บารมีไม่พอสวดแล้วสติแตก ??!?

ในห้อง 'บทสวดมนต์ - คาถา' ตั้งกระทู้โดย jasminine, 21 มกราคม 2006.

  1. jasminine

    jasminine เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    5,386
    ค่าพลัง:
    +22,313
    เคยได้ยินมีผู้กล่าวไว้ว่า " คาถา บางบท ก็ไม่ควรสวด หาก บารมีไม่พออาจจะทำให้สติแตก ( เช่น ยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎก ) ผู้สวดควรจะมีรักษาศีลอย่างดี"

    พอจะมีใครช่วยยืนยันได้มั้ยว่าจริงแท้แค่ไหน และ ทำไมถึงก่อโทษได้อย่างนั้นล่ะคะ ? (หนาวเลย ไม่รู้บารมีพอมั้ยน่ะสิ สวดอยู่ด้วยอ่ะ)

    และ พอจะทราบกันไม๊คะว่ามีคาถาอื่นใดอีกมั้ย ที่ไม่ควรสวด ถ้ายังไม่มีบารมีพอ ?
     
  2. Golf_Kung

    Golf_Kung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    104
    ค่าพลัง:
    +146
    หุหุ ตอบตามที่รู้(สึก)น่ะครับ การสวดมนต์เป็นสิ่งที่ดีครับ สวดไปเหอะครับ ไม่ต้องไปสนว่าใครจะว่าอะไร สติแตกหรือว่าอะไร ฯลฯ เพราะการสวดมนต์ก็เหมือนกับการทำสมาธิ ถ้าทำแล้วอย่างน้อยในขณะนั้นเวลานั้นก็ควรจะรักษาศีล มีศีล ด้วยการอาราธนาศีลก่อน (ถ้าจะให้ดีก็รักษาให้ดี ให้ตลอดไปน่ะครับ เอิ้กกก) ส่วนเรื่องคาถาหรือบทสวดบางบทที่ทำให้สติแตก อาจจะหมายถึงการสวดเพื่อเล่น เช่น สวดแบบทำนองแร็บ อาจจะเป็นได้ แต่หากสวดเพื่อทำสมาธิ สวดเพื่อสรรเสริญ คุณพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระอริยะสังฆคุณ ก็ไม่เป็นไรครับ สวดได้ทุกบท ไม่ต้องไปกลัวหน้าอินทร์ พรหม ยม ยักษ์ที่ไหน หุหุ อันนี้ตามความรู้สึกน่ะครับ แถมเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยอีกซักนิดหนึ่งน่ะครับ เรื่องการรักษาศีล หุหุ ผมเคยได้ฟังพระรูปหนึ่งท่านกล่าวเอาไว้ว่า หากเราจำเป็นต้องขาดในศีลจริง ๆ เช่นกินเหล้าเข้าสังคม อย่างน้อยในตอนนั้นเราก็รักษาศีลให้ครบข้อที่เหลือ โดยการอาราธนาศีลที่ข้อเหลือ ซึ่งอย่างน้อยในตอนนั้นเราก็ได้รักษาศีลข้อที่เหลือ ดีกว่าขาดหมดทุกข้อ หุหุ แล้วหลังจากนั้นค่อย อาราธนาให้ครบในทุกข้อ ตั้งใจรักษาไป รักษา รักษา รักษา แล้วมันจะชินไปเองครับ ละมันจะรักษาเองโดยอัตโนมัติในทุก ๆ ข้อเป็นประจำโดยไม่ต้องพะวง หุหุ
     
  3. akaliko

    akaliko Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    38
    ค่าพลัง:
    +88
    สวดไปเหอะ สวดมนต์ด้วยกิริยาที่เคารพ เทพยาดาย่อมอนุโมทนาและคุ้มครองท่าน. พระคาถาเหล่านี้ พอแปลมาล้วนแล้วแต่มีความหมายเปนมงคลทั้งสิ้น. ยิ่งสวดก็ยิ่งเปนมงคล. จะทำให้เราค่อยๆปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ให้เปนในแนวทางที่เปนกุศลขึ้นทุกวัน ขยันขึ้น นอนน้อยลง กินพอเหมาะ มีสติ มีสมาธิ มีศีล. ดังนั้น การสวดมนต์เปนการสร้างบารมีให้กลับตนเอง.
     
  4. วิทย์

    วิทย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    2,036
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,439
    ถ้าเป็นบทสวดมนต์ที่มีความหมายดีๆ สวดโดยมีเจตนาที่ดีเพื่อให้เกิดผลที่ดี ก็ไม่นะ มีแต่สวดแล้วจะยิ่งได้อานิสงส์มากขึ้นน่ะครับ
     
  5. jasminine

    jasminine เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    5,386
    ค่าพลัง:
    +22,313
    ตกลงทุกคนยืนยันว่าคำพูดนั้นไม่จริง เราก็คิดเหมือนกัน แต่คิดคนเดียวก็เลยไม่มั่นใจ ขอบคุณทุกท่านค่ะ

    อนุโมทนาด้วยกับคุณ ชินบัญชร ค่ะ กว่าดิฉันจะท่องได้อย่างคุณคงต้องใช้เวลาอีกนานเลย :)

    ดิฉันนอนน้อยลงจริงๆด้วยค่ะ (ไม่ได้อดนอนน๊า) ความขี้เซาง่วงหงาวหาวนอนหายไป
    <!-- / message -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มกราคม 2006
  6. aonwit01

    aonwit01 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    681
    ค่าพลัง:
    +1,025
    อา แล้วถ้าสวดมั่วๆ แบบคาถาอะไรไม่รู้ตามใจฉันแบบนี้ได้ไม๊คับ ( คิดถึงสิ่งที่ต้องการด้วย แล้วก็นึกถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ขอให้คุ้มครอง )
     
  7. Mrs.DeWalt

    Mrs.DeWalt เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2006
    โพสต์:
    89
    ค่าพลัง:
    +412
    ป้าก็คิดเหมือนคุณๆเเหละค๋ะ ...ท่อง...ทำ..ไปเถอะค้ะที่ทำให้เราเป็นคนดี นะค่ะ [b-wai] [b-wai] [b-wai]
     
  8. jasminine

    jasminine เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    5,386
    ค่าพลัง:
    +22,313
    อนุโมทนาด้วยคุ่ะ คุณชินบัญชร ท่องได้ก็ดี นึกอยากสวดเวลาใด ที่ไหน ก็ทำได้ทันที แต่ดิฉันยังต้องพึ่งหนังสืออยู่เลย

    เห็นด้วยนะคะ ถ้ามีหลักการจำ เข้าใจในความหมาย ก็ทำให้จำได้ง่ายขึ้น ดิฉันก็ปฎิบัติอยู่เหมือนกัน แต่ว่า ก็ยังท่องไม่ได้ทั้งบท ..แฮะ ๆ ๆ ..คงได้เอง สักวัน

    ตอนนี้ให้ใจอยู่กับบทสวดเวลาสวดก่อน เป็นใช้ได้ .. _/|\_
     
  9. jasminine

    jasminine เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    5,386
    ค่าพลัง:
    +22,313
    "คาถาอะไรไม่รู้ตามใจฉัน" ..แต่งเอง ไม่มีความหมาย แต่ไหว้พระ แล้วท่านจะรับรู้รึเปล่าเนี่ย..กลายเป็นการปรามาสพระนะคะ ไม่่ว่าเจตนาหรือไ่ม่ก็ตาม

    บทสวดแต่ละบท มีคุณค่าและความหมายทั้งนั้นนะคะ เพียงแต่เป็นภาษาบาลี เราไม่รู้คำแปลเองง่ะ

    ขอยกตัวอย่างมาบทนึง

    ไตรสรณคมน์ (คำกล่าวเอาพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง)

    พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
    ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
    สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
    ทุติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
    ทุติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
    ทุติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
    ตะติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
    ตะติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
    ตะติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ

    เป็นพิธีกรรมที่ทรงคุณค่าอีกพิธีหนึ่งเนื้อความว่าด้วยการน้อมรับพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์เป็นสรณะเป็นเครื่องกําจัดทุกข์ได้จริง


    พระพุทธเจ้า ทรงนําทางชีวิตให้เราได้พบกับแสงสว่าง
    พระธรรม ให้เราได้เรียนรู้ ความรัก ความเมตตากรุณา ต่อเพื่อนมนุษย์และปัญญาแห่งการบรรลุ
    ธรรม
    พระสงฆ์ คือผู้ที่มีชีวิตเป็นตัวอย่างให้เราได้เห็นถึงชีวิตที่บรรสานสอดคล้องกับธรรมชาติและปฎิบัติกับเพื่อนมนุษย์ด้วยความรัก ความเมตตากรุณา และด้วยความตื่นอยู่เสมอ


    พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ปรากฎอยู่ทั่วทุกมุมของจักรวาล ในแต่ละตัวบุคคลตลอดจนสรรพสิ่ง การถือเอาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นสรณะ หมายความว่า เรามีความเชื่อมั่นในตัวเองว่า เราจะสามารถเป็นผู้ตื่นได้ โดยเราสามารถปฎิบัติตนได้ตามครรลองของพระอริยมรรคเพื่อตัวเราเองและเพื่อสังคมของเรา

    เพราะบทสวดที่เราได้ยินเป็นบาลีตั้งแต่เด็กๆ มีคุณค่่าแบบนี้น่ะสิจ๊ะ เขาถึงสวดกัน เป็นการนำมาซึ่งสิริมงคลให้กับเราผู้สวด แล้วของคุณ aonwit01 ล่ะ ที่สวดๆน่ะมีความหมายว่าอย่างไรจ๊ะ

    ควรนำหนังสือสวดมนต์มากาง แล้วสวดด้วยศรัทธาให้ได้ตามนั้นดีกว่า.. อย่าลืมสวดขอขมาพระรัตนตรัยด้วยล่ะ เดี๋ยวสติแตกไม่รู้ด้วยนา..

    สวดดี เป็นศรีแ่ก่ตัวจ่ะ แต่ถ้าสวดมั่ว ก็ตัวใครตัวมันล่ะก้าาาาา...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มกราคม 2006
  10. varanyo

    varanyo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    925
    ค่าพลัง:
    +3,373
    ทุกสิ่งทุกอย่าง...ทุกบทสวดมันอยู่ที่จิตใจของเราครับ...
    ถ้าตั้งใจที่จะสวดอย่างมีจิตศรัทธา...ด้วยความเคารพ...ระลึกถึงพระรัตนไตร...มีแต่ได้กับได้ครับ...

    ไม่ใช่ว่าเห็นคนอื่นเขาสวดได้...เราเองก็สวดได้สวดเป็นเหมือนกัน...ก็สวดๆ...ไปอย่างนั้นเอง...แบบนี้ไม่ได้แน่นอนครับ...

    แล้วอีกอย่างนะครับ...ขนาดถ้าสวดอะไรไม่ได้เลย...แต่มีความตั้งใจจริง...มีความศรัทธา...พยายามที่จะสวดตามเขาได้บ้างไม่ได้บ้าง...อย่างนี้ยังได้อานิสงค์เลยครับ...หรืออนุโมทนาบุญกับท่านที่สวดก็ยังได้ครับผม...
     
  11. animejanai

    animejanai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    510
    ค่าพลัง:
    +494
    แก้ไขข้อความ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 9 พฤศจิกายน 2012
  12. UFO99

    UFO99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2005
    โพสต์:
    294
    ค่าพลัง:
    +983
    ที่เคยได้ยินมาน๊ะ บทสวดปาฏิโมกข์ บางคนถึงกับเป็นไข้เลยครับ ลองสวดดูก็ได้น๊ะ สาธุ
     
  13. no123

    no123 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +188
    บทสวดปาฏิโมกข์ สำหรับพระสวดนะครับ ว่าด้วยศีล 227 ข้อ
    เราไม่ช่ายพระอย่าสวดเลยดีกว่า
     
  14. alino

    alino สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2006
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +19
    จะสอนให้ 1คาถา ท่องง่ายมาก ก่อนนอนให้ท่องว่า"ข้าพเจ้า ขอนอบน้อมพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ความดีที่ข้าพเจ้าทำ ขออุทิศให้เทพยดาที่รักษาข้า ญาติในโลกทิพย์ เจ้ากรรมนายเวร ให้ถ้วนทั่ว อย่าแย่งกัน ถ้าข้าตื่นมายังไม่ตาย ข้าก็จะทำดีอุทิศส่วนกุศลให้ถึงแก่เหล่าท่าน ขอให้ท่านมีความสุขแล้วมาทำให้ข้ามีความสุขด้วย รีบๆรับบุญไป อย่ามาโง่ๆงงๆ เดี๋ยวผู้มีฤทธิ์ต่างๆ ที่ไม่ใช่ญาติเหมือนท่านๆ จะเอาไปกินหมด ศีล5ข้อ ข้าขอปฏิญาณกับพระพุทธ ข้าขอปฏิญาณกับพระธรรม และข้าขอปฏิญาณกับพระสงฆ์ว่า อะไรทำได้ก็จะทำ อะไรทำไม่ได้ก็ไม่ทำ เพราะข้าไม่อยากโกหกพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จะได้ไม่ต้องมานั่งขอขมาท่านวันหลัง ขอความเจริญจงมีแด่ข้าและญาติทิพย์ของข้า ขอให้มีความสุขทั่วถึงกัน" (ท่องทุกวัน..ตั้งแต่ตอนตื่น ตอนแปรงฟัน ตอนกินข้าว ได้ทุกเวลา ยิ่งเวลาจะทำเลว ให้ท่องเยอะๆ)
     
  15. จรัล

    จรัล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    295
    ค่าพลัง:
    +406
    บทสวดมนต์บางบทนั้นจำยากและยาว ส่วนมากก็จะมีซ้ำๆกัน ผิดกันตอนวรรคที่ขึ้นต้นบ้างแล้ววรรคต่อๆมาก็เหมือนกันเช่นสัมพุทเธ ส่วนพระปาฏิโมกข์นั้นยาวและจำค่อนข้างยาก แต่ไม่ว่าจะเป็นมนต์บทไหน ยาวอย่างไร จำยากอย่างไร ก็ไม่เหลือวิสัยที่เราจะท่องจำและสวดได้ มันสำคัญอยู่ที่วิธีการท่องเท่านั้น สำหรับบทที่ยาวๆนั้นมันต้องค่อยๆท่องวันละวรรคสองวรรค แล้วก็ทวนไหม่ตั้งแต่วรรคแรกลงไปให้คล่อง พอท่องได้เพิ่มอีกสองวรรคสามวรรคแล้วก็ทวนตั้งแต่วรรคแรกลงไปให้คล่องอีกจนกระทั่งจบ ปาฏิโมกข์ก็เหมือนกันต้องท่องอย่างนี้ บางคนบางองค์เห็นเขาท่องก็อยากจะท่องบ้าง แต่คร่ำเคร่งจะเอาวันเดียวสองวันให้จบเลย ให้ท่องได้คล่องเลย มันก็เครียดมันก็เคร่งมันก็ปวดหัวตัวร้อนฟุ้งซ่านเป็นโน่นเป็นนี่ไปนะซิครับ ค่อยๆท่องครับค่อยท่องวันละวรรคสองวรรค อาการะวัตรตาสูตร 17 วรรคผมท่องแบบสบายๆ ท่องบ้างไม่ท่องบ้าง ไม่กี่วันๆละสองวรรคบ้าง ห้าวรรคบ้าง ตอนนี้สวดคล่องสบายๆไม่ต้องดูหนังสือ
     
  16. Tuumm

    Tuumm เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +7,528
    ศีลกับสมาธิเป็นพื้นฐานทำให้จิตของเราสงบขณะสวดมนต์ ความยาวของพระคาถาก็มีส่วนทำให้เราเสียสมาธิได้เช่นกันครับถ้าเราไม่ค่อยได้สวดมนต์มาก่อน ถ้าไม่เคยสวดมนต์มาบ้างเลย หรือสวดแต่ไม่บ่อย แนะนำให้เริ่มต้นจากบทสั้นๆ ก่อนนะครับ จากนั้นค่อยขยับยาวขึ้นไปเรื่อยๆ สิ่งที่เน้นคือ ความสม่ำเสมอ ควรสวดทุกวันให้เป็นกิจวัตรครับ
     
  17. Falcon_Se

    Falcon_Se เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2008
    โพสต์:
    199
    ค่าพลัง:
    +223
    บางบทไม่ควรสวดเล่นๆ ครับ เช่นอาฏานาฏิยสูตร ซึ่งจะเป็นที่เข้าใจกันว่าเป็นบทไล่ผี โดยอาราธนาบารมีของท้าวมหาราชทั้งสี่เพื่อมาช่วยคุ้มครอง แต่ถ้าเราไม่ได้เป็นอะไรและไม่มีเหตุเภทภัยใดๆ เกิดขึ้น การฝืนสวดต่อเนื่องกันทุกวันจะทำให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดีครับ เพราะจะมีทั้งเทวดาและวิญญาณแถวนั้นเข้ามาลองวิชาว่าไอ้คนที่สวดน่ะ มันเก่งจริงรึเปล่า มันมีของดีรึเปล่า ..ที่วัดที่ผมเคยไปบวช มีเรื่องเล่าว่ามีพระที่ไม่รู้ เห็นว่าบทนี้เป็นบทที่อัญเชิญบารมีท้าวมหาราชทั้งสี่มาเพื่อคุ้มครองและขับไล่สิ่งที่ไม่ดีออกไป ท่านเล่นสวดทุกวันเลย คราวนี้เจอดีครับ เพราะท่านไม่ได้ฝึกนั่งกรรมฐานและเจริญเมตตาเป็นปกติด้วย (เป็นพระบวชใหม่) ท่านเกิดอาการเจ็บป่วยขึ้น โดยรู้สึกว่าที่เป็นน่ะไม่ปกติแล้ว จึงขอขมา และหยุดสวดจึงหายจากอาการดังกล่าว จึงอยากเรียนให้ทราบว่าบางบทนั้นไม่เหมาะกับคนธรรมดาๆ ที่จะสวด แต่เหมาะกับผู้ทรงฌาน บางบทจะใช้สวดเฉพาะเวลาที่เกิดสิ่งไม่ดีขึ้นเท่านั้น ไม่ได้ใช้สวดพร่ำเพรื่อ อยากให้ลองศึกษาที่มาของแต่ละบทก่อนแล้วค่อยสวดครับ สำหรับพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ พาหุงมหากาฯ สวดได้หมด ส่วนบทแผ่เมตตานั้นก็สวดได้หมดครับ ยิ่งสวดยิ่งดี ยิ่งมีคนรัก อยากให้เจริญพรหมวิหาร และเจริญเมตตาภาวนาเยอะๆ จะดีกว่าสวดเพื่อขอพรครับ :)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 สิงหาคม 2008
  18. Falcon_Se

    Falcon_Se เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2008
    โพสต์:
    199
    ค่าพลัง:
    +223
    บทนี้คนที่ไม่ใช่พระใครเขาสวดกันครับ จริงๆ แล้วเป็นการร่ายพระวินัยของพระออกมาให้พระทั้งหมดฟัง เพื่อที่จะได้เป็นเครื่องระลึกถึงและปฏิบัติตามพระธรรมวินัย โดยการสวดพระปฏิโมกข์จะกระทำทุกๆ กึ่งเดือนในโบสถ์ ก่อนสวดจะมีการนับจำนวนสงฆ์ด้วยว่ามีกี่รูป พระที่จะสวดบทนี้ได้ต้องเป็นพระที่ความจำดีมาก เพราะพระปาฏิโมกข์นั้นเป็นคาถาที่มีความยาวมากๆ ..ตอนผมบวช หลวงตาที่สวดให้พระรูปอื่นฟัง ขนาดสวดเร็วแบบติดเทอร์โบ (เร็วมากจริงๆ ครับ จนผมกลัวว่าท่านจะเป็นลมไปซะก่อน) ยังใช้เวลาไม่ต่ำกว่าครึ่งชั่วโมง ลองหาพระปาฏิโมกข์มาดูก็ได้ว่ายาวขนาดไหน หนาเป็นปึกเลยครับ สรุปก็คือพระปาฏิโมกข์เป็นพระวินัยของพระ ฆราวาสไม่ต้องสวดครับ ยกเว้นไว้กรณีหนึ่งคือผู้สวดอยากจะบวชและอยากจะเป็นผู้สืบทอดจดจำพระวินัยแห่งองค์พระศาสดา จึงต้องการสวดเตรียมไว้ใช้เมื่อเป็นพระในอนาคตครับ

    ปล. ผมเดาเอาว่าคนที่สวดแล้วเป็นไข้นี่คงสวดนานจนเจ็บคอเป็นทอลซินอักเสบไปหลังจากสวดแน่เลย ^^"
     
  19. pucca2101

    pucca2101 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    5,805
    ค่าพลัง:
    +20,896
    บทสวดปาฎิโมกข์ บทนี้ฆราวาสไม่สวดกันนะคะ เท่าที่ได้รับฟังจากพระสงฆ์มา ท่านว่าแม้แต่ตอนที่พระสงฆ์สวดปาฎิโมกข์กัน หากแม้นว่ามี ฆราวาสเข้ามาอยู่แถวนั้นและได้ยินบทสวด จะต้องเริ่มสวดใหม่กันเลยค่ะ

    ส่วนคาถาบทอื่น ๆ เท่าที่ได้สวดมายังไม่เคยทราบหรือได้ยินเรื่องทำให้สติแตกนะคะ แต่จะมีผลข้างเคียงอย่างอื่นเกิดขึ้นได้บ้าง เช่น

    บางคาถาที่เป็นบทที่แรงและร้อน ถ้าสวดมากๆๆ ทุกๆๆ วัน ที่เคยเห็นนะคะ ตัวจะร้อน ผิวจะแดงก่ำ หน้าเป็นแผลเหมือนแผลพุพองที่แตกแล้วแต่ไม่ใหญ่ ไม่ปวดแสบปวดร้อนนะคะ

    วิธีแก้ ต้องใช้คาถาบทที่เย็นมาสวดแทน ถ้าใช้เพ่งกสินน้ำมาช่วยด้วยจะหายเร็วยิ่งขึ้นค่ะ
     
  20. Falcon_Se

    Falcon_Se เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2008
    โพสต์:
    199
    ค่าพลัง:
    +223
    ขอนอกเรื่องจากหัวข้อกระทู้นี้หน่อยนะครับ ..สำหรับชายไทยที่อายุครบบวช อยากให้ได้บวชกันจริงๆ ครับ เพราะจะทำให้เราได้รู้ได้เห็นอะไรดีๆ มากมาย เมื่อสึกออกมาแล้วก็จะไม่เกิดความอยากที่จะไปวิจารณ์พระภิกษุที่ประพฤติตนไม่เหมาะสมอีกต่อไป เพราะว่าเราเคยผ่านจุดนั้นมาแล้วและได้รู้แล้วว่าเป็นการยากจริงๆ สำหรับสมมติสงฆ์ที่จะทำตนให้อยู่ในศีล 227 ข้อตลอดเวลา ทุกๆ วัน ดังนั้นถึงต้องมีการปลงอาบัติกันทุกวันไงครับ

    นอกจากนี้ระยะเวลาในการบวชนั้นก็สำคัญ ผมคิดว่าการบวชไม่ถึง 1 เดือน ผู้บวชแทบจะไม่ได้อะไรเลย ควรบวชให้ได้อย่างน้อย 1 เดือนขึ้นไป และที่สำคัญ ผมอยากให้คนที่คิดจะบวชทุกคนได้ผ่านการไปฟังการสวดพระปาฏิโมกข์ ..เพราะผมคิดว่าพระที่บวชแล้วไม่เคยผ่านการฟังพระปาฏิโมกข์ในโบสถ์นั้นออกจะแปลกๆ อยู่ ผมอธิบายถึงตอนที่ฟังสวดพระปาฏิโมกข์ไม่ถูกว่าเป็นยังไง แต่เป็นประสบการณ์ที่ดีมากๆ ในช่วงชีวิตหนึ่ง อยากให้ได้เข้าไปฟังกันทุกคนจริงๆ ครับ เมื่อผ่านตรงนี้แล้วก็จะรู้เองว่าทำไมผมจึงอยากให้ท่านเข้าร่วม และเชื่อว่าท่านก็จะเกิดความรู้สึกเดียวกับผมเช่นกัน
     

แชร์หน้านี้

Loading...