(ปิดกระทู้ครับ)ร่วมสร้างบุษกประดิษฐานพระโมคคัลลานะ

ในห้อง 'กระทู้เก่า' ตั้งกระทู้โดย นพคุณ, 25 มีนาคม 2008.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. นพคุณ

    นพคุณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2007
    โพสต์:
    842
    ค่าพลัง:
    +3,815
    ตามที่คุณเพชรได้จัดตั้งกองบุญนี้ขึ้นมา ผมได้ติดตามกระทู้นี้มาโดยตลอด
    แต่คิดว่าหลายท่านอาจมีกำลังไม่เพียงพอผมจึงจัดตั้งกองบุญนี้ขึ้นด้วยความเห็นชอบของคุณเพชรโดยจะจัดตั้งขึ้น กองบุญละ 100 บาท จำนวน 100 กองบุญ โดยทุกท่านที่ร่วมทำบุญจะได้รับ พระธาตุพระโมคคัลลานะ ท่านละ 1 พระองค์ โดยท่านสามารถโอนเงินมายังบัญชีเลขที่ 877-207172-5 ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาย่อยนิคมอุตสาหกรรม เอส ไอ แล (สระบุรี) บัญชีประเภทออมทรัพย์ ชื่อบัญชี ปราโมช ทัศนานุตริยกุล หลังจากโอนเงินเรียบร้อย กรุณา PM ชื่อ ที่อยู่ มายังผมโดยตรงเพื่อทำการจัดส่ง ส่งทาง PM เท่านั้นนะครับ เพราะเกรงจะสับสนและผิดพลาด หรือทางหมายเลข 086-3924978 โดยลำดับ PM ที่ส่งมายังผมจะมีผลดังนี้ffice:eek:ffice" /><O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    1. 50 ท่านแรกที่โอนเงินและ PM มายังผมจะได้รับพระรมสารีริกธาตุ สัณฐานเมล็ดผักกาดท่านละ 3 พระองค์
    2. ลำดับที่ 51-60 จะได้รับพระบรมธาตุพระปัจเจกพระพุทธเจ้าท่านละ 1 พระองค์
    3. ลำดับที่ 61-81 จะได้รับพระกำลังจักรพรรดิพิมพ์สมเด็จขนาด กว้าง 1.5 ยาว 2 เซนติเมตร เนื้อสีชมพู ท่านละหนึ่งองค์
    4. ลำดับที่ 82-92 จะได้รับพระกำลังจักรพรรดิพิมพ์หลวงพ่อฤๅษีขนาด กว้าง 1.5 ยาว 2 เซนติเมตร เนื้อสีชมพู ท่านละหนึ่งองค์
    5. ลำดับที่ 93-100 จะได้รับลูกแก้วเนื้อผงพระกำลังจักรพรรดิเนื้อสีขาว
    <O:p></O:p>
    โดยทุกท่านที่ร่วมบุญสามารถเลือกเจดีย์ที่บรรจุพระธาตุพระโมคคัลลานะได้ เจดีย์ละ 11 ท่าน และสำหรับ อีกท่าน สามารถเลือกไปบรรจุที่บุษบกได้ครับ
    <O:p></O:p>
    ทั้งนี้พระกำลังจักรพรรดิ์นั้นได้รับมาจากพี่หมวดอรรถ และเพื่อนๆ เว็บถ้ำเมืองนะต้องขอขอบพระคุณไว้ ณ ที่นี้ด้วย<O:p></O:p>

    หากมีข้อผิดพลาดประการใดต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ ด้วยนะครับ
    ในช่วงแรกอาจจะล่าช้าบ้างเนื่องจากกองบุญนี้กระทันหันไปเล็น้อย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กรกฎาคม 2008
  2. นพคุณ

    นพคุณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2007
    โพสต์:
    842
    ค่าพลัง:
    +3,815
    ท่านใดทราบวิธีการลงรูปกรุณาช่วยสอนด้วยครับ
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    ให้เลือกตอบเต็มรูปแบบ

    ให้ไปที่ ตัวเลือกเพิ่มเติม

    <LEGEND>Upload รูป, เพลง และไฟล์อื่นๆได้ที่นี่ (Attach Files)</LEGEND>
    นามสกุลของไฟล์ที่อนุญาตให้ upload ได้คือ: bmp doc gif htm html jpe jpeg jpg mid mp3 mp4 pdf png psd txt wma wmv xls xml zip


    <SCRIPT src="clientscript/vbulletin_attachment.js?v=362" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT type=text/javascript> <!-- var newpost_attachmentbit = '\r\n [​IMG]\r\n %5$s\r\n (%6$s)\r\n
    '; vB_Attachments = new vB_Attachment('attachlist', ''); document.write('<input type="button" id="manage_attachments_button" class="button" tabindex="1" style="font-weight:normal" value="Upload และ บริหารไฟล์" title="Click here to add or edit files attached to this message" onclick="vB_Attachments.open_window(\'newattachment.php?t=22445&poststarttime=1206455281&posthash=424516972750072ebe76309d74739865\', 480, 480, \'\')" />'); //--> </SCRIPT><INPUT class=button id=manage_attachments_button title="Click here to add or edit files attached to this message" style="FONT-WEIGHT: normal" onclick="vB_Attachments.open_window('newattachment.php?t=22445&poststarttime=1206455281&posthash=424516972750072ebe76309d74739865', 480, 480, '')" tabIndex=1 type=button value="Upload และ บริหารไฟล์"> <NOSCRIPT> Upload และ บริหารไฟล์ </NOSCRIPT>


    กดที่ปุ่ม Upload และบริหารไฟล์ จะปรากฎ

    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=tcat>Upload และ บริหารไฟล์ </TD></TR><TR><TD class=panelsurround align=middle>
    <FIELDSET class=fieldset><LEGEND>Upload File จาก Computer ของคุณ</LEGEND><TABLE cellSpacing=3 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=bottom><TD><INPUT type=hidden name=MAX_FILE_SIZE> <INPUT class=bginput type=file size=30 name=attachment[]>
    <INPUT class=bginput type=file size=30 name=attachment[]>
    <INPUT class=bginput type=file size=30 name=attachment[]>
    <INPUT class=bginput type=file size=30 name=attachment[]>
    <INPUT class=bginput type=file size=30 name=attachment[]>
    <INPUT class=bginput type=file size=30 name=attachment[]>
    <INPUT class=bginput type=file size=30 name=attachment[]>
    <INPUT class=bginput type=file size=30 name=attachment[]>
    <INPUT class=bginput type=file size=30 name=attachment[]>
    <INPUT class=bginput type=file size=30 name=attachment[]>
    </TD><TD align=right><INPUT class=button style="WIDTH: 70px" onclick="return verify_upload(this.form);" type=submit value=Upload name=upload></TD></TR></TBODY></TABLE></FIELDSET> <FIELDSET class=fieldset><LEGEND>Upload File จาก URL หรือ เว็ป</LEGEND><TABLE cellSpacing=3 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=bottom><TD><INPUT class=bginput dir=ltr size=30 name=attachmenturl[]>
    <INPUT class=bginput dir=ltr size=30 name=attachmenturl[]>
    <INPUT class=bginput dir=ltr size=30 name=attachmenturl[]>
    <INPUT class=bginput dir=ltr size=30 name=attachmenturl[]>
    <INPUT class=bginput dir=ltr size=30 name=attachmenturl[]>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></FIELDSET>​

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ให้ Browse จากเครื่องคอม แล้ว upload
    เครื่องจะดึงรูปจากเครื่องคอมลงเว็บ

    แล้วก็กด ส่งข้อความ รูปก็จะปรากฎขึ้นท้ายข้อความให้ครับ <INPUT class=button id=vB_Editor_001_save accessKey=s tabIndex=1 type=submit value=ส่งข้อความ name=sbutton> <INPUT class=button accessKey=r tabIndex=1 type=submit value=แสดงผลข้อความก่อนส่ง name=preview>
     
  4. นพคุณ

    นพคุณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2007
    โพสต์:
    842
    ค่าพลัง:
    +3,815
    รูปครับ

    พระธาตุพระโมคคัลลานะ
    พระบรมธาตุพระปัจเจกพระพุทธเจ้า
    พระบรมสารีริกธาตุ
    พระกำลังจักรพรรดิ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC02859.JPG
      DSC02859.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2 MB
      เปิดดู:
      248
    • DSC02860.JPG
      DSC02860.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2.1 MB
      เปิดดู:
      225
    • DSC02861.JPG
      DSC02861.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2.3 MB
      เปิดดู:
      227
    • DSC02862.JPG
      DSC02862.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.7 MB
      เปิดดู:
      83
    • DSC02863.JPG
      DSC02863.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.8 MB
      เปิดดู:
      89
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มีนาคม 2008
  5. นพคุณ

    นพคุณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2007
    โพสต์:
    842
    ค่าพลัง:
    +3,815
    จำนวนผู้ประสงค์บรรจุพระธาตุโมคคัลลานะจำนวน 100 องค์

    ๑)พระมหาเจดีย์พุทธบูชา จำนวน 11 พระองค์ คงเหลือ 4 พระองค์
    คุณChodchoi 2 กองบุญ
    คุณTuwbye
    คุณkritsada_li
    คุณชัยมงคลสิมมา
    คุณธรรมวิวัฒน์
    คุณศรุต

    ๒)พระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง จำนวน11 พระองค์ คงเหลือ 7 พระองค์
    คุณTuwbye
    คุณธรรมวิวัฒน์
    คุณศรุต
    คุณคมสัน

    ๓)พระธาตุเจดีย์ไตรภูมิ จำนวน11 พระองค์ คงเหลือ 7 พระองค์
    คุณTuwbye
    คุณธรรมวิวัฒน์
    คุณศรุต
    คุณคมสัน

    ๔)พระเจดีย์หลวงใหญ่(สายธรรมยุติ) จำนวน11 พระองค์ คงเหลือ 7 พระองค์
    คุณTuwbye
    คุณธรรมวิวัฒน์
    คุณศรุต
    คุณkritsada_li

    ๕)วิหารจตุรมุข กลางสระน้ำ จำนวน11 พระองค์ คงเหลือ 7 พระองค์
    คุณTuwbye
    คุณธรรมวิวัฒน์
    คุณศรุต
    คุณkritsada_li

    ๖)พระวิริยมงคลมหาเจดีย์ศรีรัตนโกสินทร์(สายหลวงปู่มั่น ภูริฑัตโต)จำนวน11 พระองค์ คงเหลือ 6 พระองค์
    คุณTuwbye
    คุณธรรมวิวัฒน์
    คุณศรุต
    คุณชัยมงคลสิมมา
    คุณเอกวัฒน์

    ๗)หอพระแก้ว(สายธรรมยุติ)จำนวน11 พระองค์ คงเหลือ 7 พระองค์
    คุณTuwbye
    คุณธรรมวิวัฒน์
    คุณศรุต
    คุณเอกวัฒน์

    ๘)พระบรมธาตุรัชมังคลาจารย์สมานฉันท์(สายหลวงพ่อ วัดปากน้ำ)จำนวน11 พระองค์ คงเหลือ 3 พระองค์
    คุณTuwbye
    คุณธรรมวิวัฒน์
    คุณศรุต
    คุณkritsada_li
    คุณManote 3 กองบุญ
    คุณSpecialized

    ๙)พระมหาเจดีย์ศรีเวียงชัย(สายหลวงปู่ครูบาชัยวงศาพัฒนา) จำนวน11 พระองค์ คงเหลือ 5 พระองค์
    คุณTuwbye
    คุณkritsada_li
    คุณธรรมวิวัฒน์
    คุณศรุต
    คุณอายุมั่น 2 กองบุญ


    ๑๐) บุษบกพระโมคคัลลานะ จำนวน1 พระองค์ คงเหลือ 0 พระองค์
    คุณTuwbye
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มิถุนายน 2008
  6. นพคุณ

    นพคุณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2007
    โพสต์:
    842
    ค่าพลัง:
    +3,815
    ขณะนี้ 23/06/08

    47 กองบุญแล้วครับ

    ปิดเข้าพรรษานะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มิถุนายน 2008
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    พระโมคคัลลานะ
    http://www.heritage.thaigov.net/reli...t/priest6.html

    [​IMG]

    [SIZE=-1]พระโมคคัลลานะนั้น เป็นบุตรพราหมณ์นายบ้านผู้หนึ่ง ผู้โมคคัลลานโคตรและนางโมคคัลลี เกิดในตำบลบ้านไม่ห่างแต่กรุงราชคฤห์ มีระยะทางพอไปมาถึงกันกับบ้านสกุลแห่งพระสารีบุตร ท่านชื่อ โกลิตะ มาก่อน อีกอย่างหนึ่ง เขาเรียกตามโคตรว่า โมคคัลลานะ เมื่อท่านมาอุปสมบทในพระธรรมวินัยนี้แล้ว เขาเรียกท่านว่า โมคคัลลานะ ชื่อเดียว จำเดิมแต่ยังเยาว์จนเจริญวัยได้เป็นมิตรผู้ชอบกันกับพระสารีบุตร มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน มีสกุลดเสมอกัน ได้ศึกษาศิลปศาสตร์ด้วยกันมา ได้ออกบวชเป็นปริพาชกด้วยกัน ได้เข้าอุปสมบทในพระธรรมวินัยนี้ด้วยกัน[/SIZE]
    [SIZE=-1]จำเดิมแต่ท่านได้อุปสมบทแล้วในพระธรรมวินัยนี้ได้เจ็ดวัน ไปทำความเพียรอยู่ที่บ้านกัลลวาลมุตคาม แขวงมคธ อ่อนใจนั่งโงกง่วงอยู่ พระศาสดาเสด็จไปที่นั้น ทรงแสดงอุบายสำหรับระงับความโงกง่วงสั่งสอนท่านว่า โมคคัลลานะ เมื่อท่านมีสัญญาอย่างไร ความง่วงนั้นย่อมครอบงำได้ ท่านควรทำในใจถึงสัญญานั้นให้มาก ข้อนี้จักเป็นเหตุให้ท่านละความง่วงนั้นได้ ถ้ายังละไม่ได้ แต่นั้นควรตรึกตรองพิจารณาถึงธรรม อันตนได้ฟังแล้วและได้เรียนแล้วอย่างไร ด้วยน้ำใจของตน ข้อนี้จักเป็นเหตุให้ท่านละความง่วงนั้นได้ ถ้ายังละไม่ได้ ท่านควรสาธยายธรรมอันตนได้ฟังและได้เรียนแล้วอย่างไร โดยพิสดาร ข้อนี้จักเป็นเหตุให้ท่านละความง่วงนั้นได้ ถ้ายังละไม่ได้ แต่นั้นท่านควรยอนช่องหูทั้งสองข้าง และลูบตัวด้วยฝ่ามือ ข้อนี้จักเป็นเหตุให้ท่านละความง่วงนั้นได้ ถ้ายังละไม่ได้ แต่นั้นท่านควรลุกขึ้นยืน แล้วลูบนัยน์ตาด้วยน้ำ เหลียวดูทิศทั้งหลาย แหวนดูดาวนักษัตรฤกษ์ ข้อนี้จักเป็นเหตุให้ท่านละความง่วงนั้นได้ ถ้ายังละไม่ได้ แต่นั้นท่านควรทำในใจถึงอาโลกสัญญา คือความสำคัญในแสงสว่าง ตั้งความสำคัญว่ากลางวันไว้ในจิต ให้เหมือนกันทั้งกลางวันกลางคืน มีใจเปิดเผยฉะนี้ ไม่มีอะไรหุ้มห่อ ทำจิตอันมีแสงสว่างให้เกิด ข้อนี้จักเป็นเหตุให้ท่านลำความง่วงนั้นได้ ถ้ายังละไม่ได้ แต่นั้นท่านควรอธิษฐานจงกรม กำหนดหมายเดินกลับไปกลับมา สำรวมอินทรีย์ มีจิตไม่คิดไปภายนอก ข้อนี้จักเป็นเหตุให้ท่านละความง่วงนั้นได้ ถ้ายังละไม่ได้ แต่นั้นท่านควรสำเร็จสีหไสยา คือ นอนตะแคงข้างเบื้องขวา ซ้อนเท้าเหลื่อมเท้า มีสติสัมปชัญญะ ทำความหมายในอันจะลุกขึ้นไว้ในใจ พอท่านตื่นแล้วรีบลุกขึ้น ด้วยความตั้งใจว่า เราจักไม่ประกอบสุขในการนอน เราจักไม่ประกอบสุขในการเอนข้าง (เอนหลัง) เราจักไม่ประกอบสุขในการเคลิ้มหลับ อนึ่ง ท่านควรสำเหนียกใจอย่างนี้ว่า เราจักไม่ชูงวง (คือถือตัว) เข้าไปสู่สกุล ดังนี้ เพราะว่า ถ้าภิกษุชูงวงเข้าไปสุ่สกุล ถ้ากิจการในสกุลนั้นมีอยู่ อันเป็นเหตุที่มนุษย์เขาจักไม่นึกถึงภิกษุผู้มาแล้ว ภิกษุก็คงคิดว่า เดี๋ยวนี้ใครหนอยุยงให้เราแตกร้าวจากสกุลนี้ เดี๋ยวนี้ดูมนุษย์พวกนี้มีอาการอิดหนาระอาใจในเรา เพราะไม่ได้อะไร เธอก็จักมีความเก้อ ครั้นเก้อ ก็จักเกิดความคิดฟุ้งซ่าน ครั้นคิดฟุ้งซ่านแล้ว ก็จักเกิดความไม่สำรวม ครั้นไม่สำรวมแล้ว จิตก็จักห่างจากสมาธิ อนึ่ง ท่านสำเหนียกใจอย่างนี้ว่า เราจักไม่พูดคำอันเป็นเหตุเถียงกัน ถือผิดต่อกันดังนี้ เพราะว่า เมื่อคำอันเป็นเหตุเถียงกัน ถือผิดต่อกันมีขึ้น ก็จำจักต้องหวังความพูดมาก เมื่อความพูดมากมีขึ้น ก็จักเกิดความคิดฟุ้งซ่าน ครั้นคิดฟุ้งซ่านแล้ว ก็จักเกิดความไม่สำรวม ครั้นไม่สำรวมแล้ว จิตก็จักห่างจากสมาธิ อนึ่ง โมคคัลลานะ เราสรรเสริญความคลุกคลีด้วยประการทั้งปวงหามิได้ แต่มิใช่สรรเสริญความคลุกคลีด้วยประการทั้งปวงเลย คือ เราไม่สรรเสริญความคลุกคลีด้วยหมู่ชน ทั้งคฤหัสถ์ ทั้งบรรพชิต ก็แต่ว่า เสนาสนะที่นอนที่นั่งอันใดเงียบเสียงอื้ออึง ปราศจากลมแต่คนเดินเข้าออก ควรเป็นที่ประกอบกิจของผู้ต้องการที่สงัด ควรเป็นที่หลีกออกเร้นอยู่ตามสมณวิสัย เราสรรเสริญความคลุกคลีเสนาสนะเห็นปานนั้น เมื่อพระศาสดาตรัสสอนอย่างนี้แล้ว พระโมคคัลลานะกราบทูลถามว่า โดยย่อด้วยข้อปฏิบัติเพียงเท่าไร ภิกษุชื่อว่าน้อมไปแล้วในธรรมที่สิ้นตัณหา มีความสำเร็จล่วงส่วน เกษมจากโยคธรรมล่วงส่วน เป็นพรหมจารีบุคคลล่วงส่วน มีที่สุดล่วงส่วนประเสริฐสุดกว่าเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย พระศาสดาตรัสตอบว่า โมคคัลลานะ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ได้สดับว่า บรรดาธรรมทั้งปวงไม่ควรยึดมั่น ครั้นได้สดับดังนี้แล้ว เธอทราบธรรมทั้งปวงชัดด้วยปัญญาอันยิ่ง ครั้นทราบธรรมทั้งปวงชัดด้วยปัญญาอันยิ่งดังนั้นแล้ว ย่อมกำหนดรู้ธรรมทั้งปวง ครั้นกำหนดรู้ธรรมทั้งปวงดังนั้นแล้ว เธอได้เสวยเวทนาอย่างใดอย่างหนึ่ง เป็นสุขก็ดี ทุกข์ก็ดี มิใช่ทุกข์มิใช่สุขก็ดี เธอพิจารณาเห็นว่าไม่เที่ยง พิจารณาเห็นด้วยปัญญาเป็นเครื่องหน่าย พิจารณาเห็นด้วยปัญญาเป็นเครื่องประดับ พิจารณาเห็นด้วยปัญญาเป็นเครื่องสละคืน ในเวทนาทั้งหลายนั้น เมื่อพิจารณาเห็นดังนั้น ย่อมไม่ยึดมั่นสิ่งอะไร ๆ ในโลก เมื่อไม่ยึดมั่น ย่อมไม่สะดุ้งหวาดหวั่น เมื่อไม่สะดุ้งหวาดหวั่น ย่อมกับกิเลสให้สงบจำเพาะตน และทราบชัดว่าชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์ได้อยู่จบแล้ว กิจที่จำต้องทำได้ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นที่ต้องทำอย่างนี้อีกมิได้มี โดยย่อด้วยข้อปฏิบัติเพียงเท่านี้แล ภิกษุชื่อว่า น้อมไปแล้วในธรรมที่สิ้นตัณหา มีความสำเร็จล่วงส่วน เกษมจากโยคธรรมล่วงส่วน เป็นพรหมจารีบุคคลล่วงส่วน มีที่สุดล่วงส่วนประเสริฐสุดกว่าเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย พระโมคคัลลานะปฏิบัติตามพระพุทธโอวาทที่พระศาสดาทรงสั่งสอน ก็ได้สำเร็จพระอรหัตในวันนั้น [/SIZE]
    [SIZE=-1][SIZE=-1]พระศาสดา ทรงยกย่องพระโมคคัลลานะเป็นคู่กับพระสารีบุตร ในอันอุปการะผู้เข้ามาอุปสมบทใหม่ในพระธรรมวินัย ดังกล่าวแล้วในหนหลัง อีกประการหนึ่ง ทรงยกย่องพระโมคคัลลานะว่าเป็นเยี่ยมแห่งภิกษุสาวกผู้มีฤทธิ์นี้ ฤทธิ์นี้หมายเอาคุณสมบัติเป็นเครื่องสำเร็จแห่งความปรารถนา สำเร็จด้วยความอธิษฐาน คือตั้งมั่นแห่งจิต ผลที่สำเร็จด้วยอำนาจฤทธิ์นั้น ท่านแสดงล้วนแต่พ้นวิสัยของมนุษย์ ดังมีแจ้งอยู่ในอิทธิวิธี อันนับเป็นอภิญญาอย่างหนึ่ง จัดว่าเป็นอสาธารณคุณ ไม่มีแก่พระสาวกทั่วไปก็ได้ การที่พระศาสดาทรงยกย่องพระโมคคัลลานะว่า เป็นเอตทัคคะในฝ่ายสาวกผู้มีฤทธิ์นั้น ประมวลเข้ากับการที่ทรงยกย่องพระสารีบุตรว่า เป็นเอตทัคคะในฝ่ายภิกษุผู้มีปัญญาจะพึงให้ได้สันนิษฐานว่า พระโมคคัลลานะ เป็นกำลังใหญ่ของพระศาสดาในอันยังการที่ทรงพระพุทธดำริไว้ให้สำเร็จ พระศาสดาได้สาวกผู้มีปัญญา เป็นผู้ช่วยดำริการ และได้สาวกผู้สามารถยังภารธุระที่ดำริแล้วนั้นให้สำเร็จ จักสมพระมนัสสักปานไร แม้โดยนัยนี้ พระโมคคัลลานะ จึงได้รับยกย่องว่าเป็นพระอัครสาวกคู่กับพระสารีบุตรเป็นฝ่ายซ้าย โดยหมายความว่า เป็นคณาจารย์สอนพระศาสนาในฝ่ายอุดรทิศดังกล่าวแล้ว หรือโดยหมายความว่าเป็นที่ ๒ รองแต่พระสารีบุตรลงมา[/SIZE]
    [SIZE=-1]พระธรรมเทศนาของพระโมคคัลลานะอยู่ข้างหายาก ที่เป็นโอวาทให้แก่ภิกษุสงฆ์ มีแต่อนุมานสูตร ว่าด้วยธรรมอันทำตนให้เป็นผู้ว่ายากหรือว่าง่าย พระธรรมสังคาหกาจารย์ สังคีติไว้ในมัชฌิมนิกาย[/SIZE]
    [SIZE=-1]พระโมคคัลลานะนั้น เห็นจะเข้าใจในการนวกรรมด้วย พระศาสดาจึงได้โปรดให้เป็นนวกัมมาธิฏฐายี คือ ผู้ดูนวกรรมแห่งบุรพาราม ที่กรุงสาวัตถี อันนางวิสาขาสร้าง[/SIZE]
    [SIZE=-1]แม้พระโมคคัลลานะ ก็ปรินิพพานก่อนพระศาสดา มีเรื่องเล่าว่าถูกผู้ร้ายฆ่า ดังต่อไปนี้ ในคราวที่พระเถรเจ้าอยู่ ณ ตำบลกาฬสิลาแขวงมคธ พวกเดียรถีย์ปรึกษากันว่า พระโมคคัลลานะเป็นกำลังใหญ่ของพระศาสดา สามารถนำข่าวในสวรรค์และนรกมาแจ้งแก่มนุษย์ชักนำให้เลื่อมใส ถ้ากำจัดพระโมคคัลลานะเสียได้แล้ว ลัทธิฝ่ายตนจักรุ่งเรื่องขึ้น จึงจ้างผู้ร้ายให้ลอบฆ่าพระโมคคัลลานะเสีย ท่านยังไม่ถึงมรณะ เยียวยาอัตภาพด้วยกำลังฌานไปเฝ้าพระศาสดาทูลลาแล้ว จึงกลับมาปรินิพพาน ณ ที่เดิม พระโมคคัลลานะอยู่มาจนถึงพรรษาที่ ๔๕ แต่ตรัสรู้ล่วงแล้ว ปรินิพพานในวันดับแห่งกัตติกมาส ภายหลังพระสารีบุตรปักษ์หนึ่ง พระศาสดาได้เสด็จไปทำฌาปนกิจแล้ว รับสั่งให้เก็บอัฐิธาตุมาก่อพระเจดีย์บรรจุไว้ ณ ที่ใกล้ซุ้มประตูแห่งเวฬุวนาราม ระยะทางเสด็จพุทธจาริกแต่บ้านเวฬุวคาม[/SIZE]
    [SIZE=-1]ครั้งหนึ่งนั้น พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ที่เวฬุวันวิหาร อาศัยเมืองราชคฤห์เป็นที่ภิขาจาร พระองค์ได้ปรารภพระมหาโมคคัลลานเถระให้เป็นเหตุ จึงได้ตรัสเรื่องราวนี้มีความว่า พระมหาโมคคัลลานเถระเป็นทุติยสาวกปรากฏด้วยอิทธิศักดายิ่งกว่าผู้ใดในไตรภพเว้นไว้แต่พระตถาคตองค์เดียว พระตถาคตให้เป็นเอตทัคคะว่า ประเสริฐเลิศด้วยอิทธิฤทธิ์ยิ่งกว่าสาวกในพระศาสนา ท่านได้เที่ยวไปสู่เทวจาริกในสวรรค์ นำเอาการกุศลที่เทพบุตรเทพธิดา กระทำอย่างนั้น ๆ เอามาบอกแก่มหาชนชาวมนุษย์ แล้วท่านลงไปสู่นรก นำเอาข่าวมาบอกแก่คนทั้งหลายว่า บุคคลกระทำบาปมีชื่อนี้ ๆ ไปทนทุกขเวทนาในนรกขุมนั้น ๆ ท่านได้โปรดสัตว์ที่ไปทนทุกข์ให้เป็นสุขสบาย ท่านขวนขวายในกิจของท่านมาช้านาน[/SIZE]
    [SIZE=-1]ครั้นอยู่มาสมัยหนึ่ง พระมหาเถระจำพระวัสสาอยู่ ณ กาฬศิลาประเทศ พวกเดียรถีย์นิครนถ์ทั้งหลาย ก็ปราศจากลาภสักการบูชา มหาชนเลื่อมใสในพระศาสนาเป็นอันมาก เดียรถีย์นิครนถ์ผู้ใหญ่จึงปรึกษาว่า ลาภสักการะ จะเกิดแก่พระสมณโคดม ก็อาศัยพระโมคคัลลานเถระผู้เดียว เพราะพระโมคคัลลานมีฤทธิ์ เที่ยวขึ้นไปบนสวรรค์ และลงนรก ได้เห็นความเป็นไปในที่นั้น ๆ แล้ว นำมาบอกแก่มหาชนชาวมนุษย์ ถึงผลของกุศลกรรมของผู้ที่อยู่บนสวรรค์ และอกุศลกรรมของผู้ที่อยู่ในนรก ดังนั้นถ้าคิดพิฆาตฆ่าและโมคคัลลานให้ตายแล้ว พระสมณโคดมก็จะเสื่อมจากลาภสักการบูชา พวกเดียรถีย์ทั้งหลายก็เห็นจริงพร้อมกัน เดียรถีย์ผู้ใหญ่จึงคิดเรี่ยไรทรัพย์จากพวกอุปฐากของตน ได้ทรัพย์พันตำลึง แล้วไปจ้างโจรให้ไปฆ่าพระโมคคัลลาน พวกโจรได้ไปล้อมกุฎีของท่าน คอยฆ่าท่านเมื่อเพลาปัจจุสมัยใกล้รุ่ง ฝ่ายพระโมคคัลลานเถระ เมื่อรู้เหตุว่าโจรมาล้อมกุฎี ก็หนีออกมาโดยช่องดาล โจรหาตัวท่านไม่พบก็กลับไป อยู่มาวันหนึ่งจึงพากันไปล้อมอีก ท่านก็หนีออกไปทางช่องช่อฟ้า พวกโจรพากันมาล้อมจะจับตัวท่านฆ่าให้ตาย แต่หาท่านไม่พบต้องพากันกลับไปโดยนัยดังนี้ถึง 2 เดือน[/SIZE]
    [/SIZE]

    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    พระโมคคัลลานะ
    http://www.heritage.thaigov.net/reli...t/priest6.html

    ครั้นถึงเดือน เป็นที่สุดจะออกพระวัสสา โจรทั้งหลายก็มาล้อมกุฎีอีก พระมหาเถระพิจารณาดู ก็รู้ประจักษ์ใจว่า กรรมของท่านได้กระทำไว้แต่ปางหลัง ตามมาทันแล้วในครั้งนี้ แม้ท่านจะหนีไปอยู่ในที่ใด ๆ ที่จะพ้นภัยนั้นอย่าสงกา เมื่อท่านพิจาณาเห็นดังนั้นแล้ว ก็นั่งอยู่ในกุฎี ไม่ได้หนีไปดังหนหลัง โจรทั้งหลายเห็นท่าน จึงเข้าไปทุบตีด้วยศาสตราวุธต่าง ๆ จนกระดูกท่านแหลก ปานประหนึ่งว่าเม็ดข้าวสาร แหลกละเอียดไปทั้งกาย แล้วพวกโจรก็นำร่างของท่านไปทิ้ง ฝ่ายพระมหาเถระได้เสวยทุกขเวทนา พ้นที่จะอุปมา แต่ยังทรงชีวิตอยู่ จึงคิดอยู่ในใจว่า ตัวท่านนี้จะดับสูญเข้าสู่นิพพานแล้ว จำจะไปถวายนมัสการลาพระผู้มีพระภาค แล้วจึงกลับมาเข้าสู่พระนิพพานในที่นี้ คิดดังนั้นแล้วจึงเข้าฌานสมาบัติ อธิษฐานผูกรัดร่าง กระดูกที่แหลกละเอียด ก็คุมกันเข้าเป็นแท่งเดียวดังเก่าด้วยกำลังฌาน แล้วจึงเหาะไปสู่เวฬุวันมหาวิหาร เข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาค กราบทูลลาเข้าสู่พระนิพพาน พระผู้มีพระภาคจึงมีพุทธฎีกาตรัสถามว่า จะนิพพานที่ใด ท่านกราบทูลว่า จะนิพพานที่กาฬศิลาประเทศ อันเป็นที่อยู่ของท่าน พระผู้มีพระภาคจึงตรัสว่า ตถาคตได้เห็นท่านก็เป็นที่สุดแล้ว ท่านจงเทศนาให้ตถาคตฟังก่อน พระสงฆ์ทั้งหลายจะได้เห็นท่านได้ฟังเทศนาของท่านก็เป็นที่สุดในครั้งนี้
    ฝ่ายพระมหาเถระได้ฟังพุทธฎีกาดังนั้น จึงได้สำแดงปาฏิหาริย์เป็นเอนกอนันต์
    ครั้นสำแดงแล้ว ก็สำแดงธรรมเทศนาแก่บริษัทเป็นปัจฉิมที่สุด เหมือนธรรมเสนาบดีสารีบุตร กระทำปาฏิหาริย์ถวายพระผู้มีพระภาค เมื่อท่านไปกราบทูลลาจะเข้าสู่พระนิพพาน เมื่อพระมหาเถระกระทำปาฏิหาริย์ เห็นปานดังพระสารีบุตร เสร็จแล้วจึงทูลลาว่า กระหม่อมฉันอุตส่าห์สร้างบารมีมาก็ช้านาน ประมาณได้อสงไขยยิ่งด้วยแสนกัปป์โดยคณนา หวังจะพบพระพุทธองค์ และพระศาสนาของพระพุทธองค์ บัดนี้ก็สำเร็จสมปรารถนาแล้ว จะได้ถวายนมัสการบรมบาทพระชินสีห์ก็เป็นที่สุดแล้ว จึงถวายบังคมลา พระสัพพัญญูบรมครูแล้วกลับไปกาฬศิลาประเทศ เข้าไปสู่กุฎีที่อยู่จำพระวัสสา จึงเข้าสมาบัติตั้งแต่ปฐมฌานขึ้นไป แล้วกลับถอยหลังลงมาเป็นอนุโลมปฏิโลมหลายครั้ง ครั้นออกจากสมาบัติแล้ว พระมหาเถระก็เข้าสู่พระนิพพาน
    กิตติศัพท์ที่พวกโจรเข้าทุบตีพระโมคคัลลานะนั้น ได้เลื่องลือไปในนิคมชนบทนานาประเทศ บรรดาอำมาตย์ได้นำความเข้ากราบทูลพระเจ้าอชาตศัตรู เมื่อพระองค์ทรงทราบก็เกิดสังเวชสลดพระทัย ทรงเห็นว่าการกระทำของพวกโจรไม่บังควร จำจะเสาะเอาตัวมาลงโทษให้จงได้ แล้วได้ทรงสั่งให้พวกอำมาตย์ ไปดำเนินการจนได้ตัวพวกโจร แล้วนำเข้าไปถวายพระเจ้าอชาตศัตรู เมื่อซักไซ้ไต่สวนได้ความว่า พวกสมณชีเปลือยใช้โจรให้ไปกระทำการดังกล่าว พระองค์จึงสั่งให้ไปจับพวกเดียรถีย์ชีเปลือยมาได้เป็นจำนวนมาก เมื่อซักไซ้ไต่ถามได้ความจริงแล้ว จึงสั่งให้ราชบุรุษ เอาพวกเดียรถีย์ชีเปลือย และพวกโจรที่จับมาได้ ฝังดินลึกเพียงสะดือ แล้วให้เอาใบไม้แห้งและฟางเกลี่ยไป จากนั้นจึงจุดไฟคลอก ครั้นเพลิงไหม้ทั่วกันแล้ว จึงให้เอาไถเหล็กมาไถ ให้ร่างกายขาดเป็นท่อนน้อยท่อนใหญ่ตายด้วยกันทั้งหมด
    อยู่มาวันหนึ่ง บรรดาพระสงฆ์ทั้งหลาย สันนิบาตประชุมกันในโรงธรรมสภาศาลา สนทนากันว่าน่าอัศจรรย์ใจ ด้วยพระโมคคัลลาน ประกอบด้วยฤทธานุภาพเป็นอันมาก ควรหรือมาตายด้วยมือโจร ฝ่ายองค์พระบรมโลกนาถ ได้ทรงได้ยินการสนทนาดังกล่าว จึงเสด็จออกจากพระคันธกุฎี มาสู่โรงธรรมศาลา แล้วตรัสถามว่า ได้สนทนาเรื่องอันใดอยู่ เมื่อบรรดาพระสงฆ์ทั้งหลายกราบทูลให้ทรงทราบแล้ว พระผู้มีพระภาคจึงได้มีพุทธฎีกาว่า สำแดงโมคคัลลานโอรสพระตถาคต ถูกโจรทุบตีให้ตาย จะได้มีแต่ปัจจุบันชาตินี้หามิได้ แต่ชาติก่อน ๆ ก็ตายด้วยโจรตีเช่นกัน ก็อาศัยอกุศลกรรมที่ได้กระทำไว้แต่ชาติหลังยังติดตามมา จึงถึงแก่ความมรณาไม่สมควรแก่ตน พระทศพลตรัสดังนี้แล้วก็ดุษณีนิ่งไป พระสงฆ์ทั้งหลายจึงทูลถาม ถึงกรรมที่พระโมคคัลลานกระทำไว้ พระพุทธองค์จึงนำอดีตมาประทานเทศนาว่า ในอดีตกาลแต่ปางหลัง มีกุลบุตรผู้หนึ่งปฏิบัติรักษามารดา บิดาตามืด ทั้ง 2 คน โดยไม่เกียจคร้าน ต่อมา มารดาบิดาจึงคิดอ่านจะหาภรรยาให้ลูกชาย เมื่อปรึกษาเรื่องนี้กับลูกชาย ก็ได้รับคำปฏิเสธว่าตนไม่ปรารถนา จะขอเลี้ยงมารดาบิดาไปจนตลอดชีวิต มารดาบิดาก็เฝ้าวอนว่าอยู่แล้ว ๆ เล่า ๆ ฝ่ายลูกชายขัดไม่ได้จึงยินยอมตามใจของมารดาบิดา มารดาบิดาจึงได้ไปขอกุมารี มาให้แก่ลูกชายของตน หญิงนั้นครั้นมาอยู่กับสามีแล้วปฏิบัติแม่ผัวพ่อผัวอยู่ไม่นาน ก็มีความเกียจคร้านเบื่อหน่าย คิดจะไปเสียให้พ้นจึงว่าแก่สามีของตนว่าตนไม่สบายใจ มารดาบิดาขี้บ่น ตนจะอยู่ต่อไปไม่ได้แล้ว สามีจึงตอบว่าก็ตามอัชฌาศัยของท่านเถิด ที่เราจะทิ้งมารดาบิดาของเราเสียนั้นมิได้ นางได้ฟังดังนั้นก็จนใจ จึงคิดกลอุบายจะให้ลูกชายทิ้งมารดาบิดาเสีย จะได้พากันไปอยู่ที่อื่นตามสบายใจ ครั้นสามีออกไปนอกบ้าน หญิงนั้นก็เที่ยวทิ้งของไว้เกลื่อนกลาด ครั้นสามีกลับมาพบเห็นก็บอกว่า มารดาบิดาของท่านทำเอาไว้ หญิงนั้นทำเช่นนี้อยู่เนือง ๆ ฝ่ายบุรุษผู้นั้นเป็นสัตว์มีวาสนา ได้บำเพ็ญบารมีมาช้านาน ได้ฟังคำหญิงพาลมาวอนเจรจาใส่โทษมารดาบิดา ก็ให้เร่าร้อนในหัวใจ ความรักใคร่ในมารดาแต่หนหลังนั้น ก็แตกออกเป็นสองภาค ด้วยความรักใคร่ในหญิงพาลส่งจิตไปตามภรรยา จึงตอบวาจาว่า มารดาบิดาของเรากระทำชั่วฉะนี้ ตกพนักงานพี่จะกระทำเอง ชายนั้นจึงให้มารดาบิดาบริโภคอาหารแล้วจึงมีวาจาว่า บัดนี้ญาติวงศาของท่านอยู่ในบ้านโน้น สั่งมาให้ตนพามารดาบิดาไป แล้วจึงให้มารดาบิดาขึ้นนั่งบนเกวียน แล้วจึงรีบไปตามมรรคา ครั้นถึงราวป่าแห่งหนึ่ง บุรุษนั้นคิดจะฆ่ามารดาบิดาให้ตาย จึงคิดอุบายบอกแก่มารดาบิดาว่า ราวป่านี้โจรส้องสุมอยู่เป็นอันมาก ถ้ารู้ว่าตนมามันก็จะฆ่าเสียให้ตาย บิดาจงเอาเชือกสายชักโคนี้เถิด แล้วเขาก็ลงจากเกวียนไป ชายนั้นเดินไปให้ไกลสักหน่อยหนึ่ง แล้วก็แกล้งแปลงเป็นเสียงโจรว่าคนสองคนนั้นจะไปไหน แล้วฉวยได้ไม้เข้าทุบตีมารดาบิดาแห่งตน ฝ่ายมารดาบิดาทั้งสองคนคิดว่าเป็นโจรจริง จึงร้องบอกลูกชายให้หนีไปให้พ้นมือโจร ส่วนตนทั้งสองแก่ชราแล้ว จะตายด้วยโจรก็ตามทีเถิด ฝ่ายลูกชายเมื่อทุบตีมารดาบิดาตายเสียแล้ว จึงเอาซากศพนั้นทิ้งเสียในราวป่า แล้วกลับมาสู่บ้านตนพร้อมภรรยา ตราบจนสิ้นชมม์วัสสาอายุแล้ว จุติไปเกิดโดยควรแก่อกุศลกรรม ที่ตนได้ทำไว้ในปัจจุบันชาติ
    เมื่อพระบรมศาสดา สำแดงบุพพกรรมแห่งพระโมคคัลลานด้วยประการฉะนี้แล้ว จึงมีพุทธฎีกาตรัสว่า สำแดงโมคคัลลานกระทำกรรมอันหยาบช้า ฆ่ามารดาบิดา ครั้นตนทำกาลกิริยาตาย ได้ไปทนทุกขเวทนาในนรกช้านาน มากกว่าหมื่นปีแสนปี ด้วยกรรมที่ตีมารดาบิดา ครั้นพ้นจากนรกแล้ว เศษบาปนั้นยังติดตามมา แต่โจรทั้งหลายฆ่าให้ตายดังนั้นถึง 500 ชาติ เป็นกำหนด สำแดงโมคคัลลานได้ทำอกุศลกรรมไว้ จึงได้เสวยวิบากผลสมควรแก่กรรมที่ตนได้กระทำมาแต่หนหลัง ยังพวกโจรและเดียรถีย์ที่ทุบตี สำแดงโมคคัลลานเล่า ก็ถึงซึ่งความวินาศฉิบหายน่าอเน็จอนาถ ฉะนี้
    พระผู้มีพระภาคได้ตรัสเทศนาด้วยพระคาถาต่อไปว่า บุคคลใดเป็นคนเมามาก ประกอบด้วยโทโส มาประทุษร้ายแก่พระขีณาสพเจ้าอันหาโทษทัณฑ์มิได้ บุคคลนั้นจะต้องทุกข์ทั้ง 10 ประการ ทุกข์ใดจะถึงแก่ตน เห็นประจักษ์ตาในอัตภาพชั่วนี้ คือต้องทุกขเวทนาอันทารุณโทษ โรคนั้นแต่ล้วนสาหัส จะบังเกิดมีแก่อัตภาพในชาตินี้ ประการหนึ่ง ทรัพย์สินเงินทองที่ตนหามาได้ด้วยกสิกรรม วาณิชกรรม ก็จะเสี่อมสูญไปไม่เหลือ ถ้ามิดังนั้นก็จะทนทุกขเวทนา มีเขาตัดตีนตัดมีอ ตัดหู ตัดจมูกของตน เป็นจมูกของตน เป็นต้น จะบังเกิดโรคาพยาธิอันหนัก จะเป็นเปลี้ยง่อยตัวตายไปตำหระหนึ่งโรคที่หนักๆ จักบังเกิดมี คือเป็นโรคเรื้อนกุฏฐัง ที่เหลือกำลังจะรักษาเยียวยาได้ ถ้ามิดังนั้นจะเป็นบ้าใบ้พิกลจริต เสียจิตเสียใจไม่เป็นสมประดีดังคนทั้งหลาย จะบังเกิดความฉิบหายแก่ราชทัณฑ์อาชญา ท้าวพระยามหากษัตริย์จะริบเอาโภคทรัพย์สมบัติพัสถานของตน ถ้ามิดังนั้นตัวอยู่ดี ๆ มีคนมาโพนทนาว่า เป็นโจรกระทำผิดในราชศาสตร์ มีแต่เขาใส่โทษให้ต้องราชทัณฑ์อาญา มีแต่คนอิจฉาคือฉ้อส่อเสียด ให้เสียสมบัติพัสดุต่าง ๆ อนึ่ง จะมีทรัพย์พัสดุสิ่งใดอยู่ในเรือนตนจะมีโจรเข้าวิ่งชิงเอาไป อนึ่งญาติวงศา บุตร ภรรยา อันที่รักใคร่ จะบังเกิดมรณภัยล้มตายหายจาก พลัดพรากฉิบหายประลัยไป สุดแท้แต่จะวิบัติไปด้วย เหตุสิ่งใดสิ่งหนึ่ง อนึ่ง ทรัพย์วัสดุเงินทองของรัก จะกลับกลายเป็นกระดูก เป็นกระเบี้อง เป็นถ่านเพลิงไป โดยต่ำตั้งแต่ข้าวเปลือกอยู่ในยุ้งฉาง ก็วิบัตเปื่อยเน่าผุไปเอง อนึ่ง จะเกิดไฟไหม้ไต้ลน ปีละสองสามหนให้จงได้ มิไหม้ด้วยไฟบ้านก็ไหม้ด้วยไฟป่า ไหม้ด้วยไฟฟ้า ถ้ามิฉะนั้น อยู่ดี ๆ จะมีไฟเกิดขึ้นด้วยธรรมดาเอง สุดแท้แต่จะเกิดไฟไหม้ให้ได้ อันบุคคลประทุษร้ายต่อผู้หาโทษมิได้ จะต้องทุกขฐานทั้ง 10 ประการ มิทุกข์สิ่งใดก็สิ่งหนึ่ง คงจะมาถึงตนในอัตภาพชั่วนี้ ครั้นสูญสิ้นชีวิตจากเมืองคน จะไปทนทุกขเวทนาในนรกสิ้นกาลช้านาน เพราะตนกระทำการทุจริตมิดี เห็นปานดังโจร และเดียรถีย์ทั้งหลายทำร้ายพระโมคคัลลานฉะนี้
    ครั้นพระพุทธองค์ตรัสเทศนาจบลง บริษัททั้งหลายก็สำเร็จมรรคผลธรรมวิเศษ ตามวาสนาบารมีที่ตนได้ก่อสร้างมา แต่ชาติหลังโน้น จึงเป็นอุปนิสัยให้สำเร็จความปรารถนา
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    พระมหาโมคคัลลานเถระ
    http://www.dhammathai.org/monk/monk59.php

    ท่านมหาโมคคัลลานะ เป็นบุตรพราหมณ์ผู้เป็นนายบ้านชื่อว่า โกลิตะ มารดาชื่อนางโมคคัลลี แต่เดิมชื่อว่า โกลิตะ ตามโคตรแห่งบิดา และถูกเรียกชื่อเพราะ เป็นบุตรนางโมคคัลลีว่า โมคคัลลานะ พอเข้ามาบวชในพระพุทธศาสนาแล้ว พวกภิกษุเรียกกันว่า พระโมคคัลลานะ ทั้งนั้นท่านเกิดใน โกลิตคามไม่ห่างจากเมืองราชคฤห์ สมัยเป็นเด็กได้เป็นสหายที่รักใคร่กันกับอุปติสสมาณพ ผู้มีอายุคราวเดียวกัน และตระกูลของทั้งสองนั้นมั่งคั่ง สมบูรณ์ด้วยโภคทรัพย์และบริวารเท่า ๆ กัน มีความคุ้นเคยสนิทสนมกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ เมื่อโกลิตมาณพเจริญวัยขึ้นก็ได้ำปศึกษาเล่าเรียนศิลปะด้วยกันกับอุปติสสมาณพ แม้จะไปเที่ยวหรือไปทำธุระอะไรก็มักจะไปด้วยกันอยู่เสมอ จนกระทั่งเข้ามาบวชในพระพุทธศาสนาก็บวชพร้อมกัน ต่างกันแต่ว่าได้ดวงตาเห็นธรรมครั้งแรกนั้นไม่พร้อมกัน เรื่องราวต่าง ๆ ก่อนอุปสมบทคล้าย ๆ กับพระสารีบุตรตามที่ได้บรรยายมาก่อนหน้านี้
    หลังจากอุปสมบทแล้ว ๗ วัน ได้ไปทำความเพียรอยู่ที่บ้านกัลลวาลมุตตคาม แขวงมคธ เกิดความอ่อนใจนั่งโงกง่วงอยู่ พระบรมศาสดาเสด็จไปที่นั่น ทรงสั่งสอน และแสดงอุบายสำหรับระงับความง่วง ๘ ประการ คือ
    ๑. โมคคัลลานะ เมื่อเธอมีสัญญาอย่างไร ความง่วงนั้นย่อมครอบงำได้ เธอควรทำในใจถึงสัญญานั้นให้มาก จะละความง่วงนั้นได้
    ๒. หากยังละไม่ได้ เธอควรตรึกตรองพิจารณาถึงธรรมตามที่ตนได้ฟังและได้เรียนมาแล้วด้วยใจของเธอเอง จะละความง่วงได้
    ๓. หากยังละไม่ได้ เธอควรสาธยายธรรมตามที่ตนได้ฟังและได้เรียนมาโดยพิสดาร จะละความง่วงได้
    ๔. หากยังละไม่ได้ เธอควรยอนหูทั้งสองข้างและลูบด้วยฝ่ามือ จะละความง่วงได้
    ๕. หากยังละไม่ได้ เธอควรลุกข้นยืน ลูบนัยน์ตาด้วยน้ำ เหลียวดูทิศทั้งหลาย แหงนดูดาวนักษัตรฤกษ์ จะละความง่วงได้
    ๖. หากยังละไม่ได้ เธอควรทำในใจถึงอาโลกสัญญา คือความสำคัญในแสงสว่าง ตั้งความสำคัญว่ากลางวันไว้ในใจ ให้เหมือนกันทั้งกลางวันและกลางคืน มีจิตใจแจ่มใสไม่มีอะไรห่อหุ้ม ทำจิตอันมรแสงสว่างให้เกิด จะละความง่วงได้
    ๗. หากยังละไม่ได้ เธอควรอธิษฐานจงกรม กำหนดหมายว่าจะเดินกลับไปกลับมา สำรวมอินทรีย์ มีจิตไม่คิดไปภายนอก จะละความง่วงได้
    ๘. หากยังละไม่ได้ เธอควรสำเร็จสีหไสยาสน์ คือนอนตะแคงเบื้องขวา ซ้อนเท้าเหลื่อมกัน มีสติสัมปชัญญะ ตั้งใจว่าจะลุกขึ้น พอเธอตื่นแล้วควรรีบลุกขึ้น ด้วยการตั้งใจว่าจะไม่ประกอบสุขในการนอน จะไม่ประกอบสุขในการเอนหลัง จะไม่ประกอบสุขในการเคลิ้มหลับ

    ครั้นตรัสสอนอุบาย สำหรับระงับความง่วงอย่างนี้แล้ว ทรงสั่งสอนให้สำเหนียกอย่างนี้ว่า "เราจักไม่ชูงวง (คือการถือตัว) เข้าไปสู้ตระกูล จักไม่พูดคำที่เป็นเหตุให้คนเถียงกัน เข้าใจผิดต่อกัน และตรัสสอนให้ยินดีด้วยที่นั่งที่นอนอันเงียบสงัด และควรเป็นอยู่ตามลำพังสมณวิสัยไ เมื่อตรัสสอนอย่างนี้แล้ว พระโมคคัลลานะกราบทูลถามว่า "โดยย่อข้อปฏิบัติเพียงเท่าไร ภิกษุชื่อว่าน้อมไปแล้วในธรรมที่สิ้นตัณหา มีความสำเร็จล่วงส่วนเกษมจากโยคะธรรม เป็นพรหมจารีบุคคลยิ่งกว่าผู้อื่น มีที่สุดกว่าผู้อื่น ประเสริฐสุดกว่าเทวดาและมนุษย์ทั้งหลายไ พระบรมศาสดาตรัสตอบว่า "โมคคัลลานะ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ไดเสดับแล้วว่า ธรรมทั้งปวงไม่ควรยึดมั่นถือมั่น เธอทราบชัดธรรมทั้งปวงด้วยปัญญาอันวิเศษ ย่อมกำหนดรู้ธรรมทั้งปวงได้ เธอได้ประสบเวทนาอย่างใดอย่างหนึ่ง เป็นสุขก็ดี เป็นทุกข์ก็ดี มิใช่สุขมิใช่ทุกข์ก็ดี เธอพิจารณาเห็นว่าไม่เที่ยง พิจารณาเห็นด้วปัญญาเป็นเครื่องหน่าย เป็นเครื่องดับ เป็นเครื่องสละ คืนในเวทนาทั้งหลายนั้น เมื่อพิจารณาเห็นดังนั้น ย่อมไม่ยึดมั่น ถือมั่น สิ่งอะไร ๆ ในโลกไม่มีความสะดุ้งหวาดหวั่น ย่อมดับกิเลสให้สงบได้ด้วยตนเอง และทราบชัดว่า ชาตินี้สิ้นแล้ว พรหมจรรย์ได้อยู่จบแล้ว กิจที่จะต้องทำได้ทำสำเร็จแล้ว กิจอื่นที่จะทำอย่างนี้อีกมิได้มี ว่าโดยย่อข้อปฏิบัติเพียงเท่านี้แหละ ภิกษุได้ชื่อว่าน้อมไปแล้วในธรรมเป็นที่สิ้นตัณหา" ท่านพระโมคคัลลานะได้ปฏิบัติตามโอวาท ที่พระบรมศาสดาตรัสสั่งสอน ก็ได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ในวันนั้น
    ครั้นได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้ว พระโมคคัลลานะได้เป็นกำลังสำคัญของพระบรมศาสดาในการดำเนินกิจการต่าง ๆ ตามที่พระองค์ทรงดำริให้สำเร็จเพราะท่านเป็นผู้มีฤทธิ์มาก จึงได้รับการยกย่องจากสมเด็จพระบรมศาสดาว่า "เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายในทางเป็นผู้มีฤทธิ์" และทรงยกย่องว่าเป็นคู่พระอัครสาวก คู่กันกับพระสารีบุตรในการอุปการะภิกษุผู้เข้ามาบวชในพระธรรมวินัย ดังกล่าวในประวัติพระสารีบุตรว่า สารีบุตรเปรียบเหมือนมารดาผู้ยังบุตรให้เกิด โมคคัลลานะเปรียบเหมือนนางนมผู้เลี้ยงทารกที่เกิดแล้ว สารีบุตรย่อมแนะนำให้ตั้งอยู่ในโสดาปัตติผล โมคคัลลานะแนะนำให้ตั้งอยู่ในคุณเบื้องบน ที่สูงกว่านั้น ด้วยเหตุนี้จึงมีคำยกย่องว่าพระสารีบุตรเป็นพระอัครสาวกฝ่ายขวา พระโมคคัลลานะเป็นพระอัครสาวกฝ่ายซ้าย พระธรรมเทศนา ของพระโมคคัลลานะไม่ค่อยจะมีที่เป็นโอวาทให้แก่ภิกษุสงฆ์มีเพียงแต่อนุมานสูตร ซึ่งว่าด้วยธรรมินทำให้คนเป็นผู้ว่ายากหรือง่าย ในมัฌิมนิกายกล่าวว่า ท่านพระโมคคัลลานะเข้าใจในนวกรรมคือการก่อสร้าง เพราะฉนั้นเมื่อนางวิสาขามหาอุบาสิกาสร้างบุพพาราม ในเมืองสาวัตถี พระบรมศาสดารับสั่งให้ท่านเป็นนวกัมมาธิฏฐายี คือผู้ควบคุมการก่อสร้าง
    ท่านพระโมคคัลลานะ ปรินิพพานก่อนพระบรมศาสดา มีเรื่องเล่าว่า ครั้งเมื่อท่านพำนักอยู่ ณ ตำบลกาฬศิลา แคว้นมคธ พวกเดียรถีย์ปรึกษากันว่า บรรดาลาภสักการะ ทั้งหลายที่เกิดขึ้นแก่พระบรมศาสดาในครั้งนั้น ก็เพราะอาศัยพระโมคคัลลานะ เพราะสามารถนำข่าวในสวรรค์และนรกมาแจ้งแก่มนุษย์ ชักนำให้ประชาชนเกิดความเลื่อมใส ถ้าพวกเรากำจัดพระโมคคัลลานะเสียได้แล้ว ลัทธิของพวกเราก็จะเจริญรุ่งเรืองขึ้น ลาภสักการะต่าง ๆ ก็จะมาหาพวกเราหมด เมื่อปรึกษากันดังนั้นแล้วจึงจ้างโจรผู้ร้ายให้ลอบฆ่าพระโมคคัลลานะ เมื่อโจรมาท่านพระโมคคัลลานะทราบเหตุนั้นจึงหนีไปเสียสองครั้ง ครั้งที่สามท่านพิจารณาเห็นว่ากรรมตามทันจึงไม่หนี พวกโจรผู้ร้ายจึงได้ทุบตีจนร่างกายแหลกเหลว ก็สำคัญว่าตายแล้ว จึงนำร่างท่าน ไปซ่อนไว้ในพุ่มไม้แห่งหนึ่งแล้วพากันหนีไป ท่านพระโมคคัลลานะยังไม่มรณะ เยียวยาอัตภาพให้หายด้วยกำลังฌานแล้วเข้าไปเฝ้าสมเด็จพระบรมศาสดา แล้วทูลลากลับปรินิพพาน ณ ที่เกิดเหตุ ในวันเดือนดับ เดือน ๑๒ หลังพระสารีบุตร ๑๕ วัน สมเด็จพระบรมศาสดาได้เสด็จไปทำฌาปนกิจแล้วรับสั่งให้นำอัฐิธาตุ มาก่อเจดีย์บรรจุไว้ ณ ที่ใกล้ประตูวัดเวฬุวัน

    .
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    ประวัติแห่งอนุพุทธ ๘๐ พระองค์
    คณะตรีมิตร และ คณาจาริโย
    Ab15

    พระโมคคัลลานเถระ

    http://www.geocities.com/piyainta/ab15.htm
    ชาติภูมิ <O:p</O:p

    ท่านพระโมคคัลลานะ เป็นบุตรพราหมณ์ผู้เป็นนายบ้าน ชื่อว่า โกลิตะ มารดาชื่อว่านางโมคคัลลี เดิมท่านชื่อว่า โกลิตะ ตามโคตรแห่งบิดา อีกอย่างหนึ่งเขาเรียกตามความที่เป็นบุตรนางโมคคัลลีว่า โมคคัลลานะ ท่านเข้ามาบวชในพระพุทธศาสนาแล้ว พวกสพรหมจารีกเรียกท่านว่า โมคคัลลานะทั้งนั้น ท่านเกิดในตำบลบ้านไม่ห่างไกลจากกรุงราชคฤห์ ได้เป็นสหายที่รักใคร่กันกับอุปติสสมาณพ มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน เพราะตระกูลทั้งสองนั้นเป็นสหายติดต่อกันมาแต่ครั้งบรรพบุรุษ และเป็นตระกูลที่มั่งคั่งสมบูรณ์ด้วยโภคทรัพย์และบริวารเสมอกัน ครั้นเจริญวัยขึ้นแล้วได้เล่าเรียนศิลปะด้วยกัน แม้จะไปไหนหรือทำอะไรก็ไปและทำด้วยกัน จนกระทั่งเข้ามาบวชในพระพุทธศาสนา ก็บวชพร้อมกัน ต่างกันแต่ว่า ได้ดวงตาเห็นธรรมครั้งแรกคนละคราว พึงทราบเรื่องราวตามที่กล่าวแล้วในประวัติของพระสารีบุตรเถระนั้น ในที่นี้จะกล่าวตั้งแต่อุปสมบทแล้วไปฯ
    <O:p</O:p
    เรียนอุบายระงับความง่วง<O:p</O:p
    จำเดิมแต่ท่านได้อุปสมบทในพระธรรมวินัยได้ ๗ วัน ไปทำความเพียรอยู่ที่บ้านกัลลวาลมุตตคาม แขวงมคธ อ่อนใจนั่งโงกง่วงอยู่ พระบรมศาสดาเสด็จไปที่นั้น ทรงสั่งสอนและแสดงอุบายสำหรับระงับความง่วง มีประการต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
    ๑. โมคคัลลานะ เมื่อท่านมีสัญญาอย่างไร ความง่วงนั้นย่อมครอบงำได้ ท่านควรทำในใจถึงสัญญานั้นให้มากฯ
    ๒. ท่านควรตรึกตรองพิจารณาถึงธรรมตามที่ได้ฟังแล้ว และได้เรียนแล้ว ด้วยใจของท่านเอง
    ๓. ท่านควรสาธยายธรรมตามที่ตัวได้ฟังแล้ว และได้เรียนแล้วโดยพิสดารฯ
    ๔. ท่านควรยอนหูทั้งสองข้าง และลูบด้วยฝ่ามือฯ
    ๕. ท่านควรลุกขึ้นยืน ลูบนัยน์ตาด้วยน้ำ เหลียวดูทิศทั้งหลาย แหงนดูดาวนักขัตรฤกษ์ฯ
    ๖. ท่านควรทำในใจถึงอาโลกสัญญา คือ ความสำคัญในแสงสว่าง ตั้งความสำคัญว่ากลางวันไว้ในใจ ให้เหมือนกันทั้งกลางวันและกลางคืน มีใจเปิดเผยฉะนี้ ไม่มีอะไรหุ้มห่อ ทำจิตอันมีแสงสว่างให้เกิดฯ
    ๗. ท่านควรอธิษฐานจงกรม กำหนดหมายว่า จักเดินกลับไปกลับมา สำรวมอินทรีย์ มีจิตไม่คิดไปภายนอกฯ
    ๘. ท่านควรสำเร็จสีหไสยาสน์ คือ นอนตะแคงข้างเบื้องขวา ซ้อนเท้าเหลื่อมกัน มีสติสัมปชัญญะ ทำความหมายในอันที่จะลุกขึ้นไว้ในใจ พอท่านตื่นแล้ว ควรรีบลุกขึ้น
    <O:p</O:p
    ครั้นตรัสสอนอุบายสำหรับระงับความง่วงอย่างนี้แล้ว ทรงสั่งสอนให้สำเหนียกในใจอีกต่อไปว่า เราจักไม่ชูงวง (คือถือตัว) เข้าไปสู่ตระกูล เราจักไม่พูดคำซึ่งเป็นเหตุให้เถียงกัน เข้าใจผิดต่อกัน และตรัสสอนให้ยินดีด้วยที่นอนที่นั่งอันเงียบสงัด และควรเป็นที่อยู่ตามสำพังสมณวิสัย เมื่อตรัสสอนอย่างนี้แล้ว พระโมคคัลลานะกราบทูลถามว่า โดยย่อข้อปฏิบัติเพียงเท่าไร ภิกษุชื่อว่าน้อมไปแล้วในธรรมที่สิ้นตัณหา มีความสำเร็จล่วงส่วนเกษมจากโยคธรรม เป็นพรหมจารีบุคคลยิ่งกว่าผู้อื่นที่มีสุดดีกว่าผู้อื่น ประเสริฐสุดกว่าเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย พระบรมศาสดาตรัสตอบว่า โมคคัลลานะ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ได้สดับแล้วว่า ธรรมทั้งปวงไม่ควรถือมั่น เธอทราบชัดธรรมทั้งปวงด้วยปัญญาอันวิเศษ ย่อมกำหนดรู้ธรรมทั้งปวงได้ เธอได้ประสบเวทนาอย่างใดอย่างหนึ่ง เป็นสุขก็ดี เป็นทุกข์ก็ดี มิใช่ทุกข์มิใช่สุขก็ดี เธอพิจารณาเห็นว่าไม่เที่ยง พิจารณาเห็นด้วยปัญญา เป็นเครื่องหน่าย เป็นเครื่องดับ เป็นเครื่องสละคืนในเวทนาทั้งหลายนั้น เมื่อพิจารณาเห็นดังนั้น ย่อมไม่ถือมั่นสิ่งอะไร ๆ ในโลก ไม่สะดุ้งหวาดหวั่น ย่อมดับกิเลสให้สงบได้ด้วยตนเอง และทราบชัดว่า ชาตินี้สิ้นแล้ว พรหมจรรย์ได้อยู่จบแล้ว กิจที่จำจะต้องทำได้ทำสำเร็จแล้ว กิจอื่นที่จะทำอย่างนี้อีกมิได้มีว่าโดยย่อ ข้อปฏิบัติเพียงเท่านี้แล ภิกษุชื่อว่าน้อมไปแล้ว ในธรรมเป็นที่สิ้นตัณหา ท่านพระโมคคัลลานะ ปฏิบัติตามโอวาทที่พระบรมศาสดาตรัสสั่งสอน ก็ได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ในวันนั้นฯ
    <O:p</O:p
    เอตทัคคะ<O:p</O:p
    ครั้นพระโมคคัลลานะ ได้สำเร็จพระอรหันต์แล้ว ท่านได้เป็นกำลังสำคัญของพระบรมศาสดา ในอันยังกิจที่พระบรมศาสดาทรงดำริไว้ให้สำเต็จ เพราะท่านเป็นผู้มีฤทธานุภาพมาก จึงได้รับยกย่องจากสมเด็จพระบรมศาสดาว่า เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายในทางเป็นผู้มีฤทธิ์ และทรงยกย่องว่าเป็นคู่กันกับพระสารีบุตร ในอันอุปการะภิกษุผู้เข้ามาบวชในพระธรรมวินัยดังกล่าวแล้วในประวัติท่านพระสารีบุตรว่า สารีบุตรเปรียบเหมือนมารดาผู้ยังบุตรให้เกิด โมคคัลลานะเปรียบเหมือนนางนมผู้เลี้ยงทารกที่เกิดแล้ว สารีบุตรย่อมแนะนำให้ตั้งอยู่ในโสดาปัตติผล โมคคัลลานะแนะนำให้ตั้งอยู่ในคุณเบื้องบนที่สูงกว่านั้น ด้วยเหตุนี้ จึงมีคำยกย่องพระสารีบุตรเป็นอัครสาวกฝ่ายขวา พระโมคคัลลานะเป็นอัครสาวกฝ่ายซ้าย พระธรรมเทศนาของพระโมคคัลลานะไม่ค่อยจะมี ที่เป็นโอวาทให้แก่ภิกษุสงฆ์ก็มีเพียงแต่ อนุมานสูตร ซึ่งว่าด้วยธรรมอันทำให้คนเป็นผู้ว่ายากหรือว่าง่าย ส่วนที่พระธรรมสังคาหกาจารย์ร้อยกรองไว้ในมัชฌิมนิกายกล่าวว่า ท่านพระโมคคัลลานะนั้นเข้าใจในการนวกรรมด้วย (นวกรรม – การก่อสร้าง) เพราะฉะนั้น เมื่อนางวิสาขา มหาอุบาสิกาสร้างบุพพารามในกรุงสาวัตถี พระบรมศาสดารับสั่งให้ท่านเป็นนวกัมมาธิฏฐายี คือ ผู้ควบคุมการก่อสร้างฯ
    <O:p</O:p
    นิพพาน<O:p</O:p
    ท่านพระโมคคัลลานะ ปรินิพพานก่อนพระบรมศาสดา มีเรื่องเล่าว่า ครั้งเมื่อท่านพำนักอยู่ ณ ตำบลกาฬศิลา แคว้นมคธ พวกเดียรถีย์ปรึกษากันว่า บรรดาลาภสักการะทั้งหลายที่เกิดขึ้นแก่พระบรมศาสดาในครั้งนั้น ด้วยอาศัยพระโมคคัลลานะ เพราะท่านสามารถไปนำข่าวในสวรรค์และนรกมาแจ้งแก่มนุษย์ ชักนำให้ประชาชนเกิดความเลื่อมใส ถ้าพวกเรากำจัดพระโมคคัลลานะเสียได้แล้ว ลัทธิของพวกเราก็จะรุ่งเรืองขึ้น เมื่อปรึกษากันดังนั้นแล้ว จึงจ้างโจรผู้ร้ายให้ลอบฆ่าพระโมคคัลลานะ ตามตำนานท่านกล่าวว่า เมื่อโจรมา ท่านพระโมคคัลลานะทราบเหตุนั้นจึงหนีไปเสียสองครั้ง ครั้งที่สามท่านพิจารณาเห็นว่า กรรมตามทันจึงไม่หนี พวกโจรผู้ร้ายทุบตีจนร่างกายท่านแหลก ก็สำคัญว่าตายแล้ว จึงนำร่างกายของท่านไปซ่อนไว้ในพุ่มไม้แห่งหนึ่งแล้วพากันหนีไป ท่านพระโมคคัลลานะยังไม่มรณะ เยียวยาอัตภาพให้หายด้วยกำลังญาณ แล้วเข้าไปเฝ้าสมเด็จพระบรมศาสดา ทูลลากลับมาปรินิพพาน ณ ที่เดิมในวันดับเดือน ๑๒ ภายหลังพระสารีบุตรปักษ์หนึ่ง (๑๕ วัน) พระศาสดาได้เสด็จไปทำฌาปนกิจแล้วรับสั่งให้นำอัฐิธาตุมาก่อนพระเจดีย์บรรจุไว้ ณ ที่ใกล้ประตูแห่งเวฬุวนารามฯ..
    <O:p</O:p
    ข้อควรกำหนด<O:p</O:p
    เวทนาปริคคหสูตร พระธรรมเทศนาที่พระศาสดาตรัสเทศนาแก่ทีฆนขปริพาชกได้ธรรมจักษุ และพระสารีบุตรได้สำเร็จพระอรหันต์นั้น ทีฆนขปริพาชกได้ทูลแสดงทิฐิของตนว่า “พระโคตมะ ข้าพเจ้ามีความเห็นว่า สิ่งทั้งปวงไม่ควรแก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไม่ชอบใจหมด” พระศาสดาตรัสตอบว่า “อัคคิเวสนะ ถ้าอย่างนั้น ความเห็นอย่างนั้นก็ต้องไม่ควรแก่ท่าน ท่านก็ต้องไม่ชอบความเห็นอย่างนั้น” ตรัสตอบฉะนี้แล้วทรงแสดงสมณพราหมณ์มีทิฐิ ๔ จำพวกว่า “อัคคิเวสนะ สมณพราหมณ์พวกหนึ่ง มีทิฐิว่าสิ่งทั้งปวงควรแก่เราเราชอบใจหมด พวกหนึ่งมีทิฐิว่า สิ่งทั้งปวงไม่ควรแก่เรา เราไม่ชอบใจหมด พวกหนึ่งมีทิฐิว่า บางสิ่งควรแก่เรา เราชอบใจ บางอย่างไม่ควรแก่เรา เราไม่ชอบใจ ทิฐิของสมณพราหมณ์พวกต้น ใกล้ข้างความกำหนัดรักใคร่ยินดีในสิ่งนั้น ๆ ทิฐิของสมณพราหมณ์พวกที่ ๒ ใกล้ข้างความเกลียดชังนั้น ๆ ทิฐิพวกสมณพราหมณ์พวกที่ ๓ ใกล้ข้างความกำหนัดรักใคร่ในของบ้างสิ่ง ใกล้ข้างความเกลียดชังในของบางสิ่ง ผู้รู้พิจารณาเห็นว่า เราจักถือมั่น ทิฐิอย่างหนึ่งอย่างใด กล่าวว่าสิ่งนี้แลจริง สิ่งเหล่าอื่นหาจริงไม่ ก็จะต้องถือผิดจากคน ๒ พวกที่มีทิฐิไม่เหมือนกับตน ครั้นความถือผิดกันเกิดมีขึ้น ความวิวาทเถียงกันก็มีขึ้น ความเบียดเบียนก็มีขึ้น ผู้รู้เห็นอย่างนี้แล้วย่อมละทิฐินั้นเสียได้ ไม่ทำทิฐิอื่นให้เกิดขึ้นด้วย ความละทิฐิ ๓ อย่างนี้ ย่อมมี ด้วยอุบายอย่างนั้น” ครั้นแสดงโทษแห่งความถือมั่นด้วยทิฐิ ๓ อย่างนั้นแล้ว ทรงแสดงอุบายเครื่องไม่ยึดมั่นต่อไปว่า “อัคคิเวสนะ กาย คือ รูปประชุมมหาภูตรูปทั้ง ๔ มีมารดาบิดาเป็นแดนเกิด เจริญขึ้นเพราะข้าวสุกและขนมสดนี้ ต้องอบรมกันกลิ่นเหม็นและขัดสีมลทินเป็นนิตย์ มีความแตกกระจัดกระจายไปเป็นธรรมดา ควรพิจารณาเห็นโดยความเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ อดทนได้ยาก เป็นโรค เป็นดังหัวฝี เป็นดังลูกศร โดยความยากลำบาก ชำรุด ทรุดโทรม เป็นของว่างเปล่าไม่ใช่ตน เมื่อพิจารณาเห็นอย่างนี้ ย่อมละความพอใจรักใคร่กระวนกระวายในกามเสียได้ อนึ่ง เวทนาเป็น ๓ อย่าง คือ สุข ทุกข์ อุเบกขา คือไม่ใช่ทุกข์ ไม่ใช่สุข ในสมัยใดเสวยทุกข์ ในสมัยนั้นไม่ได้เสวยสุขและอุเบกขา ในสมัยใดเสวยสุข ในสมัยนั้นไม่ได้เสวยทุกข์และอุเบกขา ในสมัยใดเสวยอุเบกขา ในสมัยนั้นไม่ได้เสวยสุขและทุกข์ สุข ทุกข์ อุเบกขา ทั้ง ๓ อย่างนี้ไม่เที่ยง ปัจจัยประชุมแต่งขึ้นอาศัยปัจจัยเกิดขึ้นแล้ว มีความสิ้นไป เสื่อมไป คลายไป ดับไป เป็นธรรมดา อริยสาวกผู้ได้ฟังแล้ว เมื่อเห็นอย่างนี้ ย่อมหน่ายทั้งใน สุข ทุกข์ อุเบกขา เมื่อหน่ายก็ปราศจากกำหนัด เพราะปราศจากกำหนัด จิตก็พ้นจากถือมั่น เมื่อจิตพ้นแล้ว ก็เกิดญาณรู้ว่าพ้นแล้ว อริยสาวกนั้นรู้ชัดว่าชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์ได้อยู่จบแล้ว กิจที่จะต้องทำได้ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มีภิกษุผู้พ้นแล้วอย่างนี้ ไม่วิวาทโต้เถียงกับผู้ใดด้วยทิฐิของตน โวหารใดเขาพูดกันอยู่ในโลก ก็พูดตามโวหารนั้น แต่ไม่ถือมั่นด้วยทิฐิ”ฯ..<O:p</O:p




    .
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  11. นพคุณ

    นพคุณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2007
    โพสต์:
    842
    ค่าพลัง:
    +3,815
    คุณ CHODCHOI ร่วมบุญ 2 กองบุญ
    ประดิษฐานพระธาตุพระโมคคัลลานะที่ พระมหาเจดีย์พุทธบูชา

    โมทนาด้วยครับ
     
  12. ahingsaka

    ahingsaka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มกราคม 2007
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +208
    สาธุทั้งหมดทั้งมวลเด้อท่านโมช
    มีอะไรไม่บอกกันมั่งเลยนะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 27 มีนาคม 2008
  13. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    มูลเหตุของโครงการ"สร้างบุษบกประดิษฐานพระโมคคัลลานะ ๕๐๐ ปี" นี้ เกิดจากเมื่อคราวเดินทางไปกราบนมัสการพระที่วัดแห่งหนึ่ง(ขอสงวนนามเนื่องจากทางวัดไม่ได้เปิดเผยสถานที่แห่งนี้ไว้ในหนังสือ หรือเอกสารเผยแพร่อย่างเป็นทางการ)ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้มีโอกาสเดินทางไปกราบนมัสการเดินประทักษิณาวัตรรอบพระพุทธรูปบูชาโบราณสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้นภายในศาลาหลังหนึ่ง ในครึ่งรอบของการเดินรอบแรกนั้นได้พบพระพุทธรูปองค์หนึ่งในลักษณะขาดเหลือครึ่งองค์ พนมพระหัตถ์ขึ้นวันทา โดยประดิษฐานอยู่ทางด้านหลังของพระประธานตามภาพที่เห็นนี้ ในระหว่างการเดินครบรอบแรก และรอบที่สองนี้ได้เกิดความรู้สึกสงสัยขึ้นมาว่า พระพุทธเจ้าองค์ใด เหตุใดจึงต้องยกพระหัตถ์ขึ้นวันทา จึงกำหนดจิตรู้ขึ้น ความรู้สึกบอกว่าเป็นพระโมคคัลลานะพระอัครสาวกเบื้องซ้าย ขณะนั้นเกิดความรู้สึกว่าปรารถนาจะบูรณะซ่อมแซมพระองค์ท่าน เมื่อประทักษิณาวัตรครบ ๓ รอบ จึงได้เข้าไปกราบนมัสการสอบถามหลวงพี่ผู้ดูแลรักษาศาลาหลังนี้ว่า พระพุทธรูปองค์ที่ประดิษฐานที่ด้านหลังพระประธานคือพระโมคคัลลานะหรือไม่?

    หลวงพี่ท่านจ้องมองแล้วพูดยิ้มๆว่า
    "ใช่ โยม เป็นพระโมคคัลลานะที่ถูกพม่าเผาทำลายเมื่อครั้งเสียกรุงครั้งที่ ๒ ปีพ.ศ. ๒๓๑๐ มีอายุถึงบัดนี้ประมาณ ๕๐๐ ปี เมื่อราว ๓ ปีก่อน(ขณะรับทราบข้อมูลเมื่อปีพ.ศ. ๒๕๕๐)ทางเจ้าหน้าที่กรมศิลปากร ๒ ท่าน ได้มีโอกาสมาพบ และได้แจ้งขอขึ้นทะเบียนเป็นพระพุทธรูปโบราณไว้"

    ผมจึงได้ขอปวารณาตัวจะขอบูรณะซ่อมแซมพระโมคคัลลานะองค์นี้

    หลวงพี่ท่านได้กล่าวสั้นๆว่า
    "เมื่อวาระมาถึง จะมีบริวาร หรือเป็นสาวกที่เคยติดตามของพระท่านมาดำเนินการให้เหมาะสมในกาลข้างหน้า"

    นับตั้งแต่วันนั้น ผมได้เข้าไปติดตามสอบถามทั้งทางวัด และทางกรมศิลปากรถึงโอกาสที่จะบูรณะ แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบแต่อย่างใด เนื่องจากไม่มีผู้ที่ได้รับมอบหมายอย่างจริงจัง การสร้างบุษบกประดิษฐานจึงเกิดจากจุดนี้ อีกทั้งเป็นการยกองค์ท่านให้สูงขึ้นจากเดิมกว่าระดับเท้าขึ้นมา แต่ก็ไม่สามารถจะยกขึ้นสูงกว่าระดับยอดพระเกศของพระพุทธรูปในศาลาหลังนี้ได้ ซึ่งเป็นการไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง...

    เพื่อการนี้ จึงได้มอบ CD+DVD ๗๘ ชุด เป็นธรรมทานให้เพื่อนๆทุกท่าน วันละ ๔ แผ่น ผู้แจ้งความประสงค์ในกระทู้ก่อนจะได้รับสิทธิ์นั้นก่อน เพียงท่านละ ๑ ชุดเท่านั้น(ผู้ที่ได้รับแล้วขอความกรุณา โปรดอย่าได้แจ้งการขอรับซ้ำนะครับ อยากให้ได้รับกันครับ)โดยแบ่งเป็นรอบเวลาดังนี้ หากเวลาของกระทู้ทั้ง ๒ ตรงกันให้ถือว่ากระทู้พระเครื่องเป็นอันดับ ๑ ก่อนครับ เพื่อความเข้าใจตรงกัน

    วันที่ ๑๓ มีค ๒๕๕๑(วันนี้) ช่วงบ่ายเวลา ๑๕.๐๐-๑๗.๐๐ น. มอบให้ ๒ ชุด

    วันที่ ๑๔ มีค - ๑ เมย. ๒๕๕๑ ช่วงเช้าเวลา ๑๐.๐๐-๑๒.๐๐ น. มอบให้ช่วงเวลาละ ๒ ชุด รวม ๔ ชุดต่อวัน

    รายละเอียดสามารถติดตามได้ที่ความเห็นที่ ๓๐ ตาม link นี้http://palungjit.org/showthread.php?t=118352&page=2
    <!-- / message -->

    <FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>[​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]


    </FIELDSET>
    หากมีจิตศรัทธาร่วมสร้างบุษบกด้วยกัน ก็สามารถจะแสดงความประสงค์ได้ที่คุณนพคุณ ที่ได้เสียสละเวลามาช่วยกัน
     
  14. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    พระภายใน
    มอบพระรอดลำพูน พิมพ์ใหญ่ จำนวน ๑๐ องค์(หมายเลข K16-K25)+CD+DVD จำนวน ๑๐ ชุด จัดเป็นชุดๆละ ๓,๐๐๐ บาท เพื่อร่วมสร้างบุญธรรมทานและCD+DVD จำนวน ๙๙ ชุด และค่าจัดส่ง EMS แก่ผู้ร่วมบุญทุกท่านจนกว่าจะจัดส่งพระเครื่องจะแล้วเสร็จ

    ส่วนนี้นับเป็นส่วนที่สำคัญมาก เป็นที่ทราบกันดีว่า กิจกรรมใดๆก็ตามแต่ของการมอบพระเครื่องนี้ จะไม่สามารถประหยัดค่าจัดส่งทาง EMS ได้เลย และผมก็ไม่ประสงค์จะรบกวนค่าจัดส่ง EMS จากเพื่อนๆอีก จึงได้แบ่งพระรอด พิมพ์ใหญ่ กรุลำพูน จำนวน ๑๐ องค์ พร้อมCD(เสียงหลวงพ่อฤาษีลิงดำ)+DVD(ภาพ และเสียงหลวงพ่อฤาษีลิงดำ)จำนวนรวม ๔ แผ่นต่อ ๑ ชุด มอบให้กับผู้ร่วมบุญธรรมทาน และค่าจัดส่ง EMS ทั้งหมด ซึ่งมีจำนวนเพียง ๑๐ ท่านเท่านั้น

    มอบให้ ๑ องค์ +CD+DVD ๑ ชุด เมื่อร่วมบุญธรรมทาน และค่าจัดส่ง EMS จนเสร็จสิ้นการส่งมอบพระทั้งหมดเมื่อร่วมบุญ ๓,๐๐๐ บาท(ครบ ๑๐ ท่านแล้วครับ)

    K16->พี่แอ๊ว
    K17->คณdragonn
    K18->คุณพุทธันดร
    K19->คุณdragonlord
    K20->คุณnaraiyana
    K21->คุณศิษย์ต่างแดน
    K22->คุณประนังโชค
    K23->คุณkwok
    K24->คุณchaipat
    K25->คุณPichet-m

    ***CD+DVDจำนวน ๔ แผ่น เป็นคำสอน-กรรมฐานกองที่เกี่ยวเนื่องกับพระสารีบุตร-พระโมคคัลลานะ โดยหลวงพ่อราชพรหมยาน(หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง หาได้ยากที่จะรวบรวมไว้ในโอกาสสำคัญครั้งนี้เท่านั้น และที่สำคัญเป็นการมอบเป็นธรรมทานแบบให้เปล่า โดยได้รับความอนุเคราะห์บุญธรรมทานนี้จากเพื่อนๆ ๑๐ ท่านนี้เท่านั้นที่ประสงค์จะร่วมบุญธรรมทานแจกฟรีให้เพื่อนๆที่ปฏิบัติตามเงื่อนไขเวลา โดยมอบไปแล้ว ๒ ชุดในวันเปิดกระทู้ช่วงบ่าย และวันนี้เป็นต้นไป แจกทุกวัน วันละ ๔ ชุด เช้า ๒ ชุด บ่าย ๒ ชุด สลับหมุนเวียนกันไปจนกว่าจะหมด

    ผู้ใดได้เป็นเจ้าของ CD+DVD ชุดนี้ก็จะทราบเองว่า สวยงามขนาดไหน และมีคุณค่าขนาดไหน ผมทำแบบไม่คิดถึงค่าใช้จ่ายว่าจะมากมายขนาดไหน ขอให้ออกมาให้ดีที่สุดครับเมื่อได้รับแล้วจะทราบเองครับ หากไปดำเนินการจัดทำเองเป็นส่วนตัวผมรับรองได้ว่าเพื่อนๆแต่ละท่านมีต้นทุนในการดำเนินการมากกว่า ๒๐๐ บาทต่อชุดแน่นอนครับ เอาไว้ให้ผู้ได้รับCD+DVD นี้มาบอกกล่าวกันเองอีกครั้งจะดีกว่าครับ

    ผมตัดสินใจมอบพระเปิดโลกให้ทุกท่านที่ร่วมงานบุญธรรมทานนี้เป็นพิเศษครับ จำนวน ๑๐ องค์ หากถือตามพิมพ์ และการอธิษฐานบารมีในการปฏิบัติทางกรรมฐานโดยกำหนดนำพระเปิดโลกนี้ไว้ในสมาธิ จะได้ผลที่รวดเร็ว เมื่อครั้งที่ฝึกญาน ๘ ครั้งแรกตามแนวทางของหลวงพ่อพระราชพรหมยาน ผมได้พกพาพระปางเปิดโลก และขออาราธนาบารมีพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ ตามคำสมาทานพระกรรมฐานของหลวงพ่อฤาษีฯว่า .....เหตุใดที่จะพึงบังเกิดแก่ข้าพเจ้า ขอให้ข้าพเจ้าได้รู้เห็นนั้นโดยมิต้องกำหนดจิตแต่ประการใด และขอให้เห็นภาพนั้นชัดเจนแจ่มใส และพยากรณ์ได้ตามความเป็นจริงทุกประการ....

    บทความเรื่อง "พระเครื่องเมืองกำแพงเพชร" เขียนโดยอาจารย์ประเสริฐ ศรีสุวพันธ์ ในหนังสือ "รวมสุดยอดพระเครื่องเมืองกำแพงเพชร มรดกประวัติศาสตร์ 700 ปี" ผมเห็นว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับผู้อ่าน เพราะจะได้รู้ที่มาที่ไปของปางนี้ เลยขออนุญาตถ่ายทอดมา ดังนี้ครับ..

    "ปางเปิดโลก : เมื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จขึ้นไปเทศนาโปรดพระพุทธมารดาในชั้นดาวดึงส์เทวโลก เมื่อครบไตรมาสพระองค์เสด็จมายังมนุษย์โลก ในการเสด็จครั้งนี้ ด้วยอิทธิปาฏิหาริย์ของพระพุทธองค์ ทรงบันดาลให้สรรพสัตว์มองเห็นซึ่งกันและกัน คือ ชาวโลกมนุษย์ เทวโลก และชาวนรก ได้แลเห็นซึ่งกันและกันทั้งหมดสามโลกอย่างชัดเจนในครั้งนั้น พุทธอิริยาบถตอนนี้ ผู้นิยมพระเครื่องจึงเรียกกันว่า "เปิดโลก"

    ลำพังพระเปิดโลกนี้มีราคาทางโลกที่กำหนดสูงมาก หลักหมื่นขึ้น แต่ผมหวังผลทางธรรมมากกว่า ครั้งนี้จึงนำมามอบให้ผู้สร้างธรรมทานร่วมกับผมเพียงครั้งนี้ครั้งเดียว หากครบทั้ง ๑๐ ท่านแล้วก็ถือว่าจบกิจการสร้างธรรมทาน และการร่วมสมทบทุนค่าจัดส่ง EMS ให้ทุกท่าน...

    ขอโมทนาบุญธรรมทาน และค่าจัดส่ง EMS ทั้งหมดทั้งสิ้นกับผู้ร่วมบุญทั้ง ๑๐ ท่านนี้ด้วยครับ

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P1010096.jpg
      P1010096.jpg
      ขนาดไฟล์:
      343.6 KB
      เปิดดู:
      71
    • P1010097.jpg
      P1010097.jpg
      ขนาดไฟล์:
      303.6 KB
      เปิดดู:
      62
    • P1010098.jpg
      P1010098.jpg
      ขนาดไฟล์:
      448.5 KB
      เปิดดู:
      74
    • P1010099.jpg
      P1010099.jpg
      ขนาดไฟล์:
      413.2 KB
      เปิดดู:
      73
    • P1010100.jpg
      P1010100.jpg
      ขนาดไฟล์:
      412.3 KB
      เปิดดู:
      64
    • P1010103.jpg
      P1010103.jpg
      ขนาดไฟล์:
      426.1 KB
      เปิดดู:
      72
    • P1010104.jpg
      P1010104.jpg
      ขนาดไฟล์:
      250.9 KB
      เปิดดู:
      56
    • P1010117.jpg
      P1010117.jpg
      ขนาดไฟล์:
      178.6 KB
      เปิดดู:
      68
    • P1010118.jpg
      P1010118.jpg
      ขนาดไฟล์:
      205.2 KB
      เปิดดู:
      59
  15. อายุมั่น

    อายุมั่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2007
    โพสต์:
    520
    ค่าพลัง:
    +3,864
    ขอร่วมบุญ1 กอง
    และดช.ธรรมรัตน์ โคกทัพ 1 กองค่ะ
    อนุโมทนาค่ะ

    พรุ่งนี้จะโอนเงินให้ค่ะ
     
  16. นพคุณ

    นพคุณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2007
    โพสต์:
    842
    ค่าพลัง:
    +3,815
    พระธาตุพระโมคคัลลานะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC02870.JPG
      DSC02870.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2 MB
      เปิดดู:
      77
    • DSC02871.JPG
      DSC02871.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.7 MB
      เปิดดู:
      82
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 มีนาคม 2008
  17. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    ขอโมทนาบุญด้วยครับ
     
  18. tuwbye

    tuwbye สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +0
    ขออนุโมทนาสาธุด้วยครับน้อง

    พี่ขอร่วมทำบุญด้วย จำนวน 10 กอง ( 1,000 บาท ) ครับ
     
  19. นพคุณ

    นพคุณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2007
    โพสต์:
    842
    ค่าพลัง:
    +3,815

    อนุโมทนาครับ
     
  20. นพคุณ

    นพคุณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2007
    โพสต์:
    842
    ค่าพลัง:
    +3,815
    โมทนาครับ
    ไม่ทราบว่าจะให้บรรจุพระธาตุที่ไหนบ้างครับ
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...