ก่อนปฏิบัติธรรมช่วงเช้า วันเสาร์ที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๖๗

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 31 สิงหาคม 2024.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,191
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,510
    ค่าพลัง:
    +26,343
    ก่อนปฏิบัติธรรมช่วงเช้า วันเสาร์ที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๖๗


    ถึงเวลาพวกเราก็ถ่ายรูปไปเรื่อยเปื่อย ไม่ได้ดูว่าเขาทำอะไรกันบ้างนะ..! แล้วพอเอาไปส่งต่อเขาก็จะบอกว่า "หลวงพ่อเล็กเอาแต่ก้มหน้าก้มตาเล่นแต่โทรศัพท์" ทั้ง ๆ ที่กูก็ส่งงานอยู่..! เขาเรียกว่าทำอะไรไม่ได้ใช้หัวแม่ตีนคิด..!

    แปดโมงแล้ว ไปอยู่ที่ไหนกันหมดจ๊ะ ? คนเราเกิดมา คนจีนบอกว่าอายุถึง ๗๐ ปีก็ยาก แล้ว ๗๐ ปีเราก็นอนไปเสีย ๓๐ ปี..! แล้วยังจะเหลือเวลาไว้ทำอย่างอื่นอีกเท่าไร ? ก็แปลว่าเวลาทุกนาทีที่มีอยู่ ต้องใช้ให้คุ้มค่าที่สุด


    คราวนี้การที่เราจะใช้เวลาให้คุ้มค่า ก็จะต้องเป็นคนที่ทำอะไรรวดเร็ว แล้วสำหรับนักปฏิบัติธรรมก็คือ "ทำโดยรวดเร็วแต่มีสติ จึงไม่ทำอะไรผิดพลาด" แต่ส่วนใหญ่แล้วพวกเราถ้าเร็วก็ขาดสติ แล้วก็ผิดพลาดได้ง่าย..!


    การปฏิบัติธรรมเป็นเครื่องช่วยชีวิตตัวเอง หรือว่าประกันอนาคตของตัวเอง ก็คือต้องทำจนกระทั่งสภาพจิตมีความเคยชิน ถ้าไม่โดนอาสันนกรรมมาเบียดเบียนก่อนตาย จะได้มีคติที่ค่อนข้างจะแน่นอน ไม่อย่างนั้นแล้ว
    ด้วยความเคยชินของจิตที่มักจะไหลลงต่ำเสมอ โอกาสที่เราจะไปอบายภูมิจะมีสูงมาก..!

    บางคนปฏิบัติธรรมมาทั้งชีวิต ก่อนตายอาสันนกรรมบันดาลให้เกิดเสียงเหมือนใครทุบข้างฝาเสียงดัง "ปัง" เกิดอาการตกใจ สภาพจิตเคลื่อนหลุดจากสมาธิ ยังดีที่มีเทวทูตมารับไปตำหนักพระยายม ไม่อย่างนั้นถ้าลงตรงเลยก็ต้องลำบากสาหัสอีก..!

    เราจะเห็นได้ว่า
    แม้ผู้ที่ปฏิบัติธรรมจนเราคิดว่าเขามีคติมั่นคงแล้ว ก็ยังมีกรรมมาเบียดเบียนให้ต้องลำบากอยู่ระยะหนึ่ง ก็คือต้องไปผ่านการตัดสินของพญายม ถ้าหากว่ากรรมหนัก หรือว่าไประลึกถึงกรรมชั่วในช่วงนั้นพอดี ก็ไม่ต้องรอตัดสิน..ลงอบายภูมิตรง ๆ ไปเลย..!

    การลงสู่อบายภูมิโดยเฉพาะนรก ไม่ได้แปลว่าเราจะรับโทษแค่นั้น หากแต่ว่าโทษเก่าที่ติดค้างไว้เท่าไร เขาจะคิดทบต้นทบดอกทั้งหมด ถ้าพลาดลงไปก็แปลว่า พระพุทธเจ้าอาจจะผ่านไปหลายพระองค์กว่าที่เราจะหลุดขึ้นมาได้..!


    เนื่องเพราะว่าเราจะต้องลงมหานรกขุมใดขุมหนึ่งก่อน ยิ่งลงลึกมากเท่าไรก็ยิ่งขึ้นมาช้าเท่านั้น เพราะว่าเวลาของเขาต่างกับเรามาก จาก
    มหานรกไม่ว่าเราจะขึ้นมามุมไหนก็ตาม จะมีอุสสทนรกรออยู่ ๔ ขุม เมื่อลงอุสสทนรกเสร็จ ไม่ว่าจะขึ้นมามุมไหนก็ตามจะมียมโลกียนรกรออยู่ ๑๐ ขุม ก็ค่อย ๆ ลงไปทีละขุม กว่าที่จะหลุดพ้นขึ้นมาได้ ก็เจอมหานรกขุมต่อไปรออยู่..! แล้วก็วนเวียนลักษณะนี้ จาก ๑ ไป ๔ จาก ๔ ไป ๑๐ จาก ๑๐ ไปมหานรก ๑ ก็แปลว่าเรายิ่งลงนรกลึกมากเท่าไร โอกาสที่จะขึ้นมาก็น้อยหรือว่าช้ามากเท่านั้น..!
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 20240810.jpg
      20240810.jpg
      ขนาดไฟล์:
      224.1 KB
      เปิดดู:
      31
  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,191
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,510
    ค่าพลัง:
    +26,343
    ถ้าลงอเวจีมหานรกก็เจริญมาก ๓๕๖ ขุมเราต้องเหมาหมด..! เพราะว่าเราไม่ได้เกิดชาติเดียว แต่ละชาติเราได้สร้างเวรสร้างกรรมเอาไว้มากมาย

    กระผม/อาตมภาพเองเมื่อหลายปีก่อนเจ็บป่วยหนักมาก พอใกล้จะหายเป็นปกติ ก็เกิดนิมิตขึ้นมาว่า ชาตินั้นเกิดเป็นสิงโต ไล่ล่าไล่ฆ่าสัตว์อื่นเป็นอาหาร ท่านทั้งหลายต้องคิดว่าชาติที่เป็นสัตว์เดรัจฉานนั้นห่างจากชาติที่เป็นมนุษย์เท่าไร ? แล้วนี่อาตมาเกิดมาเป็นมนุษย์กี่ชาติแล้ว ? เศษกรรมนั้นเพิ่งจะตามทัน ถ้าหากว่าเราลงไปข้างล่างเขาก็คิดรวบยอดทีเดียว ดังนั้น..ถ้าพลาดลงไป โอกาสที่ขึ้นมานั้นยากสุด ๆ..!

    จึงเป็นเรื่องที่เราท่านทั้งหลายจะต้องมีจิตสำนึก รักตัวเอง ตั้งหน้าตั้งตาสร้างความดี จนสภาพจิตของเราเคยชิน เกาะด้านดีเอาไว้เสมอ ไม่ใช่ลืมตาตื่นขึ้นมาก็ฟุ้งซ่านไปสารพัดเรื่อง ครึ่งค่อนวันค่อยนึกได้ว่าเราควรจะภาวนา ถ้าตายตอนนั้นก็เจริญมาก เพราะว่าเขาไม่รอให้เราภาวนาแล้วค่อยตาย..!

    ส่วนใหญ่คนเราที่ทำความชั่ว เพราะว่ามักจะไปเห็นหลังจากตายแล้ว ก็เลยไม่ค่อยจะเกรงกลัวความชั่วกัน การทำความดีก็คล้ายคลึงกัน ก็คือไปรับผลหลังจากตายแล้ว จึงทำให้พวกเราเองก็ไม่เข้าใจว่า "ทำไมต้องมาทำดีด้วย ?" บางคนยังเห็นว่าเสียเวลาทำมาหากินอีกต่างหาก..!

    ทุกเวลาทุกนาทีของเราจึงควรจะใช้อยู่กับการปฏิบัติธรรม จะยืน เดิน นั่ง นอน ดื่ม กิน คิด พูด ทำ ให้จิตทรงสมาธิตลอดเวลาให้ได้ ถ้าอย่างนั้นก็พอที่จะประกันความเสี่ยงได้บ้าง ถ้าหากว่าทำไม่ได้ถึงขนาดนั้น โอกาสลงอบายภูมิมีเกิน ๑๐๐%..!

    ถ้าจะเปรียบเทียบไปแล้วในบาลีเขาบอกว่า "เหมือนเขาวัวกับขนวัว" ผู้ที่หลุดรอดไปสุคติเหมือนกับเขาวัว ก็คือทั้งตัวมีแค่สองอัน แต่ว่าผู้ที่ลงทุคติเหมือนกับขนวัว ทั้งตัวมีกี่หมื่นกี่แสนเส้นเราก็นับไม่ถ้วน แล้วเราเองยังมัวแต่ไปประมาทอยู่ โอกาสที่จะรอดก็ยิ่งริบหรี่ลงไปเรื่อย..!
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,191
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,510
    ค่าพลัง:
    +26,343
    (ด่าช่างภาพ) จริง ๆ ไม่อยากจะด่าหรอกนะ แต่แม่งถ่ายรูป..ผู้หญิงเขาหันตูดให้อยู่ ก็ถ่ายไปเรื่อย..! มึงลองซูมดูรูปที่ถ่ายไปเมื่อสักครู่ดูสิ ว่าเห็นตูด "พี่เล็ก" ไหม ? กูสั่งสอนมึงมากี่ปีแล้วก็ไม่รู้..? มีสติได้แค่นี้..! ทำอะไรเกี่ยวกับพระเกี่ยวกับเจ้า หัดรู้จักระมัดระวังบ้างสิวะ..!

    นี่ต้องบอกว่าเขาอยู่วัดมากกว่าพวกโยมตั้งเยอะนะ ยังทำได้แค่นั้นเอง แต่ละคนสภาพจิตหาความละเอียดไม่ได้ แล้วหวังจะรอด..รอไปเถอะ..! ภพภูมิที่ละเอียดกว่า ถ้าสภาพจิตละเอียดไม่เท่าหรือละเอียดน้อยกว่า อย่าหวังเลยว่าจะขึ้นไปถึง..!

    พวกเราเองเป็นคนที่สติน้อย ปัญญาน้อย แถมยังขี้เกียจใช้สมองคิดอีกต่างหาก มักจะคิดว่าตัวเราคิดอะไร คนอื่นก็คิดแค่นั้นเหมือนกัน พอโพสต์รูปลงไป มีคนเข้ามาคอมเมนต์ กว่าจะรู้ว่าเขามองคนละมุมกับเรา ก็เละไม่เป็นท่าไปแล้ว..!

    เรื่องอะไรที่เกี่ยวกับศาสนา เกี่ยวกับพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นของละเอียดอ่อน ต้องระมัดระวังเป็นอย่างสูง ไม่ใช่นึกอยากจะทำอะไรก็ทำไปเรื่อย

    เพื่อนอาตมาเองท่านใส่แว่น แต่ว่าเป็นแว่นแบบที่ปรับความเข้มตามระดับแสง ท่านไปยืนถ่ายรูปหน้าศาลาด้วยความภูมิใจ ปรากฏว่าพอแดดส่องมา แว่นก็ปรับเป็นสีดำปี๋ ท่านก็โพสต์รูปลงไปโดยไม่ทันจะคิดอะไร คนเข้ามาคอมเมนต์บอกว่า "ใส่แว่นดำแบบนี้ มาเฟียหรือว่าพระ ?" เห็นหรือยังว่าเรื่องดี ๆ ก็กลายเป็นเรื่องไม่ดีไปได้..!

    เพราะฉะนั้น..พวกเราจะสิ้นสติทำอะไรโดยไม่คิดก็ไม่เป็นอะไร เพราะว่านรกเป็นของใครของมันอยู่แล้ว ลงแทนกันไม่ได้..! แต่ว่าจะไปสร้างความเสียหายให้กับส่วนรวม แล้วถ้าเป็นความเสียหายถึงพระพุทธศาสนา โทษก็จะหนักขึ้นไปอีก อาตมาถึงได้บอกว่าไม่ได้มีความสุขหรอกที่มาด่าพวกเรา แต่ก็ทำให้ด่าทุกที เมื่อไรจะเป็นผู้เป็นคนกันบ้างก็ไม่รู้ ?

    เดี๋ยวพวกเราทำพิธีบวชเนกขัมมะปฏิบัติธรรม สมาทานพระกรรมฐาน แล้วเข้าสู่การปฏิบัติรอบเช้ากันก่อน

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    ปกิณกธรรมช่วงบวชเนกขัมมะปฏิบัติธรรม วันแม่แห่งชาติ ๒๕๖๗ ณ วัดท่าขนุน
    วันเสาร์ที่ ๑๐ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ - วันจันทร์ที่ ๑๒ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย ทะเล และ นาทาม)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...