เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 9 กุมภาพันธ์ 2024.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,800
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,564
    ค่าพลัง:
    +26,402
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,800
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,564
    ค่าพลัง:
    +26,402
    วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๙ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๗ เป็นวันแรม ๑๕ ค่ำ เดือนยี่ (๒) ตรงกับวันสิ้นปีของจีน ซึ่งพวกเรามักเรียกกันง่าย ๆ ว่า "วันไหว้" ทำให้มีเสียงประทัดดังสนั่นหวั่นไหวรอบวัดตั้งแต่เที่ยงคืนเป็นต้นไป แสดงว่ามีพี่น้องเชื้อสายจีนอยู่ในทองผาภูมิไม่น้อยเลย

    แต่ว่าดูแล้วก็มีสิ่งที่ผิดเพี้ยนอยู่หลายต่อหลายประการด้วยกัน อย่างเช่นว่า โดยปกติแล้วการบวงสรวง หรือว่าไหว้แม่ย่านางรถนั้น เขานิยมทำกันในช่วงสารทจีน แต่ว่าตรุษจีนนี้ก็เห็นมีกระเซ็นกระสายมาหลายคันเช่นกัน แล้วมีข่าวออกทางสื่อเสียด้วยว่า บางคันจุดธูปเทียนไหว้แล้ว ไม่ได้อยู่เฝ้า ทำให้ไฟไหม้รถเสียหายไปทั้งคันก็มี..!

    ขณะเดียวกัน ในเรื่องของขนมก็มีส่วนเกินมามาก ไม่ได้เป็นขนมตามเทศกาลแบบก่อนหน้านี้ ซึ่งบรรดาคนขายก็ไม่น่าตำหนิ เพราะว่าถ้าทำมาแล้วขายได้ เขาก็ต้องทำอยู่แล้ว ในส่วนคนที่ซื้อต่างหาก ที่ควรจะศึกษาว่าในแต่ละเทศกาลนั้น จะต้องไหว้ด้วยอะไรบ้าง ไม่เช่นนั้นแล้วเราจัดไหว้ไป บุคคลที่รู้จริงมาเห็นเข้าก็ได้แต่ถอนใจ โดยเฉพาะบรรพบุรุษ อาจจะถึงขนาดยืนปลงอนิจจัง ขณะที่เรามองไม่เห็นท่านเสียด้วย..!

    โดยเฉพาะหลายต่อหลายแห่งในทองผาภูมิ มีการเซ่นผีไม่มีญาติด้วย กระผม/อาตมภาพเอง เจอมาด้วยตนเองตั้งแต่สมัยเด็ก ๆ การเซ่นผีไม่มีญาตินั้น เขาจะทำในช่วงสารทจีน มีการจัดข้าวปลาอาหารอย่างดี ปูเสื่อไว้กลางแจ้ง ส่วนใหญ่แล้วทั้งข้าวปลาอาหาร เหล้า น้ำชา หรือว่าขนม ก็มีเป็นสิบ ๆ อย่าง

    จากนั้นผู้ใหญ่ก็จะมอบหมายหน้าที่ให้เราจุดธูปไปเชิญบรรดาผู้ที่ไม่มีญาติ หรือว่าญาติลืมไปแล้ว ให้มาร่วมกินข้าวปลาอาหารในวันนี้ ก็คือเราต้องเดินไปทั้ง ๔ ทิศ แต่ละทิศไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วก็ประกาศต่อบรรดาผีไร้ญาติทั้งหลายว่า "ตรงนี้มีข้าวปลาอาหารเลี้ยง ขอให้มากินกันให้อิ่มหนำสำราญ" หลังจากนั้น ก็ถือธูปเดินกลับมา ปักลงที่บริเวณที่ตั้งอาหาร ทั้ง ๔ ทิศก็ทำแบบเดียวกัน

    เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ เมื่อได้รับการฝึกมโนมยิทธิในปี ๒๕๒๑ แล้ว กระผม/อาตมภาพก็พยายามซักซ้อมจนเกิดความคล่องตัว คราวนี้ก็มีการอาการเย็นสันหลังวาบ ๆ เพราะเห็นว่าบรรดาผีไม่มีญาตินั้น แต่ละทิศตามมาเป็นร้อย ๆ เลย..!
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,800
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,564
    ค่าพลัง:
    +26,402
    แล้วก็เป็นเรื่องอัศจรรย์อยู่อย่างหนึ่งว่า ตอนแรกได้ยินผู้ใหญ่บอกว่า "อาหารที่เซ่นผีแล้วจะไม่มีรสชาติ เพราะว่าผีกินไปหมด" เมื่อถึงเวลาเสร็จจากการเซ่นผี มีการจุดประทัดเรียบร้อยแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ลองนำอาหารที่เหลือมากินดู รู้สึกว่าไม่มีรสชาติจริง ๆ ก็คือจืดชืดไปหมด แม้กระทั่งเนื้อไก่ เคี้ยวเข้าไปก็รู้สึกเหมือนกับเคี้ยวกระดาษก็ไม่ปาน ก็ได้แต่คิดว่า อาจจะเป็นเพราะทำอาหารกันตั้งแต่ช่วงสาย ๆ กว่าที่จะทำพิธีเซ่นไหว้เสร็จก็หลายชั่วโมง อาหารที่เย็นแล้ว รสชาติก็อาจจะจืดชืดเป็นธรรมดา

    แต่พอไปเจอบรรดาเปรตบ้าง อสุรกายบ้าง ที่ตะเกียกตะกายเสาะหาอาหารสำหรับตนเอง เห็นบรรดาอสุรกายทั้งหลายกินซากสัตว์ ก็กินในลักษณะที่ว่าแหว่งหายไปเป็นตัวเลย แต่ครั้นถึงเวลาเขาเห็นเราแล้ว ตกใจเตลิดหนีไป เมื่อใช้สายตาปกติมองดู ก็ยังเห็นซากสัตว์เป็นตัวอยู่เหมือนเดิม เมื่อไปกราบเรียนถามพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านบอกว่าพวกนี้เขากินในส่วนของนามธรรม ในเมื่อกินในส่วนของนามธรรม บางทีก็เป็นแค่กลิ่นหรือว่ารส ไม่ใช่เป็นรูปที่โดนกินลงไป ดังนั้น..รูปที่เหลืออยู่ บางทีก็ไม่มีรสอะไรเหลือเลย อย่างอาหารที่เขาไหว้ผีตอนสารทจีน เป็นต้น

    กระผม/อาตมภาพก็เพิ่งจะเข้าใจในตอนนั้นเองว่า ในเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ บรรดาเปรต อสุรกาย ตลอดจนสัมเวสีทั้งหลาย เขากินในส่วนของนามธรรม จึงให้น้องชาย ซึ่งปัจจุบันคือพระครูธรรมธรแสงชัย กนฺตสีโล เจ้าสำนักสงฆ์ถ้ำทะลุ ลองไปกินเหล้าที่เซ่นผีดู เนื่องเพราะว่าตอนนั้นน้องชายยังไม่เว้นของพวกนี้ ส่วนกระผม/อาตมภาพนั้นกินของพวกนี้ไม่ได้เลย น้องชายจัดการซดเหล้าขาวไป ๑ ถ้วย แล้วก็บอกว่า "กลิ่นยังมีนะครับ แต่รสเหมือนกับน้ำเปล่า ไม่รู้สึกว่าบาดคออะไรเลย"

    กระผม/อาตมภาพถึงได้มั่นใจว่า บรรดาพวกผีที่มากิน ตามที่เราเห็นด้วยมโนยิทธิ กับข้าวปลาอาหารที่เป็นวัตถุซึ่งเราจับต้องได้นั้น เขากินในส่วนที่เราจับต้องไม่ได้ ก็คือในส่วนของนามธรรมไป ในส่วนของรูปนั้นยังคงอยู่ แต่ว่าก็มีรสชาติที่เปลี่ยนแปลงไป เพราะว่าส่วนของนามธรรมนั้นหายไปแล้ว

    อีกส่วนหนึ่งที่อยากจะบอกกล่าวในที่นี้ก็คือ มีบางวัดตั้งโต๊ะไหว้เจ้าด้วย กระผม/อาตมภาพเห็นแล้วก็งง ๆ
    เนื่องเพราะถ้าหากเรายึดพระรัตนตรัยเป็นหลัก การที่ไปไหว้เจ้า ไม่แน่ว่าอาจจะทำให้หลุดจากสรณคมน์ไปเลยก็ได้ เนื่องเพราะว่า "เจ้า" ส่วนมากที่กระผม/อาตมภาพเจอมานั้น ก็เป็นเทวดาชั้นต่ำ คำว่าเทวดาชั้นต่ำ ก็คือยังมีเทวดาที่มีศักดานุภาพเหนือกว่า คอยคุมเป็นชั้น ๆ ขึ้นไป
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,800
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,564
    ค่าพลัง:
    +26,402
    อย่างที่กระผม/อาตมภาพไปดูการแห่ "เจ้า" ที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ปรากฏว่ารอดูเท่าไร "เจ้า" ก็ไม่ยอมลงเสียที ทั้ง ๆ ที่ม้าทรงพร้อมแล้วพร้อมอีก จึงตั้งใจดู ปรากฏว่าเห็นเทวดาที่รักษาบริเวณนั้นยืมคุมอยู่ไม่ห่าง ถามว่า "ทำไมถึงไม่ลงเสียที ?" เขาบอกว่า "พวกนี้เกรงใจท่านครับ เลยไม่กล้าลง..!"

    กระผม/อาตมภาพจึงบอกกับเทวดาซึ่งท่านคุมอยู่ว่า "บอกให้พวกนั้นลงได้เลย ไม่ต้องเกรงใจ" เพราะว่ากระผม/อาตมภาพอยากดูว่า เมื่อลงแล้วเป็นอย่างไร ปรากฏว่าเมื่อได้รับอนุญาต บรรดาเทวดาชั้นต่ำก็ลงกันแหลกลาญ ลงจนกระทั่งคนที่คุมขบวนด้วย จนต้องไปให้หัวขบวนเป็นคนนำออกให้ เมื่อออกมาแล้ว จึงไปคุมขบวนต่อไปได้

    กระผม/อาตมภาพถามเทวดาท่านว่า "ตรงส่วนนี้ได้อะไร ?" เขาบอกว่า "อย่างน้อยก็ช่วยให้ชาวบ้าน ที่เกิดศรัทธาในการแสดงออกต่าง ๆ ซึ่งดูแล้วเหมือนกับมีอภินิหาร ก็คือมีการแทงปาก เกี่ยวตัวเองด้วยตะขอเหล็ก เหล่านี้เป็นต้น เมื่อศรัทธาแล้วก็ได้ทำบุญกับทางโรงเจมา ทางโรงเจก็ได้นำไปช่วยในงานสาธารณประโยชน์ อย่างน้อยก็เป็นทานในเบื้องต้น"

    "ท้าวมหาราชจึงให้พวกกระผมมาคอยดูแลอยู่ เพื่อป้องกันไม่ให้บรรดาผีอื่น ๆ มาสิงมาแทรกแทน ถ้าหากว่าไม่มีพวกกระผมดูแลอยู่ บางทีม้าทรงเหล่านี้ก็อาจจะมีพวกผีเข้ามาสิงแทนได้ อย่างน้อย ๆ บรรดาเทวดาชั้นต่ำเหล่านี้ เขาก็ยังจัดอยู่ในส่วนของภุมมเทวดาบ้าง รุกขเทวดาบ้าง ไม่ใช่พวกผีทั่วไปที่อาจจะแปรเจตนาเป็นอื่น เนื่องจากว่าไม่มีหิริโอตัปปะคอยควบคุมอยู่"

    ดังนั้น..การที่บางวัดไปจัดโต๊ะไหว้เจ้า กระผม/อาตมภาพขอแนะนำว่า ถ้าหากท่านต้องการจะไหว้เจ้า เพราะว่ามีเชื้อสายจีนจริง ๆ ก็ขอให้ไหว้ไปถึง "เจ้าที่ใหญ่ที่สุด" ก็คือองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเลย ก็คือให้ตั้งโต๊ะไว้หน้าพระพุทธรูปไปเลย หมดเรื่องหมดราว หรือว่าตั้งโต๊ะเอาไว้แล้ว ก็มีพระพุทธรูปตั้งไว้บนโต๊ะสักองค์หนึ่ง เป็นสัญลักษณ์ว่าเราไหว้พระพุทธเจ้าลงมา แต่ว่าให้ยกเอาในส่วนที่เป็นสุราออกเสีย อย่าให้มีอยู่ในพิธี ไม่เช่นนั้นแล้วคนอาจจะเข้าใจผิดไปก็ได้
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,800
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,564
    ค่าพลัง:
    +26,402
    อีกส่วนหนึ่งก็คือ วันนี้มีข่าวพระสงฆ์ไปไหว้ขอพรเจ้าแม่กวนอิมด้วย ท่านจะไปถือว่าเจ้าแม่กวนอิมเป็นพระโพธิสัตว์ เป็นศาสนาพุทธเหมือนกัน กระผม/อาตมภาพขอเรียนถวายว่าไม่เหมือน เจ้าแม่กวนอิมเป็นพระโพธิสัตว์ แต่ว่าเป็นพุทธศาสนามหายาน โดยเฉพาะท่านอยู่ในรูปของสตรี พระภิกษุเราจะไปแสดงความเคารพ โดยการกราบ การไหว้นั้นไม่สมควร คนที่ไม่เข้าใจอาจจะตำหนิเอาได้

    ขณะเดียวกัน ก็เป็นการลดคุณค่า ลดราคาของพุทธศาสนาเถรวาทของเราลงไปอีก เนื่องเพราะว่าญาติโยมส่วนใหญ่พอเห็นว่า พระสงฆ์ยังไปไหว้ไปกราบเจ้าแม่กวนอิม ก็เห็นว่าไม่จำเป็นที่จะต้องเข้าหาวัดวาอารามในพระพุทธศาสนาเถรวาทก็ได้ เพราะว่าพระสงฆ์เถรวาท ยังไปกราบไหว้พระโพธิสัตว์ของมหายานอยู่เลย..!


    สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ไม่ใช่เรื่องของการลดมานะ ไร้มานะ แล้วท่านจะไปกราบไปไหว้ใครก็ได้ เพราะว่าสิ่งที่ท่านทำนั้น จะสร้างความเข้าใจผิด และสร้างความเสียหายให้กับพระพุทธศาสนา

    พระภิกษุสามเณรนั้นเป็นปูชนียบุคคลที่คนเขาเคารพบูชาเป็นปกติ สิ่งที่เราคิด สิ่งที่เราพูด สิ่งที่เราทำ จะมีอิทธิพล อย่างน้อย ๆ ก็ต่อคณะศิษย์ของเราเอง ถ้ามีคนเคารพนับถือมาก ก็จะมีอิทธิพลต่อพระพุทธศาสนาส่วนรวมไปด้วย เราจึงต้องระมัดระวังในการกระทำ ในคำพูด ตลอดจนกระทั่งในความคิดของเราเอง อย่าให้เกิดความเสียหายต่อพระพุทธศาสนาได้

    ถ้าท่านไม่มั่นใจ ว่าจะทำให้เกิดความเสียหาย หรือว่าเสื่อมเสียหรือไม่ ก็ให้สอบถามจากครูบาอาจารย์ หรือว่าบุคคลที่ท่านรู้จริง เมื่อได้รับการชี้แจงแล้ว จะได้ปฏิบัติให้ถูกต้องต่อไป

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายแก่พระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันศุกร์ที่ ๙ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๗
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...