กทม.ปริมณฑลหนาวมืดครื้ม"ทักษิณ"หาเวลาลงใต้

กรุงเทพฯปริมณฑล ท้องฟ้ามืดครื้ม ยังไม่มีแสงแดง หนาวเย็นกว่าทุกวัน อุตุฯแจงมวลอากาศเย็นจากจีนคลุมประเทศไทยเหนือและภาคกลาง ขณะที่น้ำท่วมภาคใต้พายุโซนร้อนอีก 2 ลูกจะเข้าฝั่ง สั่งการ 8 จังหวัดรับมือ 21-23 ธ.ค. นายกฯทักษิณ กำลังหาเวลาลงใต้แก้ปัญหาน้ำท่วมด้วยตัวเอง

ตั้งแต่ช่วงเช้าจนถึงเวลา 09.30 น.ของวันที่ 21 ธันวาคม พื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล ท้องฟ้ามืดครื้ม ยังไม่มีแสงแดงแต่อย่างใด อากาศหนาวเย็นกว่าทุกวันที่ผ่านมา ทั้งนี้คงเป็นไปตามที่กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานว่า ความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังแรงจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนช่วงวันที่ 21-24 ธันวาคมนี้ ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวอุณหภูมิลดลง 2-4 องศา และแผ่ลงมาทางใต้
ส่วนภาคใต้ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไปจะมีฝนเพิ่มขึ้น และคลื่นลมในอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้นด้วย โดยมีคลื่นสูง 2-4 เมตร ขอให้ระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือ

วันที่ 21 ธ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่ไม่ไปดูแก้ปัญหาน้ำท่วมพื้นที่ภาคใต้ด้วยตัวเองว่า กรมอุตุนิยมวิทยารายงานว่าจะมีพายุดีเปรสชั่นเข้ามาอีกหนึ่งลูก
"ผมได้ดูรายงานที่มีเข้ามาทุกๆ 2-3 ชั่วโมง ก็เป็นห่วงมาก และได้กำชับการทำงานของทุกฝ่ายทำงานอย่างเต็มที่ และกำลังดูเวลา หากมีความจำเป็นจะต้องไปก็ไป และระหว่างนี้ได้โทรศัพท์สั่งการตลอดเวลา
ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมในหลายจังหวัดภาคใต้ตอนล่างยังน่าวิตก เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม หลังฝนตกหนักติดต่อกันหลายวันก็ได้เกิดเหตุภัยพิบัติหินและดินโคลนถล่มทับบ้านเรือนราษฎรพังหลายสิบหลัง ที่บ้าน กม.26 หมู่ 2 ต.ตาเนาะปูเต๊ะ อ.บันนังสตา จ.ยะลา ส่งผลให้ชาวบ้านเกือบ 1,000 คน ต้องไร้ที่อยู่และขาดแคลนทั้งอาหารและน้ำดื่ม
นายบุณยสิทธิ์ สุวรรณรัตน์ ผู้ว่าฯ ยะลา เปิดเผยว่า แม้ว่าสภาพน้ำท่วมโดยรวมในจังหวัดระดับน้ำได้ลดลง แต่บางพื้นที่ยังติดต่อโลกภายนอกไม่ได้ โดยเฉพาะที่บ้าน กม.26 ต.ตาเนาะปูเต๊ะนั้น ถนนและคอสะพานขาด รถยนต์เข้าไปไม่ได้ เจ้าหน้าที่ต้องเดินเท้าไปกว่า 3 กิโลเมตรจึงพบว่ามีบ้านชาวบ้านถูกดินและหินถล่มทับเสียหายกว่า 50 หลัง ชาวบ้านต้องอดอาหารมาเกือบ 3 วันแล้ว ซึ่งจังหวัดกำลังเร่งเข้าไปช่วยเหลือ
ทั้งนี้ มีรายงานด้วยว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นคล้ายเหตุสลดที่ซุงและโคลนถล่ม ต.กะทูน อ.พิปูน จ.นครศรีธรรมราช เมื่อปี 2531 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกสัมปทานทำป่าไม้ทั่วประเทศ ล่าสุดนายอาซิส เบ็ญหาวัน นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ยะลา ได้จัดถุงยังชีพ 3 หมื่นชุด ไปช่วยเหลือแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า นายบุณยสิทธิ์ ผู้ว่าฯ ยะลา ในฐานะ ผอ.ศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจแก้ไขปัญหาอุทกภัย ได้ออกประกาศแจ้งสถานการณ์น้ำท่วมว่า ขณะนี้หลายอำเภอระดับน้ำเริ่มลดลงเข้าสู่สภาวะปกติ ยกเว้นบางพื้นที่ ต.ท่าธง ต.วังพญา อ.รามัน และ ต.ยุโป ต.ตาเซะ อ.เมือง ศูนย์ฯได้แจกจ่ายถุงยังชีพแล้ว 16,500 ชุด และน้ำดื่ม 2 แสนขวด พร้อมเร่งแจกจ่ายหญ้าแห้ง 3.5 ตัน เบื้องต้นพบความเสียหายใน 7 อำเภอ 47 ตำบล 246 หมู่บ้าน ถนน 595 สาย สะพาน 141 สะพาน ฝาย 21 ฝาย ท่อระบายน้ำ 122 จุด และประชาชนเดือดร้อน 1.8 แสนคน อย่างไรก็ดี ขอแจ้งเตือนให้รับมือสถานการณ์ในช่วงวันที่ 21-24 ธันวาคมที่มีแนวโน้มว่าจะมีฝนตกเพิ่มขึ้น
300 ร.ร.ริมทะเลสาบสงขลาจมน้ำ
นายสงวน ศรีสุข ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) สงขลา เขต 1 เปิดเผยว่า เหตุน้ำท่วมในพื้นที่ สพท.ยังน่าเป็นห่วง โรงเรียนส่วนใหญ่ที่อยู่รอบริมทะเลสาบสงขลายังคงมีน้ำทะเลหนุนอย่างต่อเนื่อง หลายจุดระดับน้ำยังสูงกว่าจุดวิกฤติ ทั้งที่ อ.ระโนด สทิงพระ กระแสสินธุ์ นาหม่อม และสิงหนคร ยกเว้นพื้นที่ อ.เมืองบางส่วนเท่านั้นที่น้ำเริ่มลดลง ซึ่งโรงเรียนทั้งหมด 142 แห่ง ต้องหยุดเรียนตลอดสัปดาห์ และรอประเมินสถานการณ์สภาวะอากาศอีกครั้งหลังกรมอุตุนิยมวิทยาประกาศเตือนว่าจะมีมรสุมเข้าพื้นที่ภาคใต้ตอนล่างอีกครั้ง ส่วนความเสียหายขณะนี้ตรวจสอบได้บางจุดเท่านั้น
ขณะที่พื้นที่ จ.ปัตตานี สถานการณ์น้ำท่วมยังน่าเป็นห่วง นายวิมล จันทร์แก้ว ผอ.สพท.ปัตตานี เขต 1 เปิดเผยว่า ขณะนี้พื้นที่ อ.เมือง ยะหริ่ง ปะนาเระ สายบุรี ไม้แก่น กะพ้อ ยังมีน้ำท่วมสูง โรงเรียน 129 แห่ง ยังต้องปิดการเรียนการสอนอยู่ คาดว่าจะเปิดเรียนได้ในสัปดาห์หน้า
ครม.ห่วงโซนร้อนซ้ำระลอกสอง
นายอนุชา โมกขะเวส อธิบดีกรมป้องกันภัยและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ปัญหาน้ำท่วมใน 8 จังหวัดภาคใต้ คือ นครศรีธรรมราช ตรัง พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส และสุราษฎร์ธานี ขณะนี้หลายพื้นที่เริ่มคลี่คลายหลังระดับน้ำเริ่มลดลง จุดที่ถือว่าที่วิกฤติที่สุด คือ จ.ปัตตานี เนื่องจากน้ำจาก จ.ยะลา เริ่มไหลเข้าพื้นที่ ส่วนที่ จ.สงขลา พื้นที่อำเภอรอบนอกเท่านั้นที่น้ำยังสูงอยู่ ส่วนใน อ.หาดใหญ่ เริ่มคลี่คลายแล้ว
"ส่วนที่กรมอุตุนิยมวิทยาได้แจ้งเตือนให้ระวังพายุลูกใหม่ในช่วงวันที่ 21-23 ธันวาคมนั้น ขณะนี้ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่เร่งระบายน้ำในพื้นที่ที่น้ำท่วมอยู่ออกไปให้มากที่สุดแล้ว" นายอนุชา กล่าว
วันเดียวกัน น.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นอกสถานที่ ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง วิทยบริการเฉลิมพระเกียรติ จ.สุโขทัย ว่า ที่ประชุม ครม.ได้ประชุมทางไกลผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์กับนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมช.มหาดไทย ที่ จ.สงขลา และผู้ว่าราชการจังหวัด 8 จังหวัดภาคใต้ โดยที่ประชุมเป็นห่วง กรณีที่กรมอุตุฯ คาดการณ์ว่าในวันที่ 21-22 ธันวาคม จะมีพายุโซนร้อนพัดเข้ามาอีก และได้แจ้งเตือนภัยพื้นที่ที่ประสบภัยแล้ว
"ครม.ได้ขอให้ผู้ว่าฯ แต่ละจังหวัดเร่งป้องกันรับมืออย่างเต็มที่ โดย รมช.มหาดไทย จะยังอยู่ในพื้นที่ ส่วนนายกรัฐมนตรีได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากจำเป็นต้องลงภาคใต้ นายกฯ ก็พร้อมจะไปทันที หากต้องการการตัดสินใจแก้ไขปัญหาเร่งด่วน นายกฯยังได้กำชับให้ทหารและเจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยเหลือประชาชนแม้ต้องระมัดระวังตัวจากการถูกลอบทำร้าย พร้อมให้ผู้ว่าฯ แต่ละจังหวัดเปิดรับบริจาคได้โดยตรงเพื่อช่วยเหลือประชาชนได้ทันที" น.พ.สุรพงษ์ กล่าว
ทั้งสถานการณ์น้ำท่วมปัจจุบัน จ.นราธิวาส และสตูล คลี่คลายแล้ว แต่ 6 จังหวัด คือ สงขลา ปัตตานี นครศรีธรรมราช พัทลุง ตรัง และยะลา ยังมีปัญหาอยู่ โดย จ.สงขลา มีน้ำท่วมขัง 12 อำเภอทุกพื้นที่มีน้ำทะเลหนุน ทำให้ระดับน้ำทรงตัว 0.50-1 เมตร พื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวังคือ อ.หาดใหญ่ เนื่องจากน้ำในครองอู่ตะเภา ไหลเข้าท่วมพื้นที่เศรษฐกิจ
ส่วน จ.นครศรีธรรมราช ยังมีน้ำท่วมอีก 5 อำเภอ หลายอำเภอระดับน้ำเริ่มลด ส่วนที่ จ.ปัตตานี ขณะนี้ไม่มีฝนตกแล้ว แต่ยังมีน้ำท่วมขัง 5 อำเภอ ระดับน้ำสูง 1 เมตร จ.พัทลุง ยังมีน้ำท่วมขังใน อ.เมืองบางส่วน จ.ตรัง และ จ.ยะลา ได้ส่งเรือท้องแบนออกไปช่วยเหลือแล้ว
นอกจากนี้ กระทรวงศึกษาธิการรายงานว่า มีนักเรียนได้รับผลกระทบ 558,671 คน สถานศึกษาได้รับผลกระทบ 2,241 แห่ง ส่วนใหญ่วัสดุอุปกรณ์การเรียนเสียหาย กระทรวงสาธารณสุขรายงานว่า มีประชาชนป่วยเป็นโรคทางเดินหายใจ, น้ำกัดเท้า, ผิวหนัง, อุจจาระร่วงและตาแดง ซึ่งได้ออกหน่วยแพทย์ พร้อมจัดยาให้จังหวัดละ 1-2 หมื่นชุด และสำรองไว้อีก 3 แสนชุดแล้ว
ส่วนการจราจร มีถนนสัญจรไม่ได้ 21 สาย ถนนที่ผ่านได้เฉพาะรถใหญ่ 7 สาย ถนนที่น้ำท่วมแต่สัญจรได้ 49 สาย ส่วนกระทรวงเกษตรฯได้ส่งหญ้าแห้งเป็นอาหารสัตว์ให้แล้ว 3.8 ล้านกิโลกรัม
ล่าสุดกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ประเมินความเสียหายเบื้องต้นของน้ำท่วมใน 8 จังหวัด ล่าสุดมีประชาชนเดือดร้อน 179,991 ครัวเรือน 671,347 คน มีผู้เสียชีวิต 15 ราย (สงขลา 8 ราย ตรัง 2 ราย พัทลุง 2 ราย และยะลา 3 ราย) สูญหาย 3 ราย (นครศรีธรรมราช พัทลุง และยะลา) ด้านทรัพย์สินพบว่า บ้านเรือนเสียหายบางส่วน 226 หลังคาเรือน ถนน 463 สาย สะพาน 14 แห่ง พื้นที่เกษตร 85,562 ไร่ ปศุสัตว์ 34,542 ตัว บ่อปลา 1,759 บ่อ มูลค่าความเสียหายเบื้องต้นราว 300 ล้านบาท
"ทักษิณ" ปัดลงใต้-สั่งเร่งโครงการพระราชดำริ
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุม ครม.ว่า น้ำท่วมภาคใต้ขณะนี้ถือว่ายังหนักมาก เพราะไม่เคยมีปริมาณฝนตกหนักขนาดนี้ เป็นร่องมรสุมจากมาเลเซียและไทยที่ลงไปในพื้นที่ ล่าสุดยังมีฝนตกมากกว่า 100 มิลลิเมตร ที่พัทลุงฝนตกถึง 500 มิลลิเมตร ซึ่งไม่เคยมีมาก่อน ที่ จ.สงขลา ยังมีปัญหาการขุดลอกคลอง ร.1 ที่ช้าผิดปกติ และอยู่ระหว่างสอบสวนซึ่ง บางคนอ้างว่าชาวบ้านไม่ยอมย้าย หรือผู้รับเหมายืดเวลา ตนได้สั่งให้เร่งแก้ไขแล้ว ส่วนที่ จ.ปัตตานี มีปัญหาน้ำทะเลหนุนสูง และในวันที่ 21-22 ธันวาคมนี้ จะมีฝนหนักอีกระลอกแต่หากพ้นไปได้ก็จะไม่มีแล้ว ขณะนี้ให้ พล.อ.อ.คงศักดิ์ วันทนา รมว.มหาดไทย และนายเสริมศักดิ์ รมช.มหาดไทย ปักหลักในพื้นที่ รัฐบาลก็พร้อมจะสนับสนุนงบประมาณ และเครื่องมือช่วยเหลือ
"เมื่อคืนวันที่ 19 ธันวาคม ผมได้โทรศัพท์คุยกับนายเสริมศักดิ์ และนายกเทศมนตรีเทศบาลนครหาดใหญ่ ก็ยืนยันว่ารับมือได้ ในเขตเศรษฐกิจไม่มีปัญหา ส่วนรอบนอกก็ขุดทางระบายน้ำลอดทางรถไฟ และใช้สะพานแบรี่ใส่เข้าไป 2 ตัว ช่องละ 12 เมตร และปล่อยน้ำลงทะเลผ่านคลอง ร.1 ส่วนระยะยาวเราคงสร้างเขื่อนกันทะเลเหมือนเนเธอร์แลนด์ไม่ได้ เพราะพื้นที่กว้างมาก จึงต้องเร่งโครงการพระราชดำริที่มีใน อ.หาดใหญ่ให้เสร็จโดยเร็ว ที่ผ่านมาช้าเกินไป รัฐบาลให้งบไปหมื่นกว่าล้านบาทน่าจะเร่งให้เสร็จในไม่กี่เดือนนี้" พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าว
พ.ต.ท.ทักษิณ ให้สัมภาษณ์หลังประชุม ครม.ด้วยว่า ขณะนี้ตนคงไม่ลงพื้นที่ เพราะได้สั่งการและติดตามข่าวโดยตลอด วันนี้ทั้งนายเสริมศักดิ์ และผู้ว่าฯ ก็ดูแลใกล้ชิด
"หากผมลงไปตอนนี้ก็ยิ่งจะไปเพิ่มภาระให้เจ้าหน้าที่ ให้ติดต่อผ่านระบบโทรศัพท์และวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ดีกว่า ผมอาจจะลงไปดูหลังให้ความช่วยเหลือไปแล้ว ตอนนี้ปัญหามีมาก ต้องเร่งทำทุกเรื่อง ถ้ามีเวลาก็ต้องไปในทุกพื้นที่" นายกฯ กล่าว
ข่าวดีคาดอีก 2 วันหาดใหญ่น้ำลด
นายอุดม ทิพย์เดโช หัวหน้าโครงการชลประทานสงขลา เปิดเผยว่า ระดับน้ำในคลองอู่ตะเภา ตั้งแต่เวลา 10.00 น. วันที่ 19 ธันวาคม ถึงเวลา 10.00 น. วันที่ 20 ธันวาคม ลดลง 50 เซนติเมตร ทำให้ปริมาณน้ำที่ไหลเข้าท่วมเมืองหาดใหญ่ทั้งสองฝั่งเริ่มลดลง แม้ว่าจะยังมีน้ำไหลเข้าท่วมแต่ก็ดีกว่า 3-4 วันก่อนที่โชคร้ายมีน้ำทะเลหนุนสูงที่สุดในรอบปีจนเกิดท่วมหนัก
"ตอนนี้ถนนหลายสายในสองฝั่งคลอง รถกระบะวิ่งสัญจรได้แล้ว หากไม่มีฝนตกลงมาซ้ำอีก ใน 2 วันนี้เชื่อว่าคนหาดใหญ่จะสามารถทำความสะอาดบ้านได้ ขณะนี้ได้เร่งระดมสูบน้ำ และเสริมคันกั้นน้ำริมคลองอู่ตะเภาที่ยังมีน้ำไหลเข้ามาอยู่" นายอุดม กล่าวและว่า ขณะนี้มีข่าวดีว่าปริมาณน้ำต้นน้ำจาก อ.สะเดา ที่ไหลผ่าน ต.คลองแงะ ต.ทุ่งลุง มีระดับลดลงใกล้เคียงความจุคลองอู่ตะเภาด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันเดียวกันชลประทานสงขลาและสำนักงานป้องและบรรเทาสาธารณภัย ได้นำเครื่องจักรไปขุดขยายคลอง ร.1 ที่บ้านโคกเมา อ.บางกล่ำ จากที่ขุดไว้เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม กว้าง 15 เมตร ขยายเพิ่มขึ้นไปอีก 15 เมตร เมื่อรวมกับการขุดเจาะที่บ้านดินลาน เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2 จุด กว้างจุดละ 10 เมตร ทำให้การระบายน้ำจากเมืองหาดใหญ่เร็วขึ้น แต่ในเขต อ.บางกล่ำ ซึ่งเป็นที่ลุ่มรองรับน้ำที่ระบายออกไป อาจจะต้องใช้เวลาหลายสิบวันกว่าน้ำจะลด
นายไพร พัฒโน นายกเทศมนตรีเทศบาลนครหาดใหญ่ เปิดเผยว่า ขณะนี้ระดับน้ำในคลองหวะลดลงแล้ว ส่งผลให้พื้นที่เขตเทศบาลตลอดแนวคลองเตย โดยเฉพาะหมู่บ้านจันทร์วิโรจน์ เข้าสู่ภาวะปกติ ส่วนอุโมงค์ถนนศรีภูวนารถ ขณะนี้เทศบาลได้เร่งสูบระบายน้ำ และรถทุกชนิดสัญจรไปมาได้แล้ว ส่วนน้ำในคลองอู่ตะเภาขณะนี้ได้ลดลงจากระดับวิกฤติถึง 30 เซนติเมตร ซึ่งเป็นผลมาจากการขุดทางรถไฟ ซึ่งหากลดมาถึงระดับ 7.00เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง ก็จะระบายน้ำจากชุมชนรัตนอุทิศ โชคสมานคุณซึ่งขณะนี้ยังเดือดร้อนหนักที่สุด
"การขุดทางรถไฟทำให้น้ำในคลองลดลงเฉลี่ยชั่วโมงละเกือบ 10 เซนติเมตร ส่วนพายุลูกใหม่เทศบาลได้เตรียมแผนป้องกันพื้นที่ไว้แล้ว" นายไพร กล่าว
ส่วนสภาพน้ำท่วมใน อ.ระโนด ยังคงวิกฤติ ล่าสุดเจ้าหน้าที่จากทัพเรือภาค 2 ต้องนำเฮลิคอปเตอร์ขึ้นบินหย่อนอาหารและน้ำดื่มช่วยเหลือชาวบ้านใน 3 ตำบล คือ ต.ระโนด ต.ตาเครียะ และ ต.บ้านขาว ขณะทั้ง 12 ตำบล 73 หมู่บ้านของ อ.ระโนด ถูกน้ำจากทะเลสาบสงขลาหนุนเข้าท่วมขังสูงกว่า 1 เมตร ส่วนพื้นที่ อ.กระแสสินธุ์ แม้ระดับน้ำจะเริ่มลดลงแต่ก็ยังมีน้ำท่วมสูงเฉลี่ย 50-80 เซนติเมตร เส้นทางยังถูกตัดขาด
คนนครศรีฯ เริ่มขาดแคลนอาหาร-ยา
ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.นครศรีธรรมราชว่า พื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง ทั้ง อ.ปากพนัง อ.เชียรใหญ่ อ.หัวไทร อ.เฉลิมพระเกียรติ อ.ชะอวด และ อ.เมืองบางส่วนยังมีระดับน้ำสูงเนื่องจากเกิดภาวะน้ำทะเลหนุนเป็นระยะ ทำให้ระบายน้ำได้ช้ามาก โดยเฉพาะเมื่อคืนวันที่ 19 ธันวาคม น้ำทะเลหนุนสูงกว่า 1 เมตร ล่าสุดมีรายงานข่าวว่า ชาวบ้านในหลายพื้นที่เริ่มขาดอาหารและน้ำดื่ม โดยเฉพาะที่ห่างไกล เช่น ต.เคร็ง อ.ชะอวด บ้านเนินธัมมัง บ้านหัวทะเล บ้านการะเกด อ.เชียรใหญ่ เป็นต้น ส่วน อ.เฉลิมพระเกียรติ ชาวบ้านเป็นโรคน้ำกัดเท้ากันยกหมู่บ้าน ล่าสุดหลายหน่วยงานพยายามเข้าไปแจกจ่ายอาหารแต่ยังคงไม่ทั่วถึง
นายวิทยา แก้วภราดัย ส.ส.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ขณะนี้พื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังทั้งหมดเดือดร้อนหนัก ชลประทานระบุว่า ถ้าฝนหยุดตกอย่างน้อย 15 วันจึงจะระบายน้ำออกจนเป็นปกติได้อยากขอให้รัฐบาลจัดงบกลางหรืองบฉุกเฉินลงพื้นที่เพื่อแจกถุงยังชีพ ที่น่าเป็นห่วงพื้นที่ปลูกข้าว 5 แสนไร่เสียหายทั้งหมด ข้าวจมน้ำอยู่แค่ 25 วันก็ตายหมดแล้ว สิ่งที่ รมว.เกษตรฯ ต้องเตรียมคือ เรื่องพันธุ์ข้าวแจกจ่ายทันทีหลังเข้าสู่ภาวะปกติ ไม่ใช่รอ 4-5 เดือนจึงจะมาแจก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ข้อมูลพื้นที่นาข้าวที่ได้รับความเสียหายนั้น จ.นครศรีธรรมราช ได้ประเมินไว้ ณ วันที่ 19 ธันวาคม เพียง 113,728 ไร่ ซึ่งต่างกับที่นายวิทยาประเมินไว้สูงถึงกว่า 5 แสนไร่
ตรัง 2 อำเภอยังวิกฤติหลังน้ำทะเลหนุน
เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม นายเชิดพันธุ์ ณ สงขลา ผู้ว่าฯ ตรัง ได้ออกตรวจสภาพน้ำท่วมทั้งทางอากาศและทางเรือ โดยได้เยี่ยมผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่หมู่ 3 และหมู่ 4 ต.บางรัก อ.เมือง จ.ตรัง ผู้ว่าฯตรังเปิดเผยว่า ขณะนี้สถานการณ์เริ่มคลี่คลาย ยกเว้นใน 8 ตำบลของ อ.เมือง จ.ตรัง และ อ.กันตัง ได้แก่ ต.นาท่ามใต้ ต.นาตาล่วง ต.หนองตรุด ต.บางรัก ต.บางหมาก ต.ควนธานี ต.โคกยาง และ ต.ย่านซื่อ ที่ยังมีน้ำท่วมขังอยู่บางจุด สาเหตุที่น้ำลดระดับช้าเนื่องมาจากน้ำทะเลหนุน ครั้งนี้ยอมรับว่าเสียหายหนักแต่ยังประเมินไม่ได้ และยังกังวลประกาศเตือนกรมอุตุฯ ที่ว่าอาจจะเกิดน้ำท่วมได้อีกครั้ง ส่วนราคาสินค้ายังไม่พบว่าสูงผิดปกติ นอกจากพืชผักที่สูงขึ้นบ้าง
รวบแล้ว 5 โจรฉกของห้างเคแอนด์เค หาดใหญ่
ส่วนกรณีกลุ่มมิจฉาชีพบุกเข้าไปขโมยสินค้าในห้างหุ้นส่วน เคแอนด์เค ซุปเปอร์ค้าส่ง สาขา ถ.ราษฎร์อุทิศ (เขต 8) อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ในช่วงเกิดน้ำท่วมเมื่อเที่ยงวันที่ 19 ธันวาคม ล่าสุดตำรวจจับกุมตัวผู้ต้องหา 5 คน ได้พร้อมของกลางแล้ว
แหล่งข่าวตำรวจ สภ.อ.หาดใหญ่ เปิดเผยว่า ผู้ต้องหา 5 คน คือ 1.นายวชิระ กัลยาณมิตร อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 145 หมู่ 5 ต.ทุ่งหมอ อ.สะเดา จ.สงขลา ถูกจับกุมได้ขณะมุดประตูห้างดังกล่าวออกมาพร้อมของกลางสเปรย์ฉีดยุงและสินค้าอื่นๆ 2.นายมงคล คุณขยัน อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 157 หมู่ 2 ต.ท่าคำนัก อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม จับกุมได้พร้อมนมกล่องพาสเจอไรซ์ 3.นายพิชัย คุณขยัน อายุ 35 ปี อยู่บ้านเดียวกันกับนายมงคล จับได้พร้อมคอฟฟี่เมต ลูกอม และซองจดหมาย 4.นายโอ (นามสมมติ) อายุ 16 ปี ชาวหาดใหญ่ จ.สงขลา จับกุมตัวได้ขณะขนสินค้าภายในร้าน 5.นายสุทิน หลำเบ็ญส๊ะ อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 2 B ถ.หน้าสถานีรถไฟ ต.หาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา จับกุมได้พร้อมนมสดกระป๋องและนมข้นหวานเกือบ 20 กระป๋อง
อย่างไรก็ตามทั้ง 5 คนยังให้การปฏิเสธ อ้างว่าไม่ได้ลงมือทุบกระจกหรือพังประตูเข้าไป แต่เห็นว่าพังอยู่แล้วและมีคนเข้าไปหยิบสินค้าจึงเข้าไปหยิบบ้าง เนื่องจากที่บ้านน้ำท่วม ตำรวจได้นำทั้ง 5 คน มาควบคุมขังไว้ที่ สภ.อ.หาดใหญ่ พร้อมแจ้งข้อกล่าวลักทรัพย์และข้อหาบุกรุก
นายเกียรติพงษ์ สิริธนวงศ์สกุล ผู้จัดการห้างหุ้นส่วนเคแอนด์เค ซุปเปอร์ค้าส่ง เปิดเผยว่า มูลค่าความเสียหายทั้งหมดประมาณ 8 ล้านบาท และที่ตัดสินใจเข้าแจ้งความทั้งที่ไม่อยากทำ แม้รู้ว่าทุกคนต่างเดือดร้อน แต่เป็นเพราะของในร้านสูญหายทั้งเครื่องตอกบัตร เครื่องสแกนสินค้า และชั้นวางสินค้า ทั้งที่คนที่เดือดร้อนเพราะน้ำท่วมเอาไปก็แทบไม่มีประโยชน์
"ขณะเกิดเหตุผมแทบทรุด เพราะยังช่วยแจกของน้ำท่วมให้ชาวบ้านอยู่เลย หากชาวบ้านเดือดร้อนต้องการของกิน ผมมีนโยบายให้พนักงานช่วยเหลืออยู่แล้ว ไม่ต้องถึงขั้นลงมือปล้นหรอก เพราะอีก 7 สาขาทั่วหาดใหญ่ เราก็แจกของให้ชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนจริงๆ มาตลอดร่วมกับมูลนิธิอนาถา แต่ชาวบ้านทำกับเราขนาดนี้ จนรู้สึกไม่อยากจะช่วยใครอีกแล้ว" นายเกียรติพงษ์ กล่าวและว่า ในวันที่ 20 ธันวาคมยังนำน้ำดื่มไปแจกจ่ายชาวบ้านอีกกว่า 2.4 หมื่นขวด
อุตุฯ แจ้งข่าวดีพายุใหม่ทำฝนไม่หนัก
กรมอุตุนิยมวิทยาออกประกาศกรมอุตุฯ ฉบับที่ 3 เรื่อง พายุดีเปรสชันในทะเลจีนใต้ตอนล่าง ระบุว่า มีศูนย์กลางอยู่ห่างประมาณ 300 กิโลเมตรทางตะวันออกเฉียงใต้ของปลายแหลมญวน มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลาง 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก ด้วยความเร็ว 10 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่า ขึ้นฝั่งบริเวณปลายแหลมญวนและมีกำลังอ่อนลงในวันที่ 21 ธันวาคม และจะเคลื่อนตัวลงสู่อ่าวไทยในวันเดียวกัน พายุนี้จะกระทบต่ออากาศของภาคใต้และอ่าวไทยในช่วงวันที่ 21-23 ธันวาคม โดยจะทำให้ภาคใต้ตั้งแต่ จ.นครศรีธรรมราชลงไปมีฝนตกเพิ่มมากขึ้น แต่การกระจายและปริมาณน้อยกว่าที่ผ่านมา และทำให้คลื่นลมแรงขึ้น โดยมีคลื่นสูง 2-4 เมตร ขอให้ระมัดระวังในการเดินเรือ



ที่มา : คมชัดลึก