ขอเชิญท่านที่มีความจงรักภักดีและเทิดทูนในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

ส่งข้อความเรื่องประวัติวัดในส่วนที่เคยเป็นที่ประชุมพลทหารเพื่อไปพิชิตศึกละแวก ให้วัดชุมพลนิกายาราม ไปแล้ว เพื่อว่าทางวัดอาจจะได้ใช้ประโยชน์ในเชิงท่องเที่ยวและหาปัจจัยไว้บูรณโบราณสถานได้ค่ะ

 

สมัยที่พระองค์สู้เพื่อกู้เอกราชนั้น ทหารอาสามากันล้นหลาม เหมือนที่เกิดขึ้นที่ไทใหญ่ตอนนี้ https://vt.tiktok.com/ZSFgQeB5k/
พระนเรศจะสั่งให้ฝึกซ้อมฝีมือก่อนออกสนามรบจริง เพราะก่อนที่ตัวจะตายต้องฆ่าศัตรูได้ไม่น้อยกว่า 2 คน หากฝีมืออ่อนจะกลายเป็นตัวถ่วงของกองทัพ คนเก่งๆเป็นพวกที่รอดหลายสนามรบและจะได้ขึ้นระดับทหารบัญชาการ กองทัพพระนเรศวรเก่งมากๆ

 

ในหนังสือหมิงสือลู่แปลแบบข้างต้นนี้ ซึ่งทำให้ขาดสาระสำคัญเหมือนกัน

การแปล "差"(chà) ภาษาจีนแปลว่าขาด ไร้ซึ่ง หรือไม่มี แต่ในหนังสือแปลว่า "ส่งทูต" ข้าพเจ้าไดเแต่สงสัยว่า คำนี้จะแปลว่า"ส่ง" ได้หรือ?



ข้าพเจ้าขอใช้ทักษะภาษจีนแต้จิ๋วที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิดแปลข้อความนี้ โดยเปิดดิกชันนารี่แต้จิ๋วประกอบการแปล
ซึ่งภาษาแต้จิ๋วเป็นการพูดหรือเขียนด้วยโครงสร้างเดิมอายุภาษายาวนานกว่า 5000 ปี

แม้แต่ในสมัยรัชกาลที่ 6 รัชกาลที่ 7 ไทยเราแปลหนังสือจีนโบราณด้วยสำนวนฮกเกี้ยน (ใกล้เคียงกับแต้จิ๋ว) เช่นแปล สามก๊ก บุปผาในกุณฑีทอง เป็นต้น ซึ่งแปลตามโครงสร้างการแต่งประโยคแบบจีนโบราณ

ทั้งนี้ก็เพียงอยากตั้งข้อสังเกตว่า อาจจะมีการแปลที่ตกหล่นประเด็นปลีกย่อยที่สำคัญไปค่ะ

พยายามแปลเต็มที่ค่ะ แต่ก็อาจจะแปลได้ไม่สมบูรณ์มากนัก จะพยายามแปลให้ได้ดีขึ้นกว่านี้ในครั้งหน้าค่ะ

 

อิง ตง หงู่ ก่ก ก้ง พั่ว เซีย ตี่ = เป็นเพราะพม่าทำลายบ้านเมืองและแผ่นดินพังพินาศ

อิง ตง หงู่ ก่ก = เป็นเพราะพม่า
ก้ง พั่ว = ทำลาย พังพินาศ
เซีย ตี่ = บ้านเมืองและแผ่นดิน

 

เซีย หุย เข็ก เห้ง โป้ว = เผาทำลายล้างจนมีสภาพบ้านเมืองอดอยากยากแค้น

เซีย = เผา
หุย = ทำลายล้าง , ทำให้ป่นปี้
เข็ก = ยากจน , ขอทาน , อดอยาก
เห้ง = สภาพ , รูปการ
โป้ว = ผอม , อดอยากปากแห้ง , หิวจนร่างกายผอมโซ

 

กิ๊บ แอ่ โหลว โปว หงี = วอนกรมพิธีการอุ้มชูสงเคราะห์ให้พ้นจากทุพภิกขภัย

กิ๊บ = ร้องขอ , ขอให้ , เร่งรัด , วอน
แอ่ โหลว = กรมพิธีการ (ของการแบ่งส่วนราชการจีนโบราณ)
โป้ว = อุด , ชัน , ชดเชย , อุดหนุน , สงเคราะห์
หงี = ทุกข์เข็ญ , ชะตากรรมร้าย , ทุพภิกขภัย

 

ดิฉันขอให้น้าแท้ๆแปลให้อีกที น้าคนนี้เกิดเมืองจีน ดิฉันส่งคลิปไปให้ตรวจอยู่ค่ะ เบื้องต้นอากู๋บอกว่าแปลได้ถูกต้อง แต่จะตรวจให้อีกที การใช้คำในหนังสือนี้แรง เพราะคำว่า เค่ก แปลว่า ขอแบบขอทาน คนจีนจะใช้คำที่ค่อนข้างแรงกับประเทศที่จีนคิดว่าต่ำกว่า



ตอนนั้น ก่อนกู้อิสรภาพได้นั้น ประชากรอยู่ในสภาพอดโซมาก

 

​

ปริศนาอักษรขอม ตัว มะ

 

https://vt.tiktok.com/ZSFpmXpyj/

อาจจะเป็นคราวเดียวกันกับที่เสด็จขึ้นไปเทครัวเมืองเหนือมากรุงศรีอยุธยา ที่นี่คือวัดสุดสวาสดิ์

 

กว่าจะกู้กรุงได้ ทุกคนรอให้บาเยงนองตายก่อน ถ้าจางจวีเจิ้ง(นายก่าย)พาพระนางมากรุงศรีในสมัยที่อำนาจบางเยงนองสูงสุด อาจจะถูกชิงตัวไปหงสาได้

ในฉากที่เห็นพระนางเป็นตอนที่บ่าวมารายงานว่าเรือพระที่นั่งจอดเทียบท่าที่ด้านแม่น้ำเจ้าพระยา พระนางไม่พอพระทัยที่พระองค์หายไป 4 เดือนจากวันที่เกิดฝนตกพายุเข้าคืนนั้น ทรงเดินลงมายืนหลบข้างเรือนในสวนหลังบ้าน (ถ้านับด้านเจ้าพระยาเป็นหน้าบ้าน สวนจะอยู่ด้านหลังด้านติดคลอง) พระนเรศในชุดทหารเดินหานางจนมาเจอว่ายืนอยู่ข้าง ๆเรือนอยู่ที่สวน(ไม้ดอกไม้ประดับ) จังหวะที่ทรงกอดพระนาง ดิฉันเห็นพระนางช้อนตาขึ้น ทรงมีพระเนตรงามและดวงโต แล้วภาพก็ตัดไปเป็นพระนเรศอุ้มนางไปขึ้นเรือพระที่นั่งเข้ากรุงศรี (หลังจากประกาศอิสรภาพ) หลังจากนี้ไม่กี่เดือน พม่าก็มาถึงชานพระนครเป็นช่วงที่พระนางใกล้คลอดพระองค์บัว และทรงคลอดที่พระราชวังจันทรเกษม

ดางตาที่เคยเห็นนั้นดวงโต เคยขอให้พระมหาเขียนตาพระนางให้ใหญ่ขึ้นเพราะเหตุที่เคยเห็นพระนางขณะช้อนตาขึ้น. ทุกวันนี้เคยตามหาว่าคล้ายตาของใครมากที่สุด คิดว่าคล้ายตาของฝ่านปิงปิง บังเอิญปีนี้ฝ่านปิงปิงมาไทย จึงนึกเรื่องดวงตาของพระนางขึ้นมาค่ะ


เมื่อเสด็จไปเทครัวเมืองเหนือ พระนางและ พระองค์บัวตามเสด็จด้วย พระองค์บัวทรงเป็นเด็กทารกน้อยแบเบาะ ในปี 2128 หลักฐานการไปตั้งทัพหลวงที่เชียงทอง อยู่ที่พระกรุวัดบ่อทองคำ พิษณุโลก ค่ะ

https://vt.tiktok.com/ZSFs6T7XF/

 

ชนชาติไท เริ่มต้นพร้อมๆ ชนชาติจีน นับไปไกลกว่า 5000 ปี เราเป็นกลุ่มคนที่คนจีนบอกว่าไม่ฮั่น ไม่จีน เราคือไท เดินทางไปมาหาสู่กันในดินแดนสุวรรณภูมินานแล้ว เดินทางเพื่อลงมาตั้งรกรากตั้งแต่สมัยก่อนพุทธกาล และเดินทางค้าขายตามเส้นทางการค้าทางบกกับคนไทกลุ่มต่างๆ และคนจีน พวกที่ลงมาอยู่สุวรรณภูมิตั้งแต่ยุคหิน ยุคเหล็ก ถูกเรียกว่าคนทางใต้(ขอม) ก็คือคนตระกูลไทด้วยกันนี้แล


ความเป็นเผ่าไทมาก่อนของคนแซ่เจ้า แซ่จาง แซ่เจิ้ง เมื่อ 500 ปีก่อน คงเข้มข้นมาก ทำให้มาช่วยเหลือกันกู้อิสรภาพให้แก่แผ่นดินนี้

พระนารายณ์ประสงค์จะเผยแพร่ความรู้นี้ผ่าน ตึกพระเจ้าเหา

 

วัตถุพยานที่ยืนยันการมีเจ้านางสูงศักดิ์ข้างพระวรกายสมเด็จพระนเรศ เมื่อปี พ.ศ. ๒๑๒๘

https://vt.tiktok.com/ZSFtGC4Sw/

 

เคยเห็นพระนเรศอุ้มพระองค์ไล เดินนำพระนางมณีจันทร์ที่เดินจูงมือพระองค์บัว เข้าไปในโถงพระราชวังหลวงพร้อมกัน โดยทรงเดินทางมาพระราชวังหลวงทางเรือ ... มองเห็นอย่างนี้ อาจจะเป็นช่วงพระราชพิธีสมเด็จพระนเรศทรงขึ้นครองราชย์ .... เรื่องราวส่วนนี้ไม่มีการจดบันทึก ไม่สามารถหาหลักฐานได้ แต่อยากจะเล่าไว้เพื่อให้เห็นภาพค่ะ ถือว่าเล่าสู่กันฟังให้เห็นในรายละเอียด

ดูๆแล้วคล้ายกับว่า พระนางไม่ค่อยอยากจะอยู่วังหลวง คล้ายๆที่วังหลวงมีแรงต่อต้านพระนาง และพระนางค่อนข้างจะกลัวเรื่องยาพิษจากประสบการณ์ที่เคยได้ยินจากเคสต่างๆในวังหลวงปักกิ่ง(ในวังหลวงปักกิ่งก็ใช้วิธีนี้เพื่อกำจัดศัตรู) และกลัวลูกๆจะโดนยาพิษด้วย พระนางจึงมักจะไปอยู่ที่ตำหนักบ้านเลน เพราะระยะ 10 ปีแรกที่ทรงแต่งงานกัน เป็นช่วงที่สมเด็จพระนเรศต้องการให้พระนางจัดการเรื่องเสบียงทัพและจัดการเบี้ยหวัดเงินปีของทหาร อยู่ตำหนักบ้านเลนสามารถจัดการเรื่องการจัดหาเสบียงทัพได้สะดวกกว่าอยู่วังหลวง เพราะตั้งยุ้งฉางใหญ่ๆไว้สะสมข้าวที่เกาะบ้านเลนได้ จัดเวรยามทหารเฝ้าไว้ สมเด็จพระนเรศทรงไว้พระทัยและมั่นใจในตัวพระนางมาก อย่างไรก็ตามหลังจากนั้น การจัดระเบียบการบริหารแผ่นดินเข้าที่เข้าทางมากขึ้นเพราะว่าหลังสงครามยุทธหัตถีแล้วก็ไม่มีศึกใหญ่ สมเด็จพระนเรศทรงจัดระเบียบราชการให้มีระบบระเบียบมากขึ้น ภาระจึงถูกโอนออกไปที่ส่วนราชการตามที่พระนเรศทรงกำหนดไว้

เจ้านายสตรีชั้นสูงที่ไม่ทรงโปรดประทับอยู่วังหลวง เช่นพระอัครมเหสีรัชกาลที่ 1 เป็นต้น การประทับที่ไหนนั้นเป็นไปตามพระราชอัธยาศรัยของเจ้านายองค์นั้นๆ

 

ใช้เพลงค่อนข้างสนุกประกอบการแสดงภาพพระเครื่องกรุวัดบ่อทองคำเพราะว่าเป็นช่วงที่สมเด็จพระนเรศทรงมีความสำราญพระทัยเป็นอย่างมาก เนื่องจากพระองค์มีฝีมือรบสูง ที่ทรงขาดคืออาวุธที่จะให้ทหารไว้ใช้ลงสนามรบ และทหารที่จะร่วมรบกับพระองค์ สำหรับเรื่องอาวุธนั้นทรงได้รับสนับสนุนจากกลุ่มนายก่ายที่ทำความร่วมมือกันมาหลายปีตั้งแต่เริ่มตั้งกำแพงเมืองใหม่ ขุดคลองให้ใหญ่ขึ้น และสร้างพระราชวังจันทรเกษม ส่วนจำนวนทหารที่ได้มาเพิ่มจากการเทครัวมอญ และหัวเมืองเหนือเข้าพระนคร ทุกอย่างจึงไม่ขาดแคลนดังเก่าก่อน จึงทรงสำราญพระทัยเพราะทรงมั่นใจว่าจะไม่มีทางแพ้พม่าอีกแล้ว (ข้าพเจ้าสัมผัสได้แบบนั้น)

ศึกเล็กที่มังสามเกียดยกทัพติดตามมาหลังพระนเรศประกาศอิสรภาพ เป็นการประลองครั้งแรกหลังการเตรียมตัวเตรียมทัพเตรียมกรุงศรีมายาวนานร่วม 10 ปี ถ้าไม่แน่จริง ศึกนี้คงแพ้พม่า และศึกนี้ทำให้พระนเรศมั่นใจในศักยภาพของทัพกรุงศรีว่ามีความพร้อมเพียงพอ และเมื่อได้ไพร่พลมาเพิ่มจากหัวเมืองเหนือเข้ามาเติม ยิ่งมั่นคงยิ่งขึ้น ทำให้ทรงสบายพระทัยและทรงมั่นใจในความแข็งแกร่งของกองทัพกรุงศรีมาก

 

สมเด็จพระนเรศวรทรงใช้ปี พ.ศ. แทน จ.ศ. ในการจารึกบนพระเครื่องกรุวัดบ่อทองคำ เป็นการที่ทรงประกาศเอกราชจากพม่าด้วย



เพราะพม่าบังคับให้ไทยใช้ จุลศักราช ตั้งแต่เสียกรุงในปี 2112

 

พระนเรศวรทรงตั้งใจใช้ พ.ศ. ในจารึกพระเครื่องกรุนี้

 

จากกรุนี้ ไล่ timeline ตอนเผ่ามองโกลมาล้อมกรุงปักกิ่งจนกระทั่งเจรจาสงบศึกได้ และกษัตริย์มองโกลส่งเจ้าหญิงมาแต่งงานกับฮ่องเต้แต่ฮ่องเต้ยกให้แต่งกับจางจวีเจิ้งเป็นภรรยาพระราชทาน ราวๆ ปี 1564-1567 พอมาไล่กับพระกรุวัดบ่อทองคำ ได้ความว่าพระนางเกิดปีเสือ ไล่เรียงปีนักกษัตรแล้ว ตรงกับปี ค.ศ 1566 หรือ พ.ศ. 2109 พอดี



ลองไล่เรียงปี ค.ศ./ปี พ.ศ. และปีนักษัตร จึงได้คำตอบค่ะ
ปีค.ศ./ปีพ.ศ.
1553 /2096 ฉลู
1554 /2097 ขาล
1555 /2098 เถาะ สมเด็จพระนเรศประสูติ
1556 /2099 มะโรง
1557 /2100 มะเส็ง
1558 /2101 มะเมีย
1559 /2102 มะแม
1560 /2103 วอก
1561 /2104 ระกา
1562 /2105 จอ
1563 /2106 กุน
1564 /2107 ชวด
1565 /2108 ฉลู
1566 /2109 ขาล พระนางมณีจันทร์ประสูติ
1567 /2110 เถาะ
1568 /2111 มะโรง
1569 /2112 มะเส็ง
1570 /2113 มะเมีย
1571 /2114 มะแม
1572 /2115 วอก
1573 /2116 ระกา พระนเรศไปเมืองจีน
1574 /2117 จอ
1575 /2118 กุน
1576 /2119 ชวด
1577 /2120 ฉลู
1578 /2121 ขาล
1579 /2122 เถาะ
1580 /2123 มะโรง
1581 /2124 มะเส็ง
1582 /2125 มะเมีย
1583 /2126 มะแม
1584 /2127 วอก
1585 /2128 ระกา พระองค์บัวประสูติ
1586 /2129 จอ
1587 /2130 กุน พระองค์ไลประสูติ
1588 /2131 ชวด
1589 /2132 ฉลู

 

ก่อนจะออกจากความเป็นเมืองขึ้นพม่า ตอนนั้นไม่มีใครรู้ว่า กรุงศรีจะต้านทัพพม่าไหวไหม ได้แต่เตรียมตัวให้ดีที่สุด หากกรุงศรีชนะ เราจะมีแผ่นดินให้คนเผ่าไทอยู่สืบลูกสืบหลานต่อไป พระนางมณีจันทร์เองก็ไม่ได้กลัวความตายทรงเสี่ยงไปพร้อมๆกันกับพระสวามี ถ้าพระสวามีแพ้พม่าหรือตายเพราะพม่าฆ่าพระนเรศตาย พระนางตั้งใจว่าจะดื่มยาพิษฆ่าตัวตายตาม ความตั้งใจมั่นของคนโบราณ พระนางทูลพระสวามีว่าพระนางฝากชีวิตไว้ในมือพระนเรศ เพราะพระนางมั่นใจในพระองค์ท่านว่าทรงกู้เอกราชได้อย่างแน่นอน จึงทูลไป แต่หากพระนเรศต้องมาตายเพราะพม่า นางก็ตั้งใจจะตายตาม ขอให้พระองค์ถนอมพระวรกาย (พระนางเป็นคนพูดจริงทำจริง คำมั่นสัญญาใด ๆ ถ้าพระนางรับปากใครแล้วจะทรงถือมั่นจนวันตาย)

 

ขอขอบคุณภาพจากเพจนักรบบนหลังม้า อโยธยาภักดีค่ะ

ข้าพเจ้าเกิดความรู้สึกมาสักหลายอาทิตย์ ที่ว่า ควรจะสืบต้นแบบของหมวกทรงนี้ ที่กษัตริย์และทหารอโยธยาใช้ ข้าพเจ้ารู้สึกว่าสิ่งนี้จะช่วยบอกรากเหง้าของเผ่าไทได้ (หรือที่คนจีนเรียกว่า เยว่ร้อยเผ่า)



ในขณะที่จะแปลหมิงสือลู่ในสำนวนแต้จิ๋วเพิ่มเติม ไม่ทราบว่าอย่างไหนจะง่ายกว่ากันค่ะ

 

หลังบ้าน(ภรรยา)ของเจ้า ย่อมต้องเผชิญกับคนที่อยากเข้าหาสามีของนางผ่านทางหลังบ้าน ... ปฏิเสธอย่างไรก็ยังมีความเพียรพยายามมา... นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่พระนางปฎิเสธการแต่งงานกับพระนเรศแต่แรกเพราะนางเป็นคนต่างด้าว แม้ที่จริงแล้ววงในจริงๆเท่านั้นถึงจะรู้ว่านางมาแต่งงานในฐานะคนเผ่าไทคนหนึ่ง แต่ภาพลักษณ์ภายนอกมองยังไงก็เป็นคนจีน... ความรู้เรื่องเผ่าไทมีอายุยาวนานกว่า 5000 ปีนั้น แม้คนสมัยนี้ก็ยังไม่รู้ อย่าว่าแต่คนสมัยอยุธยาเลย ... ที่จริงนางเป็นเผ่าไทเก่าแก่เผ่าหนึ่งที่ได้มาแต่งงานกับพระนเรศในฐานะที่เป็นญาติกัน... แม้พระนางจะอยู่แบบเก็บพระองค์ แต่พระนางก็ไม่พ้นเรื่องการเมืองระหว่างประเทศจนได้ เพราะมีคนจีนอยู่ในกรุงศรีเยอะ เรื่องที่พระนางเป็นคนจีนคงถึงพระกรรณพระจักรพรรดิจีน..(คหสต ความเห็นส่วนตัวของข้าพเจ้า ที่เคยสงสัยคำว่า นิวตารา ในหมิงสือลู่ หนังสือนี้มาถึงสยามหนึ่งปีก่อนเกิดสงครามยุทธหัตถี)

อย่างไรก็ตาม พระนางไม่มีความต้องการขึ้นเป็นใหญ่มาแต่แรกและพระนางไม่มีอำนาจในการสั่งกองทัพและพระนางไม่ต้องการอำนาจในการบัญชากองทัพค่ะ พระนางทำงานด้านสนับสนุนกองทัพสยามเพื่อช่วยพระสวามีให้รบชนะเท่านั้น