นายหลง....ไวน์

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย ฐาณัฏฐ์, 22 พฤษภาคม 2008.

  1. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    คนหลากสาย...ไวน์หลากสี



    <!-- Main -->[SIZE=-1]<CENTER>...นับช่วงเวลาได้กว่าสิบปีที่รู้จัก
    [SIZE=-1]เขา...ดูจะคุ้นเคยกับไวน์ชั้นอัครเป็นอย่างดี[/SIZE]
    [SIZE=-1]ในทุกครั้งที่พบ...มักคลุกเคล้าด้วยเสียงหัวเราะสรวลเส...อย่างมีความสุข[/SIZE]
    [SIZE=-1]และไม่เคยได้ยินเขาสาธยายไวน์ใด...มากไปกว่า[/SIZE]
    [SIZE=-1]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 พฤษภาคม 2008
  2. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    [​IMG]
    Domaine de la Marfee 2002
    Les Gamines, Vin de Pays de L'Herault
    Languedoc, France
    Rate : 90
    “สีแดงสดอมม่วงอมดำ แต่สดใสสว่างตา ส่งกลิ่นหวานอมฝาดของรากไม้เข้ม หนังอานม้า ท้องร่อง น้ำมันดิน และพริกไทยสด โครงสร้างขององุ่นดี โครงเนื้อหนาเต็ม แอซิดิตี้อยู่ในขั้นดีปานกลาง ผลไม้จัดจ้าน แทนนินหนาและหยาบปานกลาง สมดุลดีพอใช้ ให้ความลงตัวดี แอลกอฮอล์ยังสูง ได้กลิ่นชะเอมในโพรงจมูก ช่วงจบยาวปานกลาง”

    “ผมเชื่อว่า Terrior นั้น...สำคัญกว่าองุ่น”
    ...เพียงห้าปีหลังเลือกหาผืนไร่จนมาสมใจที่กำแพงเก่า...Murviel ใกล้เมือง Monpellier
    ...ด้วยเชื่อในวิธีคิดบนพื้นฐานเรียบง่ายองุ่นเลวทุกต้นจึงถูกถอนออก
    ...เก็บเอาไว้แต่ Grenache และ Carignan ชั้นดี
    แล้วปล่อยให้ดินและอากาศ...ทำหน้าที่ของมันต่อไป

    “แค่ปล่อยให้ไวน์...สำแดงบุคลิกของมันเอง”
    ...Thierry Hasard
    ......................
    ...กว่าสิบห้าปีที่คุ้นเคยกัน
    เขา...ใช้ความพยายามหลากหลายวิธี...เพื่อแฝงตัวในวงสังคมชั้นสูง
    การสำแดงความรู้ในไวน์คือ...อุปกรณ์ที่ใช้อย่างหนึ่ง
    ซึ่งบ่อยครั้ง...ช่างละม้ายคล้ายคลึง
    หรือแทบจะถอดความตรงกับไวน์กูรูอเมริกัน
    ...คนที่ปั่นไวน์จาก “ธรรมดา” จนกลายเป็น “ไม่ธรรมดา”
     
  3. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    [​IMG]
    Frankland Estate 2001
    Olmo's Reward, Frankland River, Australia
    Cabernet Franc 52 %, Merlot 37 %
    Cabernet Sauvignon 5 %, Petit Verdot 4 %, Malbec 2 %
    Aged 2 Years in French Oak
    Rate : 90

    “สีเนื้อแดงเข้มอมดำจนดูน่ากลัว ให้กลิ่นผลไม้จัดจ้านปนมากับกล่องซิการ์ กลิ่นบอกว่าดราย ภาพรวมออกมาค่อนข้างดูดี...มีความซับซ้อน ปลอดกลิ่นดินแดงแบบไวน์ออสซี่อื่นๆ โครงเนื้อหนาปานกลางออกมาทางแน่นเล็กน้อย ให้ความสดชื่นพร้อมกับสมดุลที่ดีพอใช้ แทนนินละเอียดสวย มีความชัดลึกและชัดเจนดี แอซิดิตี้ดีทีเดียว ...ช่วงจบยาวปานกลาง”

    “เราอยากทำให้ได้...อย่างไวน์ฝรั่งเศส”
    ...หลังตระเวนชมไร่ไวน์ด้วยความหลงใหล
    ทั้งคู่...กลับไป Chateau Senejac ใน Bordeaux อีกครั้งพร้อมขอฝึกงานที่นั่น
    ...จากนั้นจึงเสาะหาโอกาสทำไวน์
    จนมาตัดสินใจบนผืนไร่ที่ Dr. Harold Olmo ระบุว่า...
    อุดมด้วยชั้นแร่เหล็กและดินดึกดำบรรพ์
    เหนือตลิ่ง...เลียบลำน้ำ Frankland อันหนาวเหน็บ

    “ก็แค่ทำทุกอย่างเหมือนที่ฝึกจาก Bordeaux”
    ...Barrie Smith และ Judi Cullam
    ......................
    ...เขา...ใกล้ชิดไวน์มานานกว่าสิบปี
    จนกล่าวได้ว่า...เป็นเสี้ยวส่วนชีวิตที่สาหัสสุดๆ
    ...แต่แทนที่จะมีความรู้ไวน์อย่างเปิดกว้าง...จากการมีร้านเป็นของตัวเอง
    เขากลับเอารสนิยมส่วนตัวที่ตีกรอบ...มารวมกับกลไกการตลาด
    เขาจึงไม่สามารถแยกแยะได้ว่า
    ...ไวน์ “ดี” หรือ “เลว” นั้นแตกต่างกันเช่นไร
     
  4. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    [​IMG]
    Dunn 1987
    Cabernet Sauvignon, Howell Mountain
    Napa Valley, California, USA
    Aged 30 Months in 50 % French Oak
    Rate : 92
    “สีไวน์แดงสด สว่าง ทึบลึกปานกลาง ให้กลิ่นผลไม้จัดจ้านปนชะเอม เจือพริกไทยสด แอลกอฮอล์สูงแต่ละเอียด บอกความเจ้ายศเจ้าอย่าง โครงเนื้อหนาปานกลางออกมาทางแน่นเต็ม ผลไม้สุกสดชื่น แทนนินละเอียดและอมหวาน สมดุลกับความลงตัวอยู่ในระดับดีปานกลาง แอซิดิตี้ดีพอใช้ ช่วงจบยาวปานกลาง พร้อมดื่มแล้ว จะอยู่ดีไปไม่เกินปี 2015”

    “ปรัชญาการทำไวน์ของผมคือ เล็ก...เรียบง่าย”
    ...หลังแอบซุ่มทำเองที่บ้าน จน...UC Davis อดรนทนไม่ได้
    ต้องเชิญมาเรียนทำไวน์ให้เป็นเรื่องเป็นราว
    แต่ด้วยความขัดสนจึงยังคงชีพด้วยการเป็นผู้ช่วยดูแลการคัดองุ่นที่...Caymus ไปพลาง
    จนเย็นวันหนึ่งในปี 1985 ...เขาก็แยกตัวออกมาสร้างฝันเป็นของตัวเอง

    “ก็ถ้าต้องผลิตมากๆ ...แล้วเรื่องตรวจไร่...ตัดกิ่ง...ซ่อมแซม...งานผลิตและการตลาด ในวันหนึ่ง...จะทำเสร็จได้อย่างไร”
    ...Randy Dunn
    ......................
    ...นับเนื่องจากสามสี่ปีที่รู้ตัวตนกัน
    สิ่งที่เห็นคือพวกเขาศึกษาอย่างกระตือรือร้น
    เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
    ตามติดทุกสถานการณ์จนแทบจะไม่มีไวน์ไหนหลุดรอดสายตา
    แต่ด้วยเส้นทางไวน์...ไม่มีทางลัด
    จึงเป็นที่น่าสงสัยว่า...ทั้งทรัพย์...เวลา...และสุขภาพที่เสียไป
    ...มันจะคุ้มค่าหรือไม่กับแค่เพื่อได้รู้ดีกว่าใคร...ว่า
    ...ไวน์ใด “ดี” หรือ “เลว”
     
  5. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    [​IMG]
    Pavie 2000
    St.-Emilion, Bordeaux, France
    Merlot 60 %, Cabernet Franc 30 %, Cabernet Sauvignon 10 %
    Rate : 97
    “สีแดงสด ทึบลึกมาก ส่งกลิ่นฟางอ้อย แก่นและรากไม้ ให้ความซับซ้อนสมบูรณ์แบบ สำแดงความเป็นผลไม้แดงดำอย่างเต็มเหยียด แอซิดิตี้กับความลงตัวสมบูรณ์แบบ สมดุลดีมาก โครงเนื้อแน่นเต็มเหยียด อวบหนาอย่างที่ไม่เคยพบมาก่อน เป็นความมหัศจรรย์ที่แตกต่างจากไวน์ St. Emilion โดยสิ้นเชิง ช่วงจบยาวเร้าใจ คงจะพร้อมดื่มปี 2010 และอยู่ยาวเกิน 2050”

    “เอาเป็นว่ามาเริ่มเดินกันใหม่...ตั้งแต่ต้นเลย”
    ...นับเนื่องจากปี 1998
    ...นอกจากจะสั่งรื้อและวางสัดส่วนพันธุ์องุ่นในไร่ใหม่หมด
    ...องุ่นทุกเม็ดถูกลำเลียงส่งจนถึงปากถัง
    ...ผ่านระบบสายพานที่สามารถคัดแยกก้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    โรงหมักแห่งใหม่พร้อมถังไม้ใหม่ถูกจัดสร้างคู่กับโรงบ่มขนาดใหญ่
    อันทันสมัยที่สุดใน Bordeaux

    “เปลี่ยนให้หมด เว้นไว้ก็แต่ชื่อ Pavie”
    ...Gérard Perse
    ......................
    ...เมื่อกว่าสิบปีก่อน...มีโอกาสได้รู้จักคนพิเศษ
    ...เขาทุ่มเทหมดหน้าตักไปกับการเรียนรู้
    พัฒนาการในเรื่องไวน์ดำเนินไปอย่างรวดเร็ว
    ...แต่ไม่ว่าจะเป็นด้วยความมั่นใจล้นขีดว่ารู้เช่นจนเจนจบ
    ...หรือ...ค้นพบจนเบื่อหน่ายในสัจธรรม
    เขากลับสลัดทิ้งมันไปอย่างเฉียบพลัน
    ประหนึ่งว่า...มิเคยได้ไยดี...
    มิเคยได้สัมผัสไวน์ “ดี” “เลว” มาก่อน
     
  6. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    [​IMG]
    M. Chapoutier 2003
    La Bernadine, Chateauneuf du Pape
    Southern Rhone, France
    Grenache 100 %
    Rate : 90
    “สีแดงสด เข้มลึก ทึบปานกลาง ให้กลิ่นรากไม้เข้ม แก่นไม้แห้ง และธูปหอม ไอแอลกอฮอล์สูงจัด โครงเนื้อหนาเต็ม แอซิดิตี้และสมดุลลงตัวดีพอใช้ เนื้อน้ำละเอียด แทนนินนุ่มนวล อมหวานอมขม โครงสร้างของผลไม้อยู่ในระดับดี แสดงความสวยงามสง่า และให้ช่วงจบยาวปานกลาง”

    “การกรองไวน์...ก็เหมือนกับการถูกบังคับให้ใช้ถุงยางอนามัย”
    ...ด้วยหลงใหลในสิ่งที่ตนเองเชื่อ
    ...เขาตัดสินใจใช้หลัก Biodynamic ในทุกแปลงไร่
    ...เลือกใช้เฉพาะยีสต์ป่าสำหรับกระบวนการหมัก
    เลิกใช้ถังบ่มขนาดใหญ่ หันมาใช้ถังโอ๊กขนาดเล็ก
    ยกเลิกกระบวนการกรองอย่างสิ้นเชิง
    และที่สำคัญคือ...ใช้ Single Grape ในทุกผลิตภัณฑ์

    “การปรุงแต่งไวน์ด้วยองุ่นหลากพันธุ์ถือเป็นการลดคุณค่า Terrior”
    ...Michel Chapoutier
    ......................
    ...สิบกว่าปีที่รู้จักผู้คนในวงการ
    ได้พบผู้รู้...ผู้ทรงภูมิมากมาย มีโอกาสสัมผัส...แลกเปลี่ยนทัศนะอย่างหลากหลาย
    แต่เมื่อทุกครั้งที่ได้เห็นใครสักคน...ใช้ทักษะนั้นมาเป็นเครื่องมือหากิน
    ...ความน่าเชื่อถือเกี่ยวกับไวน์ไม่ว่าจะ “ดี” หรือ ”เลว”
    ...ก็มักค่อยๆ โรยราและลาดลงต่ำเสมอ
     
  7. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    [​IMG]
    Domaine de la Romanée-Conti 1993
    Echézeaux, Vosne-Romanee
    Cote de Nuit, Cote d'Or , Burgundy, France
    Rate : 93

    “สีแดงสด เข้มลึกปานกลางออกมาทางบาง ให้กลิ่นกุหลาบสีแดงอ่อนปนมากับผลไม้เปรี้ยวสายลูกไหน เข้มลึกปานกลาง โอ๊กละเอียดเนียนและหอมหวาน ให้ความสดชื่นดี โครงเนื้อหนาปานกลางออกมาทางหนาเล็กน้อย ได้กลิ่นลูกไหน-ลูกพลัมสดในเนื้อน้ำ สมดุล ความลงตัวและแอซิดิตี้...ดีพอใช้ เนื้อไม่ลึกนัก แทนนินละเอียดมาก ให้ความซับซ้อนในระดับดี จบยาวปกติ พร้อมดื่มแล้ว และอยู่ดีต่อไปถึงราวปี 2015”
    “คุณลักษณะเฉพาะตัวดีที่สุด...จากดินและต้นองุ่น คือ...สิ่งที่เราดึงมันขึ้นมา”

    ...บนแปลงองุ่นที่มีค่าเกินกว่าทองคำ
    ...ได้รับการดูแลตามหลัก Biodynamic ...ด้วยพนักงานประจำเพียงแค่ยี่สิบห้าคน
    พร้อมทีมพิเศษอีกหกสิบ...ในช่วงเก็บเกี่ยว
    องุ่นทุกพวงนำไปหมักโดยไม่เคยรูดก้าน
    จากต้นองุ่นเฉลี่ยล้วนเกินสี่สิบห้าปี

    “ด้วยองุ่นดีที่สุดเท่านั้น...ถึงจะสร้างเป็นไวน์ชั้นเลิศ”
    ...Aubert de Villaine
    ......................

    ...ถดถอยหรือหยุดนิ่ง...ก้าวหน้าหรือล้าหลัง
    ...ของดีหรือเลว...ของจริงหรือปลอม
    ...คือ ความเป็นไปในโลกของ...คนหลากสาย...ไวน์หลากสี<!-- End main-->
     
  8. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    ความจริง...ที่เป็นอยู่

    <!-- Main -->[SIZE=-1]<CENTER>"ไวน์ออสซี่...นี่แหละคุ้มที่สุด" ...คนหนึ่งเอ่ย
    "มันทั้งถูก...เข้ม...ลึก...และเร้าใจ"
    "มีตัวไหนประทับใจเป็นพิเศษ...." คนข้าง ๆ ถาม
    "ก็มี Penfold รุ่น Bin-128...Bin-389...แล้วก้อ...." เขาพูดไม่ทันจบ
    "อ๋อ! พวกไวน์ไร้แสตมป์...ถูกสตางค์"
    "แถมให้ความมันเร้าใจ ตอนลุ้นว่าเป็น-ของจริงหรือปลอม... คุ้มจริง ๆ"

    [​IMG]
    Wynns Coonawarra Estate
    John Riddoch, 1992
    Cabernet Sauvignon, Coonawarra, South Australia
    Rate: 93

    สีแดงยังดูสด ให้ความเข้มทึบลึกดี
    ส่งกลิ่นผลไม้เขียว มะเฟืองสด พร้อมหนังเหนียวปนกลิ่นซิการ์
    คลุกเคล้ามากับเปลือกไม้หอมอมหวาน ช๊อกโกแล๊ต เห็ดหอม...เจือน้ำหอมบาง ๆ
    โครงเนื้อหนาเต็ม แม้ผลไม้จะจัด แต่ก็ให้สมดุลและแอซิดิตี้ที่ดีมาก
    สดชื่น สร้างความลงตัวในระดับปานกลาง
    ช่วงจบยาวปานกลาง สนุก

    วันที่ 15 กรกฎาคม ค.ศ.1901
    หลังจากปักฐานสร้างไร่องุ่นและเก็บเกี่ยวได้เพียงห้าปี
    เขาก็สิ้นใจอย่างสงบ...ด้วยวัยเจ็ดสิบสามในแมนชั่นส่วนตัวที่ Yallum Park

    ในอีกห้าสิบปีให้หลัง
    สองพี่น้องพ่อค้าไวน์จากเมลเบิร์นได้ซื้อไร่องุ่นแปลงนั้น
    และเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น Wynns Coonawarra Estate
    แต่มิวายที่จะผลิตไวน์รุ่นพิเศษสุดเพื่อเป็นเกียรติแก่เขา
    John Riddoch
    นักบุกเบิกแดนจิงโจ้รุ่นแรก....ชาวสก๊อต

    .........................

    "ยังไงซะ-มันก็ยังขาดเสน่ห์ ไวน์โลกใหม่ไม่มีทางสู้ทางโลกเก่าได้"
    ...คนเก่าเอ่ย
    "...มันไม่มี-แตรัวร์"
    "อ๋อ ! ลักษณะเฉพาะตัวดีเด่นมารวมกันของแต่ละแห่งนะเหรอ"
    "...สำเนียงฝรั่งเศสแท้ ๆ ว่า...แตฮัวร์ ไม่ใช่เหรอ"
    ...มีคนช่วยแก้สำเนียง
    "ใช่...มันต้องโลกเก่าอย่างฝรั่งเศสเท่านั้น
    ของดีต้องอยู่สภาพแวดล้อมดี ๆ
    ...เอ่อ...ต้องมี....แตฮัวร์"

    ...น้ำเสียงคราวนี้เหมือนขาดความมั่นใจ

    “อ้าว!...ขาหมูโค้วจั่วฮวด...เกาเหลาเนื้อนายเซี้ย
    ...ข้าวหมูแดงนายฮุย ...มันไม่มีแตฮัวร์
    ...งั้นก็ไม่ได้เรื่องสิ ”

    [​IMG]
    Beringer 1992
    Howell Mountain, Bancroft Ranch
    Merlot, St. Helena, Napa Valley
    California, USA
    Rate: 95

    ...สีแดงเข้มทึบ ลึกมาก อมสีน้ำตาลบางมาก
    ...หอมกลิ่นรากไม้เข้มลึก กลิ่นซีอิ๊วขาว เห็ดทรุฟ
    ...กาแฟคั่วบด Roasted แอลกอฮอล์นุ่มนวล กลิ่นเขียวบาง ๆ
    ...โครงหนาเต็มเหยียดแอซิดสมบูรณ์แบบ ผลไม้ดี
    ...สมดุลดีมาก สดชื่น อร่อย แต่จบขมบาง ๆ แทนนินดีและนุ่ม
    ...สดชื่นแอลกอฮอล์สูงจนผ่าวคอ

    ...ที่ระดับความสูงพันแปดร้อยฟุตเหนือแนวหมอก...เลียบไหล่เขา
    ...องุ่นทั้งมวลต่างเริงร่าใต้แดดอุ่นแห่งฤดูร้อน
    ...คลุกเคล้าไอเย็นที่เย็นต่ำกว่าหมู่ไร่เบื้องล่าง
    ...รากเหง้าต่างชอนไชผ่านชั้นหินภูเขาไฟสู่แหล่งแร่ใต้พิภพ
    ...จึงได้มาซึ่งผลองุ่นพวงเล็กแน่น...ผิวหนา...แทนนินสูง
    ...และมีเพียงองุ่นจาก Bancroft Ranch นี่เท่านั้น
    ...ที่ถูกเลือกไว้เพื่อผลิต Beringer เฉพาะรุ่น Private Reserve

    .........................

    “เดี๊ยนไม่เอาเลยนะคะ...ไวน์ขาวเนี่ย” เสียงหนึ่งผุดกลางโต๊ะอาหาร
    “....มันจืดชืด...ไร้ชีวิต”
    “จริงค่ะ หนังสือดี ๆ มันก็ต้องเป็นเล่มที่เราอ่านแล้วชอบ...จริงมั๊ยคะ”
    สาวหนึ่งเสริม
    “เดี๊ยนไวน์แดงอย่างเดียวค่ะ โดยเฉพาะต้องเป็น...คาเบอเน็ท โซวินยอง”
    “อืม...ชอบอ่านแนวเดียว เล่มเดิม อ่านซ้ำแล้วซ้ำอีก
    ....ไม่เบื่อเลยนะคะ”

    [​IMG]
    Allegrini 2000
    Amarone, Della Valpolicella, Classico, DOC
    Veneto, Italia
    Rate: 92

    ...สีแดงสด เข้มลึกปานกลางออกมาทางลึก สว่างสดใส
    ...ให้กลิ่นแรกเป็นความหืนของซางข้าวโพด
    ...ตามด้วยน้ำมันสนหวาน รากไม้ น้ำมันดิน มะเฟืองดิบ ซับซ้อนดี
    ...โครงเนื้อหนาเต็ม แสดงความเป็นผลไม้ออกมาดี
    ...สอดคล้องกับแอซิดิตี้ แทนนินสูง
    ...สมดุลและความกลมกลืนดีพอใช้ ให้ความสนุกสนาน
    ...สดชื่น อร่อย แต่ช่วงจบท้ายกลับไม่ล้ำลึก

    ตระกูล Allegrini คหบดีเก่าแห่งเวนิส
    เลือกเอาองุ่นสามสายพันธุ์ Corvina, Rondinella และ Molinara
    ที่เติบโตจากดินหินภูเขาไฟบนแปลงองุ่นหลักใน Fumane, Sant'Ambrogio และ Marano
    หลังเก็บเกี่ยวก็ปล่อยให้แห้งคาสาด แล้วหมักทั้งผิวและเมล็ด
    พร้อมบ่มด้วยถังโอ๊กฝรั่งเศสบริสุทธิ์
    จึงได้ไวน์เนื้อเข้ม สดชื่น และหนักแน่น...เร้าใจ เหนือไวน์ใด

    .........................

    “นี่ ! อ่านซะ” ...เขายื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้อ่าน
    “เขาบอกให้เปิดทิ้งไว้หนึ่งถึงสองวันแล้วค่อยดื่ม”
    “อืม ...แล้วต้องเชื่อมั้ย” คนรับถามกลับหลังจากได้อ่านอยู่สักครู่
    “นี่ โรเบิรต์ ปาร์กเกอร์ จูเนียร์ เชียวนะ”
    “เฮ้ย! ถ้าทำตามแล้วไวน์มันออกมาเลว
    เราจะไม่มีทางระลึกชาติย้อนกลับว่า-มันควรจะดียังไงได้เลยนะ”
    ...เสียงเขาบอกถึงอารมณ์ขุ่น
    “แล้วเขาเป็นคนซื้อให้คุณดื่มหรือเปล่าล่ะ... อีตาบ๊อบนี่”

    [​IMG]
    Mouton Rothschild 2000
    Premiere Cru, Pauillac
    Medoc, Bordeaux, France
    Rate: 96

    ...สีแดงสด เข้มทึบ ลึกปานกลางออกมาทางมาก สวยสว่างตา
    ...ให้กลิ่นกาแฟคั่วจาง ๆ น้ำตาลทรายแดง ดินสอแห้ง
    ...แอลกอฮอล์นุ่ม สาบปนเปรี้ยวอ่อน ๆ
    ...แต่แฝงด้วยกลิ่นผลไม้แน่นสุด ...สด และละเอียด
    ...โครงเนื้อหนาเต็ม เข้ม ลึก ให้ความสุกสดแน่นของผลไม้สมบูรณ์แบบเต็มเหยียด
    ...สดชื่น แอซิดิตี้เยี่ยม แม้แทนนินจะสูง แต่ก็แสดงสมดุลออกมาให้รู้ว่าลงตัวดีมาก
    ...ยังไม่ใช่เวลาของมัน
    ...เปิดให้เวลาหายใจสักสองชั่วโมงก็น่าจะเพียงพอ”

    Baroness Philippine de Rothschild
    จับเอาสัญญลักษณ์เจ้าแกะ Augsburg Ram
    มาเดินเส้นลายทองบนขวจนดูสวยสดงดงาม
    สาสมกับการเป็นไวน์แห่งมิลเลนเนียม
    ทำเอานักวิจารณ์และกูรูไวน์ทั่วหน้า...ต่างสรรเสริญจนแทบจะดูเกินเลย

    .........................

    “นี่...จะบอกให้” เขาชูแก้วสูง...ท่าทีเขาเหมือนกำลังเล็คเชอร์...
    “ไวน์ดี ๆ ตอนเก็บอากาศต้องร้อน องุ่นต้องสุกจัด
    ฝนต้องไม่เยอะ ตอนหมักต้องเย็น ตอนบ่มถังโอ๊กต้องใหม่”
    “อืม...” หล่อนจิบพร้อมพยักหน้ารับรู้
    “กลิ่นต้องแน่น...โครงเนื้อต้องดี...จบต้องเร้าใจ”
    เขาพูดต่อด้วยท่าทีสอนสั่ง...จนหล่อนเปลี่ยนทีท่า
    “ที่ผ่านมา ชีวิตคุณเคยสมบูรณ์แบบ...อย่างนั้นหรือเปล่า”

    .........................

    ในโลกลวงใบนี้...
    คนมีปัญญา มักใช้ความรู้ส่วนหนึ่งไว้แสวงหาความเป็นจริง

    ในขณะเดียวกันก็ใช้ส่วนที่เหลือนั้น...ล้อมกรอบจินตนาการ</CENTER>[/SIZE]<!-- End main-->
     
  9. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    ผูกติด...ยึดมั่น...เปิดกว้าง...เปิดเผย


    <!-- Main -->[SIZE=-1]<CENTER>[/SIZE]...วันที่เริ่มรู้จัก ...เกิดขึ้นในมื้อเที่ยง...ชานเมือง Dijon แคว้น Burgundy

    ...ภาพวันนั้นคือ ไก่อบราดซอส...ที่เสริฟพร้อม Carafe บรรจุน้ำสีแดงใส...คล้ายน้ำองุ่น

    ...นั่นคือภาพแรกของความทรงจำใน...ไวน์

    [​IMG]

    Ornellaia 1998
    Tenuta dell
     
  10. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    คุณพระช่วย

    <!-- Main -->[SIZE=-1]<CENTER>เย็นนั้น ร้านอาหารฝรั่งเศสข้างวัดสุทัศน์ ฯ
    Chateau Figeac 1983 ถูกเลือกสำหรับบรรยากาศเป็นใจ
    แต่เพียงชั่วครู่หลังส่งไวน์ให้บริกรสาวหลังเคาน์เตอร์
    เสียงอุทานสำเนียงจากที่ราบสูง...ก็ดังขึ้น

    “ฮ่วย ! ข่อยแค่จ้ำเบา ๆ ...จุ๊กมั๊นฮวบลงไปเล้ย”

    ...เมื่อจุดเริ่มต้นไม่เป็นใจ อาหารเย็นจึงกลับมาจบลงที่บ้าน
    ด้วยพิซซ่าและไวน์ขวดนั้น โดยจุกก๊อกได้รับการกู้จากเครื่องมือพิเศษ

    เจ้าประคุณ ! ถึงเวลาจะผ่านมากว่าสิบปี...วินาทีนี้ยังจำรสชาติไวน์นั้นได้ดี
    ร้านอาหารนั้นก็ยังคิดถึงอยู่เสมอ แม้ว่า...ได้ปิดตัวลงไปนานแล้ว

    [​IMG]

    Ausone 2002
    St.-Emilion, Bordeaux, France
    Rate: 96


    “สีเนื้อแดงเข้มลึก สว่างตา สดใส ให้กลิ่นลึกของผลไม้ดำอมม่วง
    ไม้แก่นหวานหอม สดชื่น แอลกอฮอล์นุ่มนวล
    ซ่อนกลิ่นหืนบาง ๆ ของฟางข้าว ให้ความสลับซับซ้อนดีมาก
    โครงเนื้อหนาปานกลางออกมาทางแน่น ละเอียด
    ความชัดลึกและความลงตัวของผลไม้ดีมาก
    แอซิดิตี้สมบูรณ์ สดชื่น จบยาว เร้าใจ”

    คุณพระช่วย ! เพียงแค่ต้นองุ่นอายุครึ่งศตวรรษ
    ด้วย Merlot และ Cabernet Franc อย่างละครึ่ง
    ...จัดวางบนผืนดินอันร่วนซุยที่ลึกลงไปเป็นหินปูนและชั้นทราย
    ...ไม่น่าเชื่อว่าจะได้ไวน์ที่สำแดงความกล่อมกล่อมขั้นสุดยอด
    ...บ่งบอกความเป็นสตรีผู้สูงศักดิ์...ได้ถึงปานนี้

    ........................

    ...ด้วยความกระหยิ่มยิ้มย่องกับไวน์แคลิฟอร์เนียชื่อดี
    “เนินพรหมจรรย์” ที่ได้มาสี่ขวด...สี่วินเทจ
    ...เย็นวันหนึ่งจึงเลือกเปิดวินเทจลึกสุด แต่กลับพบว่า...เสีย
    จึงตัดสินใจเปิดขวดที่สอง...ซึ่งก็เสีย สาม...ก็ยังเสีย ขวดสุดท้าย...มันก็เสีย

    “เฮ้ย !...อะไรของมัน ...นี่จะเน่าทั้งล๊อตล่ะมั้ง”

    ...ด้วยความหงุดหงิดแถมอยากรู้
    ...ในอีกสองอาทิตย์ให้หลังจึงกลับไปที่ร้านเดิม
    สุ่มเลือกมาอีกหนึ่งขวด...แล้วเปิดชิมตรงนั้น
    ...โชคดีที่ผลออกมาว่า...มันยังเสียอีก เป็นอันว่า...สบายใจ

    โถแม่คุณ ! แม้เวลาจะผ่านมาเกือบสิบปี
    ก็ยังจำไวน์ชื่อสยิวได้ขึ้นใจ แต่เชื่อหรือไม่ว่า
    ...ไวน์ชุดเดียวกันยังคงตั้งขายอยู่ตรงมุมเดิม...ร้านเดิม...จนถึงทุกวันนี้

    [​IMG]

    Almaviva 2000
    Puente Alto, Santiago, Chile
    Rate: 93


    “สีแดงสดดำ ทึบลึก ให้กลิ่นเขียวอมหวานอ่อน ๆ ของรากไม้หยาบและอมเปรี้ยว
    หนังอานม้าสไตล์ Pauillacโชยออกมาอย่างมีเสน่ห์
    โครงเนื้อหนามาก อ้วน แน่น สมดุลและแอซิดิตี้เข้าขั้นดีมาก
    ความลงตัวอยู่ในระดับดี แอลกอฮอล์ยังสูง ช่วงจบยาวปานกลาง ประทับใจ”

    คุณพระช่วย ! กับแค่ให้ Patrick Léon จาก Baron Philippe de Rothschild
    มาปรุงไวน์ร่วมกับ Enrique Tirado แห่ง Concha y Toro เพียงเท่านั้น
    ไม่น่าจะทำให้องุ่น Cabernet Sauvignon เก้าส่วนกับ Carmenère ที่เหลือ
    สามารถออกมาเป็นไวน์ชั้นเยี่ยมได้...ถึงเพียงนี้

    ........................

    ...ไม่น่าเชื่อว่า เพราะแค่เสื้อยืดสีขาวนวลและยีนส์เก่าตัวเก่ง
    ...ประกอบกับการเลือก Biondi Santi 1985 และ Tignanello 1990 หย่อนลงในตะกร้า
    ...จะนำมาซึ่งความคับแค้นใจในมุมแคบของร้านไวน์
    เมื่อรีเทลสาวหน้าง้ำที่เดินติดตามประกบทุกฝีก้าว...เอ่ยมธุรสวาจา

    “นี่คุณ! ที่หยิบมานั่นน่ะ ดูราคาบ้างหรือเปล่าคะ”

    ...ด้วยสติสัมปชัญญะที่กำลังพร่องอย่างรวดเร็ว
    ไวน์ทั้งสองจึงถูกสอดเก็บยังที่เดิมอย่างเชื่องช้า
    ปล่อยตะกร้าว่างเปล่าไว้เดียวดาย

    อุแม่เจ้า !
    บริการอันจับจิตที่คงความประทับใจมิเสื่อมคลาย...ผ่านไปไม่ถึงสิบปี
    บัดนี้...ร้านไวน์ที่เดิมมีอยู่หลายสาขานั้น...ได้ทยอยปิดตัวลงหมดสิ้นแล้ว

    [​IMG]

    Etude 1999
    Cabernet Sauvignon, Napa Valley, California, USA
    Rate: 93


    “สีเนื้อน้ำแดงอมดำ สว่างสดใส
    ให้กลิ่นนุ่มนวล ละเอียดของพริกไทสด ไข่ขาวอ่อน ๆ โอ๊กเยี่ยมสวยงาม
    โครงเนื้อหนาปานกลางออกมาทางเกือบเต็ม
    แอซิดิตี้สดชื่นดีพอใช้ ดรายปานกลาง ความสมดุลดี
    โอ๊กสวย ให้รสชะเอมที่ไม่หวานนักตกค้างหลงอยู่ใน Flavor ช่วงจบยาวใช้ได้”

    คุณพระช่วย !
    เพียงแค่ปรัชญาตื้น ๆ ว่าจะสร้างไวน์ให้สมบูรณ์แบบ
    แต่กลับเน้นผลผลิตด้วยองุ่นสองขั้วอย่าง Pinot Noir และ Cabernet Sauvignon
    ...หวังจะให้ดีทั้งสไตล์ Burgundy และ Bordeaux
    ...Tony Soter ไม่ควรจะมีโชคได้...ถึงขนาดนี้

    ........................

    …ในเย็นวันไร้นัดหมาย อาหารเย็นตระเตรียมไว้เพียบพร้อม
    ...เว้นเพียง Chateaux de Salle 1990 ที่ยังเย็นไม่ได้อย่างใจ
    จึงจับยัดในช่องแช่แข็ง...หวังจะวางแค่ห้านาที

    “ของพวกนี้...ก็แค่ทำให้ชีวิต...พอเพลิน ๆ”

    ...เพื่อนบ้านผู้เคร่งธรรม...แวะมาทักทาย
    แถมถือวิสาสะเดินพิจารณาตู้ไวน์ พร้อมบรรยายธรรม...บานปลายกว่าครึ่งชั่วโมง

    ...พระคุณเจ้า !
    นี่เวลาล่วงเลยกว่าสิบปี ยังจำอาหารเย็นเลิศรส
    ...ที่เสริฟพร้อมไวน์วุ้นรสเลิศนั้นได้แม่นยำ
    ...ส่วนเพื่อนผู้สนทนาธรรมผู้นั้น...บัดนี้อยู่ในสมณะเพศแล้ว

    [​IMG]

    La Spinetta 2000
    Barolo, Versu, Piedmonte, Italia
    Rate: 94


    “สีเนื้อน้ำดูแดงสด เข้มปานกลาง สว่างตามาก
    ให้กลิ่นแน่นหอมหวานเจือผิวไผ่ เครื่องเทศเนียนหอมหวาน
    แฝงกลิ่นน้ำมันกลีเซอรีนอ่อน ๆ แต่โครงเนื้อกลับหนาเต็ม
    ให้ความสดชื่นด้วยแอซิดิตี้ที่สมบูรณ์แบบ ครบเครื่อง
    ความกลมกล่อมและสมดุลออกมาในขั้นดีมาก แทนนินสูงแต่นุ่ม
    ช่วงจบนั้นยาวแค่ปานกลาง เป็นไวน์ดื่มสนุก เร้าใจมาก”

    คุณพระช่วย !
    กับแค่องุ่น Nebbiolo อายุเฉลี่ยห้าสิบปี
    ...บนแปลงไร่ที่พร้อมใจหันหน้าลาดลงทิศใต้
    องุ่นทุกเม็ดเก็บด้วยมือ ปลอดสารเคมีและสิ่งแปลกปลอม
    บ่มด้วยถังโอ๊กฝรั่งเศสเต็มร้อย
    ....ไม่น่าเชื่อว่าจะแหวกขึ้นมาจนเป็นไวน์ดาวรุ่งพุ่งแรงแห่ง Piedmont กับเขาได้

    ........................

    ...บ่อยครั้ง...อะไรดี ๆ เกิดมาได้บนเหตุผลง่าย ๆ
    ...เพียงเพราะมี...คุณพระช่วย</CENTER>[/SIZE]<!-- End main-->
     
  11. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ไม่รุ ไม่ชิ ชิมิ ชิมิ
    (ping) (ping)
     
  12. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    เหมือนกัน...แต่ไม่เท่ากัน


    [​IMG]
    คนเราแม้จะมีมือขาเท่าเทียมกัน แต่ด้วยสภาพแวดล้อมอันหลากหลาย จึงอาจทำให้แต่ละคน...มีชีวิตที่ไม่เท่าเทียมกัน<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ผมเที่ยวหาซื้อไวน์ตามที่คอลัมน์ข้าง ๆ เขาเขียนวิจารณ์มาชิมเกือบจะทุกตัว พอดื่มแล้วก็ลองบรรยายตามจินตนาการพร้อมกับให้คะแนนไปด้วย แต่เมื่อเอาไปเทียบแล้วมันไม่เห็นเป็นอย่างที่เขาสาธยายสักเท่าไหร่ ไม่รู้ว่าใครผิดใครถูก <o:p></o:p>
    สมนึก / บางลำพู<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ผมว่า คงไม่จำเป็นต้องควานหาว่าใครผิดถูกหรอกครับ เพราะเรื่องการชิมรสชาติไวน์นั้นหาความชัดเจนแน่นอนมิได้ ดูเอาแค่ว่าไวน์แต่ละขวด แม้จะยี่ห้อเหมือนกันแถมยังเป็นปีเดียวกัน คุณยังหาซื้อได้ในราคาแตกต่างกันเลย แล้วก็ลองคิดดูสิว่า การจะให้ไวน์มีรสสัมผัสแบบเดียวกันจากลิ้นของคนหลายคนนั้น ต้องถือเป็นเรื่องมหัศจรรย์ยิ่ง<o:p></o:p>
    สาเหตุแท้จริงที่ทำให้รสชาติไวน์ออกมาแตกต่างกันออกไปได้นั้น มันมีปัจจัยอื่นมาเกี่ยวข้องเยอะครับ อาทิเช่น<o:p></o:p>
    ขบวนการขนส่งตลอดจนกรรมวิธีการจัดเก็บของผู้นำเข้า อาจเป็นตัวก่อให้เกิดปัญหา<o:p></o:p>
    แม้จะมาจากแหล่งผลิตหรือแม้จะเป็นปีเดียวกัน มิได้หมายความว่าเนื้อน้ำไวน์นั้น จะปรากฏผลออกมาเหมือนกันทุกขวด เพราะก่อนที่มันจะมาถึงมือคุณ เราไม่มีทางรู้เลยว่า ก่อนหน้านี้ไปตกระกำลำบากที่ไหนมาบ้าง แถมผู้นำเข้าไวน์ตัวเดียวกันนั้นอาจมีมากกว่าหนึ่งราย ซึ่งตรงนี้เป็นที่แน่นอนว่า ด้วยกรรมวิธีการขนส่งและต้นทุนการดูแลจัดเก็บที่ต่างมาตรฐานกัน ย่อมส่งผลให้ไวน์ตัวนั้นแสดงผลลัพธ์ออกมาไม่เหมือนกัน
    <o:p></o:p>
    ดื่มไวน์ในห้วงเวลาที่ต่างกัน<o:p></o:p>
    ไวน์มีการเจริญเติบโตภายในขวดอยู่ตลอดเวลา มีช่วงเวลาของพักผ่อนนอนหลับ บางช่วงสดใสเริงร่า บางเวลาเก็บตัวเงียบขรึม บางอารมณ์ก็กระโดกกระเดกขาดความสุขุม ฯ ห้วงเวลาในแต่ละอารมณ์นั้นเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพพื้นฐานการผลิต ซึ่งทำให้ผลลัพธ์แตกต่างกันไป หากคุณมีโอกาสดื่มไวน์ในช่วงสมบูรณ์สุดได้นั้น ย่อมถือเป็นลาภอันประเสริฐ การสังเกตปรากฏการณ์ดังกล่าวนี้อาจจะยากสักนิด ต้องใช้ประสบการณ์สูงพอควร เป็นเรื่องยากมากสำหรับคอไวน์หน้าใหม่ โดยเซียนไวน์มักจะทราบดีว่า ช่วงไหนไวน์จะสมบูรณ์เต็มที่หรือกำลังอยู่ในช่วงขาลง
    <o:p></o:p>
    อุณหภูมิไวน์และสถานที่นั้นไม่เหมือนกัน<o:p></o:p>
    คอไวน์หน้าใหม่ส่วนใหญ่มักถูกสอนว่า “ให้ดื่มไวน์ที่อุณหภูมิห้อง” ตรงนี้ผิดพลาดกันมาเยอะแล้ว เราต้องแยกแยะคำว่า “อุณหภูมิห้อง” ให้ชัดก่อนนะครับว่า มันอยู่ที่ไม่เกิน 25 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นอุณหภูมิห้องแบบยุโรป ไม่ใช่ 32 องศาเซลเซียสอย่างบ้านเรา อีกส่วนที่สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันก็คือ “อุณหภูมิไวน์” ไวน์แดงควรดื่มที่18 - 20 องศาเซลเซียส ไวน์ขาวอยู่ราว 12 – 15 ส่วนไวน์หวานต้องเย็นขนาด 10 องศาเซลเซียสลงไป ตรงความเย็นสองอย่างที่แตกต่างกันนี่เอง จะโอกาสปิดกั้นความสมบูรณ์ของไวน์ เปลี่ยนสภาพจากเด็กดีเป็นเด็กดื้อไร้ขอบเขต เป็นเด็กแนวไร้เหตุผลไปได้อย่างง่ายดาย
    <o:p></o:p>
    มาตรฐานอุปกรณ์ทีใช้ดื่มไวน์อาจต่างกัน<o:p></o:p>
    ไวน์นั้นมีลักษณะตัวเฉพาะเป็นของตนเอง บางตัวเด่นที่กลิ่น บางตัวเด่นตรงเนื้อน้ำ การเตรียมอุปกรณ์ให้เหมาะสมกับความแตกต่างนั้น จะส่งผลให้ไวน์สะท้อนลักษณะเด่นออกมาชัดเจนขึ้น อย่างเช่น ไวน์กลิ่นเด่นควรเลือกแก้วลักษณะกระเปาะที่อุ้มกลิ่นได้ดี ปากงุ้มเข้า ซึ่งหากใช้แก้วปากกว้าง กลิ่นจะกระจายตัวรวดเร็วเกินไป จนคุณจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน ถ้าไวน์นั้นเด่นเรื่องเนื้อน้ำหรือความหนักแน่น ก็ควรเลือกใช้แก้วขนาดใหญ่พอที่จะแกว่งไกวให้สัมผัสอากาศได้เต็มอิ่ม หากคุณใช้แก้วขนาดเล็กเกินไป ไวน์นั้นก็อาจจะฉายความงามได้ไม่เต็มที่
    <o:p></o:p>
    เวลาที่ใช้สำหรับให้ไวน์ได้หายใจอาจไม่เท่ากัน<o:p></o:p>
    ไวน์แต่ละตัวมีลักษณะเนื้อน้ำหนาบางแตกต่างกัน ปกติแล้วพวกไวน์เนื้อหนา (ไม่ใช่สีหนา) ต้องการเวลาหายใจหลังเปิดขวดนานกว่าไวน์สายเนื้อบาง (ไม่ใช่สีบาง) <o:p></o:p>
    เวลาที่ปล่อยให้ไวน์หายใจนั้น โดยทั่วไปให้ถือที่ครึ่งชั่วโมงเป็นหลัก แต่หากเป็นพวกเนื้อหนาพิเศษหรือเป็นไวน์ใหม่มาก ๆ ก็สามารถปล่อยให้ล่วงเลยเป็นชั่วโมงได้ บางตัวที่พิสดารพันลึกอาจเปิดขวดทิ้งไว้ข้ามวันข้ามคืน แต่สำหรับพวกไวน์เนื้อบางพิเศษ อาจรวบรัดเวลาให้สั้นลง ได้เล็กน้อย เพราะหากปล่อยให้เนิ่นนานไป ไวน์นั้นอาจสิ้นใจไปก่อนที่จะได้เชยชมความงดงาม
    <o:p></o:p>
    สภาวะและประสิทธิภาพการรับรสของแต่ละคนนั้นมีพื้นฐานต่างกัน ปุ่มรับกลิ่นในโพรงจมูกและต่อมรับรสของลิ้น แม้จะมีโครงสร้างหลักเหมือนกันโดยธรรมชาติ แต่ประสิทธิภาพการส่งสัญญาณไปสู่สมองเพื่อประมวลผลนั้น อาจจะออกมาแตกต่างและผิดเพี้ยนกันไป บางคนกลับตกหล่นในรสชาติหรือกลิ่นบางอย่าง บางคนอาจจับรายละเอียดเพิ่มเติมได้มากและล้ำลึกกว่า สิ่งเหล่านี้เป็นไปตามสภาวะของอารมณ์และความสมบูรณ์ของร่างกายด้วย<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    นอกจากความแตกต่างตามสภาพข้างต้น ที่มีอิทธิพลต่อผลลัพธ์ในหลายรูปแบบแล้ว ยังมีเรื่องของความรู้สึกส่วนตัวสารพัดเข้ามาปะปน บางคนชอบหวานและเกลียดเปรี้ยว บ้างนิยมเนื้อหนาแต่รังเกียจขม เมื่อเอาความรักชอบมาผูกกับรสนิยม ผลที่ออกมาเลยทำให้ยิ่งห่างไกลกันไปใหญ่<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ผมว่าเรื่องเหล่านี้ต้องแล้วแต่อัธยาศัยครับ อย่าได้ไปยึดติดว่าใครถูกใครผิดเลย <o:p></o:p>
     
  13. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    สุดยอดไวน์ กับ สุดยอดอาหาร



    <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    สองเดือนก่อน...เจอคนรู้จักที่ไหน มักถูกตั้งคำถามแล้วเสวนาต่อ เรื่องอาหารมื้อละล้านบาทบวกบวก ในร้านอาหารหรูบนยอดตึกสูงของกรุงเทพนี้เอง<o:p></o:p>


    ส่วนใหญ่จะคุยในประเด็นทางสังคมบ้าง ทางเศรษฐกิจบ้าง สร้างกระแสเชิงการค้าบ้าง เื้บื้องลึกเบื้องหลังก็มี จะจริงเท็จแค่ไหนผมก็ไม่ทราบ มีน้อยรายที่ว่ากันด้วยมุมมองของการกินการดื่ม ทุกรายมีความเห็นเชิงลบกันถ้วนหน้า ที่ผมกระตือรือร้นทีจะถกด้วย ก็ประเด็นการดื่มกินนี่แหละ เพราะวิจารณ์ได้อย่างมันปากตามประสาคนตะกละ
    <o:p></o:p>
    กับสุดยอดอาหาร 10 จานจากเชฟมิชิลิน 10 คน และสุดยอดไวน์ฝรั่งเศสอีก 10 ตัว มีมุมมองให้ปุจฉาวิสัชนากันมากมาย คำถามคือเคยกินเคยดื่ม เจ้า 20 รายการที่ว่านี้มาไหม คำตอบของผมคือเคยกินอาหารของ 2 เชฟและเคยดื่มไวน์มา 6 ตัวครับ แต่ทั้ง 8 รายการนี้ ต่างกรรมต่างวาระ ไม่ได้เกิดขึ้นพร้อมกัน
    <o:p></o:p>
    ไวน์ 6 ตัวที่เคยดื่ม ถามว่าอร่อยมากไหม ต้องบอกว่าอร่อยมากครับ ถามต่อว่าคุ้มราคาหรือเปล่า คำตอบคือ ถ้าเป็นราคาในท้องตลาดปัจจุบัน ต้องบอกว่าไม่คุ้มแน่ เพราะแค่ไม่กี่ปี มันแพงกว่าราคาที่ผมเคยดื่ม 1 - 4 เท่าตัว ก็เป็นธรรมดาของหลักอุปสงค์อุปทาน เพราะไวน์เหล่านี้มีน้อย และยิ่งเหลือน้อยขวดลงทุกวัน
    <o:p></o:p>
    สิ่งที่ผมอยากจะพูดเกี่ยวกับงานนี้ เป็นมุมมองของคอไวน์ คือการเอาสุดยอดไวน์ทั้ง 10 ตัวมาดื่ม พร้อมกัน ในโอกาสเดียวกัน คอไวน์มีความเห็นอย่างไร ได้ถกกับพรรคพวกในก๊วนเดียวกันตามประสาคนรักไวน์แล้ว มีหลายเหลี่ยมหลายมุมให้มองกันได้ครับ
    <o:p></o:p>
    หนึ่ง...ถ้าถือเป็นโอกาสทองของชีวิต เพื่อจะได้บันทึกในความทรงจำว่า เคยผ่านเหตุการณ์ชนช้างครั้งสำคัีญของสุดยอดไวน์ และเป็นครั้งเดียวด้วย เพราะคงไม่มีใครกล้าแม้แต่จะคิดเอาไวน์ทั้ง 10 ตัวนี้มาเปิดพร้อมกันอีก แล้วตัวเองมีฐานะดีพอที่จะจ่ายเงินหนึ่งล้านบาท โดยรู้สึกเหมือนแค่ตีตั๋วดูคอนเสิร์ตของนักร้องชื่อก้องโลก มาแสดงในเมืองไทย... อย่างนี้คุ้มครับ ทำไปเถอะ เพราะเป็นโอกาสเดียวทีมีอยู่จริง ๆ
    <o:p></o:p>
    สอง...ไม่ใช่คอไวน์ แต่อยากกินอาหารจานเด็ดจากเชฟมิชิลิน ไวน์ที่เอามาให้ดื่ม ไม่รู้หรอกว่าเป็นไวน์ดีหรือไม่ ดื่มไวน์ไม่เป็นว่างั้นเถอะ... อย่างนี้ไม่คุ้มค่าแน่ เพราะสิ่งที่บริโภค ให้คุณค่าเพียงแค่ครึ่งเดียวของราคาที่ต้องจ่าย เพราะราคาไวน์ของงานนี้ พอ ๆ กับราคาอาหารที่รวมค่านำเข้าเชฟมิชิลินแล้ว
    <o:p></o:p>
    สาม...ดื่มสุดยอดไวน์คู่กับสุดยอดอาหาร ต้องเป็นอะไรที่สุดยอดทวีคูณเป็นแน่... อันนี้พรรคพวกในก๊วนผมลงมติเป็นเอกฉันท์ว่าไม่จริง เพราะจะดื่มไวน์หรือกินอาหารก็เลือกเอาซักอย่าง ถ้าตั้งใจจะกินสุดยอดอาหารของเชฟมิชิลิน ไวน์ที่จับคู่ต้องลดลงมาเป็นตัวเสริม เป็นไวน์ที่ไปได้ดีกับส่วนประกอบของอาหาร แล้วประคองส่งให้อาหารออกรสชาติตามที่เชฟตั้งใจ คนกินจะได้จดจำความอร่อยของอาหารจานนี้ไปอีกนาน จนจำไม่ได้ว่ากินกับไวน์ตัวไหน... แต่ถ้าตั้งใจจะดื่มสุดยอดไวน์ อาหารที่เสิร์ฟ ไม่ควรมีรสชาติโดดเด่นจนบดบังรัศมีทำการของไวน์ ต้องลดมาเป็นเพียงตัวประกอบ เพื่อให้ไวน์ได้เปล่งประกายความสุดยอดของมัน คนดื่มจึงจะประทับใจ เป็นประสบการณ์ที่มีคุณค่าของเขากับไวน์ไปอีกนาน... ตกลงงานนี้เลยไม่รู้ว่าเป้าหมายของผู้จัด ต้องการให้ไปกินสุดยอดอาหาร หรือไปดื่มสุดยอดไวน์กันแน่
    <o:p></o:p>
    สี่...ดื่ม 10 สุดยอดไวน์พร้อมกันในครั้งเดียว เหมือนได้ขึ้นสวรรค์ 10 ชั้น เพราะไวน์แต่ละตัวที่เลือกมาจะหนุนส่งกันให้ขึ้นไปถึง... มุมนี้ก๊วนผมก็มีมติเป็นเอกฉันท์ว่าไม่จริงอีกครับ เพราะการมีโอกาสได้ดื่มสุดยอดไวน์แต่ละครั้ง ต้องให้เกียรติกับไวน์ด้วย จะซดโฮกเหมือนดื่มเบียร์มันไม่เหมาะแน่ ต้องมีเวลาให้เขาและมีความตั้งใจในการดื่ม ต้องละเลียดกับรายละเอียด ซึมซับกับความสุดยอด ให้สมกับที่คนทำไวน์ตั้งใจปรุงแต่ง และธรรมชาติก็เอื้ออำนวยด้วย จึงจะเกิดความประทับใจเหมือนได้ปีนบันไดขึ้นสวรรค์กับไวน์ตัวนั้น การมัดรวมกันมาทั้ง 10 ตัว ให้ดื่มกลั้วกับอาหารภายในเวลาไม่เกิน 4 ชั่วโมง ต่อให้เป็นแค่การชิมไวน์ ก็ยังเหนื่อยเลยครับ
    <o:p></o:p>
    จะดื่มสุดยอดไวน์ ไม่ควรมีเกิน 2 สุดยอดในคราวเดียว ที่เหลือควรเป็นเหล่าเสนาอำมาตย์ และทหารองครักษ์ ไวน์ตัวรองจะปูพื้น ล้างปาก ปลุกต่อมรับกลิ่นและรสของคนดื่ม ให้ตื่นตัวเพื่อเตรียมสภาพก่อน แล้วนำทางไปจนถึงไวน์ตัวสำคัญ อวัยวะรับรู้จึงพร้อมจะทำงานอย่างเต็มที่ แต่ถ้าดื่มสุดยอดไวน์ตั้งแต่ตัวแรก ไล่ไปเรื่อย ได้แค่ครึ่งทาง จะรู้สึกได้ดื่มแต่ไวน์อร่อยเหมือนกันไปหมด ไม่มีตัวไหนเด่น ลิ้นชากับความอร่อยจนไม่น่าสนใจ
    <o:p></o:p>
    ไวน์ทั้ง 10 ตัวมาจากต่างเขต ต่างแคว้น มีบุคลิกที่ต่างกัน กลิ่นรสก็ไม่เหมือนกัน เป็นยอดไวน์ของแต่ละเขต และเป็นปีเยี่ยมของแต่ละตัว การดื่มไวน์ที่มี 10 ความแตกต่างภายในอาหารมื้อเดียว เป็นการยัดเยียดให้คอไวน์ ต้องผ่านไวน์แต่ละตัวไปอย่างลวก ๆ ไม่มีเวลาละเลียดและซึมซับความโดดเด่นของไวน์ไปอย่างน่าเสียดาย แล้วยังต้องพะวงกับรสชาติอาหารชั้นยอดอีก 10 จาน ดื่มกินมื้อนี้เสร็จ จะมีใครจำกลิ่นรสของไวน์แต่ละตัวได้บ้างหรือเปล่า ก็ไม่รู้
    <o:p></o:p>
    เปรียบไปแล้ว งานนี้เหมือนหนังฟอร์มยักษ์ ที่จับเอา 10 พระเอกชั้นยอดมาประกบ 10 นางเอกชั้นเยี่ยมจนเต็มจอ ไม่มีพระรองนางรองมาหนุนบท ต่างก็เล่นไปตามที่ตัวเองถนัด คนดูเลยไม่รู้จะเลือกโฟกัสที่ตรงไหน มั่วยิ่งกว่าหนังเรื่อง Love Actually เสียอีก เพราะหนังเรื่องนั้นมีแค่ 8 คู่ก็ป่วนเต็มที่แล้ว คิดแล้วสงสารคนดูหนังเรื่องนี้นะครับ
    <o:p></o:p>
    ถ้าให้ผมเลือกระหว่างไปงานนี้ กับเปิด Chateau Latour 1961 เพียงขวดเดียวที่บ้าน ค่อย ๆ ละเลียดกับไวน์สักสามชั่วโมง ย่างเนื้อ Wagyu ชิ้นบาง ๆ กินกับร้อคเก็ตสลัดราดซอสบัลซัมมิค... ผมจะเลือกอย่างหลังโดยไม่ลังเลเลยครับ
     
  14. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    เมื่อก่อนเรามักได้ยินแบบแผนในการจับคู่ไวน์กับอาหารว่า
     
  15. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    <TABLE cellSpacing=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><!--Last Update : 16 มีนาคม 2549 16:11:41 น.-->ดื่มไปหา "อาวุธ" อะไร
    <!-- Main -->[SIZE=-1]<CENTER>[/SIZE]
    ปกติดิฉันไม่ดื่มแอลกอฮอล์หรอกค่ะ
    แต่ได้ยินคนพูดหนาหูเหลือเกินว่า ไวน์ช่วยให้สุขภาพดี
    ถามใครก็ไม่มีใครบอกอะไรได้มากกว่านั้น
    ช่วยตอบให้หายข้องใจหน่อยเถอะค่ะ
    ป้ากุ้ง / มอชอ

    [​IMG]

    ก่อนอื่นต้องขอออกตัวไว้ล่วงหน้าว่า ผมไม่ใช่หมอหรือโภชนากร
    ที่รู้มาก็รู้เองส่วนหนึ่ง อ้างอิงจากผู้รู้จากตำราก็อีกส่วนหนึ่ง
    เป็นข้อมูลที่ทั้งยอมรับและยังคลุมเครืออยู่ทั้งสองส่วน
    เอาเป็นว่า เรามาปูพื้นกันก่อนดีกว่า
    ไวน์คือน้ำองุ่นหมักจนปนเปื้อนแอลกอฮอล์
    ขบวนการผลิตทั้งหมดเป็นไปตามธรรมชาติและ ปราศจากการปลอมปนอื่นใด
    ขั้นตอนการผลิตเริ่มจากเก็บเกี่ยวเมล็ดองุ่นสุกได้ที่แล้วนำมาหมัก
    จากนั้นนำไปบ่มในถังไม้โอ๊กเพื่อเสริมกลิ่น และบรรจุขวดเป็นไวน์ในที่สุด
    [​IMG]
    องค์ประกอบทางเคมีของไวน์นั้น
    เป็นคาร์โบไฮเดรท-เอททิลแอลกอฮอล์-กลูโคสและฟรุคโตส
    นับเป็นอาหารเหลวที่ให้คุณประโยชน์ต่อขบวนการดูดซึมเกลือแร่ในร่างกาย
    มีความสามารถพิเศษในการกระตุ้นต่อมรับรสให้ทำงานอย่างมีประสิทธภาพ ทำให้เจริญอาหาร
    ที่สำคัญไวน์ทั้งขาวและแดงต่างให้คุณค่าของธาตุเหล็กสูง
    [​IMG]
    ...เป็นพันปีมาแล้ว...
    ไวน์ถูกใช้ในกิจการสำคัญทั้งด้านการศาสนาการเมืองและสังคม
    ชาวยุโรปได้ใช้ไวน์เป็นเครื่องดื่มแทนน้ำและยารักษาโรคมาช้านาน
    เพราะด้วยฤทธิ์อำนาจของแอลกอฮอล์และแอซิด
    ที่ทำให้เชื้อโรคและแบคทีเรียไม่กล้าย่างกรายเข้าใกล้

    ยุคต่อมาไวน์ได้แพร่หลายออกไปตามกระแสแห่งการล่าอาณานิคม
    หลังฉากอันหฤโหดของการไล่ล่านอกจากอาวุธเสบียงกรังอาหารแล้ว
    กองทัพเรือยังต้องมีลังไวน์อัดแน่นเต็มลำอีกด้วย
    [​IMG]
    มาถึงยุคกระแสนิยมพุ่งสูงจนฉุดไม่อยู่
    ไวน์กลายเป็นของมีค่าและถูกนับรวมเป็นอาภรณ์ของเหล่าผู้มีอันจะกิน
    ...จนถึงวันดีคืนดีในปี 1991...
    ก็มีรายงานทางการแพทย์จากประเทศฝรั่งเศสว่า
    "ไวน์มีคุณประโยชน์ช่วยลดความเสี่ยงการเป็นโรคหัวใจ"
    ก็ยิ่งทำให้ผู้คนต่างบริโภคกันอย่างบ้าคลั่งขึ้นไปอีก
    คือ ดูเท่ห์แล้วยังมีสุขภาพดีด้วย จะมีอะไรวิเศษไปกว่านี้

    จากรายงานดังกล่าวที่เรียกขานกันภายหลังว่า French Paradox นั้น
    อ้างถึงไขมันที่เรารู้รักกันดีในชื่อ Cholesterol
    เขาพูดถึงการการสะสมพอกพูนไขมันภายในหลอดเลือดจนเกิดตีบตัน
    ซึ่งเป็นที่มาของอาการเส้นโลหิตแตกในสมองไปจนหัวใจวายเฉียบพลัน
    [​IMG]
    แล้วไวน์ช่วยลดอาการเหล่านั้นได้อย่างไร

    เขาอ้างถึงความวิเศษวิโสของสารพิเศษชนิดหนึ่งที่เรียกว่า Tannin
    ซึ่งพบได้ตามเปลือกผิวต้นไม้และในผลไม้ทั่วไป
    แต่สำหรับผลองุ่นนั้นจะพบที่ผิว-เมล็ด-และก้าน
    โดยจะมีในองุ่นพันธุ์แดงเป็นส่วนใหญ่

    Tannin ถูกอ้างว่ามีบทบาทในการดูดซับ Cholesterol ในเลือด
    โดยนำออกจากร่างกายผ่านทางปัสสาวะ
    แถมอ้างว่า
    "สามารถลดอัตราเสี่ยงจากอาการหลอดเลือดหัวใจอุดตันได้ 30-50% เลยทีเดียว"

    ...เมื่อไม่นานมานี้...
    ผมยังได้รับข่าวสารทางการแพทย์จากออสเตรเลียหรือไงนี่แหละ
    กล่าวถึงประโยชน์จากการดื่มไวน์ว่า
    "สามารถลดอัตราเสี่ยงการเป็นมะเร็งรังไข่ได้ถึงครึ่งหนึ่งอีกด้วย"
    ว่ากันเข้าไป ช่างวิเศษอะไรปานนั้น เจ้าไวน์นี่

    แต่ในทางกลับกันผมก็เคยรวบข้อเสียที่ผ่านหูผ่านตามาได้บ้างเหมือนกันว่า
    "ไวน์ไม่เหมาะโดยสิ้นเชิงกับคนที่มีอาการโรคภูมิแพ้"
    โดยเฉพาะกับคนที่มีอาการหอบหืด อาการอาจกำเริบหนักขึ้น
    เพราะถูกกระตุ้นโดยตรงจากสารกำมะถัน-สารตะกั่ว-ซากยีสต์ที่ตายแล้ว
    และโปรตีนตกค้างในขบวนการผลิต
    ฟังแล้วน่ากลัวมั้ย

    ในกรณีของการดื่มในปริมาณมากและติดต่อกันเป็นเวลานานอย่างต่อเนื่อง
    นอกจากจะทำให้ความดันสูง-ผิวหนังแห้งและหยาบกร้านแล้ว
    ยังก่อให้เกิดความเสี่ยงจากการเป็นมะเร็ง
    ทั้งในตับ-ทรวงอก-หลอดอาหารและในโพรงปาก
    แล้วยังส่งผลต่อระบบประสาท-กล้ามเนื้อ-หัวใจอีกด้วย
    [​IMG]
    ข้อเสียสำหรับสุภาพสตรีที่รักดื่มไวน์
    นอกจากจะเป็นเพศที่ซึมซับแอลกอฮอล์ได้ไวกว่าเพศชาย
    ซึ่งหมายถึงเมาได้เร็วกว่าแล้ว
    เหล่าสาวใหญ่วัยใกล้หมดประจำเดือนก็ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ
    เพราะ ไวน์นอกจากจะทำให้อ่อนเพลียง่าย ยังส่งผลให้กระดูกผุเร็วกว่าปกติ
    ส่วนในสตรีมีครรภ์ซึ่งไม่ควรดื่มแอลกอฮอล์อยู่แล้ว
    หากดื่มมากเกินเหตุจะทำให้เด็กเกิดมามีน้ำหนักตัวต่ำกว่าเกณฑ์
    ขนาดศรีษะเล็ก-ฐานตาห่าง และจะมีปฏิกริยาการรับรู้ช้ากว่าปกติ
    อันนี้อันตรายมากครับ

    สำหรับทุกเพศทุกวัยหากดื่มแบบไม่บันยะบันยัง
    นอกจากจะครองสติไม่อยู่แล้ว ยังก่อให้เกิดอาการจิตประสาทหลอน
    พูดจาไม่อยู่กับร่องรอย ขาดความน่าเชื่อถือ แถมยังดูแก่กว่าวัย

    ถามว่า "แล้วดื่มแค่ไหนถึงจะเรียกว่าพอเหมาะ"
    [​IMG]
    เรื่องนี้คงหาข้อกำหนดยาก
    เพราะขึ้นกับปริมาณแอลกอฮอล์ในไวน์ซึ่งสูงต่ำไม่เท่ากัน
    ขนาดของร่างกายคนดื่มที่สูงใหญ่แตกต่างกัน
    ขนาดของแก้วแต่ละใบก็อ้วนใหญ่ไม่เหมือนกัน
    บอกไม่ได้ถนัดถนี่หรอกครับ

    เอาเป็นว่าดื่มแบบพอเหมาะ
    ดื่มแบบเข้าสังคมได้พองาม
    ดื่มแบบครองสติได้พอดี
    และดื่มแบบ ไม่เมาเหมือนสุนัข ก็คงพอแล้วครับ</CENTER>
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  16. อิสวาร์ยาไรท์

    อิสวาร์ยาไรท์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,608
    ค่าพลัง:
    +1,955
    ไวน์ก็มีประโยชน์ เหมือน กัน นะเนี๊ย
    ขอบคุณ ค่ะ
     
  17. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    [FONT=arial,helvetica,verdana][FONT=verdana,arial,helvetica]ห้าสุดยอดไวน์แดง บอร์โดซ์ ประกอบไปด้วย [/FONT][/FONT]

    [FONT=arial,helvetica,verdana]
    [FONT=arial,helvetica,verdana]1. ชาโต้ ลาตูร์ (Chateau Latour) [/FONT]
    [FONT=arial,helvetica,verdana]2.ชาโต้ ลาฟิต-รอธส์ชิลด์ (Chateau Lafite-Rothschild) [/FONT]
    [FONT=arial,helvetica,verdana]3. ชาโต้ มาร์โกซ์ (Chateau Margaux) [/FONT]
    [FONT=arial,helvetica,verdana]4. ชาโต้ โอต์-บรีออง (Chateau Haut-Brion) [/FONT]
    [FONT=arial,helvetica,verdana]5.ชาโต้ มูตอง-รอธส์ชิสด์ (Chateau Mouton-Rothschild)[/FONT]
    [FONT=verdana,arial,helvetica]สุดยอดไวน์แดง เมดอก กรองด์ ครูส์ทั้งห้า[/FONT][​IMG]
    สุดยอดไวน์แดง กรองด์ ครูส์ทั้งห้าตัว เขตผลิตไวน์ แหล่งสำคัญได้แก่อำเภอเมดอก (Medoc)

    [FONT=verdana,arial,helvetica]1.ชาโต้ ลาตูร์ (Chateau Latour)[/FONT]
    สุดยอดไวน์แดงอันดับแรก ชาโต้ ลาตูร์ (Chateau Latour) ส้นทางเดินของชาโต้ ลาตูร์แม้จะมิได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่ก็เป็นเรื่องของคนรวยที่ทำอะไรก็ไม่น่าเกลียด ชาโต้ ลาตูร์กำเนิดในศตวรรษที่ 16 ในตำบลโปอีแญ็ก (Pauillc) ฝีมือของคนตระกลูเซกูรื แรกออกวางตลาดยังเป็นไวน์ที่มีชื่อเสียงไม่โดดเด่นเท่าที่ควร จนกระทั่งในศตวรรษที่ 17 ทายาทของตระกลูเซร์คนหนึ่งได้สมรสกับเจ้าหญิงซึ่งเป็นเชื้อพระวงศ์บังบองของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14(ค.ศ. 1638-1715) ชาโต้ ลาตูร์ จึงเป็นไวน์ที่คนกล่าวขวัญถึงในฐานะไวน์ เขยกษัตริย์ ชาโต้ ลาตูร์ที่ทุกรู้จักในวันนี้ คือไวน์แดงที่หอมนุ่มนวลที่สุด ราคาแพง ขวดปีทอง (Vintge Yeas) ราคาเป็นหมื่นๆ บาท

    [FONT=verdana,arial,helvetica]2.ชาโต้ ลาฟิต-รอธส์ชิลด์ (Chateau Lafite-Rothschild)[/FONT]
    สุดยอดไวน์แดงอันดับสอง ชาโต้ ลาฟิต-รอธส์ชิลด์ (Chateau Lafite-Rothschild) ถ้าจะระบุว่าสุดยอดใดๆ ในโลกล้วนไม่เคยมีเพียงหนึ่งคงไม่ผิด ดังนั้นไวน์เยี่ยมที่รสชาติละลานใจเป็นเหลือหา จึงไม่มียี่ห้อไหนสามารถผูกขาดอยู่คนเดียว อย่างชาโต้ ลาฟิต-รอธส์ชิลด์ จึคงเป็นไวน์ที่คอไวน์ต่างยกนิ้วให้ [​IMG] ทั้งยังต้องยืนยันไว้ตรงนี้ด้วยว่า ในขบวนไวน์ระดับปีทองด้วยกันของ สุดยอดไวน์แดงทั้งห้านี้ ชาโต้ ลาฟิตมีราคาแพงกว่าใครอื่น ชาโต้ ลาฟิตเป็นไวน์เก่าแก่ที่กำเนิดมากว่า 8 ศตวรรษแล้ว นายกอมโบ เดอ ลาฟิตจะ มาจากไหนไม่มีใครรู้ จู่ๆ ก็หอบเงินมาลงทุนซื้อไร่องุ่น ที่ตำบลโปอีแญ็กในค.ศ.1234 ผลิตไวน์แดงยี่ห้อลาฟิตขึ้นมา ยุคแรกก็ผลิตได้พอเลี้ยงตัว จวบจนนายกอมโบสิ้นลมปราณก็ยังไม่โดงดัง ทายาทลาฟิตอีกหลายรุ่นดำเนินกิจการอย่างต่อเนื่อง จนถึงศตวรรษที่14 ชาโต้ ลาฟิตก็กระเดื่องดังในฐานะไวน์เก่าแก่ที่มีรสชาติอร่อยเป็นเหลือหลาย ไวน์ตัวที่ดังที่สุดของโลกซึ่งนายบอมโบ เดอ ลาฟิตเป็นผู้ให้กำเนิดในต้นศตวรรษที่ 13 บัดนี้ผ่านร้อนหนาวมาถึง 634 ปี ก็ตกเป็นสมบัติของตระกูลรอธส์ไชลด์(Rothschild)* ซึ่งเป็นมหาเศรษฐีหนึ่งในสิบของฝรั่งเศส เป็นเจ้าของธนาคารรอธสไชลด์ที่ร่ำรวยที่มหาศาล เป็นนักทำเหล้ามืออาชีพ เป็นผู้รู้คุณค่าของสรรพสิ่งในโลกที่สุดยอด จากวันนั้นเป็นต้นมา ชาโต้ ลาฟิตจึงต้องเพิ่มชื่อเป็นชาโต้ ลาฟิตรอธส์ชิลต์(*คำ
     
  18. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075


    [FONT=arial,helvetica,verdana]<CENTER>สุดยอดไวน์แดงแคว้น Burgundy</CENTER>[/FONT]
    [FONT=arial,helvetica,verdana][FONT=arial,helvetica,verdana][FONT=verdana,arial,helvetica]เมื่อได้ยินคำว่าไวน์เบอร์กันดี คอไวน์บางคนอาจจะไม่คุ้นเคยมากนัก แต่นี่แหละคือราชินีแห่งไวน์แดง ที่มีชื่อเสียงก้องโลกที่มีรสและกลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ เป็นมงกุฎเพชรแห่งไวน์ โดยเฉพาะ7สุดยอดไวน์เบอร์กันดีระดับกรองด์ครูส์ ที่ผลิตจากตำบลวอส์น-โรมาเน่ (Vosne Romanee)ถิ่นไวน์ที่ได้รับการยกย่องให้เป็นอัญมณีแห่งไวน์ฝรั่งเศส[/FONT]
    [FONT=verdana,arial,helvetica]Vosne-Romanee(วอส์น-โรมาเน่)[/FONT]
    ตำบลวอส์น-โรมาเน่ (Vosne Romanee) คือถิ่นไวน์ที่ได้รับการยกย่องให้เป็นอัญมณีแห่งไวน์ฝรั่งเศส หรือเป็นมงกุฎเพชรแห่งไวน์โลก โดยเฉพาะ7สุดยอดไวน์ระดับกรองด์ครูส์ ที่กระฉ่อนล้วนเหมือนถูกหมักขึ้นมาจากฝีมือที่ไม่ธรรมดา ทุกขวดจึงอวลอบด้วยกลิ่นหอมของเกสรของผุปผชาติอันหวานชื่น วอส์น-โรมาเน่ ถิ่นวิศฯวกรรมแห่งเครื่องดื่ม อยู่ในกิ่งอำเภอโก๊ต เดอ นุยส์ ห่างจาก เมืองนุยส์ แซงต์-ฌอร์จ เพียง 3 กิ โลเมตร ตำบลนี้ประกอบขึ้นมาจากหมู่บ้านเล็ก ๆ 7 หมู่บ้าน โด่งดังด้วยองุ่นพันธุ์ปีโนต์ นัวร์และ พันธุ์ปิโนต์ กรีส์ แผ่นดินที่เสกสรรไวน์สุดยอดนี้ มีระดับกรองด์ ครูส์ (Grand Crus) 7 ตัว

    [FONT=verdana,arial,helvetica]1.โรมมาเน่ กองตี(Romanee-Conti)[/FONT]
    [​IMG]
    ยอดไวน์ตัวที่โด่งดังที่สุดและแพงที่สุด เรียกว่าในโลกนี้ไม่มียี่ห้อไหนดีเทียบเท่ากับ Romanee-Conti อีกแล้ว ผู้เป็นเจ้าของในปัจจุบันทำไร่เองและจัดจำหน่ายเอง คือบริษัท Domaine de la Romanee Conti ซึ่งมีสองหุ้นส่วนใหญ่ที่เป็นเศรษฐีระดับโลก คือ Madame Lalou Bizr-Leroy และ Monsieur Aubert โรมาเน่-กองตีมีพื้นที่แค่ 4.32 เอเคอร์หรือ 10.8 ไร่ ปีหนึ่งผลิตไวน์ออกมาแค่ 7,000 ขวด ปีไหนองุ่นได้น้ำเนื้อมากก็จะผลิตได้ไม่เกิน 12,000 ขวดแบ่งปันกันดื่มทั่วโลก ประเทศไทยดู เหมือนจะเข้ามาปีหนึ่งไม่เกิน 24 ขวด ไวน์ยี่ห้อโรมาเน่-กองตี มีตัวเดียวเจ้าของเดียวในโลก ไม่เหมือนกับไวน์เบอร์กันดีอื่นๆ ที่ยี่ห้อเดียวมีผู้ผลิตหลายบริษัท ไวน์แดงยี่ห้อนี้ ขวดที่ผลิตเสร็จใหม่ๆ ขายกัน 30,000 บาท แล้วถ้าเป็นปีทองราคาก็สูงขึ้นเรื่อยๆ บางขวดราคากว่าครึ่งล้านบาทก็มี ส่วนอายุขัยการดื่ม 15-35 ปี

    [FONT=verdana,arial,helvetica]2.โรมาเน่ แซงต์ วีวองต์(Romanee St-Vivant)[/FONT]
    [​IMG]
    มีพื้นที่ไร่แค่ 23.6 เอเคอร์ เจ้าของไร่ไม่ได้บรรจุไวน์เอง แต่ขายให้แก่พ่อค้าคนกลางไปบรรจุขวดขายเหมือนไวน์เบอร์กันดีอื่นๆ โรมาเน่ แซงต์-วีวองต์จึงผลิตออกมาถึงกว่า 10 บริษัทความโดดเด่นของกรองด์ ครูส์ตัวนี้ คือมีกลิ่นรสออกเครื่องเทศมาก มีความหอมอันหลากหลาย และให้กลิ่นเนื้อดินแบบธรรมชาติได้มากที่สุด อายุการดื่ม 10-25 ปี
    [/FONT]


    [FONT=verdana,arial,helvetica]3.ลา โรมาเน่(La Romanee)[/FONT] [​IMG]






    เป็นไรองุ่นขนาดเล็กๆ ของตระกูล Liger-Belair แต่ขายองุ่นให้แก่ตระกูล Rarey เหมาไปผลิตเป็นไวน์บรรจุขวดเพียงคนเดียว แล้วตระกูลฟอเรย์จะนำไวน์ที่ผลิตได้ไปเก็บบ่มในโรมาเน่-กองดี ส่วนการจัดจำหน่ายกลับให้บริษัทบูชาจัดการ ความโดดเด่นของลา โรมมาเน่ซึ่งถือเป็นอันดับสองของตำบลนี้ ก็คือมีสีสันเข้มลึกกว่าโรมาเน่ตัวอื่นๆ มีความเข้มข้นของรสชาติอย่างถ้วนครบ มีแทนนินค่อนข้างสูง และหอมฟุ้งตัวหลากกลิ่นผลไม้ อายุการดื่ม 12-30 ปี มีไร่องุ่นแค่ 2.5 เอเคอร์

    [FONT=verdana,arial,helvetica]4.เอเยโซซ์(Echexeaux)[/FONT] [​IMG]


    ยอดไวน์ตัวนี้มาจากไร่ขนาดใหญ่มาก มีไร่องุ่นจากหมู่บ้านเอเชโซช์ถึง93เอเคอร์ โดยมีชาวไร่11ครอบครัวขายน้ำเหล้าให้แก่พ่อค้าเหล้าหรือ เนกอซีอองต์ไปผลิตเป็นEchezeauxระดับGrand Cruเกือบ20บริษัท อายุการดิ่ม10-20ปี

    [FONT=verdana,arial,helvetica]5.กรองด์-เอเชโซซ์(Grand Echexeaux)[/FONT] [​IMG]


    มีพื้นที่ปลูกองุ่น 22.7 เอเคอร์ เช่นเดียวกับ ไวน์เบอร์กันดีโดยทั่วไปที่มักจะบรรจุขวดขายโดยพ่อค้าคนกลางผู้ค้าไวน์ เจ้าของไร่องุ่นจากหมู่บ้านนี้ซึ่งมีกว่า 10 เจ้าของ จึงขายน้ำไวน์ให้บริษัทต่างๆกว่าสิบบริษัท อายุการดื่มของกรองด์ ครูส์ตัวนี้อยู่ระหว่าง 10-20 ปี

    [FONT=verdana,arial,helvetica]6.ลาต๊าช(La Tache)[/FONT] [​IMG]





    ไร่องุ่นที่ผลิตไวน์ลา ต๊าชมีเนื้อที่ 14.4 เอเคอร์ ไวน์ตัวนี้ปัจจุบัน เป็นสมบัติสิทธิ์ขาดของโดเมน เดอ ลา โรมาเน่-กองดี ผู้เป็นเจ้าของโรมาเน่-กองตีที่กระเดื่องโลก ดังนั้นไวน์ตัวนี้ จึงกลายเป็นไวน์กระเดื่องโลกอีกตัวหนึ่ง และเป็นไวน์ที่ผลิตออกมายี่ห้อเดียวเจ้าของเดียว อีหรอบเดียวกับโรมาเน่-กองตี หรือเหมือนชาโต้ในแคว้นบอร์โดซ์ลาต๊าซบรรจุปีละ ประมาณ24,000 ขวด ราคาไม่โหดเท่ากับโรมาเน่-กองตีแต่บรรจุขายใหม่ๆ ก็ยังปาเข้าไปถึง 4,000-5,000 บาท อายุการดื่ม 12-30 ปี

    [FONT=verdana,arial,helvetica]7.รีชบูร์(Richebourg)[/FONT] [​IMG]





    ไวน์ตัวนี้มีรสชาติคล้ายๆกับไวน์ทางเขตบอร์โดซ์ มีพื้นที่ทำไร่ องุ่น 19.8 เอเคอร์ มีชาวไร่ 8 ครอบครัวขายน้ำไวน์ให้แก่เนกอซีอองต์กว่าสิบบริษัท ไวน์ยี่ห้อนี้มีอายุการดื่ม 12-30 ปี
    [FONT=verdana,arial,helvetica]และนี่คือเจ็ดสุดยอดไวน์แดงของโลก[/FONT] โดยมีโรมาเน่-กองตีนำมาเป็นจ่าฝุง สำหรับปีทองที่ควรจดจำคือ 1978,1980,1983,1985,1986,1988,1989 และ 1990 เฉพาะโรมาเน่-กองดี เศรษฐีชาวญี่ปุ่นเคยขอซื้อแผ่นดินด้วยการเสนอราคาเท่ากับทองคำปูกว้างเท่าพื้นที่ ให้ราคากันถึงขั้นนี้แล้วหญิงเหล็กอย่างดาดามลีรอยก็ไม่เคยสน


    เฌอแตม/Winestation
    [/FONT]
     
  19. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    [​IMG]


    <TABLE cellSpacing=5 width="100%"><TBODY><TR><TD>ยอดไวน์ ที่หรูเเละดัง เเพงเเละปลอม มากที่สุดในโลกคงไม่พ้นเจ้าขวดนี้ โรมาเน่ กองเต้ ชื่อเต็มๆของโรมานี-กองติที่เป็นภาษาฝรั่งเศสก็คือ Domaine de la Romanee-Conti Romanee-Conti เจ้าโรมาเน่ขวดนี้เป็นสุดยอดไวน์แดงเเห่งแคว้น Burgundy ฟรั่งเศส เมื่อได้ยินคำว่าไวน์เบอร์กันดี คนอาจจะไม่คุ้นเคยมากนักเมื่อเทียบกับบอกโดซ์ แต่นี่แหละคือเจ้าแห่งไวน์แดง ที่มีชื่อเสียงก้องโลกที่มีรสและกลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ เป็นมงกุฎเพชรแห่งไวน์ ที่ผลิตจากตำบลวอส์น-โรมาเน่ (Vosne Romanee)ถิ่นไวน์ที่ได้รับการยกย่องให้เป็นอัญมณีแห่งไวน์ฝรั่งเศส (ที่ซึ่งดีเเพงกว่าทองคำ)

    สำหรับVosne-Romanee(วอส์น-โรมาเน่)

    ตำบลวอส์น-โรมาเน่ (Vosne Romanee) คือถิ่นไวน์ที่ได้รับการยกย่องให้เป็นอัญมณีแห่งไวน์ฝรั่งเศส หรือเป็นมงกุฎเพชรแห่งไวน์โลก โดยเฉพาะ7สุดยอดไวน์ระดับกรองด์ครูส์ อันดับหนึ่งคือ โรมาเน่กองติ วอส์น-โรมาเน่ ถิ่นวิศฯวกรรมแห่งเครื่องดื่ม อยู่ในกิ่งอำเภอโก๊ต เดอ นุยส์ ห่างจาก เมืองนุยส์ แซงต์-ฌอร์จ เพียง 3 กิ โลเมตร ตำบลนี้ประกอบขึ้นมาจากหมู่บ้านเล็ก ๆ 7 หมู่บ้าน โด่งดังด้วยองุ่นพันธุ์ปีโนต์ นัวร์และ พันธุ์ปิโนต์ กรีส์ แผ่นดินที่เสกสรรไวน์สุดยอดนี้ มีระดับกรองด์ ครูส์ (Grand Crus) 7 ตัว ที่ขอบอกว่าไม่เคยชิมซักตัว เเพงนิหว่า [​IMG]

    1.โรมมาเน่ กองตี(Romanee-Conti)

    2.โรมาเน่ แซงต์ วีวองต์(Romanee St-Vivant)

    3.ลา โรมาเน่(La Romanee)

    4.เอเยโซซ์(Echexeaux)

    5.กรองด์-เอเชโซซ์(Grand Echexeaux)

    6.ลาต๊าช(La Tache)

    7.รีชบูร์(Richebourg)

    เข้าเรื่องดีกว่า
    ยอดไวน์ตัวที่โด่งดังที่สุดและแพงที่สุด เรียกว่าในโลกนี้ไม่มียี่ห้อไหนดีเทียบเท่ากับ Romanee-Conti อีกแล้ว ผู้เป็นเจ้าของในปัจจุบันทำไร่เองและจัดจำหน่ายเองโดยส่วนประกอบหลักคือองุ่นพันธุ์พิโน นัวร์ คือบริษัท Domaine de la Romanee Conti ซึ่งมีสองหุ้นส่วนใหญ่ที่เป็นเศรษฐีระดับโลก คือ Madame Lalou Bizr-Leroy และ Monsieur Aubert โรมาเน่-กองตีมีพื้นที่แค่ 4.32 เอเคอร์หรือ 10.8 ไร่ ปีหนึ่งผลิตไวน์ออกมาแค่ 7,000 ขวด ปีไหนองุ่นได้น้ำเนื้อมากก็จะผลิตได้ไม่เกิน 12,000 ขวดแบ่งปันกันดื่มทั่วโลก ประเทศไทยดู เหมือนจะเข้ามาปีหนึ่งไม่เกิน 24 ขวด ไวน์ยี่ห้อโรมาเน่-กองตี มีตัวเดียวเจ้าของเดียวในโลก ไม่เหมือนกับไวน์เบอร์กันดีอื่นๆ ที่ยี่ห้อเดียวมีผู้ผลิตหลายบริษัท โดยขวดทุกขวดต้องประทับตราเเละลงรหัสรวมถึงผู้ตรวจสอบไว้

    ไวน์แดงยี่ห้อนี้ ขวดที่ผลิตเสร็จใหม่ๆ ขายกัน 30,000 บาท แล้วถ้าเป็นปีทองราคาก็สูงขึ้นเรื่อยๆ บางขวดราคากว่าครึ่งล้านบาทก็มี ส่วนอายุขัยการดื่ม 15-35 ปี อาจจะมากกว่านั้น ในบางวินเทจอาจจะถึง 50ปี

    สำหรับปีทองที่ควรจดจำคือ 1978,1980,1983,1985,1986,1988,1989 และ 1990 เฉพาะโรมาเน่-กองดี เศรษฐีชาวญี่ปุ่นเคยขอซื้อแผ่นดินด้วยการเสนอราคาเท่ากับทองคำปูกว้างเท่าพื้นที่ ให้ราคากันถึงขั้นนี้แล้วหญิงเหล็กอย่างดาดามลีรอยก็ไม่เคยสน
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  20. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    สิ่งที่ซ่อนในแววตา

    <!-- Main -->[SIZE=-1]<CENTER>...กลางงานเลี้ยงอาหารค่ำที่ Berry Brothers & Rudd นำเสนอไวน์ในสายการผลิต
    ของ Tertre Rotebœuf ทั้งหมดกว่าสิบตัว

    “โอย...ไม่ไหว ขวดนี้ดื่มไม่ได้ เสียปากหมด”

    ...อาจเป็นเช่นนั้นจริง หรือเขารู้มาก่อนหน้าว่า
    ...ขวดที่วิพากษ์นั้นเป็นเพียงไวน์ไม้ประดับระดับรอง
    แต่ท่าทีที่เผยและอารมณ์ในแววตานั้น...ทำได้เกินกว่าเหตุจริง ๆ

    [​IMG]

    Wynns 1996
    John Riddoch, Cabernet Sauvignon
    Coonawarra Estate, South Australia
    Rate: 92

    “สีน้ำแดงอมดำ แฝงความสว่างและสดใส
    ให้กลิ่นละเอียดเขียวสดของมะเฟืองดิบ ผลไม้ดำ โอ๊กฝรั่งเศสหอมหวาน แอลกอฮอล์นุ่มนวล
    เป็นกลิ่นหอมแน่นอย่างประหลาดที่ไม่บ่งบอกถึงความเป็นไวน์ออสซี่แม้แต่น้อย
    โครงเนื้อหนาเกือบเต็ม ปรากฏความสุกอิ่มของผลไม้ที่ไม่แน่นเหมือนในกลิ่น
    สัมผัสได้ว่า...นี่คือจุดสิ้นสุดของพัฒนาการแล้ว
    แม้กระนั้นก็ยังให้สมดุลที่ดี แอซิดิตี้ดีพอใช้ มีความสง่างาม
    โอ๊กในเนื้อน้ำดีปานกลางและละเอียด เป็นเวลาที่ผ่านเลยช่วงดีที่สุดมาแล้ว
    จะอยู่แบบนี้ต่อไปได้ไม่เกินปี 2010”

    ...เพียงสามสิบปี...หลังอพยพจากสก๊อตแลนด์มาตั้งรกรากในออสเตรเลียใต้
    จนมีแกะเดินป้วนเปี้ยนอยู่ได้เกือบสองแสนตัว

    วินาทีนั้น...John Riddoch จึงตัดสินใจแบ่งผืนไร่ออกเป็นสามแปลง
    เพื่อทำไวน์ในนาม Chateau Comaum, Riddoch และ Colony
    แล้วจากไปทั้งที่ยังไม่เห็นความรุ่งเรือง

    ให้หลังอีกครึ่งศตวรรษ
    ...ตระกูล Wynns จาก Melbourne ได้ครอบครองผืนไร่แห่งนี้
    ...สุดยอดไวน์แห่ง Coonawarra จึงถือกำเนิดขึ้นในนาม
    Wynns “John Riddoch”

    Wynns 1996 “John Riddoch” ตัวนี้
    ...คือภาพผู้ใหญ่ใจดี ทำงานเงียบ ๆ ดวงตาเปี่ยมด้วยความมุ่งมั่น
    แต่ซ่อนแวว...อาภัพนัก
    </CENTER>[/SIZE]
     

แชร์หน้านี้

Loading...