เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๖๗

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 28 มกราคม 2024.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,800
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,564
    ค่าพลัง:
    +26,402
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๖๗


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,800
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,564
    ค่าพลัง:
    +26,402
    วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๒๘ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ กระผม/อาตมภาพออกจากที่พัก คือเฮือนฮิมน้ำรีสอร์ท ตรงไปยังสำนักสงฆ์ถ้ำป่าอาชาทอง พอไปถึงก็เป็นเรื่องเลย ก็คือเขาให้ไปจอดที่ลานพระไพรีพินาศ กระผม/อาตมภาพก็เลยต้อง "ของขึ้น" อาละวาดอยู่ตรงนั้นเอง..!

    เนื่องเพราะว่าการจัดงานออกนิโรธกรรมของครูบาเหนือชัย โฆสิโตนั้น จัดมานับสิบปีแล้ว แต่ว่าไม่เคยแก้ไขปัญหาอะไรให้ดีขึ้นกว่าเดิมเลย ถ้าหากว่าเป็นทางวัดท่าขนุน
    เมื่อถึงเวลาเลิกงานแล้ว ก็จะมีการสรุปข้อผิดพลาด หรือสิ่งที่ควรจะปรับปรุงแก้ไข เพื่อความคล่องตัวของงานให้มากขึ้น

    แต่นี่ไม่เคยคิดเลยว่าบรรดาพระเถระนั้น เมื่อถึงเวลารับไทยธรรมมาแล้ว ซึ่งบางทีก็มาเป็นเข่ง เป็นตะกร้า ๓ ชิ้น ๔ ชิ้นด้วยกัน..! แล้วไล่ให้รถไปจอดไกลลิบ ผู้ที่รับไทยธรรมไปส่งส่วนใหญ่ก็คือคนขับรถ ต้องเดินแบกของกันปางตาย แต่ว่าเก็บสถานที่ใกล้ ๆ เอาไว้สำหรับประธานฝ่ายฆราวาส กระผม/อาตมภาพจึงต้องบอกว่า "กูสั่งให้จอดตรงนี้..!" เรื่องถึงจะได้จบลง

    เนื่องเพราะว่าบรรดาผู้ที่รับงานนั้น น่าจะไม่มีการประสานงานกันมาก่อน เมื่อครูบาเหนือชัยท่านเจ็บไข้ได้ป่วย ไม่สามารถที่จะลงมาสั่งงานได้ถนัด ทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีการมอบหมายให้ผู้รับผิดชอบแต่ละฝ่ายโดยเด็ดขาดลงไป อะไร ๆ ก็ "ต้องถามแม่อี๊ด" อะไร ๆ ก็ "ต้องถามท่านสุทธิพงษ์" หรือไม่ก็ "ขอเรียนถามครูบาก่อน" ถ้าหากว่ากระผม/อาตมภาพไม่อาละวาดไป ก็ไม่จดจำกัน แต่เชื่อเถอะ..ถึงอาละวาดไปแล้วก็ตาม ไม่ทราบเหมือนกันว่าจะจำถึง ๓ วันหรือเปล่า..!?

    เนื่องเพราะว่าผู้จัดงานนั้น ส่วนใหญ่แล้วไปเอาใจฆราวาส กลัวเขาจะไม่มาให้การสนับสนุนทางวัด กลัวว่าเขาจะไม่มาทำบุญอีก จึงต้องอำนวยความสะดวกให้ฆราวาสมีความคล่องตัวมากที่สุด ส่วนพระจะเป็นอย่างไรก็ได้..! แล้วท่านทั้งหลายลองนึกดูว่า ถ้าปีนี้ตุ๊พ่อสิงห์ (พระอธิการสิงห์ วิสุทฺโธ) เจ้าอาวาสวัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่ ซึ่งอายุ ๘๖ ปี หรือว่าครูบาบุญยัง วัดห้วยน้ำอุ่น ซึ่งอายุ ๘๕ ปี ต้องเดินทางขึ้นมาลานพระไพรีพินาศ แล้วถึงเวลาก็ต้องเดินกลับไป ถ้าท่านทั้งหลายนึกไม่ออกว่าไกลแค่ไหน ก็ประมาณครึ่งกิโลเมตรเท่านั้น..! แล้วพระแก่ขนาดนั้นจะเดินไหวไหม ?
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,800
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,564
    ค่าพลัง:
    +26,402
    บรรดาญาติโยมทั้งหลายส่วนหนึ่งที่ไปวัดท่าขนุน โดยเฉพาะบรรดา "มเหสักโข" ประกอบไปด้วยยศศักดิ์ยิ่งใหญ่ ฐานะร่ำรวย ไปแล้วมักจะไม่ค่อยชอบใจ เนื่องเพราะว่ากระผม/อาตมภาพให้ความสำคัญกับพระก่อน เมื่อถึงเวลาเตรียมสถานที่ทุกอย่างให้พระโดยพร้อมสมบูรณ์ สำหรับญาติโยมก็นั่งแบกับดินไป ไม่ว่าจะยิ่งใหญ่มาจากที่ไหนก็ตาม ก็พบการต้อนรับในระดับเดียวกันทั้งหมด..!

    ความจริงก็ควรจะเป็นเช่นนั้น แต่ว่าญาติโยมส่วนหนึ่งคิดว่าทางวัดจำเป็นจะต้องง้อ เนื่องจากว่าตนเองมาเป็นประธานทำบุญ ตนเองมาเป็นประธานเปิดงาน ตนเองเป็น "ขาใหญ่" ที่คอยให้การทะนุบำรุงวัด โดยที่ลืมไปว่า พระภิกษุสงฆ์นั้นอยู่ในสถานะของปูชนียบุคคล ควรที่จะให้ความเคารพนับถือ ควรที่จะอำนวยความสะดวกให้มากกว่า แล้วพระภิกษุสงฆ์ของเราก็พลอยหลงประเด็นไปด้วย ลืมไปว่าตนเองมีศีลที่ต้องรักษา คือ "ห้ามประทุษร้ายตระกูลด้วยการประจบคฤหัสถ์" แต่ว่าในปัจจุบันนี้ ร้อยละ ๙๐ เป็นอย่างน้อย ล้วนแล้วแต่ประจบผู้มีเงิน ประจบผู้มีอำนาจทั้งสิ้น..!

    แม้กระทั่งกระผม/อาตมภาพเอง ก็ได้รับการขอร้องจากเพื่อนพระสังฆาธิการว่า "อาจารย์เล็ก..ช่วยแนะนำลูกศิษย์รวย ๆ ให้ผมบ้าง วัดวาอารามของผมจะได้เจริญขึ้นเหมือนกับวัดท่าขนุน" กระผม/อาตมภาพต้องเรียนท่านไปว่า "วัดท่าขนุนทำงานอะไรไม่เคยมีเจ้าภาพใหญ่ หากแต่ว่าญาติโยมทำบุญกันมา คนละ ๕ บาท ๑๐ บาท ๒๐ บาท ๕๐ บาท ๑๐๐ บาท เมื่อสะสมรวมกันแล้วก็เพียงพอที่จะใช้งาน ไม่เคยประจบคนรวย ไม่เคยเอาใจคนรวย ดังนั้น..จึงไม่มีคนรวยที่จะแนะนำให้ท่านทั้งหลายได้..!"

    โดยเฉพาะการทำบุญกับวัดท่าขนุนนั้น ถ้ามาผิดท่าผิดทางก็โดนไล่กลับไปเลย ไม่ว่าเงินจำนวนนั้นจะมากเท่าไรก็ตาม ตัวอย่างก็คือมีโยมท่านหนึ่ง ปวารณาขอเป็นเจ้าภาพสร้างหลวงพ่อสมเด็จองค์ปฐม ๒๑ ศอกหน้าวัดท่าขนุน โดยที่กระผม/อาตมภาพมีทุนอยู่แล้ว ๑,๗๐๐,๐๐๐ บาท จากทั้งหมด ๓,๕๐๐,๐๐๐ บาท ท่านปวารณาขอถวาย ๑,๘๐๐,๐๐๐ บาท เพื่อให้พอดีกับเงินที่ต้องการใช้ในงานนั้น

    กระผม/อาตมภาพบอกว่า
    "ยังไม่รับ ให้เวลากลับไปคิดก่อน ๑ อาทิตย์ ถ้าหากว่าโยมไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้เงินก้อนนี้ หรือว่าถวายเงินก้อนนี้ให้กับอาตมภาพแล้ว โยมไม่เดือดร้อน คนรอบข้างไม่เดือดร้อน ถ้าอย่างนั้นถึงจะรับเอาไว้"

    ซึ่งเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ บางทีก็เป็นการมากเรื่องโดยใช่เหตุ แต่กระผม/อาตมภาพไม่ใช่บุคคลที่รับเงินจากญาติโยมแบบหน้าชื่นตาบาน ขณะที่โยมอาจจะต้องกลับไปกินบะหมี่สำเร็จรูปกันทั้งเดือน..! แต่ยังโชคดีที่ว่า โยมท่านนั้นเมื่อผ่านไป ๗ วันแล้ว ติดต่อกลับมาใหม่ บอกว่า "พิจารณาถี่ถ้วนแล้วว่า เงินก้อนนี้สามารถที่จะสละออกเพื่อการทำบุญได้ โดยที่ตนเองและคนรอบข้างไม่เดือดร้อน" กระผม/อาตมภาพถึงได้อนุโมทนาและรับเงินส่วนนั้นเอาไว้
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,800
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,564
    ค่าพลัง:
    +26,402
    อีกอย่างหนึ่งก็คือลำดับขั้นตอนของงานต่าง ๆ นั้น ต้องบอกว่าสับสนวุ่นวายมาก เมื่อมีการนำครูบาท่านออกจากนิโรธกรรมแล้ว ครั้นแห่มาถึงบริเวณสถานที่ตั้งเครื่องบวงสรวงอยู่ ซึ่งพร้อมแล้วทุกประการ ถ้าเราให้ความสำคัญกับพระ ก็ต้องลงไปบวงสรวงบอกกล่าว ถวายสักการะให้เรียบร้อยเสียก่อน แต่นี่กลับแห่ครูบาไปเพื่อให้เป็นเนื้อนาบุญแก่ญาติโยมที่รออยู่ก่อน..!

    เรื่องของการทำบุญนั้น แม้ว่าจะเป็นเรื่องสำคัญ แต่ถ้าให้กระผม/อาตมภาพลำดับเรื่องเองแล้ว ย่อมเอาเรื่องของพระสำคัญกว่า ดังนั้น..การถวายสักการะ การกราบขออนุญาตพระ ในการทำงานต่าง ๆ จึงเป็นเรื่องที่ควรจะทำก่อน แต่ว่านี่กลับไปให้ญาติโยมทั้งหลายได้เข้าทำบุญกันก่อน

    โดยเฉพาะบรรดา "ขาใหญ่" ที่อุปถัมภ์วัด ต้องค่อย ๆ ประเคน ค่อย ๆ ถวายทีละคน จึงทำให้ระยะเวลาล่วงเลยไปนานเป็นชั่วโมง ๆ จากที่กระผม/อาตมภาพคาดว่าจะได้ทำการบวงสรวงบูชาพระรัตนตรัยไม่เกิน ๘ โมงเช้า ก็ลากยาวไปจนเกือบจะ ๙ โมง..! เหล่านี้เป็นต้น
    ซึ่งการลำดับเรื่องแบบนี้ถือว่าเป็นการเอาใจญาติโยมก็จริง แต่ว่ากลับไปลดความสำคัญของพระลง กระผม/อาตมภาพเองไม่เห็นด้วยแม้แต่น้อย..!

    แต่ว่าเรื่องพวกนี้ ถึงตักเตือนไปก็อาจจะไม่มีการแก้ไข เพราะว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เป็นแบบนี้ กระผม/อาตมภาพจึงต้องนั่งรอ เมื่อทำการบวงสรวงเสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงไปนั่งอธิษฐานจิตอยู่ด้านใน ซึ่งเรื่องนี้ถ้าทำตั้งแต่แรก ก็คือบวงสรวงเสร็จแล้ว กระผม/อาตมภาพและคณะครูบาอาจารย์ไปอธิษฐานจิตปลุกเสกวัตถุมงคล ครูบาท่านก็ไปนั่งรับศรัทธาญาติโยม งานทั้งสองก็จะเสร็จสิ้นลงในระยะเวลาใกล้เคียงกัน สามารถที่จะต่อด้วยงานสืบชะตาต่ออายุไปเลย แต่นี่กลับทำให้งานนั้นช้าลงไปอีก เกือบจะ ๑๐ โมงถึงได้เริ่มงานกันอีกครั้งหนึ่ง

    แต่ว่ากระผม/อาตมภาพมีเวลาให้แค่ ๑๐ โมงเท่านั้น เมื่อนำครูบาเหนือชัยขึ้นสู่อาสนะ ซึ่งเป็นซุ้มสืบชะตาเรียบร้อยแล้ว ก็ได้นำท่านอาจารย์หนึ่ง(พระครูนาคดิตถ์วรรักษ์) เจ้าอาวาสวัดท่าโขลง จังหวัดลพบุรี ซึ่งท่านเจ็บไข้ได้ป่วย คล้ายคลึงกับครูบาเหนือชัย ขึ้นสู่ซุ้มสืบชะตาอีกด้านหนึ่ง
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,800
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,564
    ค่าพลัง:
    +26,402
    เมื่อพระเถระให้ศีลเรียบร้อย ก่อนที่จะเจริญพระพุทธมนต์ กระผม/อาตมภาพก็กราบลาทุกท่าน แล้วเดินทางออกจากสำนักสงฆ์ถ้ำป่าอาชาทอง ไปตามตารางเวลาของตน ก็คือเพื่อที่จะไม่ให้งานต่อไปนั้นเสียหาย โดยที่แวะลงที่จังหวัดเชียงใหม่เสียก่อน

    หลังจากที่อนุเคราะห์สงเคราะห์แก่ญาติโยมแล้ว จึงเดินทางฝ่าฝนกลับ โดยที่เจอกับฝนตลอดทาง ตั้งแต่เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง ตอนนี้กำลังจะถึงจังหวัดตาก ฝนก็ไม่ได้เบาลงเลย คาดว่าถ้าทำความเร็วขึ้นอีกนิด อาจจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นเมื่อไรก็ได้..!

    ในการเดินทางลักษณะแบบนี้ จำเป็นที่ต้องใช้ความระมัดระวัง โดยที่ต้องท่องเอาไว้ในใจเลยว่า "ปมาโท มจฺจุโน ปทํ ความประมาทเป็นหนทางแห่งความตาย อปฺปมาโท อมตํ ปทํ ความไม่ประมาทเป็นหนทางแห่งความไม่ตาย" ตามพุทธพจน์บทพระบาลีซึ่งองค์สมเด็จพระชินสีห์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสเอาไว้

    สำหรับวันนี้กว่าที่จะถึงที่หมายก็น่าจะไม่ต่ำกว่า ๔ ทุ่ม กระผม/อาตมภาพจึงได้บันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนนี้ ให้สำหรับญาติโยมทั้งหลายได้ฟังก่อน ไม่ต้องรอกันเป็นระยะเวลายาวนาน

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายแก่พระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันอาทิตย์ที่ ๒๘ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...