น้องแตงโมลูกสาว ย.โย่ง กับการปฏิบัติธรรม

ในห้อง 'พุทธศาสนากับคนดัง' ตั้งกระทู้โดย MBNY, 6 มิถุนายน 2008.

  1. MBNY

    MBNY Administrator ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2003
    โพสต์:
    6,864
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +22,510
    [​IMG]


    เก้าอี้สนทนา - ๑
    ถึงคนบนฟ้า
    พิกุล กับ ถมทอง


    เมื่อเอ่ยถึงวงการกีฬาเมื่อกว่า ๑๐ ปีที่ผ่านมา อาจกล่าวได้ว่าไม่มีใครไม่รู้จัก ‘ ย. โย่ง ’ หรือ เอกชัย นพจินดา ผู้เป็น ‘ ตำนานคัมภีร์ลูกหนังของเมืองไทย ’ ด้วยบทบาทของผู้ประกาศข่าวกีฬาของช่อง ๗ สี นักพากย์ฟุตบอล พิธีกร นักจัดรายการวิทยุ นักเขียนบทความเรื่องกีฬา ฯลฯ นั้นมีชั้นเชิงที่หา ตัวจับยาก บวกกับความเป็นคนจริงจัง ขยันขันแข็ง รับผิดชอบสูง ยิ้มง่าย มองโลกในแง่ดี มีน้ำใจ กตัญญูรู้คุน และรักครอบครัว ทำให้เขาเป็นที่รักของคนที่ได้รู้จักและร่วมงาน





    ทว่าวันหนึ่งเขาก็ทำให้คำที่คนตะวันตกมักกล่าวกันว่า ‘ชีวิตเริ่มต้นเมื่อ สี่สิบ’ ผิดเพี้ยนไป ด้วยว่าขณะที่เขากำลังเจริญก้าวหน้า และประสบความสำเร็จในการงานและชีวิตครอบครัว ‘ ย.โย่ง ’ จากไปอย่างกะทันหันด้วยอาการหัวใจวายเฉียบพลัน เมื่อวันที่ ๖ มีนาคม ๒๕๔๐ ท่ามกลางความเศร้าสลดของครอบครัว ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง ผู้ร่วมงาน และแฟน ๆ ทั่วประเทศที่ชมชอบลีลาการพากย์ฟุตบอลของเขา

    แน่นอนว่า มีผู้สานต่องานให้เป็นไปตามที่เขาตั้งใจไว้ ไม่ต่างกับครอบครัว ซึ่งประกอบด้วย ยุรี ภรรยาคู่ชีวิต และ แตงโม หรือ เด็กหญิงทวีพร นพจินดา (วัย ๖ ขวบในขณะนั้น) ‘ แม่ยุ ’ ทุ่มเทแรงกายแรงใจดูแล ‘ น้องโม ’ อย่างเต็มที่ รวมถึงเครือญาติที่ให้ความรักความอบอุ่น จนเมื่อกว่าปีที่ผ่านมา ‘ แม่ยุ ’ ล้มป่วยลงด้วยโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ และจากไปอยู่กับ ‘ พ่อโย่ง ’ ของ ‘ น้องโม ’ เมื่อวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๕๐ ที่ผ่านมา

    น้องโม แตงโม หรือ เด็กหญิงทวีพร ในวันนั้น เมื่อ ๑๐ ปีผ่าน เธอได้เติบโตขึ้นเป็น นางสาวทวีพร นพจินดา วัย ๑๖ ปี กำลังศึกษาอยู่ในชั้นม. ๖ของโรงเรียนสาธิต แห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาตร์ ที่ถอดเค้าแม่และพ่อมาเต็มเปี่ยม โดยเฉพาะการมองโลกในแง่ดี อ่อนโยน มีชีวิตชีวา ชอบช่วยเหลือผู้คน มีความคิด เปี่ยมเหตุผล





    ณ วันที่มาคุยกับ ‘ สาวิกา ’ ที่ ‘ เก้าอี้รับแขก ’ น้องโม ร่าเริงสดใส ช่างคุย เปี่ยมด้วยพลังใจ เป็นสาวน้อยที่มีทั้งพ่อและแม่อยู่ในหัวใจ

    ฝากบอก ‘ถึงคนบนฟ้า’ ว่า...สบายใจได้แน่นอน เพราะเธอทั้งเข้มแข็ง และกล้าหาญ...อ่านกันได้...แค่พลิกหน้าถัดไปค่ะ

    ...............ที่หนูเป็นหนูในทุกวันนี้ได้ ก็เพราะสภาพแวดล้อม แล้วก็จิตใจตัวเองด้วย สภาพแวดล้อมที่ว่าก็คือ ตั้งแต่เด็ก ๆ จนโตมา หนูต้องรับเรื่องอะไร เจอเรื่องอะไร คุณพ่อคุณแม่ก็ช่วยตลอด ท่านจะคอยแนะนำ แล้วก็ คอยอยู่เคียงข้าง เช่นคุณพ่อ แม้ว่าท่านจะเสียไปตั้งแต่หนูยังเด็ก ๆ แต่คุณพ่อก็ยังช่วยหนูอยู่ ในแง่ของความดี ท่านเคยทำความดีไว้ แล้วท่านก็สอนหนูไว้ แน่นอน ท่านอยากให้หนูเป็นคนดีด้วย หนูก็ยึดคุณพ่อเป็นที่ตั้งด้วย พ่อเราเป็นคนดี เราก็ต้องทำความดี

    เท่าที่จำได้ คุณพ่อสอนโมว่าอย่างไรบ้างคะ

    ...............คุณพ่อไม่เชิงพูดสอนค่ะแต่ เหมือนพ่อพูดลอย ๆ มากกว่า เช่น “โม การเรียนมันไม่ใช่ทุกอย่างของชีวิต มันไม่ใช่ว่าเราจะได้ทุกอย่างจากการเรียนที่โรงเรียน...เล่นบ้างเหอะ” ตอนนั้นหนูก็ดีใจที่ไม่ต้องเอาแต่เรียน ก็เล่น ๆ ๆ แต่พอโตขึ้นหนูก็เข้าใจว่า ที่พ่อพูดหมายความว่าอะไร เพราะว่าการเล่น ทำให้คนเรารู้จักชีวิต ในแบบที่ มีอิสระและสร้างสรรค์มันได้ด้วยตนเอง มันเหมือนเป็นการเรียนรู้ โดยไม่ต้องอาศัยข้อมูลเก่าของใครมาป้อน ทำให้เราสามารถกำหนดอนาคตที่เราต้องการจริง ๆ ได้ แล้วอีกอย่างก็คือ พ่อมีความสุขเป็นหลักในการดำเนินชีวิต พ่อทำให้คนอื่นมีความสุข แล้วก็ทำให้ตัวเองมีความสุข ตอนที่พ่อทำงานเยอะ ๆ พ่อเคยพูดกับแม่ แล้วแม่ก็เล่าให้หนูฟังว่า ที่พ่อทำทุกวันนี้ ก็เพื่อครอบครัว พวกเราจะได้มีความสุขในอนาคต แล้วพ่อก็ทำงานอย่างมีความสุข


    แล้วคุณแม่ล่ะคะ

    ............แม่มีชีวิตอยู่ด้วยการเทกแคร์คนอื่น เป็นห่วงคนอื่น เหมือนกับมีความเป็นแม่สูง ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะอาชีพแม่ที่เป็นพยาบาลด้วย จริง ๆ แล้ว แม่ก็เป็นผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง ที่พยายามจะทำให้ชีวิตตัวเองและคนอื่นดีที่สุด พยายามทำให้ชีวิตของลูกดีที่สุดผ่านการกระทำต่าง ๆ แม่ไม่ชอบเรื่องโรแมนติก จะขี้อายนิด ๆ แต่จะแสดงออกด้วยคำบ่น ๆ แม่จะเป็นคนไม่ค่อยพูด แต่เราดูออกว่าท่านอยากจะให้เราเป็นยังไง แม่ต้องการจะบอกอะไรเรา หรือว่าแม่รักเรามากขนาดไหน เพราะหนูอยู่กับแม่ตลอด สนิทกับแม่มาก

    ตอนคุณพ่อเสีย โมยังเล็กอยู่ เลย

    .............ตอนพ่อเสียใหม่ ๆ หนูก็อยู่กับแม่ แล้วก็ญาติ ๆ ตอนนั้นหนู ๖ ขวบ ก็รู้เรื่องบ้างแล้ว คือรู้ว่าพ่อเสียชีวิต หนูก็ร้องไห้อยู่วันนึง แล้วก็ไม่ร้องละ คือมันไม่เข้าใจ รู้ว่าตายแล้วหายไป แต่ตอนเด็ก ๆ มันไม่มีจินตนาการว่า จะยังไง จะเศร้ายังไง หรือจะนึกถึงท่านตอนไหน มันไม่มีตรงนั้น มันก็เหมือนกับเล่นไปวัน ๆ บางทีก็คิดถึงพ่อ แต่ก็ไม่ใช่คิดถึงแบบที่คนโต ๆ เค้าคิด อาจจะคิดว่าถ้าพ่ออยู่พ่อต้องซื้ออันนี้ให้เราแน่เลย พ่อต้องมาเล่นกับเรา มันก็ไม่ได้คิดแบบเศร้า เพราะมันเป็นเด็ก



    ทราบว่าโมปฏิบัติธรรมด้วย

    ..............ใช่ค่ะ ตอนหนูอายุ ๖ ขวบ แม่หนูซื้อหนังสือพุทธประวัติมา เป็นหนังสือผู้ใหญ่ หนูก็จำไม่ได้ว่าอีท่าไหน แต่หนูชอบ คือหนูดูแล้วก็ ... เอ๊ หนังสืออะไร ตอนแรกหนูก็ดูแต่รูป เพราะอ่านไม่ออก แต่ก็ดูรูปแล้วรู้ว่า เป็นอย่างนี้ ๆ คุณน้าหนูที่ปฏิบัติธรรม ก็เล่าให้ฟังว่า พระพุทธเจ้าเป็นยังไง แล้วตอนเด็ก ๆ หนูก็จะเหมือนมีพระพุทธเจ้าเป็นไอดอล เป็นฮีโร่ เหมือนฝังรากลึก ๆ อยู่ในจิตใจน่ะค่ะ ว่าพระพุทธเจ้าเก่งที่สุดแล้ว ไม่มีใครเก่งเกินพระพุทธเจ้า เวลาจะนอนหนูก็จะเอาหนังสือมาวางใกล้ ๆ พอเจอใครหนูก็ถาม ๆ ๆ เรื่องนี้คืออะไร ปรินิพพานคืออะไร ตอนแรกหนูก็ไม่รู้ แล้วก็มีคนอธิบายให้ฟังว่ านิพพานคือสภาวะของการดับทุกข์ การพ้นซึ่งกรอบแห่งทุกข์ หมดซึ่งสังสารวัฏ ตอนเด็ก ฟังแล้วก็รู้ว่าดีมาก เที่ยวไปบอกคนโน้น คนนี้ว่าหนูจะอยู่อย่างนิพพาน ผู้ใหญ่ก็งง

    โตขึ้นมาก็ชอบเรื่องอย่างนี้มาตลอด แล้วน้าก็พาหนูไปนั่งสมาธิ ในห้องเค้านั่นแหละ ตอนแรก ๆ ก็เริ่ม พุท-โธ หายใจเข้า หายใจออก ก็เลยทำมาตั้งแต่เด็ก ๆ รู้สึกว่าเป็นเรื่องสนุก ไม่รู้ทำไม รู้แต่ว่ามันแปลกดีที่ ต้องมานั่งดูลมหายใจของตัวเอง ทั้งที่ปกติชีวิตประจำวัน ต้องยุ่งกับเรื่องโน้นเรื่องนี้ มันแปลกประหลาด มานั่งแล้วก็ดูลมหายใจตัวเอง ไม่เหมือนใคร ชอบมาก แล้วพอโต ตอนประมาณซัก ๑๐ ขวบ มีค่ายปฏิบัติธรรมของเด็ก แม่รู้ว่าหนูชอบ ก็เลยให้หนูไป พอหนูไป ก็เลยสนุกเข้าไปใหญ่

    ที่ว่าสนุก สนุกยังไงคะ

    .............สนุกของหนูก็คือ ช่วงเช้า ก็จะเรียนเกี่ยวกับเรื่องพุทธประวัติ แล้วก็ตอนบ่าย ก็จะเรียนเกี่ยวกับการนั่งสมาธิ เดินจงกรม คือมันชอบไปเอง มันเหมือนกับมีความสุข สงบ แล้วพอช่วงวัยรุ่น ขึ้นม.ต้น ก็เล่น ๆ ๆ กับ เพื่อน ทำให้ไม่ค่อยได้มีเวลานั่งสมาธิเท่าไหร่ แต่หนูก็เอาปรัชญาในศาสนาพุทธมาใช้ในชีวิตประจำวันแทน คือ ช่วงนั้นถ้ามีเรื่อง หรือว่าเพื่อนทะเลาะกัน หนูก็จะช่วยแนะนำ จะช่วยพูดแบบสมานสามัคคี แล้วก็ไม่ทะเลาะกับเขาค่ะ
    ..............จริง ๆ แล้วการนั่งสมาธิ มันก็เหมือนกับการดูตัวเอง การไม่ไปปรุงแต่ง ไปยุ่งกับเรื่องข้างนอก เหมือนว่ามีเรื่องอะไรมากระทบใจปุ๊บ มันมีผลทันทีเลยสำหรับคนทั่วไป เพราะจิตใจจะหมกมุ่นกับภายนอกตลอดเวลา กระทบแล้วจะกระเทือนทันที แต่ถ้าคนนั่งสมาธิเก่ง ๆ เวลามีเรื่องมากระทบ เค้าจะยังนิ่งอยู่ได้ เพราะเค้าอยู่กับตัวเอง ไม่ไปวุ่นวายอะไรมากมายกับเรื่องข้างนอก แต่นั่นต้องเก่งจริง ๆ หนูยังไม่ขนาดนั้น แค่ก็ในระดับนึง ก็พอทนได้ รับได้

    คนรอบข้างว่าอย่างไรบ้างคะกับเรื่องปฏิบัติธรรมของโม

    ..............คนเค้าจะไม่ค่อยเชื่อว่าหนูชอบแบบนี้ เขาจะว่าโกหกหรือเปล่า แกบ้าหรือเปล่า อย่างแกน่ะเหรอ จะไปปฏิบัติธรรม เพราะหนูเป็นพวกไม่อยู่นิ่ง หนูชอบแนวพังก์ ๆ ชอบแนวนั้น มันเป็นชีวิตที่มีความสุขในทางโลก แต่ในทางธรรมเราก็ต้องทำได้ คนเราต้องยืดหยุ่น มีความสุขในโลกก็ได้ ทางธรรมเราก็ต้องทำได้ ไม่ใช่มัวติดกับทางโลก
    ...............มันเหมือนกับว่าสภาพแวดล้อม ยังกำหนดให้ต้องไปเส้นนี้ คือวันนึง ถ้าหนูเดินออกจากบ้าน...โอเค หนูจะไปบวชละ แล้วใครจะดูแลคุณยายล่ะ แล้วคนอื่นอีก ญาติ ๆ อีก ที่เค้าบอกว่า โมเหมือนความหวังในการทำงาน ดูแลบ้าน เป็นหัวหน้าครอบครัวคนใหม่ พวกเค้าเลี้ยงเรามาตั้งแต่ เด็ก ๆ นะ ตรงนั้นมันก็ยังต้องดำเนินต่อไป แต่หนูเชื่อว่าถ้าหนูอยากจะไปจริง ๆ มันก็ต้องไปได้ ถ้ามันพร้อมจริง ๆ นะคะ อยากจะไป ก็หลุดไปเลย ไม่มีอะไรแล้ว ตอนนี้มันมีเรื่องของความรับผิดชอบด้วย แต่ไม่ใช่ว่าตอนนี้หนูไม่มีความสุขนะคะ คืออยู่อย่างนี้ หนูก็มีความสุข หนูมีความฝันว่าอยากทำอะไร แล้วหนูก็มีความรู้สึกว่ามันควบคู่กันไปได้ พอว่างเราก็ไปปฏิบัติธรรมได้ นี่หนูก็เพิ่งไปปฏิบัติธรรมที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมสวนเวฬุวัน ที่ขอนแก่น ของหลวงพ่อจรัญ ธิตธมฺโม มา ๗ วัน กลับมาก็ช่วยเรื่องทางโลกได้ เขียนหนังสือได้ มีสมาธิ ในการเรียน กับเพื่อน กับคนรอบข้าง เวลาคนมาปรึกษาหนู หนูก็ตอบเค้าได้ หนูอยู่ทางนั้นได้เหมือนกัน ไม่ได้ทุกข์

    ได้อะไรจากการปฏิบัติธรรมบ้างคะ

    .............ประสบการณ์ที่ได้จากการไปปฏิบัติธรรม ทำให้หนูรู้ว่าเส้นทางนี้ให้ความสุข มนุษย์ทุกคนล้วนอยากจะพัฒนา เรารู้ว่าอะไรสุขเราก็อยากจะไปทางนั้นค่ะ แล้วความสุขจากทางนี้มันเป็นสุขที่นั่งอยู่เฉย ๆ ก็รู้สึกดีกว่าถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ ๑ มันเป็นความสุขที่หาไม่ได้ในโลกนี้ หนูไม่อยากเชื่อเลยว่าแค่นั่งสมาธิเฉย ๆ เมื่อเรานั่งได้ถึงจุดจุดหนึ่ง เราจะรู้ จะดีกว่าเป็นดาราฮอลลีวู้ด ... ทำนองนั้น คือมันเป็นเรื่องที่รู้เฉพาะตัว มันต้องสัมผัสถึงจะเข้าใจ คือเป็นเหมือนผลพลอยได้จากความสงบ เวลานั่งสมาธิ จิตจะนิ่ง มันก็เลยมีความสุข


    ทราบว่าคุณแม่ก็ปฏิบัติของโมก็ปฏิบัติธรรมด้วย

    .............ค่ะ แม่เริ่มปฏิบัติธรรมตอนพ่อเสีย ตอนนั้นแม่ช็อก ตกใจ เพราะว่าปกติ พ่อดูแลทุกอย่างในชีวิต พ่อทำทุกเรื่องในครอบครัว พ่อเป็นทุกสิ่งทุกอย่าง แล้วพอพ่อไป ทุกอย่างก็มาลงที่แม่ แม่ก็เป็นคนธรรมดา ยังตั้งตัวไม่ทัน พี่สาวของแม่ก็แนะนำให้แม่ไปเดินจงกรม พอแม่เดิน ก็ดีไปเลย รู้สึกว่าอยู่ได้ ทำได้ รับผิดชอบได้ ก็ไม่เศร้า ไม่อะไร เลี้ยงลูกต่อมา ความเศร้าที่เคยมีอยู่มากมายมหาศาล ก็ลดเหลือแค่นิ้วแม่โป้งเท้าตัวเอง คือตอนเดินมันก็เหลือแค่นั้น มันเห็นแค่นั้น แม่เก่งมาก แม่เก่งกว่าหนูเป็นพัน ๆ เท่า

    ..............จากนั้นแม่ก็เริ่มปฏิบัติค่ะ ก่อนนอนทุกคืนแม่จะนั่งสมาธิ แล้วประมาณตี ๔ ก็จะตื่นมาเดินจงกรม เป็นอย่างนี้แทบทุกวัน ตอนไม่สบาย พอนั่งสมาธิก่อนนอน แล้วก็จะหลับยาว แล้วตื่นตอนเช้ามาเดินจงกรม


    คุณแม่เป็นแม่แบบที่ดีของโม
    .............แม่เป็นฮีโร่ของหนู แต่พ่อเป็นมากกว่า แม่เป็นคนที่หนูอยากดูแล มันเหมือน หนูอยากเป็นทั้งคนที่ดูแลคนอื่น และเป็นคนที่ถูกดูแล กับพ่อ หนูรู้สึกว่าหนูเทิดทูน เพราะพ่อเข้มแข็ง พ่อแกร่ง พึ่งพิงได้ แม่ก็พึ่งพิงได้นะคะ แต่หนูรู้สึกว่าอยากดูแลแม่มากกว่า คงเป็นเพราะแม่เป็นผู้หญิงมาก ๆ แต่ลูกกลับเซอร์ ๆ เพราะว่า ได้พ่อมาเยอะ หนูเหมือนพ่อ หนูไม่เหมือนแม่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอารมณ์ เรื่องการพูดจา แม่จะเป็นคนจุ๊กจิ๊ก ๆ บ่น ๆ แล้วพ่อก็จะเป็นคนไม่เคยเถียงแม่ พ่อก็จะ...เออ ฉันไม่เถียงกับเธอ หรอก ฉันขี้เกียจเถียง หนูก็เหมือนพ่อ หนูก็จะ...แม่ ขอโทษ ขอโทษไปเลย แล้วก็จบเรื่อง นิสัยไม่เหมือนกันเลย หน้าเหมือนกันอย่างเดียว
     
  2. MBNY

    MBNY Administrator ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2003
    โพสต์:
    6,864
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +22,510
    โมดื้อมั้ยคะ
    .............ถามว่าดื้อมั้ย (ทำท่าคิด) คือหนูเป็นคนมีความคิดเป็นของตัวเองสูง จะชี้แจงเหตุผล แต่จะไม่วี้ดว้าย คือหนูจะไม่รับในตอนแรก เพราะหนูเป็นพวกมีจิตวิญญาณในการต่อต้าน หนูจะเป็นประเภท ... ใช่เหรอ แน่ใจเหรอ หนูจะเชื่ออะไรยาก ใครบอกอะไรหนูต้องคิดก่อน เพราะหนูเชื่อตัวเองมากที่สุดไง แต่หนูเลือกก็ที่จะเชื่อแม่ด้วย เวลามีเรื่องอะไร หนูก็จะบอกให้แม่ฟังหนูนะ ฟังแล้วแม่ก็จะพิจารณา ถ้ามันจริง แม่ก็โอเค งั้นลูกก็ทำอย่างที่ลูกตัดสินใจ เพราะแม่ก็ยอมรับการตัดสินใจของลูก แต่ถ้าหนูพูดไปแล้ว มันไม่ดี แม่ก็จะ ... มันไม่ใช่นะโม ที่ลูกคิดมันยังไม่ถูก ยังไม่เต็มร้อย แล้วก็บอกว่า ต้องทำอย่างนี้ ๆ หนูก็ต้องเชื่อ เพราะแม่บอกอยู่เสมอว่าพ่อแม่ทุกคนหวังดีกับลูก หนูฟังมาตั้งแต่เด็ก ๆ ซึ่งมันก็จริงนะคะ อันนี้หนูก็เชื่อเอง ไม่มีใครมาบังคับให้หนูเชื่อว่าพ่อแม่ต้องดีกับหนู แต่หนูเลือกที่จะเชื่อเอง


    [​IMG]

    ความเป็นคนมีความมั่นใจสูงทำให้อยู่ในสังคมยากมั้ยคะ
    .............ก็นิดหน่อยค่ะ กับสังคม ส่วนที่บ้านไม่ค่อยเท่าไหร่ เพราะว่าที่บ้านเข้าใจหนู แต่ที่โรงเรียน หนูก็มีปัญหาบ้าง หนูเป็นคนมีเพื่อนเยอะ แต่เอาเข้าจริงหนูก็เบื่ออะไรหลาย ๆ อย่างที่หนูคิดไม่ตรงกับเค้า ... ทำนองนั้
    นค่ะ
    แล้วโมแก้ปัญหาอย่างไรคะ
    ..............ง่าย ๆ ค่ะ คือปล่อยวาง ก็ต้องเป็นไปอย่างนั้น สังคมมันใหญ่กว่า เราอยู่ในสังคม เราจะเดินออกมาก็ไม่ได้ เราก็ต้องอยู่อย่างนั้น สมมุติว่า เราเดินไปพร้อม ๆ กับเค้า แต่เราก็เชื่ออยู่เสมอว่าฉันไม่ได้อยากเดินทางนี้จริง ๆ หรอก ก็ต้องปล่อยวางไป หรือก็ต้องดูสถานการณ์อีกที คือถ้าบางทีเรามีช่องทางที่จะเป็นตัวของตัวเอง เราก็ไปทางนั้น แต่ถ้ามันไม่มีช่องทาง เรายิ่งไปดิ้น มันก็ยิ่งมีความทุกข์ค่ะ จะทุกข์ไปทำไม เราก็ต้องทำใจกับมันใ
    ห้ได้
    โมเชื่อว่าธรรมะจะช่วยได้
    ..............หนูว่าเราเอาธรรมะมาใช้ในชีวิตประจำวันได้ง่ายนะคะ ถ้าเข้าใจหลัก คือจะมีหลักธรรมมากมาย มีฆราวาสธรรม หลักธรรมผู้ครองเรือน ก็ใช้แบบนั้น เราจะไปใช้แบบพระที่อยู่ในป่า แบบที่ต้องไม่ให้เกิดกิเลสเลย มันเป็นไปไม่ได้ เรายังอยู่ในโลก เราไปห้าง เห็นเสื้อผ้าสวย อยากได้เสื้อผ้า มันต้องมีอยู่แล้ว คนด่าเรา เราก็ต้องรู้สึกไม่ดีบ้าง เอาเป็นว่าเราไม่ไปทำร้ายใคร เรามีเส้นของเราว่าเราจะ ไม่ไปเกินเส้นนี้นะ เราจะไม่แย่ไปกว่า นี้ ถ้าเราแย่เมื่อไหร่เราต้องพยายามขึ้นมาให้ได้

    ..............แล้วบางทีธรรมะมันก็เป็นเรื่องของใจ เราทำใจเรา ก็แค่นั้นเอง คือเราทำใจอย่างนั้น แล้วพฤติกรรมมันก็เป็นไปด้วย เคยคิดเหมือนกันนะคะ ว่าไปเฮ ๆ บ้างดีกว่า ไปมีความสุข แต่ ไปนึกมาใจก็...เอ๊ะ ตอนนั้นเราจะเป็นยังไงนะ จะฟุ้งซ่าน บ้าบอ บุหรี่เหล้า ก็ผิดศีลอีก ก็เลย...ไม่เอาดีกว่า

    [​IMG]

    แล้วเรื่องการจากไปของคุณแม่ โมทำใจอย่างไรคะ
    ..............มันไม่ใช่ทำใจนะคะ มันคือวางใจ ตอนแรกที่รู้ว่าแม่เป็นมะเร็ง หนูแทบบ้า หนูร้องไห้เหมือนคนเสียสติ ตอนเด็ก ๆ หนูผูกทุกอย่างกับแม่ เรื่องนี้มันเหมือนด่านที่หนูต้องฝ่าไปให้ได้ ปกติหนูไม่ค่อยแคร์อะไร แต่หนูแคร์แม่หนูมากที่สุด พอพี่หนูมาเตือนว่า ... โม หยุดได้แล้ว หนูเลยคิดว่า ถ้าหนูไปต้านเชือกเส้นที่จะดึงแม่ออกไป หนูก็ไม่ใช่คน หนูจะกลายเป็นอะไรสักตัวที่บ้าร้องไห้ แต่เพราะหนูยังอยากเป็นคนอยู่ หนูก็เลยต้องเรียนรู้ที่จะตัดเชือกออก หนูยังรักแม่เหมือนเดิม หนูพูดได้เลยว่าหนูยังรักแม่เหมือนเดิมทุกอย่าง แต่เหมือนกับว่าไอ้ตรงที่ทำให้หนูเกิดความทุกข์น่ะ มันไม่มีแล้ว แล้วหลังจากที่แม่ไม่สบาย หนูก็กลับมาเข้าหาธรรมะแบบเป็นเรื่องเป็นราวเลย สวดมนต์ นั่งสมาธิ และไปนั่งกรรมฐานที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมสวนเวฬุวัน แล้วก็ใช้ชีวิต อยู่กับแม่ให้มาก
    ที่สุด
    เล่าให้ฟังได้มั้ยคะ
    .............มันเป็นเวลาปีนึงเต็ม ๆ ที่หนูสู้กับแม่มาตลอด สู้มาเต็มที่แล้ว ทำทุกอย่าง ที่คิดว่าอยากทำกับแม่ พูดกับแม่ดี ๆ ทุกวัน ให้กำลังใจทุกวัน แล้วก็ช่วยเหลือแม่ทุกอย่าง หยิบโน่นหยิบนี่ นวดให้ทุกวัน เวลาเป็นไข้ก็เช็ดตัว ป้อนยา ก็ทำทุกอย่างเท่า ที่จะทำได้ ในตอนนั้น หรืออย่างบางเรื่องที่หนูไม่คิดว่าจะทำได้ เช่น ตอนนั้น หนูเป็นคนที่ไม่เก่งเลขมาก เรียนก็ตกบ้าง ได้ ๑ บ้าง หนูเคยบอกแม่ว่า หนูคงไม่ได้เยอะไปกว่านี้แล้วในชีวิตนี้ แต่ตอนแม่ป่วยหนูทำเลขได้ ๓.๕ หนูทำได้ ไม่อยากจะเชื่อ แล้วแม่ก็รู้ด้วย แม่ดีใจมาก บอกว่าได้ ๔ เมื่อไหร่แม่จะลุกขึ้นมาเต้นดิสโก้ ทั้ง ๆ ที่ตอนนั้นแม่อยู่ที่โรงพยา
    บาล
    ช่วงนั้นความรู้สึกของโมเป็นอย่างไรบ้างคะ
    ...............ตอนที่แม่ป่วยเยอะ ๆ แม่ไปอยู่โรงพยาบาล หนูก็ไปเยี่ยม ตลอดเวลา ๑ ปี หนูมีความหวังเสมอ แม่เองก็มีกำลังใจเสมอว่าต้องรอด แม่เคยจิตตกอยู่ประมาณครั้งหนึ่ง ว่าจะรอดหรือไม่รอด แต่ก็แป๊บเดียว แม่มีกำลังใจเสมอว่า ฉันยังต้องอยู่ ต้องอยู่ทำบุญ ฉันยังต้องมีชีวิตอยู่ แล้วหนูก็ ... ใช่ แม่ ต้องเป็นอย่างนั้น หนูมาทำใจได้จริง ๆ ก็ตอนที่น้องชายแม่ ที่เค้าศึกษาธรรมะอยู่ตลอด มาสอนว่าพระพุทธเจ้าทรงสอนว่า ความตายเป็น ธรรมดาในโลกนี้ มันเป็นเรื่องที่ต้องเกิดแน่ ๆ ถ้าคุณผูกใจว่า คนนี้ตายไม่ได้นะ คุณก็ต้องทุกข์แน่ ๆ แล้วเราก็ต้องวางใจ ตัดใจ คนเรามันต้องตาย ก็เจริญมรณานุสติกับตนเองและคนอื่นด้วย มันอาจจะดูโหดร้าย แต่บางที ต้องคิดอย่างนี้จริง ๆ นะคะ เห็นคนเดินมา เดี๋ยวคนนี้ซักวันเค้าก็ต้องตาย หนูพยายามไม่คิดเรื่องนี้ในแง่ร้าย แต่คิดเหมือนให้ใจวางลงไปได้ ให้ใจมันหยุดดิ้น พยายามมองให้มัน เป็นเรื่องธรรม
    ดา
    โมบอกว่าคุณแม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อทำบุญ
    .............ใช่ค่ะ แม่อยากอยู่ต่อเพื่อที่จะทำความดี มันมีมนต์ที่แปะอยู่ตรงหัวนอนแม่ที่แปลว่า ทุกวันขอให้คุณพระคุ้มครอง เพื่อให้อยู่ต่อเพื่อจะทำความดี แล้วพอช่วงหลัง ๆ มันต้องไป มันก็เป็นเรื่องปกติธรรมดา แม่เองก็รู้ตัวว่าร่างนี้พอแล้ว ร่างนี้เกินกว่าที่จะใช้ทำอะไร อย่างที่แม่อยากจะทำได้แล้ว ตอนสุดท้ายที่ไปลา ตอนนั้น รู้...มันรู้สึกได้ หนูเดินเข้าไปแล้วจับมือแม่ บอกว่าแม่ ถ้าร่างนี้มันทุกข์นัก แม่ก็เปลี่ยนเถอะ ถ้าเป็นหนู หนูก็เปลี่ยนเหมือนกัน หนูพูดเรื่องจริง ถ้าวันนึงเราเป็นอย่างนั้น ถ้ามะเร็งมันกินไปแล้ว ถึงแม้แม่เราจะอยากทำความดี แต่ร่างนี้มันก็ไม่ได้แล้วละ ก็ต้องเปลี่ยน ก็ต้องทำอย่างนั้น ตอนนั้นหนูทำใจได้แล้วไงคะ ถ้าเป็นวันที่เพิ่งเป็นใหม่ ๆ หนูก็คงเป็นบ้าไปเลย แต่วันนั้น มันเหมือนกับจิตมันพัฒนา ขึ้นถึงจุดที่มันโอเค มันรับได้กับเรื่องนี้ เพราะว่าพยายามจะพิจารณา แล้วบอก ว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา

    ...............ตอนที่เป็นมาก ๆ แม่จะไม่ค่อยพูดกับใคร แม่จะอยู่ในสมาธิตลอด แต่แม่จะมีสติมาก ขนาดวันสุดท้าย มีพยาบาลมาเจาะเลือด แม่ก็จะมองว่าเจาะถูกมั้ย ใช้สายตามอง ในฐานะที่เป็นพยาบาลเก่า แม่เคยดูแลคนป่วยโรคนี้ แม่จะรู้ว่าให้ยาตัวนี้แล้วจะเป็นอย่างไร แม่จะบอกให้หยุดยาตัวไหน และลดยาตัวไหน เป็นภาษายา หนูฟังไม่รู้เรื่อง ตอนสุดท้ายที่จะไป แม่บ่นว่าให้มอร์ฟีนเยอะไป จะเบลอ แม่ตั้งใจจะสวดมนต์ ก็เลยไม่เอา พอจะไปจริง ๆ แม่ก็บอกให้จัดท่า..จะไป ละนะ จัดท่าให้ดี จะไปแล้วนะ

    ..............วันที่แม่ไป หนูอยู่ด้วยตลอด พระท่านบอกหนูว่า การจากไปของ คุณแม่ในวันนั้น เป็นหนังสือธรรมะเล่มใหญ่ หลายอย่างที่เกิดขึ้นในวันนั้นสอนเรา คือที่หนูทำใจได้จนถึงทุก วันนี้ เป็นเพราะว่ามันเหมือนกับถึงจุดที่สุดไปแล้ว มันไม่มีอะไรติดค้างในใจ หนูมีโอกาสมากในการตัดสินว่า จะทำอย่างนั้น อย่างนี้ ก่อนที่แม่จะตาย มันมีทุกอย่างตรงนั้น แล้วมันก็เหมือนได้ทำทุกอย่าง มันเคลียร์ มันโล่งไปหมดแล้ว แม่เราก็ไปอย่างมีความสุข หน้าท่านก็ยิ้ม


    [​IMG]

    รู้สึกว่าทำทุกอย่างครบถ้วนแล้ว ?
    .............ก่อนที่แม่จะล้มป่วยหนูก็ดีมาตลอดนะคะ คือปกติหนูจะยอมแม่อยู่แล้ว ถ้าถามว่าเถียงไหม หนูเป็นคนที่เถียง ยอมรับ ไม่โกหก แต่หนูไม่ใช่คนที่เถียงแล้วทำให้แม่เสียใจ หนูเถียงด้วยเหตุผล หนูจะไม่ว่าแม่อย่างโน้น อย่างนี้ ไม่มีเลย มันเลยไม่มีความรู้สึกว่า เราไม่น่าทำอย่างนั้นเลย คือนึกเรื่องนี้ขึ้นมาอีกทีหนูก็ยัง งง...เอ๊ะ เป็นไปได้ไง ทำไมไม่รู้สึกอย่างนั้น แต่พอนึกดี ๆ แล้วก็คือ ทุกครั้งที่ทะเลาะกัน สุดท้ายหนูก็จะเป็นฝ่ายขอโทษเสมอ หนูมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ ทุกครั้งที่เราทะเลาะกัน สุดท้ายหนูจะขอโทษแม่เสมอ เพราะอะไร ก็เพราะเค้าเป็นแม่ของหนูค่ะ หรือสมมุติว่าหนูถูก แม่ก็จะบอกแม่ผิด แม่ขอโทษ หนูฟังแล้ว...โอ้โห แม่ขอโทษเหรอ ก็ตกใจ เฮ้ย คนเป็นแม่ขอโทษด้วยเหรอ เลือดเนื้อในตัวหนู ทุกอย่างคือของแม่ แล้วทำไมแม่ ต้องขอโทษสิ่งที่ออกจากตัวแม่ด้วยล่ะ หนูก็...ตายแล้ว ทำอะไรลงไป หนูก็จะไปขอโทษแม่ กราบเท้า แล้วก็กอด ๆ แม่

    โมวางแผนชีวิตไว้อย่างไรคะ
    .............ใช้ชีวิตต่อไปอย่างเต็มที่และมีความสุข มันก็คือให้หนูเลือกเอง หนูคิดไว้แล้วนะคะ ว่ามันจะเป็นยังไง มันเหมือนคนมีความฝัน มีความต้องการที่จะไปถึงจุดจุดนึง แต่มันเหมือนกับ ... บางทีถ้าเราพูดมันมากไป มันอาจจะไม่ขลัง เช่นเราบอกว่า เราจะเป็นอย่างนี้ ๆ นะ แต่ถ้าวันนึง มันไม่ใช่ ก็เหมือนกับว่าเราจะพูดไปทำไม ทำให้มันดีกว่าที่พูดไปก็เท่านั้น

    แล้วถ้ากลับไปเปลี่ยนแปลงเรื่องในอดีตได้ โมมีอะไรที่อยากจะ เข้าไปแก้ไขบ้างมั้ยคะ อย่างเช่นบางเรื่อง ที่ทำไปแล้วเสียใจ
    ..............เสียใจในการกระทำของตัวเองเหรอคะ มันนึกไม่ออกค่ะ คือสมองหนูมันประหลาด หนูจะจำเรื่องร้าย ๆ ไม่ได้เลย ถ้าถามว่าตอนเด็ก ๆ มีเรื่องอะไรเสียใจมั้ย หนูก็นึกไม่ออก คือมันก็อาจจะมี แต่หนูก็ลืมไปแล้ว ... ทำนองนั้น หนูจำได้แต่เรื่องตลก ๆ มากกว่า สมมุติหนูคิดถึงแม่ หนูจะไม่คิดถึงแง่ที่ท่านตายไปแล้ว จากไป แล้ว หนูจะคิดถึงว่า ถ้าแม่เค้าเห็นหนูกินหก แม่ก็จะ ... สกปรกจริงเลยลูกฉัน...หนูคงคิดเรื่องขำ ๆ มากกว่า


    [​IMG]


    แล้วชีวิตโมตอนนี้ ?
    ..............ถ้าหมายถึงชีวิตที่ไม่มีแม่ละก็ แม่เคยพูดไว้ว่า ถ้าแม่ไปแล้ว แม่ขอให้โมจงเต็มที่กับชีวิต และมีความสุข คือลูกมีอิสระแล้ว อยากทำอะไรก็ทำเลย แม่เชื่อในการตัดสินใจของลูก ว่าลูกจะทำในสิ่งที่ถูก เพราะแม่สอนมา แม่คุมตลอด ต้องเป็นอย่างนี้นะ ตรงนี้ไม่ดีนะ ลูกต้องแก้นะ อย่าขี้เกียจ อย่างตอนช่วงม. ๒ หนูชอบพูดคำหยาบ เพราะติดเพื่อนมา แม่ก็พยายามไม่ให้พูด จนหนูเลิกพูดไปเลย สิ่งที่แม่สอนมา มันอยู่ในตัวหนูครบถ้วน ทุกวันของหนูเต็มที่แล้ว
    ..............คนบางคนอยู่ด้วยกันทุกวัน จนแก่จนเฒ่า แต่ทะเลาะกันทุกวัน มันจะมีความสุขเหรอ ใช่...หนูอยู่กับแม่ แค่ ๑๖ ปี แต่เป็น ๑๖ ปีที่เต็มที่ ในขณะที่คนอายุ ๘๐ ปี อาจจะไม่มีตรง นี้ก็ได้ .จะไม่มีตรง นี้ก็ได้ ... แต่หนูมีแล้ว



    [​IMG]

    ที่มา : http://www.sdsweb.org/th/index.php?t...contentid=1036<!-- google_ad_section_end -->
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • ayuri005.jpg
      ayuri005.jpg
      ขนาดไฟล์:
      61.3 KB
      เปิดดู:
      3,153
    • S7917754-16.jpg
      S7917754-16.jpg
      ขนาดไฟล์:
      97.9 KB
      เปิดดู:
      4,151
    • S7917754-18.jpg
      S7917754-18.jpg
      ขนาดไฟล์:
      99.3 KB
      เปิดดู:
      3,101
    • S7917754-20.jpg
      S7917754-20.jpg
      ขนาดไฟล์:
      98.1 KB
      เปิดดู:
      4,106
  3. อดุลย์ เมธีกุล

    อดุลย์ เมธีกุล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2007
    โพสต์:
    7,363
    ค่าพลัง:
    +11,795
    เห็นภาพ ย.โย่ง และภรรยา แล้วเสียดายครับ เสียชีวิตก่อนไว้อันสมควร

    ขอเป็นกำลังใจให้กับลูกสาวหัวใจมีธรรมครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มิถุนายน 2008
  4. อธิมุตโต

    อธิมุตโต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    4,741
    ค่าพลัง:
    +13,087
    ดีใจแทนคุณพ่อด้วยครับ ที่มีลูกดี ๆ อย่างนี้

    แต่เสียดาย ที่คุณ ย.โย่ง อายุสั้น ไม่ทัน อยู่ดูความดีของลูกในปัจจุบัน
     
  5. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,130
    ขอบคุณสาระดีดีครับ คุณแม่บ้าน...[​IMG]

     
  6. อำนวยกรณ์

    อำนวยกรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    515
    ค่าพลัง:
    +1,931
    อนุโมทนาบุญด้วยนะค่ะ... และเสียใจด้วยกับการสูญเสีย
    เด็กน้อยโตเร็วจัง จำได้ว่าเคยสอนน้องโม น้องมาย ทำกระทงอยู่เลย และไม่รู้ตอนนี้ยังเล่นขิมอยู่หรือเปล่า


    หลานลุงอ๋อง
     
  7. ลุงชาลี

    ลุงชาลี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,958
    ค่าพลัง:
    +4,763
    โมทนาสาธุบุญครับ ผมเป็นแฟนประจำ ย โย่ง เหมือนกันครับ
    ชอบเขาพากฟุตบอล เพลินดี สู่สุขคติทั้ง 2 ท่านเถิด มีลูกดีๆ
    บุญยิ่งแล้ว สาธุ สาธุ
     
  8. เกสรช์

    เกสรช์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    827
    ค่าพลัง:
    +1,401
    ขออนุโมทนา สาธุคะ

    บทความดีมากเลยนะคะ ซาบซึ้งตรึงใจ ขอcopyบทความนี้เพื่อเผยแพร่เป็นธรรมทานต่อไปนะคะ ขอบคุณคะ[​IMG]


    (เรียนท่านผู้เกี่ยวข้องของระบบ:เกสรช์ขอออกความคิดเห็นนะคะ น่าจะย้ายช่อง ไม่เห็นด้วย คนละฝั่งกับช่องอนุโมทนา หรือ ทำสีให้ต่างกันก็ดีนะคะ เพราะสับสนและมีคนคลิ๊กผิดกันเยอะเลยคะ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มิถุนายน 2008
  9. สวนะ

    สวนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    465
    ค่าพลัง:
    +201
    ปีติค่ะ..รู้สึกรักและชื่นชมน้องแตงโมมากๆ
    และสบายใจได้ว่า น้องสามารถดำเนินชีวิตได้อยางปกติสุข
    และสุขกว่าหลายๆ คน ที่ยังอยู่ในวังวน และค้นหาทางไปพบ..
    ขออนุโมทนาด้วยค่ะ

    ป่านนี้คุณพ่อ และคุณแม่คงยินดีและอนุโมทนาบุญกับลูกสาวอยู่บนสวรรค์ชั้นฟ้าโน่นแล้วละค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มิถุนายน 2008
  10. lepus

    lepus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    307
    ค่าพลัง:
    +1,881
    น้องแตงโมสุดยอดครับ น่าชื่นชม ยกนิ้วให้เลย..



    อ่านท่อนนี้แล้วรู้สึกว่าคล้าย ๆ กันเลย ผมเองตอนเด็ก ๆ ก็เพราะได้เห็นรูปพุทธประวัติที่สวยงามนี่แหละที่ทำให้จิตใจแช่มชื่นเบิกบานและเป็นจุดเริ่มต้นให้มาฝักใฝ่ในทางนี้...

    ใครที่คิดว่าภาพที่สวยงามจรรโลงค์ใจนั้นไม่มีส่วนในการปลูกฝังทำให้เกิดศรัทธาต่อพระพุทธศาสนา อันนี้ขอค้านเต็มที่เลยครับ อย่างภาพภิกษุสันดากานั้นเป็นต้นไม่สมควรเลยที่จะนำภาพแบบนี้มาเผยแพร่ หากถ้าเด็กๆ ได้มาเห็นเข้าแทนที่จะทำให้เกิดความรู้สึกดีๆในเชิงบวกต่อพระพุทธศาสนา ก็ย่อมกลับจะทำให้เกิดภาพลบที่ฝังอยู่ในใจเขาตลอดไปทีเดียว เด็ก ๆ คืออนาคต คือผู้ใหญ่ในวันหน้าแล้วแบบนี้อนาคตของพระพุทธศาสนาจะเป็นเช่นไร
     
  11. mmie

    mmie เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    466
    ค่าพลัง:
    +1,986
    จิตใจที่เปี่ยมไปด้วยธรรมะ ย่อมจะหนุนนำให้น้องแตงโม มีสติ มีปัญญา และได้ดวงตาแลเห็นธรรมในที่สุด...อนุโมทนาสาธุ
     
  12. คนมีกิเลส

    คนมีกิเลส เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    3,973
    ค่าพลัง:
    +19,431
    อย่างนี้เรียกว่า "กุลธิดา" ของแท้

    ขออนุโมทนาสาธุการด้วยครับ<O:p</O:p
    สาาาาา...ธุ
     
  13. โอซารัน

    โอซารัน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    873
    ค่าพลัง:
    +91
    ขอบคุนครับ

    คิดถึงพ่อเทอคับ

    ลุกสาวหน้าตาดี คับ
     
  14. หาธรรม

    หาธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,163
    ค่าพลัง:
    +3,739
    เด็กอายุเท่านี้เอง ดูความคิดความอ่านซิ น่ายกย่องมาก
     
  15. หญ้าคา

    หญ้าคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    247
    ค่าพลัง:
    +138
    อนุโมทนาสาธุครับผม เก่งมากๆ เก่งกว่าผมมากครับ ขอเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปจนถึงที่สุดคือนิพพานครับ สาธุ สาธุ
     
  16. NIDchillchill

    NIDchillchill Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +32
    ก่อนอื่นต้องขออนุโมทนากับคุณน้องโมด้วยนะค่ะ ที่ได้เข้าถึงพุทธศาสนาและธรรมะได้ตั้งแต่อายุยังน้อยๆ ได้เปรียบกว่าหลายๆ คนที่เพิ่งได้พบแนวทางในการสร้างความสุข ความสงบให้กับตนเอง...
    และขอขอบคุณคนที่โพสบทความนี้ด้วยนะค่ะ บอกได้คำเดียว ซึ้งค่ะซึ้ง
     
  17. matakalee

    matakalee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    160
    ค่าพลัง:
    +367
    ผู้ใดเห็นทุกข์ ผู้นั้นเห็นธรรม
    เกิด แก่ เจ็บ ตาย ทุกคนหนีไม่พ้น
    วันนี้จงอยู่ด้วยสติ คิด ดี ทำดีนะหนูน้อย เป็นกำลังใจให้เสมอ
     
  18. ปิยธรรมโม

    ปิยธรรมโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    473
    ค่าพลัง:
    +349
    อนุโมทนากับบทความดี ๆ ครับท่านเจ้าของกระทู้
    ดีใจแทนคุณพ่อ -คุณแม่ของน้องแตงโมด้วยความจริงใจ
    ถึงแม้ว่าท่านจากภพชาตินี้ไปแล้วก็ตาม..สาธุ
    ขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจ..ให้น้องครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  19. srirote

    srirote เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +393
    อนุโมทนาครับอ่านแล้วมีความซาบซึ้งในเรื่องของความกตัญญูต่อบิดามารดา
    ได้อนุสติในเรื่องทุกคนเกิดมาต้อง มี แก่ เจ็บ ตาย และต้องตายทุกคน ไม่วันนี้ก็พรุ่งนี้
    ชื่นชมและขอเป็นกำลังใจให้ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มิถุนายน 2008
  20. oomsin2515

    oomsin2515 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    2,934
    ค่าพลัง:
    +3,393
    กุศลผลบุญใด ๆ ก็ตามที่ข้าพเจ้าได้ทำมาแล้ว ตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบันนี้ ข้าพเจ้าขออุทิศให้<O:p</O:p


     

แชร์หน้านี้

Loading...