ขอเชิญท่านที่มีความจงรักภักดีและเทิดทูนในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

เจดีย์ยุทธหัตถีที่พนมทวน กาญจนบุรี องศาคล้ายๆจะองศา 100 ค่ะ


วัดบ่อทองคำ ตำบลหัวรอ จังหวัดพิษณุโลก ก็พอจะได้องศา 100 ค่ะ



วัดแม่นางปลื้ม อาจจะได้ องศา100


วัดนางกุย หันหน้าองศา 100 เช่นกัน

 

วัดที่สร้างตามทิศทางขนบประเพณีเดิมของกรุงศรี หันหน้าไปทิศที่น้อยกว่า ๙๐ องศา



วัดใหญ่ชัยมงคล “เจดีย์ประธาน” วัดใหญ่ชัยมงคล ไม่ได้สร้างสมัยสมเด็จพระนเรศวร!?... https://www.silpa-mag.com/history/article_127624



วัดธรรมมิกราช



วัดกุฏีดาว



วัดพนัญเชิง



กรุงศรีอยุธยายุคต้น หรือก่อนหน้า มีการสร้างวัดโดยคติหันหน้าทิศที่ไม่ถึง 90 องศา

 

วัดโลกยสุธา



วิหารมงคลบพิตร



วัดพระราม



วัดมหาธาตุ



วัดราชบูรณะ



วัดพระศรีสรรเพชรญ์


วัดวรเชษฐาราม (ในเกาะ) พระเอกาทศรถใช้คติเดิมในการสร้าง แตกต่างจากสมเด็จพระนเรศวร เชื่อว่าที่นี่เป็นวัดที่พระเอกาทศรถสร้างอุทิศให้สมเด็จพระนเรศวร



วัดวรโพธิ์

องศาไม่ถึง 90

 

มีพระมหากษัตริย์ที่สร้างวัดหันหน้า องศา 100 คือ พระมหาจักรพรรดิ ที่ทรงสร้างวัดวังชัย (วังเดิมสมัยที่เป็นพระเทียนราชา) วัดนางชีกรุด และวัดนก

 

กรมศิลปสำรวจแล้วว่ามีแนวอิฐโบราณอยู่ด้านล่างวัดไชยวัฒนาราม อาจจะเป็นไปได้ว่ามีการสร้างวัดไชยวัฒนารามบนที่วัดอีกแห่ง สาเหตุก็อาจจะมาจากตอนที่ต้องเสริมสร้างกำแพงกรุงศรีให้แข็งแรงเพื่อรับศึกพม่า อาจจะจำเป็นต้องเอาอิฐจากวัดเก่าที่ร้างแล้วไปใช้ พอสมัยที่นายก่ายมาถึง ตรงนี้เป็นที่ว่าง จึงสร้างท่าเรือสินค้าสำหรับจอดเรือสำเภาขนถ่ายสินค้าเป็นท่าส่วนตัวที่ตรงนี้ ก่อนที่พระเจ้าปราสาททองจะสร้างวัดไชยวัฒนารามทับที่ตรงนี้อีกที

 

สงสัยมาตลอดว่า
1.เมื่อสมเด็จพระเอกาสร้างวัดให้พระนเรศไม่ค่อยสมพระเกียรติต่อพระมหากรุณาธิคุณที่องค์พระนเรศมีต่อแผ่นดิน (วัดวรเชษฐาราม)ในเกาะเมือง แล้วทำไมพระองค์ไลจึงไม่สร้างเจดีย์ใหญ่ๆถวายพระนเรศเมื่อพระองค์ไลขึ้นครองราชย์แล้ว

2. ทำไมพระองค์ไล เลือกสร้างวัดไชยวัฒนารามอย่างสุดฝีมือ แต่ประวัติศาสตร์บอกว่าสร้างถวายแด่พระมารดาเพียงผู้เดียว


3. เจดีย์ย่อมุมไม้สิบสอง ทั้งสององค์หน้าวัด นั้น มีความหมายว่า ถวายกุศลแด่บิดา 1 องค์และมารดาอีก 1 องค์ แสดงเป็นนัยยะไหมว่า วัดไชยวัฒนารามสร้างให้กับทั้ง สองพระองค์ คือพระราชบิดา และ พระราชมารดา

4. ทำไมพระปรางค์วัดวรเชษฐ์(นอกเกาะ) จึงเหมือนพระปรางค์วัดไชยวัฒนาราม แทบจะถอดแบบกันมา สูง เท่ากัน หนาเท่ากัน ทรงและการประดับเหมือนกันแบบแนบสนิทถ้าเอามาซ้อนกันจะทับลายกันสนิท




..... หาคำตอบมาบ้างบางส่วน ดังนี้ ....

การสันนิษฐานว่าสร้างเพื่ออุทิศถวายพระมารดาแต่เพียงผู้เดียวนั้น เป็นข้อสันนิษฐานของนักประวัติศาสตร์ รวมถึงการสันนิษฐานว่าเป็นบ้านเดิมของพระมารดาซึ่งถูกครึ่งเดียว ที่นี่ไม่ได้ตั้งเป็นบ้านเรือน แต่ตั้งเป็นโกดังเก็บสินค้าที่มากับสำเภาและเก็บสินค้าที่เตรียมส่งออก

พระองค์ไลทรงภูมิใจในพระราชบิดาและพระราชมารดามาก เวลาที่ทรงระลึกถึงอย่างน้อยคงจะทรงระลึกถึงทั้งสองพระองค์พร้อมกัน.. นั่นคือ.. วัดไชยวัฒนาราม สร้างอุทิศถวายทั้งพระราชบิดาและพระราชมารดา... ทำในรูปแบบ พระบรมวิษณุโลก นครวัด เพื่อเป็นที่กราบไหว้บรรพบุรุษ เหมือนเป็นฮวงซุ้ยให้บรรพบุรุษแต่สร้างด้วยศิลปะขอม

จึงถอดแบบปรางค์วัดวรเชษฐ์ นอกเกาะ ที่ทั้งสองพระองค์(พระนเรศและพระนางมณีจันทร์)เป็นประธานร่วมกันสร้างวัดเพื่อให้เป็นสถานปฎิบัติธรรมกรรมฐานของทหารในพระองค์

วัดไชยวัฒนารามจึงเป็นที่ระลึกถึงทั้งพระราชบิดาและพระราชมารดาของพระเจ้าปราสาททอง

ภายหลัง พระนารายณ์โปรดให้สร้างเจดีย์เจ้าแม่วัดดุสิตอยู่ในอาณาบริเวณวัดนี้ด้วย


พระมหากษัตริย์รุ่นหลังจึงนิยมมาใช้วัดไชยฯประกอบพระราชพิธีเพราะเป็นวัดที่ระลึกถึงบูรพกษัตริย์องค์สำคัญของกรุงศรีอยุธยา

 

คำตอบเรื่องพระปรางค์ของสองวัด คือวัดวรเชษฐ์ นอกเกาะ กับวัดไชยวัฒนาราม ได้มาจากเฟสบุ๊ค ค่ะ



ส่วนเรือ่งการสันนืษฐานว่าสร้างวัดไชยให้ใคร มารู้ว่า การสร้างให้พระราชมารดา เป็นแค่ข้อสันนิษฐานของนักประวัติศาสตร์ จากบทความของเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิค ค่ะ

https://ngthai.com/history/54359/wat-chaiwatthanaram-preservation/

ขัอมูลเหล่านี้สามารถประกอบความเข้าใจที่มีอยู่บางส่วนนั้นได้สมบูรณ์ขึ้นค่ะ

 

พระเจ้าปราสาททองสร้างเจดีย์ประธานวัดวรเชษฐ์เพื่อสื่อว่ามีส่วนเชื่อมโยงความสัมพันธ์กับวัดไชยวัฒนารามค่ะ

ป.ล. ตรงนี้ยังคิดไม่สะเด็ดน้ำค่ะ เพราะไม่แน่ใจว่าการสร้างพระปรางค์ให้เหมือนกันโดยช่างกลุ่มเดียวกันแต่เวลาห่างกันสัก 40 ปี จะเป็นไปได้หรือเปล่าค่ะ (ช่างกลุ่มเดิมแต่พระมหากษัตริย์คนละพระองค์แล้ว)

https://vt.tiktok.com/ZSY8qBcoL/

 

มึน หรือ คลายปมไม่ออก 2 ประการ

1 พระปรางค์ประธานวัดวรเชษฐ์ นอกเกาะ เหมือนพระปรางค์ประธานวัดไชยวัฒนารามทั้งรูปร่าง สัดส่วน องค์ประกอบ และส่วนสูง นั้น จำเป็นต้องสร้างในคราวเดียวกันไหม หรือว่าสร้างทีละครั้งห่างกันสัก 35 ปี ก็ยังเหมือนกันได้

ขบไม่แตก เพราะมีปริศนาชื่อ ชัยมงคล กับ ชัยวัฒนา เข้ามาประกอบชื่อพระปรางค์ ชื่อก็สอดคล้องกับเจดีย์คู่แฝด

เป็นไปได้เหมือนกันที่ ปรางค์ประธานวัดวรเชษฐ์ จะเคยถูกเรียกว่า เจดีย์ชัยมงคล และสมเด็จพระนเรศก็ทรงสร้างโบสถ์องศา 100 ที่นี่ใช้ศิลปะล้านนา ด้านหน้าโบสถ์ที่หันองศา 100 พื้นหลังพนังหน้าโบสถ์เป็นสีน้ำเงิน น่าจะเร่งสร้างเพื่อให้พระมหาเถรคันฉ่องมาจำพรรษา โดยเมื่อแรก สร้างโบสถ์และลานปฎิบัติธรรมหน้าโบสถ์ กว้างๆ ภายหลังสงครามยุทธหัตถี จึงสร้างเจดีย์ชัยมงคลกลางลานปฎิบัติธรรมกว้างๆนั้น

ทีนี่ถ้าห่างไปสัก เกือบ 40 ปี หลังปี 2135 + 39 ปี เป็นปี 2174 พระเจ้าปราสาททองสร้างพระปรางค์ประธานวัดไชย ด้วยศิลปะเดียวกัน ช่างชุดเก่าก็น่าจะยังมีชีวิตอยู่ เพื่อสร้างเจดีย์ชื่อ ชัยวัฒนา ให้เป็นเจดีย์ประธานวัดไชย

2 หรือที่วัดวรเชษฐ์ จะเป็นวัดป่าแก้วจริง และเจดีย์ประธานชื่อเจดีย์ชัยมงคล โดยพระเจ้าปราสาททองคอนเฟิร์มด้วยการสร้างคู่แฝดเจดีย์ขึ้น ให้ชื่อละม้ายเดิม ให้ชื่อ ชัยวัฒนา เพื่อให้คนไม่ลืมว่า เจดีย์ชัยมงคลอยู่ที่นี่ วัดวรเชษฐ์ นอกเกาะ

ที่วัดวรเชษฐ์ เจดีย์ไม่มี เจดีย์ย่อย 4 ทิศ ไม่เหมือนที่วัดใหญ่ชัยฯ ที่เจดีย์ประธาน มีเจดีย์ย่อยอีก 4 มุม การมีเจดีย์ย่อย 4 มุมมีจุดประสงค์ให้ทราบว่าสร้างเพื่อระลึกถึงคนตาย แต่เจดีย์ชัยมงคล ต้องไม่มีเจดีย์ย่อย 4 มุม เพราะ เป็นเจดีย์ที่ไว้ระลึกถึงชัยชนะ

เอ๊ะ หรือคิดแบบนี้จะถูกทางแล้วคะ ลองเชื่อคนโบราณอย่างพระเจ้าปราสาททองที่ทรงทิ้งร่องรอยปริศนาไว้นั้น น่าจะถูกทางค่ะ

แล้วดิฉันจะช่วยฟื้นฟูวัดป่าแก้วได้อย่างไร ดวงพระวิญญานของสมเด็จพระนเรศท่านคงจะทรงมีแนวทางและหนทาง

 

ที่พระเทียรราชามาเสี่ยงเทียน ที่วัดวรเชษฐ์นี้ มีความเป็นไปได้ เพราะก่อนพระนเรศมาปรับปรุงให้เป็นวัดจำพรรษาของพระมหาเถรนั้น มีซากอาคารเก่าอยู่แล้ว สถานที่นี้เคยใช้ประโยชน์แล้วร้างลงเพราะสงครามเสียกรุง อย่างที่เคยเล่าว่า ช่วงที่ต้องเสริมสร้างกำแพงกรุงศรีโดยเร็ว จำเป็นต้องขนอิฐจากทุกที่ที่เป็นวัดร้างหรือถ้าไม่ร้างก็ต้องขนอิฐกำแพงไปสร้างกำแพงกรุงศรี ที่นี้จึงเป็นไปได้ที่พระเทียนราชามาเสี่ยงเทียนที่วัดนี้เพื่อก่อการรัฐประหารขุนวรวงศา

 

วัดที่จะใช้ประชุมทัพต้องสะดวกทั้งทางน้ำและทางบก สามารถนำช้าง ม้า เรือ มารออยู่ไม่ไกล เพื่อรอฤกษ์เคลื่อนพล เพื่อรวมตัวทหารหลายหมื่นนายที่วัด มาทำกรรมฐานร่วมกันก่อนออกศึก โดยเฉพาะศึกยุทธหัตถี การข่าวมาแล้วว่าพม่าจะมาหลายแสนคน อยุธยามีคนไม่เท่าเขา ทุกคนที่เป็นทหารรู้ทันทีว่าศึกนี้ต้องสู้ตาย คงรอดกลับมาไม่ครบทุกคน เป็นความรู้สึกลึกซึ้ง บาดอารมณ์มาก ถึงจะต้องตายก็ยอม จึงมาทำกรรมฐานยกกำลังใจที่นี่ก่อนออกศึก

ที่วัดวรเชษฐ์เหมาะสมต่อการเป็น วัดป่าแก้ว

คนไทยอย่าลืมบุญคุณบรรพบุรุษนะคะ

 

จะไปสร้างมัสยิดที่เมืองพระธาตุปีประสูติสมเด็จพระนเรศวร (กระต่าย)

นอกเรื่องนิดนึงเพราะห่วงพระพุทธศาสนาค่ะ

 

เปรียบเหมือนอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิของคนอยุธยา

 

ขออภัยหากไปขัดกับความเชื่อเดิมว่าวัดใหญ่เป็นวัดป่าแก้ว

ด้วยเหตุที่ดิฉันเชื่อมั่นว่าพระเจ้าปราสาททองทรงเป็นพระโอรสระดับเจ้าฟ้าซึ่งมีพระพี่นางคือพระองค์บัว(เจ้าแม่วัดดุสิต)ซึ่งเป็นระดับเจ้าฟ้าด้วยของสมเด็จพระนเรศและพระนางมณีจันทร์

หลักฐานว่าพระองค์บัวเป็นพระราชธิดาสมเด็จพระนเรศวรมีปรากฎแล้ว กำลังรอหลักฐานว่าพระองค์ไลก็เป็นพระราชโอรสสมเด็จพระนเรศวรเช่นกัน

ทำให้ดิฉันอ่านหลักฐานได้ตามแนวทางข้างต้น ซึ่งนักประวัติศาสตร์ไม่ได้มีข้อมูลเรื่องพระราชโอรสพระราชธิดา จำเป็นต้องคาดการไปต่างๆซึ่งคาดไปตามความน่าจะเป็นตามหลักฐานเท่าที่มี

 

ชัยยมงคลคาถา เริ่มต้นที่วัดป่าแก้วแห่งนี้ ทหารผ่านสมรภูมิศึกยุทธหัตถี มีความทรงจำอยู่ที่นี่ สาบานเป็นเพื่อนรักเป็นเพื่อนตายกันที่นี่ เพื่อนรักเพื่อนตายของทหารบางคนหรือหลายคนไม่ได้กลับมาด้วยกัน เจดีย์นี้จึงเป็นความทรงจำของทหารทุกนายที่ตามสมเด็จพระนเรศวรออกรบ

คนโบราณไม่ชอบตั้งบ้านเรือนบนฝั่งตะวันตก เพราะถือว่า คนอยู่ฝั่งตะวันออก ผีอยู่ฝั่งตะวันตก วัดป่าแก้วตั้งอยู่ในป่าค่อนข้างเดียวดาย ผู้คนไปอาศัยอยู่แออัดอยู่ฝั่งตะวันออกเช่น แถววัดพนัญเชิง

 

เพิ่งเห็นสีประดับว่าเป็นสีน้ำเงินและเขียว บนพระประธานวัดหน้าพระเมรุ



สองสีนี้คือ สีน้ำเงินและสีเขียว เป็นสีที่พระนางมณีจันทร์ใช้ประดับเครื่องทองของใช้ทุกชิ้นในตำหนักเกาะบ้านเลน(บางปะอิน) และพระเจ้าปราสาททองได้นำคอนเซปต์สีมาใช้ต่อในการประดับองค์พระค่ะ

ค่อนข้างตื้นตันใจในพระองค์ไล(พระเจ้าปราสาททอง) ทรงระลึกถึงพระราชบิดาและพระราชมารดาเสมอค่ะ

 

สายเลือดของพระองค์บัวและพระองค์ไล มาจากพระมหากษัตริย์ที่มีเมตตาต่อประชาชน และมหาบุรุษอย่างจางจวีเจิ้งที่เป็นคนมีเมตตาต่อความทุกข์ร้อนของราษฏร เปรียบเหมือนเป็นครอบครัวโพธิสัตว์

 

ความรู้เรื่องโบสถ์องศา 100 มาจากการดูคลิปพาเที่ยววัดปราสาทโดยมีโหรพรหมญานมาวัดองศาหน้าโบสถ์มหาอุตม์ว่าเป็น 100 องศา ทำให้เป็นเชื้อให้หาโบสถ์ที่พระนเรศวรสร้างจะหันที่ทิศ 100 องศาด้วยหรือไม่ กลายเป็นว่า นี่เป็นร่องรอยอย่างหนึ่งที่พอจะทำให้ระบุได้ว่าสิ่งก่อสร้างใด สร้างโดยองค์สมเด็จพระนเรศวร เพื่อเป็นการหาคำตอบในอีกทางเพื่อไขความไม่กระจ่างของประวัติศาสตร์

และโดยบังเอิญเมื่อสามวันก่อน อยากจะรู้ว่าพระปรางค์วัดวรเชตนอกเกาะสูงเท่าใด เพระไปเจอเพจให้ทายชื่อวัดร้างซึ่งดิฉันคุ้นเคยกับวัดวรเชตอยู่แล้วจึงตอบได้ แล้วจึงสงสัยต่อว่า พระปรางค์สูงเท่าไหร่ เป็นคำถามที่นำไปพบบทความที่กล่าวถึงพระปรางค์วัดวรเชษฐ์กับพระปรางค์วัดไชยวัฒนานั้นเหมือนกันทุกกระบียดนิ้ว ทั้งรูปร่าง ความสูง การประดับตกแต่ง ทำให้เข้าใจคำว่าวัตถุฝาแฝด เพื่ สะท้อนชื่อที่เป็นฝาแฝดกัน เจดีย์ชัยมงคล กับ เจดีย์ชัยวัฒนา (ชื่อเก่าของเจดีย์ประธานวัดไชยวัฒนา) ทั้งหมดนี้ ดิฉันคิดว่าเป็นการจัดสรรให้รับทราบโดยสิ่งศักดิ์สิทธิ์ค่ะ

 

พระเจ้าปราสาททองสร้างพระพุทธรูปทรงเครื่องกษัตริย์ อาจจะมาจากคติพระประจำปีเกิด ปีกุน ค่ะ

ปางโปรดพญาชมพูบดี หรือ ปางทรงเครื่อง
พระพุทธรูปอยู่ในพระอิริยาบทประทับ (นั่ง) ขัดสมาธิ พระหัตถ์ซ้ายวางหงายบนพระเพลา (ตัก) พระหัตถ์ขวาวางคว่ำบนพระชานุ (เข่า) ทรงเครื่องต้นอย่างพระมหากษัตริย์

ทั้งที่ วัดหน้าพระเมรุ วัดไชยวัฒนารามและที่อื่นๆ มาจากพระประจำปีกุน เป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องกษัตริย์แค่ปีเดียวปางเดียว พระประจำปีเกิดอื่นๆ มิได้ทรงเครื่องกษัตริย์ค่ะ



พระองค์ไล เกิดปีกุน ปี 2130 นักประวัติศาสตร์ สันนิษฐานว่า พระองค์ไลทรงไม่ได้เป็นเจ้ามาก่อนจึงทรงชอบสร้างพระพุทธรูปทรงเครื่องกษัตริย์นั้น อยากให้ลองคิดในมุมที่พระองค์ท่านทรงประสูติปีกุนดูบ้าง อาจจะทำให้นักประวัติศาสตร์ได้มุมมองใหม่ๆเพื่อตีความความเรื่องที่เกี่ยวข้องกับพระมหากษัตริย์องค์นั้นๆที่เกี่ยวข้องกับคติความเชื่อ ประเพณีนิยม และความศรัทธาในพระพุทธศาสนาค่ะ

 

พระประจำปีเกิด สมเด็จพระนเรศวร ดังนี้