เรื่องเด่น ภัทรกัปนี้มีพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย ธรรมวิวัฒน์, 9 ตุลาคม 2019.

  1. ธรรมวิวัฒน์

    ธรรมวิวัฒน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    26,431
    กระทู้เรื่องเด่น:
    82
    ค่าพลัง:
    +115,468
    FB_IMG_1570528714366.jpg

    พระอาจารย์กล่าวว่า "ในภัทรกัปนี้มีพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ แล้วมีอีกหนึ่งภัทรกัปที่มีอีก ๕ พระองค์ แปลว่ามีภัทรกัปต่อเนื่องกัน ๒ ภัทรกัป เป็น ๑๐ พระองค์ ไม่มีโอกาสไหนที่มนุษย์เราจะมีหนทางหรือว่าบุญที่ยิ่งไปกว่านี้อีกแล้ว ขอให้ตั้งหน้าตั้งตาทำบุญเอาไว้สักหน่อย ขอแค่หลุดเข้าไปแค่สวรรค์ชั้นต่ำสุดก็พอ เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จไปโปรดพุทธมารดาท่านอีกตั้ง ๕ - ๖ พระองค์ อย่างไรเสียเราต้องไปได้สักองค์หนึ่งแหละ"

    ถาม : ถ้าเป็นรุกขเทวดาจะได้ด้วยไหมคะ ?
    ตอบ : ต่ำ ๆ เอาเป็นอากาสเทวดาดีกว่า รุกขเทวดาบางทีอยู่ไม่ถึงกัป เพราะวิมานโดนโค่นไปแล้ว กัปที่มีพระพุทธเจ้าส่วนใหญ่จะเป็นกัปข้างที่ดีมาก เขาจะมีสารกัป คือกัปที่เป็นแก่นสาร มีพระพุทธเจ้าบังเกิดขึ้น ๑ พระองค์ มัณฑกัป กัปที่มีความผ่องใสยิ่ง มีพระพุทธเจ้าเกิดขึ้น ๒ พระองค์ วรกัป กัปที่มีความประเสริฐยิ่ง มีพระพุทธเจ้าบังเกิดขึ้น ๓ พระองค์ สารมัณฑกัป กัปที่ทั้งเป็นแก่นสารและมีความผ่องใสอย่างยิ่ง มีพระพุทธเจ้าเกิดขึ้น ๔ พระองค์ และภัทรกัป กัปที่มีความเจริญอย่างยิ่ง มีพระพุทธเจ้าเกิดขึ้น ๕ พระองค์

    ไม่ต้องไปหาที่อื่น เกิดขึ้นในโลกนี้เท่านั้น เพราะว่าโลกเรานี้เขาเรียกว่ามงคลจักรวาล พระพุทธเจ้าเวลาท่านจะเสด็จประสูติ ท่านจะต้องพิจารณาปัญจมหาวิโลกนะ ก็คือสิ่งที่เหมาะสม ๕ ประการก็จะมี

    ๑. กาล คือเวลา ว่าเหมาะสมที่พระองค์ท่านจะตรัสรู้หรือยัง โดยเฉพาะว่าเป็นช่วงเวลาที่มนุษย์สั่งสมสติปัญญามาสมควรแก่การบรรลุมรรคผลหรือยัง ถ้ายังไม่ถึงระยะเวลาที่เหมาะสมขนาดนั้น เกิดมาก็เสียเวลาเปล่า เพราะเทศน์ไปเขาก็ไม่รู้เรื่อง

    ๒.ทวีป มีทวีปใดที่เหมาะสมที่จะเกิด รับประกันซ่อมฟรีมีแต่ชมพูทวีปเท่านั้น ก็คือโลกนี้ เพราะว่ามี ความสุข ความทุกข์ ความรวย ความจนที่ต่างกันอย่างชัดเจน

    ๓. ตระกูล จะเกิดขึ้นในตระกูลใด ในมธุรัตถวิลาสีนี อรรถกถาพุทธวงศ์ กล่าวไว้ว่า จะเกิดอยู่ในสองตระกูลระหว่างกษัตริย์และพราหมณ์เท่านั้น ในช่วงนั้นนับถือว่าตระกูลใดประเสริฐกว่าก็จะเกิดในตระกูลนั้น อันนี้ลักษณะแบบประเภทที่เรียกว่าข่มกันไว้เลยว่า ในเมื่อเกิดมาจากตระกูลที่สูงขนาดนั้น ยังยอมสละตนออกบวช คนก็เห็นเป็นอัศจรรย์กันอยู่แล้ว

    ๔. มารดา ผู้ที่เป็นพุทธมารดามีแล้วหรือไม่ ผู้หญิงที่จะเป็นพุทธมารดาหายากสุด ๆ เป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดใน ๓ โลกด้วย ถ้าปกติเบญจกัลยาณีเราว่าสวยในทุกสภาพแล้ว บุคคลที่จะเป็นพุทธมารดานอกจากมีเบญจกัลยาณี ๕ อย่างแล้วยังมีอิตถีลักษณะอีก ๖๔ อย่าง อย่างเช่นไม่อ้วนเกินไป ไม่ผอมเกินไป ไม่สูงเกินไป ไม่เตี้ยเกินไป เขาจะบอกรายละเอียดไว้หมด ถ้าสูงเกินไปพระโพธิสัตว์ต้องยืดคอดื่มนม เดี๋ยวจะเสียพุทธลักษณะ เขาจะมีบอกรายละเอียดไว้หมด

    ๕. อายุ คืออายุขัยของสัตว์ ถ้าไปดาวอื่น เอาแค่ข้าง ๆ ของเราไม่ต้องไกลหรอก พุธ ศุกร์ โลก ดาว ๓ ดวงเอาไปเรียงกันไว้นี่บ้านเราอายุนิดเดียว บ้านอื่นเขาอายุเป็นหมื่น ๆ ปี ถ้าอายุขัยเหมาะสม เทศน์ถึงอนิจจังความไม่เที่ยงเขาจะเห็นได้ง่าย ลองไปเทศน์ที่ดาวพฤหัสบดีดูสิ บอกว่าเกิดมาไม่เที่ยง เขาอยู่กันเป็นแสนปี จะรู้ไหมว่าไม่เที่ยงเป็นอย่างไร แล้วแสนปีของเขานี่คนบนโลกเขาหน้าตาอ่อนกว่าเราอีก

    เพราะฉะนั้น..ก็ต้องมีความเหมาะสมทั้ง ๕ ประการนี้ พระพุทธเจ้าจึงจะเสด็จไปอุบัติ สรุปแล้วในบรรดาอนันตจักรวาลนี้ มงคลจักรวาลคือโลกมนุษย์นี้เท่านั้นที่พระพุทธเจ้าจะเสด็จมาอุบัติ แล้วถามว่าโลกอื่น ดวงดาวอื่นมีพระพุทธเจ้าเสด็จไปสงเคราะห์ไหม ? มี...ถึงเวลาพระองค์ท่านก็เสด็จไปสงเคราะห์เขา หรือไม่พระสาวกสำคัญต่าง ๆ ก็ไปสงเคราะห์เขา

    แปลว่าดวงดาวอื่นที่มีมนุษย์และสัตว์ ส่วนใหญ่จะมีจำนวนน้อย อย่างในสุริยจักรวาลของเรามีอยู่ ๒ ดวงเท่านั้นคือโลกเรากับดาวพระศุกร์ ไม่รู้เหมือนกันว่าคุณดาวพระศุกร์จะดีใจหรือเสียใจ เกิดมาทั้งทีมีสัตว์อยู่แค่ ๒ ดวงดาว แต่ว่าดาวพระศุกร์เขาดีกว่าเพราะว่ามนุษย์กับสัตว์เป็นเพื่อนกัน โลกของเรานี่มนุษย์คอยแต่จะกินเพื่อน พวกเราโชคดีที่สุดเพราะว่าช่วงภัทรกัปเกิดขึ้นได้ยากมาก ๆ เป็นช่วงที่อนุมัติจบเยอะ พระพุทธเจ้าบรรลุทีละ ๕ พระองค์ แต่อนุมัติจบเยอะก็จริง แต่นานเนกาเลจนประมาณไม่ได้ แล้วโผล่มาที ๒ ภัทรกัปติดกัน

    เราเอาแค่ในพระพุทธเจ้า ๒๘ พระองค์ ทีเราเรียกว่า อัฏฐวีสตินายกา คือผู้เป็นใหญ่ทั้ง ๒๘ ท่าน คือพระพุทธเจ้าในอดีต ๒๗ พระองค์และองค์ปัจจุบันอีก ๑ พระองค์ องค์แรกเลยก็คือพระตัณหังกรสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จอุบัติแล้วโลกว่างไป ๑ อสงไขยกัปถึงได้เกิดพระพุทธเจ้าขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง น่ากลัวขนาดไหน ไม่ได้ว่างไปทีละกัปนะ ว่างไปทีละอสงไขย อสงไขยนี้มนุษย์ทั่วไปนับไม่ได้ อสังขยา แปลว่า นับไม่ได้ แต่ในความเป็นเทวดาเป็นพรหม ความเป็นทิพย์ท่านสามารถนับได้

    ที่ว่านับไม่ได้นี่ เพราะการนับมาตราส่วนของเขา เราไม่มีโอกาสทำอย่างนั้น เช่นท่านบอกว่า ๑๐๐ ปีเอาเมล็ดงาไปหยอดใส่ถังเหล็กที่กว้าง ยาว สูงด้านละโยชน์ ๑๐๐ ปีเมล็ดงาหยอดไปเมล็ดหนึ่ง ๑๐๐ ปีหยอดไปเมล็ดหนึ่ง จนกระทั่งถังใบนั้นเต็มเสมอขึ้นมายังไม่ได้กัปหนึ่งเลย แล้วเราจะมีโอกาสหยอดเม็ดแรกไหม ? ในเมื่อเม็ดแรกยังไม่มีโอกาสหยอด ก็เลยเป็นอสงไขยก็คือนับไม่ได้

    ดังนั้น..ช่วงนี้ของพวกเราก็อย่างไรเสียเกาะในส่วนของทาน ศีล ภาวนาให้มั่นคง ต่อให้ไปพระนิพพานไม่ได้ หลุดไปเป็นเทวดาหรือนางฟ้าก็โล่งใจไปที อย่างไรเสียอีก ๖ พระองค์ท่านตรัสรู้เมื่อไร ท่านก็ช่วยกวาดไปแน่ ๆ แต่ถ้าใครประกันความเสี่ยงไปก่อนได้ก็ไปเลยนะ ไม่ต้องรอ เพราะมัวแต่รออยู่ ถ้าเผลอลงข้างล่างเมื่อไร คราวนี้ ๖ พระองค์ผ่านไปหมดยังไม่ได้ขึ้นมาหรอก เพราะว่าส่วนใหญ่แล้วหนีหนี้มา

    ถ้าเป็นหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่า “ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย” ในเมื่อหนีหนี้มา ถ้ากลับไปเมื่อไรเจ้าหนี้เขาทวงได้ เขาเล่นครบทุกอย่าง แต่ละคนนิสัยสร้างความดีมาขนาดเรานี่ พระพุทธเจ้าผ่านไปทั้ง ๒ ภัทรกัปไม่ได้ขึ้นมาหรอก มีโอกาสก็รีบไขว่คว้าให้เต็มที่ไปเลย เรื่องอื่นว่ากันทีหลัง

    พระพุทธเจ้า ๒๘ พระองค์ที่ผ่านมา มีเพียง ๒ พระองค์ที่เกิดในตระกูลพราหมณ์ คือพระพุทธเจ้ามีพระนามว่าโกนาคมน์กับพระพุทธเจ้ามีพระนามว่ากัสสปะ เพราะโลกยุคนั้นถือว่าพราหมณ์มีตระกูลที่สูงกว่า นอกนั้นก็เกิดเป็นกษัตริย์ทั้งหมด

    ต้นไม้ตรัสรู้ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตอนแรกจะไม่ได้เรียกว่าต้นโพธิ์ แต่จะมีชื่อเฉพาะของตัวเองว่าเป็นต้นอะไร อย่างเช่นเป็นต้นไผ่ แต่พอพระพุทธเจ้าตรัสรู้ ต้นไผ่นั้นก็จะเรียกว่าต้นโพธิ์โดยอัตโนมัติ อย่างของพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันของเรา แรก ๆ ก็ไม่ได้เรียกว่าไม้โพธิ์ เขาเรียกต้นอัสสถพฤกษ์ ก็คือต้นใบหางม้า เพราะใบโพธิ์จะมีปลายแหลม ๆ ยาวมาเหมือนกับหางม้าห้อยอยู่ แต่พอพระพุทธเจ้าไปนั่งตรัสรู้อยู่ข้างใต้ ต้นใบหางม้าเลยกลายเป็นต้นโพธิ์ เป็นพระศรีมหาโพธิ์

    คราวนี้ในส่วนของนาคะ บ้านเราแปลว่าต้นกากะทิง หรือบางคนเรียกว่าสารภีทะเล แต่ทางพม่าเขาแปลว่าต้นบุนนาค บุนนาคหรือกากะทิง หรือสารภีทะเล เป็นไม้ตระกูลเดียวกันหมด เชื่อว่าสามารถที่จะเสียบกิ่งทาบกิ่งข้ามพันธุ์กันได้เลย เพราะว่าลักษณะดอกคล้าย ๆ กัน จะมีบุนนาค สารภี กากะทิง การะเกด มีใครรู้จักไม้โบราณ ๆ พวกนี้บ้างไหม ? ดอกคล้าย ๆ กันหมด แต่ว่าทางด้านพม่าเขาเชื่อว่าเป็นต้นบุนนาค เพราะฉะนั้น..ที่พม่าแย่งกันปลูกบุนนาคในวัด เผื่อว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาตรัสรู้ในกาลข้างหน้า อาจจะเป็นต้นใดต้นหนึ่งได้มีโอกาสเป็นไม้โพธิ์ของท่าน

    ส่วนต้นไม้บางประเภทเขาเรียกชื่อโบราณ อย่างต้นสิรีสะ เป็นไม้ตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีนามว่ากกุสันโธ คัมภีร์โบราณแปลว่าต้นซึก มีใครรู้เรื่องบ้างว่าต้นซึกหน้าตาเป็นอย่างไร ? คุณติ๊กรู้จักต้นซึกไหม ? ที่บ้านคุณก็มี ทางเหนือเขาเรียก จ๊าก๋าม ก็คือต้นฉำฉาหรือจามจุรีนั่นแหละ

    ส่วนต้นสาละที่พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานที่สาลวโนทยาน เป็นสาละที่เราไม่รู้จักกัน เรารู้จักแต่สาละลังกา หรือต้นแคนนอนบอล สาละลังกาหอมมาก ใครเคยได้กลิ่นจะจำติดจมูกเลย ต้นสาละที่พระพุทธเจ้าปรินิพพานไม่ใช่สาละลังกา เป็นอาตมาก็ไม่เสี่ยงไปปรินิพพานใต้สาละลังกา เนื่องจากอาจจะปรินิพพานก่อนเวลา เพราะว่าลูกใหญ่เหลือเกิน ตกลงหัวก็เป็นเรื่องเลย..!

    ที่มา.. Wattakhanun
     
  2. patus12

    patus12 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2019
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +6
    สาธุครับ สาธุๆๆ
     

แชร์หน้านี้

Loading...