เปิดบ้านบิ๊กบราเธอร์ กันตนาโต้ คุมอยู่-ตัดภาพคู่หวิว

ในห้อง 'ข่าวทั่วไป' ตั้งกระทู้โดย ซิปเปอร์, 16 พฤษภาคม 2005.

  1. ซิปเปอร์

    ซิปเปอร์ บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    <h2>ไม่ให้โผล่ออกจอตอนอยู่2คน ยันกล้องจับทุกนาที-ไร้มุมอับ วธ.ชี้ไม่เหมาะ-ฮึ่มส่งคำเตือน</h2>

    กันตนาตัดภาพคู่หวาม"พิม-โตโต้"จากรายการบิ๊กบราเธอร์ แทบไม่มีโผล่จอขณะอยู่ด้วยกันสองต่อสอง หลังโดนสับเละแสดงออกไม่เหมาะสมทั้งกอด นอนบนเตียงนัวเนียกัน และบางครั้งเหมือนกับจูบด้วย ฝ่ายคุมรายการตัดภาพออกจากการถ่ายทอดสดโดยไปจับภาพคนอื่นในบ้านแทน แม่ของ"พิม"ยันลูกสาวถึงไปเรียนเมืองนอกแต่ก็เลี้ยงมาแบบคนไทย ส่วนญาติ"โตโต้" เชื่อว่าคงไม่มีอะไรกันเกินเลย เพราะฝ่ายหญิงร่ำรวยส่วน"โตโต้"แค่ช่างตัดผมเล็กๆ เท่านั้น วอนให้เข้าใจเพราะคนเล่มเกมนี้ ใช้ชีวิตด้วยกันโดยติดต่อโลกภายนอกไม่ได้ อาจจะมีเผลอไปบ้าง "กันตนา"พานักข่าวบุกบ้านบิ๊กบราเธอร์ ยันมีกล้องถึง 26 ตัว จับภาพ 24 ช.ม.จะแอบทำอะไรโดยไม่มีคนเห็นไม่ได้แน่ แม้แต่เข้าห้องน้ำก็มีกล้องจับอยู่หน้าประตู เข้าได้ทีละคนเท่านั้น ยันพิม-โตโต้แค่จู๋จี๋ตามประสาคนรักกันเท่านั้น ด้านยูบีซีนัดเจรจาไอทีวี ว่าจะเอายังไงต่อไปดีกับรายการนี้ รองปลัดวธ.ชี้ การแสดงออกแบบนี้ไม่เหมาะกับวัฒนธรรมไทยอย่างสิ้นเชิง

    จากกรณีที่"ข่าวสด"ได้รับการร้องเรียนจากผู้ชมรายการ "บิ๊กบราเธอร์" รายการเรียลลิตี้โชว์ที่นำเสนอเรื่องราวของคน 12 คนซึ่งไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แล้วต้องมาใช้ชีวิตอยู่ในบ้านหลังเดียวกันเป็นเวลา 100 วัน โดยมีกล้องถ่ายทำติดตามชีวิตความเป็นอยู่ของผู้เข้าแข่งขันตลอดเวลา โดยออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ไอทีวี สถานีโทรทัศน์แบบบอกรับสมาชิกยูบีซี ช่อง 16 และยูบีซีไอ โดยมีผู้เข้าแข่งขัน 2 คนคือ"พิม"น.ส.พิมจักร ชีวารักษ์ ทายาทนักธุรกิจโรงแรมจาก จ.ลำปาง และ"โตโต้"นายภูวดล จิณศิริ ช่างตัดผมจาก จ.ภูเก็ต ที่ชอบพอและประกาศเป็นแฟนกันกลางรายการ ซึ่งผู้ชมบางส่วนมองว่าทั้งคู่มีพฤติกรรมแสดงออกไม่เหมาะสม อาทิ การนอนบนเตียงเดียวกัน มีการกอดหรือถูกเนื้อต้องตัว และภาพบางภาพเหมือนกับมีการจูบกันด้วย ในขณะที่บริษัทกันตนา เจ้าของรายการออกมาอ้างว่ารายการลักษณะนี้ของเมืองนอกบางครั้งถึงกับมีเซ็กซ์กันด้วยซ้ำ ในขณะที่ของไทยเพียงแค่ถูกเนื้อต้องตัว และนี่เป็นรายการชีวิตจริงแสดงให้เห็นถึงความเป็นไปจริงๆ ของคนที่มาอยู่รวมกันในบ้าน ขณะเดียวกันในอินเตอร์เน็ตมีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง และมีการอ้างว่าแฟนของโตโต้ จะขอเลิกกับโตโต้ด้วยนั้น

    เมื่อวันที่ 15 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้เป็นวันที่ 44 ของการอยู่ร่วมกันในบ้านบิ๊กบราเธอร์ โดยในวันนี้ไม่มีภารกิจอะไรให้สมาชิกในบ้านทำ เนื่องจากเป็นวันสุดสัปดาห์ที่ทุกคนจะได้พักผ่อน และเป็นวันที่จะต้องมีคนออกจากบ้าน 1 คน จากการโหวตของสมาชิกในบ้าน ซึ่งสัปดาห์นี้มีคนถูกโหวต 2 คนคือ หยินมี่ และโตโต้ ทำให้หยินมี่ต้องเก็บกระเป๋าเสื้อผ้าของตัวเองไว้ และใช้เวลาที่เหลืออย่างสบายใจ

    ส่วนโตโต้พยายามใช้เวลาที่เหลืออยู่กับพิมให้มากที่สุด ตั้งแต่ในช่วงเช้าที่ทั้งสองตื่นนอนขึ้นมา หลังปฏิบัติกิจวัตรประจำวันของแต่ละคนเสร็จแล้ว พิมและโตโต้ก็มานั่งกินอาหารเช้าที่โต๊ะอาหาร ซึ่งทั้งสองคนนั่งจับมือกันตลอดเวลา

    กระทั่งตอนเที่ยงส่วนใหญ่จะอยู่ในห้องนอน ซึ่งทั้งสองมักนอนคุยกันบนเตียงของโตโต้ ซึ่งในช่วงนี้กล้องของรายการในช่อง 16 ของยูบีซี จะแทบไม่นำเสนอเลย แต่จะเสนอภาพในส่วนของป้อมผู้เข้าแข่งขันอีกคน ที่กำลังทำความสะอาดบ้าน และหยินมี่ที่กำลังนั่งร้องเพลงอย่างสบายใจ

    กระทั่งเวลาประมาณ 14.30 น. พิมและโตโต้ออกมาด้านนอกของบ้าน โดยพิมมานั่งซักผ้าและโตโต้มานั่งคุยด้วยประมาณ 15 นาที

    จนเวลา 15.00 น. หนุ่มออกมานั่งกินข้าวนอกบ้าน ขณะที่โตโต้และพิมนั่งคุยกันอยู่ที่บริเวณซักผ้าแล้ว หลังจากนั้นจึงมานั่งคุยกันที่โต๊ะไม้ โดยหนุ่มพยายามถามเรื่องส่วนตัวของพิมตั้งแต่เรื่องนั่งเครื่องบินจากต่างประเทศ เรื่องการใช้ชีวิตในออสเตรเลีย ทั้งการเรียนหนังสือ การทำงานอดิเรกระหว่างเรียนหนังสือ การเดินทางท่องเที่ยว จากนั้นทั้งหมดก็ทำกิจวัตรประจำวันของตน

    เวลาประมาณ 23.00 น. ซึ่งเป็นช่วงที่จะมีการประกาศรายชื่อ คนที่ถูกเสนอให้ออกจากการแข่งขันเป็นคนที่ 3 โดยก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 8 พ.ค. ที่ผ่านมา ทางรายการให้สมาชิกในบ้านโหวตชื่อคนที่ต้องการให้ออกจากบ้านบิ๊กบราเธอร์ ซึ่งมีการเสนอชื่อ 2 คนคือโตโต้ และหยินมี่ จากนั้นให้ผู้ชมทางบ้านโหวตซ้ำอีกครั้งทางทางเอสเอ็มเอส ว่าต้องการให้คนใดอยู่ในบ้านบิ๊กบราเธอร์ต่อ ซึ่งผลการโหวตปรากฏว่าหยินมี่ ได้คะแนนมากถึง 72.6 % และโตโต้ ได้คะแนน 27.6% ต้องออกจากการแข่งขัน

    หลังจากมีการประกาศชื่อว่าโตโต้ ต้องออกจากบ้านบิ๊กบราเธอร์ มีการแสดงความเสียง

    ใจระหว่างสมาชิกในบ้านทั้งหมด โดยเฉพาะ"พิม" มีอาการซึมเศร้าและสวมกอดกับโตโต้ พร้อมทั้งเดินมาส่งที่ประตูทางออก

    จากนั้นศรันยู วงษ์กระจ่าง พิธีกร สัมภาษณ์โตโต้ เกี่ยวกับประเด็นที่เป็นข่าวอื้อฉาวในขณะนี้ โดยโตโต้ กล่าวว่า ตนรักพิม ทุกอย่างที่แสดงออกเป็นความรัก จึงสามารถแสดงออกได้โดยไม่สนใจว่าใครดูอยู่ และเคยหอมแก้ม เคยนอนเตียงเดียวกันห่มผ้าผืนเดียวกันแต่ไม่บ่อยครั้งนัก เรื่องนี้เป็นมุมมองของแต่ละคน ใครจะมองในแง่ดีแง่ร้ายอย่างไรก็ได้ เหมือนฝนตกจะมองว่าแค่น้ำตกลงมาจากฟ้า หรือจะมองเห็นสายรุ้ง แต่ตนก็พร้อมจะยอมรับคำวิพากษ์วิจารณ์ที่จะเกิดขึ้น

    ที่จ.ลำปาง นางฌาดา ลีสุวรรณ์ แม่ของ น.ส.พิมจักร หรือพิม กล่าวถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์เรื่องพิมและโตโต้ ว่า ภาพที่ออกเป็นข่าวถูกดูดมาจากอินเตอร์เน็ต หรือเว็บบอร์ดจึงเชื่อว่าทางบริษัทกันตนา กรุ๊ป จำกัด(มหาชน) ไม่น่าจะนำภาพที่หมิ่นเหม่ออกมาเผยแพร่แน่นอน เชื่อว่าบริษัทคงไม่กล้าที่จะเสี่ยงที่จะเอาเงินหลายร้อยล้านบาทมาเพื่อภาพแบบนี้ สำหรับตัวลูกสาวแล้วเชื่อว่าไม่ทำอะไรที่เสื่อมเสียกับตัวเองและครอบครัวแน่นอน ถึงแม้ลูกสาวจะเป็นเด็กที่มีความมั่นใจในตัวเองและเรียนต่างประเทศก็ตาม แต่ความเป็นแม่ซึ่งเป็นคนลำปางอยู่ภาคเหนือ ปลูกฝังให้ลูกรู้จักกิริยามารยาทผู้หญิงไทย ไม่ให้ลืมประเพณีวัฒนธรรมความเป็นไทย มั่นใจว่าลูกสาวรู้ว่าขอบเขตความพอดีอยู่ตรงไหน

    "ปกติน้องพิมเป็นเด็กที่มีเพื่อนมากทั้งผู้หญิงและผู้ชาย มีความจริงใจให้กับทุกคนและเป็นเด็กสนุกสนานชอบแหย่เพื่อนไม่ได้คิดอะไรไปมากกว่าความเป็นเพื่อน และถ้าหากติดตามรายการบิ๊กบราเธอร์ตลอดจะเห็นน้องพิมหยอกล้อเพื่อนทุกคน ด้วยความเป็นแม่ขอยืนยันว่าลูกสาวไม่ได้ทำอะไรตามที่เป็นข่าวแน่นอน" นางฌาดา กล่าว

    แม่ของพิม บิ๊กบราเธอร์ กล่าวอีกว่า ภาพที่เกิดขึ้นแน่นอนว่ามีผลต่อความรู้สึกของครอบครัวและบุคคลรอบข้าง ยอมรับว่าตนและครอบครัวแคร์ความรู้สึกของสังคมมากแต่ขอให้ความเป็นธรรมต่อลูกสาวด้วย ความรวดเร็วของระบบสื่อสารทางอินเตอร์เน็ตนั้นไม่สามารถห้ามได้ ในขณะเดียวกันก็ไม่สามารถคัดค้านในเรื่องระบบการถ่ายทำ ที่มีกล้องติดตั้งทั่วบ้าน ดังนั้นขอให้สังคมได้รับรู้ว่าน้องพิมและครอบครัวชีวารักษ์ ไม่ทำอะไรที่เสื่อมเสียต่อเกียรติประวัติของครอบครัวและคนลำปางแน่นอน

    "หลังจากน้องพิมเป็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ดิฉันได้เปิดเว็บไซต์ดูปรากฏว่ามีคนเข้าไปด่าน้องต่างๆ นานามากมายบางคนด่าแบบหยาบคาย แต่ก็มีบางส่วนให้กำลังใจและช่วยอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นก็ขอขอบคุณมาก ซึ่งดิฉันจะเก็บเสียงวิพากษ์วิจารณ์ทั้งโทรศัพท์และเว็บไซต์ไว้ให้ลูกสาวอ่าน โดยจะอธิบายให้ลูกสาวได้ทราบว่าชีวิตคนเราทุกคน ถึงแม้ว่าจะอยู่ในภาพลักษณ์อะไรก็ตามย่อมมีเสียงชมเชยและด่าทอเป็นธรรมดา เพราะฉะนั้นลูกสาวและดิฉันต้องพร้อมที่จะรับฟังเสียงทุกเสียงที่ติชมแล้วนำมาแก้ไขและเชื่อว่าลูกสาวพร้อมที่จะรับฟัง" นางฌาดากล่าว

    แม่พิม บิ๊กบราเธอร์ กล่าวอีกว่า ก่อนน้องพิมจะเดินเข้าร่วมรายการเรา 2 คนพูดคุยกันถึงความเตรียมพร้อม ด้านความคิดความรู้สึก ซึ่งน้องพิมไม่คิดว่าการเข้าร่วมแข่งขันครั้งนี้จะได้รับรางวัลอะไรเลย น้องพิมต้องการจะได้เรียนรู้ประสบการณ์ชีวิตและตัวตนที่แท้จริง เพื่อนำประสบการณ์ที่ได้มาพัฒนาและปรับใช้ในสังคม ส่วนตนขอแค่น้องพิมอยู่ในบ้านบิ๊กบราเธอร์ ได้แค่ 50 วันก็พอ เพื่อให้เรียนรู้ชีวิตที่อยู่ร่วมกับคนแปลกหน้า ต่างถิ่น ต่างนิสัย และต่างความคิดก็พอแล้ว ดังนั้นถ้าหากน้องพิมสิ้นสุดจากรายการบิ๊กบราเธอร์แล้ว มีเหตุให้น้องพิมรักชอบกับเด็กที่ชื่อโตโต้ เป็นเรื่องที่น้องพิมต้องคิดให้ดี เพราะน้องพิมต้องเรียนหนังสือให้จบเสียก่อนแล้วถึงจะมาพูดกันเรื่องอนาคต สำหรับตนไม่ขัดขวางหรือไม่ชอบน้องโตโต้คนนั้น เนื่องจากไม่รู้จักเป็นการส่วนตัว

    ส่วนที่จ.ภูเก็ต ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังร้านตัดผม"ติ๊ก แอนด์ โต" บริเวณสี่แยกเขารัง ถ.แม่หลวน อ.เมือง จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นร้านของน้าชายโตโต้ ที่โตโต้ทำงานอยู่ เมื่อเข้าไปในร้านก็พบกับป้ายที่ติดไว้บริเวณตู้ปลาข้อความว่า "เชียร์โตโต้ ส่ง SMS ให้โตโต้ ด้วย" และเปิดทีวีช่องยูบีซี 16 เพื่อให้ลูกค้าติดตามรายการบิ๊กบราเธอร์ตลอดเวลา

    นายโต น้าชายของโตโต้กล่าวว่า ไม่น่าจะเป็นไปได้ถึงขนาดอย่างที่มีการเสนอข่าวเนื่องจาก ปกติแล้วโตโต้เป็นคนที่มีนิสัยใจคอรักความสนุกสนาน ส่วนในเรื่องแฟนสาวของโตโต้ ที่มีการพิมพ์ข้อความผ่านทางอินเตอร์เน็ตนั้น ต้องสอบถามโตโต้เอง ตนไม่สามารถให้คำตอบได้ ซึ่งเป็นเรื่องส่วนตัวของหลานชาย อาจจะเป็นการกลั่นแกล้งกันก็ได้ ซึ่งก็จะต้องมีคนที่ชอบและไม่ชอบในตัวโตโต้อยู่แล้ว

    "ส่วนกรณีของพิม ซึ่งเป็นผู้ร่วมเล่นเกมกับโตโต้ที่เป็นข่าวไม่ดีในลักษณะชู้สาว คิดว่าไม่น่าจะเป็นไปได้โดยหลานชายของตนเป็นสุภาพบุรุษพอ อีกอย่างเท่าที่ทราบฐานะทางบ้านของพิมเองก็ดีกว่าโตโต้อยู่มาก ซึ่งไม่คิดว่าพิมจะมาเอาช่างตัดผมอย่างหลานของผมไปเป็นแฟน อาจจะแค่เป็นการหยอกเล่นกันสนุกสนานตามประสาของวัยรุ่น คิดสภาพเอาเองว่าทางรายการห้ามทุกคนติดต่อกับโลกภายนอกถึง 3 เดือน ซึ่งเรื่องดังกล่าวอาจจะเกิดขึ้นได้บ้างเป็นธรรมดา ที่จะมีความสนิทสนมกันในกลุ่มผู้เข้าแข่งขัน ซึ่งจะห้ามอารมณ์ของแต่ละคนไม่ได้เนื่องจากไม่สามารถติดต่อสื่อสารกับคนอื่นได้เลย" นายโตกล่าว และว่าส่วนในเรื่องที่มองกันถึงว่าเหมาะสมไม่เหมาะสมนั้น ขึ้นอยู่กับทางรายการที่จะต้องมีหน้าที่ในการพิจารณาถึงจุดที่เหมาะสมเอง

    ด้านแฟนรายการที่ตามเชียร์โตโต้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นลูกค้าที่มาใช้บริการตัดผม โดยคนหนึ่งเป็นลูกค้าประจำของโตโต้ แสดงความเห็นว่าในจังหวัดภูเก็ตนั้น มีการรวมกลุ่มกันเพื่อเชียร์โตโต้อยู่หลายสิบคน และมีการส่งข้อความเชียร์อยู่ตลอด เนื่องจากโตโต้เป็นช่างตัดผมที่มีความสามารถโดยจะออกแบบทรงผมใหม่ให้กับบรรดาวัยรุ่นในจังหวัดภูเก็ตที่มาตัดที่ร้านได้ดีจนเป็นที่ชื่นชอบและเป็นที่ยอมรับของทุกคน ประกอบกับโตโต้เป็นคนตลก คุยสนุก และหน้าตาก็ใช้ได้ จึงเป็นเรื่องที่ไม่แปลกที่ทำให้มีเด็กๆ ซึ่งเป็นกลุ่มวัยรุ่นในจังหวัดภูเก็ตชื่นชอบเป็นจำนวนมาก

    "ส่วนในเรื่องแฟนสาวของโตโต้นั้น ไม่ว่าโตโต้จะคบใครก็เป็นสิทธิส่วนบุคคล โดยในเรื่องแฟนสาวของโตโต้ ที่เขียนในอินเตอร์เน็ตว่าจะบอกเลิกกับโตโต้ จนกลายเป็นประเด็นร้อนขณะนี้ คิดว่าไม่น่าจะเป็นความจริงเนื่องจากตลอดเวลาที่โตโต้อยู่ที่ภูเก็ต ก็ไม่เห็นมีใครที่แสดงตัวเป็นแฟนอย่างออกหน้าออกตา" แฟนคลับโตโต้ กล่าว

    วันเดียวกันผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังโรงถ่ายกันตนา มูฟวี่ ทาวน์ อ.ศาลายา จ.นครปฐม ซึ่งเป็นสถานที่ผลิตรายการบิ๊กบราเธอร์ โดยนางศศิกร ฉันท์เศรษฐ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท กันตนา กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ดูแลการผลิตรายการกล่าวว่า รูปแบบของรายการเรียลลิตี้โชว์ คือการนำเสนอเรื่องราวความเป็นจริงที่เกิดขึ้น แต่รายการนี้จะวางระเบียบสำหรับผู้ที่จะร่วมรายการอยู่แล้ว ว่าจะต้องไม่มีการนำเสนอความไม่เหมาะสมต่างๆ อาทิ การพูดจา การแต่งกาย รวมไปถึงการแสดงกิริยาที่ไม่ดี ซึ่งตรงนี้ผู้เข้าแข่งขันทุกคนก็ทราบดี ส่วนทางเราเองก็ได้มีการเตรียมการควบคุมตรงนี้ไว้แล้วเหมือนกัน คือในเรื่องของมุมภาพและการเลือกภาพที่จะนำออกอากาศ

    "เรามีกล้องในทุกจุดของบ้านถึง 26 ตัว ที่จะมีภาพทุกมุม จะมีเฉพาะห้องน้ำเท่านั้นที่เราจะติดไว้เฉพาะหน้าห้อง แต่ก็จะสามารถเข้าไปใด้แค่ครั้งละ 1 คนเท่านั้น ส่วนเรื่องที่เกิดเป็นข่าว มันเกิดจากที่ทั้งคู่เกิดรักกันจริงๆ ขึ้นมา และก็มีการสารภาพรักกันด้วย เขาจึงอาจจะดูว่ามีการจู๋จี๋กันบ้างตามประสาคนรักกัน แต่ก็ยังไม่มีอะไรเกินเลย ซึ่งตรงนี้เราไปห้ามไม่ให้เขารักกันไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆ" นางศศิกร กล่าว

    กรรมการผู้จัดการบริษัท กันตนา กล่าวต่อไปว่า เราแน่ใจว่าคู่นี้จะไม่มีอะไรมากไปกว่านี้เพราะเขารู้ว่ามีกล้องอยู่ ไม่มีมุมไหนที่เขาจะแอบไปทำอะไรที่ไม่เหมาะสมได้ ทุกอย่างมันยังไม่เกินเลยขอบเขต กับเรื่องราวที่เกิดขึ้นเราเองก็รู้สึกเสียใจ และนำไปหารือกันเพื่อวางขั้นตอนการออกอากาศ ถ้าหากว่ามันอาจจะเกิดอะไรที่ไม่เหมาะสมมากไปกว่านี้ อย่างแรกก็คือเราจะเลือกภาพที่ออกอาอากาศ จะไม่พยายามถ่ายภาพไปที่ทั้งคู่ โดยเปลี่ยนไปเป็นคนอื่นแทน แต่ไม่ใช่ว่าเราไม่ถ่ายเขาไว้ เราจะดูเขาตลอด

    นางศศิกร กล่าวอีกว่า อย่างต่อมาที่ห้องเปิดใจ เราจะมีการเตือน แต่เป็นการพูดแบบรวมๆ ว่าให้ทุกคนระมัดระวังในทุกๆ เรื่องที่ไม่ดี และถ้าต่อไปเขายังมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมมากขึ้นไปกว่านี้อีก อันนี้ก็อาจจะต้องเรียกมาคุยกันเลย ล่าสุดเราได้เชิญท่านพระพยอม มาเทศน์ให้กับผู้ร่วมรายการฟัง ซึ่งถือว่าเป็นการเตือนสติเขาอีกอย่างหนึ่ง

    "ตอนนี้เรายังเข้าไปยุ่งในรายการมากไม่ได้ เพราะมันเป็นรูปแบบของรายการ และเราก็คิดว่าเราคุมทุกอย่างได้ ความจริงแล้วที่เรานำเสนอในครั้งนี้เพื่อชี้ให้เห็นชีวิตของคน การอยู่ร่วมกัน การปรับตัวให้อยู่ในสังคมให้ได้ ความสนุกของรายการไม่ใช่นำเสนอเรื่องการมีเพศสัมพันธ์ และก่อนที่เราจะทำรายการ มีการปรับให้เข้ากับวัฒนธรรมไทยอย่างเช่น ของต่างประเทศเขาจะติดกล้องในทุกที่ แต่ของเราจะขอในห้องน้ำและห้องส้วมว่าให้ติดเฉพาะหน้าห้องน้ำเท่านั้น เพราะไม่เหมาะกับวัฒนธรรมไทยเรา ซึ่งเขาก็โอเค เพราะเขาไม่ได้ขายเรื่องความไม่เหมาะสมอยู่แล้ว" นางศศิกร กล่าว

    นางศศิกร กล่าวอีกว่า สำหรับกระแสรายการของเราตอนนี้จะแรงมาก ในเว็บไซต์ของเราจะมีผู้เข้ามาดูมาคลิกประมาณ 100 ล้านคน แต่มีผู้เข้ามาดูภายในประมาณ 8 ล้านคน ส่วนในเรื่องของกระแสวิจารณ์ที่เกิดขึ้น อยากจะชี้แจงว่าเราไม่ได้ทำอะไรที่เป็นการเสื่อมเสีย ถ้าหากว่าคนดูได้ติดตามโดยตลอดจะเข้าใจ และคิดว่าจะสามารถนำเอาสิ่งนี้สะท้อนดูตัวเองได้ว่า เราเป็นแบบนั้นหรือเปล่า และถ้าเป็นแบบนั้นจะแก้ไขได้อย่างไร

    จากนั้นนายวศิน บูรณะเขต ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ นำชมห้องควบคุมกล้องและเสียงของผู้ร่วมรายการ พร้อมอธิบายเพิ่มเติมว่า ภายในบ้านนี้ทั้งหมดจะมีกล้องอยู่ 26 ตัวในทุกๆ มุม และมีไมโครโฟนติดตามที่ต่างๆ อีก 60 ตัว มีเจ้าหน้าที่จะมาดูแลและควบคุมอุปกรณ์อีก 80 คน ซึ่งทุกคนจะเวียนกันทำงานตลอด 24 ชั่วโมง จึงมั่นใจว่าจะไม่มีภาพและเสียงตรงไหนที่ผู้เข้าร่วมเล่นเกมกับเราจะหลุดไปจากการควบคุมได้ และถ้าเกิดว่ามีภาพที่ไม่ดีจากกล้องตัวใดตัวหนึ่ง เราก็สามารถจะยกเลิกภาพทั้งหมด ไม่ให้ออกอากาศในทุกสื่อได้จากห้องนี้โดยตรงได้เลยทันที ทุกวันเราจะอัดเทปไว้ถึง 96 ชั่วโมง เป็นการถ่ายจากจุดใหญ่ไว้ 4 ชุดแล้วเอามารวมกัน

    "เราเก็บข้อมูลต่างๆ ไว้ทุกอย่าง และเขาก็จะรู้ว่ากล้องเราอยู่ตรงไหนบ้าง เพราะเราจะตั้งให้เห็น แต่ก็มีบางคนที่พยายามจะหามุมต่างๆ ที่ไม่ให้ถูกถ่าย แต่ก็ไม่รอดพ้นมุมภาพไปได้ ส่วนเสียงของเขาถ้าหากว่าเขาปิดไมโครโฟนที่ติดตัวเขาตลอดเวลา เขาก็จะถูกลงโทษ สำหรับข่าวที่เกิดขึ้นคิดว่า น่าจะเกิดจากคนไปอินกับแบบของต่างประเทศที่ค่อนข้างจะแรง และก็คิดว่าของเราจะเป็นแบบนั้น ซึ่งจริงๆ แล้วมันเป็นไปไม่ได้เลย ของเรามีการนำมาปรับให้เหมาะสมกับความเป็นไทยอย่างเราแล้ว" นายวศิน กล่าว

    นายอานุสก้า บัน ชาวฮอลแลนด์ เอ็กเซ็กคิวทีฟไดเร็กเตอร์ ที่ควบคุมการผลิตในครั้งนี้ กล่าวว่า ได้ทราบข่าวที่เกิดขึ้นแล้ว ส่วนหนึ่งก็ดีใจที่จะได้มีโอกาสชี้แจงเรื่องที่เกิดขึ้น เรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นความจริงแล้วถ้าในสายตาของตนซึ่งทำรายการนี้มาแล้วประมาณ 30 ประเทศทั่วโลก ถือว่าตรงนี้ไม่ได้มีอะไรที่ผิดปกติ ในบางประเทศรุนแรงกว่านี้ แต่ในประเทศไทยเนื่องจากมีกรอบของวัฒนธรรมอันดีงาม จึงอาจจะดูไม่เหมาะบ้าง ในตอนแรกเราจึงต้องปรับบ้าง เรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นในรายการมันก็เหมือนกับละครที่ออกอากาศทางทีวี เพียงแต่อันนี้จะเป็นการแสดงจริง เราไม่ได้กำหนดให้เขาเป็นแบบนั้น และถ้าหากว่ามีอะไรที่ไม่เหมาะกับสังคมและวัฒนธรรมไทย เราก็จะไม่นำออกอากาศ และเราก็รู้สึกว่าผู้ที่ร่วมรายการก็คงจะไม่ทำอะไรที่เกินเลยไป เพราะรายการของเราไม่ใช่เซ็กซ์โชว์

    ด้านนายอรรถพล ณ บางช้าง ผู้อำนวยการฝ่ายรายการ บริษัท ยูไนเต็ด บอร์ดคาสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ยูบีซี กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่เห็นภาพที่ปรากฏเป็นข่าวเลย แต่ขอยืนยันยูบีซีว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เราเป็นเพียงสื่อที่รับภาพมาออกอากาศเท่านั้น สำหรับรายการดังกล่าว เห็นว่าก็ไม่ได้มีการนำเสนอภาพที่ปรากฏเป็นข่าวอย่างเดียว แต่ก็มีการนำเสนอเรื่องราวการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันของผู้เข้าแข่งขันในแง่มุมต่างๆ ด้วย แต่ยูบีซีจะติดต่อกับฝ่ายผลิตของสถานีโทรทัศน์ไอทีวีอีกครั้งในวันที่ 16 พ.ค.นี้ ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป

    ดร.กันทิมา กุญชร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์การของยูบีซี กล่าวว่า เนื่องจากตนอยู่ต่างจังหวัดจึงยังไม่ทราบถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมทั้งยังไม่ได้เห็นภาพตามที่ปรากฏเป็นข่าวด้วย แต่ได้พูดคุยกับนายอรรถพล ณ บางช้าง ผอ.ฝ่ายรายการแล้ว ซึ่งในวันที่ 16 พ.ค.นี้ ทีมผู้บริหารของยูบีซีจะประชุมร่วมกันก่อน โดยจะทบทวนถึงเหตุการณ์ดังกล่าวอีกครั้ง และจะหาข้อสรุปว่าจะอนุญาตให้มีการออกอากาศต่อหรือไม่ นอกจากนี้คงจะได้หารือร่วมกับทางไอทีวีอีกครั้งหนึ่ง

    ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อขอสัมภาษณ์ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กับทางผู้บริหารของสถานีโทรทัศน์ไอทีวี แต่เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องอ้างว่าไม่สามารถติดต่อผู้บริหารได้เลย โดยชี้แจงเพียงว่าภาพเหตุการณ์ที่ไม่เหมาะสมที่ออกอากาศทางยูบีซี ทางไอทีวีต้องการให้ทางบริษัทกันตนาซึ่งเป็นเจ้าของรายการชี้แจงรายละเอียดดังกล่าวแทน เนื่องจากภาพเหตุการณ์ดังกล่าว เป็นการออกอากาศผ่านทางเคเบิ้ล ไม่ใช่การออกอากาศผ่านทางสถานีโทรทัศน์ไอทีวี

    ด้านนายกล้า สมตระกูล รองปลัดกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ในฐานะดูแลกลุ่มเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม กล่าวว่า กรณีการเกิดภาพที่ไม่เหมาะสมเผยแพร่ทางรายการโทรทัศน์นั้นผู้จัดรายการไม่ควรปัดความรับผิดชอบด้วยการกล่าวว่า เป็นกติกาของรายการที่ไม่สามารถเข้าไปตักเตือนหรือควบคุมพฤติกรรมของผู้เข้าแข่งขันที่ไม่เหมาะสมได้ จึงเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องการทำรายการโทรทัศน์จะต้องสามารถควบคุมการดำเนินการได้ด้วย ดังนั้น ผู้จัดรายการจึงควรมีความรับผิดชอบต่อสังคมในการคัดเลือกภาพที่เหมาะสมออกเผยแพร่สู่สายตาประชาชนด้วย

    นายกล้า กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เป็นช่วงที่กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กำลังรับการถ่ายโอนอำนาจในการดูแลภาพยนตร์ วิดีโอเทป และวัสดุโทรทัศน์จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทำให้เป็นช่วงรอยต่อที่ยังไม่มีอำนาจดำเนินการได้อย่างสมบูรณ์นัก ซึ่ง วธ.ก็สามารถทำหนังสือขอความร่วมมือไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการผลิตรายการบิ๊กบราเธอร์ ให้พิจารณาแก้ไขปัญหานี้ เมื่อเกิดประเด็นการร้องเรียนที่ประชาชนทำการเรียกร้องเข้ามา วธ.จะต้องดำเนินการตรวจสอบโดยจะบันทึกภาพรายการบิ๊กบราเธอร์ เพื่อนำมาพิจารณาการเสนอว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ ถ้าการแพร่ภาพเข้าข่ายลามกอนาจาร โดยจะสั่งการให้กลุ่มเฝ้าระวังทางวัฒนธรรมตรวจสอบเร็วที่สุด จากนั้นวธ.จะทำหนังสือประสานให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเข้าไปดำเนินการกำกับดูแล ซึ่งในอนาคต วธ.จะมีอำนาจในการดำเนินการกับปัญหาเหล่านี้ได้ทันที

    "รายการต้องเข้ามารับผิดชอบการแพร่ภาพที่ไม่เหมาะสม ซึ่งจะมาอ้างว่าไม่สามารถควบคุมผู้เข้าแข่งขันนั้นไม่ถูกต้อง การทำรายการโทรทัศน์ต้องควบคุมได้ทุกอย่าง ถ้าปล่อยให้ผู้เข้าแข่งขันทำอะไรก็ได้ หากเกิดอะไรขึ้นมากกว่าพฤติกรรมลักษณะนี้จะเกิดความยุ่งยากกว่านี้ ดังนั้น ผมจะสั่งการให้กลุ่มเฝ้าระวังทางวัฒนธรรมตรวจสอบการร้องเรียนของผู้ชมรายการในเว็บไซต์ตามที่เสนอข่าวไป และจะให้มีการบันทึกรายการเพื่อตรวจสอบต่อไป" รองปลัด วธ. กล่าว

    นายภัทรศักดิ์ โอสถานุเคราะห์ ส.ส.กทม. พรรคไทยรักไทย ในฐานะที่ปรึกษา รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และกรรมาธิการการศึกษา สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า แม้จะเป็นรายการใหม่สำหรับคนไทย ที่เน้นเรื่องเทคโนโลยีของการแพร่ภาพด้วยความรวดเร็ว ขายไอเดียเรียลลิตี้โชว์ แต่อย่าลืมว่าภาพและคำพูดที่ออกไปนั้น เหมาะสมกับคนไทยแล้วหรือ ขนาดคนจบเมืองนอกเห็นแล้วรับไม่ได้ การที่ผู้ผลิตอ้างว่ารายการเมืองนอกแรงกว่านี้หลายเท่า ถึงขนาดที่ผู้เข้าแข่งขันมีเซ็กซ์ เป็นเรื่องที่น่าเกลียดมาก ขาดจิตสำนึกอย่างยิ่ง ฟังไม่ขึ้นด้วย และขอร้องว่าอย่าอ้างแต่เรื่องที่ต่างประเทศสามารถทำได้ ทำไมเมืองไทยทำไม่ได้ เพราะนี่คือประเทศไทย เราเองก็มีสายเลือดและดีเอ็นเอเป็นคนไทยล้วนๆ เพราะฉะนั้นเปลี่ยนแปลงกันไม่ได้

    นายภัทรศักดิ์ กล่าวต่อว่า ตั้งแต่ดูรายการไม่เห็นจะเกิดประโยชน์หรือประเทืองปัญญาต่อสังคมไทย นอกจากจะเป็นแบบอย่างไม่ดีกับเยาวชนแล้ว ยังมุ่งเรื่องการค้ามากเกินไป กรณีการส่ง SMS ซึ่งเปลืองเงินทองมาก บางครั้งพ่อแม่ก็ไม่รู้ว่าลูกแอบส่ง SMS ไปเท่าไหร่ กรณีที่อ้างว่า รายการนี้เป็นการศึกษานิสัย เรียนรู้การใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่นก็ไม่จริง เพราะการใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่นก็สามารถเข้าค่ายลูกเสือ อบรมสัมมนาได้ ฝากถึงพ่อแม่ ผู้ปกครองว่าควรดูแลเอาใจใส่เด็กระหว่างรับชมรายการ เพราะรายการนี้ก็มีการกดดันอารมณ์ของผู้แข่งขันจนบางคนแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวออกมา เป็นตัวอย่างไม่ดี ขณะเดียวกันผู้เข้าแข่งขันก็ควรมีจิตสำนึกไม่ใช่คิดแค่รางวัลหรือการทำเป็นเรียลลิตี้ ขอให้นึกว่าคุณไม่ได้อยู่คนเดียว กำลังออนแอร์อยู่ ทุกคนเห็นทั่วประเทศ

    "มันไม่สมควรมากๆ ผมเกรงว่ารายการประเภทเหล่านี้จะเข้ามาทำลายวัฒนธรรมไทย ดังนั้น ผมจะเสนอนายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี ให้เข้ามาดูแลและทบทวนเรื่องนี้เป็นพิเศษ เพราะปัจจุบันต้องยอมรับว่าภาครัฐมีปัญหาเรื่องการควบคุมการออกอากาศทางทีวี เนื่องจากปัจจุบันมีการใช้เทคโนโลยีที่ไฮเทค อย่างรายการนี้ก็มีเครื่องส่งของตนเองและมีอุปกรณ์ของเขาก็มีคุณภาพทันสมัย ทำให้หน่วยงานของเราควบคุมเขาไม่ค่อยได้ จนเป็นเหตุให้บางฉากมีทั้งภาพและคำพูดที่ไม่เหมาะสมออกมา" ที่ปรึกษา รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว

    เอามาจาก http://www.matichon.co.th/khaosod/khaosod.php?sectionid=0301&searchks=''&sk=''&s_tag=03p0101160548&day=2005/05/16&show=1
     
  2. ผึ้ง

    ผึ้ง บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    อุ้ย!!!
    รายการนี้เราได้ดูด้วยแหละ
    ตกรอบเลยผู้ชายที่นอนกอดกับผู้หญิง
     
  3. Yai Yai Yai

    Yai Yai Yai บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    แง้อดชมเรย บ้านไกลปืนเที่ยงง่ะ
     
  4. แม่ชะเอม

    แม่ชะเอม บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    ไม่ได้ดูเหมือนกัน หลับไปก่อน
     

แชร์หน้านี้

Loading...