เป็นนิกาย "มนุษย์ต่างดาว"

ไม่มีใครเถียงหรอกว่า มนุษย์ต่างดาวมีจริงหรือไม่มีจริง
เพราะมันไม่มีข้อพิสูจน์อะไร แต่ที่คนด่ากันคือ
วิธีติดต่อกับมนุษย์ต่างดาว และกิจกรรมต่างๆ
ที่ว่ามนุษย์ต่างดาวมาพบบ้างอะไรบ้าง มันไม่น่าเชื่อถือ
คนนั่งสมาธินาน ๆ จะมีนิมิตเกิดขึ้น
ตามพื้นฐานความเชื่อเดิมของจิต ถ้าเปรียบกับคอมพิวเตอร์คือ
โปรแกรมจัดการระบบ มันกลับไป Run
เอาความเชื่อดั้งเดิมในจิตใต้สำนึก ออกมาสร้างสมการ Simulation ในจิต
ทำให้เจ้าตัวคิดว่าภาพที่เห็นเป็นภาพจริงๆ
ทั้งๆ ที่เป็นภาพที่ จิตหรือ CPU ในสมองของคน ๆ
นั้นเองสร้างขึ้น เพราะนั่งสมาธิ มันมีข้อผิดพลาดได้
ที่อาจจะกลายเป็นการ "สะกดจิตตัวเอง"
เมื่อจิตพ้นการควบคุมของโปรแกรมจิตสำนึก
โปรแกรมที่ซ้อนเอาไว้ใต้ระบบก็ Run เองโดยอัตโนมัติ
ก็เลยหลงเขาใจว่า ตัวเองติดต่อกับใครต่อใครได้

คิดตรรกะง่ายๆ หากเราเจริญขนาดเดินทางไปดาวดวงอื่นๆ
ได้ในอนาคต เราจะไม่ลงไปติดต่อกับ "สิ่งมีชีวิต"
ที่มีอารยธรรมบนดาวดวงนั้นเชียวหรือ
ผมว่าขี้คร้านที่เราจะเร่ง รายงานกลับดาวโลกว่า "ด่วนพบสิ่งมีชีวิติที่มีอารยธรรม" ที่มีเมือง มีภาษา แล้ว ขออนุญาติ ติดต่อด่วน

ดูตัวอย่างง่ายๆ โคลัมบัส พบอเมริกา ก็ขนตัวอย่างกลับมากมาย
และก็เดินทางกลับไปอีกหลายเที่ยว ติดต่อคนพื้นเมือง
ทันทีที่ทำได้ ไม่เห็นต้องทำลับ ๆ ล่อ ๆ
เหมือนมนุษย์ต่างดาวที่ชาวโลกเราทุกวันนี้อ้างว่าพบเห็นจานบิน
ซึ่งสันนิษฐานว่า "ไม่จริงร้อยละ 99.99999" เขาอาจเห็นอะไรจริงๆ
แต่ไม่ใช่ยานของมนุษย์ลับๆ ล่อๆ อะไรนั่นแน่นอน"

ถ้ามนุษย์ต่างดาวนั่นมีอารยธรรมขนาดเดินทางไปกลับได้หลายเที่ยว
เหมือนปกติด ก็คงติดต่อมาแล้ว
อาจมีมนุษย์ต่างดาวเคยมาโลกในอดีต แต่ก็คงเป็นยานสำรวจธรรมดา
และกลับไปแล้วก็ไม่ได้กลับมาอีก อาจกลับมาในอนาคต
แต่ถ้ากลับมาจริง ก็คงติดต่อกับมนุษย์อย่างเป็นทางการ
ถ้าเห็นดวงที่มีสิ่งมีชีวิต มีสิ่งก่อสร้างเยอะขนาดนี้
คุณคงไม่แค่แอบมาบินลับๆ ล่อ ๆ
เหมือนสายลับเล่นซ้อนหากันอย่างทุกวันนี้
และก็คงไม่มีสิ่งมีชีวิตที่มีอารยธรรมขนาดเดินทางข้ามจักรวาลได้
จะไม่มีความคิดสูงส่งขนาดไม่รู้ว่าอะไรควร อะไรไม่ควร
เหมือนเด็กเล่นซ้อนหา เขาคงมีอารยธรรมทั้งจิตใจ
และเทคโนโลยีสูงกว่ามนุษย์ เพราะหากต่ำกว่า
แต่มีเทคโนโลยีขนาดนี้ คงรบกันฆ่ากันตายหมดแล้ว
(เดินทางข้ามดวงดาวได้คงมีระเบิดที่ร้ายกว่านิวเคลียร์แน่
หากจิตใจไม่สูงมันก็คงเอาไปใช้ฆ่ากันเองก่อน
เหมือนชาวโลกเรากำลังรบกันอยู่ในบางที่เป็นแน่)

แต่ที่เห็นรายงาน มนุษย์ต่างดาวที่อ้างว่าพบนี้มี
พฤติกรรม ลับๆ ล่อ ๆ เหมือนคนที่ทำอะไรผิด
มีปมด้อย หรือมีความคิดไม่ดี จึงไม่กล้าลงมาพบมนุษย์
จะอ้างว่า พวกเขามี "อารยธรรมสูงจนไม่อยากพบมนุษย์"
เป็นคำอ้างที่ไร้สาระ เพราะไม่อยากพบแล้วเดินทางมาทำไม
เรายังอยากติดต่อกับลิงแซมเปียนซีเลย

ถ้า ดร.เทพพนม ติดต่อมนุษย์ต่างดาวได้
ก็คงเป็นการใช้ Telepathy และมนุษย์ต่างดาวที่มาพบดร. เทพพนม คงใช้ Teleportation เดินทางมา (คือเดินทางผ่าน Wormhole โดยใช้พลังจิตสร้าง Wormhole แล้วเดินผ่าน Wormhole นี้ ซึ่งก็จะทำให้ไปที่ใดก็ได้ในเอกภพ
โดยใช้เวลาเป็นศูนย์
คือผลุบจากที่หนึ่งก็ไปโผล่อีกที่หนึ่งเลย
เหมือนในเรื่อง X-men ที่มนุษย์มีหางตัวเขียวใช้ teleport ได้แต่สั้น ๆ)
ถ้าเดินทางได้อย่างนี้จริงก็คงมาเยี่ยมโลกบ่อยๆ
คงมี เอกอัครราชทูตประจำโลกไปแล้ว
คงไม่มาทำลับๆ ล่อ ไม่กล้าโชว์ตัว เหมือนคนมีความผิด
และถ้าทำได้จริง คงไม่เลือกติดต่อ ดร.เทพพนม คงติดต่อ จอร์จ บุช ดีกว่า
ติดต่ออะไรกับคนแก่ ๆ ที่ไม่มีอำนาจอะไร
และมนุษย์ต่างดาวนี้ก็ทำตัวเป็นแบบ Passive คือ
ต้องมีคนติดต่อไปก่อน จึงติดต่อกันได้ หากมีพลังจิตระดับนั่น
ก็คงใช้โทรจิต ติดต่อใครก็ได้

แต่มนุษย์ต่างๆ ดาวของ ดร.เทพพนม นี่น่าตลก คือใคร
ฝึกสมาธิตามแบบ ดร.เทพพนม ก็ติดต่อได้ ขอให้ช่วยอะไรก็ได้
เหมือนกับมี Procedure หรือ Protocol เฉพาะเอาไว้ติดต่อ
แล้วสิ่งที่มนุษย์ต่างดาวช่วยเหลือ มันเหมือนกับ
พวก "ขอพรพระเจ้า" มาแก้ปัญหาชีวิต
หากเขาทำอย่างนั้นได้จริงก็คงเป็น God ไม่ใช้มนุษย์ต่างดาว
สรุปวิธีการหรือ Protocol ของ ดร.เทพพนม
คือ "ลัทธิทางศาสนา" อย่างหนึ่ง
คือ "ลัทธิที่มีมนุษย์ต่างดาวเป็นพระเจ้า" จะต่างกับ คริสต์ อิสลาม ฮินดูตรงไหน นอกจาก สร้างพระเจ้าชื่อ แปลก ๆ ขึ้นมาอีก องค์หนึ่ง ชื่อ " มนุษย์ต่างดาว"

สรุป เป็นนิกาย "มนุษย์ต่างดาว"

 

ขอให้ทุกดวงจิตและวิญญาณจงเป็นสุขเป็นสุขเถิด
อย่าได้มีเวรซึ่งกันและกันเลย อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย อย่าได้มีความทุกข์กาย ทุกข์ใจเลย

ขอให้ทุกดวงจิตและวิญญาณ จงมีแต่ความสุขกาย สุขใจ ปราศจากทุกข์โศกโรคภัย ขอให้ทุกดวงจิตและวิญญาณ จงมีแต่ความสบายจิตสบายใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยพิบัติทั้งหลายทั้งสิ้นเทอญ.

 

ในความคิดเห็นนะค่ะ เป็นประเด็นหนึ่งในมุมมอง หากสรุปเป็นทั้งหมด คงจะไม่ถูกที่สุด

เป็นมุมมองที่มีคนละมุม ไม่มีใครผิดใครถูก

หากแต่เสมอกันไป แล้วแต่ละบุคคล..

พิจารณาเองด้วยปัญญาตามวิธีขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าค่ะ