พระอนาคตวงศ์ 10 พระองค์

คือช่วยขัดเกลา ภาษาหน่อยได้ไหมครับ คือภาษาโบราณอ่านแล้วเข้าใจอยากมากเลยไม่อยากอ่าน อ่านเฉพาะองค์ที่สนใจเท่านั้น

 

เรื่องราวไฉนไม่สอดคล้อง แต่ขัดกันเอง

ขออนุญาตครับ

ขอยกข้อเขียนของท่านมาให้ดูอีกที

ขอตอนรับท่านโพธิสัตว์ที่จะได้ตรัสรู้องค์ที่ 8


(อาจารย์ของเณรก็ปราถนาพุทธภูมิเช่นกัน จะได้ตรัสรู้เป็นพุทธเจ้าองค์ที่ 9

ต้องสร้างบารมีอีก 16 อสงไขย จึงจะได้ตรัสรู้

อะไรจะง่ายดายปานนั้น พระอนาคตวงศ์ พระองค์ที่ ๘ และพระองค์ที่ ๙
ถึงกับมาเกิด เป็นศิษย์ เป็นอาจารย์กัน แถมมาเกิดในยุคปัจจุบันเสียด้วย

อ้าวแล้วไหงต้องบำเพ็ญอีก 16 อสงไขย กันละครับ

หรือว่าเพิ่งจะเริ่มต้น

ขอโมทนาบุญ ขออนุโมทนาบุญร่วมกับ ผู้มีบุญบารมีทุกๆท่าน
ขอบคุณครับ
ลุงมหา

 

อย่าเชื่ออะไรง่ายๆนะครับ

ขออนุญาตครับ

อย่าเชื่ออะไรง่ายๆนะครับ ขนาดองค์หลวงปู่มั่น ท่านยังบอกได้แค่ว่า

"เมื่อเฮาตายไปแล้ว จะมีช้างเผือกหนุ่มมาเกิด"

อย่าลืมว่า การที่ครูบาอาจารย์ท่านใด บอกเล่าอย่างโน้น อย่างนี้
แล้วคุณจะเอาอะไรมายืนยัน

แต่ที่ก็มีที่พอจะเชื่อถือได้เพราะละเอียดและชัดเจนจนโต้แย้งไม่ได้คือ

ส่วนนี้เท่านั้น ที่น่าเชื่อถือมากที่สุด

ถ้าท่านอยากจะหาให้เจอ ก็ให้เสาะหาตามนี้ นอกจากนี้ ก็พิจารณาเอาเอง
ส่วนการพิจารณา พระโพธิ์สัตว์ที่ท่านได้รับพุทธพยากรแล้วนั้น ต้องดูที่ว่า

"ต้องมีฤทธิ์ ถ้าไม่มีฤทธิ์ไม่ใช่"

และผมจะขอเพิ่มเติมให้อีกว่า ฤทธิ์นั้นต้องแสดงได้กลางวันแสกๆ ต่อหน้าผู้คนเป็นร้อยๆนะครับ

ขอโมทนาบุญ ขออนุโมทนาบุญ
ลุงมหา

 

ช้างเผือก ที่เป็นอนิยะตะโพธิสัตว์มีหลายเชือกนะครับ

แต่ช้างเผือกที่เป็นพระนิยะตะ จะรู้กาลเวลาของตน และจะไม่จุติลงมาเป็นมนุษย์ในคราวเวลาเดียวกัน แต่จะเว้นช่วงเวลา หรือหากจะต่อช่วงกันก็ย่อมทำได้เพราะมีเหตุผลสำคัญ

และจากที่ตรวจดู ในกาลเวลานี้ มีเพียงสามท่านเท่านั้นที่มีบารมีมากที่สุดคือ
1 .ท่านในหลวง [พระนิยตะมีเพียงพระองค์เดียวเท่านั้น]
2 ท่านพระเทพ [พระอนิยตะ]
3 ท่านพระธีปังกรรัศมีโชติ [พระอนิยตะ บารมีใกล้พระนิยะตะแล้ว]

ส่วนท่านอื่นๆเป็น เป็นทั้งพระอนิยะตะ และมหาเทพผู้มีบารมีมาก บางท่านก็มาเพื่อสร้างความดียิ่งๆ บางท่านมาแล้วกลับไหลไปตามกิเลส ทำบาบกรรมไม่กลัวบาบกรรมก็มี อย่างนี้ก็แล้วแต่ท่านเลือกปฏิบัติครับ สาธุ

 

อืมๆ..คุณ tjs เรื่องนี้เป็นอีกหนึ่งความเห็นที่ตรงกันกับผมอีกเรื่อง
..แต่ผมแยกเป็นภาษาสมมุติไม่ได้..ว่าเรียกว่าอะไรนะครับ.. ๒ องค์แรกเนี่ยก็ทราบมานานแล้ว
โดยเฉพาะองค์ที่ ๑ พอทราบอะไรมาบ้าง
มากกว่านี้หน่อย ส่วนองค์ที่ ๓ ก็ทราบตอนที่ท่านประสูติแล้ว
ตอนเห็นรูปใหม่ๆ..ส่วนองค์ที่เหลือก็ตามนั้นแต่ผมสังเกตุจากกำลังสนับ
สนุนทางภพภูมิของแต่ละท่านนะครับ..
ไม่ได้มีความสามารถหรือรู้จากตรวจดูครับ.​

 

พุทธภูมิๆๆ พระโพธิ์สัตว์ๆๆ

ขออนุญาตครับ

องค์พระบรมครู องค์พระบรมศาสดาพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น
แม้ในพระชาติสุดท้าย ก่อนการออกบวช ก่อนการปฏิบัติแบบเอาชีวิตเข้าแลก
แม้ในวันที่พระองค์ได้ทรงตรัสรู้ พระองค์ถึงกับลอยถาดทองคำ
เพื่อเสี่ยงทายว่า พระองค์จะตรัสรู้ได้ไหม

นี่ยิ่งน่าพิจารณา ในพระชาติต่างๆก่อนหน้านี้

พระองค์จะทรงรู้บ้างไหมว่า พระองค์เป็นพระโพธิ์สัตว์
พระองค์จะทรงรู้บ้างไหมว่า พระองค์เป็นพระโพธิ์สัตว์ ที่ได้รับพุทธพยากรแล้ว

เห็นพระโพธิ์สัตว์ เห็นผู้ปรารถนาพุทธภูมิ ตัวจริง เสียงจริง ที่เกิด ที่อยู่ ตามบ้านนอก ตามชนบท
ที่แสนจะห่างไกล ที่มีความเป็นอยู่ ไม่ต่างจาก สมัยพุทธกาล
ท่านเหล่านั้น ใจบุญสุนทาน สร้างบุญ สร้างกุศล ไปตามมี ตามเกิด
ถามถึง คุณงามความดี ท่านตอบ ท่านบอก ท่านเล่า ได้อย่างคล่องแคล่ว
ยิ่งการช่วยเหลือผู้คนด้านต่างๆแล้ว ล้วนไม่มีความแตกต่าง
รักทุกคนเหมือนกันหมด ช่วยทุกคนเหมือนกันหมด
เสมอต้น เสมอปลาย ตลอดชีวิต ตลอดอายุขัยของท่าน

ช่างต่างกับสมัยนี้ เห็นในเว็บต่างๆไหม

หรือท่านเก่งกาจจริงๆ ถึงกับรู้ว่า ตนปรารถนาพุทธภูมิ
หรือท่านเก่งกาจจริงๆ ถึงกับรู้ว่า ตนเป็นพระโพธิ์สัตว์
หรือท่านเก่งกาจจริงๆ ถึงกับท่องไปในจักรวาล ในภพภูมิต่างๆ

ถ้าแม้แต่พระพุทธองค์เอง ในวันที่พระองค์จะทรงตรัสรู้
พระองค์ถึงกับลอยถาดทองคำ เพื่อเสี่ยงทายว่า พระองค์จะตรัสรู้ได้ไหม

แล้วเหตุไฉน ???

หรือว่า จะปรารถนาพุทธภูมิ ก็ต้องประกาศปาวๆ
หรือว่า จะปรารถนาพุทธภูมิ ก็ต้องเข้าสำนักโน้น สำนักนี้ เพื่อไปศึกษา หาความรู้
หรือว่า มีผู้เก่งกาจ ถึงกับ เปิดอบรมสั่งสอน การจะไปเป็นพระพุทธเจ้า ได้จริงๆ

พิจารณา พิจารณา พิจารณา

ขอโมทนาบุญ ขออนุโมทนาบุญ
ลุงมหา

 

จริงแท้แน่นอนๆๆ

ขออนุญาตครับ
ชาวพุทธต่างก็ล่ำลือกันไปมาว่า
พระโพธิ์สัตว์ที่ได้รับพุทธพยากรเอาไว้ทั้ง ๑๐ พระองค์ ต้องอย่างนั้น ต้องอย่างนี้

แต่ที่แน่ๆ เรื่องราวที่เกี่ยวกับองค์พระศรีอริยะเมตไตย
ชาวพุทธจะเชื่อมั่นเป็นพิเศษ
ชาวพุทธชื่นชมเป็นพิเศษ

แต่ที่ท่านบอกเล่ามานั้น
สมควรมีที่มามีที่ไปที่ชัดเจนแน่นอนกว่านี้ เช่น

มีผู้ฟังจากปากของท่านเอง(พระโพธฺ์สัตว์ที่ได้รับพุทธพยากรแล้ว)
มีผู้กล้ายืนยันที่เชื่อถือได้ มีเทป มีวีดีโอ บันทึกเอาไว้เป็นหลักฐานแน่นอน

เพราะแค่พิจารณาว่า
พระพุทธองค์เป็นผู้ประเสร็จที่สุดในทุกๆด้านในจักรวาลนี้
เพราะแค่พิจารณาว่า
พระโพธิ์สัตว์ที่ท่านได้รับพุทธพยากรแล้ว เป็นผู้ที่มีบุญบารมี ใกล้เคียงกับ พระพุทธเจ้ามากที่สุด

แล้วมาพิจารณาว่า
องค์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต นั้น องค์ท่านยังไม่ได้รับพุทธพยากรเลย
ท่านยังอบรมสั่งสอน สร้างพระอรหันต์ตั้งมากมาย

องค์หลวงตามหาบัว ญานสัมปันโน นั้น องค์ท่านยังไม่ได้รับพุทธพยากรเลย
ท่านยังอบรมสั่งสอน สร้างพระอรหันต์ตั้งมากมาย
ผ้าป่าช่วยชาติ ก็ชัดเจนแจ้งประจักษ์
สถานีวิทยุเสียงธรรม พร้อมระบบเผยแผ่ธรรมผ่าน อินเตอร์เน็ท อีกล่ะ

ท่านทั้งสองยังมีบุญบารมีขนาดนี้ ท่านยังสร้างศรัทธามหาชนได้ขนาดนี้

แล้วพระโพธิ์สัตว์ที่ท่านได้รับพุทธพยากรแล้ว จะน้อยกว่านี้ ได้อย่างไร

ก็เป็นเรื่องที่ศิษย์สายนั้นๆ ต้องรับผิดชอบ ต้องบอกต้องเล่า ออกมาให้ได้ว่า
ครูบาอาจารย์ของท่าน เก่งกาจสมคำร่ำลือ อย่างไร

ขนาดพระธรรมคำสอนตั้งมากมาย นั้น ยังสรุปได้แค่ว่า

"ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว"

แล้วครูบาอาจารย์ที่ท่านมั่นอกมั่นใจนั้น พอจะบอกพอจะสรุปให้เข้าใจง่ายๆได้หรือไม่?

ถ้าบอกออกมาไม่ได้ แล้วจะให้ผู้อื่นเชื่อได้อย่างไร?

ก็ต้องเชื่อที่จริงแท้แน่นอนที่ท่านบอกว่า

ขอโมทนาบุญ
ขออนุโมทนาบุญ
ลุงมหา

 

องค์ปู่มั่น หลวงตามหาบัว ฯลฯ ท่านไม่ปรารถนาพุทธภูม ครับ ท่านต้องการนิพพานอย่างเดียว ขอให้พิจารณาตรงที่ว่า ทำไมท่านจึงมิได้รับพุทธทำนาย ก็เป็นด้วยที่ท่านมิได้บำเพ็ญบารมีมาเพื่อปรารถนา ท่านต้องการนิพพานอย่างเดียว ครับ เช่นหลวงปู่มั่นท่านปรารถนาช่วงแรกพุทธภูมิแต่ท่านปฏิบัติไปไม่ได้ท่จึงตรองดูจึงทราบได้ว่า จริตของท่านไปไม่ได้ ท่านจึงปฏิบัติเข้านิพพาน ครับ
ผมก็แจ้งให้ทราบแล้วครับ ขอให้ท่านพิจารณาครับ หากเพื่อนสมาชิกไม่สบายใจงั้น พรั่งนี้ผมขอลบข้อความของผมออกก็ได้ครับ
โมทนาสาธุ
ขอให้มีเมตตาและเจริญในธรรม
ข้าพเจ้าเกิดมาต้องตาย ชีวิตไม่เที่ยง ความตายเป็นของเทียง นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง

 

หากมีข้อติติงจากเพื่อนสมาชิกแสดงว่าไปทำลายศรัทธาของเพื่อนไม่อย่างย่างกุ้ง เป็นอันว่าผมขอถอยออกมา ตามวาจาที่บอกไว้ครับ
โมทนาสาธุ
ขอให้มีเมตตาและเจริญในธรรม
ข้าพเจ้าเกิดมาต้องตาย ชีวิตไม่เที่ยง ความตายเป็นของเทียง นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง

 

ใน “โสตัตถกีมหานิทาน” คาถาที่ (๖๒๗) - (๖๓๓) รจนา โดย พระจูฬพุทธโฆษะเถระพระคันถรจนาจารย์แห่งลังกาทวีป มีเนื้อความที่แสดงถึง การที่พระอานนท์พุทธอนุชาได้ทูลถามพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันเรื่อง “พระโพธิสัตว์ที่จะได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ใหม่ในอนาคต”ไว้ดังนี้

พระอานนท์เถระทูลถามพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า

“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! บุคคลเหล่าใดบำเพ็ญพระบารมีที่จะให้สำเร็จเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อเป็นประโยชน์แก่สัตว์ทั้งหลายที่อยู่ บุคคลเหล่านั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงพยากรณ์ไว้แล้วนั้นมีกี่คน ? พระพุทธเจ้าข้า”

เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงสดับคำทูลถามของพระอานนท์แล้ว พระองค์ทรงมีพุทธดำรัสว่า

“ดูก่อน ! อานนท์ผู้ประเสริฐที่ท่านถามต่อตถาคตนี้ดีแล้ว พระโพธิสัตว์ทั้งหลาย ว่าโดยส่วนรวมแล้วมีจำนวนทั้งสิ้น ๕๑๐ พระองค์ แต่พระโพธิสัตว์ผู้มีพระบารมียังอ่อนอยู่มีจำนวน ๕๐๐ พระองค์ พระโพธิสัตว์ผู้มีพระบารมีแก่กล้าแล้วมีจำนวน ๑๐ พระองค์ พระโพธิสัตว์ ๑๐พระองค์นี้ จะอุบัติขึ้นเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในกาลต่อไปตามลำดับ ส่วนพระโพธิสัตว์ที่เหลือ ๕๐๐ พระองค์ ยังสร้างสมอบรมพระบารมีอยู่ ดังนั้น พระนามและการกำหนดเวลาที่จะอุบัติเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงยังไม่ปรากฏ”

พระอานนท์เถระทูลถามว่า

“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! พระโพธิสัตว์ ๑๐ พระองค์ ผู้จะอุบัติขึ้นตามลำดับนั้น มีใครบ้าง ? ขอพระองค์ทรงแสดงพระนามแห่งพระโพธิสัตว์ ๑๐ พระองค์นี้ด้วยเถิด พระพุทธเจ้าข้า”

“ดูก่อน ! อานนท์ผู้ประเสริฐ เมื่อท่านอยากทราบ ตถาคตก็จะแสดงพระนามแห่งพระโพธิสัตว์ ๑๐ พระองค์ผู้จะอุบัติขึ้นตามลำดับ ดังนี้ต่อไป”

พระอชิตะเถระผู้เป็นพระโพธิสัตว์ พระนามว่า เมตเตยยะ ๑

พระเจ้ารามะผู้ประเสริฐ ๑

พระเจ้าปัสเสนทิโกศล ๑

เทวดา ผู้มีนามว่า อภิภู ๑

อสุรินทราหู ผู้มีพระนามว่า ทีฆโสณี ๑

จังกีพราหมณ์ ๑

สุภพราหมณ์ ๑

โตเทยยพราหมณ์ ๑

ช้างนาฬาคีรี ๑

ช้างปาลิไลยกะ ๑

พระโพธิสัตว์ทั้ง ๑๐ พระองค์นี้ จะอุบัติขึ้นเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ต่อไปข้างหน้า ตามลำดับ


และใน ทสโพธิสัตตุปปัตติกถา (อนาคตวงศ์ ฉบับร้อยแก้ว)

มีเนื้อความที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันทรงพยากรณ์ พระยาช้างปาลิไลยกะให้พระธรรมเสนาบดีสารีบุตรได้สดับว่า

ดูก่อน ! พระธรรมเสนาบดีสารีบุตร ผู้เจริญ สรรพสัตว์ทั้งหลาย หากยังมิได้บรรลุธรรมอันเลิศในพระศาสนาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเหล่านี้ คือ

พระศาสนาของเรา ๑

พระศาสนาของพระศรีอริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า ๑

พระศาสนาของพระรามสัมมาสัมพุทธเจ้า ๑

พระศาสนาของพระธรรมราชาสัมมาสัมพุทธเจ้า ๑

พระศาสนาของธรรมสามีสัมมาสัมพุทธเจ้า ๑

พระศาสนาของพระนารทสัมมาสัมพุทธเจ้า ๑

พระศาสนาของพระรังสีมุนีสัมมาสัมพุทธเจ้า ๑

พระศาสนาของพระเทวเทพสัมมาสัมพุทธเจ้า ๑

พระศาสนาของพระนรสีห์สัมมาสัมพุทธเจ้า ๑

พระศาสนาของพระติสสะสัมมาสัมพุทธเจ้า ๑ ฯ

ช้างปาลิเลยยโพธิสัตว์ จักได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงพระนามว่า “สุมังคละ” ในอนาคตกาล

ขอท่านทั้งหลายจงปรารถนาบรรลุธรรมอันเลิศ ในพระศาสนาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงพระนามว่า “สุมังคละ”พระองค์นั้นเถิด ฯ

 

ต้องตั้งความปรารถนาอย่างไร?

ขออนุญาตครับ

การตั้งความปรารถนา เพื่อให้บรรลุธรรมชั้นสูงสุดนั้น
ต้องตั้งความปรารถนาเอาไว้ให้สูงที่สุดครับ คือ

ขอบรรลุธรรมชั้นสูงสุด ในชาตินี้ (บรรลุได้ถ้าบุญบารมีแก่กล้าพอ)

ขอบรรลุธรรมชั้นสูงสุด ในชาติเดียวกับการจุติขององค์พระศรีอริยะเมตไตย์ (ตามพุทธทำนายพระองค์ที่ ๑)

แล้วขอปรารถนาแบบนี้ ไล่เรียงลำดับไปเรื่อยๆ จนถึงพระองค์ที่ ๑๐
(ทั้งนี้ให้งดเว้นการขอมาเกิดในยุคของพระพุทธเจ้าสายมาร คือ พญามาร และ อสุรินทร์ราหู)

และขอปรารถนาว่า เกิดชาติใดขออย่าได้มีความลำบาก
ขอเกิดเฉพาะ ในเทวะโลกเท่านั้น
เพื่อรอลงมาเกิดพร้อมการจุติของพระพุทธเจ้าในอนาคต

หากแม้นมีกรรมอันใดน้อมนำให้มาเกิดเป็นมนุษย์ ขออย่าได้มีความลำบากใดๆเลย
ขอเกิดเฉพาะในยุคที่มีพระพุทธศาสนา และ คนส่วนใหญ่เป็นสัมมาทิฐิเท่านั้น

และที่สำคัญที่สุดคือ จะสร้างกุศลผลบุญอย่างไร จึงจะได้ไปเกิดในเทวะโลก
และที่สำคัญที่สุดคือ จะสร้างกุศลผลบุญอย่างไร จึงจะได้ไปเกิดในเทวะโลก ชั้นไหน

ก็ดูเอา ก็ฟังเอาเอง

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=9ja5KjEEg3M]มูลนิธิพระใหญ่ชัยภูมิ ผ้าป่าเทเสาร์ฐานราก ครั้งที่2 4ต้น 28 กันยายน 2553 สนธนาธรรม - YouTube[/ame]

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=Zw47RHXQFIw]ท่านอาจารย์ให้พร อานิสงค์การสร้างพระใหญ่ชัยภูมิ 10 เมษายน 2553 - YouTube[/ame]

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=WOQYow-NfC8]มูลนิธิพระใหญ่ชัยภูมิ ตอน วัตถุประสงค์ของการสร้างพระใหญ่ชัยภูมิ - YouTube[/ame]

ขอโมทนาบุญ ขออนุโมทนาบุญ
ลุงมหา

 

พระโพธิสัตว์ต้องอ่านของหลวงปู่จามท่านเล่าไว้หลายองค์บางองค์ก็บอกลำดับเสร็จบางองค์ก็บอกแต่เป็นพระโพธิสัตว์ยังไม่พยากรณ์

 

ผมเชื่อแต่องค์หลวงปู่มั่น ครับ

ขออนุญาตครับ

ผมเชื่อแต่องค์หลวงปู่มั่น ครับ ครูบาอาจารย์ท่านอื่น อาจจะเข้าข่าย

"สิ่งที่รู้ สิ่งที่เห็นจริง แต่สิ่งที่ถูกรู้ ที่ถูกเห็น ไม่จริง"

ขนาดองค์หลวงปู่มั่น ท่านยังพูดน้อยมากๆ

แล้วครูบาอาจารย์องค์อื่นๆ พูดในสิ่งที่เกินเลยท่านออกไป จะเชื่อถือได้อย่างไร

เสียดาย ผมไปกราบองค์หลวงปู่จาม ก่อนท่านละขันธ์ เดือนสองเดือน
เห็นธาตุขันธ์ท่านแล้ว ผมก็เลยไม่กล้าหาญบังอาจ ไปรบกวนท่าน
หรือต่อให้ถามท่านมาได้ ก็คงจะไม่มีประโยชน์อันใด
เพราะเสียงท่านเบามาก คงอัดเทป อัดวีดีโอ ไม่ได้อยู่ดี

เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ให้ดูคำสอนขององค์หลวงปู่มั่นที่ท่านว่า

"พระโพธิ์สัตว์ เป็นผู้มีบุญบารมีมาก"
"เป็นผู้ที่จะไปเกิดเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต"
"ต้องให้ความเคารพท่านด้วย"

พระกับพระคงจะดูกันยาก เพราะธรรมวินัยข้อ "อาวุโส ภัณเต" บวชก่อน บวชหลัง

ดูฆราวาสก็แล้วกัน ฆราวาสท่านใด พระเถระผู้ใหญ่ฝ่ายธรรมยุติ ไม่กล้าเข้าใกล้
วิ่งหนีได้ ก็วิ่งหนีเอาดื้อๆ

เพราะกลัวว่าท่านจะมากราบ ก็ท่านนั้นล่ะครับ

หรือว่า พอได้ยินชื่อก็ วางเฉยเหมือนไม่ได้ยิน

ก็ตามดู ตามรู้ ตามสังเกตุเอานะครับ

ขอโมทนาบุญ ขออนุโมทนาบุญ
ลุงมหา

 

ขอเทสระบบครับ

ขออนุญาตครับ

ขอเทสระบบครับ ทำไมเข้ามาอ่านช่วงท้ายๆไม่ได้

(คำตอบที่ 74-134 หน้า 5-6-7)

ขอบคุณครับ
ลุงมหา

 

ขอบคุณค่ะ

 

พระอนาคตวงศ์ 10 พระองค์
แต่ละองค์ ทรงบำเพ็ญบารมีมาแบบไหน บ้างคะ?

 

Test ระบบด้วยคน...

โพสนี้ นี่เห็นด้วยกับลุงมหา๑ ครับ...
เรื่องพยากรณ์การเป็นพระโพธิสัตย์นั้น ต้องเป็นพุทธพยากรณ์เท่านั้นครับ ด้วยเป็นวิสัยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า...อันนี้หลวงพ่อฤษีท่านเคยกล่าวไว้น่ะครับ...

เรื่องการต้องประกาศตนว่าเป็นพระโพธิสัตย์ ไม่งั้นไม่สามารถจะสำเร็จได้ ตรงนี้ผมก็แปลกใจเหมือนกัน ...
ถ้าเป็นเสือโคร่งตัวใหญ่ นอนกลิ้งไปกลิ้งมา เล่นขี้ดินขวางทางเดินอยู่ ไม่ได้ประกาศว่าตัวเองเป็นเสือ...ผมก็อยากรู้ว่า จะมีคนคิดว่าเป็นแมวเหมียว แล้วเดินเฉียดหัวมันไปเฉยๆได้ไหมครับ...

ผมมาช่วยเทสระบบเฉยๆนะครับ...พิมพ์ๆไปอย่างงั้นเอง...:boo:

 

ขออนุญาตครับ

ผมเชื่อแต่องค์หลวงปู่มั่น ครับ ครูบาอาจารย์ท่านอื่น อาจจะเข้าข่าย

"สิ่งที่รู้ สิ่งที่เห็นจริง แต่สิ่งที่ถูกรู้ ที่ถูกเห็น ไม่จริง"

ขนาดองค์หลวงปู่มั่น ท่านยังพูดน้อยมากๆ

ลุงมหา๑ ยกประโยค ของครูบาอาจารย์ท่านมาใช้ โดยที่ยังทำไปไม่ถึงคำสอนของท่าน แม้เจตนาดี แต่มีโอกาสให้ผลเสียได้นะครับ...อย่างเช่น บางครั้ง ลุงมหา๑ ยกเอาคำสอนหลวงพ่อฤษี มาเพื่อประกอบความเชื่อหรือเหตุผลของลุงเองนั้น ผมเห็นเข้าก็จะออกมาค้าน ถ้าสิ่งที่ผมได้ยินได้ฟังมาจากหลวงพ่อ กับสิ่งที่ลุงมหา๑สื่อออกไป ไม่ตรงกับเจตนาท่าน....

แต่ครั้งนี้เป็นคำสอนของหลวงปู่ดุลย์...
คำสอนของหลวงปู่ดุลย์ ในบันทึก หลวงปู่ฝากไว้นั้น แม้สั้น แต่ก็ได้ความหมายลึกซึ้ง ครอบคลุม ชัดเจนอย่างยิ่ง ซึ่งยากจะหาผู้สอนเช่นนี้ได้...
การที่จะเข้าใจสิ่งที่หลวงปู่ท่านกล่าวไว้นั้น นอกจากปฏิบัติธรรมให้ถึงธรรมแล้ว หนทางอื่น ย่อมไม่มี...

"สิ่งที่รู้ สิ่งที่เห็น จริง....
ตรงนี้คือ ผู้รู้ หรือสติ ที่ท่านว่าเป็นของจริง...
แต่สิ่งที่ถูกรู้ ถูกเห็นไม่จริง...
ตรงนี้ไม่ได้หมายถึงว่าสิ่งนั้นไม่จริงอย่างที่ลุงมหา๑เข้าใจนะครับ คำว่าไม่จริง ในความหมายนี้คือ สิ่งนั้นยังเป็นสมมติอยู่ ไม่ได้จริงโดยปรมัตถสัจจะ เนื่องเพราะสิ่งที่ถูกรู้ ถูกเห็น ยังอยู่ในกฎแห่งไตรลักษณ์เสียแล้ว สิ่งนั้นยังหาความจริงแท้แน่นอนไม่ได้...

ดังนั้นนิมิตต่างๆ ที่เห็นได้ ทำนายได้อย่างถูกต้องแม่นยำ แม้อย่างนั้นก็ตาม ก็ยังเป็นสิ่งสมมติบัญญัติ หาใช่ ปรมัตถสัจจะไม่...แต่ไม่ใช่หมายถึงว่า นิมิตทุกอย่างที่เห็นเป็นเรื่องไม่จริงคือเรื่องโกหก อย่างนี้ไม่ใช่นะครับ...

เรื่องแบบนี้ ต้องเจริญสติ ให้เป็นมหาสติก่อน จนเห็นจิตในจิต แล้วเห็นธรรมในธรรม จึงจะเข้าใจความหมายของครูบาอาจารย์ที่ท่านสอนเอาไว้ครับ...จะมาคิดนึกคาดเดาเอาตามที่มันสมองอันเลิศนี้ เห็นทีจะไม่ได้ครับ...เรื่องของจิต ต้องฝึกที่จิต ต้องรู้ที่จิต และเห็นที่จิต...เรื่องของความคิด ต้องรู้ด้วยสมอง คิดด้วยมันสมอง และเชื่อโดยมันสมอง มันคนละส่วนกันนะครับ...

โพสนี้ก็พิมพ์ๆมาเพื่อ ทดสอบระบบอีกเหมือนกันนะครับ...

 

ผมขอโมทนา กับท่านที่ โพสข้อความที่เต็มไปด้วยเนื้อหา และสาระที่ให้ความรู้มากมาย ยากที่จะหาได้ง่ายๆ
ด้วยธรรมทานอันเป็นมหากุศลนี้ ขอเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา มีพระนิพพานเป็นที่หมายในชาติปัจจุนี้เทอญ

 

อ่านแล้วเพลินดี ยิ่งเรื่องเสือโคร่งตัวใหญ่ที่ท่าน raming2555 เอามาเทียบเคียงให้อ่านใน #77 ยิ่งสนุกดี ก็ได้สาระดีครับ

จริงๆกะจะไม่ตอบอะไร แต่เป็นขอแชร์ความเห็นส่วนตัวนะครับ (ซึ่งก็อาจผิดพลาดได้ ขออภัยทุกท่านล่วงหน้านะครับ ) ... ความเห็นส่วนตัวผมเองเชื่อว่า ของจริงก็จริงวันยันค่ำ จะบอกใครรึไม่ก็จริง เช่นเดียวกันกับของไม่จริงนั่นเอง(แต่ในความตรงกันข้ามกัน) ส่วนตัวผมเองเชื่อว่าพระโพธิสัตว์บารมีปลายๆ ไม่มีท่านใดจะเผยตนให้แจ้งชัดเพื่อตั้งใจที่จะทำให้คนอื่นๆทราบแน่นอน "เพราะจะเบี่ยงศรัทธาคนให้ออกไปนอกพระสัทธรรมได้ง่าย" สืบเนื่องมาจากคนกำลังใจคนทั่วๆไปยังน้อย อาจมีกิเลสเป็นพื้นอยู่มาก ย่อมอยากสบาย คืออยากเจอท่านเหล่านั้น เพื่อให้ตนได้ทางลัดในโลกธรรม อยากได้โน่นอยากได้นี่ ฯลฯ อันเป็นที่มาของวิบากกรรมติดตัวคนเหล่านั้นไปและตัวท่านเองก็ด้วย

... ความเห็นส่วนตัวยังเชื่อด้วยว่าพระโพธิสัตว์ทุกๆพระองค์เป็นลูกพระพุทธเจ้า มาทำบารมีตนเองให้เต็มเพื่อถวายพระพุทธเจ้าเป็นปฏิบัติบูชา ฉะนั้นท่านจะไม่พูดไม่คิดไม่ทำอะไรๆให้ใครเขวไปจากพระรัตนตรัยแน่นอน ยิ่งศรัทธาของคนทั่วๆไปที่ยังไม่แน่นอนมั่นคงนั้นมีอยู่มาก และจะหลงงมงายในตัวบุคคลยึดมั่นในตัวบุคคลแทนที่จะเป็นพระธรรมคำสอนได้ง่าย ท่านยิ่งที่จะไม่นำคนเหล่านั้นออกไปนอกทางพระรัตนตรัยแน่นอนครับ ดูได้จากบารมีสิบอย่างทุกๆบารมีเป็นไปเพื่ออบรมจิตท่านเองให้เข้าสู่เส้นทางของมรรคของผลตามรอยบาทพระศาสดาและพระอรหันต์ทั้งนั้น คือมุ่งอบรมจิตตนเองไม่ออกนอกรอยพระเลย ไม่มีบารมีใดที่จะทำให้ท่านอวดตัวเองเลยแม่แต่อธิษฐานบารมีก็ด้วย ท่านอธิษฐานของท่านด้วยการกระทำและเปล่งวาจาออกมาด้วยความจริงใจ อันมีปัญญายิ่ง คือไม่มีเล่ห์เหลี่ยมอะไรเลย

... ส่วนพ่อแม่ครูอาจารย์บางท่านที่กล่าววาจาอธิษฐานอาจหาญแกล้วกล้าออกไมโครโฟนเลยก็อาจมีอยู่ และท่านก็อาจจะเป็นของจริงเสียด้วย ... อันนี้ผมเองก็เชื่อว่ามีและก็อาจจริง แต่ในกรณีนี้มันเป็นปัจจัตตัง ตัวผมเองคิดว่าในกรณีอย่างนี้เป็นเพราะ"กำลังใจของท่านมันเต็มสมบูรณ์ในตอนนั้น ท่านก็แลกกำลังใจนั้นเอากับพระโพธิญาณ ด้วยอธิษฐานบารมีตนเอง ท่านไม่ได้มีเล่ห์เหลี่ยมอะไรกับใคร"

... ก็ในกรณีแบบนี้และในทุกๆกรณีที่ท่านมีกำลังใจตรงมรรคตรงผลดีแล้ว ผมก็ขออนุโมทนาด้วยครับ ...


แสดงความเห็นส่วนตัวเท่านั้นครับ ท่านใดไม่ชอบใจก็ขอออภัยด้วยก็อย่าได้มีเวรต่อกันและกันเลย ท่านใดชอบใจเพราะอ่านแล้วเห็นเป็นธรรมะอย่างหนึ่ง ผมก็ขออนุโมทนาด้วยครับ ...