คาถา-อาคมใช้แล้วได้ผลจริงหรือ?

ในห้อง 'สมเด็จโต พรหมรังสี' ตั้งกระทู้โดย pongio, 19 มิถุนายน 2016.

  1. pongio

    pongio เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    843
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +6,852
    วันนี้ตั้งใจเขียนเรื่องเบา ๆ สมองให้ได้อ่านกันบ้าง เป็นหัวข้อพื้น ๆ แต่ก็เป็นที่สงสัยของท่านผู้อ่านโดยมากที่อยากรู้ว่า พระคาถาต่าง ๆ ที่คณาจารย์หรือผู้รู้ในอดีตบัญญัติขึ้นนั้น หากจะนำมาใช้กับชีวิตประจำวันจะได้ผลจริงหรือ?
    และผู้ใช้แต่ละท่านจะมีผลสำเร็จเท็จจริงต่างกันอย่างไร?
    จะขอเริ่มต้นด้วยการเล่าเรื่องแปลก ๆ ให้ฟัง (อ่าน) ในสมัยผู้เขียนยังเป็นเด็ก ดังที่เคยกล่าวมาแล้วว่า บุพการีเป็นคริสต์ชนที่เคร่งครัด เข้าโบสถ์รับศีลกับบาทหลวงทุกวันอาทิตย์ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนประหลาดใจก็คือ...
    หากแม้นใครเกิดก้างปลาหรือกระดูกติดคอ จะมาหาคุณพ่อของผู้เขียนให้รักษา!
    การรักษานั้นก็ไม่ได้ใช้เครื่องไม้เครื่องมืออะไร นอกจากน้ำสะอาดหนึ่งขัน ธูปหนึ่งดอก ไม่มีการกำนัลครู หรือค่ายกครูอะไรทั้งสิ้น ถึงเวลา คุณพ่อก็จะจุดธูปท่องคาถาเป่าลงในน้ำ ให้คนที่ก้างปลาติดคอกิน น่าแปลกครับ
    ก็เห็นหายกันทุกราย!
    พอผู้เขียนอายุมากขึ้น จึงถามคุณพ่อด้วยความอยากรู้ว่าเป็นคริสต์ทำไมใช้คาถาได้ และเอามาจากไหน?
    ท่านได้เล่าให้ฟังตอนแรก ๆ ท่านก็ไม่เชื่อหรอก แต่เคยเห็นกันจะๆ มาแล้วว่าพวกคาถาอาคมนั้นใช้ได้ผลจริง ท่านเคยมีเพื่อนเป็น ‘นายฮ้อย’ นายฮ้อยอันนี้เป็นภาษาอีสานที่ไม่ได้เพี้ยนมาจาก ‘นายร้อย’ นะครับ นายฮ้อยเป็นตำแหน่งของผู้คุมกองคาราวานในสมัยก่อนเป็นกองคาราวานต้อนวัวควายลงมาขายแถวทางใต้ คือทางภาคกลางในปัจจุบัน
    พวกนายฮ้อยจะเป็นพวกมีคาถาอาคมขลังหนังเหนียว เพราะในอดีต ห้าหกสิบปีที่ผ่านมา บ้านเมืองมีแต่ป่าเขา มีเสือปล้นอยู่ทุกหัวระแหง นายฮ้อยจึงเป็นผู้คุ้มครองขบวนเดินทางให้ปลอดภัยนั่นแหละครับ!
    คุณพ่อของผู้เขียนได้คาถาเหล่านั้นมาจากนายฮ้อยที่เป็นเพื่อนคนนั้น
    “ลองใช้ดูเวลาคับขัน เห็นว่าใช้ได้ผลก็ใช้มาเรื่อย ๆ” คุณสุรศักดิ์บอกกับลูกชายอย่างนั้น มิหนำซ้ำยังสั่งให้ผู้เขียนไปเอาดอกไม้ขาวเก้าดอก เทียนเก้าเล่มมาไหว้ครู จะประสิทธิ์ประสาทคาถาให้
    และผู้เขียนก็ได้วิชาคาถามาสองอย่างคือ คาถาตัดเลือดกับ คาถาสะเดาะก้างปลาสะเดาะกระดูกติดคอ
    พอได้มาก็ใช้บ้างไม่ใช้บ้าง น่าแปลกนะครับ ใหม่ ๆ ใช้ได้ผลทุกครั้ง พอนานไปใช้ได้บ้างไม่ได้บ้าง ก็เลยอยากรู้ว่าเป็นเพราะอะไร จึงศึกษาเพิ่มเติมด้วยการหาหนังสือมาอ่าน โดยเฉพาะคัมภีร์พระเวทที่อาจารย์เทพ สาริกบุตร รวบรวมไว้ถึงหกเล่มใหญ่ ๆ จึงเข้าใจถึงความนัย
    ในอดีตเพราะความรู้น้อย การท่องคาถาเกิดจากความเชื่อมั่นประการเดียว ทำให้จิตแน่วแน่ พออายุมากหน่อย จิตแส่ส่ายคิดถึงคนโน้นคนนี้ มีปัญหาเรื่องงานบ้าง เรื่องเพื่อนบ้าง เวลาใช้จึงมักจะไม่ได้ผล
    ยิ่งตอนหลังเริ่มแปลภาษาบาลีออก ยิ่งไปกันใหญ่ เพราะแปลความแล้วก็มีความหมายพื้น ๆ ไม่น่าจะขลังขึ้นมาได้...
    คาถาเลยชักจะไม่ขลังอย่างเก่า
    เรียกว่ารู้มาก เรียนมาก ทำให้ขาดความเชื่อมั่น

    ส่วนมากพระคาถาต่าง ๆ มักจะถอดมาจากบทสวดมนต์ที่เกี่ยวข้องกับ พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ ทั้งสิ้น แต่เพราะบทสวดมนต์ยาวเกินไปทำให้ลำบาก หรือในเวลาคับขันใช้ไม่ทัน โบราณาจารย์เจ้าทั้งหลาย จึงย่อส่วนให้สั้นลง เพื่อความสะดวกใช้ได้รวดเร็ว ง่ายต่อการจดจำ...ซึ่งผลสำเร็จนั้นขึ้นอยู่กับภาวะนิสัย-บารมีของแต่ละบุคคลที่ใช้
    และทุกวันนี้ ภูเตศวรก็ยังใช้พระคาถาอยู่เป็นประจำไม่เคยขาด
    ถ้ามีเวลาว่างมากก็ท่องคาถายาว ๆ อย่างพระคาถาชินบัญชรของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี อย่างเช่นเวลาก่อนนอน หรือนั่งรถนั่งเรือเดินทางไกล
    ...เป็นการฝึกสมาธิอีกแบบหนึ่งด้วยการสวดมนต์

    บางทีก็ท่องบทสรรเสริญพระพุทธคุณ ‘อิติปิโสภะคะวา อะระหังสัมมาสัมพุทโธ...ฯลฯ ไปเรื่อย ๆ ...พอเบื่อก็ท่องอิติปิโสถอยหลัง ‘ภะคะวาติ พุทโธ มนุสสานัง สัตถา เทวา สาระติ ปุริสะทัมมะยะนุตตะโร โลกะวิทู สุคะโต สัมปัณโณ จะระณะวิชาสัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา ปิโสติอิ...’ อะไรอย่างนี้เป็นต้น...
    อิติปิโสถอยหลังยังมีอีกหลายรูปแบบ...บางท่านท่องถอยกันเป็นตัว ๆเช่น...ภะคะวาติ เป็น... ‘ติวาคะภะ’ ยากขึ้นไปอีกชั้นหนึ่ง... เชื่อกันว่าการท่องอิติปิโสถอยหลัง จะได้ผลอานิสงส์ เรื่องแคล้วคลาดปลอดภัยไปไหน ๆ ก็ได้กลับบ้าน เป็นมหาอำนาจ มีฤทธิ์ดุจพระนารายณ์เลยทีเดียว
    ข้อควรจำในการท่องพระคาถาหรือสวดมนต์ ไม่ว่าบทไหนก็ตาม คุณทั้งหลายควรปฏิบัติดังนี้...
    1. ต้องยึดมั่นในพระรัตนตรัย เชื่อในอำนาจบารมีแห่งพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อย่างไม่คลอนแคลน อย่างสิ้นสงสัย
    2. ท่องบทพระคาถาอย่างมีสมาธิ คือจิตใจแน่วแน่ ท่องให้ขึ้นเป็นตัวอักษรในใจได้เลยยิ่งดี
    3. ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้มากแล้วแผ่บุญกุศลนั้นให้กับท่านผู้บัญญัติพระคาถาขึ้น จะรู้จักหรือไม่รู้จักก็ตั้งใจกำหนดตามนั้น รู้จักแผ่เมตตาให้เป็นนิสัย
    4. หมั่นท่องทบทวนให้แม่นยำ อย่าให้อักขระวิบัติผิดเพี้ยนไปจากเดิม เพราะความผิดเพี้ยนอาจทำให้อานุภาพเสื่อมถอยลง
    ส่วนผลอานิสงส์ในการสวดท่องพระคาถานั้น ผู้ภาวนาจิต จะสงบเหมือนหนึ่งการทำสมาธิ สมาธิที่เกิดสามารถนำไปใช้กับชีวิตประจำวัน ช่วยป้องกันโรคภัยต่าง ๆ ได้
    หลักฐานแห่งผลอานิสงส์ของพระคาถานั้น สังเกตได้จากพระอริยเจ้าทั้งหลาย อย่างเช่น หลวงปู่ฝั้น อาจาโร นั้น ท่านยังใช้พระคาถาลุงทองประทับหลังวัตถุมงคลของท่านเกือบทุกรุ่น คาถานั้นคือ...
    นะโม วิมุตตา นัง
    นะโม วิมุตติยา
    เป็นคาถาบทย่อที่มีอำนาจส่งผลทาง ‘แคล้วคลาด’ จากภยันตรายสูงมาก ดังจะเห็นจากผู้ใช้วัตถุมงคลของท่านพ้นจากอุบัติเหตุอยู่เสมอ...
    และท่านทั้งหลายจะนำมาท่องบ่นบ้างก็ไม่เป็นการผิดกติกาใด ๆ
    ท้ายสุดแห่งข้อเขียนวันนี้ จะใช้พระคาถาหรือไม่ก็ตาม...ความหมายนั้นก็คือการรู้จักรำลึกถึงคุณพระรัตนตรัย คุณบิดามารดา คุณแห่งครูบาอาจารย์ทั้งหลาย ที่เราทุกท่านควรยกขึ้นเอาไว้เหนือเกล้าเกศา...ยกเอาไว้ในหัวใจอยู่เสมอ...
    จะเป็นบทสวดมนต์หรือพระคาถาใด ๆ ก็ล้วนมีรากฐานสำคัญในศีล และสมาธิ เป็นหลัก ถ้าได้ ‘ทาน’ คือการให้เป็นทุนอยู่ด้วยแล้ว ผลบุญนั้นจะส่งผลให้ท่านสามารถนำผลบุญเหล่านั้นมาหนุนส่งความสำเร็จได้มากและเร็วยิ่งขึ้น...
    < 08 December 2005 11:22:52 >
    dhamma5minutes.com
     
  2. บุคคลทั่วฺไป

    บุคคลทั่วฺไป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,159
    ค่าพลัง:
    +1,231
    การสวดคาถามีอานิสงส์จริง
     

แชร์หน้านี้

Loading...