เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๖๗

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 29 มีนาคม 2024.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,800
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,564
    ค่าพลัง:
    +26,403
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๖๗


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,800
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,564
    ค่าพลัง:
    +26,403
    วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๒๙ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ ช่วงเช้า กระผม/อาตมภาพไปร่วมพิธีเปิดการอบรมพัฒนาศักยภาพไวยาวัจกร ในเขตปกครองคณะสงฆ์อำเภอท่ามะกา

    เรื่องของไวยาวัจกรนั้นต้องบอกว่า ถ้าไม่มีการชี้แจงกันให้ชัดเจนก็มักจะเข้าใจผิด เพราะว่าไวยาวัจกรส่วนหนึ่งมาทำตัวเป็นพ่อเจ้าอาวาส..! ก็คือควบคุมทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการงาน หรือว่าการรับคนเข้า ไล่คนออกอะไรก็ตาม หลายคนก็ดำเนินการแทนเจ้าอาวาสไปเลย เพราะคิดว่าตัวเองมีอำนาจอยู่ในมือ

    อันดับแรก เราต้องเข้าใจก่อนว่าไวยาวัจกรนั้นคือใคร กฎหมายระบุเอาไว้ว่าเป็นชายไทย อายุไม่ต่ำว่า ๒๕ ปี นับถือศาสนาพุทธ มีเวลาว่าง อาจช่วยงานของเจ้าอาวาสได้ แปลว่าไวยาวัจกรไม่มีผู้หญิง เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพื่อเป็นการป้องกันเจ้าอาวาส ไม่ให้ใกล้ชิดกับผู้หญิงอย่างหนึ่ง ป้องกันคำครหานินทาอีกอย่างหนึ่ง

    ไวยาวัจกรนั้นจัดว่าเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย เพราะว่าพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พุทธศักราช ๒๕๐๕ แก้ไขเพิ่มเติม ๒๕๓๕ มาตราที่ ๔๐ ระบุเอาไว้ชัดเจนว่า
    ไวยาวัจกรเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย ถ้าดูในประมวลกฎหมายอาญา ก็จะระบุความเป็นเจ้าพนักงานไว้ โดยใช้คำว่า "ตามกฎหมายนี้หรือกฎหมายอื่น" คำว่ากฎหมายอื่นก็คือพระราชบัญญัติคณะสงฆ์นี่เอง

    คราวนี้การเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมายก็ต้องโดนควบคุมโดยกฎหมาย เพราะว่าถ้าหากว่าไม่ทำตามหน้าที่ ถือว่าเป็นเจ้าพนักงานไม่ปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ถ้าหากว่ามีการทุจริต โทษทัณฑ์จะหนักกว่าคนปกติเท่าตัวหนึ่งเป็นอย่างน้อย อย่างเช่นว่าถ้าคนปกติทำผิด โดนลงโทษ ปรับ ๑,๐๐๐ บาท จำคุก ๓ เดือน เจ้าพนักงานจะโดนปรับ ๒,๐๐๐ บาท จำคุก ๖ เดือน แปลว่าไวยาวัจกรนั้นยื่นขาข้างหนึ่งเข้าไปในคุกแล้ว..!

    ส่วนใหญ่ที่เขาให้มีไวยาวัจกร เพื่อไปทำหน้าที่แทนเจ้าอาวาส ในส่วนที่พระภิกษุสงฆ์ไปทำแล้วไม่งาม อย่างเช่นว่าเก็บค่าเช่าที่ดิน เก็บค่าเช่าอาคารพาณิชย์ในพื้นที่ของวัด หรือว่าจัดสรรผลประโยชน์จากร้านค้าต่าง ๆ ที่มาตั้งในที่จัดประโยชน์ของวัด ตลอดจนกระทั่งมีคดีความอะไร เจ้าอาวาสก็จะระบุให้ไปช่วยให้ปากคำ หรือว่าขึ้นศาลแทนเจ้าอาวาส..!
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,800
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,564
    ค่าพลัง:
    +26,403
    คราวนี้ส่วนที่เข้าใจผิดกันมากที่สุด แล้วส่วนใหญ่ก็แกล้งโง่ด้วย ก็คือไวยาวัจกรนั้น แต่งตั้งโดยเจ้าอาวาสตามความในมาตราที่ ๓๘ ในพระราชบัญญัติคณะสงฆ์พุทธศักราช ๒๕๐๕ แก้ไขเพิ่มเติม พุทธศักราช ๒๕๓๕

    ถ้าถามว่าพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ที่ได้รับการแก้ไขไปใหม่ ๆ สด ๆ ร้อน ๆ ก็มี ทำไมถึงไปอ้างฉบับแก้ไข ๒๕๓๕ ? ก็เพราะว่าการแก้ไขในระยะหลังนั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องราวของไวยาวัจกร เป็นแค่การแก้ไขว่าสมเด็จพระสังฆราช ที่ต้องคัดเลือกจากสมเด็จพระราชาคณะผู้มีอาวุโสพรรษาสูงสุด เป็นผู้มีอาวุโสโดยสมณศักดิ์สูงสุด แล้วก็มาแก้ไขอีกทีว่า ให้เป็นไปโดยพระราชอัธยาศัย ในเมื่อแก้แล้วแก้อีก แต่ไม่มีความอะไรที่ไประบุเปลี่ยนแปลงข้อกฎหมายเก่า จึงต้องอ้างฉบับแก้ไขล่าสุดที่เกี่ยวข้องด้วย คือฉบับแก้ไขปี ๒๕๓๕

    คราวนี้เมื่อเจ้าอาวาสแต่งตั้ง ไม่ว่าจะเป็นไวยาวัจกรหรือว่ากรรมการวัด ก็แปลว่าเจ้าอาวาสมีสิทธิ์ที่จะปลดออกได้อย่างหนึ่ง พ้นตำแหน่งเพราะทุพพลภาพหรือเสียชีวิตอีกอย่างหนึ่ง ตลอดจนกระทั่งผู้แต่งตั้งคือเจ้าอาวาสมรณภาพอีกอย่างหนึ่ง ก็แปลว่าอย่างน้อย ๆ ก็มาพร้อมเจ้าอาวาส ไปพร้อมเจ้าอาวาส

    แต่ไวยาวัจกรบางท่าน กูคุมเจ้าอาวาสมาแล้ว ๔ เจ้าอาวาสอย่างน้อย เพราะเข้าใจผิด ไปคิดว่าตัวเองมีอำนาจ ดังนั้น..ใครที่เป็นเจ้าอาวาสต้องชี้แจงให้ชัดเจน ว่า
    "ทันทีที่อาตมภาพเป็นเจ้าอาวาสใหม่ พวกคุณไวยาวัจกรและกรรมการวัดชุดเก่า ก็หมดสภาพไปโดยปริยาย จนกว่าอาตมภาพจะแต่งตั้งให้ใหม่"

    อีกประเภทหนึ่งก็มักจะเป็นผู้ปกครองในท้องถิ่น อย่างเช่นว่ากำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นายก อบต. นายกเทศมนตรี มักจะอาศัยวัดเป็นฐานเสียงของตนเอง ก็เลยยัดเยียดตัวเองเข้ามาทำหน้าที่แทน แล้วส่วนใหญ่ก็จะมาคุมในเรื่องการเงิน ร้อยละ ๙๐ เมื่อวัดรับเงินผ้าป่า - กฐินมา คนทั้งหลายเหล่านี้ก็เอาไปใช้แทน ปล่อยกู้บ้าง อมไปเฉย ๆ บ้าง ถ้าไปทวง ก็ถามว่า "อยากได้คืนเป็นลูกปืนไหม..?!"

    ในเมื่อเรื่องทั้งหลายเหล่านี้สับสนวุ่นวายมาก จึงต้องมีการอบรม เพิ่มความรู้ ให้ตระหนักในหน้าที่ของตนเอง ว่าอันดับแรกเลย ไวยาวัจกรและกรรมการวัด จะมีมาได้ด้วยการแต่งตั้งของเจ้าอาวาสเท่านั้น ถ้าตั้งแล้วปล่อยให้อยู่เฉย ๆ ก็จงอยู่เฉย ๆ อย่าได้ยุ่งในเรื่องที่เจ้าอาวาสไม่ได้สั่ง เพราะว่าคุณกำลังละเมิดอำนาจของเจ้าพนักงานตามกฎหมาย ก็คือเจ้าอาวาส หลายต่อหลายที่ก็เข้าใจว่าตนเองมีอำนาจเหนือเจ้าอาวาส เมื่อไม่พอใจก็ระดมมวลชนมากดดัน ไล่เจ้าอาวาสบ้าง ปลดเจ้าอาวาสบ้าง ถ้าเป็นกระผม/อาตมภาพ "กูจะรีบไปเลย เพราะทันทีที่กูพ้นตำแหน่ง พวกมึงก็พ้นไปด้วย..!"
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,800
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,564
    ค่าพลัง:
    +26,403
    ส่วนอีกเรื่องหนึ่งก็คือ ช่วงบ่ายมีการประชุมพระสังฆาธิการในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค ๑๔ โดยมีพระเดชพระคุณพระธรรมวชิรานุวัตร, ดร. (แย้ม กิตฺตินฺธโร) เจ้าคณะภาค ๑๔ หรือหลวงพ่อเจ้าคุณแย้มเป็นประธาน ก็มีเรื่องวุ่นวายในวงการคณะสงฆ์ ซึ่งระยะนี้มีหลายเรื่องด้วยกัน

    ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่บางคน พอทางรัฐสภาผ่านกฎหมายเกี่ยวกับการสมรสเท่าเทียมขึ้นมา แล้วมีคนคัดค้าน น่าจะไม่ถูกใจตนเอง ก็เลยไปกล่าวว่าไม่มีสิทธิ์ที่จะคัดค้าน พอ ๆ กับการที่ห้ามขายแอลกอฮอล์ในวัด แล้วไม่มีสิทธิ์ที่จะคัดค้าน เพราะว่าเป็นกฎหมาย ก็คืออยู่ ๆ ก็หาเรื่องให้วัดเดือดร้อน ดีเหมือนกัน

    อีกเรื่องหนึ่งก็โยมใส่บาตรช้า หลวงตาโมโหหิวหรือเปล่าก็ไม่รู้ ? เอาฝาบาตรโขกหัวโยมจนแตก..! ถ้าลักษณะอย่างนั้น จริง ๆ แล้วพระอุปัชฌาย์สามารถพิจารณาจับสึกได้ เพราะถือว่าเป็นผู้ที่ดุร้าย ไม่อยู่ในสมณสารูป

    เรื่องนี้ท่านทั้งหลายต้องระมัดระวังตัวให้มากที่สุด เพราะว่าความเคยชินที่ชาวบ้านเขาให้ความเคารพ แล้วอย่าไปคิดว่าเราเป็นนายชาวบ้านเขา เจ้าอาวาสหลายต่อหลายรายเรียกร้อง ชาวบ้านต้องถวายอาหารอย่างนั้น ถวายปัจจัยเท่านี้ นั่นไม่ใช่นักบวชของพระพุทธเจ้า..! เพราะว่าทำตามกิเลสตนเอง ไม่ได้คิดจะขัดเกลาตนเอง ไปเห็นว่าตนเองเป็นนายชาวบ้าน ทั้ง ๆ ที่ถ้าชาวบ้านไม่ใส่บาตรให้กิน ก็หมดสภาพแล้ว

    อีกพวกหนึ่งที่ไปวางมวยกันในงานเจริญพระพุทธมนต์ เรื่องอยู่ทางปักษ์ใต้ แต่เดือดร้อนถึงทองผาภูมิ เพราะว่ามีรายหนึ่ง ตรวจสอบแล้ว ต้นสังกัดในหนังสือสุทธิอยู่ที่ทองผาภูมิ แต่กลับไม่สามารถที่จะตรวจสอบอะไรได้เลย เนื่องเพราะว่าบวชมาจะ ๒๐ พรรษาอยู่แล้ว แม้กระทั่งพระอุปัชฌาย์ก็คงลืมไปแล้วว่าเคยบวชบุคคลผู้นี้ไว้..!

    เรื่องนี้ทางคณะสงฆ์ ไม่ว่าจะเป็นพระอุปัชฌาย์หรือเจ้าคณะตำบลที่ยังไม่ได้เป็นพระอุปัชฌาย์จะต้องรับผิดชอบ รับผิดชอบตรงไหน ? รับผิดชอบในการเก็บข้อมูลพระภิกษุสามเณรภายในวัดของตน ไม่ว่าจะเป็นพระเก่า พระใหม่ โยกย้ายไปที่ไหนก็ตาม โปรดติดตามด้วยว่าไปทำอะไรที่ไหนบ้าง สมัยหลวงปู่สายยังเป็นเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน พระที่ท่านบวชให้ ไปทำไม่ดีที่จังหวัดอ่างทอง ท่านตามไปจับสึกถึงที่โน่นเลย..! เพราะถือว่าท่านเป็นพระอุปัชฌาย์ ต้องรับผิดชอบ
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,800
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,564
    ค่าพลัง:
    +26,403
    ตอนแรก ๆ เลขาฯ พัฒน์ (พระพัฒน์ ฐิตาจาโร) เลขานุการเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน ก็ยังสงสัยว่าทำไมกระผม/อาตมภาพเก็บข้อมูลของพระเก่า ๆ ที่ย้ายไปเป็นเจ้าอาวาสที่อื่นบ้าง โยกย้ายไปอยู่วัดอื่นบ้างเอาไว้ทั้งหมดเลย ก็เพื่อว่าถึงเวลา เราจะได้ตรวจสอบได้ว่าบุคคลนี้มาจากไหน ? ไปอยู่ที่ไหน ? ต่อให้ระยะหลัง ๆ ตรวจสอบไม่ได้ เราก็ต้องมีข้อมูลล่าสุดว่าท่านไปอยู่ที่ไหน ? สำหรับบัญชีนี้ของกระผม/อาตมภาพ สามารถตรวจย้อนหลังไปได้ถึงปี ๒๕๔๖ ก็คือปีที่มาเป็นรองเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน

    เรื่องพวกนี้ถ้าหากว่าเรามีข้อมูลอยู่ ถึงเวลาใครเขาสอบถามมาก็จะตอบได้เลย ไม่ใช่ถามไปที่เจ้าอาวาสก็ไม่รู้ ถามไปที่พระอุปัชฌาย์ยิ่งไม่รู้ใหญ่เลย บวชมาตั้ง ๑๗ ปีแล้ว ใครจะไปจดจำ อย่าลืมว่าพระอุปัชฌาย์ต้องส่งรายงาน คือบัญชีสัทธิวิหาริก ไม่ว่าจะพระภิกษุหรือสามเณรที่ตนเองบวชทุกปี ข้อมูลเหล่านี้ต้องมีอยู่ เพียงแต่ท่านไม่เก็บเท่านั้นเอง น่าจะต้องพิจารณาลงโทษพระอุปัชฌาย์เสียหน่อย..!

    อีกเรื่องหนึ่ง อย่าให้เกิดขึ้นในวัดเราเป็นอันขาด ก็คือเรื่องผิดกฎหมาย พระรูปนี้ติดต่อซื้อบริการจากผู้ชายด้วยกัน ปรากฏว่าใช้รูปตอนเป็นฆราวาส เมื่อมาเจอหน้า เขาเห็นว่าเป็นพระ เขาก็ถอยหลัง แต่ตัวเองไปลากเขาขึ้นรถ อีกฝ่ายก็เลยดึงพวงมาลัยจนกระทั่งเกิดอุบัติเหตุแล้วต้องมาสอบสวนกัน ความซวยมาเยือนตรงที่ว่า พอค้นรถท่านแล้วเจอยาไอซ์ด้วย โดนจับสึกไปเรียบร้อยแล้ว..!

    แต่ที่บอบช้ำคือพระพุทธศาสนา เพราะว่ามักจะมีคนจำนวนมากที่เกิดมาทั้งชาติก็ไม่เคยทำบุญ แต่พอถึงเวลาเกิดเรื่องเหล่านี้ขึ้นมา ก็ไปคอมเม้นท์ทันทีว่า "เพราะเหตุนี้แหละที่กูไม่ทำบุญ" ถ้าอยู่ใกล้ ๆ น่า "โบก" ให้คว่ำ..! ทำเหมือนกับตัวเองดีเลิศประเสริฐศรี ไม่เคยทำชั่วอะไรเลย มีหน้าที่วิพากษ์วิจารณ์คนอื่นเท่านั้น

    อย่าลืมว่าพระภิกษุสามเณรของเราอยู่ในสายตาชาวบ้านเสมอ จะทำอะไรต้องระมัดระวังเป็นอย่างสูง วัดเราเป็นแหล่งเที่ยวอยู่แล้ว อย่าเอา "ทัวร์" มาลง ให้เป็นไปเองโดยธรรมชาติ ถ้าเรารู้จักระมัดระวัง รักษาสิกขาบทให้ดี ไม่ละเมิดกฎหมาย ต่อให้ไม่ได้เป็นพระอริยเจ้า ไม่มีความสามารถพิเศษอะไร คนเขาก็เคารพนับถือแล้ว แต่ถ้าหากว่าเราไปทำในสิ่งที่ไม่ดีไม่งามในสายตาชาวบ้านเขา ต่อให้มีโทษเล็กน้อยก็ลำบาก อย่างเช่นว่าการกินข้าวเย็น หลายที่เขาถือว่าเป็นอาบัติที่ปลงได้ เขาก็หน้าด้านกินกันไป แต่ชาวบ้านเรา ถ้าเห็นพระกินข้าวเย็น ก็คือกูไม่คบเลย..!

    พวกเราจึงต้องระมัดระวังตัวเองเป็นอย่างสูง อย่าทำอะไรให้ชาวบ้านเขาผิดหูผิดตา ท่านทำความดีเป็นร้อยครั้ง เขาจะชมสักครั้งก็ยาก เพราะถือว่าท่านเป็นพระเป็นเณร ต้องทำอย่างนั้นอยู่แล้ว แต่ถ้าทำผิดสักครั้งเดียว โดนด่ายันลูกบวชหลานบวช..! ดีไม่ดีถ้าเขาอายุยืน ก็อาจจะด่าเราไปสักสามชั่วคน..! แล้วส่วนที่เสียหายที่สุดก็คือครูบาอาจารย์ วัดวาอาราม และพระพุทธศาสนา

    สำหรับวันนี้ก็รบกวนเวลาพวกเรามากพอแล้ว จึงขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันศุกร์ที่ ๒๙ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...