พระพุทธเจ้า มิใช่ พระเจ้า

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย naei, 14 กุมภาพันธ์ 2008.

  1. naei

    naei Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    114
    ค่าพลัง:
    +94
    ขออภัยเถิด ที่ต้องตั้งกระทู้ที่เกี่ยวกับ พระเจ้า และ พระพุทธเจ้า ขึ้นมารกบอร์ดอีกกระทู้ ทั้ง ๆ ที่มันก็เยอะอยู่แล้ว และอาจจะกระทบกระทั่งกันไปบ้าง ก็ต้องขออภัยกันล่วงหน้า (f)

    พระพุทธเจ้า มิใช่ พระเจ้า

    ทำไม พระพุทธเจ้า มิใช่ พระเจ้า เพราะ พระพุทธเจ้า มิใช่ ผู้สร้าง จักรวาล ดวงอาทิตย์ โลก หรือ แม้ กระทั่ง มนุษย์ พระพุทธเจ้า ทรงเป็นคน ทรงเป็นมนุษย์เหมือนเรา ต้องแก่ ต้องป่วย เหมือนกัน ท้ายที่สุด ก็ต้องตาย
    แต่พระเจ้า ท่านทรงอยู่เหนือทุกสรรพสิ่งในโลก ท่านเป็นผู้สร้างทุก สรรพสิ่ง หรือแม้กระทั่ง มนุษย์ ท่านก็เป็นผู้สร้าง เห็นไหม พระพุทธเจ้า ก็ไม่ใช่พระเจ้าในเชิงนี้แล้ว

    การจะเป็นพระพุทธเจ้า ทุกคนมีสิทธิ์ เป็นได้ พากเพียรได้ สะสมบุญบารมีได้ สะสมกรรมที่จะทำให้ตรัสรู้ เป็นพระพุทธเจ้าได้ นั้นคือ โพธิสัตว์ สะสม ศึกษา กัน ชาติแล้วชาติเล่า ต้องเรียนรู้ธรรมจากพระพุทธเจ้ากี่องค์ ๆ ต้องเจอพระพุทธเจ้า กี่แสนองค์ สะสมบารมีมานับชาติ ไม่ถ้วน จนบารมีครบถ้วน จนชาติสุดท้าย ก็มาประกาศ ศาสนา

    ส่วนพระเจ้า มีมาก่อนอยู่แล้ว ก่อนจะสร้าง โลก สร้างจักรวาลเสียอีก ก่อนสร้างมนุษย์ขึ้นมาแน่ ๆ ตามความเชื่อของผู้ที่นับถือ แล้วอย่างนี้ พระพุทธเจ้า จะเป็นพระเจ้าได้อย่างไรล่ะ พระเจ้าไม่ต้องมีชาติที่แล้ว ไม่ต้องสั่งสมบุญบารมี แต่พระพุทธเจ้าต้องเกิดเป็นคนนับชาติไม่ถ้วน เกิดเป็นสัตว์นับชาติไม่ถ้วนอีก สะสมบารมีโพธิสัตว์ไปอีกนับชาติไม่ถ้วน เป็น อสงไขยกัปป์ หลาย อสงไขยกัปป์ มันนึกไม่ออกจริง ๆ ว่ามันกี่แสน กี่ล้าน ๆ ชาติ เห็นไหม เหมือนกันไหม ไม่เหมือนกันแล้ว

    ผู้รู้บางท่านอาจจะแย้งว่า ในที่นี้มิใช่หมายถึงในทางบุคคลที่เหมือนกัน แต่หมายถึงในทางธรรม.. เมื่อพระพุทธเจ้าตรัสรู้ ท่านก็ประกาศศาสนา ศาสนาของท่านสอนเรื่อง "กรรม" กรรมพาเป็น กรรมพาเกิด ไม่ว่าจะเป็นเทวดา เปรต อสุรกาย และท้ายที่สุด จะไม่ต้องเกิดอีก ก็เพราะกรรม หรือจะเกิดอีก สั่งสมบารมีเป็นโพธิสัตว์ ก็ด้วย กรรม เรียนรู้ความเป็นคนไปชาติแล้วชาติเล่า จนประเสริฐสูงสุด เป็นพระพุทธเจ้าพระองค์ใด พระองค์หนึ่งในอนาคตข้างหน้า ก็ด้วยกรรม สั่งสมเอา จนท้ายที่สุด ไม่มีอื่นใดประเสริฐกว่านี้อีกแล้ว เกิดมาเป็นชาติสุดท้าย ไม่ต้องไปเกิดเพื่อเรียนรู้อะไรอีกแล้ว ท่านถึงเปล่งวาจา ตั้งแต่เกิดมาแล้วว่า
     
  2. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    แม้นในพระชาติต่างที่ประทานเล่ามาเป็นชาดก ก็ไม่มีชาติไหนที่พระพุทธองค์
    จะเอ่ยอ้างคำโตออกไปว่า ได้พบปะพระพุทธเจ้าในกาลก่อน พระพุทธองค์ดำเนิน
    กิจวัตร และข้อวินัย แบบประพฤติในการเป็นพระสัพพัญญุตาด้วยวิธีที่เรียบง่าย
    สมบูรณ์ ปราศจากการอวดอ้าง ปราศจากการอิงบุคลลาธิษฐาน เพื่อเป็นศาสดาพยากรณ์

    ซึ่งข้อนี้สามารถเป็นเหตผลในการดู ผู้อวดอ้างบารมีในการเป็นสัพพัญญุตาได้ด้วย

    เป็นพระอัจฉริยะภาพในการแสดงธรรมที่หาที่ติไม่ได้ งามทั้งเบื้องต้นเลื้อง
    ปลาย พ้นจากการหักล้างด้วยเหตุปัจจัยทั้ง วัตถุกาม ค่านิยม และ เวลาสมัย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กุมภาพันธ์ 2008
  3. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    ไม่ได้มั่ว เราอ้างในพระชาติในชาดก ไม่ได้พูดพระชาติที่เป็นพระองค์สัมมาฯ

    แล้วเลิกถามผมเสียที่ว่าบรรลุอริยะไหม พูดกี่ครั้งแล้วว่าเราปราถนาพุทธภูมิ

    ทำได้อย่างมากก็ อภิญญาโลกีย์วิสัย ถ้าอิทธิบาท 4 มีกำลังพอ พรหมวิหารไม่
    ขัดข้อง

    คุณนะเกิดมาเป็นมนุษย์กี่ปีแล้ว ภาษาคนนะเข้าใจบ้างไหม ที่พูดกันมาร่วม
    หลายเดือน เหลือความเป็นมนุษย์อีกกี่ปีละ 30 ปีเหรอ
     
  4. namprighom

    namprighom เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2008
    โพสต์:
    190
    ค่าพลัง:
    +373
    เถียงกันอีกแล้ว.....
     
  5. iofeast

    iofeast เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    4,171
    ค่าพลัง:
    +7,815
    คุณใบครับ หรือคุณจะบอกว่าคุณอนุโพธะโกเป็นอริยะบุคคลแล้วครับ
     
  6. NARKA

    NARKA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    1,568
    ค่าพลัง:
    +4,560
    เรื่องนี้ง่ายนิดเดียว
    ฮินดูพราห์ม เกิดกก่อนพุทธหลายพันปี แสดงว่า มีเทวดาต่างๆมาก่อนพระพุทธเจ้า
    พระพุทธเจ้าเกิดมา2500 ปี เป็นเอกเทศ
    คริสต์เกิดเมื่อ2000กว่าปี หลังพระพุทธเจ้า500ปี
    อิสลามเกิดหลังคริสต์500ปีมั๊ง(ถ้าจำผิดขออภัย)
    ตำนานพระเจ้าสร้างโลกของอิสลาม ผมเดาว่าน่าจะเป็นเทวดาชั้นสูงนั่นเอง
    ทางพุทธก็บอกแล้วท่านเหล่านี้ยังหนีกฏแห่งกรรมไม่พ้น
     
  7. กังขา ณ ปลาย

    กังขา ณ ปลาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    226
    ค่าพลัง:
    +1,763

    น่าจะได้แค่พรหมนะคะ

    ตอนนี้ ก็ยังมีเทพหลายองค์พยายามมาชี้ทางจริง ให้เรากลับไปเป็นพรหม
    เพราะที่นั่น อยู่กันยาวนานนนนนนน นานจนไม่รู้กี่โลก นานจนลืม คิดว่าเป็นนิรันดรเอาได้
    ใครตกลงมา พรรคพวกมาตามกลับ ก็มี

    แต่จิตประภัสสรแบบนั้น แบบที่ยังทำลายกิเลสไม่ได้ หากหมดบุญ ก็ต้องล่วงลงมาเสวยกรรม

    ส่วนพระพุทธองค์ ชี้ทางที่ไป คือหมดไปจากอัตตาเลย นิพพาน


    พรหมอาจจะดูใกล้เคียงพระอรหันต์อยู่ (แต่ก็ด้วยภาวะข่มกิเลส)

    แต่ก็ยังมีสภาพการคิดที่แผดเผาไปด้วยกิเลส




    หากกลับไปเป็นพระเจ้า (ความว่างแค่พรหม) แต่ต้องลงมาเล่นเกมอีก
    ขืนไป ๆ กลับ ๆ ก็ไม่จบนะ


    :)
     
  8. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,705
    ค่าพลัง:
    +51,934
    พระเจ้า.......
    คือ โลกุตตระ สูงสุดในจักรวาลแล้ว

    พระวจนะของพระเจ้า .......
    คือ คำสอนขององค์โลกุตตระที่อวตารเป็นมนุษย์ คือ องค์เขตะมารัจจะ

    แจ้งข่าวดีขณะที่ใกล้วันสิ้นโลก .......
    คือ เรื่องราว โลกุตตระธรรม หลักสัจจะธรรม การหลุดพ้นทุกข์จากบ่วงกรรม ด้วยสัจจะ สัญญาที่มีขึ้นกับใจตนเอง

    พระคริสต์เสด็จกลับมา...
    คือ บุรุษผู้นำพาโดยองค์โลกุตตระ เพื่อสานต่อศาสนศาสตร์เพื่อนำพาสัตว์หลุดพ้น

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  9. กังขา ณ ปลาย

    กังขา ณ ปลาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    226
    ค่าพลัง:
    +1,763
    <TABLE class=tborder id=post939406 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>กังขา ณ ปลาย<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_939406", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 01:41 PM
    วันที่สมัคร: May 2007
    ข้อความ: 259 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 1,527 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 1,709 ครั้ง ใน 308 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 206 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]




    </TD><TD class=alt1 id=td_post_939406 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->เรามักจะตีความว่า จิตเดิมเป็นประภัสสร คือเป็นจิตที่ไม่มีกิเลสแล้ว
    ที่จริง ไม่มีกิเลสจริงในตอนนั้น แต่ไม่ได้หมายถึงว่าจะประหารกิเลสได้หรือไม่

    เท่าที่ฟัง อ.เสถียรฯ

    คำว่าประภัสสรนี่ คือจิตเดิม ไม่มีกิเลสเจือปน

    แต่ไม่ได้หมายถึง ตัดขาดจากกิเลส (ถ้าคนนั้นยังเป็นปุถุชนอยู่)
    เพียงแต่ขณะนั้น ไม่มีการปรุงด้วยอุปกิเลส

    ใครว่างจากการปรุง ย่อมเห็นธรรมชาติของตัวมันเองปรากฎอยู่
    คือหากขณะนั้น ว่างจากกิเลส ...ก็จะเห็นเองว่าจิตเดิมเป็นเช่นไร

    ถ้าขุ่น ขึ้นมาด้วยกิเลส จะมีสภาวะหลุดจากจิตเดิมอย่างไร


    สรุปง่ายๆ
    แม้แต่..คนที่เข้าไปเห็นจิตเดิมสว่างไสว ด้วยอำนาจฌานสมาธิ
    แต่หากยังเป็นโลกียฌาน ไม่ใช่โดยโลกุตตระฌานที่ประหารกิเลส
    เท่ากับยังไม่สามารถประหารกิเลสได้ ก็ยังไม่ใช่อริยบุคคล
    แม้จะเห็นแสงเห็นสี แล้ว ถ้าคุณประหารกิเลสไม่ได้ ก็ยังเป็นปุถุชนอยู่ ยังเวียนว่ายตายเกิดไปตามอำนาจกรรม
    จิตเดิม แบบ นี้ มี หมู หมา กา ไก่ แน่นอน เพราะยังตัดกิเลสไม่ได้ค่ะ



    </TD></TR></TBODY></TABLE>




    <TABLE class=tborder id=post940233 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>กังขา ณ ปลาย<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_940233", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 01:41 PM
    วันที่สมัคร: May 2007
    ข้อความ: 259 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 1,527 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 1,709 ครั้ง ใน 308 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 206 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]



    </TD><TD class=alt1 id=td_post_940233 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- icon and title -->[​IMG]
    <HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->หากเราคิดว่า
    <O:p
    ....ถ้าจิตเดิมเป็นประภัสสร หมายถึงจิตบริสุทธิ์ไม่มีกิเลส ย่อมค้านกับอิทัปปัจจยตาในแง่ปฎิจจฯ เพราะไม่รู้จะเป็นพระอรหันต์ทำไม หากกลับมามีอวิชชาได้
    <O:p
    ....แต่ถ้า.. จิตเดิม *มีธรรมชาติเป็นประภัสสรผ่องใส มีแสงในตัว แต่ไม่ได้หมายถึงจิตบริสุทธิ์ที่ไม่มีกิเลส แต่เป็นจิตประภัสสรที่หลุดจากนิวรณ์ห้า (อุปกิเลส 16) ย่อมมีธรรมชาติความสว่างไสว (นับแต่ปฐมฌานขึ้นไป ก็จะเห็นจิตสว่างมากแล้ว) ..จนกิเลสจรมาจับ.. จึงทำให้เกิดอวิชชามัวหมอง มีนิวรณ์กิเลส หลุดจากธรรมชาติเดิมออกมา ..ย่อมไม่ค้านกับปฏิจจฯ


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  10. กังขา ณ ปลาย

    กังขา ณ ปลาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    226
    ค่าพลัง:
    +1,763
    ถ้าจะเทียบว่าพระเจ้าเป็นโลกกุตระธรรม

    ก็ได้ในแง่ เป็นธรรมชาติ เป็นความจริงอันยิ่ง
    เราไม่สามารถล่วงพ้นกฏธรรมชาตินี้ไปได้


    อนุโมทนาทุกท่านที่ได้เสวนากัน
    อาจจะทะเลาะกันแบบนี้มานานหลายชาติแล้ว

    ก็ขอให้เลือกแต่ประโยชน์ไปใช้
    และทำลายความหลงลงได้ในที่สุดท้าย

    ส่วนใครจะปรารถนาเป็นอะไร ก็ขออนุโมทนา สาธุค่ะ




    (kiss)
     
  11. N o v e m b e r

    N o v e m b e r เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    82
    ค่าพลัง:
    +109
    บางทีต้องให้คำนิยาม หรือสมมุติ คำว่าพระเจ้า
    และ ให้คำนิยาม หรือสมมุติ คำว่าพระพุทธเจ้า

    ถ้านิยามเหมือนกันก็หมายถึงคนนั้นเห็นว่าเป็นสิ่งเดียวกัน
    ถ้านิยามไม่เหมือนกัน แสดงว่าคนนั้น ไม่เห็นว่าเป็นสิ่งเดียวกัน

    ส่วนผมมีความเห็นส่วนตัวว่า อะไรก็ได้ เหมือนหรือไม่เหมือน ใช่หรือไม่ใช่ สมมุติหรือจริง อะไรก็ได้

    ผมจะถูกหรือจะผิดก็ได้ เชื่อว่า สติปัฏฐาน จะทำให้รู้สิ่งที่เป็นจริง สิ่งนั้น หรือไม่รู้แล้วพ้นทุกข์ได้ก็เอา สักวันนึ่ง

    ขอเชิญท่านแสดงความเห็นในมุมมองของตนครับเพื่อการศึกษาด้วยการอ่าน และคิดตาม

    ขอโมทนา ทุกมุมมองที่แตกต่าง
     
  12. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    การแสดงธรรมนั้นต้องระวัง และต้องถี่ถ้วน รองรับได้ทุกอินทรีย์

    การแสดงธรรมโดยใช้ความ หรือ คำ ไม่รัดกุมนั้น จะทำให้ปุถุชน
    ผู้มีวิสัยถือทิฏฐิตัวเป็นใหญ่ จะไม่ยอมวางทิฏฐิที่ตนถือนั้น ทำให้
    ไม่อาจถือตรงตามพุทธพจน์ได้ ดังนั้น การใช้คำ จึงควรใช้ให้รอบ
    ครอบ จะสักแต่ว่าใช้ไปไม่ได้ เพราะจะทำให้ ถือ กันผิด คำศัพท์
    ที่ไม่ควรใช้ ใช้แล้วไม่เกิดประโยชน์ ก็ควรงดเว้นไว้ ถ้าจะใช้ก็ต่อเมื่อ
    มีประโยชน์จริงๆ แต่ไม่ใช่พูดไปอย่างสาธารณะแล้วบอกว่ามีประโยชน์จริงๆ
    อย่างคำว่า พระเจ้า ที่เป็นที่ถกเถียงกัน ถ้าใช้แล้วย่อมทำให้สับสน
    ถ้า พุทธศาสนา มีพระเจ้า คนก็ไม่ต้องนับถือพุทธศาสนาก็ได้ ไปนับถือ
    ศาสนาอื่นที่เขามีพระเจ้าเหมือนกัน ปุถุชนย่อมไม่สนใจในคำสอนที่อยู่
    หลังจากนั้น จนกว่าจะตกทุกข์ ที่นี้ คุณคิดว่า ศาสนาไหนแก่ทุกข์ให้เขาได้
    จริงๆบ้าง ไม่ใช่แค่พอผ่านไปที

    อย่างนี้แล้ว เราควรปิดทาง หรือ เปิดทาง ให้เขาเข้ามายังศาสนาที่มีทางแก้
    ที่ดีที่สุด ก็แล้วแต่ท่านจะพิจารณา

    * * * * *
    กรณีตอบคุณใบไม้

    ในสมัยเสวยพระชาติเป็นสุมธดาบส พระองค์พบพระทีปังกรพุทธเจ้า ถึงแม้
    จะพบกันจะๆ ไม่ใช่ลำพังในฝัน ท่านก็ทรงตั้งอธิษฐานไปในบารมี 10 อุปบารมี 10
    ปรมัตถบารมี 10

    แต่ในบารมีทั้ง 30 ไม่มีอันไหนเลยที่จะประกาศตัวเป็น พระเจ้า ผู้เนรมิตเหรียญให้มีสองด้าน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กุมภาพันธ์ 2008
  13. vnoen

    vnoen เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    156
    ค่าพลัง:
    +827
    เป็นชาวพุทธแท้ๆ...กันหรือยัง
    บ้างอ้างว่า...บรรลุแล้วจากฟังธรรม
    บ้างอ้างว่า...บรรลุแล้วจากศึกษา
    บ้างอ้างว่า...บรรลุแล้ว..จากปฎิบัติ
    ไม่รู้ตัวเลย...กิเลสกินหัวอยู่แท้ๆ
    นี่เหรอชาวพุทธแท้ๆ..น่าหัวร่อ

    ขันติ อยู่ไหนกันหมด...ปัญญา หายไปไหน..พรหมวิหารธรรมรู้จักกันหรือเปล่า
    อวดกันแต่อัตตา กูเก่งกว่า...ไม่ได้เรื่อง ไร้สาระ ทำเวปดีๆ เน่าไปด้วย
     
  14. N o v e m b e r

    N o v e m b e r เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    82
    ค่าพลัง:
    +109
    ท่านคงเคยได้สดับมาบ้าง อาจารย์ของท่านพูดบ่อยๆว่า

    "รักดีห่ามจั่ว จั่วก็หนักน่ะ"

    "ดียังไม่เอา ชั่วจะเอาได้ไง"

    ความเห็นก็คือความเห็น ความรู้ก็คือความรู้
    รู้ ไม่ใช่ คิด
     
  15. oatspace

    oatspace เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2008
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +339
    ธรรมชาติ ก็คือ ธรรมชาติ ให้เรียกว่า ธรรมชาติ
    พุทธะ ก็คือ พุทธะ ให้เรียกว่า พุทธะ
    โลกุตตระ ก็คือ โลกุตตระ ให้เรียกว่า โลกุตตระ
    พระเจ้า ก็คือ พระเจ้า ให้เรียกว่า พระเจ้า
    พระพุทธเจ้า ก็คือ พระพุทธเจ้า ให้เรียกว่า พระพุทธเจ้า
    พระพุทธศาสนา ก็คือ พระพุทธศาสนา ให้เรียกว่า พระพุทธศาสนา
    คริสต์ศาสนา ก็คือ คริสต์ศาสนา ให้เรียกว่า คริสต์ศาสนา

    ทุกอย่างมันเป็นของมันอยู่เช่นนั้นเอง สิ่งใดเป็นสิ่งใด ก็ย่อมเป็นสิ่งนั้น ไม่เป็นสิ่งอื่นไปได้ เค้าถึงมีชื่อเรียกสมมุติแทนสิ่งใดๆ นั้น ให้ตรงกับสิ่งที่มันเป็น ถ้าเป็นสิ่งเดียวกัน ก็ไม่ต้องบัญญัติคำขึ้นมาเรียกใหม่ แต่ถ้าไม่ใช่สิ่งเดียวกัน ก็ต้องบัญญัติคำขึ้นมาเรียกใหม่ เพื่อไม่ให้สับสนว่าเป็นสิ่งเดียวกัน

    ถ้า พระพุทธเจ้า คือ พระเจ้า แล้วจะมีคำว่า พระพุทธเจ้า ไว้ทำไม
    ถ้า โลกุตตระ คือ พระคริสต์ แล้วจะมีคำว่า โลกุตตระ ไว้ทำไม
    ถ้า พุทธศาสนา คือ คริสต์ศาสนา แล้วจะประกาศวัจนะพระเจ้าทำไม

    ทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ใช่สิ่งเดียวกัน เกิดขึ้นมาจากเหตุปัจจัยที่เหมาสม เป็นเอกเทศ และไม่จำเป็นต้องเกิดพร้อมๆ กัน แต่เกิดตามเวลาอันเหมาะสม แต่ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนอยู่ภายใต้กฎธรรมชาติเหมือนกัน เหมือนสัตว์ที่อยู่ทะเล ปลาก็คือปลา ปูก็คือปู กุ้งก็คือกุ้ง หอยก็คือหอย ถึงจะเป็นสัตว์ทะเลเหมือนกัน แต่มันไม่ใช่สิ่งเดียวกัน ถึงจะอยู่ในน้ำทะเล เกิดในน้ำทะเล แต่สัตว์นั้นก็ไม่ใช่น้ำทะเล เหมือนกับอากาศ ย่อมมีทั้งละออง อณู อะตอม แร่ธาตุ สสาร คลื่น พลังงาน จิตวิญญาณ เชื้อโรค และอีกสารพัด แต่สิ่งเหล่านั้นก็เป็นตัวของมันเอง เกิดหรือแปรสภาพไปตามเหตุปัจจัยในอากาศ แต่สิ่งเหล่านั้นย่อมไม่ใช่อากาศ เช่นเดียวกัน

    การที่พระเจ้าหรือใครก็ตาม ถ้ากลับมายังโลกสมมุตินี้ได้ แสดงว่ายังไม่พ้นทุกข์ โลกุตตระจะส่งพระคริสต์มาในวันสิ้นโลก อันนี้เป็นความเชื่อของคริสต์ แต่คำว่าโลกุตตระเป็นคำพุทธ เอามายำรวมกันได้ยังไง วันสิ้นโลกพระคริสต์จะกลับมา เป็นความเชื่อของคริสต์ แต่ของพุทธเรามีแต่ไฟประลัยกัลป์ล้างโลก ล้างจักรวาล เหลือแต่นรกขุมที่ลึกที่สุด กับพรหมชั้นสูง และนิพพานเท่านั้นที่ไม่ถูกเผา แล้วนานไปโลกก็จะกำเนิดขึ้นมาใหม่อีก สังสารวัฏก็กำเนิดขึ้นมาใหม่อีก ฉะนั้นวันสิ้นโลกที่เป็นการจบสิ้นของทุกสิ่ง เป็นอวสานนิรันดรนั้น ไม่มีอยู่จริง เพราะสังสารวัฏไม่มีที่สิ้นสุด มีแต่จบเพื่อเริ่มใหม่ เป็นเช่นนี้เรื่อยไปหาที่สุดไม่มี

    ส่วนมนุษย์โลก ไม่ว่าจะทำดีสักเพียงใด ก็ไม่อาจเลื่อนภัยพิบัติ หรือไฟประลัยกัลป์ใดๆ ได้เลย เพราะทุกอย่างได้ถูกกำหนดไว้หมดแล้ว ว่ายุคนี้อายุมนุษย์จะไม่เกิน 100 ปี พระพุทธศาสนาจะมีอายุ 5,000 ปี ช่วงว่างศาสนาจะมีกี่ปี อีกกี่ปีพระศรีอาริย์จะมาอุบัติ ศาสนาของพระองค์จะมีอายุกี่ปี มนุษย์ในยุคนั้นก็มีอายุกี่ปี ทุกอย่างทุกกำหนดไว้หมดแล้ว สุดท้ายทุกคนก็ต้องเข้าพระนิพพานกันหมด แต่จะช้าหรือเร็วต่างกันเท่านั้น ใครเข้าได้เร็วก็ทุกข์น้อยลง ใครเข้าได้ช้าก็ทุกข์มากขึ้น เพราะต้องเวียนว่ายตายเกิดไปเป็นอะไรก็ไม่รู้ อยู่ในภพภูมิต่างๆ นานกว่าคนอื่นๆ แต่สังสารวัฎก็หาวันสิ้นสุดได้ไม่ ถึงมนุษย์ชุดปัจจุบันจะพ้นทุกข์ได้หมด ก็ยังมีดวงจิตและสรรพชีวิต กำเนิดขึ้นมาใหม่ ทุกขณะจิต ทุกเสี้ยววินาที สรรพชีวิตเหล่านั้นก็จะมานั่งถกเถียงกันถึงแก่นธรรมที่แท้จริง เหมือนที่พวกเราได้ทำกัน เป็นเช่นนี้ชุดแล้วชุดเล่าไม่จบไม่สิ้น สังสารวัฎจึงหาที่สุดมิได้ ตามที่พระพุทธองค์ตรัสไว้ทุกประการ
     
  16. naei

    naei Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    114
    ค่าพลัง:
    +94
    กระทู้นี้ ประเด็นอยู่ที่ว่า พระพุทธเจ้า ไม่ใช่ พระเจ้า คุณใบไม้เป็นอริยะ ก็ต้องเอาหลักฐาน มาแย้ง มาคาน มาค้าน เพื่อให้ ความรู้มันต่อยอดซิ จริงใหม

    เด๋วใคร ๆ จะว่า คุณใบไม้ เบี่ยงประเด็น เอาได้นะครับ หรือว่า เป็นการตอบแบบอริยะ งง :)

    ส่วนเรื่องเวป อื่น ผมไม่รู้นะ ว่า คุณใบไม้ ไปโดนอะไรมาบ้าง และที่บอกว่า เค้าปฏิบัติยังไม่ถึงขั้น แล้วเอาความคิดตนเองเป็นใหญ่ ในทางกลับกันนะ คุณใบไม้ ก้อเอาความคิดของคุณใบไม้ไปตัดสินเค้าเหมือนกัน นา :)

    อ้อ เห็นกระทู้ใหม่ล่ะ คราวนี้ เปลี่ยน เป็น นิพพาน คือ พระเจ้า อีกล่ะ

    งืม ๆ ๆ :(
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กุมภาพันธ์ 2008
  17. SP6580

    SP6580 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    518
    ค่าพลัง:
    +1,552
    เคยคิดไหมว่า อภัสราพรหม กำเนิดมาจากไหน ในเมื่อทุกชิวิตมาจากสิ่งนี้ รวมถึงพวกเราและพระพุทธองค์ เคยได้ยินคำนี้ไหม (ดิน-น้ำ-ลม-ไฟ-อากาศธาตุหรือสิ่งที่จับต้องไม่ได้) ตรงคำว่า อากาศธาตุนี้แหละผมสมมติว่า คือพระเจ้า เพราะสิ่งมีชีวิตอย่างพวกเราถ้าไม่เป็น ไม่มีอากาศแล้ว พวกเราก็เกิดไม่ได้ พระเจ้าก็ช่วยไม่ได้ เงินก็ไม่ใช่พระเจ้า ตัวเลขจากบัตรเครดิตก็ไม่ใช่
    เคยได้ยินบ้างไหมที่ว่า "ขอพระเจ้าจงสถิตกับท่าน" ในโลกของสัตว์เขาคงไม่รู้จักพระเจ้าหรอก พวกเราสมมติกันเองทั้งนั้น ในสมัยพระพุทธองค์ภาษาต่างๆ มีน้อยกว่าสมัยนี้ สมัยนี้วัยรุ่นก็สร้างภาษากันมาเพิ่มอีกคงไม่ต้องบอก ยังไงก็มากกว่าแน่นอน แล้วพระพุทธองค์จะทรงตอบพวกท่านยังไงให้เห็นแจ้ง ถ้าตอบกันทางจิตยังง่ายกว่าอีกสำหรับผู้ที่อบรมที่เขาปฏิบัติกันจริงจังแล้ว เขายิ่งพูดน้อยลงด้วยซ้ำอย่างหลวงปู่มั่นไงไปหาอ่านกันบ้างจะได้เข้าใจ เวลาปฏิบัติก็อย่าสงสัย(นิวรณ์ 5)มาก พาลจะหลงทางต้องศึกษาให้ดีก่อน
    สรุป ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด เพราะเลือกไม่ถูกว่าจะปฏิบัติทางไหน
    สงสัยไปก็ไม่มีประโยชน์ เมื่อรู้มากแล้วปล่อยวางไม่ได้ เถียงกันไปกันมาเดี๋ยวก็ทะเลาะกัน จิตตกลงไปอีก พระพุทธองค์จึงไม่อยากบอกใครไง พระการปล่อยวางทุกสิ่งทุกอย่างมันยากสุดๆ ไง แม้พระพุทธองค์เองก็ทรงยอมรับและผ่านมันมาก่อนพวกเราแล้วดังธรรมมะที่แสดงใว้
    สาธุ ด้วยผลบุญที่อ้างธรรมของพระพุทธองค์นี้ ถ้าผิดพลาดประการใด ก็ขอขมาโทษต่อพระพุทธ พระธรรม พระอริยะสงฆ์ด้วย ถ้าถูกบ้างแล้วเกิดผลบุญข้าพเจ้าขอให้แก่ท่านทั้งหลาย และขอให้ข้าพเจ้าและท่านทั้งหลายได้พบพระนิพพานในชาติต่อไปด้วยเถิด สาธุ สาธุ สาธุ
     
  18. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ที่ลงมาเพราะหมดบุญ ก็ต้องจุติในภพใหม่ บางคนมาเกิดใหม่แล้วสร้างกรรมหนักไม่ได้กลับก็มี มีที่อื่นต้องไปแทน
     
  19. pakung

    pakung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,625
    ค่าพลัง:
    +429
    ไม่จบอ่ะ

    มีทางจบไหม
     

แชร์หน้านี้

Loading...