ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    การกลับมาของหมอกจางๆ บางคนคิดว่ามันเป็นปรากฎการณ์ตามธรรมชาติ แต่ความจริงแล้วมันคือฝุ่นเกินค่ามาตรฐาน PM 2.5 ที่ล้วนแล้วเกิดจากฝีมือของมนุษย์ ซึ่งเป็นปัญหาที่จะเกิดขึ้นในเมืองใหญ่ๆ ที่มีความหนาแน่นของประชากร และก่อสร้าง ปัจจัยที่ทำให้ฝุ่น PM 2.5 เกิดขึ้นอะไรบ้าง มาดูกัน
    .
    การจราจร เป็นแหล่งกำเนิดใหญ่มีสัดส่วน 40% ของแหล่งกำเนิดทั้งหมด โดยเฉพาะเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯ แล้ว เรียกว่าเป็นสัดส่วนหลัก เพราะกรุงเทพฯ รถติด และรถที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วต่ำหรือหยุดนิ่งอยู่กับที่ จะทำให้เกิด PM 2.5 เป็นจำนวนมาก
    .
    การเผาไหม้ในที่โล่ง เช่น การเผาไร่ เผากระดาษ หรือแม้แต่การเผาไหม้ทางการเกษตร จากประเทศเพื่อนบ้าน ก่อให้มลพิษข้ามแดน จากปัจจัยนี้ทำให้เกิด PM 2.5 เช่นเดียวกัน
    .
    เกิดจากประชาชน กิจกรรมในชีวิตประจำวันบางประเภทที่เกิดเผาไหม้ที่หลายคนมองข้ามอาจคิดว่าเป็นเรื่องเล็กแต่ที่จริงแล้ว การสูบบุหรี่ ปิ้งย่าง สำหรับในเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯ ที่มีประชากรหลายล้านคน กิจกรรมเหล่านี้ก็มีส่วนทำให้เกิด PM 2.5 เช่นกัน
    .
    อุตสาหกรรม ตามพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 และพระราชบัญญัติสิ่งแวดล้อม โรงงานต่างๆจะต้องมีระบบบำบัดมลพิษทางอากาศ ก่อนจะปล่อยออกสู่ภายนอก องค์ประกอบที่จะทำ ให้เกิด PM 2.5 อย่างซัลเฟอร์ออกไซด์ ไนโตรเจนออกไซด์ ไฮโดรคาร์บอนที่เผาไม่สมบูรณ์ และความร้อน จึงเกิดขึ้นได้น้อย อย่างไรก็ตาม โรงงานนั้นก็มีที่ปฏิบัติตามมาตรฐานและที่บกพร่อง
    .
    ปัจจัยต่างๆของการเกิดฝุ่นพิษ ล้วนเกิดจากฝีมือของมนุษย์ ที่ทำให้เกิด ฝุ่น PM 2.5 ไม่ใช่ปรากฎการณ์ตามธรรมชาติ ฝุ่นละอองชนิดนี้สามารถแพร่กระจายเข้าสู่ทางเดินหายใจ กระแสเลือด และแทรกซึมสู่กระบวนการทำงานในอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย เพิ่มความเสี่ยงเป็นโรคเรื้อรังต่างๆได้ หากผู้ที่มีความแพ้ อาจทำให้อันตรายถึงขั้นเสียชีวิต ดังนั้นก่อนออกกลางแจ้ง ควรสวมหน้ากากอนามัยเพื่อความปลอดภัย #ข่าวช่องวัน #ฝุ่นPM25
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    อะไรจะระทึกขนาดนี้ ถนนทรุดเป็นหลุมขนาดใหญ่ ขณะรถบัสกำลังรับ-ส่งผู้โดยสารตรงป้ายรถเมล์พอดี..ดับสลดอย่างน้อย 6 ราย เจ็บกว่าสิบ
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ภูเขาไฟ Taal Update: เกือบ 500,000 คนบอกให้ออกจากพื้นที่ อีก 30,000 คนถูกอพยพหลังจากการระเบิดในวันอาทิตย์: ผู้เชี่ยวชาญมีความกังวลว่าการปะทุใหญ่กว่านั้นอยู่ใกล้แค่เอื้อม
    Taal Volcano Update: Almost 500,000 told to leave the area, another 30,000 were evacuated after Sunday's eruption: Experts are worried a much larger eruption is just around the corner
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แรงไม่หยุดฉุดไม่อยู่ PM2.5ลำปางพุ่งเป็นอันดับ1ของไทย
    ยอมรับส่วนหนึ่งเกิดจากอุตสาหกรรมใหญ่ในพื้นที่
    #หวังว่าจะดีขึ้น
    #ข่าวลำปาง #ฝุ่นขนาดเล็ก #ปัญหาเรื้อรัง #งดเผา #ลดไฟป่า #Lannapost
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ทส.ชงมาตราการสู้ฝุ่น #PM25 เข้า ครม.สัปดาห์หน้า โดยขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ออกกฎบังคับเจ้าพนักงานจราจรห้ามรถบรรทุก 10 ล้อ วิ่งบนถนนวงแหวนกาญจนาภิเษกในวันคี่ ใช้แค่ 2 เดือนถึง ก.พ.นี้ ส่วนกรมการขนส่งทางบก ตรวจเข้มรถควันดำ รถขนส่งพนักงงาน 6,000 คัน หากเจอควันดำสั่งห้ามวิ่งทันที ส่วนโรงงานอุตสาหกรรมต้องลดการปล่อยมลพิษลงร้อยละ 50 และกทม.ต้องงดการเผาทุกชนิด #ThaiPBSnews
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    หนาวสาหัส-หิมะถล่มที่แคว้นแคชเมียร์ ปากีสถาน -อินเดีย สังเวยกว่า 60 ชีวิต
    หิมะถล่มที่แคชเมียร์ ชาวปากีสสถานเสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 57 ส่วนชาวอินเดียดับอีก 10 ขณะที่ภาคตะวันตกปากีสถาน เจออากาศหนาวจัด หิมะตกหนัก บ้านพังตาย 17
    เมื่อ 14 ม.ค.63 สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เกิดเหตุหิมะถล่มในหลายพื้นที่ของแคว้นแคชเมียร์ ทางฝั่งที่อยู่ภายใต้การปกครองของปากีสถาน เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตถึงอย่างน้อย 57 รายในช่วง 24 ชั่วโมง นอกจากนั้นยังมีชาวบ้านในแคว้นแคชเมียร์ ทางฝั่งที่อินเดียปกครองดูแล เสียชีวิตอย่างน้อย 10 ราย จากเหตุหิมะถล่มเช่นกัน
    เจ้าหน้าที่ปากีสถานเผยว่า มีชาวบ้านจำนวนมากต้องติดอยู่ในหุบเขานีลุมในแคว้นแคชเมียร ซึ่งพื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในเขตเทือกเขาหิมาลัยเนื่องจากหิมะถล่ม หลังจากเกิดฝนตกหนักและทำให้ดินที่ถูกปกคลุมด้วยหิมะพังถล่มลงมา โดยมีรายงานว่ามีชาวบ้านจำนวนมากสูญหาย และเกรงว่าอาจเสียชีวิต ขณะที่ทีมกู้ภัยของปากีสถานพยายามจะหาทางเข้าไปช่วยเหลือ
    ชายพายเรือกลางทะเลสาบดาล ที่อากาศหนาวจัด จนน้ำกลายเป็นน้ำแข็ง ที่เมืองศรีนคร เมืองเอกของแคว้นแคชเมียร์ ในอินเดีย
    ขณะเดียวกัน ทางภาคตะวันตกของปากีสถานได้เกิดหิมะตกอย่างหนัก จนทำให้บ้านเรือนของประชาชนในจังหวัดบาลูจิสถานหลายหลังพังเสียหาย เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 17 ราย โดยศูนย์ป้องกันหายนภัยปากีสถานได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินใน 7 อำเภอของจังหวัดบาลูจิสถาน ซึ่งเป็นจังหวัดที่ร่ำรวยจากแร่ พร้อมกันนั้นยังขอให้กองทัพเข้ามาช่วยเหลือเรื่องการบรรเทาทุกข์และปฏิบัติการช่วยเหลือชาวบ้านที่ประสบภัยจากหิมะตกหนัก
    มีรายงานด้วยว่า ที่อัฟกานิสถาน ประเทศเพื่อนบ้านปากีสถาน มีถึง 6 จังหวัดที่เผชิญกับอากาศหนาวจัด หิมะตกหนัก ทำให้มีผู้เสียชีวิต 39 ราย ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา.
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    John Traczyk

    แดง = Q-bursts
    Red = Q-bursts.
    FB_IMG_1579044171479.jpg FB_IMG_1579044174416.jpg FB_IMG_1579044182123.jpg
    Q-factors http://sosrff.tsu.ru/?page_id=14

    [ [2] Q-bursts +การระเบิด Q) คือการสั่นสะเทือนแบบชั่วคราวขนาดใหญ่ที่แยกได้นาน 0.3-1.5 วิ เมื่อ Q-bursts ถูกระบุและตั้งชื่อในการสังเกตวงแคบในปี 1966 [Ogawa et al., 1966a, 1967] Q-bursts นั้นสั่นไหวที่ 8 Hz ซึ่งเป็นความถี่โหมดพื้นฐานของSchumann resonances ในช่องไอโอโนสเฟียร์โลก นอกจากนี้ยังมี Q-bursts ของ 14 Hz, ความถี่โหมดที่สอง [Ogawa, 2002] เพื่อที่จะดูกลไกของQ-bursts นั้นจำเป็นต้องสังเกตรูปคลื่นที่แม่นยำยิ่งขึ้นในช่วงความถี่ที่กว้างขึ้น

    [3] หลังจาก 29 ปีจากแยกแยะครั้งแรก Boccippio และคณะ [1995] พบว่าQ-bursts เป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (EM) ที่ปล่อยออกมาจากจังหวะฟ้าผ่าขั้วบวกขนาดใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับสไปรต์ที่เพิ่งค้นพบใหม่ การปล่อยแสงบนชั้นบรรยากาศ [Sentman และ Wescott, 1993] การเปลี่ยนแปลงช่วงเวลาที่มีประจุที่ใหญ่ที่สุดที่สังเกตได้นั้นสัมพันธ์กับเมฆบวกกับจังหวะพื้นดินที่สร้างสไปรต์และ Q-bursts ในช่องไอโอสเฟียร์ของโลก simultaneously [Huang et al., 1999] ขั้วบวกลบ Q-burstsเกิดขึ้นประมาณ 15% ของ Q-bursts ทั้งหมด [Jones and Kemp, 1971; Ogawa, 2002]

    [4] คลื่นอีเอ็มที่ปล่อยออกมาจากสไปรท์ถูกกล่าวถึงในเชิงทฤษฎีและการทดลองโดยกลุ่มวิจัยจำนวนมาก [ฟาร์เรลและเดชช์, 2535; Winckler, 1995; Reising et al., 1996; Sukhorukov และ Stubbe, 1997; Cummer และ Inan, 1997; Cummer และคณะ, 1998; Fullekrug และ Reising, 1998; Pasko et al., 1998; Bell et al., 1998; สแตนลีย์และคณะ, 2000; Hu et al., 2002; Ohkubo et al., 2005] เกณฑ์สำหรับสไปรต์บนพื้นฐานของการสังเกตด้วยSchumann resonances ที่กล่าวถึงโดย Huang และคณะ [1999] แนะนำว่าเฉพาะสไปรต์ที่ใหญ่ที่สุดและสว่างที่สุดเท่านั้นที่จะมีคุณลักษณะ EM ที่ตรวจพบได้

    [5] เป็นที่น่าสนใจที่จะเห็นความสัมพันธ์ของQ-bursts ที่สังเกตได้ในระดับโลกด้วยสโตรกสายฟ้าและสไปรท์เชิงสาเหตุ Sato และคณะ [2003] สังเกตQ-bursts ที่สถานี Syowa ในทวีปแอนตาร์กติกาที่เกี่ยวข้องกับสไปรต์ที่พบในโคโลราโด E. R. Williams และคณะ (สไปรท์ฟ้าผ่าได้ยินทั่วโลกโดย Schumann resonance, ส่งไปยัง Radio Science, 2006, ต่อไปนี้จะเรียกว่า Williams et al., ส่งต้นฉบับ, 2006) สังเกตQ-bursts ใน Rhode Island ที่สัมพันธ์กับสไปรท์ผลิตสายฟ้าในออสเตรเลียตอนเหนือ ที่ระยะ 16.6 มม.

    [6] บรรยากาศ slow tail (slow tail atmospherics) ได้รับการอธิบายให้สัมพันธ์กับกระแสไฟฟ้าต่อเนื่องของฟ้าผ่า Reising et al. [1996] เชื่อมสไปรต์กับslow tail อย่างไรก็ตาม Wait [1960] ได้แย้งว่าฟ้าผ่าที่หุนหันพลันแล่นโดยไม่มีกระแสไฟฟ้าต่อเนื่องจะสามารถสร้างslow tail ได้โดยอาศัยการกระจายของคลื่นนำ มีความจำเป็นที่จะต้องทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างslow tail และQ-burstsชัดเจนในการสังเกตพร้อมกัน จากมุมมองการแพร่กระจายคลื่นวิทยุการวัดค่า Q bursts ด้วยคลื่นโดยตรงและ antipodal จากจังหวะฟ้าผ่าที่เกิดขึ้นใกล้กับ antipode นั้นเป็นสิ่งที่น่าสนใจแม้ว่าจะได้รับการอธิบายเช่นเดียวกับในการอภิปรายเชิงทฤษฎี [Nickolaenko และ Hayakawa, 2002]

    [2] The Q burst is an isolated large transient damping oscillation lasting for 0.3–1.5 s. When the Q burst was identified and named in a narrow band observation in 1966 [Ogawa et al., 1966a, 1967], the Q burst oscillated at 8 Hz that is the fundamental mode frequency of the Schumann resonances in the Earth‐ionosphere cavity. There occur also the Q bursts of 14 Hz, the second mode frequency [Ogawa, 2002]. In order to see mechanism of the Q bursts, it is necessary to observe more precise waveforms in wider frequency range.

    [3] After 29 years from the first identification Boccippio et al. [1995] found that the Q burst was an electromagnetic (EM) wave emitted from the large positive polarity lightning stroke related to the sprite that was a newly discovered upper atmospheric optical emission [Sentman and Wescott, 1993]. The observed largest charge moment changes are associated with the positive cloud to ground strokes that simultaneously produce sprites and Q bursts in the Earth‐ionosphere cavity [Huang et al., 1999]. The negative polarity Q bursts also occur about 15% of all Q bursts [Jones and Kemp, 1971; Ogawa, 2002].

    [4] The EM waves emitted from the sprites have been discussed on the theoretical and experimental bases by a large number of research groups [Farrell and Desch, 1992; Winckler, 1995; Reising et al., 1996; Sukhorukov and Stubbe, 1997; Cummer and Inan, 1997; Cummer et al., 1998; Fullekrug and Reising, 1998; Pasko et al., 1998; Bell et al., 1998; Stanley et al., 2000; Hu et al., 2002; Ohkubo et al., 2005]. The criteria for sprites based on Schumann resonance observations discussed by Huang et al. [1999] suggests that only the very largest and brightest sprites will have detectable EM features.

    [5] It is interesting to see a relation of the Q bursts observed distant in a global scale with the causative lightning strokes and sprites. Sato et al. [2003] observed the Q bursts at Syowa station in Antarctica relating with the sprites observed in Colorado. E. R. Williams et al. (Sprite lightning heard around the world by Schumann resonance, submitted to Radio Science, 2006, hereinafter referred to as Williams et al., submitted manuscript, 2006) observed the Q bursts in Rhode Island correlating with sprite‐producing lightning flashes in northern Australia, at a distance of 16.6 Mm.

    [6] The slow tail atmospherics have been explained to be associated with the continuing current in lightning flashes. Reising et al. [1996] linked the sprites with the slow tails. Wait [1960], however, argued that purely impulsive lightning without continuing current would be capable of creating a slow tail, simply on the basis of waveguide dispersion. It is necessary to make clear the relation between the slow tails and the Q bursts in a simultaneous observation. From a radio propagation point of view, the measurement of Q bursts with the direct and antipodal waves from the lightning strokes occurring near the antipode is interesting, although it is explained as only in the theoretical discussion [Nickolaenko and Hayakawa, 2002].

    https://agupubs.onlinelibrary.wiley.com/doi/10.1029/2006RS003493 ]

     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

    เสียงในพระคัมภีร์ไบเบิล ท้องฟ้าสีแดงและทรัมเป็ต (เสียงแตร)
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

    เสียงในท้องฟ้าในซานอันโตนิโอ, เท็กซัส # 2 ม.ค.
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

    สหนัฐอเมริกา เสียงแปลก ๆ บนท้องฟ้าเหนือโคโลราโด # 4 ม.ค.
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

    ฉันไม่ทราบว่าจิงโจ้นี้ตายในสถานการณ์ใด แต่โชคร้ายที่เกิดขึ้นในออสเตรเลีย
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

    หลังคาฉีกขาดด้วยลมแรงใน Soughd ทางตะวันออกเฉียงใต้ของอังกฤษ
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

    วิดีโอเรือชูชีพในทะเลไอริชที่ถูกพายุพัดกระหน่ำ
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

    ฟิลิปปินส์ ในพื้นที่ที่มีประชากรอยู่ใกล้กับภูเขาไฟทาอัลในเกาะลูซอน แผ่นดินกำลังร้าว
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

    ท้องฟ้าสีม่วงในเมืองลาเวนเดอร์, ไอร์แลนด์ # 4 ม.ค.
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

    เสียงในท้องฟ้าของเท็กซัส # 8 ม.ค.
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

    คาบสมุทร Kamchatka ประเทศรัสเซีย

     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

    คาบสมุทร Kamchatka ประเทศรัสเซีย

     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #เมลเบิร์นในม่านหมอก
    #เมืองในฝันสู่พื้นที่มลภาวะที่เลวร้ายที่สุดในโลก
    ข่าวความคืบหน้าเหตุไฟป่าในออสเตรเลีย ที่ก็พอมีข่าวดีอยู่บ้างว่าบางพื้นที่ก็ควบคุมได้แล้ว
    แต่ว่าบางพื้นที่ก็ยังค่อนข้างน่าเป็นห่วงมาก และยังมีไฟป่าลุกลามอยู่กว่า 180 จุดยาวมาตั้งแต่รัฐนิวเซาท์เวลส์ มาจนถึงรัฐวิคตอเรีย จนเกิดหมอกควันจากไฟป่าปกคลุมไปทั่วบริเวณ
    โดยเฉพาะวันนี้ที่เมลเบิร์น ตั้งแต่เช้า ก็เต็มไปด้วยหมอกควัน ที่เป็นควันพิษจากไฟป่า ปกคลุมทั้งเมืองจนขมุกขมัวไปหมด จนเกิดเป็นวิกฤติมลภาวะทางอากาศในระดับที่ประกาศได้ว่า "เลวร้ายที่สุดในโลก" และมีหลายเขตที่วัดค่า PM2.5 ทะลุถึง 470 อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน
    ด้วยสภาพหมอกควัน ที่สะสมจากเหตุไฟป่าครั้งใหญ่ตั้งแต่ช่วงเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว จนผู้คนเริ่มป่วยไข้กันแล้ว ยังมีผลกระทบกับงานกีฬาระดับโลกที่กำลังแข่งขันกันอยู่ในตอนนี้อีกด้วย นั่นคือ Australian Open รายการแข่งขันเทนนิส Grand Slam งานแรกของปี ที่จัดกันที่ Melbourne Park
    มีนักเทนนิสหลายคนผลกระทบจากจากปัญหามลภาวะทางอากาศ จนบางคนถึงกับต้องถอนตัว เช่น Dalila Jakupović นักเทนนิสหญิงชาวสโลเวเนีย ต้องขอถอนตัวกลางเกมแข่งขันกับ Stefanie Vögele นักเทนนิสชาวสวิสเซอร์แลนด์ เพราะมีอาการไอตลอดเวลา จนไม่สามารถแข่งต่อได้
    หรือ Eugenie Bouchard นักเทนนิสชาวแคนาดา ยังต้องขอแพทย์สนามมาดูอาการหลายครั้งระหว่างแข่ง เพราะรู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก
    หากสภาพอากาศยังคงวิกฤติเกินขีดอันตรายอยู่อย่างนี้ อาจมีการพิจารณาเลื่อนแข่งบางแมทช์ก็เป็นได้
    ทางกรมสุขภาพและอนามัยของทางออสเตรเลียก็ได้ออกมาเตือนว่า เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจควรอยู่ที่บ้าน และมลภาวะทางอากาศน่าจะคลี่คลายเร็วๆนี้ เพราะไฟป่าหลายจุดก็ควบคุมได้แล้ว
    แต่ถ้าควบคุมยังไม่ได้ ชาวเมืองเมลเบิร์นก็ต้องทนอยู่กับสภาพเมืองในม่านหมอกไปเรื่อยๆ ไม่มีใครสามารถตอบได้เลยว่า จะนานสักแค่ไหน เป็นเรื่องที่น่าเศร้าจริงๆ สำหรับชาวเมืองเมลเบิร์น
    รวมถึงชาวเมืองซิดนีย์ และ แคนเบอร่า ก็ประสบปัญหาไม่ต่างกัน
    และยิ่งเศร้ากว่านั้นอีก เพราะคุณทราบหรือไม่ว่า เมื่อปีที่แล้วนี่เอง เมืองเมลเบิร์นแห่งนี้ เพิ่งได้รับการโหวตให้เป็นเมืองในฝัน ที่น่าอยู่ที่สุดในโลก เป็นอันดับ 2 ด้วยคะแนนสูงถึง 98.4 ตามด้วยเมืองซิดนีย์ ที่ติดเป็นอันดับ 3 ด้วยคะแนน 98.1
    แล้วทั้ง 2 เมืองนี้ ก็ต้องมาเจอทั้งวิกฤติไฟป่า และกลายเป็นเมืองที่มีมลภาวะทางอากาศที่เลวร้ายที่สุดในโลกไปเสียแล้ว ไม่น่าเชื่อจริงๆ
    แหล่งข้อมูล
    https://www.telegraph.co.uk/news/20...ity-worst-world-bushfire-smoke-blankets-city/
    https://www.theguardian.com/austral...as-bushfires-continue-to-burn-across-victoria
    https://www.theguardian.com/austral...-in-doubt-as-bushfire-smoke-endangers-players
    https://www.theguardian.com/sport/2...en-qualifying-delayed-due-to-poor-air-quality
    https://www.cnbc.com/2019/09/04/global-liveability-index-2019-most-liveable-cities-in-the-world.html
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    “ชาวอิหร่าน”คนแรกในกรุงศรีอยุธยา และ “อกามะหะหมัด”อัครมหาเสนาบดีชาวอิหร่าน ในราชสำนักสมเด็จพระนารายณ์ The first Persians in the Ayutthaya kingdom and "Aya Mahammad" who became prime counsellor to King Narai

    ผู้เขียน : จุฬิศพงศ์ จุฬารัตน์
    ที่มา : ศิลปวัฒนธรรม www.silpa-mag.com

    เมื่อเอ่ยถึง อิหร่าน คนไทยทั่วไปจะคุ้นเคยกับคำว่า เปอร์เซีย(Persia) มากกว่า แต่อันที่จริงคำว่า ปาร์ซ (Pars) หรือปาร์ซี (Parsi) ซึ่งเป็นคำที่ชาวตะวันตกใช้เรียกชาวอิหร่าน หรือดินแดนของชาวอิหร่าน ในขณะที่คนอิหร่านจะเรียกตัวเองว่า ชาวอิหร่าน หรืออิรานิ (Irani)

    ชาวอิหร่านเป็นชนต่างชาติที่ติดต่อค้าขายกับสยามมาช้านาน ตั้งแต่ก่อนที่อิหร่านจะรับนับถือศาสนาอิสลาม แต่หลักฐานที่เป็นชิ้นเป็นอันมาปรากฏในสมัยอยุธยาตอนต้น จากการค้นพบเหรียญกษาปณ์มีอักษรฟาร์ซี (Farsi) หรืออักษรภาษาอิหร่าน บรรจุอยู่ในพระปรางค์วัดราชบูรณะซึ่งสร้างในสมัยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 (เจ้าสามพระยา) ราว พ.ศ. 1967-1991

    เมื่อกรุงศรีอยุธยาเสียแก่พม่าในปี 2112 ชาวสยามส่วนใหญ่ถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลยยังหงสาวดี กรุงศรีอยุธยาจึงเหลือผู้คนอยู่อาศัยไม่มากนัก ราชสำนักจึงจำเป็นต้องสนับสนุนให้ชาวต่างชาติเข้ามาค้าขาย และตั้งถิ่นฐานในกรุงศรีอยุธยามากขึ้น เพื่อเพิ่มพูนรายได้ให้กับท้องพระคลัง ส่งผลให้พ่อค้าและนักเดินทางโพ้นทะเลจากดินแดนต่างๆ รวมทั้งชาวอิหร่านล่องเรือเข้ามาสู่ราชอาณาจักรสยาม

    นักเดินทางชาวอิหร่านส่วนใหญ่เป็นพวกที่นับถือศาสนาอิสลามนิกายชีอะห์ (Shi-ah) มุสลิมพวกนี้จะให้ความเคารพนับถือบรรดาลูกหลานของศาสดามะหะหมัดเป็นพิเศษ โดยเฉพาะอิหม่ามฮุเซ็น (Husyn) ซึ่งเป็นหลานชายของศาสดามะหะหมัด ด้วยเหตุนี้ คนไทยจึงมักเรียกชาวอิหร่านกลุ่มนี้ว่าพวก “เจ้าเซ็น” ตามพระนามของอิหม่ามฮุเซ็น และเลยเรียกติดปากกันมาจนถึงปัจจุบัน

    ชาวอิหร่านที่เข้ามาตั้งรกรากในสยามมิได้เข้ามาค้าขายเท่านั้น แต่ได้นําเอาศาสนาอิสลามนิกายชีอะห์เข้ามาเผยแพร่ในกรุงศรีอยุธยาด้วย การที่ราชสํานักมีนโยบายเสรีในการเผยแพร่ศาสนา ได้ส่งผลให้สยามกลายเป็นสถานที่พักพิงสําหรับนักเดินทางชาวอิหร่าน จึงไม่น่าแปลกใจที่ก่อนรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์ ชาวอิหร่านหลายคนได้เข้าไปมีบทบาทในหน้าประวัติศาสตร์สยามแล้ว

    ชาวอิหร่านคนแรกที่เข้ามารับราชการในราชสํานักสยาม เห็นจะได้แก่ เฉกอะหฺมัด (Sheikh Ahmad) ท่านผู้นี้เป็นพ่อค้าชาวอิหร่าน ซึ่งเดินทางเข้ามาค้าขายในสยามตั้งแต่ปลายรัชสมัยสมเด็จพระนเรศวรถึงรัชสมัยสมเด็จพระเอกาทศรถ ต่อมาได้เข้ารับราชการ อยู่ในราชสํานักของสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม

    ตามประวัติกล่าวว่า เฉกอะหฺมัดเป็นเพื่อนสนิทของเจ้าพระยากลาโหมตั้งแต่ยังดํารงตําแหน่งเป็นจมื่นศรีสรรักษ์ ต่อมาเมื่อเจ้า พระยากลาโหมปราบดาภิเษกขึ้นเป็นสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง ได้ทรงแต่งตั้งให้บุคคลท่านนี้ดํารงตําแหน่ง ออกพระจุลา (ราชมนตรี) เจ้ากรมท่าขวา มีหน้าที่ดูแลการค้าฝั่งตะวันตก (คู่กับออกพระโชดึก เจ้ากรมท่าซ้าย ซึ่งดูแลการค้าฝั่งตะวันออก) และยังเป็นหัวหน้าประชาคมอิหร่านในกรุงศรีอยุธยาด้วย ต่อมาท่านเฉกอะหฺมัดได้รับแต่งตั้งให้เป็นออกญาบวรราชนายก ว่าที่สมุหนายกในปลาย รัชสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง บุคคลท่านนี้มีความสําคัญมาก เพราะเป็นต้นตระกูลของขุนนางสําคัญในประวัติศาสตร์ไทยหลายตระกูล โดยเฉพาะขุนนางในตระกูลบุนนาค

    การที่คนต่างด้าวอย่างเฉกอะหฺมัดได้รับตําแหน่งทางการเมืองระดับสูงเช่นนี้ ออกจะเป็นเรื่องแปลกประหลาดในความคิดของคนยุคปัจจุบัน แต่ถ้าพิจารณาถึงนโยบายด้านการปกครองของราชวงศ์ปราสาททองแล้ว อาจจะพอเข้าใจได้ว่าเมื่อครั้งที่สมเด็จ พระเจ้าปราสาททองทรงยึดอํานาจมาจากกษัตริย์แห่งราชวงศ์สุโขทัย พระองค์ต้องทรงเผชิญกับการต่อต้านของเจ้านายและขุนนางท้องถิ่นจํานวนมาก

    เจ้านายและขุนนางเหล่านี้ล้วนมีขุมกําลังอยู่ในมือซึ่งได้แก่ พวกไพร่ที่สังกัดหรือขึ้นตรงต่อมูลนาย สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง ต้องทรงใช้กําลังปราบปรามเจ้านายและขุนนางที่กระด้างกระเดื่อง เหล่านั้นอยู่เป็นเวลาหลายปีกว่าจะสําเร็จ จึงทรงตระหนักดีถึงภัยจากการที่ขุนนางท้องถิ่นมีไพร่หรือกําลังคนอยู่ในมือ พระองค์จึงทรงดําเนินการลิดรอนอํานาจขุนนางท้องถิ่นลงเรื่อยๆ ทรงสั่งให้ประหารขุนนางไปเป็นจํานวนมาก นอกจากนี้ยังทรงเปลี่ยนขุนนาง ที่มียศศักดิ์สูงสุดของประเทศบ่อย ๆ จนไม่มีขุนนางคนใดแน่ใจใน ตําแหน่งหน้าที่ของตน

    ขณะที่ทรงดําเนินการลิดรอนอํานาจขุนนางท้องถิ่นอยู่นั้น พระองค์ก็ทรงสนับสนุนกลุ่มขุนนางต่างชาติให้มีบทบาททางการ เมืองเพิ่มมากขึ้น ขุนนางกลุ่มนี้เป็นผู้ที่พระองค์ทรงคัดเลือกพร้อม ทั้งพระราชทานยศตําแหน่งให้โดยตรง ทั้งยังเป็นผู้นําของประชาคมต่างชาติซึ่งมีกําลังพลอยู่ในสังกัดจํานวนมิใช่น้อย สมเด็จพระเจ้าปราสาททองจึงทรงมีกองกําลังต่างชาติไว้เป็นฐานพระราชอํานาจ ผ่านทางความสัมพันธ์ที่ทรงมีกับขุนนางต่างชาติ กองกําลังเหล่านี้มีประสิทธิภาพมากกว่าไพร่ท้องถิ่น เนื่องจากมีอาวุธที่ทันสมัยทั้งยังสามารถเรียกระดมพลได้รวดเร็วกว่า

    จากการที่สมเด็จพระเจ้าปราสาททองทรงมีปัญหาขัดแย้งกัน ยามาดา นากาซามะ (Yamada Nagazama) หรือออกญาเสนาภิมุข เจ้ากรมอาสาญี่ปุ่น และต่อมายังทรงมีปัญหาขัดแย้งกับพวกญี่ปุ่นอย่างรุนแรง จนถึงกับต้องทรงส่งกองทหารเข้าปราบปรามประชาคมญี่ปุ่นในกรุงศรีอยุธยา ก็ยิ่งทําให้พระองค์ต้องแสวงหาการสนับสนุนจากประชาคมต่างด้าวอื่น ซึ่งก็ได้แก่กําลังจากพระสหายของพระองค์คือ เฉกอะหฺมัด นายวาณิชผู้ร่ำรวยและผู้ควมคุมประชาคมอิหร่านในกรุงศรีอยุธยานั้นเอง

    หลังจากท่านเฉกอะหมัดเข้ารับราชการจนมีบรรดาศักดิ์เป็นถึงอัครมหาเสนาบดีในสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททองได้สนับสนุนให้ชาวอิหร่านเดินทางเข้ามาตั้งถิ่นฐานในสยามเพิ่มมากขึ้นจนกลาย เป็นประชาคมใหญ่ประชาคมหนึ่งในกรุงศรีอยุธยา นอกจากชาวอิหร่านแล้วยังมีพวกมุสลิม นิกายชีอะห์จากอินเดียและเอเชียกลาง เดินทางเข้ามาอยู่อาศัยร่วมกับประชาคมนี้ด้วย

    มุสลิมเหล่านี้ได้นำวิทยาการความเจริญและศิลปศาสตร์ตามแบบโลกอิสลามเข้ามา สู่ราชสํานักสยาม จึงไม่น่าแปลกใจที่ชาวตะวันตกซึ่งเดินทางเข้ามายังสยามจะเล่าถึงแบบธรรมเนียมต่างๆ ของราชสํานักที่รับอิทธิพลมาจากพวกมุสลิม อย่างเช่นฉลองพระองค์ของกษัตริย์และขุนนางสยามที่เลียนแบบมาจากเครื่องแต่งกายของพวกมุสลิม ทั้งนี้ยังไม่รวมถึงเคหสถาน และปราสาทราชวังที่ได้รับแบบอย่างมาจาก อาคารในสถาปัตยกรรมอินโด-เปอร์เซีย

    @ “อกามะหะหมัด” อัครมหาเสนาบดีชาวอิหร่าน ในราชสำนักสมเด็จพระนารายณ์

    เมื่อพูดถึงยุคที่มีการติดต่อกับชาวต่างในอดีตของสยาม คนส่วนใหญ่มักนึกถึงรัชกาลของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เพราะมีขุนนางต่างชาติที่มีชื่อเสียงเป็นที่กล่าวถึงอย่างกว้างขวางอย่าง นายคอนสแตนซ์ ฟอลคอน (Constance Falcon) หรือ ออกญาวิไชเยนทร์ เสนาบดีชาวกรีก ที่เข้ามาบริหารราชการแผ่นดินระหว่างปี พ.ศ. 2228-31 หากยังมีขุนนางต่างชาติคนสำคัญมากแต่กล่าวถึงน้อยมากในงานเขียนทางประวัติศาสตร์ และมีบทบาทไม่น้อยกว่าฟอลคอน

    เขาผู้นั้นคือ อกามะหะหมัด (Aya Mahammad) อัครมหาเสนาบดีใหญ่ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช

    อกามะหะหมัด เป็นชาวอิหร่านโดยกําเนิด มีศักดิ์เป็นหลานลุงของเฉกอะหฺมัด (อัครมหาเสนาบดีในสมัยพระเจ้าปราสาททอง)ในหนังสือเรื่อง “สําเภากษัตริย์สุไลมาน” ซึ่งเขียนโดย อาลักษณ์ผู้บันทึกเรื่องราวการเดินทางของคณะทูตอิหร่านที่เข้ามา เจริญสัมพันธไมตรีในสมัยสมเด็จพระนารายณ์ระบุว่า ท่านอกามะหะหมัดเป็นผู้มีการศึกษาและได้รับการอบรมตามแบบลูกผู้ดีมี สกุลชาวอิหร่านในยุคนั้น ท่านรอบรู้ทั้งทางด้านศิลปศาสตร์ และ การบริหารราชการแผ่นดิน ท่านได้เริ่มเข้ามาสู่สยามครั้งแรกใน ฐานะพ่อค้า

    คําว่า “อกา” เป็นภาษาอิหร่านแปลว่า “ผู้นํา” หรือ “บุคคล ชั้นนําของสังคมมุสลิม” ท่านจึงไม่ใช่พ่อค้าธรรมดาๆ แต่ยังเป็นผู้ มีความรู้ และนักการศาสนาด้วย

    ท่านอกามะหะหมัดได้เข้ามาค้าขายในกรุงศรีอยุธยาด้วยการ สนับสนุนของลุงท่าน และได้เริ่มเรียนภาษาไทยจนชํานาญ ต่อมา ท่านได้สมรสกับคุณชี ธิดาคนเดียวของท่านเฉกอะหฺมัด และลงหลักปักฐานทํามาค้าขายอยู่ในกรุงศรีอยุธยา ด้วยความสัมพันธ์กับ ท่านเฉกอะหฺมัด และความรู้ความสามารถในศาสตร์แขนงต่างๆ ทําให้ท่านมีสถานภาพสูงในสังคม ซึ่งมีส่วนผลักดันให้ก้าวสู่ความ ก้าวหน้าในหน้าที่การงาน

    ชะตากรรมที่พลิกผัน

    ท่านอกามะหะหมัดคงเป็นเพียงพ่อค้าธรรมดาคนหนึ่ง หากท่านไม่ได้พบโอกาสสําคัญที่พลิกผันให้ต้องเข้าไปมีบทบาทอยู่ในราชสํานักสยาม และโอกาสนั้นก็เกิดจากความสัมพันธ์ที่ท่านมีกับเจ้าชายพระองค์หนึ่ง ในฐานะหลานชายของผู้นําประชาคมอิหร่านและขุนนางผู้ใหญ่ ท่านอกามะหะหมัดได้กลายเป็นพระสหายและครูให้กับสมเด็จพระนารายณ์ พระราชโอรสองค์หนึ่งในสมเด็จพระเจ้าปราสาททองซึ่งประสูติแต่พระอัครมเหสี

    สมเด็จพระนารายณ์ทรงเป็นเจ้าชายที่มีพระปรีชาสามารถมาก ทรงเป็นผู้สนใจใฝ่รู้ในวิทยาการของชาวต่างชาติจนถึงกับเสด็จไป เยี่ยมเยือนชุมชนอิหร่านอยู่บ่อยๆ ทรงได้รับคําแนะนําและบอกเล่าเกี่ยวกับความเจริญรุ่งเรืองของจักรวรรดิอิหร่านภายใต้การปกครองของราชวงศ์ซาฟาวี (Safavid Dynasty) ซึ่งเป็นราชวงศ์ที่ยิ่งใหญ่ราชวงศ์หนึ่งในยุคนั้น ขณะเดียวกันก็ทรงได้รับการถ่าย ทอดความรู้เกี่ยวกับศิลปศาสตร์ และการปกครองจากผู้เชี่ยวชาญชาวอิหร่าน รวมทั้งจากท่านอกามะหะหมัด ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเจ้าฟ้าหนุ่มกับคหบดีชาวอิหร่าน ได้นํามาซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ เพราะในอนาคตบุคคลผู้หนึ่งจะกลายเป็นพระมหากษัตริย์ และอีกท่านหนึ่งจะกลายเป็นเสนาบดีคู่พระทัย

    เมื่อสมเด็จพระเจ้าปราสาททองสวรรคตในปี พ.ศ. 2199 ความวุ่นวายทางการเมืองได้เริ่มขึ้น การช่วงชิงอํานาจระหว่างพระ ราชโอรสองค์โตคือสมเด็จเจ้าฟ้าไชย กับสมเด็จพระนารายณ์ได้ ทําให้เกิดการแบ่งฝ่ายสู้รบกันระหว่างขุนนางในราชสํานัก สมเด็จพระนารายณ์ทรงขอความช่วยเหลือจากสมเด็จพระศรีสุธรรมราชา พระปิตุลาในการช่วงชิงอํานาจกับพระเชษฐา และถึงแม้พระองค์จะทรงมีชัยชนะ แต่ก็ต้องยอมยกตําแหน่งกษัตริย์ให้กับพระปิตุลา ซึ่งเป็นผู้มีอํานาจมากในเวลานั้น พระองค์ได้รับการสถาปนาเป็น พระอุปราชครองวังหน้า

    อย่างไรก็ดีสมเด็จพระนารายณ์ก็มิได้ทรงรอให้พระปิตุลาสวรรคตเพื่อที่จะทรงได้ราชสมบัติ แต่กลับทรงดําเนินการเพื่อแย่งชิงราชบัลลังก์อีกครั้ง

    การล้มล้างอํานาจของสมเด็จพระศรีสุธรรมราชาไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะขุนนางผู้ใหญ่ที่คุมไพร่และกําลังพลส่วนใหญ่เป็นข้าราชสํานักของพระปิตุลา ในพระราชพงศาวดารและจดหมายเหตุ ของชาวต่างชาติได้อธิบายถึงการชิงอํานาจครั้งนี้อย่างละเอียด โดยกล่าวถึงรายนามขุนนางและหัวหน้าประชาคมต่างชาติที่ร่วมกับสมเด็จพระนารายณ์ อันได้แก่ หัวหน้าประชาคมญี่ปุ่น มาเลเซีย ปัตตานี และอิหร่าน รวมทั้งขุนนางระดับกลางและล่างอีกจํานวนหนึ่ง

    ในหนังสือ “สําเภากษัตริย์สุไลมาน” เล่าเหตุการณ์ครั้งนี้ไว้ว่า สมเด็จพระนารายณ์ทรงนํากองทหารร่วมไปในขบวนแห่ พิธีตะซิยัต (Taziyat) ของพวกอิหร่านในกรุงศรีอยุธยา พิธีนี้จัดขึ้นเพื่อรําลึกและไว้อาลัยแด่อิหม่ามฮุเซ็น ผู้นําทางศาสนาของมุสลิม นิกายชีอะห์ ซึ่งสิ้นพระชนม์ในสงครามศาสนาเมื่อปี พ.ศ. 1204

    พิธีตะซิยัตหรือพิธีเจ้าเซ็นนี้จัดเป็นประจําทุกปีในหมู่มุสลิมชีอะห์ทั่วโลก โดยมีการแต่งริ้วขบวนทหาร และขบวนม้าศึก จําลองเหตุการณ์สงครามในสมัยอิหม่ามฮุเซ็น พวกเจ้าเซ็นได้จัด ขบวนแห่แหนจากกลางเมืองมุ่งไปยังพระบรมมหาราชวังเพื่อให้ พระมหากษัตริย์ทอดพระเนตร เนื่องจากพระมหากษัตริย์ทรงอยู่ ในฐานะองค์อุปถัมภ์พิธีกรรมนี้

    สมเด็จพระนารายณ์ทรงใช้โอกาสระหว่างพิธีตะซิยัตยก กําลังเข้าปิดล้อมและโจมตีสมเด็จพระปิตุลาโดยไม่ให้ทันตั้งตัว เป็นผลให้ฝ่ายวังหลวงเพลี่ยงพล้ำ สมเด็จพระศรีสุธรรมราชาทรงลอบหนีออกจากพระราชวัง แต่ก็ถูกจับกุมได้และถูกสําเร็จโทษ สมเด็จพระนารายณ์เสด็จปราบดาภิเษกเป็นกษัตริยเมื่อ เดือนตุลาคม พ.ศ. 2199

    ในฐานะผู้สนับสนุนพระมหากษัตริย์องค์ใหม่ สมเด็จพระนารายณ์ทรงตอบแทนประชาคมอิหร่านด้วยการแต่งตั้งให้อับดุล ราซัค (Abdur Razzaq) หัวหน้าประชาคมอิหร่านในเวลานั้นดํารงตําแหน่งออกญาพิชิต ว่าที่อัครมหาเสนาบดี บุคคลผู้นี้คงได้ รับการสนับสนุนจากประชาคมอิหร่านในเวลานั้น และเป็นผู้มีอิทธิพลมากผู้หนึ่ง ไม่มีหลักฐานกล่าวว่าบุคคลผู้นี้มีความเกี่ยวพัน อย่างไรกับท่านอกามะหะหมัด แต่ในเอกสารของอิหร่านระบุว่า ครอบครัวของเขามาจากกิลาน (Gilan) ซึ่งเป็นดินแดนส่วนหนึ่ง ของชายฝั่งทะเลสาบแคสเปียนในอิหร่าน แต่ออกญาพิชิตก็มีอํานาจอยู่ไม่ได้นาน เพราะต่อมาเขาถูกพ่อค้าฮอลันดาและชาวต่างชาติจํานวนหนึ่งฟ้องร้องถึงความไม่ซื่อสัตย์และคดโกง ทำให้ถูกไต่สวน และริบทรัพย์สินและลงโทษ ปลดจากตําแหน่ง

    เสนาบดีราชสำนักสมเด็จพระนารายณ์

    ท่านอกามะหะหมัด ได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าประชาคมอิหร่านสืบแทน ต่อมาสมเด็จพระนารายณ์ได้ทรงแต่งตั้งพระสหายเก่าให้ดํารงตําแหน่ง ออกพระศรีเนาวรัตน์ เจ้ากรมท่าขวาและอัครมหาเสนาบดี มีหน้าที่ดูแลด้านการค้า การคลัง และประชาคมอิหร่านในกรุงศรีอยุธยา ท่านได้เริ่มบทบาทสําคัญในฐานะเสนาบดีคู่พระทัยโดยดําเนิน นโยบายการค้า ควบคู่ไปกับการเมือง

    ออกพระศรีเนาวรัตน์เป็นผู้มีบทบาทควบคุมดูแลการค้า และการเดินเรือพาณิชย์ให้กับราชสํานักสยาม เนื่องจากเคยเป็นพ่อค้าเก่าและคุ้นเคยกับลู่ทางการค้าทางทะเลเป็นอย่างดี นอกจากนี้ท่านยังเป็นที่ปรึกษาด้านการคลังให้กับสมเด็จพระนารายณ์โดย ถวายคําแนะนําเกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีรวมไปถึงการใช้จ่ายในราชสํานัก นอกจากนี้ท่านยังได้รับพระบรมราชานุญาตให้ผูกขาดการผลิตและการค้าไม้หอมซึ่งถือเป็นสินค้าชั้นสูงและมีราคาแพงมากในยุคนั้น ซึ่งเป็นที่ต้องการทั้งในจีน ญี่ปุ่น อินเดีย อิหร่าน และตะวันออกกลาง

    ด้านบทบาททางการเมือง ออกพระศรีเนาวรัตน์ได้ทูลเสนอ ให้สมเด็จพระนารายณ์ทรงแต่งตั้งขุนนางมุสลิมไปเป็นผู้ดูแลเมือง ท่าต่างๆ ที่มีความสําคัญต่อการค้าของสยาม อาทิ บางกอก พริบพรี (เพชรบุรี) ปราณบุรี กุยบุรี รวมถึงผู้สําเร็จราชการเมืองมะริด และตะนาวศรี เมืองเหล่านี้ล้วนเป็นเมืองท่าที่เชื่อมโยงการค้า ทางทะเลฝั่งตะวันตกจึงเต็มไปด้วยพ่อค้าวาณิชต่างชาติ ทั้งยังเป็น เมืองหน้าด่านของสยามซึ่งจะช่วยสกัดกั้นและป้องกันกองเรือต่างชาติที่จะเข้ามาโจมตีกรุงศรีอยุธยาด้วย

    ออกพระศรีเนาวรัตน์ยังเป็นผู้จัดหากองกําลังอาสา หรือทหารรับจ้าง เข้ามาประจําการในราชสํานัก โดยท่านได้ว่าจ้างทหารเชื่อสายอินโดอิหร่าน ทั้งจากอิหร่าน อินเดีย และตุรกี เข้ามาเป็นกองกําลังรักษา พระองค์ให้กับสมเด็จพระนารายณ์ ทหารเหล่านี้มีความชํานาญการรบ และได้รับค่าจ้างประจํา จึงเป็นทหารโดยอาชีพ และขึ้นตรงต่อพระมหากษัตริย์ภายใต้การควบคุมของออกพระศรีเนาวรัตน์อีกต่อหนึ่ง

    ในฐานะเสนาบดีแห่งราชสํานักสยาม ออกพระศรีเนาวรัตน์ ได้นําเอาวัฒนธรรมของอิหร่านเข้ามาเผยแพร่ในสยาม วิถีชีวิต ความเป็นอยู่แบบอิหร่านได้ถ่ายทอดไปสู่ชนชั้นสูงในราชสํานักสมเด็จ พระนารายณ์ แม้แต่แบบแผนการทูต ตั้งแต่พิธีการ สถานที่รับรอง ไปจนถึงการแต่งกายก็อยู่ภายใต้อิทธิพลของวัฒนธรรมอิหร่าน ผ่านทางขุนนางผู้นี้ อย่างไรก็ดีสมเด็จพระนารายณ์มิได้ทรงรับนับถือศาสนาอิสลาม แต่การที่พระองค์ทรงเป็นองค์ศาสนูปถัมภ์ศาสนาอิสลาม นิกายชีอะห์ โดยพระราชทานที่ดิน และทรัพย์สินในการประกอบพิธีกรรม เท่ากับเป็นการสนับสนุนให้มุสลิมกลุ่มนี้

    แผนการถ่วงดุลมหาอํานาจ

    ท่านอกามะหะหมัดเข้ามารับตําแหน่งเสนาบดีกรมท่า ดูแลทั้งทางด้านการค้าและการต่างประเทศ ทําให้ท่านต้องเข้าไป เกี่ยวข้องกับวิกฤตการณ์ครั้งสําคัญหลายครั้ง โดยเฉพาะความขัดแย้งที่มีกับฮอลันดาซึ่งดําเนินสืบเนื่องมาตั้งแต่รัชกาลก่อน ฮอลันดา ไม่พอใจการที่ท่านควบคุมการค้าอย่างเข้มงวด ทั้งยังผูกขาดการค้าไม้หอมซึ่งเป็นสินค้าที่ฮอลันดาต้องการเป็นเจ้าตลาดมาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง

    ฮอลันดาเป็นชาติตะวันตกที่คุกคามรัฐต่างๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มาโดยตลอด รัฐมุสลิมหลายแห่งได้ถูกกองเรือปืนของ ฮอลันดาโจมตีและยึดครอง พ่อค้าบริษัทอินเดียตะวันออกของดัตช์ กลายเป็นผู้ผูกขาดการค้าในมหาสมุทรอินเดียและทะเลจีน กองเรือค้าขายของฮอลันดามีอาวุธปืนที่ทันสมัยและยังมีกองเรือขนาดใหญ่ที่ครอบครองน่านน้ำทางตะวันตกและตะวันออก สยามจึงไม่อยู่ในฐานะที่จะต่อกรกับแสนยานุภาพทางทะเลของฮอลันดาได้ ท่านอกามะหะหมัดจึงต้องดําเนินนโยบายถ่วงดุลอํานาจของฮอลันดา

    ในระยะแรกท่านคงมองไปที่อิหร่าน บ้านเกิดเมืองนอนซึ่ง เป็นจักรวรรดิที่ใหญ่และเจริญมากที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชีย มีการส่ง คณะทูตสยามเดินทางไปยังราชสํานักของชาห์สุไลมาน (Shah Sulaiman) ของอิหร่านในเวลานั้น ความพยายามของราชสํานักที่จะขอความช่วยเหลือจากอิหร่านเป็นไปอย่างเชื่องช้า แม้จะส่งคณะทูตออกไปหลายคณะแต่การตอบรับ คงเป็นเพียงให้ความสะดวกในด้านการค้าเท่านั้น

    ราชสํานักอิหร่านมิได้กระตือรือร้นในการสนับสนุนหรือคุ้มครองกองเรือสยามในทะเล เพราะขณะนั้นอิหร่าน กําลังประสบปัญหาจากการขยายอํานาจของจักรวรรดิออตโตมานาเตอร์กทางด้านตะวันตก ขณะเดียวกันก็ต้องปราบปรามชนกลุ่มน้อยที่กระด้างกระเดื่องในด้านตะวันออก นอกจากนี้อิหร่านยังมีความสัมพันธ์ทางการทูตที่ดีกับฝรั่งเศส ฮอลันดา และอังกฤษ อิหร่านจึงไม่พร้อมที่จะเข้าไปช่วยอาณาจักรที่อยู่ห่างไกลออก

    ท่านอกามะหะหมัด จึงต้องหันไปมองประเทศอื่นซึ่งจะเข้ามาช่วยถ่วงดุลอํานาจของฮอลันดา นั่นก็คือ อังกฤษ ที่ท่ารมีสัมพันธ์อันดีกับพ่อค้าและบริษัทอินเดียตะวันออกของอังกฤษ โดยให้สนับสนุนให้อังกฤษเข้ามาตั้งสถานีการค้าในกรุงศรีอยุธยา หลังจากที่อังกฤษเคยขาดทุนและต้องเลิกกิจการไประยะหนึ่ง ท่านทูลขอให้สมเด็จพระนารายณ์ทรงลดหย่อนภาษีดีบุกให้กับพ่อค้าอังกฤษ และขอพระราชทานทุนทรัพย์เพื่อช่วยเหลือกิจการค้าของพ่อค้าอังกฤษในกรุงศรีอยุธยา

    อังกฤษตอบสนองความปรารถนาของท่านเป็นอย่างดี นอกจากจะช่วยเหลืออนุญาตให้เรืออังกฤษขนสินค้าของสยามแล้ว ยัง รับรองและคุ้มกันคณะทูตสยามที่เดินทางไปยังราชสํานักอิหร่าน นอกจากนี้อังกฤษได้ให้สัจยี ชะลิม (Haii Salim) ราชทูตสยามที่ ไปเจริญพระราชไมตรีกับราชสํานักอิหร่านยืมเงินเพื่อใช้จ่ายในระหว่างการเดินทาง ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างอังกฤษกับออกพระศรีเนาวรัตน์ทําให้พ่อค้าอังกฤษได้รับความสะดวก และยังเปิดโอกาสให้พนักงานของบริษัทอินเดียตะวันออกของอังกฤษ เดินเข้ามารับราชการในกรมท่า ซึ่งรวมทั้งนายคอนสแดนซ์ ฟอลคอนด้วย

    สูงสุดคืนสู่สามัญ

    อันที่จริงฟอลคอนอาจไม่มีบทบาทโดดเด่นในประวัติศาสตร์ หากไม่เกิดปัญหากับประชาคมมุสลิมในกรุงศรีอยุธยา จนกลาย เป็นสาเหตุให้สมเด็จพระนารายณ์ต้องทรงแสวงหาพันธมิตรกลุ่มใหม่ มาแทนที่ประชาคมอิหร่านของท่านอกามะหะหมัด

    สาเหตุมาจากความมั่งคั่งและอํานาจที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ของท่านออกญาศรีเนาวรัตน์ที่ก่อให้เกิดความอิจฉา เริ่มจากกองทหารรักษาพระองค์ชาวอิหร่าน กล่าวหาท่านออกญาว่าโกงเบี้ยหวัดที่พระราชทาน ขณะที่ประชาคมอิหร่านเองก็เกิดสามัคคีเภทอันนําไปสู่การแก่งแย่งอํานาจและผลประโยชน์จนถึงกับมีการฆ่าฟันกัน นอกจากนี้มุสลิมกลุ่มต่างๆ ที่อพยพเข้ามาในกรุงศรีอยุธยาก็เริ่มก่อกวน จนกลายเป็นพวกนอกกฎหมายโดยที่ออกญาศรีเนาวรัตน์ไม่สามารถควบคุมประชาคมอิหร่านและมุสลิมกลุ่มต่างๆ ได้ นอกจากนี้ท่าน ยังถูกกล่าวหาว่าฉ้อโกงพระราชทรัพย์ และเบียดบังผลประโยชน์ จากการค้าาพโดย

    วิกฤตการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นเป็นผลให้ท่านถูกถอดออกจาก ตําแหน่งหน้าที่ทางราชการทั้งหมด แม้จะไม่มีหลักฐานว่าสมเด็จพระนารายณ์ทรงลงพระราชอาญาท่านหรือไม่ แต่ด้วยสุขภาพที่เสื่อมโทรมและความชราก็ทําให้ท่านอัครมหาเสนาบดีผู้ซึ่งดูแล ราชสํานักมาเป็นเวลาเกือบ 30 ปี ถึงแก่อนิจกรรมในที่สุด ประชาคมอิหร่านก็แตกสามัคคี สมเด็จพระนารายณ์ ต้องทรงหาขุนนางคนใหม่เพื่อมารับหน้าที่แทนท่านออกญา จึงเป็นโอกาสให้ฟอลคอนขุนนางระดับล่างในกรมท่าได้เข้ามารับใช้ใกล้ชิด

    Articles and photos by https://www.silpa-mag.com/history/article_43733

    https://www.silpa-mag.com/history/article_43801

    https://www.silpa-mag.com/history/article_38532

    https://www.silpa-mag.com/history/article_23697

     

แชร์หน้านี้

Loading...