เชิญชวนพสกนิกรร่วมปลาบปลื้ม วันแห่งพระราชพิธีราชาภิเษกสมรสในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หั

เชิญชวนพสกนิกรร่วมปลาบปลื้ม วันแห่งพระราชพิธีราชาภิเษกสมรสในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ห

เชิญชวนพสกนิกรร่วมปลาบปลื้ม วันแห่งพระราชพิธีราชาภิเษกสมรสในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ




หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงประกอบพระราชพิธีถวายพระเพลิง พระบรมศพสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช พระบาทสมเด็จพระประเมนทรมหาอานันทมหิดล ณ พระเมรุมาศท้องสนามหลวง เมื่อวันที่ 29 มีนาคม พุทธศักราช 2493 จึงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้สำนักพระราชวังจัดเตรียมการ พระราชพิธีราชาภิเษกสมรส กำหนัดวันที่ 28 เมษายน พุทธศัการาช 2493 ณ วังสระปทุม พระราชพิธีราชาภิเษกสมรส ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เป็นพระราชพิธีที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรก ในสมัยรัตนโกสินทร์
เนื่องจากพระเจ้าแผ่นดินในอดีต มักจะมีอัครมเหสี มาก่อนที่จะเสด็จขึ้นครองสิริราชสมบัติ ก่อนที่จะมีพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงประกอบพิธีหมั้น หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ พระธิดา หม่อมเจ้านักขัตรมมงคล กิติยากร (ต่อมาทรงได้รับการสถาปนาเป็นพระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นจันทบุรีสุรนาถ) เอกอัครราชฑูตไทย ประจำประเทศอังกฤษ และหม่อมหลวงบัว กิติยากร เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม พุทธศักราช 2492 ณ เมืองโลซานน์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
วันประกอบพระราชพิธีราชาภิเษกสมรสวันที่ 28 เมษายน พุทธศักราช 2493 เวลาพระฤกษ์ 9.30 นาฬิกา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนิน โดยรถยนต์พระที่นั่ง จากพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน ไปยังสระประทุมเสด็จเข้าประทับ ณ ห้องรับแขก พระตำหนักสมเด็จพระศรีสวรินทิรา บรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ในโอกาสนั้น หม่อมเจ้านักขัตรมงคล กิติยากร ทรงนำ หม่อมราชวงศ์ สิริกิติ์ กิติยากร เข้าทูลละอองธุลีพระบาท นายฟื้น บุณยปรัตยุษ นายอำเภอปทุมวัน ทูลเกล้าฯ ถวายสมุดทะเบียนสมรส เพื่อลงพระปรมาภิไธย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงลงพระปรมาภิไธย ในสมุดทะเบียนสมรสแล้ว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร ลงนามในสมุดทะเบียนสมรสด้วย
และเนื่องจากหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร ยังไม่บรรลุนิติภาวะ หม่อมเจ้านักขัตรมงคล และหม่อมหลวงบัว กิติยากร จึงต้องลงพระนาม และลงนามแสดงความยินยอมตามกฎหมาย และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ราชสักขี 2 ท่าน ร่วมลงนามด้วย คือ จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี และพลเอกมังกร พรหมโยธี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นับว่าสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็น พระมหากษัตริย์พระองค์ที่ 2 แห่งราชวงศ์จักรี ที่ทรงจดทะเบียนสมรส พระองค์แรก คือพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงจดทะเบียนสมรส กับคุณเปรื่อง สุจริตกุล (ต่อมา โปรดเกล้าฯ สถาปนาเป็นพระสุจริตสุดา สนมเอก) เมื่อปีพุทธศักราช 2464 แต่ไม่ได้มีพระราชพิธีราชาภิเษกสมรสเหมือนครั้งนี้

เมื่อสมเด็จฯ พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า เสด็จออกห้องพิธี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ ทูลเกล้าฯ ถวายดอกไม้ธูปเทียนเครื่องราชสักการะสมเด็จฯ พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ทรงถวายน้ำพระพุทธมนต์ เทพมนต์ แด่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และทรงรดน้ำพระพุทธมนต์ เทพมนต์ แด่หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ ตามโบราณราชพิธี จากนั้นพระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการ และบุคคลที่ได้รับเชิญมาร่วมในพระราชพิธี ทูลเกล้าฯ ถวายของขวัญ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานของที่ระลึก เป็นหีบบุหรี่เงินขนาดเล็ก มีพระนามิภิไธยย่อ ภ.อ. คู่กับนามย่อ ส.ก. ของหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ ต่อมมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จลงห้องรับแขก โปรดเกล้าฯ ให้อาลักษณ์อ่านประกาศสถาปนา หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ เป็น สมเด็จพระราชินี จากนั้นทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานขัตติยราชอิสริยาภรณ์มหาจักรีบรมราชวงศ์แด่สมเด็จพระราชินี

บ่ายวันเดียวกันเวลา 16.00 นาฬิกา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระราชินี เสด็จออกมหาสมาคม เนื่องในการพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส เพื่อให้พระบรมวงศานุวงศ์ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ณ พระที่นั่งไพศาลทักษิณ ในพระบรมมหาราชวัง ทั้งสองพระองค์ประทับเหนือพระราชอาสน์ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมขุนชัยนาทนเรนทร กราบบังคมทูลพระกรุณาแทนพระบรมวงศานุวงศ์ ถวายพระพรชัยมงคล ในการที่ได้ทรง ประกอบพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส หลังจากมีพระราชดำรัสตอบแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระราชินี เสด็จออกพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย พระราชทานพระราชวโรกาสให้คณะองคมนตรี นายกรัฐมนตรี สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกผู้แทนราษฎร ข้าราชการ นายกเทศมนตรี เทศมนตรีนครกรุงเทพและธนบุรี พร้อมทั้งคณะทูตานุทูต เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท มีพระราชดำรัสแก่คณะบุคคลที่มาเฝ้า
จากนั้น จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี ได้รับฉันทานุมัติจากมหาสมาคมนั้น ให้กราบบังคมทูลพระกรุณา แสดงความชื่นชมความยินดี และถวายพระพรชัยมงคล เมื่อเสร็จสิ้นพระราชพิธีราชาภิเษกสมรสแล้ว ในวันรุ่งขึ้นคือวันที่ 29 เมษายน พุทธศักราช 2493 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระราชินี เสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐานไปประทับ ณ วังไกรกังวลหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยขบวนรถไฟพระที่นั่งพิเศษ ที่รัฐบาลโดยกระทรวงคมนาคมจัดถวาย เมื่อครบกำหนด 5 วันแล้ว จึงเสด็จกลับกรุงเทพมหานคร เพื่อเตรียมพระองค์ สำหรับพระราชพิธีบรมราชาภิเษกต่อไป

ขอขอบคุณข้อมูลข่าว : อรุณ เรืองสุวรรณ์ สำนักหอสมุดแห่งชาติ

อัพเดทโดย : ศศิวิมล

---------------------
ขอขอบคุณข้อมูล..
http://variety.mcot.net/inside.php?docid=2106&doctype=11