สารพันปัญหา ตอบโดยคุณ nopphakan

ขอบคุณครับท่านนพ อาการแน่นตื้อมันมาเป็นระยะครับไม่สม่ำเสมอจะคอยสังเกตุดูครับ แต่เรื่องพิเศษอะไรนี่ผมไม่เอาเลยนะครับผมตั้งใจไว้นานมากแล้ว ถ้ายังหลงอยู่ไม่เอาอะไรทั้งนั้นครับผมไม่ฝึกอะไรเลย แม้แต่สมาธิพอมันเริ่มรวมได้ 2-3 รอบผมก็ไม่ทำต่อละครับ แต่ผมก็มีพี่ๆภาคทิพย์และองค์ฌาน ไว้สอบถามอะไรมั่งนิดหน่อยครับผม
ขอทิ้งและขอวางทุกอย่างก่อนครับ ขอพัฒนาตัวเองก่อน
อ่าพอเข้าใจละครับ ก่อนนอนทุกคืนผมจะระลึกถึงหลายๆท่านที่อยู่ไกล ที่ผมเคยไปรบกวนท่านทั้งหลายทั้งที่อยู่ด้านนอกด้านใน ต้นธาตุผมเขามีกำลังมากพอไปไหนก็ได้ แต่ตัวจิตผมเองไม่ได้ฝึกไม่ได้ทำอะไรเลยจึงมีกำลังไม่พอ เป็นสมมุติฐานขั้นต้นครับผมเพราะเหตุเกิดอื่นนอกจากนี้ไม่น่าจะมีเลยครับ ขอบคุณอีกครั้งครับท่านนพ

 

ขอบพระตุณค่ะ คิๆๆๆ

 

เห็นนายแบบหรือครับ เพราะว่าดูคล้ายได้ครับ ๕๕๕

เรื่องปกติดีแล้วที่รู้สึกได้ เพราะเป็นวันปล่อยภูมิช่วงใกล้พ้นกรรมกับปล่อยให้ภูมิที่ยังต้องงการกำลังบุญออกมา รวมทั้งภูมิที่ครึ่งหนึ่งอยู่ล่างอีกครึ่งอยู่โลก
เราอาจจะอยากกินอะไรแปลกๆก็ได้
ให้กรวดน้ำบ่อยๆ
และก่อนกินอาหารก็แบ่งบางส่วนพลีไป (^_^)
ส่วนตัวเรียกวันสร้างบารมีพิเศษ

 

หลังจากให้จิตปล่อยวางเรื่องดังกล่าวตามที่ท่านนพบอก อาการแน่นๆ ที่หน้าอกก็เบาบางขึ้นเยอะครับ ส่วนที่ศรีษะค่อยๆใช้เวลาครับ ตอนนี้ผมก็พยายามปรับให้ลมหายใจเข้าได้ลึกขึ้นยาวขึ้นครับเมื่อคืนตอนเริ่มนั่งก็มีอาการอุ่นๆเล็กน้อยที่หน้าด้านขวาจนนั่งสมาธิเสร็จครับ ก็อุทิศบุญผ่านสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้เพื่อนทุกข์ที่อยู่รอบๆครับ มีปิติเกิดขึ้นเล็กน้อย
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำทุกคำนะครับท่านนพ ก็พยายามเดินต่อไปครับ

 

เค้าก็เคยเห็นนะ คล้ายๆคุณนบ เป็นลูกค้ามาที่ร้าน ยังว่า เป็นญาติกันรึเปล่าหว๋า... แต่คงไม่ใช่อะ อิอิ

 

ขอบคุณมากคะ

 

เขามาอยู่กับเราหรอ แล้วเขาเป็นใครกันคะ

 

ไม่ได้มาอยู่แต่มีเป็นปกติ
และเกิดได้กับทุกคน
เค้าอยู่เพราะเป็นไปตามวิบากแห่งจิต
ซึ่งอาจจะอยู่ยุคสมัยใดก็ได้
แล้วแต่วิบากครับ
และมีเป็นแสนเป็นล้าน
แถบนับไม่ได้ ดังนั้นอย่าสนใจประเด็นนี้
เราควรทำของเราไป อย่าไปรู้ตอนนี้ถ้ายัง
รู้เองไม่ได้ มันจะทำให้จิตเราไม่เป็นกลางได้
จากการที่เราคาดว่าเป็นอะไรครับ
เด่วเราทำบ่อยๆอาการทางกายเราจะปกติ
ที่คุณเป็นเพราะจิตรับรู้ได้ดีขึ้น
แต่ร่างกายมีภูมิต้านท้าน
ยังไม่สมดุลกับการรับรู้ของจิต การอุทิศบ่อยๆ
จะช่วยสร้างภูมิต้านทานไปในตัวเอง
โดยธรรมชาตินั่นเองครับ ต่อไปจะเฉยๆได้เอง
แม้รู้สึกทางใจแต่กายจะปกติครับ

 

เข้าใจแล้วคะ ขอบคุณมากเลยคะ

 

สวัสดีครับคุณนพ ผมขอคำแนะนำด้วยครับตอนนี้มีปัญหา จิตตก (ฟุ้งซ่าน) ไม่สามารถ เดินจงกรม และนั่งสมาธิ ไม่ได้ครับ

 

สวัสดีครับคุณนพ จากขอคำปรึกษา เรื่องการดูลมหายใจ
คือ ดูลมเข้าออกที่จมูก พร้อมภาวนา พุทโธ แต่มักจะทำให้เครียด คือรู้สึกว่าหายใจลำบาก และต้องหายใจแรงๆ การหายใจไม่เป็นธรรมชาติ
แต่ถ้าดูลมที่จมูก พร้อมภาวนาบทจักรพรรดิ การหายใจจะเป็นธรรมชาติ แต่มักเผลอหลับ ง่วง หรือจิตฟุ้งซ่าน
1.อยากถามว่า ผมควรจับลมหายใจแบบ เอาแค่รู้ว่า หายใจเข้า ออก อย่างเดียว หรือ ดูเฉพาะจุด
2. เคยอ่านในบางที่ ท่านว่า เวลาสวดมนต์ให้วางจิตไว้ที่ลิ้นปี่ ความหมายคือ นึกว่าเราดูที่ลิ้นปี่อยู่ ใช่หรือเปล่าครับ และนำจุดนี้มาใช้นั่งสมาธิ ภาวนาบทจักรพรรดิ ได้เหมือนกันไม๊ครับ
ขอบคุณมากครับ

 

สวัสดีครับ คุณนพฯ
เข้ามาแสดงความยินดี ที่คุณนพตอบปัญหากทนี้ ผ่านไป 1 ปี ขออนุญาติ อาราธนาพระฯประทานพรให้คุณนพฯและผู้ถามทุกท่าน จงมีความสุข ความเจริญครับ

 

เจริญสติให้ต่อเนื่องแบบเคลื่อนไหวร่างกาย
เช่น เดินนับก้าว นั่งนับนิ้ว ซักพักเด่วหายเอง

 

๑ เปลี่ยนจากดูเป็น รู้สึกว่ามีลมกระทบเข้าออกที่ปลายจมูกไม่ว่าเวลาใช้ชีวิตปกติหรือสวดคาถาฯ ห้ามตามลมหายใจเพราะทำให้แป๊ก อึดอัดไปต้อไม่ได้
๒ ถ้าหลับตาโน้มสายตามาที่ลิ้นปี่(สังเกตุสายตาพระพุทธรูป)ไม่ใช่ดูลิ้นปี่ (จิตจะอยู่ที่ลิ้นปี่เพราะมันเป็นฐานของจิต วัดจากตอนที่กายกับจิตมันแยกกันเด็ดขาดชั่วคราวจิตอยู่ตรงไหนในกายนั่นหละฐานของจิต)เพื่อตัดความคิดสมองที่จะไปเขื่อมกับจิตซึ่งจะเป็นไปตามธรรมชาติ และเราจะเหมือนมีตาเดียวมองผ่านเหนือระหว่างคิ้วแทน เราใช้ตรงนี้ เพื่อการมองนามธรรมและมันตะเป็นตามธรรมชาติ
๓ สวดมนต์ลืมตาให้ทำตานิ่งไห้ามขยับซ้ายขวา
ถ้าหลับตาให้โน้มตาลงที่ลิ้นปี่ ทั้งหลับตาลืมตา ให้ระลึกลมหายใจเข้าออกหยุดที่ปลายจมูก แต่ดันให้ลมลึกถึงท้องแต่ห้ามตามลม และสวดคาถาไปเรื่อยๆไม่ต้องสนวรรคตอน เทคนิคและระบบหายใจที่แนะนำ เราจะเห็นผลของคาถาได้เองจากการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมอากาศรอบๆตัว ถ้าง่วง ให้หาอะไรอย่างอื่นทำจะสลับเดินจงกลมก็ได้ ที่สำมะคัญคือ การรักษาระบบหายใจอย่างที่แนะนำไว้ก่อนหน้า
ปล.ของคุณอีกหน่อยเดียว เด่วมันไปต่อได้เอง แก้และทำตามที่บอกครับ

 

โอ้ ขอบคุณมากๆครับ

 

สวัสดีค่ะ คุณ Nopphakan มีเรื่องอยากสอบถามกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น 3 เหตุการณ์แต่คนละเรื่องค่ะ
1. เราเกิดสงสัยว่าทำไมคนๆนี้ถึงได้ชอบทำบุญ แล้วอยู่ก็รู้สึกถึงแรงศรัทธา มุ่งมั่น ตั้งใจ มาก จนเรารู้สึกเจ็บแปล๊บที่ใจ สงสัยว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นเป็นของคนๆนั้นที่เราสงสัยทำไมเราถึงมารู้สึกได้ งงมากไม่รู้ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร
2. ระหว่าง ฝึกสมาธิจนถึง จิตตื่นชัดเข้าไปเรื่อยๆแล้วก็รู้สึกเหมือนอยู่อีกโลกโปร่งโล่งมาก รู้ว่าถ้าเอาจิตไปร่วมกับเสียงเพลงที่ได้ยินจะหลุดจากสภาวะนี้ทันที อยากทราบว่าความรู้สึกนี้คือสภาวะธรรมอะไรค่ะ
3. เคยเห็นดวงแสง สีแดงตรงกลางออกสีส้ม มีรัศมีสีฟ้า ดวงไม่ใหญ่ประมาณเหรียญ 10 บาทเห็นขณะแปรงฟัน ตอนเช้าพอหลับตาหรือกระพริบตาก็ยังเห็นแต่สีจะเข้มชัดขึ้นลอยนิ่งๆประมาณ 5 นาทีก็หายไปค่ะ คือดวงแสงอะไรค่ะ
ขอบคุณค่ะ

 

ฟังหูไว้หูนะครับ เกริ่นก่อนนะ ขอบอกไว้ก่อนว่า จิตมันเคยมีต้นทุนทางด้าน
เกี่ยวกับหูพิเศษมาก่อน ซึ่งมันเป็นกระบวณการฝึกอย่างหนึ่ง
เพียงแต่ว่าไม่ค่อยมีใครพูดถึงกัน เพียงแต่ว่า มันดันไปเน้นในเรื่องการสื่อสารในระดับเหมือนๆ เคยถามเคยคุยกับผีกับวิญญานมาก่อนเพื่อช่วยคนมาในอดีต พอนึกออกไหม คือไม่ใช่แบบพวกเกจิอาจารย์ที่คุยได้ทุกระดับนะ ให้เข้าใจอย่างนี้ก่อนนะ
ที่บอกไม่ใช่ไม่ดีนะ แต่เป็นประมาณที่พูด.....

ตอบข้อ ๑.ไม่ต้องงงหรอก ผลจากที่เกริ่นนั่นหละ เพียงแต่ปัจจุบันพอเรารับรู้แล้วเราต้อง รู้จักการตัด เพราะภูมิต้านทานทางจิตเรายังไม่พอ พูดง่ายๆคือ กำลังสมาธิสะสมหรือกำลังจิตยังไม่พอ จึงจำเป็นต้องที่รับรู้แล้วตัดเลย (ไม่สนใจ รู้แล้วจบ ช่างมัน)บ่อยๆๆๆ เพื่อให้มันเกิดความเคยชิน. เปรียบเหมือน เราเคยเป็นนักวิ่งระยะ ๑๐ กม. มาก่อน แล้วพักไปนาน พอมาเริ่มวิ่งใหม่ๆมันจะเหนื่อย พอนึกภาพเนาะ
ตอบ ข้อ ๒ มันคือวิธีการฝึกทางด้านหูนั่นหละ ก็บอกแล้วมันเคยฝึกมาก่อน ปกติถ้าคนไม่เคยฝึกมาก่อน จะนึกเรื่องแบบนี้หรือทำแบบนี้ไม่ออกหรอก เพราะว่ามันเป็นเฉพาะทาง เพียงแต่ว่าให้ทำบ่อยๆ และรักษาสมาธิให้ดี อย่าไปหวังว่าจะได้ยินเสียงนานๆหรือต้องไปเข้าใจเสียงอะไรพวกนั้น และไม่ต้องหวังคำตอบจากเสียงนั้นๆ และไม่ต้องสนใจว่าจะได้ยินอะไรกลับมา คือพวกนี้มันเป็นคลื่น มันไม่ได้ใช้การพูดอะไร เป็นการส่งคลื่น หรือทำให้เกิดคลื่น (เช่น มด เอาหนวดแตะกัน แต่เราจะรู้เองว่ามันคุยอะไรกันพอนึกออกไหม). สรุป ตรงนี้น่าจะเป็นการมาต่อยอด ความสามารถพิเศษด้านเสียง เพราะมันจะเป็นระดับขั้นที่สูงกว่า
ส่วนที่เกริ่นไปก่อนหน้านั่นเอง
ตอบ ข้อ ๓ ดวงจิต มีหลายสี แยกได้ ๒๒ สี. สีบอกสิ่งที่เด่นชัดของจิตทางด้านนั้น เช่น สีขาวชอบทำบุญ สีน้ำเงิน นักสมาธิ สีม่วงกำลังจิต สีเขียวรักษาคนได้ สีทองมีพลังรักษาคน สีแดงนักฤิทธิ์ ถ้าแดงอ่อนหน่อย ก็มีเมตตาปน สีเราเห็นคือ มีฤิทธิ์ใจดีด้วยมีสมบัติมากด้วย ประมาณ คือ อย่าไปสนใจเรื่องสี แต่ระยะเวลาในการเห็นบอกกำลังสมาธิเรา ถ้าแว๊บเดียวหันไปมองแล้วหายคือ ขนิณกะสมาธิ หันไปมองอยู่ได้ซักวิสองวิ คืออุปจาร อย่างเรานานกว่าหน่อยคือกำลังปฐมฌาน พอเข้าใจเนาะ (จริงๆควรเห็นแบบนี้)...
.พอเข้าใจภาพรวมเนาะ......

 

ขอบคุณมากๆค่ะ เนื่องจากไม่เคยเจอเหตุการณ์แปลกๆแบบนี้นะคะ ก็เลยสงสัย พอดีอยู่ในช่วงชีวิตเปลี่ยนแปลงไปทางบุญและธรรมมากขึ้นได้รู้จักคนทางสายนี้มากขึ้น เหมือนมีเหตุชักนำมาพร้อมกับสิ่งศักดิ์ท่านเข้ามาหาเราด้วยค่ะ

 

ผมลืมไป เลยเข้ามาอีกครั้งเพื่อขอตรวจสุขภาพประจำปีครับ ไม่ตรวจเลือดหรืออย่างอื่น แต่จะขอคุณหมอนพฯช่วยตรวจสภาพ "จิต" หรือจะมีอย่างอื่นเพิ่มนิดหน่อยครับ

คือเมื่อประมาณ เมษาปีก่อน ในกระทู้ของคุณdowlong คุณนพได้บอกว่า สภาพจิตของผมมีความต้านทานต่อโรคพอประมาณ ผมจึงขอความกรุณาดูว่าตอนนี้ สภาพเป็นอย่างไรครับ

กรณีเพิ่มเติมถ้ากรุณาก็ขอดูว่า ท่านในโลกทิพย์ที่อยู่เป็นอย่างไรครับ

ขอรบกวนแค่นี้ครับ ขอบคุณครับ