือรบสหรัฐ ยังนึกอยู่ว่า ถ้าขับชนเขาคงแทบไม่รู้สึกอะไร



    แต่หลายคนก็บอกว่า อย่าไปซีเรียสกับ Twitter ของเสี่ยแกมากนัก เพราะบางทีแกก็แค่ขู่ หรือบ่นๆไป ไม่ได้ถือเป็นคำสั่งจริงจัง

    แต่มันจะดีหรือ??

    ตอนนี้ทั้งสหรัฐ และอิหร่านก็อ่วมไปด้วยปัญหาไวรัส Covid ด้วยกันทั้งนั้นนะค้า เลิกหาเรื่องทะเลาะกันทั้งคู่ แล้วเอาเวลาไปดูแลประชาชนในประเทศดีกว่านะคะ

    แหล่งข้อมูล
    https://www.aljazeera.com/news/2020...gunboats-harassing-ships-200422124226286.html
    https://edition.cnn.com/2020/04/22/politics/trump-us-navy-iranian-ships-tweet/index.html
    https://www.theguardian.com/international

     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,804
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เฮ้ยๆ ทรัมป์ !! ทรัมป์ประกาศขู่อิหร่าน ! โดยสั่งเรือทุกลำของสหรัฐ ยิงเรือทุกลำของอิหร่านที่เข้าใกล้ในรัศมี

    ซึ่งก่อนหน้านี้มีเรือรบของอิหร่าน แล่นเข้าใกล้และขี้นิ้วใส่ โดยไม่ทราบจุดประสงค์ ของเรือสหรัฐ





    ถ้าสงครามนี้เกิดขึ้น ราคาน้ำมันจะพุ่งทันทีเลยนะ! โดยก่อนหน้านี้มีนักวิเคราะห์เคยพูดว่า อาจจะเกิดสงคราม ในตะวันออกกลาง โดยเห็นสัญญาณบางอย่างจาก ที่เกิดขึ้นในประเทศอิรัก ในก่อนหน้านี้

     

แชร์หน้านี้

Loading...