เรื่องเด่น อดีตที่ผ่านพ้น ตอนที่ ๗๘ : หลวงพ่อสาย วัดท่าขนุน

ในห้อง 'อดีตที่ผ่านพ้น' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 8 ตุลาคม 2019.

  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,191
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,510
    ค่าพลัง:
    +26,343
    78.jpg
    อดีตที่ผ่านพ้น ตอนที่ ๗๘ : หลวงพ่อสาย วัดท่าขนุน

    หลวงพ่อสาย อคฺควํโส (พระครูสุวรรณเสลาภรณ์) แห่งวัดท่าขนุน อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี มีอะไรดีหรือ..? หลวงพ่ออุตตมะ (พระราชอุดมมงคล) ผู้เปรียบเสมือนเทพเจ้าของชาวมอญทั้งหลาย จึงต้องแวะกราบทุกครั้งที่ผ่านทางมา...

    ในสายตาของชาวบ้านทั่วไป หลวงพ่อสายคือพระแก่ขี้โมโห ผิดท่าผิดทางขึ้นมาเป็นด่าแหลก แต่ถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นว่า ท่านด่าก็เพราะเราผิดจริง ๆ ถ้าเราแก้ไขตามที่ท่านด่าแล้ว เราก็จะไม่ผิดอีก ส่วนมากที่ผิดก็เป็นความผิดชวนลงนรกเสียด้วย...!

    คนเราถึงจะโกรธง่ายหายเร็วขนาดไหน ก็คงไม่โกรธปุ๊บหายปั๊บอย่างท่านหรอก พวกเราดูหลวงพ่อท่านแต่เปลือกเท่านั้น ลองดูลึกเข้าไปในใจของท่านด้วยสิ แล้วท่านจะทราบว่า หลวงพ่อโกรธแต่เปลือกเท่านั้น และเป็นการแกล้งโกรธ เพื่อช่วยกันนรกให้กับพวกเราแท้ ๆ...!

    ในสายตาของพระเณรแล้ว หลวงพ่อสายคือเจ้าอาวาสผู้เฉียบขาด ทำผิดพระธรรมวินัยขึ้นมา ท่านจับสึกลูกเดียว แค่เณรขาดทำวัตร ครั้งแรกครั้งที่สองไม่เป็นไร ครั้งที่สามหลวงพ่อจะเรียกตัวเข้ามา สั่งสั้น ๆ ว่า “เณร...พรุ่งนี้สึกนะ...ไปหาเสื้อผ้ามา...”

    เราอาจจะเห็นว่าท่านโหดเกินไป แต่เราเคยคิดบ้างหรือไม่..? ว่าพระเณรนั้นทำตัวสมควรแล้วหรือ..? เป็นปูชนียบุคคล ชาวบ้านเขาเคารพบูชา ไม่รักษาสมณสารูป ไม่สวดมนต์ทำวัตร ไม่บิณฑบาต ไม่ทำกรรมฐาน ศีลขาดศีลแหว่ง แล้วเอาอะไรไปให้ชาวบ้านเคารพ..?

    สะสมแต่ความเลวเต็มตัว แต่อยู่ในคราบพระคราบเณรที่ใคร ๆ คิดว่าดี ชาวบ้านเขาเคารพนบไหว้ ยกปัจจัยไทยธรรมทูนหัวถวาย ไปกินไปใช้อยู่บนหัวชาวบ้านเขา ก็มีแต่จะลงนรกลึกไปทุกที หลวงพ่อท่านตัดกรรมอันหนักให้ ยังคิดว่าท่านโหดร้ายอีกหรือ..?

    บรรดาท่านผู้มีอิทธิพล เอาลูกมาบวชกับหลวงพ่อ ไอ้ลูกก็คิดว่าพ่อกูใหญ่ คิดจะทำอะไรก็ทำตามใจ ไม่เคยคิดว่าตอนนี้โกนหัวห่มเหลืองแล้ว ใหญ่เท่าใหญ่ เป็นเจ้าพ่อเจ้าแม่สถิตศาลไหนก็มาเถอะ หลวงพ่อท่านจับสึกกลางพรรษามานักต่อนักแล้ว..!

    อย่าโกรธหลวงพ่อเลยคุณเอ๋ย.. ลูกเราเลวก็ต้องยอมรับว่ามันเลว นักเลงแท้ต้องกล้าสู้ความจริง อย่าให้ความอคติมาปิดตาบังใจ ไปโกรธพระผู้บริสุทธิ์อย่างหลวงพ่อ มีแต่จะพาให้ตัวเองพลอยลงนรกไปด้วย..!

    หลวงพ่อท่านไม่มาจ้ำจี้จ้ำไช สอนซ้ำสอนซากอยู่หรอก คนดีรับคำสอนไปครั้งเดียวก็ต้องถือปฏิบัติตลอดชีวิต บางอย่างท่านก็ไม่สั่งไม่สอน เพียงแต่ทำตัวเป็นตัวอย่างให้ดูเท่านั้น ใครจดจำนำไปปฏิบัติ ก็จะเป็นคุณอันใหญ่แก่ตนอย่างหาที่เปรียบไม่ได้...

    นักบวชสมัยนี้ ส่วนมากบวชเข้ามาแสวงหาลาภยศชื่อเสียง อยากเด่นอยากดัง อยากมีคนกราบไหว้มาก ๆ ทั้งที่ไม่ได้ทำความดีอะไร ที่พอจะให้ชาวบ้านเขาไหว้สักนิด เรื่องแบบนี้จะไม่มีในองค์หลวงพ่อเป็นอันขาด ท่านทิ้ง ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข หนีเข้าป่ามาแล้ว...

    ยังจำวันที่ต้องยกขบวนไปตามหลวงพ่อกลับมากันได้ไหม..? แล้วท่านต่อรองว่า ต้องไม่ให้ท่านรับตำแหน่งใด ๆ เป็นอันขาด ไม่อย่างนั้นท่านจะไม่กลับ พวกเราต้องยอมทุกอย่าง กว่าจะน้อมเชิญท่านกลับมาเป็นมิ่งขวัญอย่างเดิมได้...

    แล้วนี่หลวงพ่อเพิ่งจะหมดลมหายใจ สังขารยังไม่ทันจะเย็นด้วยซ้ำไป พวกท่านก็แย่งชิงตำแหน่ง ประจบประแจงวิ่งเต้นเป็นการใหญ่ จะทำอะไรอย่าได้แสดงกิเลสในใจออกมานอกหน้ามากนักสิครับ..น่าทุเรศแก่ผู้พบเห็นยิ่งนัก..!

    อาตมาก็ศิษย์มีครู ขอบอกกับท่านทั้งหลายโดยไม่เกรงว่าจะเสียถึงครูบาอาจารย์ หลวงพ่อสายนั้นท่านเป็นพระทองคำทั้งองค์ ซึ่งจะคงความบริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์ไปตราบชั่วฟ้าดินสลาย ใครมาอยู่วัดท่าขนุน จะยิ่งใหญ่มาจากไหน ถ้าไม่เอาแบบอย่างของหลวงพ่อก็พังแน่ ๆ..!

    หลวงพ่อสายท่านเป็นศิษย์ของหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์ ครูบาอาจารย์ที่ยอดยิ่งปานนั้น หลวงพ่อท่านจะไม่ได้อะไรดีมาบ้างเชียวหรือ..?

    คุณเอ๋ย...สังวรกันไว้สักนิดเถิด เราเป็นนักบวช เป็นผู้สละแล้วซึ่งทุกสิ่ง เพื่อความดับสิ้นโดยไม่มีเชื้อ หากคุณหาฟืนหาไฟสุมตัวเองไว้ตลอดเวลา ก็เท่ากับว่าคุณเผาตัวเองแท้ ๆ ถึงเวลาหมดลมหายใจขึ้นมา คุณจะกลับตัวกลับใจก็ไม่ทันเสียแล้ว...

    "เราไม่กลัวความผิด เพราะเรามีหิริโอตตัปปะ
    เราไม่กลัวราคะ เพราะเราไม่ดำริ
    เราไม่กลัวมิจฉาทิฏฐิ เพราะเรารู้แจ้ง
    เราไม่กลัวความแห้งแล้ง เพราะเราอยู่กับพระนิพพาน"


    คำสอนของหลวงพ่อที่พระครูวินัยธร วัดคู่สองบันทึกไว้ แสดงถึงภูมิธรรมอันบริสุทธิ์ยิ่งของหลวงพ่อ อาตมาขอเทิดไว้เหนือเกล้าและยึดมั่นเป็นแบบอย่างตลอดสิ้นกาลนาน...

    ๓๐ กันยายน ๒๕๓๕
    พระใบฎีกาเล็ก สุธมฺมปญฺโญ

    บันทึกเพิ่มเติมเรื่องหลวงพ่อสาย วัดท่าขนุน (๑)


    เดินทางกลับจากการไหว้รอยพระพุทธบาทที่ลิ่นถิ่น ตั้งใจจะไปกราบหลวงพ่อสายที่วัดท่าขนุน รถวิ่งมาได้หน่อยหนึ่งก็รู้สึกพิกล เห็นหลัก กม. “อีก ๒๐ กม. ถึงทองผาภูมิ ” อาตมาบอกทุกคนช่วยสังเกตหลักต่อไปให้ดี “หลวงพ่อสายท่านเล่นตลกกับพวกเราแล้ว...”

    หลักต่อมาที่เห็นคาตาทุกคนคือ “อีก ๘ กม. ถึงทองผาภูมิ” หายไปไม่มากหรอก แค่ ๑๒ กม. เท่านั้นเอง...! พอถึงวัดหลวงพ่อท่านนอนหลับไม่รู้ไม่ชี้ อาตมาเลยนั่งหลับบ้าง ดูว่าใครจะนั่งทนกว่ากัน...

    ทันใดนั้นเอง..อักขระขอมตัวเบ้อเริ่มก็สว่างจ้าขึ้นที่กลางอกของหลวงพ่อ อ่านว่า “ณะ” ซึ่งย่อมาจาก “จรณะ” ที่แปลว่า “แบบอย่าง” ท่านบอกตรง ๆ ว่า อย่าดูกันแค่เปลือก แบบอย่างใดดีก็เลือกนำไปประพฤติปฏิบัติ สาธุ...

    ๒๕ มีนาคม ๒๕๓๔
    พระใบฎีกาเล็ก สุธมฺมปญฺโญ

    บันทึกเพิ่มเติมเรื่องหลวงพ่อสาย วัดท่าขนุน (๒)


    ตอนเช้าสวดมนต์-ไหว้พระ กราบอธิษฐานเรื่องที่จะไปดูภูเขาทอง แล้วเดินทางไปกราบหลวงพ่อสาย ไปถึงยังไม่ทันโมงเช้าเลย หลวงพ่อสายท่านห่มดองพาดสังฆาฏิเรียบร้อย นั่งรอรับอยู่แล้ว...

    “ไปเถอะ...ไปดู ไปรู้ ไปเห็นด้วยตัวเอง คนอื่นบอกไม่เหมือนกับที่เราเห็นด้วยตาตัวเองหรอก...” หลวงพ่อท่านพูดออกมา แทบจะเลียนประโยคชนิดคำต่อคำจากคำอธิษฐานของอาตมาเมื่อเช้านี้เลย...!

    ๙ ธันวาคม ๒๕๓๔
    พระใบฎีกาเล็ก สุธมฺมปญฺโญ

    บันทึกเพิ่มเติมเรื่องหลวงพ่อสาย วัดท่าขนุน (๓)


    หญิงแอ๊ว (คุณอุไร สุวรรณธรรมา) พาอาตมากับท่านชาติชาย มากราบสังขารหลวงพ่อสายที่มรณภาพครบ ๑๐๐ วัน ทันทีที่กราบลงก็ “เห็น” หลวงพ่อสายท่านแสดงการละสังขารสู่ความเป็นพระแท้ต่อหน้าต่อตา...

    กราบเรียนท่านว่า “แบบนี้ผมรู้เพียงคนเดียว เอาแบบที่คนอื่นเขารู้ด้วยสิครับ...” ท่านบอกว่า “เดินหาดูเอาเอง อยู่แถวนั้นแหละ...” อาตมาเดินไปถึงตราตั้งของหลวงพ่อก็ตกตะลึง...พระธาตุขึ้นเต็มกระจกกรอบตราตั้งเลย...!

    ๒๒ ธันวาคม ๒๕๓๕
    พระใบฎีกาเล็ก สุธมฺมปญฺโญ

    ที่มา www.watthakhanun.com
    ภาพประกอบโดย สำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษี
    #๖๐ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม
     

แชร์หน้านี้

Loading...