พราหมณ์อยู่ในไห? วิชชาลึกลับแบบนี้ใครเคยเห็นบ้างครับ?

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย คนขายธูป, 5 สิงหาคม 2007.

  1. คนขายธูป

    คนขายธูป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    252
    ค่าพลัง:
    +2,964
    พราหมณ์หรือบางทีเราเรียกว่าฤษีดีละ?
    มันมีหลายสายวิชชาใช่ป่ะอ่ะเพ่ วิชชาฤษี
    ไม่ทราบว่ามีใครในนี้ฝึกบ้างครับ

    แบบว่าวิชชาฤษีก็มีหลายสาย
    สายที่เน้นสุขภาพร่างกายจิตใจ
    รู้สึกจะเรียกกันง่ายๆ ว่า "โยคะ"
    หรือเรียกผู้ฝึกว่า "โยคี" ไปเลย


    วันนี้ผมมาแนะนำพี่ๆ ให้ฝึกวิชชาลึกลับของฤษีแบบหนึ่งกันครับ

    คือ "ฤษีขดตัวในไห" หิๆๆๆ
     
  2. คนขายธูป

    คนขายธูป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    252
    ค่าพลัง:
    +2,964
    ฤษีมีหลายแบบทีเดียว ถ้านุ่งลมห่มฟ้าก็เรียกว่า "ชีเปลือย"
    โอ้ย งง ... อารายมันจะหลายสายอย่างนี้ บางพวกก็ไปกิน
    ไฟ ได้ก็มี นอนบนตะปูแหลมได้ก็มี


    เรื่องของฤษีในบ้านเราก็ยังมีนะครับ
    แถมสำเร็จวิชชาของฤษีเหล่านั้นด้วยละ
    เช่น บางท่านหายตัวได้ก็มี บางท่าน
    ก็ได้วิชชาต่างๆ กันไป

    วันนี้ขอพูดนินนทาถึงอีตาฤษี แบบ "โยคะ" กันดีกว่า
    เพราะนู๋ว่ามันอินเทรนด์ซะละนะ และคงช่วยในการบำบัด
    รักษาสุขภาพแบบของแท้ไม่มั่วนิ่มละครับ
     
  3. คนขายธูป

    คนขายธูป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    252
    ค่าพลัง:
    +2,964
    โยคะแบบแฟชั่นเป็นของเทียม เพราะอะไร?

    โยคะที่ฝึกกันในโรงแรมและสถานออกกำลังกายชื่อดัง
    มีแต่ "ท่วงท่า" เท่านั้น แต่ไม่มีการกำหนดสมาธิ, ลมหายใจ
    และเดินลมปราณเลย จึงเป็นโยคะของปลอม เป็นแค่แฟชั่นครับ

    โยคะของจริงเขาทำกันอย่างไร?

    โยคะเป็นวิชชาสายฤษีเชียวนะครับ เป็นของสูง ไม่ใช่แฟชั่นมาทำกัน
    เล่นๆ แบบปัจจุบัน การทำท่าโยคะเหตุที่ต้องทำท่าบีบขดร่าง เพื่อบีบ
    ลมปราณส่วนต่างๆ ให้ไหลเวียนไปทั่วทั้งร่างครับ หากไม่มีความรู้เรื่อง
    ลมปราณ ก็ไม่ถือว่าได้วิชชาโยคะเลย เป็นแค่นกแก้วนกขุนทองจำท่า
    ไปเล่นลีลาลีลาศเท่านั้นเองครับ

    นอกจากนี้ ยังต้องรู้จักการทำสมาธิร่วมกับการหายใจด้วย ดังนั้น หาก
    เปลี่ยนท่าไปเร็วเกินอย่างที่ทำปัจจุบันนี้ จะไม่ได้ผลอะไรเลย มันก็แค่
    บิดขี้เกียจแก้เมื่อยเท่านั้น ดังนั้น ในแต่ละท่าของโยคะ จะใช้เวลานาน
    พอควรเลย ราวกับทำสามธิในท่านั้นๆ ทีเดียว บางท่าอาจจะ ๕-๑๐ นาที
    จนกว่าจะคลายจนรู้สึกร่างกายเบาหายไปเลยละครับ จึงจะเรียกว่าสำเร็จ
     
  4. คนขายธูป

    คนขายธูป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    252
    ค่าพลัง:
    +2,964
    วิชชาลมปราณบดเนื้อเปลี่ยนเส้นเอ็น และวิชชาบดกระดูกฟอกไขกระดูก


    สองวิชชานี้เป็นวิชชาต่อเนื่องกัน แต่บางท่านอาจฝึกต่อเนื่องกันในคราวเดียว
    ไม่สำเร็จ จำต้องแยกออกเป็นสองวิชชา หลักการของวิชชานี้คือ การบดบีบ
    ร่างกาย เพื่อกระตุ้นลมปราณแล้วทำสมาธิกำหนดจิตเคลื่อนลมปราณเพื่อซัก
    ฟอกตั้งแต่ผิวหนัง, เนื้อ, เอ็น จนกระทั่งรู้สึกกายไม่เหลือเนื้อหนังเลย

    ต่อไปก็ใช้ลมปราณที่มากมายที่ยังเหลืออยู่นั้น ซักฟอกไขกระดูกโดยเอาลม
    ปราณที่ตื่นตัวแล้ว บดกระดูก อนึ่ง คำว่าบดกระดูกนี้ เราจะไม่เจ็บปวด เพราะ
    กระดูกไม่ได้แตกจริงๆ แต่เวลาเคลื่อนกาย จะรู้สึกเหมือนกระดูกลั่น กร้อบๆๆๆ
    ทั่วทั้งร่างเลย เหมือนกับมันแตกละเอียดเลยละฮับ นั่นละ ปราณมันซักฟอกไข
    กระดูกอยู่ จากนั้น จะรู้สึกร่างกายเหมือนไม่มีกระดูก มีแต่ลมปราณ ที่เหมือนน้ำ
    ไหลไปเคลื่อนไปมา เบาสบายตัว หวิวๆๆ เลยอ่าฮับ


    วิชชาเส้าหลิน ก็มาจากอินเดีย จากพวกพราหมณ์ฤษีมาก่อนละฮับ
    แล้วมันมาแตกแยกกันทีหลัง คนที่ฝึกได้คนละนิดละหน่อยก็เลยคิด
    ว่ามันคนละวิชชากัน จริงๆ มันต่อเนื่องกันมาละฮับ


    อิๆๆ ใช่ป่าวหว่า? ใครเคยฝึกมาบอกผมหน่อยเด้...
     
  5. คนขายธูป

    คนขายธูป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    252
    ค่าพลัง:
    +2,964
    การฝึกหายใจแบบโยคะ มีมากมายหลายแบบกว่าอานาปานสติ

    ในสมัยโบราณเท่าที่ระลึกชาติได้นั้น (มั้ง ไม่แน่ใจ) วิชชาสายฤษีมียั้วะเยี้ย
    ไปหมด สารพัดสาย จนง้งมากๆๆๆ ว่าอะไรใช่ อะไรจริง อะไรถูก อะไรผิด
    ฤษี ฝึกทุกอย่างที่เกี่ยวกับร่างกายและจิตใจที่สัมพันธ์กันครับ เมื่อร่างกายและ
    จิตใจสัมพันธ์กันแล้ว ก็จะมาทดสอบกันว่า มันเวิร์กไหม โดยมากินถ่านร้อน
    บ้าง, ตากแดดบ้าง, ฝังตัวในดินบ้าง เพื่อดูว่าฝึกก้าวหน้าไหม?


    การหายใจแบบอานาปานสติเป็นของพื้นฐานมากสำหรับการหายใจแบบโยคะ
    เพราะโยคีมีวิธีหายใจหลายแบบด้วยกัน เช่น หายใจลึกลงสะดือ แล้ววนเอา
    ปราณออกทางฝ่ามือสองข้างบ้าง, หรือหายใจไล่จักระ ดึงมาเหมือนก้อนลูก
    บอล กระโดดตุ้บขึ้นไล่ทีละจักระ แล้วทะลุขึ้นหัวบ้าง ฯลฯ


    เรียกว่ายุคนั้น แข่งกันเล่นกะร่างกายและจิตใจสารพัดวิธีทีเดียว
    ใครทำได้พิสดาร โชว์คนได้ ก็กลายเป็นเจ้าสำนักมีคนนับถือมากมาย
    แต่ปัจจุบัน มันเหลือแค่กระติ๋วเดียว วิชชาต่างๆ หายไปจาโหม้ดแล้วก๊า


    หุๆๆ...
     
  6. คนขายธูป

    คนขายธูป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    252
    ค่าพลัง:
    +2,964
    มาพูดเรื่องฤษีขดตัวในไหกันบ้าง พวกนี้ฝึกบดกระดูกเปลี่ยนเส้นเอ็นแล้วก็
    ถอดกระดูกต่อกระดูก โอ้ย .. สารพัดจะเล่นกัน แล้วเลยมาลองวิชชากัน
    บางพวกยังเหลือในอินเดียยังมีนะครับ แบบเอาตัวขดลงบนถาดขนาดเล็ก
    แล้วนอนแช่อยู่อย่างนั้น ไม่เจ็บไม่ปวด ไม่ทุกขืทรมาน นอนหลับได้เฉยๆ

    แหม คุณเคยเห็นใครนอนขดตัวแฟบเล็กๆ ในประเทศเราไหมครับ
    สงสัยว่าจะเป็น "ฤษี" พวกนี้มาฝึกวิชชาเก่าแก่นะฮับ อิๆๆๆ
     
  7. คนขายธูป

    คนขายธูป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    252
    ค่าพลัง:
    +2,964
    คนที่มั่วนิ่มเรื่องลมปราณมีวิธีจับได้คาหนังคาเขาดังนี้ครับ

    1. เขาจะไม่ผ่านด่านนั่งสมาธิแยกแยะกาย, เวทนา และจิต ดังนั้น
    บางครั้ง จิตเขามีปีติ ขนลุกซู่ เขาก็คิดเอาว่าตนเองได้หมุนจักระบนหัวแล้ว
    แท้แล้วไม่ใช่ครับ มันมั่วครับ อย่าไปเชื่อมัน (จบปริญญาพลังอารายมา
    ได้แต่กระบวนท่า แต่ไม่สำเร็จของจริง มันปริญญาเก๊เด้อ)

    อาการปีติมีมากหลาย ในไตรปิฎกบอกไว้หมด อย่าไปหลงว่าเป็นอาการของปราณเข้าละฮะ

    จะรู้ได้ว่าลมปราณเคลื่อนหรือไม่ ต้องแยกแยะ กาญ, เวทนา, จิต ออกจากกัน
    ให้ได้ก่อน ต้องฝึกเข้าฌานผ่านด่านต่างๆ จนไม่เหลืออะไรคือ ฌานสี่ได้ก่อน
    จะเห็น กายดับไป เวทนา ดับไป แล้วจิตก็ดับ ทีนี้ละฮะ จะแยกแยะได้จริงว่า
    อะไรคือปราณ อะไรคือ กำลังปีติของจิต อะไรคืออาการเวทนาทางกาย อะไร
    คืออาการของกายหยาบๆ


    เดี๋ยวนี้คนมั่วว่าเราได้ลมปราณนั่นโน่นนี่กันเยอะ ของเก๊ทั้งน้าน หุๆๆๆ...
    (ของจริงมี เงียบเป็นเป่าสากเด้อ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 สิงหาคม 2007
  8. คนขายธูป

    คนขายธูป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    252
    ค่าพลัง:
    +2,964
    2. การมั่วนิ่มว่าฉันส่งพลังให้เธอแล้ว แหม พลังมันส่งได้อยู่แล้วย่ะ ขนาด
    ฉันนั่งตด ลมตดร้อนๆ ของฉันยังถ่ายพลังไปรอบตัวทั่วจักรวาลทีเดียว ดังนั้น
    บางท่านก็มามั่วว่าได้ถ่ายพลังให้เราแล้ว ไม่รู้ ไม่เห็น พิสูจน์ไม่ได้ ขายความ
    เชื่อ เล่นกะความเชื่อ ไอ้เรา เกรงว่าเขาจะหาว่าเราไม่ได้เหมือนคนอื่น ก็อาย
    เลยบอกว่าได้แย้วครับอาจาน...

    การถ่ายพลังให้กันนั้นทำได้จริงฮะ แต่มันจะมีความรู้สึกที่ชัดเจน หากเป็นการ
    ถ่ายของคนที่เรียกได้ว่าสำเร็จวิชชาจริง เช่น รู้สึกร้อน, เย็น, เคลื่อน, ไหว,
    หนัก, เบา, นุ่ม, ประจุไฟฟ้า ฯลฯ

    ของจริงไม่มั่วนะก๊า ไม่เล่นกะความเชื่อของคน และรู้สึกได้จริงๆ

    ทำไงจะรู้สึกได้แยกแยะได้ละฮะ?

    ต้องฝึกพิจารณาธาตุสี่สิฮะ ดิน คือ รู้สึกมีมวล มีประมาณ มีขอบเขต
    น้ำ คือ รู้สึกเกาะกุมไหลเวียนเคลื่อนตัว, ลม คือ รู้สึกฟุ้งกระจายดัน
    แน่นอึดอัดหรือโปร่งโล่ง, ไฟ ก็จ้องร้อนฮะ

    หากพิจารณาธาตุสี่เป็น ดูปราณที่เคลื่อนในกายไม่ยาก โดยจับปราณ
    จากลักษณะธาตุใดธาตุหนึ่งก่อน (มันมีทั้งสี่ธาตุในตัวนะฮะ) แล้วเอา
    ความรู้สึกนั้น ไปตลอดฮะ (ปราณแต่ละชนิด มีลักษณะธาตุผสมต่างกัน)
     
  9. คนขายธูป

    คนขายธูป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    252
    ค่าพลัง:
    +2,964
    3. การมั่วนิ่มว่าปราณไหลไปตรงนั้นตรงนี้ แหม รู้จริงหรือเปล่าฮะ
    ของแบบนี้ต้องผ่าน "อศุภะ" ให้ได้ก่อนฮะ อย่างเวลาโยคีหายใจ
    แบบเต็มลูกสูบนี้ ลมจะไม่ลงท้องเป็นลำดับแรกนะฮะ

    หายใจเข้าท้องไม่ได้ป่องทันที

    แต่มันจะเข้าปอดซีกซ้ายและขวา จาก บน ไป กลาง ไป ล่าง
    หากหายใจไม่ทั่วปอดแบบคนที่ไม่ฝึกอานาปานสติ ก็จะได้
    แต่หายใจตื้นๆ วนๆ ปอดด้านบนหรืออย่างมากก็กลาง ไม่
    ค่อยลงถึงล่างก็หายใจออกเสียแล้ว

    จากนั้น ท้องจึงจะป่องออก เพื่อดึงลมหายใจเข้าพร้อมกันทั้ง
    ปอดทั้ง บน กลาง และล่าง ฮะ มันจะขยายเปิดทาง บน, กลาง
    แล้วล่าง จากนั้น ก็ดึงลูกสูบคือท้องป่อง ก็สูดพรวดเข้าทีเดียว
    จากนั้นค่อยออกจาก บน, กลาง, ล่าง แล้วท้องยุบ ดันลมเฮือก
    สุดท้ายอีกที จึงได้ลมเข้าออกมากที่สุด


    ดังนั้น เรื่องหายใจเข้าท้องป่อง ออกท้องยุบ ยุบหนอ พองหนอ
    ก็ยังหายใจไม่เป็นกันนะครับ จำต้องเอา "อศุภะ" มาพิจารณาและ
    ตั้งสติไว้ที่จิต, ตั้งจิตไว้ที่ฐานกายฮะ ไม่งั้น ไม่เห็นอย่างที่ผมบอกนะฮะ


    โอ้ยยยย ขี้เกียจพิมพ์ คร่อกกกกก...
     
  10. คนขายธูป

    คนขายธูป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    252
    ค่าพลัง:
    +2,964
    สุดท้ายก่อนจาก ทิ้งไว้ให้คิดครับ

    1. ลูกค้ากับนักขาย

    แหมเอาใจกันอย่างดี เธอฝึกผ่านแล้ว เก่งจัง ต้องมาอีกนะ
    (ว่าลูกค้าไม่ได้ เดี๋ยวเขาโวยใส่นักขายเอา ต้องเอาใจไปโหม้ด)
    เวลาสอบอารมณ์ แหม คนสอบไม่เคยบอกว่าเราผิดตรงไหนเลย
    ฝึกเหมือนเดิมย่ำต๊อก หลอกตัวเอง อุปทานทั้งคู่ (มันได้ตังค์นี่)

    2. อาจารย์กับลูกศิษย์

    ศิษย์โดนติทุกวัน ไม่มีคำชม แต่ก็ยังสู้ทนตรากตรำยอมให้อาจารย์บ่นด่า
    อาจารยืก็เคี่ยวเข็ญด่าๆๆ ลูกศิษย์ก็ยินดีให้ด่าๆๆ แต่แหม ก็มันก้าวหน้าขึ้น
    นี่นา ใครก็ยอมวะ อิๆๆ (อาจารย์สอบอารมณ์ จะรู้ทันเวลาศิษย์หลงฮะ)


    เวลาไปเจอใครสอนเราแล้วไม่ด่าเราเลย ไม่รู้ว่า เราเป็นแบบไหนนะฮะ
    หรือเวลาเราไปขอให้ใครสอนเรา แล้วไม่ยอมให้เขาด่าเราเลย เป็งแบบไหนน้า?


    อิๆๆ คนแก่หัวหงอกทั้งหลาย ฝากไว้ให้คิดคร้าบบบบ....
     

แชร์หน้านี้

Loading...