ระดมทุน..วัตถุมงคล..ราคาพิเศษ..โปรโมชั่น..รวม/ลป.ดู่/คุณแม่บุญเรือน/ลพ.จรัญฯลฯ

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย ญาณวโร นามะ, 17 กันยายน 2015.

  1. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    29,712
    ค่าพลัง:
    +4,635
    ให้บูชาพระเครื่อง วัตถุมงคล หลากหลายรายการ ค่าจัดส่ง50บาททั่วประเทศครับรับประกันแท้ยินดีคืนเงินเต็มจำนวน โดยไม่มีเงื่อนไขครับ (พระต้องกลับมาสภาพเดิมครับ)
    ท่านที่สนใจจองได้ไม่เกิน3วัน โอนเงินได้ที่รายละเอียดที่อยู่ด้านล่าง หลังจากโอนแล้ว รบกวนโทร.หรืออีเมล์มาบอกชื่อที่อยู่สำหรับจัดส่งด้วยครับ
    ติดต่อสอบถามได้ที่
    - Pm
    - เบอร์โทร 0817933946

    ชำระเงินได้ที่
    ธ.กรุงไทย สาขา ศรีย่าน
    ชื่อบัญชี นายวรัญญู เล้ารัตนอารีย์
    เลขที่บัญชี 012-0-14398-4
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กุมภาพันธ์ 2016
  2. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    29,712
    ค่าพลัง:
    +4,635
    1.สมเด็จฐานสิงห์สายรุ้ง หลังรูปเหมือน ฝังตะกรุด 3 กษัตริย์ ทองคำ เงิน นาค หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง จ.สิงห์บุรี จัดสร้างในปี พ.ศ. 2535 ***คุณ...จองแล้วครับ***

    พระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณ " พระราชสิงหคณาจารย์ " หรือที่รู้จักกันดีในนาม หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง พระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียง พระเครื่องของท่านทุกรุ่น ทุกพิมพ์ทรงล้วนมีพุทธคุณสูงเยี่ยมในทุกๆด้าน ผู้ประสบปาฏิหาริย์แห่งความเข้มขลังเป็นที่เลื่องชื่อลือชาอย่างกว้างขวางทั้งชาวไทย ชาวจีน ตลอดจนชาวต่างประเทศ เช่น ไต้หวัน สิงคโปร์ มาเลเซีย ต่างรู้จักกิตติคุณของหลวงพ่อแพเป็นอย่างดี
    สมเด็จฐานสิงห์สายรุ้ง หลังรูปเหมือน ฝังตะกรุด 3 กษัตริย์ ทองคำ เงิน นาค หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง จ.สิงห์บุรี จัดสร้างในปี พ.ศ. 2535 มีขนาดสูง 4.0 x 2.7 ซ.ม. ด้านล่างฝังตะกรุด เงิน นาค ด้านบนฝังตะกรุดทองคำ
    บางคนตีเข้าเป็นสมเด็จฐานสิงห์ปี2515 เพื่ออัพราคาให้แพงขึ้นครับ

    **องค์นี้สภาพผิวหิ้ง เจ้าของเก็บเก่ามานาน พระของหลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง เน้นไปทางเมตตา แคล้วคลาด ค้าขายครับ ให้บุชา 300 บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 11840.jpg
      11840.jpg
      ขนาดไฟล์:
      57.5 KB
      เปิดดู:
      755
    • 11841.jpg
      11841.jpg
      ขนาดไฟล์:
      51.5 KB
      เปิดดู:
      588
    • 11842.jpg
      11842.jpg
      ขนาดไฟล์:
      16.2 KB
      เปิดดู:
      323
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กันยายน 2015
  3. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    29,712
    ค่าพลัง:
    +4,635
    2. พระผงของขวัญ วัดปากน้ำ รุ่น6 สภาพสวย พร้อมซองเดิมๆ **คุณPhaththachayyoจองครับ**

    พระรุ่น 6 นี้ นับว่าเป็นรุ่นแรกทีเดียวที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากและด้วยระยะเวลาที่รวดเร็วจากบุคคลทุกวงการ แทบจะเรียกได้ว่าทุกเพศทุกวัยก็ว่าได้ หากเอ่ยชื่อถึงพระรุ่น 6 แล้วย่อมรู้จักและทราบได้ทันทีอีกประการหนึ่ง ซึ่งก็นับว่าเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยมีมาก่อนอีกเช่นกัน ที่มีผู้คนมากมายมารอคอย เพื่อต้องการที่จะรับพระรุ่น 6 โดยมาเริ่มกันตั้งแต่เช้าจนถึงเย็น บางกลุ่ม บางคณะก็มารอกันตั้งแต่ตีสี่ ตีห้า ก่อนที่จะถึงเวลาเริ่มทำการแจกด้วยซ้ำ ในการแจกพระแต่ละครั้งพระที่แจกมีจำนวนมิใช่น้อย ครั้งหนึ่งๆ กำหนดจำนวนไว้ 84,000 องค์ บางครั้งก็เพิ่มขึ้นเท่าตัว ในแต่ละครั้งใช้เวลาแจกเพียง 5 วันบ้าง 6 วันบ้าง ทำอย่างนี้เรื่อยไปเป็นระยะในเวลาไม่ช้าพระจำนวน 3,000,000 องค์ ก็หมดภายใจระยะเวลาเพียงหนึ่งปีเท่านั้น

    จะเป็นด้วยสาเหตุอะไรก็ตามว่าทำไมพระรุ่น 6 จึงเป็นที่นิยม เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางเห็นจะไม่ต้องกล่าวในที่นี้ คงให้เป็นเรื่องของท่านทั้งหลายเก็บความทรงจำนั้นไว้เพื่อที่จะได้คอยเล่าขาน คอยระลึกถึงกันดีกว่า ว่าครั้งหนึ่งในชีวิตเราก็เป็นคนหนึ่งที่ได้เคยเป็นผู้มีส่วนร่วมอยู่ในประวัติศาสตร์นี้ด้วยเช่นกัน

    ข้อมูล พระไตรปิฎก รุ่น 6

    สร้างเมื่อ
    วันที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2532
    จำนวน
    3,000,000 องค์ (สามล้าน) และพระคะแนนอีก 30,000 องค์
    แม่พิมพ์
    ทั้งหมดมี 39 พิมพ์ ลองพิมพ์อีก 4 และพระคะแนนอีก

    3 พิมพ์ รวมเป็น 46 พิมพ์
    วัตถุประสงค์
    สร้างขึ้นเพื่อมอบให้แก่ผู้บริจาคทรัพย์สร้างพระไตรปิฎกหินอ่อน
    ระยะเวลา
    ใช้ระยะเวลาแจกเพียงปีเดียวพระก็หมด ซึ่งเร็วกว่าทุกๆ รุ่นที่

    ผ่านมา
    พิมพ์นิยม
    พิมพ์ทีมีผู้นิยมมากที่สุดคือพิมพ์ “แป๊ะยิ้ม” ซึ่งจัดได้ว่าเป็น

    พิมพ์ยอดนิยมของรุ่นทีเดียว
    สีเนื้อ
    สีเนื้อของพระรุ่น 6 มีหลากหลายสีด้วยกัน ทั้งสีขาว

    เทา เหลือง และน้ำตาล ทั้งอ่อนและแก่
    ...การสร้างพระเป็นแบบทยอยสร้างทยอยบรรจุวิชาธรรมกาย ตามแบบหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ ..กล่าวคือเมื่อพิมพ์พระได้จำนวนหนึ่งผึ่งแห้งได้ที่แล้ว ก็นำบรรจุกล่องไปทำวิชา ขณะเดียวกันก็ผสมเนื้ออีกสูตรหนึ่งพิมพ์พระออกมาใหม่แล้วก็นำไปบรรจุวิชาธรรมกายเหมือนเดิม ทำอย่างนี้เรื่อยไปไม่มีขาดตอน พระรุ่นนี้มีส่วนผสมของมวลสารต่างๆดังนี้คือ

    1. ปูนขาวจากเปลือกหอย

    2. กล้วยน้ำว้า

    3. ดอกไม้แห้งที่บูชาหลวงพ่อที่ได้รวบรวมไว้

    4. ขี้ธูปจากกระถางที่บูชาหลวงพ่อ

    5. ทองคำเปลวที่ลอกมาจากองค์หลวงพ่อ

    6. ผงเก่าของวัดปากน้ำรุ่น ๑-๕

    7. หินรัตนชาติและพลอยสี (มีเฉพาะพระคะแนน) ฯลฯ


    ...พระรุ่นนี้เมื่อให้บูชาหมดลงแล้วก็เกิดกระแสความนิยมเป็นอันมาก พิมพ์ธรรมดาราคาเป็นพัน พิมพ์นิยม อย่างแป๊ะยิ้ม เป็นหมื่น กระแสแรงมากขณะนั้น ทางวัดจึงเห็นว่าแบบนี้ไม่เข้าที จึงนำพระที่เก็บไว้เป็นพิเศษอีกประมาณ สามหมื่นองค์มาให้บูชาองค์ละร้อยบาทเท่าราคาเดิม โดยกำหนดให้รับได้เพียงคนละองค์เดียว ผู้คนไปกันแน่นวัดการจราจรติดขัดเป็นอัมพาตไปหมด พระเณรในวัดไม่สามารถเดินไปศาลาโรงฉันได้ ต้องอดไปตามๆกัน คนแน่นขนาดไม่มีที่จะยืนต้องไปยืนตามกำแพงวัด ลวดหนามกำแพงวัดพังหมด ต้นไม้ในกระถางก็ตายหมด ในวันนั้นมีผู้สูงอายุท่านหนึ่งเป็นลม เพราะขาดทั้งน้ำและอาหาร อีกทั้งไม่สามารถนำออกมาจากบริเวณได้ จึงถึงแก่ชีวิต จนทำให้พระรุ่นนี้เรียกติดปากกันว่า “รุ่นเหยียบกันตาย”


    **องค์นี้พิมพ์นิยมหน้าใหญ่ (หนึ่งในตระกูลหน้าแปะยิ้ม)สภาพสวยแชมป์ พร้อมซองและใบอารธนาเดิมๆ ให้บุชา 500 บาท**มีประสบการณ์โดนยิงแล้วครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 11888.jpg
      11888.jpg
      ขนาดไฟล์:
      48.9 KB
      เปิดดู:
      370
    • 11889.jpg
      11889.jpg
      ขนาดไฟล์:
      39.8 KB
      เปิดดู:
      268
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 ตุลาคม 2015
  4. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    29,712
    ค่าพลัง:
    +4,635
    3. เหรียญรุ่นแรก หลวงปู่บุญฤทธิ์ ปัณฑิโต สวนทิพย์ จ.นนทบุรี ***นิมนต์แล้วครับ**

    เหรียญ รุ่นแรกหลวงปู่บุญฤทธิ์ ศูนย์อบรมภาวนาสิริจันโทได้ขออนุญาตจัดสร้าง เมื่อวันที่ ๒๔ กรกฎาคม พศ.๒๕๔๘ ในขณะที่หลวงปู่ได้รับนิมนต์ไปงานมรณภาพครบ ๕๐ วัน
    หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ จัดสร้างเสร็จ ๑๙ มีนาคม พศ.๒๕๔๙ และได้นำเข้าพิธีพุทธาภิเษก ในงาน ๑๕๐ ปี ชาตกาล พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจันโท) วันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๔๙ จากนั้น

    ครั้งที่ ๑ บนกุฏิปัทมราช วัดบรมนิวาส วันที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๔๙ ได้นำให้หลวงปู่อธิษฐานจิตเดี่ยวหลังเวลาฉันเพล
    ครั้งที่ ๒ ณ ศาลสนิทวงศ์ วัดบรมฯ ในวันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๔๙
    ครั้งที่ ๓ ณ วัดสิริกมลาวาส ในงานอายุวัฒนมงคล หลวงปู่หลอด ๙ ธันวาคม ๒๕๔๙
    ครั้งที่ ๔ ณ ศาลสนิทวงศ์ฯ วัดบรมฯ ในวันที่ ๑๔ มกราคม ๒๕๕๐
    ครั้งที่ ๕ ณ กุฏิที่พักสงฆ์สวนทิพย์ วันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ พศ.๒๕๕๐ และถวายให้หลวงปู่แจกในวันรุ่งขึ้น (๑๗ กุมภาพันธ์ ๕๐)

    หมาย : การจัดสร้างเหรียญ ได้แกะบล็อก เกินอายุหลวงปู่ไป ๑ ปี คือถวายเมื่อคราวฉลองอายุ ๙๓ ปี แต่ด้านหลังเหรียญ แกะพิมพ์เป็น ๙๔ ปี
    ปล.เวปอ้างอิงการแจกเหรียญ รุ่นแรกของหลวงปู่ (ให้ดูวันที่ ที่หน้าเวป) -:-

    ****๑.ชนวนสำคัญ****
    - พระยันต์ ๑๐๘ พระยันต์
    - นะ ๑๔ พระยันต์
    - แผ่นจาร พระคณาจารย์ ๑๐๘ รูป
    (สมเด็จพระญาณสังวร,หลวงตาพวง, หลวงพ่ออุ้น, หลวงพ่อตัด,หลวงพ่อเจือ.หลวงพ่อเอียด, หลวงพ่อเพิ่ม,หลวงพ่อพูน,หลวงพ่อเพี้ยน,หลวงพ่ออั๊บ,หลวงปู่แย้ม เป็นต้น)
    - ชนวนพระนาคปรกแสงอรุณ วัดบรมฯ ปี ๒๔๙๕
    - ชนวนช่อพระกริ่งสิทธัตโถ วัดบรมฯ ปี ๐๘, ปี ๑๒, ปี ๑๗
    - ชนวนพระแก้ว ปี ๒๔๗๕
    - ชนวนวัตถุมงคล ๒๕ พุทธศตวรรษ
    - ชนวนพระกริ่งคุ้มเกล้า ปี ๒๒
    - ชนวนวัตถุมงคล รุ่นฉลอง ๒๐๐ ปี กทม.
    - ชนวนพระกลีบบัวหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว
    - ชนวนวัตถุมงคลวัดเขาอ้อ ปี ๓๙ และแผ่นจาร
    - ชนวนพระชัยหลังช้าง ภปร สก ปี ๓๐
    - ชนวนพระกริ่งรักษาดินแดน (เจ้าคุณนรฯ)
    - ชนวนพระกรุท่ากระดาน กาญจนบุรี
    - ชนวนเหรียญหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น ปี ๙๒
    - ชนวนเหรียญ ๕ อาจารย์วัดสุปัฏฏนาราม อุบลฯ ปี ๑๖
    - ตะกรุดหลวงพ่อป่าน วัดบางนมโค
    - ชนวนหลวงปู่ทวด วัดโพธิ์ฯ ปี ๑๓
    - ชนวนวัตถุมงคล วัดป่าทรงคุณ ปราจีนบุรี ปี ๒๑
    - ชนวนวัตถุมงคล หลวงพ่อโสธร ปี ๓๖
    - ชนวนพระกริ่งตากสินทร์
    - ชนวนวัตถุมงคลหลวงพ่ออิ่มตลอดกาล
    - ชนวนพระพุทธชินราช ปี ๓๕
    - ชนวนพระพุทธชินราช ปี ๓๗
    - ชนวนวัตถุมงคลวัดแก้วพิจิตร ปราจีนบุรี
    - ชนวนหลวงพ่อหก วัดสะแกซึง
    - ชนวนวัตถุมงคลพระธาตุดอยสุเทพ ปี ๑๘
    - ชนวนพระกริ่งสีลวุฒโฑ (หลวงปู่เส วัดบูรพาราม) ปี ๔๗
    - ชนวนวัตถุมงคลวัดสิริจันทรนิมิตร (เขาพระงาม) ลพบุรี
    - ชนวนวัตถุมงคลวัดนิมมานนรดี ปี ๑๔
    - ชนวนวัตถุมงคลพระทิพย์อำนาจ ปี ๓๘
    - ชนวนวัตถุมงคล ๗๐๐ ปี ลายสือไทย
    - ชนวนพระกริ่ง ๖๐ ปี ธรรมศาสตร์
    - ชนวนพระกริ่ง พระสมเด็จจอมสุรินทร์ ปี ๑๓
    - ชนวนพระพุทธปริต ปี ๑๔
    - ชนวนวัตถุมงคลพระเจ้าใหญ่อินแปลง อุบลฯ ปี ๑๖
    - ชนวนพระกริ่งวัดสุทัศฯ ปี ๘๕
    - ชนวนพระนาคปรกนาสีดา
    - ชนวนพระไพรีพินาศ วัดบวรนิเวศฯ
    - ชนวนวัตถุมงคลบรมครูหมอชีวกโกมารภัจจ์ หลวงปู่ธรรมรังษี ปี ๔๕
    ****๒.ทองชนวน ๑๕๐ พระคณาจารย์****
    สมเด็จ พระอริยวงศาคตญาณ (อยู่) วัดสระเกศ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (จวน) วัดมกุฏฯ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (ปุ่น) วัดโพธิ์ฯ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (วาส)วัดราชบพิธฯ
    สมเด็จพระพุฒาจารย์ (อาจ) วัดมหาธาตุฯ สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (พิมพ์) วัดพระศรีฯ สมเด็จพระธีรญษณมุนี (สนิท) วัดปทุมคงคา สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (มานิต) วัดสัมพันธวงศ์ หลวงปู่คำพันธ์ โฆษปญฺโญ หลวงปู่ชอบ หลวงปู่อ่อนศรี หลวงปู่อุ่น อุตฺตโม หลวงปู่สาม หลวงปู่คำคะนิง หลวงปู่หลุย หลวงพ่อสุด วัดกาหลง หลวงพ่อคง วัหนองกระจาย หลวงปู่ขาว หลวงปู่มหาปิ่น หลวงปู่วัน หลวงพ่อเต๋ หลวงปู่เปลี้ยหลวงพ่อ มี วัดมารวิชัย หลวงพ่อแดง วัดเขาบรรไดอิฐ หลวงปู่เจ๊ก หลวงปู่ชื่น วัดมาบข่า หลวงพ่อตาบ หลวงปู่กว่า หลวงปู่แหวน หลวงปู่หุ่น วัดบางขวด หลวงปู่คร่ำ หลวงพ่อพุธ หลวงปู่หลอด หลวงปู่ฝั้นหลวงปู่หลวง หลวงปู่เหรียญ หลวงปู่บุญมี สิริธโร หลวงพ่อเกษม หลวงปู่จันทร์ เขมิโย หลวงปู่หงษ์ หลวงปู่อ่อน หลวงปู่สมชาย หลวงปู่ธรรมรังษี หลวงปู่ชม วัดเขานันทาราม หลวงปู่เมตตาหลวง หลวงปู่สิมหลวงปู่จวน หลวงปู่ผาง จิตฺตคุตฺโต หลวงปู่บัวพา หลวงปู่ลี ฐิตธมฺโม ครูบาพรหมจักรสังวร หลวงพ่ออวยพร หลวงปู่โต๊ะ หลวงปู่สังข์ สงฺกิจฺโจ หลวงพ่อพริ้ง วัดโบสถ์โก่งธนู หลวงปู่บุญมี วัดอ่างแก้ว หลวงปู่บุดดา หลวงปู่จันทร์ โสม หลวงปู่จันทร์ วัดบึงเขาหลวง หลวงปู่เส วัดบูรพาราม หลวงพ่อสมบูรณ์ หลวงพ่อสายหยุด วัดอดิสร หลวงปู่ปราโมทย์ วัดป่านิโคธาราม หลวงปู่แสง หลวงปู่โทน วัดเขาน้อยคีรีวัน หลวงปู่ต้น หลวงปู่กิ หลวงปู่ผ่าน หลวงปู่คำพอง หลวงปู่มา ญาณวโร หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ หลวงพ่อทองบัว ตนฺติกโร พระเทพวรคุณ(สิงห์) หลวงปู่ศรีจันทร์ เจ้าคุณนรรัตน์ราชมานิต หลวงปู่ซามา หลวงพ่อคง วัดอินทาราม หลวงพ่อแพ หลวงปู่โง่น หลวงปู่ผล วัดดักคะนนท์ หลวงปู่ห้อม วัดคูหาสวรรค์ หลวงปู่ท่อน หลวงปู่สีทน สีลธโน หลวงปู่พวง หลวงปู่สังข์ วัดท่าช้างใหญ่ หลวงปู่ชา หลวงพ่อเหลือ วัดสาวชะโงก หลวงพ่อจ้อย วัดเขาสุวรรณประดิษฐ์ พระศรีสัจจญาณมุณี วัดสุทัศฯ หลวงพ่อทอง วัดก้อนแก้ว หลวงปู่ดูลย์ พ่อท่านกลั่น วัดเขาอ้อ หลวงปู่สาย เขมธมฺโม หลวงปู่มหาโส หลวงปู่บุญหนา หลวงปู่จันทา หลวงปู่จ้อยวัด หนองน้ำเขียว หลวงพ่อมหาสนธ์ หลวงปู่ทองดำ วัดท่าทอง หลวงปู่บุญเพ็ง เขมาภิรโต พระพรหมมุนี (บู่) หลวงพ่อสาคร หลวงปู่ทิม อิสริโก หลวงพ่ออุตตมะ หลวงปู่พรหมา เขมจาโร หลวงตามหาบัวหลวงปู่เพียร หลวงปู่อ่ำ หลวงปู่ขาน หลวงพ่อคำบ่อ หลวงพ่อหยอด หลวงปู่แว่น หลวงปู่ถิร หลวงพ่อรวย หลวงพ่อจรัญ หลวงปู่ทิม วัดพระขาว หลวงพ่อสินทร์ วัดบ้านนาโพธิ์ หลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม หลวงปู่เทสก์ หลวงปู่หลิว ครูบาอินคำ วัดทุ่งฟ้าผ่า ครูบาอิน วัดฟ้าหรั่ง หลวงพ่อจ้อย วัดศรีอุทุมพร หลวงปู่ขาว วัดหลักสี่ หลวงปู่เปรื่อง หลวงปู่เทียม วัดกษัตราธิราช หลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้ว หลวงปู่สงฆ์ วัดเจ้าฟ้าฯ พ่อท่านคล้าย หลวงพ่อเชิญ พ่อท่านนอง หลวงพ่อทองพูล หลวงพ่อเปิ่น ครูบาน้อย วัดศรีดอนมูล หลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย หลวงปู่กรอง หลวงปู่เขียน วัดถ้ำขุนเณร หลวงปู่ไสว หลวงปู่หมุน วัดบ้านจานหลวง พ่อโอภาสี หลวงพ่อบุญเรือน วัดยางสุทธาราม หลวงพ่อคล้อย วัดถ้ำเขาเงิน พ่อท่านสีนวล วัดเกวียนหัก พระครูประสานนรกิจ วัดพระนอนจักรสีห์ พระครูสังฆบริรักษ์ (มโนรมณ์)วัดบรมฯ พระธรรมไตรโลกาจารย์ (รักษ์) หลวงตาแตงอ่อน หลวงพ่อไพบูลย์ หลวงปู่ทา หลวงปู่ทอง วัดสามปลื้ม

    ** เหรียญรุ่นนี้มี**ชนวนมวลสารเกจิอาจารย์ชื่อดังทั้งยุคเก่าและใหม่รวมทั้งสิ้น108รูป เกจิเพียบ*** น่าบูชาเป็นอย่างยิ่งครับ ให้บูชา2000บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มีนาคม 2016
  5. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    29,712
    ค่าพลัง:
    +4,635
    4. พระผงจักรพรรดิ์ถอดพิมพ์เหรียญพระพุทธหลังโบสถ์ หลวงปู่ดู่วัดสะแก สภาพสวย **มีผู้รับนิมนต์แล้วครับ**

    พระชุดในโอ่งจัดสร้างขึ้นเมื่อปี 2527 เป็นพระเนื้อปูนซีเมนต์ขาวผสมผงพุทธคุณหลวงปู่ดู่ (ยืนยันได้ว่าพระหลวงปู่มีผงพุทธคุณผสมอยู่ด้วย เนื่องจากเคยเข้าไปในห้องกระจกบนหอสวดมนต์ ได้เห็นกระดานชนวนที่หลวงปู่ใช้ลบผง) พระชุดนี้จัดสร้างโดยคณะป้าอิ้งและพระอ้วน พระพิมพ์หลักๆที่จัดสร้างประกอบด้วย
    1.พิมพ์สังข์กระจายวัดสุทัศน์ฐานสูงและฐานเตี้ย
    2.พิมพ์สมเด็จสามชั้น (ถอดพิมพ์ บางขุนพรหม,วัดระฆัง,เจ้าคุณนรฯ และ หลวงพ่อแพ)
    3.พิมพ์สมเด็จ 7 ชั้น & 9 ชั้น (ถอดพิมพ์ วัดเกษไชโย)
    4.พิมพ์สมเด็จปรกโพธิ์ (ถอดพิมพ์ บางขุนพรหม และ หลวงพ่อแพ)
    5.พิมพ์สมเด็จฐานสิงห์ (ถอดพิมพ์หลวงพ่อแพ)
    6.พิมพ์พระลือ
    7.พิมพ์ปรกยะลาเจ้าคุณนรฯ
    8.พิมพ์พระประจำวันวัดรัตนชัย
    9.พิมพ์พระธิเบตใหญ่ & เล็ก (ไม่ทราบถอดพิมพ์จากไหน)
    10.พิมพ์หลวงพ่อโต วัดพนัญเชิง
    11.พิมพ์เหรียญบัวข้าง 2520
    12.พิมพ์เหรียญฉีดบัวข้าง 2522
    13.พิมพ์เหรียญยันต์ดวง 2526
    14.พิมพ์พระปิดตาฤาษีลิงดำ
    15.พิมพ์วัดศีลขันธาราม
    16.พิมพ์พระของขวัญวัดปากน้ำ, พระลีลาเล็กๆ
    เท่าที่นึกได้ครับ เนื้อจะมีทั้งขาว, เทา และเหลืองอมเขียว ด้านหลังจะมีทั้งหลังเรียบ, หลัง ๑ ด และ หลัง อะ ระ หัง (พบเห็นน้อยมาก)

    แต่พระลูกศิษย์ของหลวงปู่ดู่ ที่ประจำอยู่ที่วัดสะแกท่านรับรองว่าเป็นของหลวงปู่ดู่ทันท่านเสกแน่นอน และเสกนานด้วยก็ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๒๗ จนถึงท่านละสังขาร ได้ผ่านพิธีเปิดโลก และพิธีการต่างๆ หลายวาระ

    ความหมายของการโปรดยุคปัจจุบัน นั้นหมายถึงเมื่อสร้างและเสกโดยหลวงปู่ดู่แล้วได้นำบรรจุไว้ในโอ่งน้ำดื่ม แล้วล้อมด้วยสายสิญจน์ หลวงปู่ดู่ท่านเสกและอธิษฐานจิตเรื่อยมาและถูกเก็บไว้โดยพระลูกศิษย์คนสำคัญที่องค์หลวงปู่ดู่มอบหมายไว้ให้สอนกรรมฐานและแนะนำการปฏิบัติต่อไป

    ถ้าใครจะปฏิบัติและยึดเอา พระไตรสรณคมน์ และ "องค์หลวงปู่ดู่ - หลวงปู่ทวด"
    เป็นครูบาอาจารย์แล้วก็รับเอาพระสมเด็จนี้ไปกำในมือ ขณะภาวนาทำสมาธิ

    **พระพิมพ์นี้หายากครับ นานจะพบเจอซักองค์ สมาชิกท่านใดอยากมีไว้ครอบครองเชิญครับ ราคาไม่แพง ให้บูชา 850 บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 12121.jpg
      12121.jpg
      ขนาดไฟล์:
      41.1 KB
      เปิดดู:
      317
    • 12122.jpg
      12122.jpg
      ขนาดไฟล์:
      31.8 KB
      เปิดดู:
      164
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มกราคม 2016
  6. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    29,712
    ค่าพลัง:
    +4,635
    รายการที่5 พระนาคปรกหลวงพ่อยิด สีดอกบวบ วัดหนองจอก ปี ๒๕๓๗ **มีผู้รับนิมนต์แล้วครับ**

    "หลวงพ่อยิด จันทสุวัณโน" หรือ "พระครูนิยุตธรรมสุนทร" แห่งวัดหนองจอก ต.ดอนยายหนู อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง ที่ได้รับความเลื่อมใสความศรัทธาจากชาวประจวบคีรีขันธ์

    อัตโนประวัติหลวงพ่อยิด มีนามเดิมว่า ยิด ศรีดอกบวบ เกิดเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2476 โยมบิดา-มารดา ชื่อนายแก้วและนางพร้อย ศรีดอกบวบ อายุ 9 ขวบ ได้บรรพชาเป็นสามเณร ในวัดบ้านเกิด ฝึกปฏิบัติสมาธิ ศึกษาอักขระเลขยันต์ ศึกษาพระธรรมวินัย กระทั่งอายุ 14 ปี ได้ลาสึกออกมาช่วยครอบครัวหาเลี้ยงชีพ เมื่ออายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ ได้เข้าพิธีอุปสมบท โดยมีหลวงปู่อินทร์ วัดยาง เป็นพระอุปัชฌาย์ และพระอธิการหวล เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ท่านได้ฝากตัวเป็นศิษย์กับหลวงปู่ศุข วัดโตนดหลวง เพื่อศึกษาวิทยาคมเพิ่มเติม และยังได้ออกธุดงควัตรไปตามสถานที่วิเวกต่างๆ ในหลายพื้นที่ รวมทั้งได้เดินเท้าเข้าไปในฝั่งประเทศพม่า เป็นต้น จนกระทั่งปี พ.ศ.2487 บิดาของท่านได้ป่วย หลวงพ่อยิด ท่านจึงเดินทางกลับมา ด้วยความกตัญญูรู้คุณ ท่านจึงได้ลาสิกขาออกมาดูแลบิดาและมารดา ที่แก่ชรา และได้แต่งงานมีครอบครัว ท้ายที่สุด เมื่อโยมบิดา-มารดา ถึงแก่กรรมในปี พ.ศ.2518 ท่านจึงได้เข้าพิธีอุปสมบทอีกครั้ง ที่วัดเกาะหลัก โดยมีเจ้าคณะจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ในขณะนั้นเป็นพระอุปัชฌาย์

    หลวงพ่อยิด วัดหนองจอก ท่านได้ไปอยู่จำพรรษาเป็นพระลูกวัดที่วัดทุ่งน้อย อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ต่อมาชาวบ้านหนองจอก ต.ดอนยายหนู ทราบข่าวจึงยกที่ดินให้จำนวน 21 ไร่ 2 งาน เป็นพื้นที่ป่า เพื่อให้ท่านสร้างวัดขึ้น หลวงพ่อยิดได้ปลูกกุฏิหลังเล็ก เป็นที่พักสงฆ์ ส่วนญาติโยมได้ช่วยกันถางป่า จนเป็นสถานที่รองรับการประกอบพิธีทางศาสนา หลวงพ่อยิด วัดหนองจอก ได้รับความศรัทธาจากนายทหาร ตำรวจ ข้าราชการ ประชาชน เป็นจำนวนมาก ที่เข้ามาขอรับวัตถุมงคล อาทิ ตะกรุด พระเครื่อง ปลัดขิกหลวงพ่อยิด วัดหนองจอก เนื่องจากเชื่อกันว่า วัตถุมงคลของท่านมีพุทธคุณเด่นในด้านเมตตามหานิยม แคล้วคลาดจากภยันตรายทั้งปวง คาถาบูชาปลัดขิกหลวงพ่อยิด วัดหนองจอก อีกทั้งยังทำให้ผู้เลื่อมใสมีโชคลาภ วัตถุมงคล วัดหนองจอก จึงเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางในวงการพระเครื่องเมืองไทยทั่วประเทศ วัตรปฏิบัติ ใน 1 ปี หลวงพ่อยิด วัดหนองจอก จะสรงน้ำปีละครั้งเท่านั้น โดยอนุญาตให้บรรดาญาติโยมที่เลื่อมใสศรัทธา ใช้แปรงทองเหลืองที่ใช้ขัดเหล็ก ขัดตามตัว แขนขาของท่าน แต่แปรงทองเหลืองไม่ได้ระคายผิวหนังแม้แต่น้อย หลังจากขัดตัวให้ท่านแล้วเสร็จ หลวงพ่อยิด ท่านจะมอบวัตถุมงคลให้คณะศิษย์นำไปบูชากันอย่างทั่วถึง

    สำหรับปัจจัยที่ได้รับจากการบริจาค จะนำไปสมทบทุนการศึกษา ทำนุบำรุงศาสนา สังคมและชุมชน จนกลายเป็นประเพณีถือปฏิบัติของ หลวงพ่อยิด วัดหนองจอก แต่ด้วยสังขารเป็นสิ่งไม่เที่ยง หลวงพ่อยิด วัดหนองจอก มรณภาพลงอย่างสงบ เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2538 สิริรวมอายุ 71 ปี พรรษา 30 แม้หลวงพ่อยิด พระเกจิดังแห่งวัดหนองจอก อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ จะมรณภาพลง แต่ด้วยความศรัทธาของพุทธศาสนิกชน ชาวบ้านในพื้นที่จึงได้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิพระครูนิยุตธรรมสุนทร (หลวงพ่อยิด จันทสุวัณโณ) เพื่อบำรุง บูรณะ และปฏิสังขรณ์ ศาสนสถาน เป็นทุนภัตตาหาร การศึกษา และพยาบาล พระภิกษุ สามเณร ทุนการศึกษาแก่เด็กนักเรียน นักศึกษาที่เรียนดี แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ ส่งเสริมและสนับสนุน ในการเผยแพร่พระพุทธศาสนาและดำเนินการเพื่อสาธารณประโยชน์

    ปัจจุบัน มูลนิธิพระครูนิยุตธรรมสุนทร (หลวงพ่อยิด จันทสุวัณโณ) มีทุนทั้งสิ้น 19,473,175.82 บาท แต่ละปีจะมีการนำดอกผลบริจาคให้กับสาธารณะมาโดยตลอด เช่นในปี 2552 นำเงินจำนวน 559,803.29 บาท มอบเป็นทุนการศึกษาให้แก่เด็กนักเรียนที่เรียนดี แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ สงเคราะห์ผู้สูงอายุ บำรุงการศึกษาให้แก่พระภิกษุสามเณร ที่เล่าเรียนพระธรรมวินัย พร้อมทั้งบำรุงซ่อมแซมถาวรวัตถุวัดหนองจอก ค่าบำรุงการศึกษานักเรียนในเขตอำเภอกุยบุรี จำนวนทั้งสิ้น 26 โรงเรียน นอกจากนี้ ยังปรับปรุงศาลาอเนกประสงค์หมู่บ้านหนองจอก มอบเครื่องคอมพิวเตอร์เป็นสื่อการเรียนการสอนให้ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ค่าอาหารเสริมให้นักเรียน ปรับปรุงห้องสมุด โรงเรียน สนับสนุนงบในการจัดทำโครงการพัฒนายกระดับคุณภาพกระบวนการ การจัดการเรียนรู้ เป็นต้น

    **องค์นี้ สภาพสวยแชมป์ ให้บูชาเบาๆ 150 บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • SAM_6466.JPG
      SAM_6466.JPG
      ขนาดไฟล์:
      68.2 KB
      เปิดดู:
      170
    • SAM_6468.JPG
      SAM_6468.JPG
      ขนาดไฟล์:
      58.6 KB
      เปิดดู:
      235
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มกราคม 2016
  7. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    29,712
    ค่าพลัง:
    +4,635
    6. ลป.ทวด วัดช้างให้ รุ่นมหาราช พศ.2538 เนื้อนวะโลหะ **สมาชิกชื่อtv..พีเอมมาจองครับ**


    พระเครื่องของ หลวงพ่อทวด ถึงแม้ว่าท่านไม่ได้สร้างเองแต่ในความศักดิ์สิทธิ์นั้น คงไม่มีใครจะปฏิเสธได้ ความนิยมในวัตถุมงคลหรือ พระเครื่อง หลวงปู่ทวด วัดช้างให้ นั้นถือว่าเป็นอมตะควบคู่ไปกับตำนานเล่าขานสืบต่อกันไป ประวัติหลวงปู่ทวด วัดช้างให้ ซึ่งผู้สร้างตำนานแห่งความศักดิ์สิทธิ์ คือ พระอาจารย์ทิม ธมฺมธโร(พระครูวิสัยโสภณ)


    วัดช้างให้

    ประวัติวัดราษฎร์บูรณะ (วัดช้างให้)
    วัดราษฎร์บูรณะ หรือวัดช้างให้ ตั้งอยู่ที่ตำบลควนโนรี อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี ชิดกับทางรถไฟสายใต้ (ระหว่างหาดใหญ่-ไปยะลา) วัดช้างให้สร้างขึ้นเมื่อใด ใครเป็นคนสร้างครั้งแรกก็ยังหาหลักฐานแน่นอนไม่ได้ มากนัก ก็พอจะอ้างอิงตามหนังสือตำนานเมืองปัตตานีได้บ้าง ซึ่งหนังสือตำนานเมืองปัตตานีรวบรวมโดย พระศรีบุรีรัฐพิพิธ (สิทธิ์ ณ สงขลา) ดังบทความตอนหนึ่งว่า
    สมัยพระยาแก้มดำ เจ้าเมืองไทรบุรี ปรารถนาต้องการจะหาที่ เพื่อที่จะสร้างเมืองให้ “เจ๊ะสิตี”น้องสาวครอบครอง เมื่อโหรหาฤกษ์ยามดีได้เวลา ท่านเจ้าเมืองก็เสี่ยงสัตย์อธิฐานปล่อยช้างตัวสำคัญคู่บ้านคู่เมืองออกเดิน ป่าหรือเรียกว่า “ช้างอุปการ” เพื่อหาที่ชัยภูมิดีสร้างเมือง ท่านเจ้าเมืองก็ยกพลบริวารเดินตามหลังช้างนั้นไปเป็นเวลาหลายวัน วันหนึ่งช้างได้เดินไปหยุดอยู่ ณ ที่ป่าแห่งหนึ่ง(ที่วัดช้างให้เวลานี้) แล้วเดินวนเวียนร้องขึ้น 3 ครั้งพระยาแก้มดำถือเป็นนิมิตที่ดีจะสร้างเมือง ณ ที่ตรงนี้ แต่น้องสาวตรวจดูแล้วไม่ชอบ พี่ชายก็อธิษฐานให้ช้างดำเนินหาที่ใหม่ต่อไป ได้เดินรอนแรมหลายวัน เวลาตกเย็นวันหนึ่งก็หยุดพักพลบริวารน้อง สาวถือโอกาสออกจากที่พักเดินเล่น บังเอิญขณะนั้นมีกระจงสีขาวผ่องตัวหนึ่ง วิ่งผ่านหน้านางไปนางอยากจะได้กระจงขาวตัวนั้น จึงชวนพวกพี่เลี้ยงวิ่งไล่ล้อมจับ กระจงตัวนั้นได้วิ่งวกไปเวียนมาบนหาดทรายอันขาวสะอาดริมทะเล ( คือตำบล กือเซะเวลานี้ ) ทันใดนั้น กระจงก็ได้อันตรธานหายไป นางเจ๊ะสิตี รู้สึกชอบที่ตรงนี้มากจึงขอให้พี่ชายสร้างเมืองให้ เมื่อพระยาแก้มดำปลูกสร้างเมืองให้น้องสาว และมอบพลบริวารให้ไว้พอสมควรเรียบร้อยแล้ว ก็ให้ชื่อเมืองนี้ว่า “เมืองปะตานี” ( ปัตตานี ) ขณะนั้นพระยาแก้มดำเดินทางกลับมาถึงภูมิประเทศที่ช้างบอกให้ครั้งแรก ก็รู้สึกเสียดายสถานที่ จึงตกลงใจหยุดพักแรมทำการแผ้วถางป่า และปลูกสร้างขึ้นเป็นวัดให้ชื่อว่า “วัดช้างให้” มาจนบัดนี้ ต่อมาพระยาแก้มดำ ก็ได้มอบถวายวัดช้างให้ แก่ “ท่านลังกา”ครอบครอง พระภิกษุชราองค์นี้ท่านอยู่เมืองไทรบุรีเขาเรียกว่าท่านลังกาเมื่อท่านมา อยู่วัดช้างให้ชาวบ้านเรียกว่าท่านช้างให้เป็นเช่นนี้ตลอดมา

    สมัยโบราณนั้น คนมลายูนับถือศาสนาพุทธ พระยาแก้มดำคนมลายูจึงได้สร้างวัดช้างให้ขึ้น อ้างตามหนังสือของพระยารัตนภักดี เรื่องปัญหาดินแดนไทยกับมลายู หน้า 8 บรรทัด 16 ในหนังสืออิงตามประวัติศาสตร์ว่า พ.ศ.1300 กษัตริย์ครองกรุงศรีวิชัยแห่งปาเล็มบัง มีอานุภาพแผ่ไพศาลอาณาเขตเข้ามาถึงแหลมมลายู และได้ก่อสร้างสถานที่สำคัญทางพุทธศาสนาไว้หลายแห่ง มีผู้พบศิลาจารึกแผ่นหนึ่งที่ นครศรีธรรมราช บันทึกว่า เมื่อพ.ศ.1318 เจ้าเมืองศรีวิชัย ได้มาก่อสร้างพระเจดีย์ที่นครศรีธรรมราชและที่สำคัญอีกแห่งคือ พระพุทธไสยาสน์ในถ้ำที่ภูเขา (วัดหน้าถ้ำ) ตำบลหน้าถ้ำ อำเภอเมืองยะลา จังหวัดยะลา คาดว่าสร้างเมื่อสมัยกรุงศรีวิชัย ระหว่างพ.ศ.1318-1400 ต่อมามีการปฎิสังขรณ์เพิ่มเติมตามที่เห็นในปัจจุบัน

    ขณะที่ท่านลังกา"หลวงพ่อทวด"พำนักอยู่ที่วัดในเมืองไทรบุรีวันหนึ่งอุบาสก อุบาสิกา และลูกศิษย์อยู่พร้อมหน้าท่านได้พูดขึ้นในกลางชุมนุมนั้นว่า ถ้าท่านมรณภาพเมื่อใดขอให้ช่วยกันจัดการหามศพไปทำการฌาปนกิจ ณ วัดช้างให้ด้วย และขณะหามศพพักแรมนั้น ณ ที่ใดน้ำเน่าไหลลงสู่พื้นดินที่ตรงนั้นจงเอาเสาไม้แก่นปักหมายไว้ต่อไปข้าง หน้าจะเป็นที่ศักดิ์สิทธิ์ อยู่มาไม่นานท่านก็ได้มรณภาพลงด้วยโรคชราคณะศิษย์ผู้เคารพในตัวท่านก็ได้ จัดการตามที่ท่านสั่งโดยพร้อมเพรียงกันเมื่อทำการฌาปณกิจศพท่านเรียบร้อย เมื่อ พ.ศ.2501 พระครูวิสัยโสภณ ได้เดินทางไปบูชามาแล้วทุกสถานที่ แต่ละสถานที่ก็มีสภาพเหมือนสถูปที่บรรจุอัฐิหลวงพ่อทวดที่วัดช้างให้เมื่อครั้งยังไม่ได้ตบแต่งสร้างใหม่สอบถามชาวบ้านแถบๆนั้นดู ต่างก็เล่นถึงเรื่องราวที่สืบทอดต่อกันมาให้อาจารย์ทิมและคณะฟังว่าเป็นสถานที่ตั้งศพหลวงพ่อทวด เมื่อมาพักแรมมีน้ำเหลืองหยดตกลงพื้นก็เอาไม้ปักทำเครื่องหมายไว้ บางแห่งก็ก่อสร้างเป็นสถูปเจดีย์ก็มี แล้วคณะศิษย์ผู้ไปส่งได้ขอแบ่งเอาอัฐิของท่านแต่ส่วนน้อยนำกลับไปทำสถูปที่ วัด ณ เมืองไทรบุรีไว้เป็นที่เคารพบูชาตลอดจนบัดนี้สมเด็จเจ้าพะโคะกับท่านช้างให้ หรือ"หลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด" นี้สมัยท่านยังมีชีวิตมีชื่อที่ใช้เรียกท่าน หลายชื่อเช่น พระราชมุนีสามีรามคุณูปมาจารย์ ท่านลังกา และท่านช้างให้ แต่เมื่อท่านมรณภาพแล้วเรียกเขื่อนหรือสถูปศักดิ์สิทธิ์ที่บรรจุอัฐิของท่าน ว่า “เขื่อนท่านช้างให้” เขื่อน หลวงพ่อทวด เหยียบน้ำทะเลจืด (คำว่าเขื่อนเป็นภาษพื้นเมืองทางใต้ หมายถึงสถูปที่บรรจุอัฐิของท่านผู้มีบุญนั่นเอง) เมื่อ พ.ศ. 2480 พระครูมนูญสมณการ วัดลานุภาพ ได้ชวนชาวบ้านช้างให้และใกล้เคียงไปทำการแผ้วถางวัดร้างแห่งนี้ โดยจัดบูรณะให้เป็นวัดมีพระสงฆ์เข้าจำพรรษาและในปีนั้นเอง ได้ให้พระภิกษุช่วงมาอยู่ก็ได้มีการจัดสร้างถาวรวัตถุ ขึ้น เช่นศาลาการเปรียญ และกฏิ2-3หลัง ครั้งต่อมาเมื่อ พ.ศ. 2484 พระภิกษุช่วงก็ได้ลาสิกขาบท วัดช้างให้จึงขาดเจ้าอาวาสและผู้นำลง พระครูภัทรกรณ์โกวิท เจ้าอาวาสวัดนาประดู่ จึงได้ให้พระภิกษุทิม (พระครูวิสัยโสภณ) ไปเป็นเจ้าอาวาสวัดช้างให้ตามที่ชาวบ้านขอมา
    พระภิกษุทิม ได้ย้ายไปอยู่วัดช้างให้ เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ.2484 ตรงกับวันอังคาร ขึ้น15ค่ำเดือน8 พระภิกษุทิม มาอยู่วัดช้างให้ตอนแรก ก็ไปๆมาๆอยู่กับวัดนาประดู่ กลางวันต้องไปสอนนักธรรมวัดนาประดู่

    **องค์นี้สภาพสวย สร้างน้อย เนื้อนวะ ให้บูชา 300 บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • SAM_7361.JPG
      SAM_7361.JPG
      ขนาดไฟล์:
      72 KB
      เปิดดู:
      166
    • SAM_7365.JPG
      SAM_7365.JPG
      ขนาดไฟล์:
      66.8 KB
      เปิดดู:
      771
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กันยายน 2015
  8. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    29,712
    ค่าพลัง:
    +4,635
    7. เหรียญรัชกาลที่ 5 หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน สิงห์บุรี ปี 2530 ซองเดิม **คุณแป๊ะซะจองแล้วครับ**

    หลวงพ่อจรัญ หรือ พระธรรมสิงหบุราจารย์ วัดอัมพวัน สิงห์บุรี ปัจจุบันท่านเป็นเจ้าคณะจังหวัด อายุท่านได้ประมาณ 82 ปีแล้ว หลวง พ่อจรัญ เป็นพระที่ปฏิบัติดีโดยเฉพาะในสายวิปัสสนาแบบสติปัฏฐานสี่ ในปัจจุบันหลวงพ่อจรัญ มีชื่อเสียงดังไปทั่วไประเทศในฐานะอาจารย์ผู้สอนกรรมฐาน ท่านเขียนตำราธรรมะมากมาย ก่อนที่ท่านจะเริ่มปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานกับเจ้าคุณโชดก วัดมหาธาตุ หลวงพ่อจรัญ ก็เหมือนพระเกจิทั่วไปในสมัยนั้น คือศึกษาพระเวทย์วิทยาคมกับหลวงพ่อดังๆในอดีต หลวงพ่อจรัญ เคยไปเรียนวิชากับหลวงพ่อเดิมเป็นเวลาหลายเดือนก่อนที่หลวงพ่อเดิม จะมรณะภาพ นอกจากนี้ท่านยังได้เรียนวิชากับหลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก หลวงพ่อจาด วัดบางกะเบา เป็นต้น
    เนื่อง จากหลวงพ่อจรัญ มีลูกศิษย์นับถือมากมาย ประกอบกับท่านอายุมากแล้ว ตอนหลังเข้าใจว่าท่านไม่ปลุกเสกวัตถุมงคลแล้ว ดังนั้นทำให้พระเครื่องของหลวงพ่อจรัญ ที่หลวงพ่ออธิษฐานจิตจึงถูกลูกศิษย์ตามเก็บ ทำให้พระของท่านเริ่มหายากและมีราคาสูงขึ้นเื่รื่อยๆ โดยเฉพาะพระที่สร้างก่อนปี 2520 หลายรุ่นราคาสูงมาก
    ขอแนะนำเหรียญรัชกาลที่ 5 เป็นรุ่นแรกของหลวงพ่อจรัญ ที่ท่านอธิษฐานจิตในคราวสร้างพระบรมรูปรัชกาลที่ 5 องค์ใหญ่ของวัดอัมพวันเมื่อปี 2530 เหรียญรุ่นนี้สร้างโดยกองกษาปณ์ ออกแบบสวยงามมาก ด้านหลังเป็นดวงมงคลเพื่อเสริมดวงชาตาให้แก่ผู้ที่บูชา เหรียญที่นำเสนอสวยงามมากในสภาพเดิมๆ สวยไม่แพ้ใคร แท้ ดูง่าย รีบเก็บตั้งแต่ตอนนี้นะครับ เพราะพระของหลวงพ่อจรัญ เริ่มหายากแล้ว

    **องค์นี้สวย เดิม ซองเดิมๆๆ ให้บุชา เหรียญละ150 บาท**
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 ตุลาคม 2015
  9. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    29,712
    ค่าพลัง:
    +4,635
    8. พระสังกัจจายน์ หลวงพ่อโตวัดเขาบ่อทอง สภาพสวย ***คุณ...จองแล้วครับ***
    ข้อมูลประวัติ หลวงพ่อโต วัดเขาบ่อทอง จ.ระยอง

    หลวงพ่อโต วัดเขาบ่อทอง มีนามเดิมว่า โต รัตนวิจิตร เป็นบุตรนายเกิด นางเพี้ยน รัตนวิจิตร ท่านเกิดเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2418 ตรงกับวันจันทร์ เดือน 11 ขึ้น 7 ค่ำ ที่บ้านตำบลชากโดน อำเภอแกลง จังหวัดระยอง มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน 2 คน และพี่น้องต่างมารดา 5 คน
    วัยเด็กเมื่อท่านอายุ 7 ขวบ บิดามารดาของท่านได้เสียชีวิตลงไป นายดง กับนางเคลือบ ผู้เป็นตากับยายได้นำเด็กชายโตไปฝากไว้กับ พระอาจารย์เจียม เจ้าอาวาสวัดเขากระโดน โดยเป็นเด็กคอยรับใช้พระอาจารย์เจียม ขณะที่อยู่รับใช้พระอาจารย์เจียม เด็กชายโตได้ศึกษาเล่าเรียนเขียนอ่านปฐม ก.กา จนกระทั้งอายุได้ 10 ขวบ พระอาจารย์เจียม ได้ส่งเด็กชายโตไปอยู่กับหลวงพ่อเทียน หรือพระอุปัชฌาย์เทียน ที่วัดเนินฆ้อ อำเภอแกลง จังหวัดระยอง และได้บรรพชาเป็นสามเณรในเวลาต่อมา
    สามเณรโตศึกษาเล่าเรียน พระธรรมวินัยอย่างจริงจัง โดยได้เล่าเรียนพระวินัย ทั้งภาษาไทย บาลี สันสฤต และภาษาขอม จนมีความสามารถอ่านเขียนอักขระเลขยันต์ต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ซึ่งจัดเป็นสามเณรรูปหนึ่งของจังหวัดระยอง ที่เก่งรูปหนึ่งเลยที่เดียว จนกาลเวลาผ่านไปมีอายุได้ 20 ปี สามเณรโตจึ่งได้เข้าพิธีอุปสมบท ณ อุโบสถวัดตะปอนใหญ่ อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี โดยมีนายหอม และนางปี๊ด อาจดี ผู้เป็นญาตินำไปฝากอุปสมบทมี พระอธิการเพ็ชร เจ้าอาวาสวัดตะปอน เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์สอ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์ปลวด เป็นพระอนุสาวนาจารย์ โดยได้รับฉายาว่า “ ติสฺโส ”
    ในพรรษาแรกพระโต ติสฺโส ได้จำพรรษาอยู่ที่วัดตะปอน พอมาถึงพรรษาที่สอง ท่านได้ย้ายไปจำพรรษาอยู่ที่วัดพญาล่าง ในอำเภอมะขาม จังหวัดจันทบุรี อยู่วัดพญาล่างได้ 2 ปี ท่านได้ย้ายมาจำพรรษาที่วัดเนินค้อ อำเภอแกลง ซึ่งเป็นวัดที่ท่านได้บรรพชาเป็นสามเณร ต่อมาในวันที่ 15 เดือนกรกฎาคม 2445 พระอาจารย์โต ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดเขากระโดน ตำบลชากกระโดน อำเภอแกลง โดยคำสั่งแต่งตั้งของ พระสังฆปาโมกข์ ยังความปลาบปลื้มยินดีต่อชาวชากกระโดนเป็นอย่างยิ่ง
    วัดเขากระโดน สร้างขึ้นเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2407 โดยมีพระอธิการมุ้ย และอำแดงทิม พร้อมชาวบ้านร่วมแรงร่วมใจกันสร้างวัดขึ้นมา โดยได้รับการบริจาคที่ดินจาก อำแดงทิม จำนวน 14 ไร่ เมื่อทำการสร้างแล้วเสร็จก็ได้รียกขานชื่อวัดว่า “ วัดบ้านป่า” โดยมีเขตพระอุโบสถยาว 13 วา กว้าง 10 วา โปรดให้ผู้สำเร็จราชการเมืองปักกำหนดให้ตามประสงค์พระราชอุทิศที่นั้นเป็นที่ วิสุงคามสีมา ยกเป็นแผนกหนึ่งต่างหากจากพระราชทานอาณาเขตเป็นที่วิเศษสำหรับพระสงฆ์ จตุรทิศทั้งสี่ทำสังฆกรรม มีอุโบสถเป็นต้น พระราชทานตั้ง ค่ำมีฉลูสัปตศกพระพุทธศาสน์ล่วง 2408
    ต่อมามีการเปลี่ยนชื่อวัดเป็น คีรินธรธาราม โดยมีหลักฐานการแต่งตั้งเจ้าอาวาสคือ พระอธิการมุ้ย ตั้ง ณ วันที่ 15 มกราคม ร.ศ. 121 พระพุทธศาสน์ล่วงได้ 2445 ประทับตราสังฆปาโมกข์ ภายหลังจากสิ้นพระอธิการมุ้ย พระอธิการโต ก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสปกครองวัดรูปต่อมา เมื่อได้เป็นเจ้าอาวาสได้ทำการพัฒนาวัดจนเจริญรุ่งเรืองเป็นที่รู้จักของพุทธศาสนิกชน ทั่งทุกสารทิศ ต่อมาในปี พ.ศ. 2463 พระญาณวราพร รองเจ้าคณะแขวงจันทบุรี ได้ตรวจเยี่ยมคณะสงฆ์ที่อำเภอแกลง โดยท่านได้แวะพักที่วัดทะเลน้อยก่อน จากนั้นก็มาแวะพักที่วัดช่องมรรคา ในขณะที่แวะพักที่วัดช่องมรรคา ท่านได้ได้พิจารณาชื่อวัดต่างๆในหลายๆวัดชื่อไม่สอดคล้องกับหมู่บ้าน ยากต่อการจำจึงได้ทำการเปลี่ยนชื่อวัดบางวัด เช่น วัดหว่างคีรีคงคาราม เป็นวัดเนินฆ้อ วัดช่องมรรคา เป็นวัดหนองแพงพวย วัดป่าเรไร เป็นวัดจำรุง วัดเขาคีรินธรธาราม เป็นวัดเขากระโดน วัดป่าชละธาร เป็นวัดป่ากร่ำ

    ในช่วงสมัยที่หลวงพ่อโต ปกครองวัดเขากระโดน ได้ทำการเปิดโรงเรียนสอนนักธรรมชั้นตรี ถึงชั้นเอก เมื่อปี พ.ศ. 2446 พระและเณรในแถบตำบลเนินค้อ ตำบลกร่ำและใกล้เคียง ต่างก็มาเล่าเรียนภาษาบาลีที่นี้ ในวันที่ 6 พฤศจิกายน 2467 หลวงพ่อโต ได้รับพระราชทานสัญญาบัตรพัดยศเป็น “ พระครูนิวาสธรรมสาร ” วันที่ 8 มิถุนายน 2468 หลวงพ่อโต ได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการศึกษาอำเภอแกลง จังหวัดระยอง ต่อมาได้ก่อตั้งโรงเรียนประชาบาลวัดเขากระโดนขึ้น เปิดเรียนเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2474 และเมื่อถึงวันที่ 19 มีนาคม 2475 หลวงพ่อโตได้รับการแต่งตั้งเป็น “ พระอุปัชฌาย์ ”
    หลวงพ่อโตท่านได้พัฒนาและก่อตั้งโรงเรียนประชาบาลในท้องถิ่นอื่นๆ กล่าวคือ ในวันที่ 4 กันยายน 2478 ท่านได้ก่อตั้งโรงเรียนประชาบาล ตำบลชากโดน 2 ที่บ้านชากบก ( บุนนาค ) ในปี พ.ศ. 2510 ท่านได้ตั้งโรงเรียนแกลง ( นิวาสบำรุง ) ซึ่งต่อมาได้ร่วมกับโรงเรียนบ้านชากบกเปิดสอนถึงชั้นประถมปีที่ 7 และเปลี่ยนชื่อเป็น “ โรงเรียนนิวาสกัลยาประชารักษ์ ” หรือ “ โรงเรียนบุนนาค ” ในปัจจุบัน และในปี พ.ศ. 2478 หลวงพ่อโตท่านได้จัดตั้งโรงเรียนแผนกบาลีขึ้นที่วัดเขากระโดน เป็นสำนักบาลีแห่งแรกของจังหวัดระยอง โดยสร้างอาคารรวบรวมหลักสูตรการศึกษาบาลีไว้ครบถ้วน จัดหาพระจากเมืองหลวงที่มีความสามารถและชำนาญมาเป็นครูสอนบาลี และทางกระทรวงศึกษาธิการได้ตั้งชื่อโรงเรียนว่า “ โตวิทยาคม ” ในปีแรกมีพระสอบเปรียญ 3 และ เปรียญ 4 หลายรูป และน่าเสียดายที่ต่อมาโรงเรียนต้องมาหยุดทำการสอนเมื่อปี พ.ศ. 2491
    ปี พ.ศ. 2475 พระราชกวี เจ้าคณะมณฑล แนะนำให้สร้างวัดขึ้นที่ตำบลชากบาก หลวงพ่อโตได้ร่วมกับชาวบ้านจัดตั้งเป็นสำนักสงฆ์ชากบาก ขึ้นมาก่อน ต่อมาปี พ.ศ. 2484 จึงได้รับพระราชทานวิสุงคามสรมาให้เปลี่ยนชื่อเป็น วัดบุนนาค มาจนทุกวันนี้
    ปี พ.ศ. 2480 หลวงพ่อโตเริ่มสร้างสำนักสงฆ์บ้านสองสลึง และยกฐานะเป็นวัด คีรีวราราม เมื่อวันที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2500
    ปี พ.ศ. 2496 ท่านได้พิจารณาสร้างถาวรวัตถุทางศาสนาขึ้นที่ยอดเขาหวายปลอด (ตำบลชากโดน ) โดยมีข้าราชการพ่อค้าประชาชนร่วมกันบริจาคทรัพย์ สร้างเป็นถาวรวัตถุทางศาสนาโดยตั้งเป็นที่พักสงฆ์ เหล่านี้คือเรื่องของการพัฒนาก่อสร้างโรงเรียนให้แก่ลูกหลานชาวบ้าน จัดตั้งสำนักเรียนให้กับพระภิกษุสามเณรของหลวงพ่อโตจัดว่าท่านเป็นพระผู้สร้างสถานศึกษาอย่างแท้จริง
    ทางด้านวิปัสสนากรรมฐานหลวงพ่อโตท่านมีชื่อเสียงมากโดยเฉพาะเรื่องวิปัสสนาท่านมักธุดงค์ไปนมัสการปูชนียสถานสำคัญๆหลายๆจังหวัด แม้หนทางจะห่างไกลทุรกันดารเพียงใดก็ไม่เคยย่อท้อ ท่านกลับมีมานะ ความเพียรอันยอดเยี่ยม การไปไหนมาไหนของท่านจะใช้การเดินเท้าเป็นหลัก เล่ากันว่าหลวงพ่อโตท่านมาศึกษาวิปัสสนาที่วัดประยูรวงศาวาส (วัดรั้วเหล็ก) และวัดใหม่ย้ายนุ้ยธนบุรี จนได้เป็นอาจารย์ใหญ่นำพระภิกษุที่อยู่ปริวาสตามสถานที่ต่างๆ เป็นนิจจนพรรษามากเข้ามีประสบการณ์มาก ท่านได้รับการขนานนามว่าเป็นยอดพระเกจิอาจารย์แห่งเมืองแกลง จังหวัดระยอง
    พระหมอยาที่โด่งดัง หลวงพ่อโตนอกจากจะเป็นพระนักพัฒนาผู้สร้างและผู้ให้การศึกษาแล้ว นยังเป็นพระหมอยาที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาก สมัยก่อนการแพทย์แผนปัจจุบันยังไม่เจริญก้าวหน้าเหมือนสมัยนี้ ชาวบ้านต้องพึ่งตนเอง อาศัยยากลางบ้านคือสมุนไพร รักษาโรคหมอยากลางบ้าน ที่เป็นทั้งฆราวาสและพระภิกษุ จะมีบทบาทมาก ใครเจ็บไข้ได้ป่วยต่างๆก็ต้องพึ่งหมอกลางบ้านให้ช่วยรักษาโรคภัยไข้เจ็บ หลวงพ่อโตท่านสนใจในเรื่องของสมุนไพรรักษาโรคมาก ยามว่างจากภารกิจอื่นๆท่านก็จะมาศึกษาค้นคว้าเรื่องของสมุนไพรอ่าน ตำรับตำราการรักษาโรคภัยไข้เจ็บไปศึกษาจากหมอผู้รู้หลายๆคน แล้วก็นำวิชากลับมาศึกษาการแพทย์แผนโบราณปรุงยารักษาโรคต่างๆ จนกระทั้งเชี่ยวชาญสามารถรักษาผู้เจ็บไข้ได้ป่วยได้ ท่านทำยาดองยาลูกกลอนเอาไว้มาก ใครเจ็บป่วยมาหาท่านๆ ก็จะให้ยาไปทาน เป็นยาวิเศษรักษาได้สารพัดโรค คนเฒ่าคนแก่หลายๆท่านที่ยังมีชีวิตอยู่ และทันสมัยหลวงพ่อโต ได้เล่าว่า ในสมัยหลวงพ่อโต เมื่อท่านมีชื่อเสียงเรื่องรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ ผู้คนก็พากันมาให้ท่านรักษาโรคกันอย่างต่อเนื่อง หลวงพ่อต้องเกณฑ์ลูกศิษย์และชาวบ้านข้างวัด มาช่วยบดยาที่วัด โดยใช้เครื่องบดยาแบบโบราณใช้แรงคนบด พอบดยาเป็นผงเสร็จท่านก็ปรุงยาตามสูตรต่างๆ ส่วนใหญ่ท่านจะทำเป็นยาดองๆ ใส่ตุ่มกันเลยทีเดียว ชาวบ้านที่เจ็บไข้ได้ป่วยทั้งอำเภอแกลงสมัยนั้น จะพากันมาหาท่าน ท่านก็จะให้ไปตักยาดองในตุ่ม ใส่ขวดกลับไปทานที่บ้านเป็นสูตรยาครอบจักรวาลยอดเยี่ยมดีแล
    การรักษาผู้ป่วยของหลวงพ่อโตเล่ากันว่า แม้กระทั้งคนบ้าวิกลจริตก็จะมีญาติพี่น้องพามาให้หลวงพ่อรักษา บางรายมาถึงวัดใหม่ๆ ต้องล่ามขากันเลย หลวงพ่อโตรักษาให้ไม่นาน อาการบ้าคุ้มคลั่งก็หายเป็นปลิดทิ้งเป็นที่เสื่อมใส ศรัทธาจากชาวบ้านเป็นอย่างยิ่ง
    ในเรื่องของวิชาอาคมต่างๆ หลวงพ่อโต เป็นเถรานุเถระที่มีชื่อเสียงมาก เป็นที่เคารพ เลื่อมใสจากประชาชนทั่วทุกสารทิศ ทางวัตถุมงคลและเครื่องรางของขลังของท่านมีชื่อเสียงยิ่งนัก ท่านมักจะได้รับการนิมนต์จากวัดต่างๆให้ไปร่วมพิธีพุทธาภิเษกนั่งปรกอธิฐานจิตมิได้ขาด งานสำคัญเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2507 สมเด็จพระวันรัต (ปุ่น) วัดพระเชตุพนฯ กรุงเทพฯ ได้นิมนต์ไปร่วมงานพุทธาภิเษกพระกริ่งสมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระปรมานุชิตชิโนรสร่วมกับพระอาจารย์ที่มีชื่อเสียงอีก 16 รูป
    กาลสุดท้ายแห่งอายุขัย จวบจนเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2508 ขณะที่ท่านไปทำธุระที่จังหวัดจันทบุรีเกิดอาพาธจึงกลับมารักษาตัวที่พักสงฆ์เขาบ่อทอง แต่อาการก็ไม่ดีขึ้นบรรดาลูกศิษย์ต่างก็พาหลวงพ่อไปรักษาที่โรงพยาบาลอาภากรเกียรติวงค์ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี จนกระทั้งวันที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2508 หลวงพ่อโตได้ถึงแก่มรณภาพอย่างสงบที่โรงพยาบาล เมื่อเวลา 18:45น รวมสิริอายุ 90ปี 7 เดือน 22 วัน สร้างความเศร้าโศกเสียใจแก่ชาวอำเภอแกลงและใกล้เคียงเป็นอันมาก หลังจากที่หลวงพ่อโตได้มรณภาพ พระครูอุดมสิทธิคุณ (หลวงพ่ออั๋น) ก็ขึ้นเป็นเจ้าอาวาสแทนปกครองวัดตั้งแต่ปี พ.ศ. 2508 – 2520 นานถึง 18ปี ท่านก็มรณภาพลง จากนั้นพระมหาเพียร ปัญญาทีโป หรือพระครูพิทักษ์วิริยะภรณ์ ก็เข้ารับตำแหน่งสมภารปกครองวัดสืบต่อมาจนถึงปัจจุบัน สังเกตุได้ว่าวัดเขากระโดนนั้นแม้ตั้งมานานแล้ว แต่มีเจ้าอาวาสปกครองวัดน้อยมากทั้งนี้ก็เพราะสมภารแต่ละรูปล้วนอายุยืนทั้งสิ้น
    สมัยที่หลวงพ่อโตมีชีวิตอยู่มีเรื่องเล่ากล่าวขานกันมากมายทั้งเรื่องการดำรงค์ตน ของท่าน เรื่องเชิงอิทธิปฏิหาริย์ต่างๆเล่ากันว่า ท่านเป็นสมภารที่ดุเอาการรูปหนึ่ง เรื่องวิชาอาคมก็แก่กล้ามาก หลวงพ่อโตท่านทำธงผ้ายันต์ขึ้นมา ชุดหนึ่งเรียกว่า ธงพัดโบก มีอิทธฺปฏิหาริย์ประจักษ์ชัด ธงพัดโบกผูกเชือกชักขึ้นยอดเสารับรองฝนไม่ตก ที่วัดเขากระโดนมีเรื่องแปลกมากก็คือฝนมักจะตกที่วัดตลอด ยิ่งใครจัดงานมีมหรสพ รื่นเริงในวัดเป็นต้องฝนตกเรื่องนี้ชาวบ้านทุกคนยืนยันกันมา แต่หากไปขออนุญาตหลวงพ่อ ถ้าหลวงพ่ออนุญาตให้จัดงานได้ ไม่ว่าฝนจะมามืดฟ้ามัวดินทั่วทุกสารทิศเพียงใด ที่วัดเขากระโดนฝนก็จะไม่ตก ก่อนจะเริ่มงานหลวงพ่อจะให้ลูกศาย์นำธงพัดโบกชักขึ้นยอดเสารับรองฝนไปตกที่อื่นหมด แต่พอเสร็จงานชักธงลง ปรากฏว่าฝนได้ตกเทลงมาห่าใหญ่ ทุกครั้งเล่ากันว่า ธงพัดโบกของหลวงพ่อพอชักลงมาจากยอดเสามักหาย แม้ปัจจุบันนี้ก็ตามใครจะจัดมหรสพในบริเวณวัดจะต้องไปบอกกล่าวขอจัดงานที่รูปหล่อองค์หลวงพ่อ และหุ่นขี้ผึ้งจำลองบนศาลารับรองก่อนทุกครั้ง ไม่เช่นนั้นจะเกิดเหตุเภทภัยต่างๆนานาจนงานต้องล้มเลิกไปโดยปริยาย แต่ถ้าไปกราบขอขมาแล้วทุกอย่างจะดำเนินไปด้วยดี

    รูปหล่อองค์หลวงพ่อโตนั้นศักดิ์สิทธิ์นัก ใครมีเรื่องทุกข์ร้อนไปขอให้ท่านช่วยจะสัมฤทธิ์ผลสมความปรารถนา ผู้อาวุโสบอกว่า ที่วัดเขากระโดน จะมีหนังตะลุงสร้างถาวรเลย เพราะชาวบ้านมักบนหนังตะลุงถวายหลวงพ่อ เนื่องจากหลวงพ่อชอบหนังตะลุงจริงๆ แล้วหลวงพ่อโตท่านชอบโขนสด แต่ราคาค่าจ้างโขนสดแพงกว่าหนังตะลุง ก็เลยบนหนังตะลุงกัน ฉะนั้นหนังตะลุงจึงมีที่วัดเขากระโดน มิได้ขาด
    สำหรับวัตถุมงคลนั้นหลวงพ่อโตไม่ค่อยนิยมสร้างเท่าไร รวบรวมแล้วมีไม่กี่รุ่น ยุคแรกท่านสร้างในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ท่านทำเสื้อยันต์แจกทหารหาญที่ออกรบ ทำตระกรุดโทนแจก ปัจจุบันหาดูยากมาก ปี พ.ศ. 2478 หลวงพ่อจัดสร้างเหรียญใบสาเกใหญ่ เนื่องในโอกาสฉลองเปิดโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกบาลีให้ช่างสวัสดิ์ที่จังหวัดจันทบุรี ออกแบบและจัดสร้าง ปี 2484 จัดสร้างเหรียญใบสาเกเล็กออกมาอีกหนึ่งรุ่น ไม่มากนัก เป็นรุ่นการสร้างศาลาการเปรียญ ในปี พ.ศ. 2496 สร้างพระกริ่งหน้ายักษ์และหน้านาง ซึ่งในรุ่นนี้หลวงพ่อยังได้สร้างวัตถุมงคลอีกหลายแบบมีเหรียญรูปไข่ หลังยันต์เฑาะ พระสังกัจจายน์ พระสมเด็จเนื้อฟักทองพิมพิ์ใหญ่ พระสมเด็จนางพระพญาลงรักแดงหลังยันต์เฑาะ พระสมเด็จปรกโพธิ์พิมพ์กลางลงรักแดง ต่อมาท่านได้สร้างรูปเหมือนลอยองค์เนื้อแดงเหลืองรมดำ เป็นรุ่นแรกสร้างแท็งก์น้ำวัดเขาบ่อทอง
    หลังจากที่หลวงพ่อโตมรณภาพทางวัดได้จัดสร้างเหรียญเนื้อเงินรอบเหรียญเป็นรวงข้าว เรียกว่าเหรียญรวงข้าว และทางพลเรือโทสนิท โปษกฤษณะ ผู้บัญชาการฐานทัพเรือสัตหีบได้จัดสร้างเหรียญรูปไข่เนื้อทองแดงขอบเหรียญเป็นรูปพญานาค เรียกเหรียญพญานาค ชุดนี้มีเหรียญเสมาออกมาแจกเป็นที่ระลึกในงานพระราชทานเพลิงศพหลวงพ่อโต
    วัตถุมงคลของหลวงพ่อโตทุกรุ่น เป็นที่ยอมรับในเรื่องอยู่ยงคงกระพันเป็นเลิศ โดยเฉพาะพระกริ่งหน้ายักษ์ มีบทบาทมาก พระกริ่งหน้ายักษ์ เป็นสุดยอดวัตถุมงคลที่หายากรองลงมาจาก พระสังกัจจายน์ พิมพ์ใหญ่ และรูปหล่อตัวหนอน ส่วนพระกริ่งหน้านาง มีชื่อเสียงทางด้านเมตตามหานิยม ค้าขายดีนักแล
    วัดเขากระโดนในปัจจุบัน ในยุคของท่านพระครูพิทักษ์วิริยาภรณ์ เป็นเจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน ท่านสนใจพัฒนาสมองคนมากกว่าวัตถุมงคล ท่านสืบทอดเจตนารมณ์ของพระอาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่คือ หลวงพ่อโต โดยให้การศึกษาพระเณร จัดให้วัดเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ในชุมชน ให้สถานที่วัดเป็นศูนย์กลางการเรียนพิมพ์ดีด เรียนดนตรีไทย และจัดสร้างพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านขึ้นที่ใต้ถุนโบสถ์หลังใหญ่ ซึ่งขณะนี้กำลังก่อสร้างยังไม่แล้วเสร็จ รอให้สาธุชนคนใจบุญไปช่วยกันสานต่อ เป็นโบสถ์ใหม่แทนหลังเก่าที่ชำรุดทรุดโทรมมาก
    วัดเขากระโดนทุกวันนี้ เป็นวัดพัฒนาตัวอย่างเป็นศูนย์กลางที่ให้ความรู้แก่ชาวบ้านอย่างแท้จริง ท่านเจ้าอาวาสยังทำสวนสมุนไพรไว้ในที่ธรณีสงฆ์ ไม่ไกลจากวัดอีก 1 แปลง เนื้อที 14 ไร่ เพื่อให้ผู้ที่สนใจเรื่องสมุนไพรได้ไปศึกษากัน
    พระครูนิวาสธรรมสาร หรือหลวงพ่อโต วัดเขาซากกระโดน(วัดใน) ท่านเป็นอดีตพระเกจิ อาจารย์ที่โด่งดังอีกท่านหนึ่งของเมืองระยอง ท่านอยู่ในยุคเดียวกันกับ หลวงปู่หิน วัดหนองสนม หลวงปู่อี๋ วัดสัตหีบ และท่านเป็น อาจารย์ของ หลวงปู่คร่ำ วัดวังหว้า และ หลวงปู่บุญ วัด บ้านนา ลูกศิษย์ที่นับถือท่านส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นทหารเรือ และชาวบ้านแถว อ.แกลง และ จ.ระยอง ทั้งนั้น นักสะสมพระเครื่องรุ่นเก่าเมืองระยองล้วนบูชาพระของหลวงพ่อโต กันทั้งนั้นครับ.

    ***องค์นี้เป็นพระปั้มมีกริ่งดัง เนื้อโลหะผสมเก่า อุดมด้วยลาภ โชคลาภ อุดมสมบูรณ์ ให้บุชา 300 บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • SAM_6581.JPG
      SAM_6581.JPG
      ขนาดไฟล์:
      46.8 KB
      เปิดดู:
      148
    • SAM_6586.JPG
      SAM_6586.JPG
      ขนาดไฟล์:
      46.2 KB
      เปิดดู:
      131
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กันยายน 2015
  10. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    29,712
    ค่าพลัง:
    +4,635
    9. เหรียญหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค หลัง ภ.ป.ร รุ่นรับเสด็จ ปี 2517 สภาพสวย ให้บูชา 150 บาท ***คุณ...จองแล้วครับ***
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • SAM_6926.JPG
      SAM_6926.JPG
      ขนาดไฟล์:
      45.3 KB
      เปิดดู:
      139
    • SAM_6929.JPG
      SAM_6929.JPG
      ขนาดไฟล์:
      56.7 KB
      เปิดดู:
      138
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กันยายน 2015
  11. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    29,712
    ค่าพลัง:
    +4,635
    10. พระผงไม้พญาคูณมหาสิทธิโชค หลวงพ่อคูณ วัดใหม่อัมพวัน ปี๒๕๓๒ รุ่นคูณเงิน คูณทอง วัดใหมอัมพวัน ให้บูชา 150 บาท**มีผู้รับนิมนต์แล้วครับ**
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • SAM_6932.JPG
      SAM_6932.JPG
      ขนาดไฟล์:
      44.6 KB
      เปิดดู:
      168
    • SAM_6936.JPG
      SAM_6936.JPG
      ขนาดไฟล์:
      41.8 KB
      เปิดดู:
      223
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มกราคม 2016
  12. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    29,712
    ค่าพลัง:
    +4,635
    11.พระผงหลวงพ่อเกษม เขมโก ปี 2537 ฝังพลอยแดง รุ่นเมตตามหาบารมี ให้บูชา 150 บาท**มีผู้รับนิมนต์แล้วครับ**
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • SAM_6937.JPG
      SAM_6937.JPG
      ขนาดไฟล์:
      53.6 KB
      เปิดดู:
      244
    • SAM_6940.JPG
      SAM_6940.JPG
      ขนาดไฟล์:
      52.8 KB
      เปิดดู:
      270
    • SAM_6942.JPG
      SAM_6942.JPG
      ขนาดไฟล์:
      46.2 KB
      เปิดดู:
      132
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มกราคม 2016
  13. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    29,712
    ค่าพลัง:
    +4,635
    12.เหรียญฉลองอายุครบ ๑๐๑ ปี ครูบาอินทร์(วัดฟ้าหลั่ง) วัดคันธารส จ.เชียงใหม่ สภาพสวย ให้บุชา 150 บาท **มีผู้รับนิมนต์แล้วครับ**
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • SAM_7089.JPG
      SAM_7089.JPG
      ขนาดไฟล์:
      61.4 KB
      เปิดดู:
      138
    • SAM_7091.JPG
      SAM_7091.JPG
      ขนาดไฟล์:
      77.8 KB
      เปิดดู:
      257
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 พฤศจิกายน 2015
  14. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    29,712
    ค่าพลัง:
    +4,635
    13.เหรียญข้าวหลามตัด หลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง ออกวัดถ้ำเสือ เนื้อฝาบาตร สภาพสวย **สมาชิกชื่อtv..พีเอมมาจองครับ**
    เกิด วันพฤหัสบดี เดือนยี่ ปีฉลู พ.ศ.2358 เป็นบุตรของ นายนาค นางจันทร์ พื้นเพเป็นชาวบ้านแหลมใต้ คลองพระอุดม ปากเกร็ด นนทบุรี

    อุปสมบท อายุ 22 ปี ตรงกับ พ.ศ.2381 ณ พัทธสีมาวัดบ่อ

    มรณภาพ วันจันทร์ที่ 17 สิงหาคม 2438

    รวมสิริอายุ 80 ปี 59 พรรษา

    หลวงปู่เอี่ยม ปฐมนาม ( อ่านว่า ปะถะมะนามะ หรือ ปถมนาม ) เกิดในรัชกาลที่ ๒ เมื่อปีฉลู พ.ศ. 2359 เป็นบุตรนายนาค นางจันทร์ โดยมีพี่น้องท้องเดียวกัน รวมด้วยกัน 4 คน คือ

    1. หลวงปู่เอี่ยม
    2. นายฟัก
    3. นายขำ
    4. นางอิ่ม

    บ้านเกิดของหลวงปู่เอี่ยมอยู่ที่ตำบลบานแหลมใหญ่ ฝั่งใต้ ข้างวัดท้องคุ้ง อำเภอ ปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี เมื่อปี พ.ศ.๒๓๘๑ อายุท่านได้ ๒๒ ปี ได้อุปสมบท ที่วัดบ่อ ตำบลปากเกร็ด อำเภอปากเกร็ด (วัดบ่อนี้อยู่คิดกับตลาดในท่าน้ำปากเกร็ด) ท่านอุปสมบท ได้ประมาณหนึ่งเดือน ท่านก็ได้ย้ายไปประจำพรรษาอยู่ที่วัดกัลยาณมิตร ธนบุรีซึ่งในขณะนั้นพระพิมลธรรมพร เป็นเจ้าอาวาส ซึ่งย้ายมาจากวัดราชบูรณะ พระนคร หลวงปู่เอี่ยมท่านได้ศึกษาพระปริยัติธรรม และแปลพระธรรมบทอยู่ที่วัดนี้อยู่ได้ถึง ๗ พรรษาท่านจึงได้ย้ายไปจำพรรษาอยู่ที่วัดประยูรวงศาวาส

    เมื่อปี พ.ศ. ๒๓๘๘ อยู่วัดประยูรวงศาวาสได้ ๓ พรรษา ถึงปี พ.ศ. ๒๓๘๙๑ นายแขก สมุห์บัญชีได้นิมนต์หลวงปู่เอี่ยม ไปจำพรรษาเจริญพระกัมมัฏฐานเป็นเริ่มแรก และได้ศึกษาอยู่ ๕ พรรษา ถึงปี ๒๓๙๖ ญาติโยมพร้อมด้วยชาวบ้านภูมิลำเนาเดิมในคลองแหลมใหญ่ (ซึ่งปัจจุบันนี้ คือคลองพระอุดม) อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ได้เดินทางมา อาราธนานิมนต์หลวงปู่เอี่ยม กลับไปปกครองวัดสว่างอารมณ์ หรือวัดสะพานสูง ในปัจจุบันนี้

    สาเหตุที่เปลี่ยนชื่อวัดสว่างอารมณ์เดิมมาเป็นชื่อวัดสะพานสูงนั้น มีเรื่องเล่าต่อๆ กันมาว่า ในสมัยนั้นสมเด็จกรมพระยาวชิญาณวโรรส ท่านได้เสร็จไปตรวจการคณะสงฆ์ได้เสด็จขึ้นที่วัดสว่างอารมณ์นี้ ได้ทอดพระเนตรเห็นสะพานสูงข้ามคลองวัด (คลองพระอุดมปัจจุบันนี้)

    ซึ่งชาวบ้านมักจะเรียกวัดสว่างอารมณ์นี้ว่า วัดสะพานสูง จึงทำให้วัดนี้มีชื่อเรียกกัน ๒ ชื่อ ฉะนั้น สมเด็จกรมพระยาวชิรญาณวโรรสทรงเห็นว่า สะพานสูงนี้ก็เป็นนิมิตดีประจำวัดประการหนึ่ง และอีกประการหนึ่งชาวบ้านก็นิยมเรียกกันติดปากว่าวัดสะพานสูง จึงได้ประทานเปลี่ยนชื่อวัดสว่างอารมณ์ มาเป็น "วัดสะพานสูง" จนตราบเท่าทุกวันนี้

    หลวงปู่เอี่ยม มาวัดสะพานสูงใหม่ๆ ที่วัดนี้มีพระประจำวันพรรษาอยู่เพียง ๒ รูปเท่านั้น

    ขณะที่ท่านหลวงปู่เอี่ยม ได้ย้ายมาอยู่วัดสะพานสูงได้ ๘ เดือน ก่อนวันเข้าพรรษาหลวงพิบูลย์สมบัติ บ้านท่านอยู่ปากคลองบางลำภู พระนคร ได้เดินทางมานมัสการหลวงปู่เอี่ยม หลวงปู่เอี่ยมได้ปรารภถึงความลำบาก ด้วยเรื่องการทำอุโบสถและสังฆกรรม

    เนื่องจากสถานที่เดิมได้ชำรุดทรุดโทรมมาก จึงอยากจะสร้างให้เป็นถาวรสถานแก่วัดให้เจริญรุ่งเรือง หลวงพิบูลยสมบัติ ท่านจึงได้บอกบุญเรี่ยไรหาเงินมา เพื่อก่อสร้างโบสถ์ และถาวรสถานขึ้น จึงเป็นที่เข้าใจกันว่าหลวงปู่เอี่ยม ได้เริ่มสร้างพระปิดตาและตะกรุดเป็นครั้งแรก

    เพื่อเป็นของชำร่วยแก่ผู้บริจาคทรัพย์และสิ่งของที่ใช้ในการก่อสร้างพระอุโบสถและถาวรสถาน ต่อมาถึง พ.ศ. ๒๔๓๑ ได้สร้างศาลาการเปรียญ หลังจากนั้นอีกหลวงปู่เอี่ยมได้สร้างพระเจดีย์ฐาน ๓ ชั้นขึ้นในปี พ.ศ. ๒๔๓๙ ขณะที่ท่านหลวงปู่เอี่ยม ท่านได้มาอยู่วัดสะพานสูง ท่านได้ไปธุดงค์ไปทางแถบประเทศเขมร

    โดยมีลูกวัดติดตามไปด้วยเสมอ แต่ท่านจะให้ลูกวัดออกเดินทางล่วงหน้าไปก่อน ๖-๗ ชั่วโมง แล้วจะนัดกันไปพบที่แห่งใดแห่งหนึ่ง แล้วท่านหลวงปู่เอี่ยม ได้ไปพบชีปะขาวชาวเขมรท่านหนึ่งชื่อว่าจันทร์หลวงปู่เอี่ยม จึงได้เรียนวิชาอิทธิเวทย์ จากท่านอาจารย์ผู้นี้อยู่หลายปี จนกระทั่งชาวบ้านแหลมใหญ่นึกว่าท่านออกธุดงค์ไปได้ถึงแก่มรณภาพไปแล้ว เนื่องจากหลวงปู่เอี่ยม ท่านไม่ได้กลับมาที่วัดหลายปี

    จึงได้ทำสังฆทานแผ่ส่วนกุศลไปให้ท่าน ทำให้ท่านหลวงปู่เอี่ยม ทราบในญาณของท่านเอง และท่านหลวงปู่เอี่ยม จึงได้เดินทางกลับมายังวัดสะพานสูง การไปธุดงค์ครั้งนี้ หลวงปู่เอี่ยม ได้ไปเป็นเวลานาน และอยู่ในป่าจึงปรากฏว่าท่านหลวงปู่เอี่ยม ท่านไม่ได้ปลงผม ผมจึงยาวถึงบั้นเอว จีวรก็ขาดรุ่งริ่ง หมวดท่านยาวเฟิ้มพร้อมมีสัตว์ป่าติดตามท่านหลวงปู่เอี่ยม มาด้วย อาทิเช่น หมี, เสือ, และงูจงอาง ฯลฯ

    จากการเจริญกรรมฐานนี้ จึงทำให้หลวงปู่เอี่ยมสำเร็จ "โสรฬ" มีเรื่องเล่ากันว่ามีต้นตะเคียนต้นหนึ่งมีน้ำมันตกและดุมากเป็นที่เกรงกลัวแก่ชาวบ้านแถบนั้น หลวงปู่จึงช่วยยืนเพ่งอยู่ 3 วันเท่านั้น ต้นตะเคียนก็เฉาและยืนต้นตาย หลวงปู่เป็นผู้มีอาคมฉมัง วาจาสิทธิ์ มักน้อยและสันโดษ ท่านเป็นต้นแบบในการพัฒนาวัดให้เจริญรุ่งเรืองจนถึงปัจจุบันนี้ ท่านได้สร้างถาวรวัตถุที่ได้เห็นกันอยู่ในทุกวันนี้คือพระอุโบสถ พระวิหาร ศาลาการเปรียญ พระเจดีย์ จึงเป็นที่มาของการสร้างพระปิดตา และตะกรุดโทนมหาโสฬสมงคลอันลือลั่นนั่นเอง

    ท่านหลวงปู่เอี่ยม เป็นพระผู้มีอาคมขลัง มีวาจาศักดิ์สิทธิ์ มักน้อย ถือสันโดษ ด้วยเหตุนี้เองทำให้หลวงปู่เอี่ยม ท่านมีลูกศิษย์ลูกหามากมาย ทั้งชาวบ้านและเจ้านายผู้ใหญ่ในพระนครนับถือท่านมากจนกระทั่งถึงวาระสุดท้ายของชีวิต ก่อนที่หลวงปู่เอี่ยมจะมรณภาพด้วยโรคชรา นายหรุ่น แจ้งมา ซึ่งเป็นลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดคอยอยู่ปรนนิบัติท่านหลวงปู่เอี่ยมได้ขอร้องท่านว่า “ท่านอาจารย์มีอาการเต็มที่แล้ว ถ้าท่านมีอะไรก็กรุณาได้สั่ง และให้ศิษย์เป็นครั้งสุดท้าย” ซึ่งท่านหลวงปู่เอี่ยมก็ตอบว่า “ถ้ามีเหตุทุกข์เกิดขึ้นให้ระลึกถึงท่านและเอ่ยชื่อท่านก็แล้วกัน”หลวงปู่เอี่ยมท่านได้มรณภาพ เมื่อปี พ.ศ.๒๔๓๙ รวมอายุได้ ๘๐ ปี บวชได้ ๕๙ พรรษา

    ก่อนที่ท่านจะมรณภาพได้มีศิษย์ผู้ใกล้ชิดเป็นตัวแทนของชาวบ้าน และผู้เคารพนับถือศรัทธา ที่มีและไม่มีของมงคลท่านไว้บูชา กราบเรียนถามหากว่าเมื่อหลวงปู่เอี่ยม ได้มรณภาพแล้วจักทำประการใด ท่านจึงได้มีปัจฉิมวาจาว่า " มีเหตุสุข ทุกข์ เกิดนั้น ให้ระลึกถึงชื่อของเรา"

    จึงเป็นที่ทราบและรู้กันว่า หากผู้ใดต้องการมอบตัวเป็นศิษย์หรือต้องการให้ท่านช่วยแล้วด้วยความศรัทธายิ่ง ก็ให้เอ่ยระลึกถึงชื่อของท่าน ท่านจะมาโปรดและคุ้มครองและหากเป็นเรื่องหนักหนาก็บนตัวบวชให้ท่าน รูปหล่อเท่าองค์จริงของหลวงปู่เอี่ยม ท่านประดิษฐานอยู่หน้าพระอุโบสถ สร้าง(หล่อ) ขึ้นเมื่อพ.ศ. 2480 ในสมัยหลวงปู่กลิ่น ผู้ปกครองวัดต่อจากท่าน เพื่อการสักการะบูชา ต่อมาจนทุกๆวันจะมีผู้ศรัทธาจากทุกสารทิศมากราบไหว้และบนบานฯ ตลอดเวลาตราบแสงอาทิตย์ยังไม่ลับขอบฟ้า ท่านชอบกระทงใส่ดอกไม้เจ็ดสี จะมีผู้นำมาถวายและแก้บนแทบทุกวันโดยเฉพาะในวันพระแม้แต่ผงขี้ธูปและน้ำในคลองหน้าวัดก็ยังมีความ"ขลัง" อย่างน่าอัศจรรย์ยิ่ง

    และหลังจากที่ท่านมรณภาพล่วงไปเนิ่นนานแล้วก็ตามที ด้วยความศักดิ์สิทธิ์ของท่าน ผลปรากฏว่าฐานที่ท่าน เคยถ่ายทุกข์เอาไว้และปิดตาย คราวที่เกิดไฟไหม้ป่าช้า ฐานของหลวงปู่เอี่ยม เพียงหลังเดียวเท่านั้นที่ไม่ไหม้ไฟ

    เมื่อความอัศจรรย์ปรากฏขึ้นเช่นนั้น ผู้คนจึงค่อยมาตัดเอาแผ่นสังกะสีไปม้วนเป็นตะกรุดจนหมดสิ้น นอกจากนั้นแล้ว ยังมารื้อเอาตัวไม้ไปบูชาจนไม่เหลือหรอ ยิ่งไปกว่านั้น คนที่ไม่ได้อะไรเลยก็มาขุดเอาอุจจาระของท่านไปบูชา
    วัตถุมงคลที่ได้รับความนิยม

    วัตถุมงคลที่ท่านสร้างและได้รับความนิยมกันอย่างแพร่หลาย คือ พระปิดตา และตะกรุด ชนิดและขนาดต่าง ๆ ส่วนเหรียญนั้นสร้างภายหลังจากท่านมรณภาพแล้ว

    พระปิดตา เป็นหนึ่งในชุดเบญจภาคีพระปิดตาเนื้อผง ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในปัจจุบัน มีทั้งประเภทเนื้อผงคลุกรักจุ่มรัก และเนื้อผงจุ่มรัก ส่วนผสมภายในเนื้อพระหลัก ๆ ประกอบไปด้วย ผงพุทธคุณไตรสรณคมณ์ ผงพุทธคุณอิติปิโส ว่านเครื่องยา ชันยาเรือ และรัก เป็นต้น แบ่งเป็น 3 พิมพ์ คือ พิมพ์ชะลูดใหญ่ หรือว่าวจุฬมใหญ่ พิมพ์ตะพาบ หรือ พิมพ์ว่าวจุฬาเล็ก พิมพ์พนมมือ มีทั้งหน้าเดียว และสองหน้า

    **องค์นี้สวยงามมากครับ รุุ่นนี้มีประสบการณ์แล้วครับ ยังอยู่ในซองเดิมๆครับ**ให้บูชา 300 บาทครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • SAM_6275.JPG
      SAM_6275.JPG
      ขนาดไฟล์:
      56.4 KB
      เปิดดู:
      224
    • SAM_6276.JPG
      SAM_6276.JPG
      ขนาดไฟล์:
      43.3 KB
      เปิดดู:
      337
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กันยายน 2015
  15. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    29,712
    ค่าพลัง:
    +4,635
    14.พระยาเต่าเรือน แร่เหล็กไหลเขาอึมครึม ปลุกเสกโดยหลวงพ่ออุทัย(ตาทิพย์) วัดเกาะตาพุด จ.ราชบุรี ให้บูชา 250 บาท ***คุณthaicat_2013 จองแล้วครับ***


    เหล็กไหล...ก้อนแร่เหล็กบริสุทธิ์ที่เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ ว่ากันว่าได้รับการอธิษฐานบรรจุฤทธิ์ โดยพระฤาษีผู้ทรงฌาณชั้นสูง เพื่อธำรงคุณงามความดี โดยมีธาตุกายสิทธิ์เป็นผู้คอยช่วยเหลือผู้ที่มีความทุกข์ยากให้พ้นภัย จัดเป็นธาตุกายสิทธิ์ชนิดหนึ่งที่มีรังสีหรือพลังปราณที่ทรงอำนาจในการป้องกันตัว และสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวให้พ้นจากภัยอันตรายอันเกิดจากอาวุธปืนหรือของมีคม เป็นสสารที่มีชีวิตเป็นอมตะและหายากยิ่ง ต้องมีพิธีกรรมมากมายกว่าจะได้มา

    ฉะนั้นเหล็กไหลจึงเป็นวัตถุอาถรรพณ์ที่มีราคาแพง เพราะเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย และเป็นที่เข้าใจกันทั่วไปว่า เหล็กไหลมีอานุภาพยอดเยี่ยม สามารถคุ้มครองชีวิตคนที่มีเหล็กไหลพกติดตัว และจะได้รับความคุ้มครองให้ปลอดภัยจากอุบัติภัยร้ายแรง รวมถึงอาวุธร้ายแรงนานาชนิดได้อย่างน่าอัศจรรย์นั่นเอง

    แท้จริงแล้วเหล็กไหลอะไร คือ ธาตุกายสิทธิ์ มีพลังอำนาจมีฤทธิ์อยู่ในตัว เหล็กไหลเกิดจากพลังอำนาจของผู้ที่ทรงฌานสมาบัติขั้นสูง ซึ่งอาจจะเป็นฤาษีที่บำเพ็ญฤทธิ์อยู่ในป่า เมื่อผู้ที่ทรงฌานตาย ทำให้ธาตุขันธ์มีสภาพกลายเป็นเหล็กไหล เนื่องด้วยพลังอำนาจจิตที่เป็นฌานในระดับสูงจึงทำให้พลังธาตุนั้นมีฤทธิ์มาก เพราะผู้ทรงฌานก็คือผู้ทรงฤทธิ์นั่นเอง จึงเป็นที่มาว่าทำไมเหล็กไหลมีฤทธิ์มาก (ข้อมูลนี้เป็นข้อมูลที่มาจากผู้ที่ปฏิบัติสายนี้จริงบอกมา)

    คำว่า "ธาตุกายสิทธิ์" นั้น หมายถึง วัตถุธาตุบางชนิดที่ปรากฏอยู่ในจักรวาลอันกว้างใหญ่นี้ ประกอบไปด้วยพลังงานอันมหาศาล อันเกิดจากเจตสิกผู้ครอบครองธาตุนั้นแฝงเร้นอยู่ ใช้สำหรับป้องกันภัยให้กับตนเองโดยธรรมชาติ แต่บางครั้งไม่ได้ปรากฏให้เห็นชัดเจน กลับซึมลึกลงไปอยู่ใต้พื้นผิวโลก ตามป่าตามเขา ตามถ้ำ แม้แต่ห้วยหนอง คลองบึง รอจนกว่าผู้ที่มีภูมิจิตภูมิธรรมสูงไปพบเข้า แล้วหยิบยกเอาธาตุกายสิทธิ์เหล่านี้มาใช้ประโยชน์ เพื่อมวลมนุษยชาติและปกป้องคุ้มครองคนหมู่มาก ดังนั้นจึงเชื่อกันว่า "เหล็กไหล" จัดเป็นธาตุกายสิทธิ์ชนิดหนึ่ง


    โคตรเหล็กไหลหรือเหล็กไหลงอก เหล็กที่เหล็กที่แข็งตัวไปตามธรรมชาติแล้ว แต่สามารถงอกออกมาได้ เหล็กไหลงอกที่ขึ้นชื่อที่พบมากมาจาก 3 แหล่งใหญ่ในประเทศไทยคือ

    1. เขาอึมครึม จ. กาญจนบุรี
    2. เกาะล้าน พัทยา
    3. อ.ลอง จ.แพร่ ที่ชาวบ้านเขาเรียกว่าตับเหล็กเมืองลอง
    4. อ. ปราสาท จ.สุรินทร์และตามชายแดนเขตไทยพม่าอีกหลายแห่ง

    เหล็กไหลงอกมีลักษณะการงอกเหมือนเม็ดไข่ปลาสีดำอมเขียว มีหลายสีสัน เช่น สีรุ้ง สีดำอมเขียว สีดำอมแดง สีดำผสมเงิน เป็นต้น

    เหล็กไหลงอก เป็นอีกหนึ่งในบรรดาเหล็กไหลชั้นยอด มีอิทธิฤทธิ์ในด้านต่างๆ เหมือนเหล็กไหลชนิดอื่นๆ เช่นกัน จึงเป็นที่มาแห่งสุดยอดเหล็กไหลบารมี เลยก็ว่าได้ เหล็กไหลมีอิทธิคุณทุกด้าน ทั้งเสน่ห์ เมตตามหานิยม คุ้มครองชีวิตผู้เป็นเจ้าของ ป้องกันภูตผีปีศาจ ให้โชคลาภ เงินทองไหลมาเทมาค้าขายร่ำรายเป็นเศรษฐีมหาเศรษฐี แคล้วคลาดจากภัยต่างๆ ทั้งปวง เหมาะสำหรับผู้บำเพ็ญญาณบารมี มีอนุภาพ 108 ประการ เหล็กไหลงอกนั้นมีทั้งเทพพรหม ฤาษี คอยรักษาดูแลอยู่ ด้วยอานิสงส์จากการบูชาเหล็กไหลงอก มีคุณค่าอเนกอนันต์จึงทำให้ผู้รู้หลายท่านพยายาม ตามหาเหล็กไหลชนิดนี้ไว้ครอบครอง แต่ก็หาได้ยากเพราะในธรรมชาตินั้นมีน้อยมาก ผู้ที่ได้เหล็กไหลชนิดนี้ไว้ครอบครองนับว่าเป็นผู้มีบุญบารมีสูงอย่างยิ่ง


    ***ด้วยพลังอำนาจที่มีอยู่ในตัวเหล็กไหลผู้ที่มีไว้ครอบครองจะประสบความสำเร็จในชีวิตนานัปการ เหล็กไหลนั้นย่อมอยู่เหนืออำนาจเงินอันเป็นเพียงของสมมติบัญญัติของมนุษย์ การมีเงินไม่ใช่ปัจหลักในการที่จะได้มาซึ่งของวิเศษ ผู้ที่ครอบครองเหล็กไหลจะต้องเป็นคนดีมีศิลธรรมด้วยอีกทั้งจะต้องมีความเชื่อและศรัทธาในเหล็กไหลอย่างแท้จริง เหล็กไหลงอกสามารถเปลี่ยนสิ่งชั่วร้ายเป็นสิ่งดีๆ เปลี่ยนจิตใจคนได้จากร้ายกลายเป็นดีได้เช่นกัน ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่มีคุณค่าอย่างยิ่ง กันภูตผีปีศาจ กันดวงตก ดวงชงดวง ชะตาขาด กันการชงตามงานศพ งานแต่ง ธาตุกายสิทธิ์ชนิดนี้ มีอิทธิคุณในตัว อาจารย์หรือผู้รู้นิยมนำธาตุกายสิทธิ์เหล็กไหลชนิดนี้มาทำน้ำมนต์รักษาโรคภัยต่างๆ เหล็กไหลงอกมีพลังอำนาจครอบจักรวาลประหนึ่งแก้วสารพัดนึก แต่สิ่งที่จะอธิษฐานใดๆ นั้นจะสำเร็จหรือไม่มากน้อยเพียงใด โดยจะไม่เกินอำนาจของกฎแห่งกรรมตามอำนาจวาสนาเฉพาะของคนๆ นั้น
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • SAM_7229.JPG
      SAM_7229.JPG
      ขนาดไฟล์:
      25.2 KB
      เปิดดู:
      128
    • SAM_7232.JPG
      SAM_7232.JPG
      ขนาดไฟล์:
      27.1 KB
      เปิดดู:
      203
    • SAM_7233.JPG
      SAM_7233.JPG
      ขนาดไฟล์:
      34.1 KB
      เปิดดู:
      123
    • SAM_7234.JPG
      SAM_7234.JPG
      ขนาดไฟล์:
      27.9 KB
      เปิดดู:
      142
    • SAM_7236.JPG
      SAM_7236.JPG
      ขนาดไฟล์:
      54 KB
      เปิดดู:
      134
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กันยายน 2015
  16. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    29,712
    ค่าพลัง:
    +4,635
    15. พระผงรูปเหมือนหลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ รุ่นคุณพระเทพประทานพร พ.ศ.2536 ฝังตะกรุด พร้อมกล่องเดิม ให้บูชา 200 บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • SAM_7299.JPG
      SAM_7299.JPG
      ขนาดไฟล์:
      58.5 KB
      เปิดดู:
      148
    • SAM_7306.JPG
      SAM_7306.JPG
      ขนาดไฟล์:
      41.8 KB
      เปิดดู:
      128
    • SAM_7307.JPG
      SAM_7307.JPG
      ขนาดไฟล์:
      37.2 KB
      เปิดดู:
      132
  17. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    29,712
    ค่าพลัง:
    +4,635
    16. เหรียญครูบาอิน อินโท วัดฟ้าหลั่ง เชียงใหม่ รุ่นครบ 8 รอบ (หลังเจดีย์) ปี 2540 รุ่นนี้กำลังนิยมสวยๆราคาไปไกลแล้วครับ เนื้อทองแดงบูชา 300 บาทครับ**ปิดรายการครับ**
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • SAM_7308.JPG
      SAM_7308.JPG
      ขนาดไฟล์:
      49.3 KB
      เปิดดู:
      607
    • SAM_7313.JPG
      SAM_7313.JPG
      ขนาดไฟล์:
      54.2 KB
      เปิดดู:
      433
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 ตุลาคม 2015
  18. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    29,712
    ค่าพลัง:
    +4,635
    17. เหรียญเสมากะไหล่ทอง หลวงพ่อหวั่น วัดคลองคูณ สภาพสวย ให้บูชา 300 บาท**มีผู้รับนิมนต์แล้วครับ**
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • SAM_7280.JPG
      SAM_7280.JPG
      ขนาดไฟล์:
      83.4 KB
      เปิดดู:
      145
    • SAM_7285.JPG
      SAM_7285.JPG
      ขนาดไฟล์:
      60.5 KB
      เปิดดู:
      219
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มกราคม 2016
  19. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    29,712
    ค่าพลัง:
    +4,635
    18.เหรียญแจกแม่ครัวย้อนยุค หลวงพ่อแดง วัดเขาบันไดอิฐ พิธีใหญ่ ปี 2537 พร้อมซองเดิมๆ ให้บูชา 300 บาท**มีผู้รับนิมนต์แล้วครับ**
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มกราคม 2016
  20. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    29,712
    ค่าพลัง:
    +4,635
    19. เหรียญหลวงพ่อกัน วัดเขาแก้ว ปี 2523 สวยมากครับเหรียญนี้อีกหนึ่งพระเกจิดัง ศิษย์เอกหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์ จ.นครสวรรค์ ให้บูชา 250 บาท**มีผู้รับนิมนต์แล้วครับ***
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • SAM_7344.JPG
      SAM_7344.JPG
      ขนาดไฟล์:
      69.5 KB
      เปิดดู:
      241
    • SAM_7346.JPG
      SAM_7346.JPG
      ขนาดไฟล์:
      74.2 KB
      เปิดดู:
      320
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ธันวาคม 2015

แชร์หน้านี้

Loading...