ทรงเน้นปลูกฝังความยุติธรรมในเด็ก..เพื่อผลยั่งยืนในอนาคต

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>พระองค์ภาทรงแนะ งดใช้ความรุนแรงแก้ปัญหา </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>21 พฤษภาคม 2552 04:05 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=295 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=295> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ทรงมีพระดำรัสแก่คณะผู้จัดงาน</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> ในโอกาสที่ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา เสด็จไปทรงเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการยุติความรุนแรงต่อสตรีและเด็ก ซึ่งหน่วยงานของภาครัฐได้แก่ กระทรวงศึกษาธิการ และ กระทรวงยุติธรรม ที่ได้จับมือกับ กองทุนการพัฒนาเพื่อสตรีแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูนิเฟม จัดขึ้นที่โรงแรมเจริญโฮเต็ล จ.อุดรธานี เมื่อวันที่ 18 พ.ค. ที่ผ่านมา โดยมี พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.กระทรวงยุติธรรม นริศรา ชวาลตันพิพัทธ์ รมช.กระทรวงศึกษาธิการ คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ดร.จีน เดอคูน่า ผู้อำนวยการยูนิเฟม และนักเรียนในโรงเรียนนำร่องในเขตพื้นที่การศึกษาต่างๆ ที่เข้าร่วมโครงการเฝ้ารับเสด็จ

ในการเสด็จไปทรงเปิดโครงการในครั้งนี้ ทรงมีพระดำรัสชื่นชมแสดงความยินดีกับหน่วยงานที่ได้ร่วมกันจัดโครงการนี้ขึ้น พร้อมประทานเข็มกลัดที่ระลึกแก่ ผู้แทนโรงเรียนนำร่องในเขตพื้นที่การศึกษาต่างๆ ที่เข้าร่วมโครงการยุติความรุนแรงต่อสตรีและเด็ก จำนวน 35 ราย ได้แก่ ร.ร.จิตรลดา ร.ร.ราชินี ร.ร.ปัญญาวรกุล ร.ร. สตรีราชินูทิศ ร.ร. เสอเพลอพิทยาคม ร.ร.ท่าทอง ร.ร. ศรีสะเกษวิทยาลัย และ ร.ร.เมืองชุมพรวิทยา

พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ทรงมีพระดำรัสว่า “การจัดโครงการในวันนี้ถือว่าเป็น การวางรากฐานให้กับเด็กและเยาวชนให้ได้รับรู้ และเข้าใจถึงความรุนแรงในทุกมิติที่มีในสังคมไทยโดยเน้นไปที่ความรุนแรงต่อผู้หญิงและเด็ก ซึ่งเป็นสิ่งที่สัมผัสได้และอยู่ใกล้ชิดกับตนเองมากกว่าความรุนแรงประการอื่น อันจะเป็นการทำให้เด็กได้ทราบถึงพฤติกรรมที่ควรและไม่ควร ของการกระทำรุนแรงที่เกิดขึ้นในหมู่ผู้หญิงและเด็ก ซึ่งจะนำไปสู่การปรับเปลี่ยนแนวความคิด ทัศนคติ พฤติกรรมของเด็กที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในอนาคต ในการที่จะไม่ใช้ความรุนแรงในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในการดำรงชีวิต”


</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ทอดพระเนตรนิทรรศการ</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> โอกาสนี้ กิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ยังได้กล่าวเทิดพระเกียรติถึงพระกรุณาธิคุณที่ทรงรับเป็นทูตสันถวไมตรี ในการต่อต้านความรุนแรงต่อผู้หญิงและเด็กของยูนิเฟม ในปีที่ผ่านมาว่า ทำให้โครงการก้าวหน้าไปอย่างประสบความสำเร็จ เนื่องด้วยทรงประกอบพระภารกิจอย่างมากมาย โดยเฉพาะ การช่วยเหลือผู้ต้องขังหญิงเพื่อให้มีชีวิตในเรือนจำที่ดีขึ้น ผลจากการทรงงานอย่างตรากตรำพระวรกาย จนกระทั่งทรงได้รับรางวัลเชิดชูพระเกียรติจากนานาชาติในที่สุด

ปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวอีกว่า พระองค์ภาทรงเป็นสัญลักษณ์ของการกระตุ้น การเสริมพลังให้ประชาชนทุกหมู่เหล่าได้กลับมาสนใจและใส่ใจในเรื่องการต่อต้านความรุนแรงต่อผู้หญิงและเด็ก เปรียบเสมือนแสงสว่างนำทางให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องได้มีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง ดังจะเห็นได้จากการที่ทรงเป็นองค์นำในการรณรงค์เพื่อรวบรวมลายเซ็นของประชาชนชาวไทย ที่เห็นด้วยกับการต่อต้านความรุนแรงได้มากกว่าสามล้านรายชื่อ ภายในระยะเวลาเพียงสามเดือนเศษ


</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>คณะนักเรียนที่เข้าร่วมโครงการถวายรายงาน</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> ทั้งนี้ โครงการกำลังใจในพระดำริของ พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ซึ่งเป็นโครงการที่เน้นการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ต้องขังสตรี เด็กและเยาวชนที่กระทำผิดรวมถึงกลุ่มผู้ขาดโอกาสอื่นๆ ที่ดำเนินการมุ่งทำประโยชน์ให้สังคมไทยมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 3 ปี ยังได้จัดการประกวดออกแบบสัญลักษณ์ประจำโครงการขึ้นโดยเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปที่มีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป และผู้ต้องขังทุกคน สามารถส่งผลงานเข้าประกวดได้อย่างเท่าเทียม แสดงให้เห็นถึงการให้ความสำคัญกับคนกลุ่มนี้และเพื่อเป็นการให้กำลังใจ สนับสนุนให้ผู้ต้องขังได้ใช้ความรู้ความสามารถให้เกิดประโยชน์

สำหรับหลักเกณฑ์การประกวดในโครงการนี้ คือ จะแบ่งผู้เข้าประกวดออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ 1. ประเภทบุคคลทั่วไป 2. ประเภทผู้ต้องขังรวมถึงเด็กและเยาวชนในความดูแลของกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน โดยผู้เข้าประกวดแต่ละประเภทจะต้องส่งผลงานการออกแบบขนาดไม่ต่ำกว่า 15x15 ซม. แต่ไม่เกินขนาด A4 สามารถใช้สื่อประเภทสีน้ำ สีไม้ สีชอล์ก สีโปสเตอร์ หรือคอมพิวเตอร์กราฟฟิก ทั้งนี้จะต้องมีคำว่า “กำลังใจ” ในผลงานออกแบบพร้อมบรรยายถึงแรงบันดาลใจในการออแบบโลโก้ และองค์ประกอบสัญลักษณ์

ทั้งนี้ ผู้เข้าประกวดสามารถส่งผลงานที่ ตู้ปณ. 1118 ปณฝ. เพชรบุรีตัดใหม่ กรุงเทพฯ 10311 โดยจะเปิดรับสมัครไปจนถึง 30 มิ.ย. นี้ ผู้สนใจสามารถดาวน์โหลดใบสมัครและรายละเอียดการเข้าร่วมประกวดได้ที่

 

ทรงเน้นปลูกฝังความยุติธรรมในเด็ก เพื่อผลยั่งยืนในอนาคต

ทรงเน้นปลูกฝังความยุติธรรมในเด็ก เพื่อผลยั่งยืนในอนาคต



กองทุนพัฒนาเพื่อสตรีแห่งสหประชาชาติ (ยูนิเฟม) เดินหน้าสานต่อความสำเร็จการรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อผู้หญิง เซย์ โน ทู ไวโอเลนซ์ อะเกนต์ วีเม่น ในประเทศไทย ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงยุติธรรม จัดประชุม “หยุดความรุนแรงต่อผู้หญิงด้วยพลังเด็กและเยาวชน” โดยมีตัวแทนผู้นำนักเรียนระดับมัธยมศึกษาและครูกว่า 300 คนจาก 8 โรงเรียนนำร่องทั่วประเทศ เข้าอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับแนวคิด ทัศนคติและพฤติกรรมที่อาจก่อให้เกิดความรุนแรงต่อเด็กและสตรี พร้อมจัดทำแผนปฏิบัติการเพื่อนำไปทำการรณรงค์ลดปัญหาความรุนแรงในโรงเรียน และจะดำเนินการขยายผลไปยัง 185 สถานศึกษา ในเขตพื้นที่การศึกษาทั่วประเทศ





ในการนี้ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ในฐานะที่ทรงเป็นทูตสันถวไมตรีของยูนิเฟม เสด็จเป็นประธานเปิดงาน เมื่อเร็ว ๆ นี้ ณ โรงแรมเจริญโฮเต็ล จ.อุดรธานี พร้อมประทานพระดำรัสความว่า การยุติความรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความรุนแรงต่อสตรีและเด็กนั้น วิธีการที่ดีอย่างหนึ่ง ก็คือการปลูกฝังความรู้ความคิดให้เด็กและเยาวชนตระหนักว่า การกระทำรุนแรงเป็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้องและไม่สมควร เพื่อที่เด็กแต่ละคนเมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ จะได้ไม่ใช้ความรุนแรงแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิต วิธีการดังกล่าว นี้แม้เห็นผลล่าช้าไปบ้าง แต่ก็หวังผลยั่งยืนได้ในระยะยาว เพราะเป็นการป้องกันปัญหาที่ต้นเหตุ ซึ่งดีกว่าการปราบปรามหรือแก้ไขที่ปลายเหตุมาก อย่างไรก็ตาม บ้านเมืองของเรายังมีปัญหาอีกมาก อย่างเช่นเรื่องความยุติธรรม หากได้ร่วมกันแสวงหาแนวทาง ในอันที่จะปลูกฝังสร้างเสริมเด็กและเยาวชนให้มีจิตสำนึกที่ถูกต้องเที่ยงตรงในเรื่องความยุติธรรม ก็จะช่วยให้ปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในสังคมไทยเบาบางลงได้อีกทางหนึ่ง
น.ส.พิชามญชุ์ ปองเงิน ตัวแทนนักเรียนชั้น ม.4 โรงเรียนราชินี กล่าวว่า จากการเข้ารับการอบรม ทำให้ทราบว่า ความรุนแรงไม่ได้หมายถึง การทำร้ายร่างกายเพียงอย่างเดียว แต่การใช้คำพูดก็เป็นการทำร้ายร่างกาย รวมถึงค่านิยมการกดขี่ผู้หญิง โดยประเภทความรุนแรงแบ่งออกเป็น ความรุนแรงในครอบครัว, ความรุนแรงทางเพศ, การค้ามนุษย์, ความรุนแรงทางวัฒนธรรมและการติดเชื้อเอชไอวี
นายปาณัสม์ สุนทรบุระ ตัวแทนนักเรียนชั้น ม.4 โรงเรียนจิตรลดา กล่าวว่า จากการระดมความคิดของผู้เข้าร่วมประชุมทั้งหมด สรุปแนวทางการแก้ไขความรุนแรงต่อผู้หญิงได้ดังนี้ การจัดกิจกรรมให้ความรู้ เช่น การจัดค่าย การนำวิทยากรมาให้ความรู้และการสาธิตการป้องกันตัวให้ผู้หญิง, กิจกรรมรณรงค์ต่าง ๆ, กิจกรรมส่งเสริมการใช้สิทธิ อาทิ จัดตั้งสภาเด็กและสตรี, กิจกรรมส่งเสริมความปลอดภัย เช่น การติดไฟตามถนนและบริเวณที่มืด ตลอดจนกิจกรรมส่งเสริมความเสมอภาคหญิงชาย.

---------
Daily News Online : Women