พระราชินีทรงห่วงอีก 15 ปีโลกขาดน้ำจืด ต้องกลั่นน้ำทะเลกิน ขอนายกฯช่วยสร้างศูนย์ครูใต

ในห้อง 'ข่าวในพระราชสำนัก' ตั้งกระทู้โดย NoOTa, 12 สิงหาคม 2008.

  1. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,494
    พระราชินี'ทรงห่วงอีก 15 ปีโลกขาดน้ำจืด ต้องกลั่นน้ำทะเลกิน ขอนายกฯช่วยสร้างศูนย์ครูใต

    พระราชินี'ทรงห่วงอีก 15 ปีโลกขาดน้ำจืด ต้องกลั่นน้ำทะเลกิน ขอนายกฯช่วยสร้างศูนย์ครูใต้


    สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระราชดำรัส พระราชทานแก่คณะบุคคล ที่เข้าเฝ้าฯ ถวายพระพรชัยมงคล ในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 76 พรรษา ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิตฯ เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2551


    สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพร้อมด้วย สมเด็จพระเจ้าลูกเธอฯเจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญาสิริวัฒนาพรรณวดี พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์พระวรชายาฯ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลีพระวรราชาทินัดดามาตุ

    โดย สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ มีพระราชดำรัสว่า ข้าพเจ้าขอขอบคุณท่านผู้เป็นกำลังสำคัญของบ้านเมือง โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐบาลที่มาชุมนุมกันอยู่ณ ที่นี้ ทุกฝ่าย ทั้งฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหาร และตุลาการ ฝ่ายข้าราชการพลเรือน ตำรวจ ทหาร ผู้แทนของรัฐวิสาหกิจ องค์กรอิสระ สภา สถาบัน สมาคม ชมรม มูลนิธิ ลูกเสือชาวบ้านและประชาชนทุกหมู่เหล่า จากหลายจังหวัดทั่วประเทศมาอวยชัยให้พรข้าพเจ้าวันนี้ โดยมีนายกรัฐมนตรีกล่าวอำนวยพรให้ข้าพเจ้า ในนามของชาวไทยทั้งประเทศ ทำให้ข้าพเจ้ามีกำลังใจยิ่งขึ้นทำงานช่วยเหลือประชาชน เพราะเป็นพระราชปณิธานขององค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของชาวไทย และทรงพร้อมที่จะทรงงานช่วยรัฐบาลของพระองค์ในการทำนุบำรุงทั่วขอบขัณฑ์สีมาให้มีความเป็นอยู่ดีขึ้น

    แม้ว่าปีนี้ข้าพเจ้าจะอายุ 76 เมื่อได้รับพรจากท่านทั้งหลายก็มีกำลังวังชาเพิ่มขึ้น ไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยเลย ขอขอบคุณผู้มีน้ำใจอีกหลายท่านที่จัดอาหารและน้ำดื่มมาบริการประชาชนจำนวนมากที่เดินทางมาอวยพรกับข้าพเจ้า
    นับตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคมนี้ ซึ่งเป็นเดือนเกิดของข้าพเจ้ามีประชาชนออกมาทำการกุศล เฉลิมฉลองและอวยพรข้าพเจ้าผ่านทางสื่อมวลชจทั้งหลาย รวมทั้งส่งจดหมายอวยพรมายังข้าพเจ้าด้วย สิ่งนี้ทำให้ข้าพเจ้าซาบซึ้งในน้ำใจ ข้าพเจ้าดูโทรทัศน์และอ่านหนังสือต่างๆ ทุกวัน ได้ทราบกิจกรรมมมากมายที่ประชาชน ไม่ว่าจะเด็กเล็กจัดขึ้นเพื่อข้าพเจ้า ตลอดชีวิตของข้าพเจ้า พ่อและพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเอง ต่อมามีอาจารย์แบน ธนากโร (วัดดอยธรรมเจดีย์) ซึ่งเป็นพระอริยเจ้า อยู่ที่สกลนคร ท่านสอนข้าพเจ้าและทุกๆ คนที่ไปกราบว่า ขอให้ทุกคนนึกถึงบุญคุณของแผ่นดินบ้าง ให้พยายามที่จะตอบแทนพระคุณของแผ่นดินสุดกำลัง เมื่อมีผู้พร้อมใจกันเป็นแสนเป็นล้าน บ้านเมืองของเราคงจะเจริญรุ่งเรือง และลูกหลานไทยคงจะมีแผ่นดินที่ร่มเย็นเป็นสุข ไว้เป็นที่อยู่อาศัยอย่างปลอดภัยในภายภาคหน้า
    เมื่อเร็วๆ นี้เอง ข้าพเจ้าต้องเข้าโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เพราะเป็นไข้หวัดใหญ่ เชื้อค่อนข้างแรง เมื่อกลับมาที่สวนจิตรฯ ได้รับจดหมายจากของที่านตอนนั้นท่านเป็นประธานาธิบดีวลาดีเมียร์ ปูติน ซึ่งตอนนี้เป็นนายกรัฐมนตรีของรัสเซีย ท่านเขียนมาว่า ขอให้รักษาพระองค์ให้หายดี เพื่อจะได้เสด็จไปช่วยประชาชนไทยทั่วพระราชอาณาจักรอย่างที่ได้ทรงทำมาแล้ว อย่างที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและข้าพเจ้าทำมาตลอดเวลา

    อวยพรอย่างนี้ ข้าพเจ้ารู้สึกปลาบปลื้ม ระลึกถึงว่าการที่ข้าพเจ้าได้แทนพระองค์ไปที่รัสเซีย และได้รับการต้อนรับอย่างประเสริฐมากตั้งแต่ลงจากสนามบิน มีการต้อนรับอย่างดี สวนสนามถวายที่สนามบินด้วย ได้รับการช่วยเหลือทุกอย่าง และเปิดพิพิธภัณฑ์ต่างๆ ให้ข้าพเจ้าได้ดูได้เห็น ที่หาดูได้ยาก ข้าพเจ้าซาบซึ้ง ที่เมื่อกลับมาแล้วไม่สบาย ตอนนั้นท่านเป็นประธานาธิบดี ท่านเขียนจดหมายมาอวยพรขอให้หายเร็วๆ จะได้ออกไปทำหน้าที่ช่วยเหลือราษฎรต่อไป เลยปลื้มมาก ก็อยากให้ท่านทั้งหลายทราบว่าที่ทรงเลือกไปแทนพระองค์ที่รัสเซียได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี ได้เห็นธงไทยธงรัสเซียปลิวอยู่คู่กัน อันที่จริง ไม่ว่าเสด็จไหนทั้งนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จมารอบโลกมากมาย ก็ได้รับการตอบรับดียิ่ง ตลอดมา
    ทีแรกข้าพเจ้านึกกลัวอยู่เหมือนกันว่าไปคนเดียว ทุกอย่างก็ผ่านมาได้อย่างดี ทุกคนพร้อมจะช่วยเหลือให้กำลังใจและข้าพเจ้าขอพระราชทานว่า ไหนๆ ไปอยู่รัสเซีย 7 วันแล้ว จะขอไปต่อที่เยอรมัน ออสเตรีย เพราะไม่ได้ไปมานานหนักหนาแล้ว ก็ทรงอนุญาตให้ไปเถิด ข้าพเจ้าก็ไปอย่างสนุกสนาน นานทีได้มีโอกาสไปช้อปปิ้ง ราษฎรได้มาทักทาย ยืนคอยที่หน้าร้าน เขาพูดกันว่า เอ๊ะ..สิริกิติ์นี่อายุเท่าไร คนเยอรมันบอกกันว่าคงสัก 60 เขาบอกว่า 60 รู้สึกเขาน่ารักเป็นกันเอง และรู้สึกดีใจที่ข้าพเจ้ากลับไปเบลเยี่ยมบ้านเมืองเขาอีกทีหนึ่ง ความจริงไปอย่างกันเอง เข้าร้านโน้นร้านนี้อย่างสนุกสนาน
    มีเรื่องสำคัญอย่างหนึ่งที่ประชาชนชาวไทยร่วมกันทำให้ข้าพเจ้า ช่วยกันปลูกป่า ที่เรียกร้องให้เห็นความสำคัญ บัดนี้เป็นที่น่าชื่นใจว่า ประชาชนเข้าใจ ข้าพเจ้าพยายามอ่านหนังสือต่างประเทศอยู่ตลอดเวลา ปัญหาต่อไปชองชาวโลกที่เป็นปัญหาใหญ่ประมาณอีก 15 ปีน้ำจืดที่พวกเรารับประทานกันจะเป็นของหายาก ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกว่า เมื่ออ่านได้ทราบก็ร้อนใจ บ้านเราไม่มีแหล่งน้ำใหญ่ๆ มีแต่ป่า
    ถ้าคนไทยไม่ทราบว่าป่าไม้คืออะไร ป่าคือที่สะสมน้ำไว้ใต้ดินนั่นเอง ฤดูฝนแทนที่จะไหลหลากลงทะเล ถ้ามีป่า ต้นไม้ใหญ่จะดูดน้ำไว้ใต้ดินของเขา ใต้ต้นของเขาจำนวนมาก และตามกิ่งก้านจะดูดไว้ เป็นแหล่งน้ำที่ดี ออกมาเป็นลำธารน้อยใหญ่ อยากให้ราษฎรทั้งหลายเข้าใจ ไม่ใช่ตัดไม้ทั้งหลายไปค้าขายอย่างเดียว มีประโยชน์อย่างอื่นด้วยที่น่าจะนึกถึง
    ประเทศไทยมีคนจำนวนมาก ไม่ใช่น้อย ถ้าน้ำหายาก สมัยนี้เอาน้ำทะเลมากลั่นเป็นน้ำจืดได้ แต่แพงเหลือหลาย ประเทศเราไม่ใช่ร่ำรวย ถ้าเอาน้ำทะเลมากลั่นเลี้ยงประชากร ไม่ค่อยดีนัก ทำไมเราจะไม่รู้จักเก็บป่าไม้ซึ่งเป็นแหล่งสำคัญที่สะสมน้ำไว้ให้ดี อย่าพากันไปตัดคนละหนุบคนละหนัง ความจริง ป่าไม้ก้เป็นของคนไทยทั้งชาติ เป็นผลประโยชน์ของคนไทยทั้งชาติ ไม่มีสิทธิที่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดจะแอบเข้าไปตัด และทำการค้าแต่ลำพัง

    ต่อไปถ้าประเทศไทยขาดน้ำจะทำอย่างไร เพราะเราไม่ใช่ประเทศร่ำรวย ข้าพเจ้าชื่นใจมากที่ได้ยิน ได้ข่าวว่า นายกรับมนตรีสมัคร มีความมุ่งมั่นจะพิทักษ์รักษาป่าไม้ ให้เป็นแหล่งน้ำสมบูรณ์ของไทย คิดว่าเราคงไม่ถึงกับเอาน้ำทะเลมากลั่น คนยากคนจนจะลำบาก อีก 15 ปี น้ำจืดจะเป็นชนวนทำให้เกิดสงครามโลกได้ ข้าพเจ้าอ่านเองจากหนังสือฝรั่ง อยากตักเตือนคนไทยว่า เรามีป่าธรรมชาติ ถูกทำลายไปเยอะ เพื่อผลประโยชน์ต่างๆ ของบุคคล
    เมื่อนายกรัฐมนตรีมีความมุ่งมั่นรักษาป่าของคนไทยไว้ เพราะทราบว่าจะเป็นแหล่งน้ำสำคัญของประเทศ ขอให้พวกเราดูแลรักษาป่า อย่านึกว่าไม้สักแพง คิดเป็นเงินเป็นทอง นึกถึงน้ำ ถ้าเราขาดน้ำจืด เราจะแย่ ทั้งอุตสาหกรรมก็ไปไม่ไหว ทั้งชีวิตทั่วๆ ไปของคนไทยก็แย่ ถ้าเราต้องซื้อน้ำจากต่างประเทศก็จะแพงมากเป็นภาระหนักของประเทศชาติอีก เพราะฉะนั้น เข้าใจกันง่ายๆว่า ป่าไม้คือแหล่งน้ำ
    ถ้าเราปลูกป่าอาจจะพอทัน ปลูกป่าเพิ่มระมัดระวังไม่ให้คนไม่รู้เรื่องรู้ราว คิดแต่เงินทองอย่างเดียว ให้ป่าเป็นน้ำของประเทศ เขาให้เวลา 15 ปี ข้าพเจ้าไม่รู้ว่าจะถึง 15 ปีเกิดภาวะน้ำขาดแคลนทั่วโลก อ่านด้วยตัวเองมีความไม่พอใจ แต่ได้ยินนายกฯพูด ก็ขอให้ทุกคนช่วยกันดูแลป่า ไม่ใช่ใครอยากตัดอะไรก็ตัดไปตามเรื่องตามราว จะนึกถึงแต่เงินทองอย่างเดียว รู้ว่าป่านี่คือน้ำของประเทศ ต่อไปจะได้หายห่วงไปสักที เขาให้เวลา 15 ปี แต่ข้าพเจ้าไม่ทราบว่าจะถึง 15 ปีไหม ที่จะเกิดน้ำจืดขาดแคลนทั่วโลก นี่อ่านด้วยตัวเองก็มีความไม่สบายใจ แต่ได้ยินนายกรัฐมนตรีพูดกำชับว่า ตั้งแต่นี้ต่อไปขอให้ทหารมาเป็นกำลังด้วยช่วยดูแลป่า ตามภาคต่างๆ ไม่ใช่ใครอยากตัดอะไรไปค้าขายก็ตัดไปตามเรื่องตามราว บางทีกลัวกฎหมายก็เลี่ยง ขว้านตรงโคนต้นไม้ ข้าพเจ้าเห็นเอง ขว้านให้มันล้ม ให้มันลึกเข้าลึกเข้าแล้วมันก็จะล้าไปเอง ไม่ใช่ความผิดของใคร อันนี้ก็ไม่ฉลาด ผลสุดท้าย ผู้ได้รับทุกข์ร้อนคือประชาชนชาวไทย
    ถ้าเผื่อน้ำจืดขาดเข้าจริงๆ แล้ว และเราไม่มีแหล่งน้ำอย่างเขมรที่มีทะเลสาบกว้างใหญ่ หรืออย่างพม่าที่มีแม่น้ำเยอะแยะ เราไม่มีอย่างนั้น เมืองไทยนี่ทุกอย่างต้องพึ่งป่าไม้ ทั้งน้ำดื่ม และน้ำทำเกษตรกรรม ทำอุตสาหกรรมอะไร เราต้องรู้อย่างนั้น ไม่ใช่ให้คนคิดแต่ประโยชน์ส่วนตัว ให้ตักตวงอะไรทุกอย่างของบ้านเมืองก็เพื่อประโยชน์ของตัว น่าจะหยุดกันที น่าจะเข้าใจ
    ต่อมาข้าพเจ้าก็ได้รับข่าวชื่นใจว่า ประชาชนหันมาปลูกป่าและปลูกต้นไม้กันทั่วไปในบ้านในเมือง ก็เห็นจะเป็นที่ททางต่างประเทศเขาเป็นห่วงถึงโลกร้อน มองทางไหนเวิ้งว้าง และเมืองเราเป็นเมืองร้อนก็คงลำบาก ก็คงจะเข้าใจว่า น่าจะช่วยกันปลูกต้นไม้ ซึ่งเป็นนิมิตหมายที่ดีว่า ต่อไปบ้านเราก็จะมีน้ำกินน้ำใช้ ไม่แห้งแล้งต้องซื้อน้ำจากประเทศต่างๆ
    ในนี้เขียนมาให้ทราบว่า เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2551 ท่านนายกรัฐมนตรี ได้จัดให้มีบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือในการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ ระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกองทัพบก พุทธศักราช 2551 โดยผู้บัญชาการทหารบก กับปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ไปลงนามร่วมกันที่ทำเนียบรัฐบาล
    ใจความสำคัญที่น่าชื่นใจ คือทั้ง 2 หน่วยงานจะร่วมมือและสนับสนุนซึ่งกันและกันทุกวิถีทางในการอนุรักษ์ป่าไม้ ซึ่งคือแหล่งน้ำของเมืองไทย ข้าพเจ้าจึงรู้สึกซาบซึ้งขอขอบคุณท่านนายกรัฐมนตรี กองทัพบก กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
    ข้าพเจ้าขอเอาใจช่วยและจะได้เฝ้าดูความเจริญเติบโตของป่าไม้ในเมืองไทยต่อไป
    ข้าพเจ้าทราบดีกว่า กล้าไม้ ต้นหนึ่งๆ จะใช้เวลา เป็นสิบๆ ปีกว่าจะกลายเป็นไม้ใหญ่ หลายปีมานี้ การปลูกกล้าไม้ไปแล้วหลายล้านต้นทั่วประเทศ แม้ว่าส่วนหนึ่ง จะเติบโตได้เองตามธรรมชาติ อีกส่วนหนึ่งจะเติบโตได้ก็ด้วยความเอาใจใส่ดูแลของผู้ปลูก และผู้คนในพื้นที่นั้นๆ ดังนั้นกว่าต้นไม้หลายล้านต้นเหล่านี้จะเติบโตเป็นป่าไม้ได้ จึงต้องถึงพร้อมกันด้วยความสามัคคี ความเพียร ความอดทน ความเข้าใจ ของประชาชนหลายล้านคนในชาติ
    ทุกครั้งที่ได้ทราบข่าวว่า มีการลักลอบตัดป่า ทั้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และข้าพเจ้า จะรู้สึกไม่สบายใจ และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงสอนและนำข้าพเจ้ามาโดยตลอดถึงความสำคัญของป่าไม้ ว่า ป่าไม้ของไทยมีความสำคัญหลายประการ คือเป็นต้นน้ำลำธารของแม้น้ำทุกสายในประเทศ และช่วยดูดซับน้ำไว้ในรากและใต้ดิน กลายเป็นน้ำใต้ดินให้เราใช้ ช่วยสร้างความชุ่มชื้น ดึงดูดให้มีฝนตกลงในพื้นที่ และช่วยต้านความแรงของน้ำป่าเวลาฝนตกหนัก
    อย่างเมื่อคราวที่แล้วไม่นานมานี้ ที่แถวทางภาคเหนือ ที่บนป่าทางเหนือก็ขาดต้นไม้มาก แต่ไม่หยุดการตัดป่า เพราะฉะนั้น เวลาที่เกิดมีพายุฝนรุนแรงก็ น้ำป่าก็ถล่มลงมา เอาดินลงมาอย่างแรงและก็เป็นอันตรายแก่หมู่บ้านของประชาชน อันนี้ก็เป็นตัวอย่างที่ เห็นแล้วเศร้า เศร้าใจ ที่เราไม่รู้จึงทำให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ พวกทางเหนือมันมีป่าไม้บนเขา แล้วไปลักลอบตัดเสียหมด เวลาเกิดพายุร้ายแรงนี้เป็นภัยอันตรายมาก ดินถล่ม ชีวิตคนแย่
    ขอโทษเปิดยากหน่อย ส่วนกรุงเทพมหานครของเราได้ทำดีอยู่แล้ว ในการปลูกต้นไม้ ก็ขอให้ปลูกเพิ่มเขึ้น ซึ่งข้าพเจ้าก็ทราบว่ายากเพราะติดสายไป มีสายไฟ เรายังไม่สามารถมีเงินพอที่จะเอาสายไฟลงใต้ดิน เพราะฉะนั้นการปลุกต้นไม้ในเมืองต่างๆ ก็ยังเป็นปัญหาอยู่ แต่ว่า ทางกรุงเทพฯ รู้สึกว่าพยายามทุกอย่างที่จะทำเป็นเมื่องที่น่าอยู่ น่าสบายและก็เจริญรุ่งเรือง
    ข้าพเจ้าได้ทราบข่าวว่า ปีนี้ กรุงเทพฯ ได้รับการ โหวตจากพวกนักท่องเที่ยวให้เป็นที่หนึ่งของโลกในความน่าอยู่ น่าสบาย สะดวกสบายต่างๆ เมื่อปีที่แล้วรู้สึกว่าเป็นที่3 แต่ปีนี้ 2551 เขาประกาศมาว่า เป็นเมืองที่ได้รับโหวตจากนักท่องเที่ยวว่า เป็นเมืองที่น่าอยู่ น่าเที่ยว มีทั้งศิลปะเก่าแก่ ทั้งวัดวาอาราม มีทั้งความเจิญก้าวหน้า มีทั้งความสพดวกสบาย มีทั้งน้ำใจ ที่น่ารักของคนไทยทั้งหลาย ทำให้ข้าพเจ้าได้ทราบชื่นใจมาก ถึงจะ 76 ก็ 76 มันชุ่มชื่นกระชุ่มกระชวย ดีใจมากเลย ว่าได้รับชมเป็นที่ 1 ในโลก ท่านนากยกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี คณะนายทหารทั้งหลายคงชื่นชมเหมือนข้าพเจ้า ดีใจมากเลย

    และจากปีที่แล้ว ที่ข้าพเจ้าห่วงใยในความสะอาดของแม่น้ำเจ้าพระยา ไม่ใช่ห่วงไปเฉยๆ ข้าพเจ้าจำได้ว่า บ้านของข้าพเจ้า อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่เทเวศร์ และเช้าจะเห็นเรือของประชาชนมาทอดแห มาตกปลา ได้ปลานี้เป็นจำนวนมากมาย แม่ของข้าพเจ้าเห็นก็ยังโบกมือ เรียกเขาโหวกเหวกว่า ขอให้แวะมาจะได้ซื้อปลาสดๆ ที่บ้านของตัวเองเลย อันนี้จำได้ติดหูติดตา
    และตอนนี้ ตอน 70 กว่า ก็ถามผู้เชี่ยวชาญว่า เป็นอย่างไงบ้าง ปลาในแม่น้ำเจ้าพระยา เขาก็ตอบอย่างเศร้าว่า เดี๋ยวนี้ แม่น้ำเจ้าพระยาเหลือแต่ปลาสวาย คือ ปลาสวายนี่ ไม่อร่อยเลย ไม่อร่อยอย่างยิ่ง แต่ว่ามีเก่งอย่างคือ มีความหนังเหนียว เลยอยู่ได้ (ทรงสรวล) ไปไหนเจอะแต่ปลาสวาย เมื่อสมัยก่อนข้าพเจ้าเห็น ปลามีหลายชนิดเชียว บ้านข้าพเจ้าที่เทเวศร์มีท่าน้ำเล็กๆ เป็นไม้ เอามือลูบข้างล่าง จะจับกุ้งได้ ความที่กุ้ง ปลา อะไรเนี่ย บริบูรณ์ คือชื่นใจ พ่อแม่ข้าพเจ้าก็ชื่นใจว่า คนไทยจะไม่มีวันอดตาย
    พ่อแม่ข้าพเจ้าก็เสียชีวิตไปนานแล้ว ไม่ทราบว่า เดี๋ยวนี้ แม่น้ำเจ้าพระยาของพวกเราเนี่ย อยู่ไม่ได้ ปลาอยู่ไม่ได้ เหลือแต่ปลาสวายซึ่งแย่มากๆ ไม่อร่อย (ทรงพระสรวล) อันนี้ข้าพเจ้าฟังจากผู้เชี่ยวชาญ แล้วไม่สบายใจ ถึงได้อ้อนวอนทุกคนว่า ให้พวกคนไทยเราช่วยกัน ให้แม่น้ำเจ้าพระยาเป็นที่ๆ มีอาหารของคนไทยอย่างมากมาย จะไม่มีวันอดตาย คนจนก็แจวเรือ พายเรือไป แล้วก็ไปทอดแห ก็ได้ปลา คือมีความเป็นอยู่ที่ดี เแต่เดี๋ยวนี้มันหมดไปแล้ว เพราะว่าเราได้ไปอนุญาตให้โรงงานต่างๆ อยู่ตลอดแม่น้ำเจ้าพระยา มีแยะ ใกล้ๆ อยุธยา บางปะอิน อยุธยา แล้วก็ปลาต่างๆ คงทนไม่ได้ น้ำที่ทางโรงงานปล่อยไป โดยที่ไม่ทำความสะอาดซะก่อนอย่างต่างประเทศเขา ปลามันก็ตายเอาๆ คนไทยยังยากจน พอหวังจะพึ่งปลาในแม่น้ำเจ้าพระยา เขาก็รู้แล้วว่า ลำบาก เพิ่งไม่ได้แล้วก็ปลา อย่างสารเคมีต่างก็ไม่ควรที่จะอนุญาตให้โรงงานต่างๆ ทิ้งสารเคมีลงไปในแม่น้ำเจ้าพระยา เพราะต่างประเทศเขาก็ไม่ได้ทำกันอย่างนั้น เขามีกฎหมายอย่างแข็งแรงที่ว่า ไม่สามารถที่จะทิ้งน้ำอะไรๆ ก็ได้ลงไปในแม่น้ำเจ้าพระยา มันต้องบทำความสะอาด เสียก่อน ด้วยทางวิทยาศาสตร์ทางสมัยใหม่ แล้วถึงจะปล่อยน้ำนั้นลงไป จะได้ไม่ฆ่สัตว์น้ำ จะได้ไม่ทำลายความหวังของประชาชนชาวกรุงเทพฯ ซึ่งตอนนี้ก็มีมากเข้าทุกที กรุงเทพธนบุรีอะไรก็ตาม ที่ปลาเปลอไม่เหลือหรอก็ขออาศัยรัฐบาลให้ช่วยสักนิดเถอะ ไม่งั้นเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น คนไทยจะพึ่งน้ำ
    สมัยข้าพเจ้ายังเด็กๆ เห็นคนตักน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยามารับประทานได้อย่างดี ซึ่งก็นานมาแล้วหลายปี และจับปลาไม่มีวันที่จะหมดไป ปลาสมบูรณ์มากก็ไม่สายเกินไปที่จะกลับไปเป็นอย่างนั้น เพราะเราก็ยังมีประชาชนที่นยังยากจนอยู่ที่เข้ามากรุงเทพฯ เพื่อมา หางานและเป็นคนจนไม่มีอาหารจะรับประทาน ถ้าเป็นสมัยก่อน เขาก็จ้างเรืออะไรออกไปทอดแห แล้วเขาก็ได้มีอาหารกิน แต่บัดนี้มันเป็นชีวิตอีกชีวิต แต่เค้าก้ไม่ทราบ เขาเข้ามาลำบากในการที่จะมาหางานทำ
    ซึ่งข้าพเจ้าหวังอธิษฐานว่าต่อไป ถ้าเผื่อคนไทยทั้งหลายช่วยกัน รวมทั้งคณะรัฐบาล ก็หวังว่า กุ้งปลา นานาชนิด เราจะสามารถปล่อยคืนกลับสุ่แม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อเป็นประโยชน์ของคนทั่วไปแทนที่จะเหลือแต่ปลาอย่างว่า ปลาสวายอย่างว่า
    นักท่องเที่ยวทั่วโลก ข้าพเจ้าเคยพบเป็นบางคน ถามว่าทำไมถึงชอบมาเมืองไทยมากที่อื่นก็มีทะเลที่สวยงาม แต่นักท่องเที่ยวเขาบอกว่า คนไทยน่ารักเหลือเกินน่ารักมาก ที่เขาจะมาอยู่ที่ภูเก็ต ที่ไหนก็ตาม หัวหินตอนนี้ก็แยะ เขาอยู่ในหมู่คน (ทรงไอ)
    นักท่องเที่ยวทั่วโลกที่ชอบมาเมืองไทย ข้าพเจ้าถามเขาว่าทำไมถึงชอบมาเมืองไทยมาก เขาตอบว่าคนไทยนี่น่ารัก น่ารักกมาก ที่ภูเก็ตหรือหัวหิน นักท่องเที่ยวก็แยะ แต่ที่เบิกบานมาก เพราะนักท่องเที่ยวทั่วโลกให้ กทม. เป็นที่ 1 ในสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ ศิลปะ อาหาร และความหลากหลายในการจับจ่าย อัธยาศัยที่งดงาม อันนี้ปลื้มตลอดเวลา ยิ่งได้อันดับ 1 ยิ่งปลื้ม
    เมื่อตอนแต่งงาน ขณะนั้นอายุ 17 ใกล้ 18 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ย้ำความสำคัญของป่าชายเลน ทรงรับสั่งว่า ต้องคอยดูแล อย่าให้คนทำลาย เพราะเป็นแหล่งอนุบาล กุ้งหอย เป็นที่หลบภัย และเป็นอาหารให้มนุษย์ แต่ขณะนี้มีการทำลายทั้งป่าไม้ ป่าชายเลน ขอให้ตระหนักถึงความสำคัญ อย่าไปทำลาย
    เรื่องน้ำจืดก็พูดมาหลายหนแล้ว นับวันเป็นสิ่งที่มีค่าหายาก ในโลกมีการคาดการณ์ว่า ต่อไปอาจเกิดสงครามโลกเรื่องแย่งแหล่งน้ำจืด มนุษย์มากขึ้น ความต้องการใช้น้ำก็มาก การใช้ชีวิตประจำวัน หรือใช้น้ำจืดไปไล่น้ำเค็ม หากคนไทยไม่รู้ ก็ไม่สามารถปกป้องทรัพยากรสำคัญ รักษาแม่น้ำลำคลองความสะอาดต่างๆ ทำให้ประชาชนเข้าใจว่า การทิ้งอะไรลงไปทำลายน้ำสะอาดโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ก็ถือเป็นผลร้ายต่อบ้านเมือง
    หวังว่ารัฐบาลจะรณรงค์ให้ประชาชนรู้คุณค่าของน้ำ ถนอมน้ำสะอาด ปลูกฝังลูกหลานให้ใช้อย่างมีวินัย เผื่อวันที่ไม่พอใช้ ข้าพเจ้าเสด็จฯภาคอีสาน ก็เตือนคนไทยว่าอย่าทำลายป่า เขาก็หัวเราะอย่างน่าเอ็นดู โถท่านจะไปวิตกเกี่ยวกับน้ำกินน้ำใช้ ยุ่งอยู่กับป่ากับน้ำทำไม ไม่ต้องห่วงแม่น้ำโขงอยู่ใกล้นิดเดียว จะใช้เมื่อไหร่ก็ได้
    เมื่อเร็วๆ นี้ ข้าพเจ้า อ่านในไทมส์ เดอะนิวส์วีค แม่น้ำโขงแห้งขอด เห็นแต่ก้อนหิน เขาลงว่า เป็นที่ทำให้พวกที่หากินจับสัตว์น้ำตกใจมาก เพราะแม่น้ำแห้งผาก แต่ก่อนก็ไม่ทราบงว่าแม่น้ำโขงจะแห้งผาก แต่ก็ออกมาเกือบ 2 ปีแล้ว มันไม่ไหวแล้ว เพราะต้นของแม่น้ำโขงอยู่ในจีน และเขาสร้า
    งเขื่อนอย่างใหญ่โต เพราะเข้าใจว่าประชากรแยะ และต้องอาศัยน้ำ เพื่อให้ทำงานได้ดี เวลานี้แม่น้ำโขงไม่สามารถเป็นที่พึ่งได้
    ข้าพเจ้าอยากพบข้าราชการที่ขบขันข้าพเจ้า เห็นข้าพเจ้าเป็นตัวน่าขำที่สุด ตอนนี้น้ำโขงแห้งจับปลาบึกก็ไม่ได้
    ด้านชาวนาก็เป็นทุกข์ อย่างราคาปุ๋ยก็ขึ้นตามราคาน้ำมัน ทุกอย่างขึ้นตามราคาน้ำมัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทอดพระเนตรเห็นประชาชนเลิกใช้ควายไถนา ควายก็ไม่มีค่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรับสั่งว่า ถ้าน้ำมันแพงขึ้นชาวนาจะทำอย่างไร เพราะทิ้งควายไปแล้ว ต้องเข้าโรงเรียนฝึกไถนาใหม่ และราคาน้ำมันก็ไม่มีวันที่จะลง ในเมื่อควายไถนาได้ น่าจะใช้ควายไถนา ควายเหล็กกินน้ำมันแทนหญ้า ชาวนายิ่งลำบาก นายกฯ ควรสนับสนุนให้ใช้ควายอย่างเดิม น่ารักออก ไม่ใช่ว่าเมืองไทยนี่ล่าสมัยต้องใช้ควาย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบ่นมานาน รถไถนาราคาสูง ระยะยาวเสียค่าซ่อม อะไหล่ ทรงรับสั่งไว้ว่า เมื่อน้ำมันแพงก็ต้องจอดไว้ แต่ควายเดินไปมา มูลของควายก็เป็นปุ๋ยอย่างดี
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงคิดสร้างธนาคารข้าวทั่วประเทศ เดี๋ยวนี้ชาวบ้านมีธนาคารข้าวตามพระราชดำริ หมู่บ้านไหนอดอยากขอยืมข้าวได้ แต่ปีไหนทำข้าวได้ดีก็นำไปใช้คืน หวังว่านายกฯ คงสนับสนุนได้ ตอนนี้ตกใจมาก ทำไมไม่เอาควายมาไถนา เขาบอกว่าาควายไถนาไม่เป็น ฟังดูตลก แต่เป็นเรื่องจริง
    ส่วนสถานการณ์ในภาคใต้เป็นปัญหาสืบเนื่องมา 4-5 ปีแล้ว น่าหนักใจ เพราะประชาชนหลายคนที่ไม่สามารถออกไปทำมาหากินได้ น่าเป็นห่วงมาก คงทุกข์ใจมาก เพราะเขามีสวนยางที่อาศัยทำมาหากิน ไปที่สวนยางก็ตาย ไปที่ตลาดก็ตาย ทราบข่าวว่าตอนนี้ค่อยๆ ดีขึ้น คราวที่แล้วไม่สบาย หมอก็ไม่ให้ไปใต้ ตั้งใจว่าปีนี้จะไปอีก ชาวอิสลามบอกว่าเวลาที่ไม่มาพวกเราลำบาก
    ข้าพเจ้าทำตามพระบรมราชโองการ ช่วยคนไทย คนอิสลามเสมอกัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรวงทำนุบำรุงวัดไทยและสุเหร่า ให้เกิดความสามัคคีไม่น้อยหน้ากัน ข้าพเจ้าไปใต้ครั้งแรก ตอนอายุ 40 ไปฉลองวันที่ 12 สิงหาคม ที่นราธิวาส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตรวจดูดินและน้ำ พบว่าแม่น้ำเปรี้ยวจัด ทรงประทับเรือและตักมาส่งทางกทม. บุกด้วยพระองค์เอง ด้วยความช่วยเหลือจากข้าราชการ เดี๋ยวนี้คนทางใต้ นราธิวาส ปัตตานี สามารถทำนาได้ปีละ 3 ครั้ง เรื่องความไม่เข้าใจระหว่างศาสนา จึงพยายามให้ทุกศาสนาได้อยู่กันอย่างสงบ สามารถนับถือศาสนาของตัว ทำนุบำรุงศาสนาอย่างอิสระ ไม่มีใครรังแก
    ชาวต่างประเทศเคยพูดกับข้าเจ้าว่า เมืองไทยนี่ยอดเลย ทุกศาสนา โดยเฉพาะที่ กทม.อยู่กันอย่างสงบสุข ไม่เคยมีสงครามศาสนา แต่บัดนี้ที่ภาคใต้ น่าเป็นห่วง ขนาดเด็ก 3 ขวบ ถ้าเป็นพุทธก็ต้องตาย มันไม่ใช่น้ำใจของมนุษย์ผู้ที่มีความเจริญ เด็ก 3 ขวบจะไปรู้เรื่องอะไร แต่ก่อนพระสงฆ์และผู้นำอิสลามอยู่ด้วยกันอย่างสงบสุข พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯทุกปี เพิ่งเสด็จฯไม่ไหวมาเมื่อไม่กี่ปีนี้เอง
    ข้าพเจ้าไม่เข้าใจในสาเหตุ แต่ก็พยายามพูดกับคนอิสลาม แต่เมื่อต้นปีไปแค่ 10 วัน เขาก็มากระซิบว่า เวลาที่ท่านไม่ไปพวกเราลำบาก เวลาท่านไปพวกเราสบาย ขอให้ท่านอย่าทิ้งใต้เป็นอันขาด แต่ข้าพเจ้าทำหน้าที่อย่างเดียว คือ ให้งานเขา สอนให้ปัก สอนให้ทอผ้า สอนทุกอย่าง ศิลปาชีพก็คือตลาด เขาสามารถส่งผลงานเข้ามา ข้าพเจ้าเคยมีเงินอยู่ในมูลนิธิศิลปาชีพกว่าพันล้านบาท บัดนี้มีผู้เตือนข้าพเจ้าว่าเหลือ 700 ล้านบาท
    อย่างอีสานก็จน เพราะหยุดทอผ้า เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ซึ่งสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงส่งพระราชโอรส กรมหมื่นพิไชยมหินทโรดม เดินทางด้วยเกวียนจากกทม.ไปถึงจ.บุรีรัมย์ คิดว่าใช้เวลานานเท่าไหร่ เพื่อไปสนับสนุนให้ประชาชนรักษาการลูกหม่อนเลี้ยงไหม รักษาความสามารถเขาไว้จะได้ขยายงานต่อไป
    กรมหมื่นพิไชยมหินทโรดม เป็นองค์ที่แต่งเพลงลาวดำเนินเกวียน ที่เราเรียกว่าลาวดวงเดือน ซึ่งเพราะเหลือเกิน ท่านแต่งระหว่างอยู่ในเกวียนไปที่บุรีรัมย์ ทรงยังหนุ่มแน่นแท้ๆ ที่เสด็จฯไป พระชนม 28 ก็สิ้นแล้ว โดยที่ไม่ทราบสาเหตุว่าสิ้นเพราะอะไร ข้าพเจ้าคิดเอาเองว่า ที่ท่านไปดูทางอีสานมันต้องผ่านป่า ซึ่งเป็นแหล่งมาลาเรีย ทำให้ติดไข้ป่ามา
    อยากจะเอ่ยถึงคนไทยที่มีความรักชาติ ทราบมาแค่ 2 คน อย่างนายตำรวจผู้กล้าหาญ สละชีวิต
    อย่างนายตำรวจผู้กล้าสละชีวิตเพื่อดินแดนภาคใต้ ร.ต.อ.ธรณิศ ศรีสุข ที่เรียกว่าผู้กองแคน สอบได้ที่ 1 ทางตำรวจก็ให้เลือกได้ว่าจะไปทำงานที่ไหน ร.ต.อ.ธรณิศ ก็เลือกไปอยู่ที่ 3 จังหวัดภาคใต้ ข้าพเจ้าไม่ทราบเลย เสียใจจนบัดนี้ว่า เมื่อข้าพเจ้าไปอยู่ที่นราธิวาส แถวปัตตานี ร.ต.อ.ธรณิศก็เป็นคนหนึ่งที่ถวายอารักขาอย่างใกล้ชิด เพราะที่นั่นอันตราย แล้วเขาก็ถูกปะทะที่จ.ยะลา เสียชีวิตไป เป็นคนที่รักชาติอย่างมาก มีอุดมคติสูง
    รอ.ต.กฤติกุล บุญลือ คืออีกคนที่เลือกไปรักษาควาปลอดภัยประเทศชาติในที่ที่บ้านเมืองต้องการความคุ้มครองป้องกัน เขาบอกว่ากลัวเหมือนกัน เป็นคนไทยเรียนเป็นตำรวจน่าจะๆไปปกป้องคุ้มครองในที่ลำบาก ถึงเวลาอยู่เดือนครบเทอมประชาชนรักและไว้ใจขอให้อยู่ต่อ ก็เสียชีวิตอีก
    ข้าพเจ้ารู้สึกว่าเมืองไทยน่าจะรอดพ้นจากภัยอันตรายได้ แทนที่จะหาที่ทำงานที่สูงได้ แต่ยินดีปกป้องพื้นที่ประเทศไทย
    ร.ต.อ.ทรนิตย์ เคยดูแลข้าพเจ้า เพราะภาคใต้ค่อนข้างน่ากลัว ถูกให้อารักขาข้าพเจ้า เป็นถึงลูกศาตราจารย์ที่มหาวิทยาลัยข่อนแก่น สอบได้เป็นอันดับ 1 เลือกที่จะไปทำงานใน3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เขียนไดอารี่ ว่าเต็มใจที่จะไปสมัครงานชายแดนภาคใต้ เขาเลือกที่จะทำหน้าที่นั่น
    จังหวัดยะลามีระเบิด แต่นายตำรวจที่กล้าหาญ ฝีมือดี ยังอาสาที่จะไปอยู่ที่นั่น ร.ต.อ.ทรนิตย์ มีคติดว่า จงเป็นผู้เสียสละอย่าคาดหวังว่าเราจะได้อะไรกับหน่วยงานของเราบ้าง จงคิดเสมอว่าเราจะทำอะไรให้กับประเทศชาติและหน่วยงานของเราบ้าง
    ร.ต.อ.กิตติกุล ก็ดำเนินการตามนโยบายของรุ่นพี่ เลือกที่จะไปอยู่ภาคใต้ เคยได้รับพระราชทานถุงของขวัญไม่มีโอกาสได้พบเป็นการส่วนตัว ถึงเวลาก็เชิญทหาร ตร.ไปรับประทานอาหารที่ภาคใต้ เขาเขียนเล่าว่า ได้รับพระราชทานถุงของขวัญที่ทำให้เขามีกำลังใจ เสียดายมาก คือ สูญเสียคนที่ดีๆ ไป และตั้งใจจะไปที่นั่นเพื่อคุ้มครองประชาชนและผืนแผ่นดินไทย และมี พ.ต.ท.กิตติกา ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสที่สมอง รักษาตัวใน จ.สงขลา ซึ่งตอนนี้อาการทุเลา ขึ้น
    ข้าพเจ้าเพิ่งทราบว่า นายตร.ที่เก่งมาอารักขาข้าพเจ้าจนรอดปลอดภัยไม่ทราบว่ามีผู้ใดบ้างมาอารักขา เขาเล่าว่าตื่นเต้นที่ได้มานั่งรับประทานอาหารใกล้ๆ กับ 'ราชินี'
    ข้าพเจ้าเสียใจที่ไม่ได้คุยกับทหารรุ่นเด็กเลย
    เขามีอุดมการณ์การทำให้การ " ทำงานลืมตาย คือ อุดมการณ์ จริงอยู่กินไม่ได้ แต่อิ่มใจ เดินทางมาหลายกิโลเพื่อมาดูแลราษฎรให้อยู่รอดปลอดภัย ยอมรับว่าแรกๆไม่อยากมา พอมาแล้วไม่อยากกลับ อยากทำงานให้จบ ถึงยากก็รักงานที่จะทำ หลายพันคนมาจากทุกสารทิศ ที่มาปกป้องพื้นที่นี้ อย่าชมผมคนเดียวขอให้กำลังใจจากทุกคน เขาหวังว่าเขาจะไม่ตาย แต่ถ้ามีวันนั้นจริงๆ เขาก็ไม่เสียดายเพราะว่าเกิดมาครั้งเดียวตายเพื่ชาติก็ไม่กลัว "
    อ่านแล้วเสียดายและสงสารนักรบเหล่านี้ คนที่อยู่กรุงเทพฯ คงนึกไม่ออก มีทั้งปืนทั้งระเบิด อยากให้คนไทยช่วยกันส่ง จดหมายหรืออะไรก็ตามเพื่อส่งไปให้นักรบเหล่านี้เป็นคนดีที่เสียสละเพื่อประเทศชาติ
    คงมีอีกเหลายคนที่ข้าพเจ้าไม่รู้จัก และทำงานเสี่ยงภัย ข้าพเจ้าอยากจะบอกอีกอย่างว่า วันเกิดข้าพเจ้าที่หลายคนถวายเงิน ข้าพเจ้าได้รวบรวบแล้วไปสร้างศูนย์ครูที่ จ.ปัตตานี
    ข้าพเจ้านำเงินที่ได้รับเมื่อวันเกิดข้าพเจ้าปีที่แล้วไปสร้างศูนย์ครู เพื่อให้ครูมาพักรวมกัน มีห้องสมุด ห้องพัก แต่ก็มีเงินทำได้แห่งเดียว
    (หัวเราะ) มองหน้าท่านนายฯ เพราะว่าครูเป็นที่นับถือของชาวบ้าน แต่ไม่มีอาวุธ บางคนถูกยิงตายต่อหน้านักเรียนในมือยังถือชอล์คอยู่เลย
    ตอนนี้ข้าพเจ้ากำลังจะสร้างหน่วยรถไปส่งครูตามที่ต่างๆ เพื่ออารักขาครูไปส่งโรงเรียน และให้ทหารที่ปลดประจำการไปอารักขาครูที่ศูนย์ครูด้วย แต่ตอนนี้ยังสร้างอยู่ไม่เสร็จดี
    ข้าพเจ้าได้สร้างฟาร์มตัวอย่าง บอกถึงวิธีเลี้ยงไก่ เลี้ยงเป็ด เพราะหากมีฟาร์มไก่ก็ไม่ต้องเสี่ยงเข้าเมืองไปจ่ายตลาดตายอยู่กลางถนน
    ฟาร์มตัวอย่างนี้ได้รับความช่วยเหลือจากรองสมุหราชองครักษ์ อยากยุติการตายจึงสร้างฟาร์มตัวอย่างขึ้นมา เพื่อให้ชาวบ้านไทยพุทธมีฟาร์มตัวอย่าใกล้บ้าน ส่วนคนจนก็จ้างให้มาทำงานในฟาร์ม พอประทังชีวิตไปได้ สร้างฟาร์มทั้งหมด 21 แห่ง กระจายไปตามจว.ต่างๆ มีคนงาน 4 พันคน เข้ามาทำงาน
    ข้าพเจ้รู้สึกโล่งใจมากที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ได้ไปเยี่ยมทหารดูแลความปลอดภัยพี่น้องภาคใต้ ได้ทราบจากประชาชนว่าอุ่นใจมาก
    ในโอกาสที่เฉลิมฉลองครองราชย์ 60 พรรษา ข้าพเจ้าตกตลึงไม่เคยคิดว่าเด็กที่ข้าพเจ้าเลือกมาเองจากครอบครัวที่ยากจนที่สุด อยากแบ่งเบาภาระให้เขามาทอผ้า ผู้ชายมาแกะสลักให้เงินประจำวัน เขาพออกพอใจและมุมานะทำประโยชน์ให้บ้านเมือง
    อยากเชิญไปดูงานที่พระที่นั่งอนันตสมาคม ที่เป็นฝีมือของเด็กที่ข้าพเจ้าเลือกมา ทำไมสวยอย่างนี้ จบสูงสุดแค่ ป.4 ตอนที่ นายโคฟี่ อันนัน อดีตเลขาธิการใหญ่สหประชาชาติ ขอไปดู ก็บอกว่าเป็นฝีมือยอดเยี่ยมระดับโลก ถ้าว่างขอให้ไปดูเถอะไม่คิดเลยว่าคนไทยจบไม่ถึง ป.4 จะเป็นศิลปินระดับโลก ถ้าโอกาสจะเชิญไปอเมริกา จะเอาผลงานไปแสดงให้คนไทยที่อเมริกาดู ไม่ได้คิดว่าจะให้คนอเมริกาดู
    ไม่คิดเลยเด็กที่ข้าพเจ้าเอามา 12-13 ปี ตอนนี้ 20 ปี แกะสลักไม้สวยงาม เป็นลูกชาวบ้าน จบแค่ ป.4

    ทั้งนี้ ก่อนสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ จะทรงมีพระราชดำรัส นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี กล่าวนำถวายพระพรชัยมงคล


    ==============
    [​IMG]
    http://www.matichon.co.th/prachachat/news_title.php?id=4856
     

แชร์หน้านี้

Loading...