ขอเชิญท่านที่มีความจงรักภักดีและเทิดทูนในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

น้อมรับพระบรมราโชวาท


วันพุธ ที่ 27 มกราคม 2553 เวลา 7:12 น




พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทาน พระบรมราโชวาทแก่ตุลาการศาลปกครองสูงสุด และตุลาการศาลปกครองชั้นต้น ตำแหน่งตุลาการศาลปกครองกลาง ที่เฝ้าทูลละออง ธุลีพระบาท เพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ ณ ห้องประชุม ชั้น 14 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช เมื่อวันที่ 25 ม.ค. ที่ผ่านมา ให้ยึดถือคำปฏิญาณ ตัดสินปัญหาด้วยความซื่อสัตย์ เป็นธรรม เป็นกลางตามความเป็นจริง ต้องไม่ทรยศต่อความยุติธรรม จนกว่าจะสิ้นชีวิต แม้อาจมีบางฝ่ายไม่พอใจในคำตัดสิน แต่ขอให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความกล้าหาญและหนักแน่น

นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ แก่คณะตุลาการศาลปกครอง เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติหน้าที่ เนื่องเพราะเป็นที่ทราบกันดีว่า ศาลปกครองเป็นสถาบันหลักของประเทศที่ใช้อำนาจตุลาการอำนวยความยุติธรรม เกี่ยวกับข้อพิพาททางปกครอง โดยมุ่งให้เกิดความสมดุลในการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน และการดำเนินงานของรัฐเพื่อประโยชน์สาธารณะ จึงต้องพิพากษาคดีด้วยความเป็นธรรมและรวดเร็ว เพื่อเป็นหลักประกันในการคุ้มครอง สิทธิเสรีภาพ และให้เกิดความเป็นธรรม แก่คู่กรณี ทั้งยังวางหลักกฎหมายปกครองที่เป็นบรรทัดฐานในการปฏิบัติราชการของหน่วยงาน และเจ้าหน้าที่ของรัฐอีกด้วย

ในส่วนของรัฐบาลเอง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ก็สามารถน้อมนำพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไปเป็นแนวทางในการบริหารราชการแผ่นดินได้เช่นกัน จึงเป็นเรื่องน่ายินดีที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รอง นายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ออกมาน้อมรับพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่พระราชทานต่อตุลาการศาลปกครองว่า ต้องถือเป็นมงคลสูงสุดของประเทศ ทุกฝ่ายต้องรับ ใส่เกล้าฯ ไปปฏิบัติ แม้รัฐบาลไม่มีหน้าที่เหมือนตุลาการในการพิพากษาคดีความ แต่งานของรัฐบาลหลายเรื่อง รัฐบาลต้องดำเนิน การโดยยึดความยุติธรรม

เช่นเดียวกับประชาชนคนไทยทุกหมู่เหล่าที่รู้สึก ปีติและซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ พร้อมน้อมนำพระบรมราโชวาทรับใส่เกล้าฯ ไปเป็นมงคลแห่งชีวิต โดยเฉพาะพระบรมราโชวาทนี้จะทำให้พี่น้องประชาชนคนไทยทั้งหลาย ข้าราช การทั้งหลายได้มีสติระลึกได้ว่า พระองค์ท่านซึ่งเหมือนพ่อของคนไทยทั้งประเทศ ทรงห่วงใยบ้านเมือง ทรงห่วงใยประชาชน และทรงให้สติ ให้ทุกคนระลึกถึงความสำคัญในหน้าที่ของตนเอง เพราะ ฉะนั้นสิ่งเหล่านี้จึงไม่ใช่เฉพาะผู้ที่ได้รับรับสั่งเท่านั้น แต่ประชาชนทั่วไป รัฐบาลและข้าราชการ ก็สมควรที่จะน้อมเกล้าฯ รับไปปฏิบัติ.


27 ม.ค. 2553

 

<TABLE class=tborder id=post2217508 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">27-06-2009, 10:00 AM </TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#121 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->ทางสายธาตุ<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2217508", true); </SCRIPT>
ผู้สนับสนุนบริจาค



วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 862

พลังการให้คะแนน: 164




</TD><TD class=alt1 id=td_post_2217508 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><CENTER><!-- google_ad_section_start -->ศิลปะการก่อสร้างเจดีย์ทรงระฆังคว่ำ<!-- google_ad_section_end -->

</CENTER>
<HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- google_ad_section_start -->อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">มีหลักฐานหลายจุดที่ระบุชัดเจนว่า พระเอกาทศรถ ทรงสร้างวัด 3 แห่ง คือวัดเจ้าชาย เพื่อเป็นวัดประจำพระองค์ สร้างวัดวรเชษฐ์ ให้กับพระนเรศวร เพื่อเป็นสถานที่ปลงพระศพ และวัดมหาเถระคันฉ่อง เพื่อถวายพระอาจารย์อันเป็นที่รัก โดยทั้ง 3 วัด ตั้งอยู่ในลักษณะรูปพีระมิด ตามคติความเชื่อโบราณ เพื่อเสริมบารมีให้กับกรุงศรีอยุธยาให้ร่มเย็นเป็นสุข </TD></TR></TBODY></TABLE>
วัดที่สร้าง(สร้างใหม่ ไม่ใช่บูรณะของเดิม)ในสมัยพระเอกาทศรถ ควรจะมีศิลปะใด ควรจะเป็นทรงระฆังคว่ำแบบเดียว

หรือจะมีแบบย่อมุมไม้ยี่สิบดั่งสมัยอยุธยาตอนต้นมาผสมผสานด้วยหนอ

วัดวรเชษฐ์ไหนควรจะเป็นวัดที่พระเอกาทศรถสร้าง จะเอาเกณฑ์เรื่องของศิลปะการสร้างวัดมาใช้ได้ไหม น่าสนใจ

รูปแรก เจดีย์วัดเจ้าชาย

รูปที่สอง เจดีย์วัดเชษฐาราม<!-- google_ad_section_end -->


<FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>


</FIELDSET> <FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูป</LEGEND>


</FIELDSET>


</TD></TR></TBODY></TABLE>

วัดเจ้าชาย (วัดกระชาย)
​

กลางปี 2552 หรือกลางปีที่แล้ว ทางสายธาตุยังไม่ค่อยจะมั่นใจหรือเรียกว่ายังไม่เชื่อว่าวัดวรเชษฐ์(นอกเกาะ) จะเป็นวัดที่สมเด็จพระเอกาทศรถสร้างถวายสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเพราะศิลปะการก่อสร้างพระปรางค์นั้นไม่ใช่ศิลปะที่นิยมกันในสมัยอยุธยากลาง จึงต้องหาหลักฐานสนับสนุนจนถึงวันนี้ วัดวรเชษฐ์(นอกเกาะ)มีความเป็นไปได้สูงว่าเป็นวัดที่สมเด็จพระเอกาทศรถทรงสร้าง ซึ่งเป็นไปได้มากกว่าวัดเชษฐาราม (ในเกาะ)เสียอีก ด้วยเหตุผลด้านศิลปกรรมการก่อสร้าง และลวดลายปูนปั้นประดับองค์เจดีย์ต่างๆ

หนทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน หลักฐานพิสูจน์ความจริงได้(อันหลังเติมเองค่ะ)​

 

ขอ อนุโมทนา และเป็นกำลังใจ ให้กับคุณพี่ทางสายธาตุด้วยค่ะ

 

ขอบคุณค่ะ คุณโมเย

ขอบคุณพี่จงรักภักดีสำหรับเรื่องราวดีๆที่นำมาเสนอเสมอๆ

ขอบคุณคุณไก่เหลือง คุณฟอร์ท คุณศรัทธา_พิสุทธ์ และทุกคนที่แวะเวียนมาอ่านค่ะ

 

รูปนี้เคยหาแต่หาไม่เจอ เพิ่งจะพบว่าอยู่ในหนังสืองานช่างหลวงแห่งแผ่นดินศิลปะอยุธยา


รูปหัวกระต่ายขูดมะพร้าวและเหล็กรูปยาวเรียวปลาย ซึ่งยังสันนิษฐานไม่ได้ว่าเป็นเครื่องมืออะไร พบจากการขุดแต่งในวัดไชยวัฒนาราม

ไม่รู้ว่าเหล็กปลายเรียวจะไว้ทำอะไรนะคะ เอาไว้ทำอะไรที่จะเกี่ยวกับงานครัวในสมัยนั้น

 

ขอร่วมด้วยช่วยเดานะคะ พอคุณทางสายธาตุเอ่ยถึงงานครัวและหัวกระต่าย

สำหรับขูดมะพร้าว เคยเห็นทางภาคใต้มีเหล็กแหลมลักษณะคล้ายกันอย่าง

นี้ สำหรับไว้ใช้ช่วยในการปอกเปลือกมะพร้าวค่ะ ถ้าผิดพลาดต้องขออภัย

ด้วยนะคะ

 

ความคิดคาดเดาไม่มีผิดไม่มีถูกหรอกค่ะ พี่ศรัทธา_พิสุทธ์ เป็นสมัยโบราณยากที่จะรู้จริงๆค่ะ



พี่ศรัทธา_พิสุทธ์เดาว่าไว้ปอกเปลือกมะพร้าว


รอท่านอื่นเดาด้วยดีกว่า ทางสายธาตุก็เดาว่าเกี่ยวกับมะพร้าวค่ะ

 

นี่ถ้าคุณทางสายธาตุไม่ขยายความว่าเป็นกระต่ายขูดมะพร้าว ต้องเดาว่าเป็น

ปิ่นปักผมไปเลยเพราะเพียงแค่ดูจากรูปเล็กมีส่วนคล้ายนะครับ

...
เยอรมนี 'หนุนอาเซียน' 'พัฒนาท่าเรือ'

วันพฤหัสบดี ที่ 28 มกราคม 2553 เวลา 0:00 น




.



'ไร้พิษภัย' ปัจจัยนอก

การพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศนั้น สิ่งที่จำเป็นประการหนึ่งคือโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ของประเทศ ซึ่งในส่วนของการคมนาคม-การขนส่ง นอกเหนือจากถนนหนทางแล้ว หากประเทศใดมี “ท่าเรือ” ก็จะเป็นประโยชน์มาก เพราะจะเป็นเสมือน “ประตู” ไปมาหาสู่-ทำมาค้าขายกับต่างแดนได้อย่าง สะดวก

มี “ท่าเรือ” แล้วก็ต้องมีการ “พัฒนาท่าเรือ”

เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์ท่าเรือได้เต็มที่ !!

ทั้งนี้ ความหมายของคำว่าท่าเรือ จากเว็บไซต์ www. md.go.th ของกรมเจ้าท่า ระบุว่า... คำว่า “ท่าเรือ” หรือ “เมืองท่า” หมายถึงอาณาบริเวณพื้นที่สำหรับให้เรือเข้าจอดเทียบท่า มีการทอดสมอเรือ มีอุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ในการดำเนินกิจกรรมระหว่างเรือกับชายฝั่ง เช่น การขนถ่ายสินค้า

หรืออาจกล่าวอย่างสั้น ๆ ว่าท่าเรือคือ อาณาบริเวณพื้นที่ที่มีการติดต่อกันระหว่างเรือกับชายฝั่ง (Ship/Shore interface) และท่าเรือจะประกอบด้วยพื้นที่ที่มีลักษณะเป็นที่กำบังเรือ (Harbour) ทั้งลักษณะที่เป็นธรรมชาติ หรือที่มนุษย์สร้างขึ้น และมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ สำหรับเรือกับชายฝั่ง

ท่าเรือเป็นอุตสาหกรรมบริการประเภทหนึ่ง มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศที่กำลังพัฒนา เปรียบ เสมือนเป็นจุดรวมเส้นทางของการขนส่งสินค้า และเป็นหน่วยที่มีความซับซ้อน มีองค์ประกอบที่ทำหน้าที่แตกต่างกันหลายส่วน ในแต่ ละส่วนจะมีบทบาทเฉพาะของตัวเองเพื่อทำหน้าที่อย่างมีประสิทธิ ภาพในการเก็บรักษาและขนถ่ายสินค้า ตลอดจนทำหน้าที่เกี่ยวกับการเดินเรืออย่างสัมพันธ์กับเรือเพื่อให้เกิดความปลอดภัย


แหล่งที่มา เดลินิวส์ 28 มกราคม 2553










-ได้อ่านพบบทความข้างต้นจาก เดลินิวส์ ฉบับวันนี้ วันที่ 28 มกราคม 2553

สะกิดใจเรื่องท่าเรือ ครับ จากบทความของคุณทางสายธาตุ ตั้งแต่รัชสมัยของ

สมเด็จพระนเรศวรมหาราช มีการค้าขายโดยทางเรือกับต่างประเทศ ไม่นับทาง

ด้านการทหารนะครับ การเดินทางไปมาแต่ละทริป ต้องใช้เรือหลายลำ อาจ

เรียกได้ว่าเป็นกองเรือก็ย่อมได้และในสมัยรัชกาลต่อๆมาเราได้ใช้ที่ใดเป็นท่า

เรือ สำหรับเป็นท่าเทียบเรือ ขนถ่ายสินค้า หรือว่าคุณทางสายธาตุได้ระบุไว้

แล้ว แต่ผมอ่านไม่พบเอง ต้องกลับไปอ่านตั้งต้นใหม่

ส่วนท่าเรือในปัจจุบันมีที่ใดบ้างก็คงพอทราบกันนะครับ มีท่าเรือคลองเตย ท่า

เรือแหลมฉบัง ที่มาบตาพุดก็ดูจะใช่นะครับ ที่สุราษฎร์ก็มีหนึ่งแห่ง แต่ที่คอ

คอดกระยังไม่มีนะครับ เมื่อครั้งที่คุณทางสายธาตุนำแผนที่ภาพถ่ายทาง

อากาศบริเวณมะริด ทะวาย ตะนาวศรี มาโพส แว็บแรกที่ได้เห็นเกิดความรู้สึก

ขึ้นมาทันทีว่าตรงนี้เหมาะเป็นท่าเรือ ไม่สงสัยเลยว่าเหตุใดสมเด็จพระ

นเรศวรมหาราชจึงทรงให้ความสำคัญกับจุดนี้มาก จึงได้ทรงมอบหมายให้ขุน

พลที่ใกล้ชิดและเป็นที่ไว้วางพระทัย เช่นพระยาศรีไสยณรงค์ ไปเป็นเจ้า

เมืองตะนาวศรี

 

คิดว่าเรื่องค้าขายใช้เรือหลายลำจริงๆค่ะ พวกชาติตะวันตกจะเข้ามากรุงศรีฯ ต้องผ่านช่องแคบมะละกา ที่มีปัญหาเสมอว่าชาติใดยึดอำนาจช่องแคบนี้ไว้อยู่ ดังนั้นเรือจากอาหรับ หรือเรือชาติตะวันตกที่ไม่สามารถผ่านช่องแคบมะละกาได้ ก็อาจจะติดด้วยเหตุผลด้านการทหารบ้าง หรือเรือเดินสมุทรนั้นไม่ใหญ่พอที่จะฝ่ามรสุมและข้ามช่องแคบได้ ก็จะจอดที่มะริด เหมือนกับที่ท่านเฉกอำหมัดเดินทางเข้ามา ก็เข้ามาทางท่าเรือเมืองมะริด เดาว่าน่าจะเป็นอย่างนี้ค่ะ

 

<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->ทางสายธาตุ<!-- google_ad_section_end --> <SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2907423", true); </SCRIPT>
ผู้สนับสนุนบริจาค

มีพระคุ้มครองล็อคอินแล้ว ปลอดภัยและอุ่นใจ ของใหม่ในเวปไซด์ในวันนี้ ^^

 

นี่ถ้าคุณทางสายธาตุไม่ขยายความว่าเป็นกระต่ายขูดมะพร้าว ต้องเดาว่าเป็น

ปิ่นปักผมไปเลยเพราะเพียงแค่ดูจากรูปเล็กมีส่วนคล้ายนะครับ


เหมือนปิ่นปักผม 555 เห็นรูปเล็กๆก็น่าจะคล้ายปิ่นปักผมเหมือนกันค่ะ

แต่อันที่เป็นเหล็กกลมแหลมยาวจะสองฟุตได้ ทำปิ่นปักผมนางผีเสื้อสมุทรจะพอดี 555

พี่จงรักภักดีจะเดาไหมคะว่าทำอะไรเกี่ยวกับลูกมะพร้าวด้วยเหล็กกลมแหลมนี้ดี

 

เมื่อตอนที่เขียนถึงวัดพระศรีมหาธาตุ จังหวัดพิษณุโลก พอดีพี่จงรักภักดีได้นำประวัติการสร้างพระพุทธรูปพระพุทธชินราชมาวาง ทำให้รู้ว่าเขียนชื่อวัดผิดไปแล้ว ที่ถูกต้องจะต้องเป็นวัดพระศรีรัตนมหาธาตุราชวรวิหาร

คำว่ารัตนมหาธาตุจึงเข้ามาอยู่ในความสนใจ ครั้งแรกที่อ่านเจอคำนี้และจดจำไว้คือพระปรางค์ประธานวัดไชยวัฒนาราม นักศิลปโบราณคดีจะเรียกพระปรางค์ว่า รัตนมหาธาตุ

หากลองค้นหาคำว่า รัตนมหาธาตุในอินเตอร์เนต ก็จะเจอแต่เจดีย์ทรงปราค์

ในพงศาวดารเขียนว่า พระรัตนมหาธาตุสร้างไว้ที่วัดป่าแก้ว โดยสมเด็จพระรามาธิบดี

กำลังสนใจกับคำว่า รัตนมหาธาตุ

สดุดข้อความในหนังสือของพลตรี พิจิตร ขจรกล่ำ กล่าวเป็นเชิงวิเคราะห์ไว้ว่า บางทีพระปรางค์องค์ประธานของวัดวรเชษฐ์(นอกเกาะ) อาจจะสร้างโดยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

 

ตามข้อสันนิษฐานของ น. ณ ปากน้ำ อาจเป็นไปได้ว่าสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงโปรดการเจริญกรรมฐานที่วัดนี้ในสมัยที่ทรงครองราชย์อยู่นั้น สมเด็จพระเอกาทศรถทรงทราบเป็นอย่างดีจึงได้บูรณะวัดป่าแก้วแล้วพระราชทานนามใหม่ว่า วัดวรเชษฐ์

และที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งคือ ถ้าสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงสร้างเจดีย์ที่วัดป่าแก้วหลังสงครามยุทธหัตถีแล้ว เจดีย์ทรงพระปรางค์องค์นี้ก็น่าจะเป็นเจดีย์ที่ทรงสร้างในครั้งนั้น<O</O

ข้อมูลสีม่วงนำข้อมูลมาจากหนังสือวาระสุดท้ายและสิ่งที่เป็นอมตะของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชอยู่ที่ไหน ผู้เขียนคือ พลตรี พิจิตร ขจรกล่ำ หน้า ๘๗<!-- google_ad_section_end -->

 

<TABLE class=tborder id=post2903914 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">27-01-2010, 10:06 PM </TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #1 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->omio<!-- google_ad_section_end --> <SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2903914", true); </SCRIPT>
ผู้สนับสนุนบริจาค



วันที่สมัคร: Aug 2008
ข้อความ: 1,135
พลังการให้คะแนน: 214


</TD><TD class=alt1 id=td_post_2903914 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><CENTER><!-- google_ad_section_start -->คนไทยบริจาคเงินช่วยเฮติมากสุดในโลก 160 ล้าน<!-- google_ad_section_end -->

</CENTER>
<HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- google_ad_section_start -->เผยยอดเงินบริจาคภาคประชาชน ผ่านทาง World Food Programme จำนวนที่มากที่สุดในโลกกว่า 160 ล้านบาท "สรยุทธ" เผยจะนำไปซื้อถุงยังชีพแจกชาวเฮติ ครอบครัวละ 1 ถุง..

จากเหตุการณ์ แผ่นดินไหวประเทศเฮติ ที่มีผู้เสียชีวิตกว่า 1 แสนราย บาดเจ็บ และต้องอดอาหาร น้ำ อีกหลายล้านคน ทาง “ครอบครัวข่าว” สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ได้ริเริ่ม โครงการ "กองทุนคนไทยช่วยผู้ประสบภัยเฮติ" ให้ผู้ชมรายการได้ร่วมบริจาคเงินช่วย เหลือประชาชนชาวเฮติผ่านโครงการดังกล่าว โดยเริ่มเมื่อวันเสาร์ที่ 16 ม.ค. สิ้นสุดการรับบริจาคในวันที่ 26 ม.ค.ที่ผ่านมานั้น ปรากฏว่ายอดเงินบริจาคเบื้องต้นมีจำนวนกว่า 160 ล้านบาท

เมื่อวัน ที่ 27 ม.ค. นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา พิธีกรรายการเรื่องเล่าเช้านี้ กล่าวว่า ครอบครัวข่าวจะนำเงินบริจาคทุกบาททุกสตางค์ ไปช่วยเหลือชาวเฮติ ผ่านโครงการอาหารโลก (World Food Programme) ของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เนื่องจากเป็นโครงการที่ได้ช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้อย่างรวดเร็ว และเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เวลานี้ สิ่งที่ผู้รอดชีวิตต้องการมากที่สุด คือ อาหาร และน้ำ ดังนั้นโ ครงการนี้จึงเป็นการช่วยเหลือที่ตรงกับความประสงค์ของคนไทยที่อยากให้ความ ช่วยเหลือชาวเฮติอย่างเร็วที่สุด

ทั้งนี้ เงินกองทุนคนไทยช่วยผู้ประสบภัยเฮติ จะนำไปซื้อถุงยังชีพ (Food Basket) ซึ่งประกอบด้วย ข้าว หรือ ข้าวโพด, เกลือ, น้ำมันพืช, ถั่ว และเครื่องครัว โดยถุงดังกล่าวจะแจกให้ 1 ถุงต่อ 1 ครอบครัว และดำรงชีพอยู่ได้ 1 เดือน

ด้าน นายเคนโร โอชิดาริ ผู้อำนวยการสำนักงานภูมิภาคเอเชีย ของโครงการอาหารโลกฯ กล่าวว่า จากประสบการณ์การทำงานในประเทศต่างๆ กับโครงการอาหารโลกฯ ไม่เคยปรากฏมาก่อน ว่ามีประชาชนในประเทศใดที่จะสามารถรวบรวมน้ำใจ และยื่นมือให้ความช่วยเหลือแก่เพื่อมนุษย์ได้อย่างมากมายและทันท่วงที ได้เท่ากับสิ่งที่ได้เห็นจากน้ำใจของประชาชนคนไทยในวันนี้ และว่าเงินบริจาคจากประชาชนชาวไทย ซึ่งรวบรวมโดยไทยทีวีสีช่อง 3 นับเป็นเงินบริจาคจำนวนสูงสุดจากภาคเอกชน ซึ่งโครงการอาหารโลก ได้รับเพื่อนำไปดำเนินการให้ความช่วยเหลือบรรเทาทุกข์แก่ประชาชนชาวเฮติ ในครั้งนี้

ทางด้านพิธีกรสาวคนดัง "กาละแมร์" พัชรศรี เบญจมาศ ยังได้โพสต์ผ่านทางเว็บไซต์ทวิตเตอร์ ว่า "คนไทยเป็นผู้ใจบุญบริจาคเงินช่วยเหลือชาวเฮติมากที่สุดในโลก" ซึ่งกาละแมร์ เปิดเผยกับ ไทยรัฐออนไลน์ สาเหตุที่นำไปโพสต์ในทวิตเตอร์ว่า "พอดีแมร์ได้ยินพี่ยุทธ์ (สรยุทธ สุทัศนจินดา) เผยถึงข่าวที่คนไทยร่วมบริจาคเงินให้กับชาวเฮติสูงที่สุดเป็นอันดับ 1 ของโลก ด้วยยอดเงินรวม ณ ตอนนี้กว่า 160 ล้านบาท โดยได้ข้อมูลมาจากโครงการอาหารโรงเรียน ของโครงการอาหารโลกแห่งสหประชาชาติ (United Nations World Food Programme’s Special Ambassador for School Feeding) ซึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารีทรงเป็นทูตพิเศษค่ะ"

ผู้ สื่อข่าวรายงานว่า โครงการกองทุนคนไทยช่วยเหลือผู้ประสบภัยเฮติ ยังได้รับพระกรุณาธิคุณ จากพระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาธินัดดามาตุ ประทานทรัพย์ส่วนพระองค์แก่กองทุนคนไทยฯ จำนวน 100,000 บาท และสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาปริณายก ประทานทุนทรัพย์ผ่านมูลนิธิสมเด็จพระสังฆราช 500,000 บาท และสำนักราชเลขานุการสมเด็จพระสังฆราชมอบอีก 100,000 บาท ตลอดจนกลุ่มศิลปินไม่สังกัดค่ายจำนวนมาก ได้ร่วมจัดงานคอนเสิร์ต Help Hope Heti ณ ลานเซ็นทรัลเวิร์ล ได้เงินสมทบกองทุนอีกกว่า 3 ล้านบาท

นอกจากนี้ ยังมีการร่วมกับค่ายบริษัทมือถือยักษ์ใหญ่ทั้ง 3 ค่าย ประกอบด้วย ดีแทค เอไอเอส และทรูมูฟ เปิดให้ส่ง SMS ค่าบริการครั้งละ 10 บาท รายได้ทั้งหมดไม่หักค่าใช้จ่ายส่งไปช่วยผู้ประสบภัยเฮติ ผ่านสภากาชาดไทย ซึ่งขณะนี้รายได้จากการส่ง SMS เกินกว่า 10 ล้านบาทแล้ว.<!-- google_ad_section_end -->
</TD></TR></TBODY></TABLE>

รู้สึกดีจังเมื่อได้อ่านข่าวนี้ ดินแดนแห่งพระพุทธศาสนาที่ประชาชนมีความเมตตาในหัวใจ ไทยยังคงจรรโลงพระพุทธศาสนาต่อไปได้อีกนานด้วยจิตใจแบบพุทธแบบที่เห็นกันอยู่นี้

 

ขอบคุณพี่จงรักภักดีที่ทำให้ได้เปิดประเด็นพระรัตนมหาธาตุ เป็นสิ่งที่ไม่เคยคิดจะค้นหามาก่อนค่ะ นี่อาจเป็นการยืนยันว่า หากมีพระมหากษัตริย์พระองค์ใดทรงบันทึกไว้ในพงศาวดารว่าทรงสร้างพระรัตนมหาธาตุ ก็อาจแสดงว่าทรงสร้างพระปรางค์ประธานของวัด ก็ได้ค่ะ

อ้างอิงข้อมูลวัดไชยวัฒนารามจาก

http://www.free-webboard.com/travel.php?nm=ayutthayanews&qid=2

 

ในหนังสืองานช่างหลวงแห่งแผ่นดิน ศิลปะอยุธยา เขียนโดย ศ.ดร.สันติ เล็กสุขุม

การสร้างพระปรางค์ให้สูงขึ้นไปเป็นยอดปราสาทนี้ เป็นสัญญลักษณ์หมายถึงเรือนของผู้มีฐานันดรสูง

ประเด็นสำคัญเรื่องหนึ่งทีเดียวที่ไม่เคยค้นหาความหมายที่ซ่อนอยู่

กำลังจะปิดหน้าจอ เห็นคุณไก่เหลือง สวัสดีค่ะ เล่าเรื่องพิธีบวงสรวงที่วัดหทัยนเรศวร์ให้ฟังบ้างนะคะ

<TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 4 คน ( เป็นสมาชิก 2 คน และ บุคคลทั่วไป 2 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>ทางสายธาตุ, ไก่เหลืองหางขาว+ </TD></TR></TBODY></TABLE>

<FORM name=threadadminform action=http://palungjit.org/postings.php?t=184672&pollid= method=post><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=thead>คำสั่งเพิ่มเติม</TD></TR><TR><TD class=vbmenu_option> แสดงผลสำหรับที่จะ Print</TD></TR><TR><TD class=vbmenu_option> ส่งกระทู้นี้ให้เพื่อนทาง Email</TD></TR><TR><TD class=vbmenu_option> ติดตามอ่านกระทู้นี้ </TD></TR></TBODY></TABLE></FORM>
<TABLE cellSpacing=1 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=thead>เรียบเรียงคำตอบ</TD></TR><TR><TD class=vbmenu_option title=nohilite> Linear Mode</TD></TR><TR><TD class=vbmenu_option> Switch to Hybrid Mode</TD></TR><TR><TD class=vbmenu_option> Switch to Threaded Mode</TD></TR></TBODY></TABLE>
<FORM action=http://palungjit.org/search.php?do=process&searchthreadid=184672 method=post><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ค้นหาในกระทู้นี้</TD></TR><TR><TD class=vbmenu_option title=nohilite><INPUT type=hidden name=s> <INPUT type=hidden value=1264735167-e5de628a450352cdcc68204006b26c3ad3072149 name=securitytoken> <INPUT type=hidden value=process name=do> <INPUT type=hidden value=184672 name=searchthreadid> <INPUT class=bginput size=25 name=query><INPUT class=button type=submit value=Go>
</TD></TR><TR><TD class=vbmenu_option>Advanced Search</TD></TR></TBODY></TABLE></FORM>
<FORM id=showthread_threadrate_form action=http://palungjit.org/threadrate.php?t=184672 method=post><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ให้คะแนนกระทู้นี้</TD></TR><TR><TD class=vbmenu_option id=threadrating_options title=nohilite><LABEL for=vote5><INPUT id=vote5 type=radio CHECKED value=5 name=vote>ยอดเยี่ยม</LABEL>
<LABEL for=vote4><INPUT id=vote4 type=radio value=4 name=vote>ดี</LABEL>
<LABEL for=vote3><INPUT id=vote3 type=radio value=3 name=vote>ค่าเฉลี่ย</LABEL>
<LABEL for=vote2><INPUT id=vote2 type=radio value=2 name=vote>ไม่ดี</LABEL>
<LABEL for=vote1><INPUT id=vote1 type=radio value=1 name=vote>ส</LABEL>
</TD></TR><TR id=threadrating_submit><TD class=vbmenu_option title=nohilite align=middle><INPUT type=hidden name=s> <INPUT type=hidden value=1264735167-e5de628a450352cdcc68204006b26c3ad3072149 name=securitytoken> <INPUT type=hidden value=184672 name=t> <INPUT type=hidden value=20 name=pp> <INPUT type=hidden value=71 name=page> <INPUT class=button type=button value="Vote Now"> </TD></TR></TBODY></TABLE></FORM>
<SCRIPT src="http://palungjit.org/clientscript/vbulletin_ajax_threadrate.js?v=384" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT type=text/javascript> <!-- vB_AJAX_ThreadRate_Init('showthread_threadrate_form'); var threadid = 184672; //--> </SCRIPT>

 

"รู้สึกดีจังเมื่อได้อ่านข่าวนี้ ดินแดนแห่งพระพุทธศาสนาที่ประชาชนมีความเมตตาในหัวใจ ไทยยังคงจรรโลงพระพุทธศาสนาต่อไปได้อีกนานด้วยจิตใจแบบพุทธแบบที่เห็นกันอยู่นี้ "



................
คนไทย โดยเฉพาะวัยรุ่นขณะนี้ ปีใหม่-เทศกาลใหม่ "หันหน้าเข้าวัด" กันหลามไหล เจ้าตัวแต่ละคนก็คงตอบไม่ถูกเหมือนกันว่า "เพราะอะไร?" แต่ทราบไว้เถอะครับว่า นั่นเพราะจิตประเภท Supur Subconscious มันกระตุ้นเตือนผู้มีเชื้อกุศลกรรมเก่าให้เข้าหา "ที่พึ่งประเสริฐ" เป็นภูมิคุ้มกันภัยที่จะกรายมาถึงในอนาคตอันใกล้ เพียงแต่ตัวเองไม่รู้

เหมือนมดคาบไข่หนีขึ้นที่สูง เหมือนวาฬที่เห็นยกฝูง "หลงทะเล" เกยหาด ความจริงปลาไม่มีหลง แต่เพราะสัญชาตญาณรับรู้ภัยธรรมชาติ แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด น้ำแข็งขั้วโลกละลาย อากาศจะร้อน-หนาวมหาวิบัติ ทำให้ว่ายเบี่ยงทิศหนีภัย แต่สัตว์มีเพียงชีวิต ไม่มีวิญญาณคือการรับรู้ด้วยสติ จึงเพ่นพ่านเกยตื้น

ฉะนั้น ในความสับสนทิศทาง เราเป็นคน ทำอย่างที่ท่านสุเมโธบอก คือ "มีสติทุกขณะจิต" แล้วทางออกจะเปิดอ้าให้เห็นเอง!.................

(จากบทความของคุณเปลว สีเงิน )

 

พระเจ้าอู่ทอง สร้างเจดีย์ทรงระฆัง หรือพระปรางค์ ที่วัดป่าแก้ว

มีเจดีย์ทรงลังกาอีกองค์หนึ่ง แต่เล็กกว่า คงเป็นเจดีย์องค์เดิมที่สันนิษฐานว่าสร้างโดยสมเด็จพระเจ้าอู่ทอง

แต่วัดที่สร้างในยุคเดียวกับพระเจ้าอู่ทองคือวัดพุทไธสวรรค์ สร้างเป็นพระปรางค์

สำหรับประโยคที่ว่า."พระรัตนมหาธาตุ พระเจดีย์ใหญ่ พระรามาธิบดีทรงสร้าง" จะแสดงว่าพระองค์ท่านทรงสร้างพระปรางค์หรือไม่ ไม่ใช่เจดีย์ทรงลังกา

 

สมเด็จพระเจ้าอู่ทองสร้างพระรัตนมหาธาตุ ปี พ.ศ. ๑๙๐๐ ล่วงมาอีก ๒๓๕ ปี คือปี พ.ศ. ๒๑๓๕ ปีที่สมเด็จพระนเรศวรทรงกระทำยุทธหัตถี

พระปรางค์อายุสองร้อยกว่าปี อาจหักโค่นลงในราวๆรัชสมัยของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช จึงต้องมีการสร้างเสริมเพิ่มเติมหลังจากสงครามยุทธหัตถี

เปรียบเทียบเรื่องพระปรางค์วัดป่าแก้วกับเรื่องการพังทลายของพระปรางค์วัดมหาธาตุ

พระปรางค์วัดมหาธาตุที่สมเด็จพระราเมศวรทรงสร้างในปี พ.ศ. ๑๙๒๗ ส่วนยอดพังทลายลงในระหว่างปี พ.ศ. ๒๑๕๕-๒๑๗๑ ในรัชสมัยพระเจ้าทรงธรรม
เป็นเวลา ๒๒๘ ปีนับจากวันที่ทรงสร้างพระมหาธาตุ

ทางสายธาตุมีความเห็นว่า พระปรางค์องค์เดิมที่สมเด็จพระเจ้าอู่ทองทรงสร้างคงจะเสียหายไปด้วยเวลากว่าสองร้อยปี จึงต้องมีการสร้างขึ้นใหม่หรือซ่อมแซมขึ้น ซึ่งอาจจะมีการบูรณะขึ้นใหม่ในสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราชหรือสมัยสมเด็จพระเอกาทศรถก็ได้