จะต้องเปิดเผยเรื่องที่นินทาหรือไม่ ?

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย :HYRAL:, 4 กันยายน 2007.

  1. :HYRAL:

    :HYRAL: สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2007
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +2
    คำถาม : ฉันได้นินทาคนบางคนและอีกหลาย ๆ คน
    ฉันได้ให้ร้ายคนอื่น ๆ ในเรื่องที่พวกเขาบริสุทธิ์ คำถามก็คือ
    การเปิดเผยเรื่องนี้ให้แก่พวกเขาพร้อม ๆ
    กับการขออภัยถือว่าเป็นเงื่อนไขในการเตาบะฮฺหรือไม่
    หากว่าไม่ใช่เงื่อนไข แล้วฉันจะกลับเนื้อกลับตัวอย่างไร?

    คำตอบ : ประเด็นปัญหานี้ขึ้นอยู่กับ
    การประเมินระหว่างผลประโยชน์และความเสียหาย
    หากการบอกเรื่องที่ได้นินทาและให้ร้ายพวกเขาไม่ทำให้พวกเขาโกรธ
    หรือไม่ไปเพิ่มอารมณ์โมโหหรือความสะเทือนใจให้มากขึ้น
    ก็ควรเปิดเผยให้พวกเขาทราบ และขอการอภัยจากพวกเขา
    แม้แต่จะเป็นการใช้ถ้อยคำกว้าง ๆ ก็ตาม
    ดังบางคนกล่าวว่า "แท้จริงฉัน
    ได้กระทำผิดในสิทธิของท่านในอดีตที่ผ่านมา"
    หรือ "
    ฉันได้อธรรมต่อท่านด้วยวาจา และขณะนี้ฉันได้กลับเนื้อกลับตัวต่ออัลลอฮฺแล้ว
    ขอให้ท่านอภัยแก่ฉันด้วย" โดยไม่ต้องมีการแจกแจงรายละเอียด
    แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
    หากว่าการบอกพวกเขาในเรื่องที่นินทาหรือเรื่องที่ให้ร้ายลงไป
    จะทำให้พวกเขาโกรธแค้น และได้เพิ่มความโมโหและความโกรธเคืองขึ้น
    บางทีโดยทั่วไปแล้วจะเกิดเช่นนี้ขึ้น หรือว่าการบอกด้วยถ้อยคำกว้าง ๆ
    นั้นอาจไม่เป็นที่พึงพอใจแก่พวกเขา ยกเว้นต้องเปิดเผยรายละเอียด
    ซึ่งเมื่อพวกเขาได้ฟังแล้ว ก็จะเพิ่มความเกลียดชังต่อเขา ดังนั้น
    โดยพื้นฐานก็ไม่จำเป็นสำหรับเขาที่จะบอกเล่าให้แก่พวกเขาเหล่านั้นทราบ
    เพราะว่าชะรีอะฮฺ(กฎหมายอิสลาม)นั้นไม่สั่งในเรื่องที่จะก่อให้เกิดความเสียหายมากขึ้น
    การเปิดเผยให้แก่คน ๆ หนึ่งทราบเรื่อง ซึ่งก่อนรับฟังเขายังอยู่ในสภาพที่สุขใจ
    แต่พอได้ยินก็กลายเป็นเหตุให้เกิดความชิงชังผลเช่นนี้นั้นขัดแย้งกับเจตนารมณ์
    ของชะรีอะฮฺในเรื่องที่เกี่ยวกับการสมานหัวใจและ
    การก่อให้เกิดความรักซึ่งกันและกันระหว่างมุสลิม
    บางทีการบอกเรื่องให้ทราบเป็นเหตุนำไปสู่การเป็นศัตรูกัน
    ซึ่งหัวใจของผู้ที่ถูกนินทาไม่อาจขจัดความเกลียดชังต่อผู้ที่นินทา
    เขาได้เลยหลังจากนั้นเป็นต้นไป
    ในสภาพเช่นนี้ ย่อมพอเพียงแล้วที่การเตาบะฮฺให้มีแค่ประเด็นดังต่อไปนี้

    1.ให้มีความเสียใจ และขอการอภัยต่ออัลลอฮฺ พร้อมกับใคร่ครวญในความน่าเกลียดของบาปชนิดนี้ และเชื่อว่ามันเป็นสิ่งต้องห้าม

    2.ให้บอกต่อคนที่ฟังการนินทาหรือการใส่ร้ายว่า เขาพูดไม่จริง และต้องชี้แจงให้ความบริสุทธิ์ต่อผู้ที่ถูกใส่ร้าย

    3.ให้ยกย่องชมเชยความดีงามแก่บุคคลที่เขาได้นินทาในวงสนทนาต่าง ๆ ที่เคยร่วมอธรรมต่อบุคคลผู้นั้น และให้กล่าวถึงลักษณะที่ดีงามของเขาด้วย

    4.ให้ปกป้องจากคนที่นินทาเขา ให้โต้แย้งเมื่อมีคนใดคนหนึ่งพยายามจะกล่าวถึงเขาในทางที่เสื่อมเสีย

    5. ให้ขอการอภัยโทษจากอัลลอฮฺให้แก่เขา เมื่อเขาไม่อยู่แล้ว (ดู อัล-มะดาริจญฺ 1/291, อัล-มุฆฺนียฺ พร้อมคำอธิบาย 12/78)

    โอ้...พี่น้องมุสลิม ขอให้สังเกตว่า ความแตกต่างระหว่างสิทธิต่าง ๆ ในด้านทรัพย์สินและอาชญกรรมทางร่างกาย กับการนินทาว่าร้าย สำหรับสิทธิทางทรัพย์สินนั้น เจ้าของมันจะได้รับประโยชน์ หากผู้ที่ละเมิดสิทธิได้เปิดเผยมันให้ทราบ และคืนมันแก่เจ้าของ เขาย่อมมีความดีใจต่อการกระทำเช่นนี้ ด้วยเหตุนี้จึงไม่อนุญาตให้ปกปิดซ่อนเร้นมัน ซึ่งตรงข้ามกับสิทธิในด้านเกียรติยศ ซึ่งการเปิดเผยให้ทราบนั้นไม่เพิ่มอะไรขึ้นมาเลย นอกจากความเสียหายและการยั่วยุ


    ชัยคฺ มุฮัมมัด ศอลิหฺ อัล-มุนัจญิด
    ถอดความและเรียบเรียงโดย : อิบนุ อับดุรรอูฟ
    www.tawbah.org
     
  2. พิชญ์

    พิชญ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2007
    โพสต์:
    760
    ค่าพลัง:
    +3,392
    อืม....
     
  3. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ดูเหมือนว่า เจ้าของกระทู้นี้ ต้องการมาเผยแพร่ ศาสนา อิสลามนะ เอาอย่างนี้ดีกว่า มาดูกันว่า ธรรมะของมุสลิม หรือ ธรรมในพระพุทธศาสนา อย่างใด จะเป็นธรรมที่ ละเอียดกว่ากัน เผื่อว่า hyral จะหันมาศึกษาพระพุทธศาสนา ผมจะตอบปัญหาให้ Hyral ฟังในกรณีเรื่องของนินทานี้ ฟังแล้วพิจารณา

    คำถามคือ เมื่อนินทาแล้วควรบอกหรือไม่บอก
    ตอบตามหลักปัญญาแห่งพระพุทธศาสนา

    การที่เราทำอะไรไม่ดี ไปแล้ว ทางพุทธศาสนาถือว่า จบลงไปแล้ว ดังนั้นเมื่อนินทาไปแล้ว ให้เราระลึกรู้ในสิ่งที่ผิด ที่ไม่ดี แล้วไม่กระทำอีก ก็เท่ากับ หยุดกรรมที่กระทำ หากเราไม่หยุด เราคิดต่อว่า เราทำไม่ดีลงไป ความคิดนั้นจะทำให้เราต้องไปกระทำกรรมต่อ คือ อาจจะร้อนรนทนไม่ได้ต้องไปขอโทษ เมื่อขอโทษเสร็จ หากคนที่เราไปขอโทษ ไม่ให้อภัย โมโหขึ้น เขาก็จองเวรต่อ แล้วเขาอาจจะมานินทาเราภายหลังต่อ เมื่อเราได้ยินในภายหลัง เราก็อาจจะโมโห เมื่อโมโห ก็จองเวรกันไปไม่จบสิ้น
    เราจึงเน้นไปที่สิ่งใดจบลงไปแล้ว ให้ถือว่าจบไป เพียงแต่ระวังไม่ทำความไม่ดีต่อไปเท่านั้นก็พอ ไม่จำเป็นต้องไปขอโทษขอโพยอะไรกับใคร ไม่ต้องไปพูดกับองค์อัลเลาะห์ แต่ให้เตือนตนเองนั้นแล

    ในทางพุทธศาสนา นั้น การระลึกรู้ตัว ว่าทำอะไรลงไป เป็นเรื่องสำคัญที่สุด เพราะว่าทำให้เรารู้ตัวว่า จะทำอะไร กำลังทำอะไร หรือ ทำอะไรไปแล้ว เรียกว่า สติก่อนกาล สติทันกาล และสติหลังกาล หากเราปฏิบัตเจริญสติบ่อยๆ ก่อนทำเราก็จะมีสติคิด เมื่อคิดแล้วว่าไม่ดีก็จะไม่ทำ ไม่ใช่ว่าทำแล้วถึงค่อยคิด
    หลักคำสอนที่กล่าวมาข้างต้นของอิสลามนั้น ยังเน้นไปที่ การแก้ไขหลังกาล คือ ระลึกรู้ภายหลัง แต่ว่าหากเป็นพุทธศาสนาแล้ว จะให้ระลึกรู้ก่อนทำ ก็จะไม่ก่อกรรม นินทานี้
    จริงๆ แล้วยังมีหลักมากมาย คือ พุทธศาสนาเน้นไปที่ การถอน สันดานที่ไม่ดีออกไป ด้วยปัญญา หากเราไม่ถอน เราก็ยังจะทำผิดเดิมๆ ซ้ำๆ เพราะว่า สันดานนั้นไม่ได้ถอนออกไป ก็ให้สังเกตุดูว่า คนหนึ่งคนในศาสนา อิสลาม เขาไม่ทำบาบเพราะกลัวพระอัลเลาะห์ แต่สำหรับ ชาวพุทธนั้นไม่ทำบาบเพราะเห็นว่า ทำไปแล้วไม่มีประโยชน์ ไม่มีความสุข ก็ให้ดูแล้วกันว่า ธรรมอันใดควรแก่การพิจารณามากกว่ากัน ธรรมอันใดควรเป็นที่พึ่งมากกว่ากัน
     
  4. :HYRAL:

    :HYRAL: สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2007
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +2
    /\
    ขอความสันติสุขจงมีแด่ทุกท่านครับ
     
  5. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,130
    ถูกต้องมันต้องแบบนี้

    :love: :love: :love: :love: :love: :love: :love: :love: :love:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 5 กันยายน 2007
  6. {ผู้ชนะสิบๆทิศ}

    {ผู้ชนะสิบๆทิศ} เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +917
    เขาก็พูดรู้เรื่องนิ ไม่เห็นจะต้องไปว่าเขารุนแรงอะไรแบบนั้นเลย แทนที่จะสนทนาธรรมกับเขาดีๆแบบที่ คุณขันธ์ทำ มีอะไรก็ค่อยพูดค่อยจากัน กลับไปว่าเขาซะเสียๆหายๆ นี่แหละโลก ที่มันเกิดสงครามก็เพราะพวกที่มีพฤติกรรมแบบนี้แหละ
     
  7. raquaz

    raquaz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    175
    ค่าพลัง:
    +3,831
    ในฐานะที่คนหนึ่งของที่นี่

    เขาขาดความเคารพการที่พวกเราเลือกที่จะนับถือศาสนาที่เราอยากครับ
    แต่เขามาสอนถึงอิสลาม และกล่าวว่าศาสนาพุทธเสียๆหายๆ

    เหตุผลนี้เพียงพอแล้วสำหรับผม
    แล้วคุณล่ะครับ รู้สึกอย่างไร

    เพราะมันมีสิ่งที่คล้ายกัน แต่สุดท้ายก็แตกต่างกันในที่สุด

    ระหว่าง วางอุเบกขา กับ ปิดตาไม่รับรู้ความจริง
    ระหว่าง เปิดกว้าง กับ เปิดช่องว่าง
    ระหว่าง แบ่งปัน กับ ยัดเยียด
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  8. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,130

    สำหรับผมให้อภัยเสมอ ถ้ารู้จักกลับตัวกลับใจ หยุดส่งข้อความที่ทำลายเรา หยุดการดูถูกเรา กลับมาขอสันติ... ก็ให้สันติ,,,(กลัวว่าภพหน้าตามมาอีก 55555)
     
  9. wayubut

    wayubut Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +40
    คุณขันธุ์ก็ไม่ได้ว่าใครเสียหายมากนี่ มันก็เป็นความจริง
    ผมว่าจริงๆ แล้วคุณ HYRAL ควรจะนำศาสนาอิสลามมาเผยอย่างเช่นในแง่ ทำไมชาวมุสลิมถึงต้องถือศีลอดไม่กินข้าวกินน้ำเป็นแรมเดือน เพราะอัลเลาะห์ท่านจะสอนให้มนุษย์รู้ว่าทุกผู้ทุกคนไม่ว่าจะรวยล้นฟ้าเป็นราชาหรือจนแบบขอทานข้างถนน แต่ถ้าทุกคนไม่ได้กินข้าวก็จะเกิดความหิวเท่ากัน หิวเหมือนกับคนจน ความรวย ความจน ไม่สามารถทำให้หายหิวได้ ฉนั้น อย่างน้อยการถือศีล อด ก็ทำให้ทุกคนเสมอภาคกัน ถ้าอย่างนี้ผมว่าดี คือเสนอในแง่ให้ความรู้ไม่ใช่การที่มีอยู่ในกระทู้นี้ ผมขอบอกคุณHYRAL เลยว่าถ้าคุณอยากโพสต์อีกให้ตั้งกระทู้ว่า "ทำไมมุสสลิมถึงไม่กินหมู" แล้วคุณก็เล่าเรื่องราวมาตั้งแต่สมัยเรือโนอา น้ำท่วมโลกโน่นน่าจะมีประโยชน์แก่ชาวพุทธคนอื่นมากในเรื่องของความรู้ใหม่ และควรที่จะได้รับคำโมทนา

    * ผิดถูกอย่างใดข้าพเจ้าขออภัยเพราะเป็นความคิดของข้าพเจ้าแต่เพียงผู้เดียวและข้าพเจ้าขอรับผิดในคำพูดของตัวเองทุกคำแต่เพียงผู้เดียวมิเกี่ยวกับชาวพุทธผู้อื่น *
    ปล.ข้าพเจ้ามิได้มีจิตหมิ่นต่ออัลเลาะห์เจ้าแต่ประการใด
     

แชร์หน้านี้

Loading...