ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,820
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สุดสะเทือนใจ! ภาพป่าไม้ที่เชียงใหม่ ถูกเผา-ทำลายเหี้ยน เหลือแต่ตอ
    .
    กรมป่าไม้เผยภาพ ป่าไม้ในในเชียงใหม่ ถูกเผา-ตัด-ทำลายเหี้ยน เหลือแต่ตอ ระบุเกิดจากการกระทำของมนุษย์เพียงบางคน
    .
    อ่านต่อ>>https://mgronline.com/travel/detail...5tAkaBjD_FwAQr9Ea4636zEu7GQGoGrBJcmBeTikaMNnE
    #mgronline #ป่าไม้ที่เชียงใหม่ #ถูกเผา #ทำลาย #เหลือแต่ตอ

     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,820
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ทำไมประเทศไทยถึงต้องอิงราคาน้ำมันดิบสิงคโปร์
    และ Hin Leong ล้มละลาย กระทบตลาดน้ำมันหรือไม่?
    .
    ตลอดทั้งสัปดาห์นี้นับว่าเป็นสัปดาห์แห่งความผันผวนอย่างยิ่งในตลาดการซื้อขายน้ำมันดิบของโลก เพราะมีการปรับรถราคากันกระหน่ำ รวมทั้งข่าวช็อกวงการน้ำมันกับการล้มละลายของบริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ในสิงคโปร์ ซึ่งนับเป็นข่าวที่นักลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงานต่างเฝ้าจับตากันทุกคืน เพราะไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรเซอร์ไพรส์ตลาดขึ้นมาอีก
    .
    แต่ข่าวการซื้อขายน้ำมันดิบที่เล่นเอาคนตกอกตกใจกันทั้งโลกก็คงหนีไม่พ้นเรื่องสัญญาซื้อขายน้ำมันดิบ WTI เดือนพฤษภาคม (MAY20) ที่ดิ่งลงไปทะลุจุดต่ำสุดกว่า 0 เหรียญเรียกได้ว่า ดั้มราคาขายก็แทบจะไม่มีใครซื้อ จนต้องขายแถมเงินอีก 32 เหรียญอีกด้วยในวันสุดท้ายก่อนสิ้นสุดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า เพราะไม่มีใครต้องการน้ำมันอีกแล้ว เนื่องจากน้ำมันล้นคลังผู้ซื้อในสหรัฐเก็บจนไม่มีที่จะเก็บแล้ว ส่งผลให้หุ้นในกลุ่มพลังงานของสหรัฐดิ่งหนัก ฉุดให้ตลาดหุ้นดาวน์โจน ร่วงลงไปกว่า 500 จุดเลยทีเดียว
    .
    แต่ถึงกระนั้นก็เถอะ ตลาดน้ำมันดิบอื่นๆ กลับไม่ได้รับผลกระทบทั้ง Brent และ Dubai ราคาน้ำมันดิบก็ยังปกติ ไม่ผันผวนมากแบบ WTI ซึ่งตรงนี้แหละที่มันส่งผลต่อตลาดน้ำมันขายปลีกหน้าปั้มในประเทศไทย ว่าทำไมถึงไม่ได้ร่วงลงตาม เพราะเราไม่ได้ซื้อน้ำมันดิบจาก WTI แต่เราซื้อน้ำมันสำเร็จรูปจาก SIMEX แทน
    .
    SIMEX หรือ Singapore International Monetary Exchange ตลาดน้ำมันสำเร็จรูปที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก ในประเทศสิงคโปร์ ซึ่งบนโลกนี้มีตลาดค้าน้ำมัน 2 แบบคือ น้ำมันดิบ และน้ำมันสำเร็จรูป โดยน้ำมันแต่ละประเทศ จะมีตลาดการซื้อขายที่ใหญ่และสำคัญอยู่ 3 แห่ง
    .
    ตลาดซื้อขายน้ำมันดิบ (เรียกตามแหล่งผลิต)
    - West Texas Intermediate : WTI สหรัฐอเมริกา
    - Brent : ทะเลเหนือ แถบประเทศอังกฤษและสแกนดิเนเวีย
    - Dubai : ใต้ทะเลทรายในภูมิภาคตะวันออกกลาง
    .
    ตลาดซื้อขายน้ำมันสำเร็จรูป
    - New York Mercantile Exchange : NYMEX ในทวีปอเมริกา นิยมซื้อขายจากแหล่งน้ำมันดิบ WTI
    - Inter Continental Exchange : ICE นิยมซื้อขายจากแหล่งน้ำมันดิบ Brent ในทวีปยุโรป
    - Singapore International Monetary Exchange : SIMEX ในสิงคโปร์
    .
    ซึ่งแน่นอนว่าประเทศไทยก็คงจะไม่ไปอ้างอิงราคาจากอเมริกาหรือยุโรปแน่ๆ เพราะตลาดน้ำมันที่ซื้อขายกันในเอเชียก็อยู่ที่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างสิงคโปร์ แต่ต้องเข้าใจก่อนว่า สิงคโปร์ไม่ใช่ผู้กำหนดราคาซื้อขายน้ำมัน แม้จะเป็นตลาดซื้อขายน้ำในสำเร็จรูปก็ตาม รัฐบาล หรือโรงกลั่นของประเทศสิงคโปร์ ไม่ใช่ผู้กำหนดราคา แต่เป็นราคาซื้อขายน้ำมันระหว่างผู้ค้าน้ำมันมากกว่า 300 รายในภูมิภาคเอเชีย ที่ตกลงกันผ่านตลาดกลางที่ประเทศสิงคโปร์เป็นปริมาณมหาศาล
    .
    ทำไมประเทศไทยต้องอิงราคาน้ำมันจากสิงคโปร์?
    .
    เรื่องนี้ทางสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กระทรวงพลังงาน เคยให้ข้อมูลไว้เป็นข้อๆ เพราะว่าราคาจากสิงคโปร์ คือราคาที่สะท้อนถึงการซื้อ - ขาย ของทุกประเทศ ในภูมิภาคนี้
    .
    1. สะท้อนต้นทุนการนำเข้าของไทยในระดับต่ำสุด ตลาดสิงคโปร์เป็นตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุด ในภูมิภาคเอเซีย ซึ่งใกล้ไทยมากที่สุด ดังนั้น ต้นทุนในการนำเข้า จึงเป็นต้นทุนที่ถูกที่สุดที่โรงกลั่นไทยต้องแข่งขันด้วย
    .
    2. ปริมาณการซื้อ-ขาย สูง ซึ่ง สิงคโปร์ จะเป็นตลาดที่ซื้อขายน้ำมันเช่นเดียวกับนิวยอร์ค (NYMEX) โดยน้ำมันที่ทำการซื้อขาย อาจไม่ได้เก็บไว้ในสิงคโปร์ แต่จะมีการตกลงซื้อขายในสิงคโปร์ เนื่องจากจะมีบริษัทที่ทำธุรกิจซื้อขายน้ำมัน มาเปิดดำเนินการในสิงคโปร์ ปริมาณการซื้อขายน้ำมันในสิงคโปร์ จะอยู่ในระดับสูงเช่นเดียวกับตลาดใหญ่ ในพื้นที่อื่น (ยุโรป อเมริกา ตะวันออกกลาง) ซึ่งทำให้ยากต่อการปั่นราคา โดยผู้ซื้อหรือผู้ขาย และราคาจะสะท้อน จากความสามารถในการจัดหา และความต้องการน้ำมันของภูมิภาคนี้
    .
    3. ราคาสะท้อนความสามารถในการจัดหา และความต้องการของเอเซีย แม้สิงคโปร์จะมีกำลังการกลั่นรวมอยู่ที่ 1.5 ล้านบาเรลต่อวัน ซึ่งยังเป็นระดับที่ต่ำกว่า จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ แต่การกลั่นของสิงคโปร์ เป็นการกลั่นเพื่อส่งออก ในขณะที่ประเทศที่มีกำลังกลั่น มากกว่าสิงคโปร์ดังกล่าว เป็นการกลั่นเพื่อใช้ในประเทศเป็นหลัก เมื่อเหลือแล้วจึงส่งออก จากการกลั่นเพื่อส่งออกเป็นหลัก ทำให้ราคาจำหน่ายของตลาดสิงคโปร์ จะสะท้อนราคาส่งออกที่แท้จริง ซึ่งจะสะท้อนความสามารถในการจัดหา และสภาพความต้องการนำน้ำมันสำเร็จรูป ของภูมิภาคเอเชีย
    .
    4. ราคาน้ำมันสำเร็จรูปในตลาดจรสิงคโปร์ เป็นฐานกำหนดราคาส่งออกของประเทศต่างๆ แม้ว่าการส่งออกของสิงคโปร์จะเริ่มลดลง เพราะมีกำลังกลั่นเพิ่มขึ้นในหลายประเทศ แต่ราคาที่ส่งออกของประเทศต่างๆ ยังคงใช้ราคาน้ำมันของตลาดสิงคโปร์ เป็นฐานในการกำหนดราคาส่งออก และการซื้อขายเพื่อส่งออกจากประเทศต่างๆ ยังทำการซื้อขายที่สิงคโปร์เป็นหลัก
    .
    5. ราคาน้ำมันสำเร็จรูปตลาดสิงคโปร์ เปลี่ยนแปลงสอดคล้องกับตลาดอื่นๆ ทั่วโลก สพช. ได้ศึกษาการเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันในตลาดต่างๆ ได้แก่ ตลาดตะวันออกกลาง ตลาดยุโรป ตลาดอเมริกา และตลาดจรสิงคโปร์พบว่า ราคาน้ำมันสำเร็จรูปทุกตลาดต่างปรับตัวเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกัน และในระดับที่ใกล้เคียงกัน อาจมีบางช่วงที่ราคา ของบางตลาดเปลี่ยนแปลงในทิศทาง หรือระดับที่แตกต่างกับตลาดอื่นๆ ซึ่งเป็นเพราะภาวะที่ความต้องการ และปริมาณน้ำมันในตลาด ไม่มีความสมดุลในช่วงเวลานั้นๆ แต่ต่อมาราคาที่แตกต่างจากตลาดอื่นมาก จะทำให้เกิดการไหลเข้า / หรือออกของน้ำมันจากตลาดอื่น จนทำให้ระดับของราคาตลาดสิงคโปร์นั้น ปรับตัวสู่ภาวะสมดุลกับตลาดอื่น ทั้งนี้ เนื่องจากน้ำมันสำเร็จรูปที่จำหน่ายในทุกตลาด เป็นสินค้าภายใต้ระบบการค้าเสรี และเป็นสากล
    .
    6. ราคาน้ำมันสำเร็จรูปในตลาดสิงคโปร์ ผันผวนน้อยกว่าตลาดอื่นๆ จากการสังเกตความเคลื่อนไหว ของราคาน้ำมันสำเร็จรูปในตลาดต่างๆ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาพบว่า ราคาน้ำมันสำเร็จรูปในตลาดจรสิงคโปร์ มีความผันผวนน้อยกว่าตลาดอื่นๆ และการปรับตัวของราคาน้ำมันสำเร็จรูปในตลาดจรสิงคโปร์ ในช่วงที่มีความแตกต่างจากตลาดอื่นมาก ตลาดสิงคโปร์จะใช้เวลาในการปรับตัวสู่สมดุลในเวลาประมาณ 1-3 วัน ก็จะเสถียร ซึ่งราคาไม่ค่อยแกว่งเหมือนตลาดอื่นๆ
    .
    **ทำไมไทยไม่อิงจากราคาน้ำมันในตลาดอื่นๆ หรือตลาดโลก?
    .
    ถ้าตอบแบบง่ายๆ ก็คือ ในเมื่อตลาดกลางมันอยู่สิงคโปร์ ซึ่งใกล้แค่ปลายจมูก จะไปอิงตลาดอื่นทำไมให้เสียเรทที่แพงขึ้น อีกทั้งทุกประเทศในเอเชียก็อิงราคาตลาดสิงคโปร์ ซึ่งเราจะไปแหกคอกเหนือชาวบ้านก็คงไม่เท่ห์ เพราะความผันผวนของราคาน้ำมันมันมีผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตอื่นๆ ตามมามากมาย การที่ราคาน้ำมันถูกหรือแพงเกินไปไม่ใช่ผลดี เพราะมันเป็นผลกระทบที่ยากต่อการควบคุมต้นทุนการผลิตสินค้าและบริการ เพราะถึงแม้น้ำมันจะถูกลงก็จริง แต่ต้นทุนอื่นๆ ไม่ได้ถูกตามไปด้วย เพราะถึงแม้น้ำมันเชื้อเพลิงจะเป็นหนึ่งในต้นทุนปัจจัยการผลิตก็จริง แต่มันก็ไม่ได้มีสัดส่วนที่สูงไปกว่าต้นทุนด้านอื่นๆ ซึ่งการรักษาสมดุลของต้นทุน สำคัญกว่าการทำให้ถูกหรือแพง
    .
    **ราคาน้ำมันในไทยแพงกว่าประเทศเพื่อนบ้าน?
    .
    ก็เราเป็นประเทศผู้ซื้อ ไม่ใช้ผู้ผลิตที่มีปริมาณเพียงพอต่อความต้องการ ของที่ซื้อใช้มันย่อมราคาสูงกว่าผลิตได้เองอยู่แล้ว แต่ทั้งนี้ถามว่ามันสูงเวอร์หรือไม่ บอกเลยว่าก็ไม่ได้สูงเวอร์จนเกินกว่ากลไกตลาด แม้แต่สิงคโปร์ที่เป็นตลาดกลางค้าน้ำมันก็ไม่ใช้น้ำมันที่ถูกกว่าไทยนะ เพราะต้องแยกก่อนว่าการซื้อขายในตลาดกลาง กับการขายในประเทศ มันคนละส่วนกัน
    .
    ราคาน้ำมันขายปลีกหน้าปั๊มน้ำมัน กับราคาในตลาดซื้อขายในสิงคโปร์ไม่ใช่ราคาเดียวกัน โดยราคาขายปลีกหน้าปั๊มของสิงคโปร์เป็นราคาที่รัฐบาลมีการกำหนดอัตราภาษีสรรพสามิตต่างๆ เหมือนกับประเทศไทย อีกทั้งบริษัทน้ำมันก็เก็บค่าการตลาดเช่นเดียวกัน ซึ่งโดยรวมยังเก็บสูงกว่าของไทย ประมาณลิตรละ 3.50 บาท ยกเว้นราคาหน้าโรงกลั่นไม่มีค่าขนส่งเพิ่มเติม เนื่องจากตลาดซื้อขายกลางอยู่ภายในประเทศ
    .
    ส่วนประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซีย มีการอ้างอิงราคาตลาดกลางสิงคโปร์ด้วยหรือไม่ เพราะดูเหมือนว่าราคาน้ำมันถูกกว่าประเทศไทยครึ่งต่อครึ่ง ซึ่งข้อเท็จจริงที่ถูกต้องคือ ควรทำความเข้าใจถึงโครงสร้างราคาน้ำมันที่แท้จริงของประเทศมาเลเซียก่อน โดยที่มาเลเซียสามารถกำหนดราคาน้ำมันขายปลีกหน้าปั๊มได้ด้วยการกำหนดโครงสร้างภาษีและการอุดหนุนราคา พูดง่ายๆ คือ มาเลเซียเอาเงินภาษีมาอุ้มราคาน้ำมัน แต่ก็ไม่สามารถกำหนดราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่นได้
    .
    ปัจจุบัน ประเทศมาเลเซียก็อ้างอิงราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่นตามตลาดกลางสิงคโปร์เช่นเดียวกัน เพราะหากไม่ใช้ราคาที่อ้างอิงราคากลางก็จะทำให้เกิดภาวะผลกระทบในลักษณะเช่นเดียวกับที่กล่าวถึงข้างต้น
    .
    ส่วนเหตุที่ราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศมาเลเซียถูกกว่าประเทศไทย ก็เพราะประเทศมาเลเซียมีการควบคุมราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศ ด้วยการงดเว้นการจัดเก็บภาษีและใช้เงินภาษีไปอุดหนุนราคาน้ำมัน ซึ่งงบประมาณดังกล่าวส่วนใหญ่มาจากรายได้จากการส่งออกน้ำมันดิบ และก๊าซธรรมชาติในรูป LNG (มาเลเซียเป็นประเทศส่งออกพลังงานสุทธิ) คือเอาเงินที่ได้จากการขายน้ำมัน ไปอุ้มราคาน้ำมันนั่นเอง
    .
    **การล้มละลายของ Hin Leong Trading ในสิงคโปร์ จะกระทบต่อตลาดน้ำมันหรือไม่?
    .
    Hin Leong เป็นบริษัทค้าน้ำมันที่ทรงอิทธิพลที่สุดแห่งหนึ่งในโลก ซึ่งตั้งอยู่ในประเทศสิงคโปร์ ที่ต้องถึงคราวล้มละลายจากการเป็นหนี้สถาบันการเงินทั่วโลกรวม 23 แห่ง มีหนี้จำนวน 3,850 ล้านเหรียญสหรัฐ เพราะดันตกแต่งตัวเลขรายได้ และวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมันผิดพลาด กลายเป็นว่าบริษัทที่เคยหน้าเชื่อถือที่สุดแห่งหนึ่งของโลก กลับโกหกตบตาชาวโลก ซ่อนขยะไว้ใต้พรมเพียบ จนเมื่อราคาน้ำมันดิ่งลงเหว ขยะใต้พรมเลยลอยเกลื่อนให้เห็น เพราะแบกรับภาระขาดทุนไม่ไหว
    .
    ผลกระทบที่เกิดขึ้นนี้แม้จะยังไม่ส่งผลต่อราคาน้ำมันในตลาดซื้อขายของสิงคโปร์ หรือราคาน้ำมันในประเทศไทย แต่สิ่งที่น่ากังวลก็คือ บริษัทนี้อยู่ในฐานะซัพพลายเออร์รายใหญ่อันดับ 3 ของสิงคโปร์ ฉะนั้นผลกระทบมันไม่ได้เกิดแค่กับตัวบริษัท แต่มันกระทบกับสิงคโปร์ทั้งประเทศ โดยเฉพาะเรื่องเครดิตความน่าเชื่อถือในการลงทุน
    .
    ไฟแนนเชียล ไทมส์ รายงานว่า การล้มละลายของ Hin Leong อาจทำให้เกิดความเป็นไปได้ที่อุตสาหกรรมโภคภัณฑ์ท้องถิ่น ที่ตกอยู่ภายใต้แรงกดดันในการทำธุรกิจอยู่แล้ว ต้องเจอกับภาวะขาดสภาพคล่อง และทำให้เกิดกระแสการผิดนัดชำระหนี้ และล้มละลายขึ้นมา
    .
    บรรดานักลงทุน และนักวิเคราะห์ต่างเตือนว่า มีแนวโน้มที่ธนาคารจะทิ้งความเสี่ยงในอุตสาหกรรมนี้ เพราะการซื้อขายน้ำมันเป็นการใช้เครดิตซื้อ และที่ผ่านมามีหนี้เสียจำนวนมาก สถาบันการเงินอาจไม่ปล่อยกู้ให้กับบริษัทในอุตสาหกรรมค้าน้ำมัน เพราะถือว่ามีความเสี่ยงมากเกินไป จากผลกระทบของไวรัสโควิด-19 ที่ทำให้ความต้องการ และราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกดิ่งลงอย่างรุนแรง
    .
    ทั้งนี้ยังไม่มีทีท่าว่าราคาน้ำมันจะกลับมาสูงขึ้นได้ในเร็วๆ วันนี้ แม้จะมีความพยายามลดกำลังการผลิตก็แล้ว หาทางออกร่วมกันต่างๆ นาๆ สร้างสถานการณ์กระตุ้นราคาน้ำมัน แต่ก็ยังไม่มีผลมาก เพราะเวลานี้ความต้องการใช้ลดลงทั่วโลก อีกทั้งการเปลี่ยนแปลงสู่นวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าก็มาเร็วกว่าที่คาดการณ์ ซึ่งมันเป็นโจทย์ทีท้าทายว่าจากนี้สถานการณ์ราคาน้ำมันจะเป็นอย่างไรต่อไป
    .
    ส่วนประเทศไทย ช่วงนี้ก็เพลิดเพลินกับการใช้น้ำมันถูกในรอบหลายปีไปก่อน แม้ว่าจะไม่ได้ขับรถออกไปไหนไกลๆ ได้ก็ตาม แต่ก็อย่างน้อยก็ประหยัดค่าเชื้อเพลิงลงได้บ้าง แต่ก็ไปหนักค่าใช้จ่ายอื่นๆ แทน โดยเฉพาะ ค่ากิน และค่าไฟ!!

     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,820
    ค่าพลัง:
    +97,150
    หมอ - พยาบาลสหรัฐ ไม่ทน ประท้วงค้านปลดล็อกดาวน์
    ฟาดกลับคนอยากปลดว่าไม่มีสิทธิ์เอาชีวิตคนอื่นมาเสี่ยง
    .
    สถานการณ์ความวุ่นวายท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด – 19 ในสหรัฐที่ประชาชนในหลายรัฐต้องการให้มีคำสั่งปลดล็อกดาวน์ เพราะต้องการเสรีภาพในการใช้ชีวิตคืน ได้มาถึงจุดเผชิญหน้ากับเหล่าบรรดาแพทย์ - พยาบาล บุคลากรสาธารณะสุข ที่ถึงขนาดต้องถอดชุดกาวน์ออกมาประท้วงประชาชนกลับบ้าง เพราะสิ่งที่ผู้ที่ต้องการให้ยกเลิกล็อกดาวน์ ถือเป็นกรเพิ่มความเสี่ยงและเพิ่มภาระในการดูแลรักษาผู้ป่วยแก่บุคลากรทางการแพทย์ ที่ตอนนี้แทบจะไม่มีเวลากิน นอน พักผ่อน หรือได้กลับบ้านเลย
    .
    ความวุ่นวายนี้เกิดขึ้นในหลายกรัฐ ไม่ว่าจะเป็น เวอร์จิเนีย, แคลิฟอร์เนีย, นิวยอร์ก, โคโลราโด, แอริโซนา และ เวอร์มอนต์ เพราะประชาชนที่อยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์นั้นกำลังทนไม่ไหว ต่อการถูกจำกัดสิทธิต่างๆ ในการใช้ชีวิต ซึ่งพวกเขามองว่าเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน เปรียบเหมือนการถูกคุมขังอยู่แต่ในคุกที่เป็นบ้านของตัวเอง ท่ามกลางเศรษฐกิจที่กำลังตกต่ำเลวร้าย ไม่สามารถไปทำงาน ไม่สามารถหาเงิน และกำลังจะอดตาย และเรียกร้องต้องการให้เปิดเมืองทันที
    .
    ฝั่งบุคลากรทางการแพทย์เองก็ไม่น้อยหน้า เพราะว่าพวกเขาก็ต้องออกมาปกป้องตัวเอง เนื่องจากบุคคลเหล่านี้คือแนวหน้าในการต่อสู้กับโรคระบาดครั้งนี้ และต้องเสี่ยงชีวิต เสี่ยงต่อสุขภาพจิต และความเครียดที่ต้องแบกรับในแต่ละวันที่ต้องเจอกับผู้ป่วย และผู้เสียชีวิตในสหรัฐ ที่วันหนึ่งมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างฉุดไม่อยู่ รวมทั้งการมีจำนวนผู้เสียชีวิตที่ทะลุครึ่งแสนทั่วประเทศไปแล้ว
    .
    “คุณไม่มีสิทธิ์เอาชีวิตเราไปเสี่ยง กลับบ้านไปซะ!” บุคลากรทางการแพทย์สองสามีภรรยา ชูป้ายหันหน้าเข้าหาพวกผู้ประท้วง ซึ่งเขียนข้อความเตือนสติผู้ชุมนุม ที่ยังคงดื้อรั้นจะออกมาใช้ชีวิต โดยปราศจากการหน้ากากอนามัย และการไม่เว้นระยะห่างทางสังคม
    .
    แพทย์คนหนึ่งที่อยู่ในการประท้วงกล่าวว่า พวกที่ออกมาเรียกร้องเสรีภาพของตัวเอง กลับไม่นึกถึงผลกระทบของการระบาดที่จะเกิดขึ้น ซึ่งพวกเราบุคลากรด้านสาธารณสุขกลับไม่มีสิทธิ์เลือกที่จะปกป้องตัวเอง
    .
    พร้อมกับบอกด้วยว่าไม่ใช่ทุกคนจะเห็นด้วยกับการยกเลิกการล็อกดาวน์ แต่คนเหล่านั้นไม่ออกมาประท้วงแบบนี้ พวกเขาต้องการทำตามสิ่งที่ถูกต้อง เก็บตัวอยู่ในบ้านให้ห่างจากเชื้อไวรัสตามมาตรการสาธารณสุข
    .
    สิ่งที่น่ากังวลที่สุดก็คือ ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ กลับแสดงท่าทีสนับสนุนให้ประชาชนประท้วงมาตรการล็อกดาวน์ โดยอ้างว่าเพราะมาตรการดังกล่าว ทำให้เศรษฐกิจของประเทศมีปัญหา และพูดออกมาอย่างเชื่อมั่นว่า ประเทศได้ผ่านจุดผู้ติดเชื้อสูงสุดไปแล้ว ทั้งๆ ที่จำนวนผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
    .
    อีกทั้งยังพยายามดึงเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยการสนับสนุนยุยงให้ประชาชนทั้งในพื้นที่เป็นฐานเสียง และนอกพื้นที่ฐานเสียงของรัฐบาล ต่อต้านนโยบายของผู้ว่าการแต่ละรัฐ โดยเฉพาะรัฐที่อยู่นอกฐานเสียงรัฐบาล ก็ใช้วิธีการกระตุ้นกลุ่มผู้สนับสนุนให้ออกมาต่อต้านแทน
    .
    แม้นายโรเบิร์ต เรดฟิลด์ ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ หรือ CDC จะออกมาบอกว่า ประชาชนทุกคนควรอยู่ในมาตรการป้องกันตัวเองจากการติดเชื้อ หลีกเลี่ยงการชุมนุม เพราะมันคือการป้องกันที่ดีที่สุด แต่ก็ไม่สามารถหยุดยั้งประชาชนในหลายเมืองให้ทำตามได้ พร้อมกับเตือนว่า การระบาดจะกลับมาเพิ่มขึ้นอีกในไม่ช้า เมื่อประเทศเข้าสู่ฤดูกาลแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล
    .
    อย่างไรก็ตาม ประชาชนหลายคนที่เรียกร้องเสรีภาพการใช้ชีวิตนี้ เลือกจะให้ตัวเองติดไวรัส มากกว่าถูกจำกัดสิทธิ์ ศาลาว่าการรัฐวอชิงตันมีการชูป้ายข้อความสะท้อนคำขวัญย้อนไปในยุคปฏิวัติอเมริกา
    .
    “ปลดปล่อยฉัน ไม่อย่างนั้นก็ปล่อยให้ฉันติดโควิด-19”
    .
    ทั้งนี้สหรัฐอเมริกานับเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตสูงที่สุดในโลก โดยมีผู้ติดเชื้อใกล้แต่ 1 ล้านคน และมีผู้เสียชีวิตทะลุ 52,000 รายไปเรียบร้อย โดยเฉพาะในมหานครนิวยอร์ก มีสถิติผู้เสียชีวิตจากไวรัสมรณะนี้ที่เฉลี่ย 3 นาทีต่อ 1 คน

     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,820
    ค่าพลัง:
    +97,150
    'เราไม่เคยเห็นคนตายมากขนาดนี้มาก่อน'
    เมื่อไวรัสกำลังทำร้ายจิตใจทีมแพทย์ฉุกเฉินในนิวยอร์ก
    .
    สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด – 19 ในตอนนี้ คงไม่มีที่ไหนสาหัสเท่ากับมหานครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เพราะที่นี่ได้กลายเป็นเมืองที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสมากที่สุดของโลก พร้อมกับมีผู้เสียชีวิตสูงที่สุดในอเมริกา
    .
    มันคือความย่ำแย่ที่สุดของภาพจิตใจเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ ที่ต้องทำหน้าที่ช่วยเหลือ รักษา เยียวยา รวมไปถึงการจัดการกับร่างไร้วิญญาณของผู้ที่ไม่สามารถยื้อชีวิตตัวเองให้หายป่วยจากไวรัสมรณะนี้
    .
    แอนโธนี อัลโมเจร่า รองผู้ว่าการบริการการแพทย์ฉุกเฉินของแผนกดับเพลิงแห่งนครนิวยอร์ก เล่าว่า เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาเขาได้รับโทรศัพท์ที่โทรมาจากอพาร์ทเมนต์แห่งหนึ่งในแมนฮัตตัน ว่ามีผู้ป่วยที่กำลังอาการหนักมากจากภาวะหัวใจล้มเหลว เขาจึงรีบไปที่นั้น และภาพที่เขาเห็นตรงหน้าก็คือ หญิงวัย 50 ปี ซึ่งเป็นลูกสาวกำลังพยายามทำ CPR ให้กับผู้เป็นแม่สูงวัยอายุ 70 ปี ที่ป่วยจากไวรัสนี้ โดยแม่ของเธอทรุดลงต่อหน้าต่อตาเพราะหายไม่ออก
    .
    ทีมแพทย์ฉุกเฉินพยายามช่วยชีวิตของหญิงชรารายนี้ ในขณะที่อัลโมเจราก็ถามลูกสาวว่ามีคนอื่นในบ้านป่วยหรือไม่
    .
    “ถ้าพวกคุณมาในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ฉันได้ทำสิ่งเดียวกันกับพ่อของฉัน เหมือนที่คุณกำลังทำกับแม่ของฉัน” เธอบอกเขา
    .
    พ่อของเสียเธอชีวิตเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา และตอนนี้ก็เป็นวันที่แม่ของเธอกำลังนอนหมดสติอยู่บนพื้นด้วยอาการเดียวกัน
    .
    อัลโมเจราสื่อสารกลับไปที่ทีมของเขาด้วยความหวังว่าหญิงชราที่กำลังพยายามยื้อชีวิต จะยังคงมีลมหายใจอยู่
    .
    “โปรดบอกฉันว่าชีพจรยังเต้นอยู่!” แต่สายตาของเพื่อนทีมแพทย์ของเขาสื่อถึงความจริงก็คือ...หญิงชราคนนี้ได้สิ้นลมแล้ว
    .
    ทีมแพทย์ฉุกเฉินของนิวยอร์กกำลังเผชิญหน้ากับโศกนาฏกรรมในบ้านของผู้ป่วยในทุกวันๆ Michael Greco รองประธานสหภาพแรงงานท้องถิ่นของ FDNY 2507 ในเขตควีนส์เรียกมันว่า "เขตสงคราม”
    .
    มหานครนิวยอร์กได้รับผลกระทบอย่างหนักจากโควิด - 19 มากกว่าทุกเมืองๆ บนโลก จนถึงขณะนี้มีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 14,600 คนและมีการบันทึกสถิติว่า จะมีคนตายในเมืองนี้ 1 คนในทุกๆ 3 นาที
    .
    เจ้าหน้าที่ของ EMS อย่างน้อย 8 คนบอกว่า ความกดดันอย่างหนัก ความเครียด และความไม่แน่นอนอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน ที่ได้รับข่าวการตายของประชาชนอย่างต่อเนื่อง กำลังกระทบต่อสุขภาพจิตของเจ้าหน้าที่
    .
    “เราเห็นศพมากกว่าที่เราเคยเจอ ไม่เพียงแต่เป็นปริมาณของศพผู้เสียชีวิตที่มากขึ้น แต่ผลกระทบของเหตุการณ์นี้ส่งผลทางจิตวิทยาต่อเจ้าหน้าที่ EMT และทีมแพทย์ ที่เราไม่สามารถหยุดมันได้” เจ้าหน้าที่เผชิญฉุกเฉินคนหนึ่งได้อธิบายถึงความเจ็บปวดและความสิ้นหวังในการต่อสู้กับไวรัสในนิวยอร์ก
    .
    หน่วย EMS ของนิวยอร์กต้องรับมือกับการรับโทรศัพท์จากผู้แจ้งเหตุมากกว่า 5,000 - 7,000 สายต่อวัน ผ่านสายด่วน 911 และมีการปั้มหัวใจช่วยชีวิตมากถึง 300 ครั้งในทุกวัน ทุกคนต่างทำงานหนักอย่างทำงานเป็นเวลา 16 ชั่วโมงต่อวัน
    .
    ทุกวันที่เราเห็นทุกคนใน EMS พยายามรวบรวมทุกความสามารถ และทุกสิ่งทุกอย่าง เพื่อรับมือกับการระบาดใหญ่ครั้งนี้ แต่เราไม่สามารถทำได้
    .
    มันไม่สามารถหยุดความเศร้าโศกเมื่อเขากลับถึงบ้าน พยายามดิ้นรนอย่างมากในการนอนให้หลับในแต่ละคืนที่แสนทรมาน
    .
    อัลโมเจรา บอกความรู้สึกว่า “ฉันต่อสู้สงครามนี้กับศัตรูที่พยายามฆ่าคนโดยรอบและมันทำให้ฉันรู้สึกสิ้นหวัง ฉันจะไม่รู้จะหยุดมันอย่างไร”
    .
    สิ่งที่เกิดขึ้นกำลังเป็นสถานการณ์ที่วิกฤติต่อเจ้าหน้าที่ทีมแพทย์ฉุกเฉิน เพราะสภาพจิตใจของพวกเขากำลังย่ำแย่เต็มที ที่ต้องเห็นผู้ป่วยเสียชีวิตไปต่อหน้าต่อตาหลายต่อหลายคนในวันเดียว
    .
    ดร. ชาร์ลส์ มาร์มาร์ หัวหน้าแผนกจิตเวชและผู้อำนวยการโครงการวิจัย PTSD แห่งมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก ให้ความเห็นว่า การทำงานของทีมแนวหน้าในการต่อสู้กับไวรัสในนิวยอร์ก ทำให้เจ้าหน้าที่ EMS มีความเสี่ยงต่อความเครียดเฉียบพลันในระหว่างและหลังเกิดวิกฤต โดยทั่วไปจะมีอาการนอนไม่หลับ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร และซึมเศร้า
    .
    เช่นเดียวกับผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัส พวกเขาก็อาจเสี่ยงที่จะป่วยเป็นโรคจิตเวชหากพวกเขาเผชิญกับความเครียดมากเกินไป
    .
    มันคือบาดแผลทางจิตใจที่กินเวลายาวนาน และมันอาจยาวนานต่อไปเป็นเดือนหรือเป็นปีหลังจากเหตุการณ์ไรวัสระบาด และเป็นการยากที่จะคาดการณ์ถึงผลกระทบทางจิตวิทยาที่เรื้อรังที่เจ้าหน้าที่ฉุกเฉินของนิวยอร์กเผชิญอยู่ เพราะการระบาดใหญ่นั้นไม่สามารถเทียบเคียงได้กับประสบการณ์ที่เจ็บปวดอื่นๆ ที่เคยพบเจอมา
    .
    “เราไม่เคยมีประสบการณ์การใช้ชีวิตผ่านโรคระบาดใหญ่ทั่วโลก ซึ่งอาจคุกคามมนุษย์ทุกคนบนโลกใบนี้”
    .
    ที่มา : https://www.businessinsider.com/fdny-ems-first-responders-trauma-guilt-coronavirus-ptsd-2020-4

     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,820
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ⚠️ ทรัมป์บอกพอกันทีกับเรื่องหน้าแตกไปทั้งประเทศ ⚠️

    หลังจากที่ได้แนะนำให้ชาวอเมริกันหาวิธีฉีดสารฟอกขาว (Bleach) เข้าไปในร่างกายของเราเพื่อฆ่าเชื้อไวรัส ผ่านการแถลงที่ทำเนียบขาวไปทั่วประเทศเมื่อวันคืนพฤหัส... คืนต่อมาในงานแถลงประจำวันนั้นทางทรัมป์ได้ปิดไม่รับคำถามจากนักข่าวทั้งสิ้น เพราะรู้ตัวว่าจะต้องโดนจัดชุดใหญ่แน่ๆ...

    #แถมพูดปิดท้ายว่า ต่อไปนี้อาจจะไม่ออกแถลงการณ์ประจำวันเรื่องไวรัสด้วยตัวเองอีกแล้ว

    ทรัมป์ได้จัดแถลงการณ์อัพเดทสถานการณ์ไวรัสโควิดของประเทศสหรัฐที่ทำเนียบขาวเป็นประจำวันทุกวันมาเป็นเวลาเดือนนึงแล้ว เพื่อให้ประชาชนได้ทราบถึงความคืบหน้าของผลกระทบจากไวรัสโควิดในแง่ต่างๆ รวมไปถึงนโยบายของรัฐบาลในการรับมือไวรัสด้วย ซึ่งถือว่าเป็นแนวทางการบริหารประเทศที่ดี ที่ท่านประธานาธิบดีจะเป็นผู้ออกมาให้ขวัญกำลังใจประชาชนด้วยตัวเอง

    แต่ทว่า... หลายๆครั้งที่ทรัมป์ได้ออกมาให้ข้อมูลเองนั้น #ดูเหมือนจะยิ่งกลายเป็นผลลบต่อตัวเอง เพราะนับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ไวรัสระบาดในสหรัฐนั้นทรัมป์ได้สร้างดราม่าขึ้นมากมายผ่านการแถลงรายวันนี้ เช่น การกล่าวเรียกไวรัสว่าเป็น Chinese Virus บ่อยๆ , การย้ำกับประชาชนตอนแรกหลายครั้งว่าไวรัสนี้ไม่น่ากลัวแลย , แต่ต่อมากลับคำบอกไปว่า ผมรู้ก่อนทุกคนตั้งนานแล้วว่าไวรัสนี้จะระบาด , รวมการไปถึงการไฟว์กับหลายหน่วยงานไม่ว่าจะเป็นทางผู้ว่าการรัฐ หรือ WHO , จนล่าสุดก็มาแนะนำให้ประชาชนกินสารฟอกขาว ...

    และยังมีดราม่าอื่นๆอีกมากมาย ท่านไหนสนใจลองหาดูได้ใน Youtube หรือมาแชร์กันในคอมเม้นท์ได้เลยนะครับ

    ล่าสุดหลังจากโดนผู้เชี่ยวชาญและบริษัทจำหน่ายสารฟอกขาวและน้ำยาฆ่าเชื้อต่างๆนั้นรุมประณาม เพราะทุกฝ่ายต้องเร่งออกจดหมายเตือนไม่ให้ประชาชนพยายามกินหรือฉีดสารฟอกขาวเหล่านี้เข้าไป เพราะมีอันตรายสูงมาก ... ทางทรัมป์นั้นก็ได้ยอมแพ้แล้ว

    ทรัมป์ได้ปิดรับคำถามจากนักข่าวในการแถลงเมื่อคืนแล้วบอกกับทุกคนว่า #ต่อไปนี้อาจจะไม่ออกมาแถลงการณ์ให้พวกเราได้ฟังอีกแล้ว

    ทางด้านที่ปรึกษาอาวุโสของทางรัฐบาลทรัมป์ได้ออกมาเผยว่า พยายามห้ามทรัมป์หลายครั้งแล้วในการไม่ให้ออกมาแถลงข่าวด้วยตัวเอง แต่ทางทรัมป์ก็ยืนยันมาตลอดว่าอยากจะออก เพราะการออกทีวีของเขานั้นได้ #เรตติ้งที่ดีมาก

    แหมก็แน่สิครับท่านประธานาธิบดี พวกเราเองก็จ้องรอเปิดดูท่านทุกว่าเพราะในช่วงที่ทุกคนอยู่ติดบ้านกันขนาดนี้ การแถลงของท่านนั้นมีเรื่องให้น่าตื่นเต้น ดราม่าให้ติดตาม และยังมีเรื่องให้ขำได้ตลอดด้วย เรตติ้งจะไม่ดีได้อย่างไร

    ⛔️ ท่านใดไม่อยากพลาดข่าวสารในตลาดจากทีมงาน แนะนำให้กด Like ที่โพสต์เรื่อยๆ หรือกดตั้งค่า “เห็นโพสต์ก่อน” หรือ See First ไว้ที่เมนูมุมขวาบนของเพจได้เลยครับ ไม่งั้นทาง Facebook จะไม่ค่อยแสดงโพสต์ของทีมเราที่อัพเดทใหม่ๆครับ

    #OilTradingKP

     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,820
    ค่าพลัง:
    +97,150
    องค์การอนามัยโลกหรือ WHO แถลงในคืนนี้ว่า ขณะนี้ #ยังไม่มีหลักฐานยืนยัน ว่าคนที่เคยติดเชื้อจากไวรัส Covid-19 แล้วหายดีนั้นจะสามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้ทุกคนและจะไม่กลับมาติดเชื้ออีกครั้ง

    สิ่งนึงที่นักวิทยาศาสตร์เชื่อและเราก็อาจจะคุ้นชินกันมาตลอดคือ ไวรัสโดยปกตินั้น พอคนเราหายจากการติดเชื้อได้แล้ว ร่างกายจะสามารถสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาได้เองและเราก็จะไม่มีทางติดเชื้อได้อีกเป็นรอบสอง

    ทำให้หลายประเทศกำลังมีแผนที่จะออก "Immunity Passport" หรือการปล่อยให้ผู้คนที่เคยติดเชื้อและหายแล้วสามารถออกไปใช้ชีวิตและกลับไปทำงานในสถานที่ต่างๆได้ตามปกติ

    แต่คำที่สำคัญในประโยคแรกนั้นคือ #ถ้าเป็นไวรัสปกติ

    นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกนั้นยังไม่มีใครทราบว่าไวรัสโควิดนี้จะเป็นไวรัสธรรมดาหรือไม่... เพราะทุกๆฝ่ายก็ยังเร่งศึกษากันอยู่และมีหลายๆรายงานก็ได้แจ้งออกมาว่าไวรัสชนิดนี้ก็เริ่มได้มีการกลายพันธ์กลายๆแล้วบ้างหรือทำปฏิกิริยาที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน

    วันนี้ทาง WHO จึงได้ออกมาแถลงว่า จากการศึกษาขององค์การอนามัยโลกนั้น #ยังไม่พบว่า คนที่หายแล้วจะไม่กลับมาติดโรคนี้ใหม่ ถึงแม้บางคนที่หายแล้วจะสามารถสร้างภูมิคุ้มกัน (Antibody) ขึ้นมาได้ แต่ต่างคนก็ต่างมีภูมิในปริมาณที่ไม่เท่ากัน ทาง WHO จึงไม่สามารถยืนยันได้

    และทาง WHO ก็ได้ส่งหมายออกเตือนรัฐบาลต่างๆทั่วโลกที่กำลังมีแผนที่จะออก "Immunity Passport" นี้ โดยทาง WHO ได้แจ้งเตือนอย่างเคร่งครัดว่าการทำอย่างนั้นจะยิ่งเปิดความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดมากขึ้น

    ชิลิเป็นหนึ่งในประเทศที่กำลังจะทำการออก "Immunity Passport" ให้กับประชาชนที่ได้หายจากไวรัสแล้ว ไม่แน่ใจว่ารายงานนี้จะทำให้รัฐบาลเปลี่ยนใจหรือไม่

    การออกมาประกาศครั้งนี้จะเป็นเพียงการพยายามทำให้โลกเรานั้นเคร่งครัดขึ้นต่อการรับมือไวรัสโควิดหรือไม่ ? หลังจากทาง WHO โดนต่อว่าเรื่องการเตือนภัยเกี่ยวกับการระบาดได้ไม่ดีในช่วงแรก จนเสียความน่าเชื่อถือไป จนอาจเป็นเหตุทำให้ถึงแม้ว่าวันนี้อะไรก็ตามที่ยังไม่ชัวร์ ไม่ 100% ก็จะขอประกาศให้รัดกุมไว้ก่อน....

    แต่การทำแบบนี้หากผิดพลาดขึ้นมาอีกครั้งก็จะยิ่งเสียชื่ออีกแน่ๆ... ทุกท่านมองว่าอย่างไรครับ ?

    ⛔️ ท่านใดไม่อยากพลาดข่าวสารในตลาดจากทีมงาน แนะนำให้กด Like ที่โพสต์เรื่อยๆ หรือกดตั้งค่า “เห็นโพสต์ก่อน” หรือ See First ไว้ที่เมนูมุมขวาบนของเพจได้เลยครับ ไม่งั้นทาง Facebook จะไม่ค่อยแสดงโพสต์ของทีมเราที่อัพเดทใหม่ๆครับ

    #OilTradingKP

     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,820
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    PSX_20200426_193101.jpg

    (Apr 26) เมื่อน้ำมัน ‘ท่วม’ จากพิษไวรัส โลกใกล้จะหมดคลังจัดเก็บ: อิทธิฤทธิ์ของไวรัสโควิด-19 ที่สร้างวิกฤตรุนแรงในขณะนี้ สร้างความ “ช็อก” หลายอย่างให้กับโลกชนิดที่ไม่เคยเห็นมาก่อน หนึ่งในนั้นคือราคาน้ำมัน เมื่อราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าของสหรัฐ West Texas Intermediate (WTI) กำหนดส่งมอบเดือนพฤษภาคม ปิดตลาดเมื่อวันที่ 20 เมษายน ในระดับติดลบ 37.63 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หรือลดลงมากกว่า 100% ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ราคาไม่เพียงเหลือศูนย์ หากแต่ติดลบด้วยซ้ำไป

    ราคาติดลบขนาดนี้ หมายความว่านอกจากผู้ขายจะไม่ได้รับเงินแล้ว กลับต้องแถมเงินให้กับผู้ซื้ออีกด้วย ถ้าเปรียบกับธนาคารในช่วงดอกเบี้ยติดลบ ก็หมายความว่าผู้ฝากเงินต้องจ่ายค่าฝากให้กับธนาคาร

    ราคาน้ำมัน WTI ถูกใช้เป็นเกณฑ์อ้างอิงการซื้อขายน้ำมันดิบในทวีปอเมริกาเหนือ มีความเป็นสากลน้อยกว่าน้ำมันดิบเบรนต์ที่ผลิตในทะเลเหนือ โดยเบรนต์ถูกใช้เป็นราคาอ้างอิงสำหรับการซื้อขายน้ำมันในทวีปแอฟริกา ยุโรป และตะวันออกกลาง หรือเท่ากับว่าน้ำมัน 2 ใน 3 ของโลก ใช้เบรนต์เป็นเกณฑ์อ้างอิง

    เหตุที่ WTI ดิ่งลงจนติดลบก็สืบเนื่องมาจากไวรัสโควิด ที่ทำให้กิจกรรมเศรษฐกิจทั่วโลกชะงัก เริ่มจากสายการบินทั่วโลกต้องระงับการบินระหว่างประเทศเกือบทั้งหมด ต่อมาเมื่อรัฐบาลแต่ละประเทศต้องใช้มาตรการล็อกดาวน์ประเทศหรือปิดเมือง ประชาชนส่วนใหญ่ต้องอยู่กับบ้าน การใช้รถยนต์และยานพาหนะต่าง ๆ น้อยลง ส่วนกิจกรรมอื่น ๆ ที่ต้องใช้พลังงานจากน้ำมันก็ซบเซาลงไปด้วย

    เมื่อเป็นเช่นนั้น น้ำมันที่มีอยู่จึงล้นตลาด นำไปสู่ปัญหาการไม่มีคลังหรือแท็งก์สำหรับจัดเก็บน้ำมัน เมื่อผู้ที่ทำสัญญาซื้อน้ำมันเห็นปัญหานี้จึงต้องเทขายสัญญาน้ำมันออกมาในราคาขาดทุน เพราะเสี่ยงจะไม่มีที่เก็บ โดยนักวิเคราะห์ประเมินว่าคลังสำหรับจัดเก็บน้ำมันของสหรัฐที่เมืองคูชิง ในรัฐโอคลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดหลักในการส่งมอบน้ำมันนั้นคาดว่าจะเต็มภายในไม่กี่สัปดาห์

    อย่างไรก็ตาม การติดลบของ WTI ก็เกิดขึ้นเพียงช่วงสั้นเท่านั้น เนื่องจากเป็นช่วงใกล้หมดสัญญาการดัมพ์ขายจึงมากเป็นพิเศษ ในขณะที่รอบต่อไปตลาดจับตาสัญญาของเดือนมิถุนายนค่อนข้างมาก เนื่องจากโดยปกติแล้วมักเป็นช่วงที่มีการซื้อขายคึกคักมากที่สุด และตลาดมักใช้เป็นตัวกำหนดทิศทางราคาในอนาคต โดยพบว่าการซื้อขายในวันอังคารที่ 21 เมษายน อยู่ที่ 16.61 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หรือลดลง 18.7%

    เบอร์นาเดตต์ จอห์นสัน รองประธาน เอ็นเวอรัส ซึ่งให้บริการข้อมูลและการวิเคราะห์อุตสาหกรรมพลังงาน ระบุว่า สัญญาน้ำมัน WTI เดือนมิถุนายนจะตกอยู่ใต้แรงกดดันต่อไป ราคาจะลดลงไปอีกตราบเท่าที่ความต้องการยังไม่กลับมา คาดว่าในระยะใกล้ราคา WTI จะอยู่ระหว่าง 10-12 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

    ด้าน สำนักงานสารสนเทศพลังงานของสหรัฐ เปิดเผยว่า ปริมาณน้ำมันคงคลังประจำสัปดาห์ ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 10 เมษายน เพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 19.2 ล้านบาร์เรล สะท้อนว่าความต้องการใช้น้ำมันแทบไม่มีเลย ภาวะเช่นนี้ทำให้นักวิเคราะห์จาก โกลด์แมน แซกส์ เชื่อว่าราคาน้ำมันจะผันผวนสูงในช่วงหลายสัปดาห์ข้างหน้า

    การพังถล่มด้านราคาของ WTI ถูกนักวิเคราะห์บางคนมองว่า ผู้ชนะในสถานการณ์นี้คือซาอุดีอาระเบีย เนื่องจากอยู่ในฐานะดีที่สุดที่จะฟันฝ่าผลกระทบจากการพังทลายของราคา WTI ที่ผ่านมาทั้งซาอุดีอาระเบียและรัสเซีย ต่างจับตามองผลผลิตน้ำมันของสหรัฐ เนื่องจากเห็นว่าเป็นคู่แข่งโดยตรง ขณะที่ราคาน้ำมันเบรนต์ไม่ได้ร่วงจนติดลบเหมือน WTI โดย ณ วันที่ 21 เมษายน ราคาเบรนต์อยู่ที่ 20.64 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

    อย่างไรก็ตาม เดฟ เอิร์นเบอร์เกอร์ แห่งเอสแอนด์พี โกลบอล แพลตต์ เตือนว่า ทั้งซาอุฯและรัสเซีย อาจดีใจได้แค่ช่วงสั้น ๆ และจำเป็นต้องหันไปมองข้างหลังด้วยเช่นกัน เพราะราคาเบรนต์ก็กำลังอยู่ไม่ไกล ราคาน้ำมันดิบอื่น ๆ ก็อยู่ไม่ไกล ความหมายของนักวิเคราะห์รายนี้ก็คือ ราคาน้ำมันดิบเบรนต์และอื่น ๆ ก็มีแนวโน้มจะตกต่ำลงไปเช่นกัน

    เพราะขณะนี้ทั้งโลกกำลังจะไม่มีคลังเพียงพอในการจัดเก็บ

    คอลัมน์ ชีพจรเศรษฐกิจโลก โดย นงนุช สิงหเดชะ

    Source: ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
    https://www.prachachat.net/world-news/news-454953

    เพิ่มเติม
    - How the oil price capitulation will hit Nigeria, Saudi Arabia and other major exporters: https://www.cnbc.com/2020/04/23/how...a-saudi-arabia-and-other-major-exporters.html
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,820
    ค่าพลัง:
    +97,150
    24 เมษายน - อินเดีย - ภาพเพิ่มเติมรอยแตกขนาดใหญ่บนท้องถนนในเมือง Laggere เมืองบังกาลอร์

    24 Avril - INDE - Plus d'images, des grandes fissures sur la route dans la ville de Laggere, Bangalore,

     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,820
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เขามีสิทธิตัดเพราะเป็นงานที่อยู่ในมือเขา แต่เรามีสิทธิตอบโต้ ธุระกรรมของสหรัฐในไทยมีมากมายก่ายกอง เลือกมาสักอย่างสิ........
    อย่าปล่อยให้เขากระทำอยู่ฝ่ายเดียว

     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,820
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เมื่อน้ำโขงแห้งลงต่ำกว่าปกติที่ผ่านมาหลายปี
    ปีนี้ มีคนพบหินเหล่านี้
    ที่นี่แก่งคันแยง บ.ลาดเจริญ ต.นาแวง อ.เขมราฐ จ.อุบลฯ
    ภาพแรกมีลักษณะเป็นภาษาจีนอยู่ด้านซ้าย ขวาน่าจะเป็นภาษาจาม?
    ไม่รู้สิ??
    (วานท่านผู้รู้ถ่ายทอดวิชาด้วยครับ!!)
    ภาพนอกนั้น ____แม้ดูละเอียด ก็ไม่รู้เรื่องหรอกครับ พุข้า
    ไม่ได้เรียนมาทางนี้
    ขอบคุณ
    @อนุสรบุญศิริ กวีศิลป์อิสาน ผู้นำมาเผยแพร่
    และขอบคุณ @วัฒนา เชื่อมสุข ที่นำมาให้ดูครับ
    ...

     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,820
    ค่าพลัง:
    +97,150
    หลังจากการจำศีลเป็นเวลา 5 ปี ภูเขาไฟ #Calbuco ตื่นขึ้นมาและทะลักออกมาเป็นก้อนเถ้าเมฆขนาดใหญ่ ทางใต้ #ชิลี 22/4/2020

    After a 5-year hibernation, the #Calbuco volcano wakes up and spills out a huge cloud of ash south #Chile 22/4/2020

     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,820
    ค่าพลัง:
    +97,150
    กิจกรรมของ ภูเขาไฟ #Sakurajima วันนี้อยู่ใน #ญี่ปุ่น และเมฆหมอกขนาดใหญ่ 24/4/2020

     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,820
    ค่าพลัง:
    +97,150
    โหดร้าย. พายุลูกเห็บสร้างความเสียหายเมื่อคืนที่เมืองโบเซอร์เซียร์ รัฐหลุยเซียน่า Jason Ronsse #USA
    #Ok Oklahoma #Louisiana 24.04.2020

     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,820
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เดือนรอมฎอน ไม่ได้ทำให้ “บิน ซัลมาน” เป็นมนุษย์ !!!

    เป็นที่ทราบกันดีว่าในเดือนรอมฎอนอันศักดิ์สิทธิ์ ประตูแห่งสวรรค์จะเปิดให้กับปวงบ่าวของพระองค์ และประตูแห่งนรกจะถูกปิด และบรรดาผู้ศรัทธาต่างแข่งขันในการทำอิบาดะฮฺ การทำความดี การบริจาคทาน และสร้างสัมพันธไมตรี

    แต่มีบางคนบนโลกใบนี้แม้แต่ในเดือนอันจำเริญนี้ก็มิได้ช่วยให้เขาเป็นมนุษย์เลย เพราะแทนที่เขาจะให้อภัยคน แต่กลับสั่งฆ่าผู้คน แทนที่จะบริจาค แต่เขากลับลักขโมย แทนที่จะไปยังบ้านของพระองค์ แต่เขากลับไปวอชิงตันและเทลอาวีฟ และแทนที่เขาจะขอความช่วยเหลือจากพระองค์แต่เขากลับขอความช่วยเหลือจากทรัมป์ และเนทันยาฮู ซึ่งบุคคลนี้เป็นตัวอย่างอย่างแท้จริงในความหมายของ คำว่า “ผู้ขาดทุนทั้งโลกดุนยาและอาคีเราะฮฺ” เขาคนนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน เขาคือ เจ้าชาย โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน แห่งซาอุดีอาระเบีย

    บินซัลมาน เมื่อไม่กี่วันก่อนเริ่มเดือนรอมฎอน ได้สังหาร Abdul Rahim al-Houthi ชาวซาอุดีอาระเบียอย่างไร้ความปราณีและทำให้ลูกๆของเขาต้องกำพร้าและภรรยาของเขาเป็นม่าย เนื่องจากเขาไม่ยอมย้ายบ้านและรื้อบ้านของตนเองเพื่อจะสร้างสถานที่บันเทิงตามโปรเจ๊กของบินซัลมาน ใน Nyum

    อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้หยุดเพียงแค่นั้น ในวาระเข้าสู่เดือนรอมฎอน บินซัลมาน ปฏิเสธที่จะปล่อยตัว เจ้าหญิง Basmeh bint Saud bin Abdul Aziz วัย56 ปี จากเรือนจำ เพราะอาการป่วยแย่ลงเรื่อยๆ

    เจ้าหญิง Basmeh ถูกจับกุมเมื่อประมาณ เดือนมีนาคม 2019 โดยที่เธอทำการวิพากษ์วิจารณ์การก่อสงครามของบินซัลมานกับชาวเยเมนและพฤติกรรมเผด็จการของมกุฎราชกุมารในการบริหารประเทศ และตอนนี้ถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำอัล ฮาอีร์ในกรุงริยาด เมืองหลวงของซาอุดิอาระเบีย

    อีกด้านหนึ่ง ในเวลาเดียวกันที่เข้าสู่เดือนรอมฎอนอันศักดิ์สิทธิ์ นาย Abdullah al-Hamed นักกฎหมายชาวซาอุดีอาระเบีย อายุ 69 ปี ที่ถูกจำคุกเนื่องจากการวิพากษ์วิจารณ์ระบอบการปกครองของ Al-Saud ตั้งแต่ปี 2013 ได้เสียชีวิตในคุกอย่างน่าสลดใจ เนื่องจากการขาดการดูแลของแพทย์ และฝ่ายต่อต้านระบอบซาอุฯ ชี้ว่าความตายดังกล่าวถือเป็นรูปแบบหนึ่งของการลอบสังหารอย่างเลือดเย็น

    แม้ในช่วงต้นเดือนรอมฎอนอันศักดิ์สิทธิ์ Bin Salman ได้ปฏิเสธที่จะปฏิบัติตามคำขอของ Abdul Malik al-Houthi ผู้นำ Ansarullah เยเมน ให้ปล่อยตัวนักโทษฮามาส 68 คนในเรือนจำซาอุดิอาระเบียเพื่อแลกกับการปล่อยตัวประกันทหารซาอุดิอาระเบียที่ถูกจับในเยเมน และการปฏิเสธครั้งนี้ได้กล่าวอ้างเท็จว่าซาอุดิอาระเบียไม่สามารถตอบรับคำขอดังกล่าวได้เนื่องจากเพื่อรักษาความมั่นคงแห่งชาติ

    อีกด้านหนึ่ง เมื่อมีการระบาดของไวรัสโคโรน่า ทุกประเทศในโลกได้ปล่อยตัวนักโทษชั่วคราว แต่ bin Salman ที่มีความโหดเหี้ยม ปฏิเสธที่จะปล่อยตัวชั่วคราวบรรดานักโทษแม้แต่นักโทษรายเดียวที่ไร้ความผิดใดๆ ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่า เดือนรอมฎอนอันศักดิสิทธิ์ ไม่ได้เปลี่ยน “บิน ซัลมาน” เป็นมนุษย์ เลย........

     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,820
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ! แพทย์ เสนอ 7 #ข้อต้องทำตาม ป้องกันโควิดระบาดรอบใหม่

    รศ. นพ. นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล และนายกสมาคมอุรเวชช์แห่งประเทศไทยฯ เขียนบทความหัวข้อ “จะอยู่อย่างไร ไม่เกิดวิกฤตโควิด-19 รอบ 2” แนะนำทั้งภาครัฐและประชาชนว่าควรปฏิบัติอย่างไรหลังจากผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์

    บทความ “จะอยู่อย่างไร ไม่เกิดวิกฤตโควิด-19 รอบ 2” มีเนื้อหาดังนี้

    “จากการระบาดของเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทย ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2562 เป็นต้นมา จนสถานการณ์ถึงขั้นวิกฤตในช่วงก่อนปลายเดือนมีนาคม ที่มีผู้ป่วยวิกฤตโควิด-19 ในกรุงเทพและปริมณฑลจำนวนมาก จนเตียงไอซียูที่เตรียมไว้รองรับเกือบถูกใช้หมด

    แต่หลังจากที่ภาครัฐออกมาตรการที่เข้มงวด และประชาชนให้ความร่วมมือปฏิบัติตามมาตรการต่างๆของรัฐอย่างเข้มแข็ง ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยค่อย ๆ ลดจำนวนลงจนอยู่ในระดับที่ถือว่า ควบคุมการระบาดได้ดีในปัจจุบัน

    ซึ่งทุกภาคส่วนหวังว่ารัฐบาลจะผ่อนปรนมาตรการทางกฎหมายและทางสังคม เพื่อประชาชนจะได้กลับไปใช้ชีวิตในรูปแบบใหม่ ที่ลดการสูญเสียในเชิงเศรษฐกิจของประเทศ โดยที่ยังสามารถควบคุมการแพร่กระจายเชื้อในชุมชนอย่างช้า ๆ จนกว่าจะจัดหาวัคซีนที่มีประสิทธิภาพให้ได้เพียงพอ หรือจนกว่าประชากรส่วนใหญ่เริ่มมีภูมิคุ้มกันหมู่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ

    สมดุลใหม่ของการใช้ชีวิตที่จะเกิดขึ้นนี้ รัฐบาลและประชาชนจะต้องร่วมมือกัน เพื่อไม่ต้องเผชิญวิกฤตโควิด-19 รอบสอง ประกอบด้วย

    1.#การเคร่งครัดในการรักษาระยะห่างทางกายภาพ (physical distancing) โดยต้องไม่มีการอยู่รวมกันของประชาชนหนาแน่นเกินกว่า 1 คน ต่อพื้นที่ 1 ตารางเมตร ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ศูนย์การค้า ระบบขนส่งมวลชน สถานศึกษา การประชุม หรือการรวมตัวของกลุ่มคนจำนวนมาก เช่น เกินกว่า 50 คนขึ้นไป เป็นต้น

    2.#ประชาชนต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าทุกครั้ง เมื่อออกนอกที่พัก และสวมใส่ถ้าพื้นที่ในที่พักอยู่กันแออัด หรือสวมใส่ทุกครั้งเมื่อเป็นหวัด

    3.#หมั่นล้างมือบ่อย ๆ เมื่ออยู่ในที่พัก และทำความสะอาดมือทุกครั้งที่จับต้องวัตถุเมื่อออกนอกที่พัก

    4.#ใช้เวลาในที่สาธารณะให้สั้นที่สุด เพื่อการอุปโภคบริโภค และกิจกรรมที่จำเป็นส่วนบุคคล

    5.#ผู้ให้บริการทุกประเภท ที่มีการสัมผัสร่างกายผู้รับบริการ เช่น การตัดผม การนวดผ่อนคลายเส้น ต้องใส่หน้ากากอนามัยโดยเคร่งครัด มีการล้างมือให้สะอาดก่อนและหลังกิจกรรม ไม่ใช้สิ่งของร่วมกันระหว่างผู้รับบริการ สถานที่ให้บริการต้องมีระบบถ่ายเทอากาศที่ดี และมีแสงสว่างเพียงพอ และงดให้บริการกับผู้ที่มีอาการไข้หวัด

    6.#ประชาชนที่มีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ ถ้าไข้ยังสูงลอยเกิน 48 ชั่วโมง หรือมีอาการหายใจเหนื่อย หรือหายใจติดขัด ให้รีบไปพบแพทย์เพื่อพิจารณาว่าจะส่งตรวจการติดเชื้อโควิด-19 หรือไม่ โดยเฉพาะผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงการติดเชื้อโควิด-19 แล้ว มีอาการรุนแรงได้ง่าย คือ อายุเกิน 60 ปี อ้วนมาก มีโรคปอด โรคหัวใจ โรคไต และโรคตับเรื้อรัง หรือมีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง

    7.#สามารถเดินทางไปมาระหว่างพื้นที่ได้ ยกเว้นการเดินทางเข้าออกพื้นที่ที่ยังมีผู้ติด เชื้อรายใหม่จะต้องมีมาตรการคัดกรองที่เข้มงวด

    ทั้งนี้เมื่อเริ่มมีมาตรการการผ่อนคลายแล้ว หากเกิดมีการเพิ่มขึ้นของผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ โดยเฉพาะผู้ติดเชื้อแล้วป่วยขั้นวิกฤต ประชาชนต้องเตรียมพร้อมที่จะกลับไปใช้ชีวิตตามมาตรการที่เข้มงวดขึ้นตามลำดับ”

    #Ringsideการเมือง

     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,820
    ค่าพลัง:
    +97,150
    26-27 เม.ย.63 นี้ กลับไทยอีก 435 คน

    - 26 เม.ย. จากออสเตรเลีย 207 ราย (นร-นศ, คนงาน, นักท่องเที่ยว)

    - 27 เม.ย. จากญี่ปุ่น 35 ราย

    - 27 เม.ย. จากเนเธอร์แลนด์ 25 ราย

    - 27 เม.ย. จากนิวซีแลนด์ 168 ราย นร.-นศ. (มีอายุ 7-19 ปี จำนวน 88 คน)

     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,820
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ผู้ป่วยคงเหลือในเมืองอู่ฮั่นเป็น ‘ศูนย์’
    .
    1/ จีนรายงานสถานการณ์โรคโควิด-19 ประจำวันอาทิตย์ที่ 26 เมษายนว่า พบผู้ป่วยใหม่เพียง 11 คน
    .
    2/ ใน 11 คน แบ่งเป็นผู้ติดเชื้อในประเทศ 6 คน และผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศอีก 5 คน รวมสถิติผู้ป่วยทั่วจีนแผ่นดินใหญ่ 82,827 คน
    .
    3/ จำนวนผู้เสียชีวิต 4,632 คน คงที่อยู่ในจำนวนนี้ต่อเนื่อง 11 วันแล้ว นั่นหมายความว่า ไม่มีผู้เสียชีวิตด้วยโรคโควิด-19 ในจีนเกือบ 2 สัปดาห์
    .
    4/ แต่ยังคงมีผู้ป่วยอยู่ระหว่างการรักษาตัวในโรงพยาบาล 852 คน ในจำนวนนี้ 52 คนมีอาการอยู่ในขั้นวิกฤต
    .
    5/ จากจำนวนผู้ป่วยทั้งหมด 82,827 คน มีผู้ได้รับการรักษาจนหายดีและกลับบ้านได้ รวม 77,394 คน
    .
    6/ สำหรับเมืองอู่ฮั่น เมืองเอกของมณฑลหูเป่ย เมืองแรกในจีนที่พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 มีผู้ป่วย 46,452 คน คิดเป็น 56% ของทั้งประเทศ และมีผู้เสียชีวิต 3,869 คน คิดเป็น 84% ของทั้งประเทศ
    .
    7/ แม้การสูญเสียในเมืองอู่ฮั่นจะเกิดขึ้นมากมาย แต่วันนี้มีข่าวดี เพราะผู้ป่วยคงเหลือในเมืองอู่ฮั่น ณ วันอาทิตย์ที่ 26 เมษายนเป็น ‘ศูนย์’
    .
    8/ นั่นหมายความว่า ไม่มีผู้ป่วยที่อยู่ระหว่างการรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลด้วยโรคโควิด-19 ในพื้นที่เมืองอู่ฮั่น
    .
    9/ คณะกรรมาธิการสาธารณสุขแห่งชาติกล่าวชื่นชมความทุ่มเทของบุคลากรการแพทย์ทุกคนในเมืองอู่ฮั่น และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจากมณฑลอื่นที่เดินทางมาร่วมสมทบ เพื่อร่วมปฏิบัติภารกิจแนวหน้าสู้โควิดจนมาถึงวันนี้ วันที่ผู้ป่วยในอู่ฮั่นเป็นศูนย์
    .

     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,820
    ค่าพลัง:
    +97,150
    (Apr 26) คอลัมน์ กาแฟดำ: Covid-19 อาจสร้าง วิกฤติขาดอาหารระดับโลก: มีคำเตือนจากจีนว่า หากโควิด-19 ยืดเยื้อไปอีกสักพัก อาจจะเกิดปัญหาโลกขาดอาหารได้

    นี่เป็นอีกหนึ่งมิติของวิกฤติที่ไม่ควรมองข้าม เพราะห่วงโซ่การผลิตอาหารถูกป่วนด้วยไวรัสตัวนี้อย่างน่าเป็นห่วงไม่น้อยเจ้าหน้าที่กระทรวงเกษตรของจีนคนหนึ่งวิเคราะห์ว่า เมื่อโควิดแพร่ระบาดไปทั่ว ระบบการผลิตและ supply chain ของการผลิตอาหารทั้งโลกก็ถูกกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

    ไม่แต่เฉพาะกระบวนการผลิตเท่านั้น แต่แหล่งผลิตสินค้าเกษตรก็ถูกหยุดยั้งกะทันหัน

    อีกทั้งการค้าการขายสินค้าเกษตรในตลาดโลกก็ผิดไปจากระบบปกติ

    รัฐมนตรีช่วยเกษตรของจีนที่ชื่อหยูกังเจิ้นบอกว่า หลายประเทศเริ่มจะกักตุนวัตถุดิบด้านการเกษตรที่เกี่ยวกับอาหาร

    เมื่อบางประเทศไม่ขายวัตถุดิบอาหาร การผลิตในระดับโลกก็ผันผวน สิ่งที่ตามมาคือ ราคาทั้งสินค้าเกษตรและอาหารที่ผลิตก็ปั่นป่วน ขึ้นลงอย่างไม่มีเหตุไม่มีผล เพราะการประเมินอุปสงค์และอุปทานก็ไม่สามารถใช้เกณฑ์เก่าได้อีกต่อไป

    จีนเองเจอกับผลกระทบด้านนี้อย่างเห็นได้ชัดโควิด-19 ทำให้ห่วงโซ่การผลิตตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทางตกอยู่ในภาวะผิดเพี้ยนไปจากเดิมทั้งหมด

    เริ่มต้นด้วยเมื่อผู้คนต้องติดอยู่กับบ้านหรือกักตัวเองเพื่อหลีกเลี่ยงการติดเชื้อ โรงงานก็หาคนทำงานไม่ได้ การผลิตอาหารหลัก เช่น หมูและเนื้ออื่นๆ ก็ชะงักเมื่อไร่นาและโรงงานไม่ทำงานตามปกติ กระบวนการผลิตอาหารก็รวนเร

    เมื่อระบบผลิตอาหารของจีนโซซัดโซเซ ตลาดโลกก็พลอยอ่อนปวกเปียกไปด้วย

    รัฐมนตรีช่วยเกษตรจีนบอกว่า แม้ว่าจีนจะผลิตข้าวพอสำหรับกินในประเทศ แต่ธัญพืชและสินค้าเกษตรอื่นๆ ก็ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ เช่น ถั่วเหลืองและน้ำมันพืชก็เกิดขาดแคลนขึ้นมาทันทีจีนส่งออกพืชผักและชาไม่น้อย พอไวรัสอาละวาด การผลิตสินค้าเหล่านี้ก็ถูกระงับไปหลายส่วน

    ที่อเมริกา บริษัทยักษ์อย่าง Smithfield Foods ประกาศปิดโรงงานเนื้อหมูไม่มีกำหนด เพราะคนงานเกือบ 300 คนติดเชื้อโควิด

    โรงงานใหญ่นี้ตั้งอยู่ที่เมือง Sious Falls ของรัฐเซาท์ดาโกตา

    โรงงานแห่งนี้ที่มีคนงานถึง 3,700 คน เมื่อไม่สามารถจะให้คนทำงาน "รักษาระยะห่าง" ได้ ก็เปิดโอกาสให้ติดเชื้ออย่างง่ายดาย

    ประกอบกับที่รัฐบาลสหรัฐในตอนต้นไม่แสดงความใส่ใจกับการระบาดของไวรัสตัวนี้เท่าไหร่นัก จึงทำให้การแพร่เชื้อเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว

    โรงงานที่ว่าจ้างคนมากที่สุดของรัฐกลายเป็น "โรงงานผลิตเชื้อโรค" ทันที

    สัปดาห์ก่อนทั้งรัฐมีคนติดเชื้อโควิด 730 คน...ในจำนวนนี้ 293 คน มาจากโรงงานแปรรูปเนื้อหมูแห่งนี้

    ตอนแรกพอมีข่าวนี้ ฝ่ายบริหารหยุดงาน 3 วัน เพื่อทำความสะอาดและออกแบบการทำงานที่ยืนห่างกันตามกติกา social distancing แต่ก็ไร้ผล เพราะเชื้อโรคได้แพร่ออกไปกว้างขวางแล้วจนต้องประกาศปิดโรงงานทั้งหมดไม่มีกำหนด ประธานของบริษัทบอกว่า เมื่อโรงงานนี้ต้องปิด ประกอบกับการปิดโรงงานผลิตอาหารโปรตีนอีกหลายแห่ง ทำให้ประเทศอเมริกาตกอยู่ในภาวะที่เสี่ยงกับการขาดเนื้อรับประทาน

    ในช่วงเวลาใกล้กัน บริษัทผลิตเนื้อหมูใหญ่อีกแห่งหนึ่งของอเมริกาคือ Tyson Foods ก็สั่งปิดโรงงานที่เมืองวอเตอร์ลูของรัฐไอโอวา เพราะมีคนงานกว่า 180 คน จากทั้งหมด 3,000 คนติดเชื้อโควิด

    ผลกระทบต่อเนื่องก็จะลามไปถึงรายได้ของเกษตรกรเลี้ยงหมูและสัตว์อื่นๆ ที่ป้อนวัตถุดิบเข้าโรงงาน ร้านรวงที่ขายเนื้อและอาหารต่างๆ ก็จะเผชิญกับการขาดแคลน ผู้บริโภคทั้งประเทศก็จะเจอกับปัญหาไม่มีอาหารโปรตีน

    จากนั้นหากสถานการณ์กระทบไปยังประเทศอื่นๆ เพราะโรคระบาดรอบนี้ด้วย คำทำนายเรื่อง "โลกขาดอาหาร" ก็อาจจะไม่ใช่เพียงแค่จินตนาการของใครบางคน

    นี่เป็นที่มาของการที่ประเทศไทยเราจะต้องวางตัวเป็นประเทศผลิตอาหารป้อนโลกอย่างจริงจัง

    ไทยต้องเริ่มวางแผนเสริมความสามารถของเราในอันที่จะเป็น "ครัวโลก" อย่างแท้จริงเมื่อโควิดจางหายไป เพราะนี่คือโอกาสทองสำหรับไทยเราที่จะใช้ความแข็งแกร่งทางการเกษตรและการผลิตอาหารเพื่อฟื้นเศรษฐกิจของเราอย่างเป็นรูปธรรมอย่างแท้จริง

    Source: Thaipost
    https://www.thaipost.net/main/detail/64146

    เพิ่มเติม
    - WTO' เรียกร้องจี 20 ร่วมแก้ปม 'โลกขาดอาหาร': https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/877862

     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,820
    ค่าพลัง:
    +97,150
    นายกฯอังกฤษเตรียมรับศึกหนัก หลังยอดผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ใกล้แตะ 2 หมื่นราย : สื่อต่างประเทศรายงานว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 ในอังกฤษใกล้แตะระดับ 20,000 รายแล้วในขณะนี้ ซึ่งเป็นระดับที่รัฐบาลอังกฤษไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้น

    Worldometer ซึ่งเป็นเว็บไซต์รายงานข้อมูลล่าสุดที่มีการรวบรวมจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลกระบุในวันนี้ว่า อังกฤษมีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวน 143,464 รายในขณะนี้ และมีผู้เสียชีวิต 19,506 ราย

    ทั้งนี้ อังกฤษเป็นประเทศยุโรปที่มียอดผู้เสียชีวิตสูงสุดเป็นอันดับ 4 รองจากอิตาลี, สเปน และฝรั่งเศส

    สื่อคาดว่า ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ในอังกฤษยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้น นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีซึ่งหายจากอาการป่วยโรคโควิด-19 นั้น จะกลับมาปฏิบัติหน้าที่เร็วๆ นี้

    หนังสือพิมพ์เดอะเทเลกราฟรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า นายจอห์นสันจะกลับเข้ามาทำงานที่ทำเนียบนายกรัฐมนตรีบนถนนดาวนิงในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ หลังจากที่หายป่วยจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และเมื่อนายจอห์นสันกลับมาทำงาน เขาก็จะต้องเผชิญกับปัญหาหนักในการรับมือกับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากมาตรการล็อกดาวน์ ขณะที่ต้องพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้โรคโควิด-19 กลับมาระบาดซ้ำอีก

    ด้านสำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษเปิดเผยในวันศุกร์ว่า ยอดค้าปลีกเดือนมี.ค.ร่วงลง 5.1% จากเดือนก.พ. ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าอาจลดลง 4% และยังทำสถิติทรุดตัวลงหนักสุดเป็นประวัติการณ์ด้วย ซึ่งเป็นผลจากมาตรการล็อกดาวน์ และคำสั่งให้ประชาชนอยู่แต่ในบ้าน

    Source: อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย กัลยาณี ชีวะพานิช

    ความคืบหน้าล่าสุด
    - UK COVID-19 deaths pass 20,000: https://www.euronews.com/2020/04/25/coronavirus-uk-hospital-deaths-pass-20-000

     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,820
    ค่าพลัง:
    +97,150
    จีนเผย 3 บริษัทสหรัฐเข้าร่วมโครงการนำร่องพัฒนาสกุลเงินหยวนดิจิทัล : ซีเคียวริตีส์ ไทม์ส ซึ่งเป็นสื่อของรัฐบาลจีนรายงานว่า แมคโดนัลด์, สตาร์บัคส์ และซับเวย์เป็นบริษัทสหรัฐ 3 แห่งในบรรดาบริษัททั้งหมด 19 แห่งที่เข้าร่วมโครงการนำร่องของธนาคารกลางจีน (PBOC) ในการพัฒนาสกุลเงินหยวนดิจิทัลที่เมืองสงอันในมณฑลเหอเป่ยทางภาคเหนือของจีน โดยได้มีการจัดงานประชาสัมพันธ์โครงการดังกล่าวเมื่อวันพุธที่ผ่านมา

    สื่อต่างประเทศระบุว่า สกุลเงินหยวนดิจิทัลดังกล่าวนั้นยังไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบที่ชัดเจน แต่ก็ไม่มีแนวโน้มว่าจะเหมือนกับบิตคอยน์ซึ่งเป็นคริปโตเคอเรนซีที่ไม่ได้ออกโดยหน่วยงานรัฐบาลกลาง

    ทั้งนี้ PBOC จะเป็นหน่วยงานที่ออกสกุลเงินหยวนดิจิทัลของจีน และมีเป้าหมายที่จะทำให้การใช้จ่ายในระบบดิจิทัลเป็นไปอย่างง่ายดายและรวดเร็วขึ้น

    PBOC ได้ทำการพัฒนาสกุลเงินหยวนดิจิทัลในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่ก็ยังไม่ได้เริ่มใช้สกุลเงินดังกล่าวอย่างเป็นทางการ และยังไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับความคืบหน้าในการพัฒนานับตั้งแต่เปิดตัวในปี 2560

    Source: อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย กัลยาณี ชีวะพานิช

    - McDonald’s and Starbucks are reportedly part of China’s digital currency trial:https://www.cnbc.com/2020/04/24/chi...cdonalds-starbucks-part-of-pilot-program.html

     

แชร์หน้านี้

Loading...