จำคุก4 ปี 15 เดือน วิศวะหนุ่มคลั่งรักอุ้มหมอสาว

ในห้อง 'ข่าวทั่วไป' ตั้งกระทู้โดย NoOTa, 21 ธันวาคม 2005.

  1. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,494
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ทีมข่าวอาชญากรรม ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>21 ธันวาคม 2548 13:58 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> จำคุกวิศวะหนุ่มคลั่งรักอุ้มหมอสาว 10 ปี 6 เดือน สารภาพลดเหลือจำคุก 4 ปี 15 เดือน ไม่รอลงอาญา เหตุกระทำการอุกอาจ ขณะที่จำเลยดิ้นสู้ อ้างวิกลจริต ขอศาลเลื่อนตัดสิน แต่ศาลไม่ปราณี ชี้จำเลยรู้ผิดชอบชั่วดี กลับคำให้การกลัวโทษ


    วันนี้(21 ธ.ค.48)ที่ห้องพิจารณาคดีที่ 7 ศาลอาญากรุงเทพใต้ สนามหลวง ศาลอ่านคำพิพากษาในคดีที่ พนักงานอัยการกองคดีอาญา 1 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายศราวุธ มงคลศรีสวัสดิ์ วิศวกรหนุ่ม จำเลยในความผิดฐานอนาจาร โดยใช้อาวุธปืนข่มขู่ ความผิดเกี่ยวกับเพศ ความผิดต่อเสรีภาพ และบุกรุก พรบ.อาวุธปืน หลังก่อเหตุลักพาตัว พ.ญ.เพ็ญอำไพ ตันนาภัย อายุ 27 ปี แพทย์แผนกรังสีวิทยา โรงพยาบาลศิริราช สาเหตุเนื่องจากหลงรักฝ่ายหญิงมานานตั้งแต่ครั้งเรียนในระดับมัธยมศึกษา เหตุเกิดเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2547

    นพ.กัมปนาท ตันสิกบุตรกุล แพทย์ประจำสถาบันกัลยาราชนครินทร์ ขึ้นเบิกความในฐานะแพทย์ผู้ทำการวินิจฉัยและตรวจสภาพจิตจำเลย เบิกความประกอบการพิจารณาคดี ก่อนศาลตัดสินว่าจากกรตรวจสอบสภาพจิต 2 ครั้งของจำเลยในวันที่ 7 และ 19 ธ.ค. 48 พบว่าจำเลยมีความเจ็บป่วยทางจิตมาแล้วประมาณ 5-6 ปี มีอาการเสียงหูแว่วเหมือนมีคนพูดคุยด้วย ภาพหลอนเป็นช่วงๆ ทุกครั้งที่เห็นภาพคนรัก จะมีความรู้สึกหลงรักโดยมีอาการแบบนี้มาตั้งแต่ปี 44 นอกจากนี้จากการตรวจสอบประวัติจากมารดาจำเลย พบว่าหลังจากเรียนจบคณะวิศวกรรมศาสตร์ ที่สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ก็ได้มาช่วยงานที่บ้าน แต่มีความสามารถในการทำงานไม่ดี เกียจคร้าน เก็บตัวเงียบ ไม่มีเพื่อนฝูง บางครั้งพูดคนเดียว และไม่อยากให้มารดาพูดเกี่ยวกับเรื่องตนเอง อย่างไรก็ตามในการตรวจสอบสภาพจิตนั้น จำเลยให้ความร่วมมือดี สามารถพูดตอบโต้ได้ จากการวินิจฉัยเบื้องต้น พบว่าจำเลยเป็นโรคจิตเภทแต่ไม่เข้าข่ายเป็นผู้วิกลวิจริต

    นอกจากนี้ จากการตรวจสอบด้านจิตวิทยา พบว่าความสามารถทางเชาว์ปัญญาหรือไอคิว ได้คะแนน 108 ซึ่งไอคิวในคนปกติทั่วไปไม่ต่ำกว่า 120 โดยความเห็นของนักจิตวิทยา เห็นว่ามีความผิดปกติเล็กน้อย แสดงให้เห็นว่าจำเลยมีการเจ็บป่วยมายาวนาน ทำให้ความฉลาดเสื่อมลง การตัดสินใจต่างๆ ไม่ปกติ และไม่ยอมรับการเจ็บป่วยของตนเอง อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบประวัติการรักษาของจำเลย พบว่าไม่เคยมีประวัติรักษาอาการโรคจิตจากที่ใดมาก่อน

    หลังจากพยานปากสุดท้าย เบิกความเสร็จสริ้น ศาลจึงอ่านคำพิพากษา โดยศาลพิเคราะห์จากพยานหลักฐานแล้วเห็นว่า จำเลยมีความผิดจริง แม้จำเลยจะป่วยเป็นโรคจิตเภท แต่ในชั้นสอบสวนจำเลยให้การปฏิเสธ และมากลับคำให้การรับสารภาพภายหลัง แสดงว่าจำเลยมีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีที่จะต่อสู้คดี ดังนั้นการที่จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลเลื่อนอ่านคำพิพากษาออกไป โดยให้เหตุผลว่าจำเลยเป็นผู้วิกลจริต จึงฟังไม่ขึ้น ศาลจึงยกคำร้อง

    ศาลเห็นว่าจำเลยมีความผิดกฎหมายหลายบทต่างกัน ให้ลงโทษในทุกข้อหา ในความผิดฐานมีอาวุธปืน จำคุก 1 ปี , ฐานพกพาอาวุธปืนไปในหมู่บ้านที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร จำคุก 6 เดือน ,ฐานกระทำอนาจารผู้อื่นด้วยการข่มขู่ จำคุก 4 ปี , ฐานหน่วงเหนี่ยวกักขัง จำคุก 2 ปี , ฐานอนาจารหญิงผู้ที่มีอายุมากกว่า 15 ปี จำคุก 2 ปี และฐานมีอาวุธปืนและบุกรุกเคหะสถานโดยมีอาวุธปืนในยามวิกาล จำคุก 1 ปี รวมโทษจำคุก 10 ปี 6 เดือน แต่จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์ในการพิจารณาคดี มีเหตุควรบรรเทาโทษ จึงลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยไว้ 4 ปี 15 เดือน แต่เนื่องจากเป็นการกระทำอย่างอุกอาจ โดยไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมือง ส่งผลให้ผู้เสียหายได้รับความกระทบกระเทือนจิตใจอย่างรุนแรง และเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่บุคคลอื่น จึงไม่มีเหตุให้รอการลงโทษ

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีนี้สืบเนื่องจากเมื่อเวลาประมาณ 03.00 น. ของวันที่ 11 ธ.ค. 48 นายศราวุธ ได้แต่งกายสวมหมวกไหมพรม ได้ปีนรั้วและบุกเข้ามาในบ้านของ พ.ญ.เพ็ญอำไพ และใช้คีมตัดเหล็กดัดหน้าต่างห้องนอน ใช้อาวุธปืนจี้บังคับผู้เสียหายพยายามต่อสู้ขัดขืน แต่ก็ถูกนายศราวุธ ใช้กุญแจมือ ล็อคมือล็อคขา และใช้เทปกาวและผ้าปิดปาก และจับผู้เสียหายยัดใส่ถุงทะเล นำไปใส่ไว้ที่กระโปรงท้ายรถ ก่อนที่จะขับออกจากบ้านนำไปกักขังไว้ที่บ้านหลังหนึ่งย่านชานเมือง ต่อมาพ.ญ.เพ็ญอำไพ แสร้งพูดดีกับนายศราวุธและแกล้งยอมเป็นแฟนด้วยตามการร้องขอ นายศราวุธจึงยอมปล่อยตัวออกมา จึงได้แจ้งความและจับกุมตัวนายศราวุธมาดำเนินคดี
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     

แชร์หน้านี้

Loading...