สังฆทาน ???

สงสัยเรื่องสังฆทานครับ เนื่องจากอ่านหนังสือของหลวงพ่อ ท่านกล่าวว่า สังฆทาน เป็นการทำบุญที่ได้อาณิสงค์สูง แต่ต้องมีพระอย่างน้อย 4 รูป แล้วที่พวกเราไปทำบุญสังฆทานตามวัดกับพระแค่ 1 รูปแบบนี้ใช่ตรงกับความหมายที่หลวงพ่อท่านกล่าวไว้หรือไม่ อาณิสงค์ต่างกันอย่างไร
ขอบพระคุณครับ

 

ให้เราคิดว่าพระ ๑ รูปที่ท่านนั่งรับสังฆทานนั้นท่านเสียสละเวลาปฏิบัติธรรมของท่านมาเป็นตัวแทนของหมู่สงฆ์ในวัดนั้น ไทยธรรมที่เรานำมาถวายนี้เราตั้งใจถวายคณะสงฆ์ผู้เป็นสาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้สืบอายุพระศาสนา

ขออนุโมทนาบุญครับ
สาธุ

 

ขออภัยที่ไม่เห็นด้วยครับ

สังฆทานต้องมี พระสมมุติสงฆ์อย่างน้อย ๔ รูปถึงจะรับเป็นสังฆทานได้ครับ

ถ้ารับรูปเดียว เป็นสังฆทานไม่ได้ครับ

นอกเสียจากมีการประชุมสงฆ์อย่างน้อย ๔ รูปส่งตัวแทนของสงฆ์มารับ หรือ
พระอรหันต์เท่านั้นที่รับได้เพียงองค์เดียวครับ

ถ้าความคิดเห็นของผมผิดพลาดขออภัยด้วยครับ โปรดชี้แจงด้วยครับ

 

เอาละซิ ชักจะ งง แล้วครับ แล้วที่เราไปทำบุญกับพระแค่ 1 รูปนี้เรียกว่าอะไรครับ อาณิสงค์เป็นยังไงครับ
รบกวนผู้รู้มาอธิบายเพิ่มเติมด้วยนะครับ
ขอบพระคุณครับ

 

พระส่วนใหญ่ที่เราเห็น ๆ กันในปัจจุบัน ต้องเรียกว่า พระสมมุติสงฆ์

ซึ่งท่านเหล่านั้นยังไม่บรรลุธรรมะ ยังมีกิเลสอยู่

พระอรหันต์ ๑ องค์ ถือว่าเป็นสงฆ์

ขอยกตัวอย่าง อานิสงส์ของการให้ทานเพื่อให้เห็นความแตกต่าง

ทำทานกับสัตว์เดรัจฉานได้บุญ ๑๐๐ เท่า

ทำทานกับคนไม่มีศีลได้บุญ ๑,๐๐๐ เท่า

ทำทานกับคนที่รักษาศีล ๕ ศีล ๘ ได้บุญ ๑๐,๐๐๐ เท่า

ทำทานกับกับคนที่รักษาศีล ๘ อุโบสถ ได้บุญ ๑๐๐,๐๐๐ เท่าเป็นอย่างน้อย

ทำทานแก่สมมุติสงฆ์(ที่มีศีล ๒๒๗ ข้อครบ) ได้บุญนับไม่ถ้วนแต่น้อยกว่า พระโสดาบัน

ทำทานแก่พระโสดาบัน ได้บุญนับไม่ถ้วนแต่น้อยกว่าพระสกทาคามี

ทำทานแก่พระสกทาคามี ได้บุญนับไม่ถ้วนแต่น้อยกว่าพระอนาคามี

ทำทานแก่พระอานาคามี ได้บุญนับไม่ถ้วนแต่น้อยกว่าพระอรหันต์

ทำทานแก่พระอรหันต์ ได้บุญนับไม่ถ้วนแต่น้อยกว่าพระปัจเจกพุทธเจ้า

ทำทานแก่พระปัจเจกพุทธเจ้า ได้บุญนับไม่ถ้วนแต่น้อยกว่าพระพุทธเจ้า

ทำทานแก่พระพุทธเจ้า ได้บุญนับไม่ถ้วนแต่น้อยกว่า ถวายสังฆทานให้พระอริยสงฆ์สองฝ่าย คือ พระภิกษุสงฆ์และพระภิกษุณีสงฆ์ โดยมีพระพุทธเจ้าเป็นองค์ประธาน ซึ่งเป็นการทำทาน(ด้วยสิ่งของ)สูงสุดในโลก

ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยครับ

 

เป็นทานเฉพาะบุคคลครับ ซึ่งก็อาจมีอานิสงส์สูงได้ เช่น การให้ทานผู้มีศีล 5 บริบูรณ์ ก็เป็นกำลังกุศลสูงพอที่จะอุทิศให้เปรตเปลี่ยนภูมิเป็นเทวดาได้

แต่ถ้าพระภิกษุที่รับการถวายทานจากเราเป็นผู้แทนสงฆ์ หรือทำตนเป็นผู้แทนสงฆ์ นำวัถตุทานที่รับไว้ ไปทำประโยชน์ในกิจการของสงฆ์ ทานนั้นก็เป็นสังฆทานครับ

ซึ่งอานิสงส์ของบุญพระสังฆทานเพียงครั้ง แม้พระญาณขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ยังไม่เห็นที่สุดของการให้ผล บุคคลผู้ถวายพระสังฆทานแม้เพียงครั้งเดียวจะไม่รู้จักคำว่ายากจนตลอดไปตราบเข้าสู่พระนิพพาน

ทำบุญกับ บุคคลผู้มีศีลบริสุทธิ์ 100 ครั้ง ยังไม่เท่ากับทำบุญกับ พระโสดาบัน 1 ครั้ง
ทำบุญกับ พระโสดาบัน 100 ครั้ง ยังไม่เท่ากับทำบุญกับ พระสกิทาคามี 1 ครั้ง
ทำบุญกับ พระสกิทาคามี 100 ครั้ง ยังไม่เท่ากับทำบุญกับ พระอนาคามี 1 ครั้ง
ทำบุญกับ พระอนาคามี 100 ครั้ง ยังไม่เท่ากับทำบุญกับ พระอรหันต์ 1 ครั้ง
ทำบุญกับ พระอรหันต์ 100 ครั้ง ยังไม่เท่ากับทำบุญกับ พระปัจเจกพุทธเจ้า 1 ครั้ง
ทำบุญกับ พระปัจเจกพุทธเจ้า 100 ครั้ง ยังไม่เท่ากับทำบุญกับ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า 1 ครั้ง
ทำบุญกับ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า 100 ครั้ง ยังไม่เท่ากับทำบุญพระสังฆทาน 1 ครั้ง
ทำบุญพระสังฆทาน 100 ครั้ง ยังไม่เท่ากับทำบุญวิหารทาน 1 ครั้ง

สัพเพทานัง ธัมมะทานัง ชินาติ การให้ธรรมะ ชนะการให้ทั้งปวง

เพราะฉะนั้น งานนี้อีตาคนเก่าคว้าพุงไปกิน สบายแฮ อิๆ

 

จากที่พี่คนเก่าเขียนไว้
แต่ถ้าพระภิกษุที่รับการถวายทานจากเราเป็นผู้แทนสงฆ์ หรือทำตนเป็นผู้แทนสงฆ์ นำวัถตุทานที่รับไว้ ไปทำประโยชน์ในกิจการของสงฆ์ ทานนั้นก็เป็นสังฆทานครับ
เมื่อเราถือถังสังฆทานเข้าไปในวัด เราไม่มีทางรู้เลยว่า พระที่รับสังฆทานจากเรา ได้เป็นผู้แทน หรือ ทำตนเป็นผู้แทนสงฆ์หรือไม่ หรือว่าปรกติ ท่านจะตกลงกันไว้ก่อนล่วงหน้าแล้ว ขอความคิดเห็นครับ

 

เราก็บอกท่านซิครับว่าขอถวายสังฆทาน

สมัยหนึ่งผมก็ชอบขับรถเที่ยวต่างจังหวัด พร้อมนำเครื่องพระสังฆทานติดท้ายรถไปด้วย สัก 10 โมงเศษๆ เจอวัดไหน ก็เลี้ยวเข้าไปถามหาเจ้าอาวาส กราบเรียนท่านขอถวายสังฆทาน(มีคำกล่าวถวายในหนังสือสวดมนต์พิธี เล่มสีเหลือง หาได้ตามร้านหนังสือใหญ่ทั่วไป) สมาทานศีลกล่าวคำถวายสังฆทานเสร็จก็ประเคน ท่านก็ให้พร แล้วก็เที่ยวต่อ ได้เที่ยวเพลินด้วย ได้กุศลด้วย

 

สังฆทาน มีแบบแผนมาแต่ครั้งพุทธกาลแต่ในครั้งนั้นท่านแบ่งสังฆทานไว้ถึง ๗ ประการ คือ
๑. ถวายแก่หมู่ภิกษุ และภิกษุณี มีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน
๒. ถวายแก่หมู่ภิกษุ มีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน
๓. ถวายแก่หมู่ภิกษุณี มีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน
๔. ถวายแก่หมู่ภิกษุและภิกษุณี ไม่มีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน
๕. ถวายแก่หมู่ภิกษุ ไม่มีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน
๖. ถวายแก่หมู่ภิกษุณี ไม่มีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน
๗. ร้องขอต่อสงฆ์ให้ส่งใครผู้ใดผู้หนึ่ง ไปรับแล้วถวายแก่ผู้นั้น

http://www.mcu.ac.th/site/bud09.php

 

สังฆทาน ทานเพื่อสงฆ์,การถวายแก่สงฆ์ คือ ถวายเป็นกลางๆ ไม่จำเพาะเจาะจงภิกษุรูปใดรูปหนึ่ง เช่น จะทำพิธีถวายของที่มีจำนวนจำกัดพึงแจ้งแก่ทางวัดให้จัดพระไปรับตามจำนวนที่ต้องการ หัวหน้าสงฆ์จัดภิกษุใดไปพึงทำใจว่า ท่านมารับในนามของสงฆ์ หรือเป็นผู้แทนของสงฆ์ทั้งหมด ไม่พึงเพ่งเล็งว่าเป็นบุคคลใด คิดตั้งใจแต่ว่า จะถวายอุทิศแก่สงฆ์;ในพิธีพึงจุดธูปเทียนบูชาพระ อาราธนาศีล รับศีล จบแล้วตั้งนโม ๓ จบ กล่าวคำถวายเสร็จแล้วประเคนของ และเมื่อพระสงฆ์อนุโมทนา พึงกรวดน้ำ รับพร เป็นเสร็จพิธี, คำถวายสังฆทานว่าดังนี้:อิมานิ มยํ ภนฺเต, ภตฺตานิ, สปริวารานิ, ภิกฺขุสงฺฆสฺส, โอโณชยาม, สาธุ โนภนฺเต, ภิกฺขุสงฺโฆ, อิมานิ, ภตฺตานิ, สปริวารานิ, ปฏิคฺคณฺหาตุ, อมฺหากํ,ทีฆรตฺตํ, หิตาย, สุขาย, แปลว่า : ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลายขอน้อมถวาย ภัตตาหาร กับทั้งบริวารเหล่านี้แก่พระภิกษุสงฆ์ ขอพระภิกษุสงฆ์จงรับ ภัตตาหาร กับทั้งบริวารเหล่านี้ ของข้าพเจ้าทั้งหลาย เพื่อประโยชน์และความสุขแก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย สิ้นกาลนานเทอญฯ

อนึ่ง ถ้าเป็นสังฆทานประเภทอุทิศผู้ตาย เรียกว่า มตกภัต ถึงเปลี่ยนแลงคำถวายที่พิมพ์ตัวเอนไว้คือ ภตฺตานิ เป็น มตกภตฺตานิ, อมฺหากํ เป็น อมฺหากญฺเจว มาตาปิตุอาทีนญฺจ ญาตกานํ กาลกตานํ; ภัตตาหาร เป็น่ มตกภัตตาหาร,
แก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย เป็น แก่ข้าพเจ้าทั้งหลายด้วย แก่ญาติของข้าพเจ้าทั้งหลาย มีมารดา บิดา เป็นต้น ผู้ล่วงลับไปแล้วด้วย

http://www.dhammathai.org/buddhistdic/buddhistdictionary.php

 

อนุโมทนา สาธุ

ถ้าคณะสงฆ์ส่งตัวแทนมารับ เป็น "สังฆทาน"
สมมุติสงฆ์มารับเองโดยไม่มีการส่งตัวแทนของคณะสงฆ์ ไม่เป็น "สังฆทาน"

 

เมื่อเราแสดงความจำนงกับพระสงฆ์รูปใดรูปหนึ่งว่าเราต้องการถวายพระสังฆทาน หากท่านรับไป เราก็ได้อานิสงฆ์พระสังฆทานแล้วครับ วัตถุทานที่เราถวายก็กลายเป็นของสงฆ์ หากพระรูปนั้นนำไปใช้ผิดประเภทก็โดนโทษละเมิดของสงฆ์เอง แต่อานิสงส์สังฆทานของเราก็ยังอยู่

 

ขอขอบพระคุณพี่ๆทุกท่านที่ให้ความรู้ความกระจ่างครับผม

 

แล้วในกรณี ที่
1. เราไปที่วัด ที่ท่านมีตู้หรือกระปุกให้หยอดเขียนว่าสำหรับสังฆทาน ซึ่งเราก็ได้ตั้งใจบริจาคปัจจัยใส่ตู้ไปเป็นสังฆทาน โดยไม่ได้บอกพระสงฆ์รูปใดรูปหนึ่งในบริเวณนั้นเลยขณะที่เราทำ อย่างนี้ถือเป็นว่าเราได้ทำสังฆทานแล้วใช่ไหมครับ
2. ถ้าเราทำกระปุกไว้ที่บ้าน เขียนว่าสำหรับนำไปทำบุญสังฆทาน เพื่อจะได้ทำบุญได้ทุกวัน เมื่อถึงรอบระยะเวลาหนึ่ง เราก็นำเงินในกระปุกไปหยอดตู้ตามข้อ1 จะถือว่าขณะที่หยอดกระปุกที่บ้าน เราได้บุญสังฆทานไปแล้วหรือไม่ อย่างไรครับ

 

แล้วในกรณี ที่
1. เราไปที่วัด ที่ท่านมีตู้หรือกระปุกให้หยอดเขียนว่าสำหรับสังฆทาน ซึ่งเราก็ได้ตั้งใจบริจาคปัจจัยใส่ตู้ไปเป็นสังฆทาน โดยไม่ได้บอกพระสงฆ์รูปใดรูปหนึ่งในบริเวณนั้นเลยขณะที่เราทำ อย่างนี้ถือเป็นว่าเราได้ทำสังฆทานแล้วใช่ไหมครับ
แม่นดังท่านว่า
2. ถ้าเราทำกระปุกไว้ที่บ้าน เขียนว่าสำหรับนำไปทำบุญสังฆทาน เพื่อจะได้ทำบุญได้ทุกวัน เมื่อถึงรอบระยะเวลาหนึ่ง เราก็นำเงินในกระปุกไปหยอดตู้ตามข้อ1 จะถือว่าขณะที่หยอดกระปุกที่บ้าน เราได้บุญสังฆทานไปแล้วหรือไม่ อย่างไรครับ
ได้บุญตั้งแต่หยอดแล้วจ้ะ แต่ถ้าดันตายแล้วคนในบ้านเอาตังไปใช้ คนเอาไปใช้ก็ซวยปาย ดังนั้นควรมีป้ายติดให้ชัดเจนเพื่อความปลอดภัยของครอบครัวจ้ะ

 

ขออนุโมทนากับเจ้าของกระทู้ และท่านผู้รู้ที่ตอบเป็นวิทยาทานค่ะ

 

<TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="95%" align=center border=0><TBODY><TR><TD background=images/gradients/bg_p.gif>สมาชิก 2 คน ได้กล่าว "ไม่เห็นด้วย" กับข้อความของ คุณ เฮียปอ ตำมะลัง ที่เขียนไว้ทางด้านบน</TD></TR><TR><TD class=alt2 height=29>อักขรสัญจร (วันนี้), suthamma (05-04-2008) </TD></TR></TBODY></TABLE>

ไม่เห็นด้วย แจกใบแดงผมอย่างเดียวเลย พี่ฝุ่น พี่สุธรรมมา

ผมต๊กกะใจน่ะเนี๊ย...555+

สรุปว่า คุณพี่ทั้งสอง คิดแบบเดียวกับพี่คนเก่า นะครับ

ผมจะได้คิดใหม่ทำใหม่...สาธุ

 

โอ๋ๆ มาช่วยปลอบเฮีบปอที่น่ารัก

ทั้ง 2 ท่านเมตตาช่วยยับยั้งโทษการให้ความเข้าใจผิด
ในธรรมของเฮีบปอตะหากครับ ที่เฮียกระตือรือร้นให้
ธรรมทานแก่ผู้อื่นเป็นสิ่งดีครับ แต่ถ้าให้ผิดจะเป็นโทษ
แก่ตนเองอย่างมหันต์ ยิ่งเขาเชื่อถือนำไปปฏิบัติผิดๆ
เป็นผลผิดๆ อาจถึงขั้นมิจฉาทิฐิ แล้วเฮียปอของอีตาคนเก่า
จะเหลือรึ โทษมิจฉาทิฐิคือโลกันต์มหานรกนะครับ ถ้าหลุด
ไปโลกันต์น่ะ ไม่มีอายุครับ พระพุทธเจ้ามาตรัสไปอีกเป็น
แสนพระองค์ ก็ยังไม่รู้ว่าจะได้ขึ้นหรือเปล่า

ในมุตโตทัยของหลวงปู่มั่น ท่านกล่าวโทษไว้หนักมาก ถึงขั้น
ว่าหากไม่ฝึกตนให้ดีก่อน แล้วไปแสดง จำแนก แจกธรรมแก่
ผู้อื่น เท่ากับประกาศความชั่วของตนไปในจตุรทิศ

ฮูยยย.. นึกถึงคำกล่าวโทษนี่ทีไร อีตาคนเก่าขนพองสยอง
เกล้าทุกที โดนไปเองไม่รู้กี่รอบแล้ว แหะๆ...

 

สมมุติสงฆ์ 1 รูป ที่มานั่งรับสังฆทานตามวัดในวันเสาร์ อาทิตย์ หรือ งานบุญต่าง ๆ น่าจะได้รับการมอบหมายจากหมู่สงฆ์ ให้มาทำหน้าที่รับสังฆทานจากญาติโยม ต่าง ๆ , พระท่านมอบหมายเป็นเการภายในวัด เป็นกิจประจำวัน ประจำสัปดาห์ , ปัจจัยที่ได้เป็นของหมู่สงฆ์ ครับ