ขอเชิญท่านที่มีความจงรักภักดีและเทิดทูนในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย จงรักภักดี, 28 เมษายน 2009.

  1. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    ศรีอยุธยา (7)

    วันอังคาร ที่ 27 กันยายน 2554 เวลา 0:00 น



    ผมไปเที่ยวพม่าเคยถามคนพม่าว่าประวัติศาสตร์พม่าเขียนถึงสมเด็จพระนเรศวรไว้อย่างไร ได้คำตอบว่าเขียนถึงเหมือนกัน แต่ออกไปในทางว่าเป็นเจ้าประเทศราชเป็นขบถ แยกตนออกไปเป็นอิสระ ที่จริงพงศาวดารพม่าไม่ได้ให้ความสำคัญในเรื่องสงครามพม่ากับไทยเท่าไรนัก เพราะพม่ามีเรื่องรบกับมอญ ไทยใหญ่มากกว่า ก็คงเหมือนที่เราเขียนถึงเจ้าอนุวงศ์ของลาวคราววีรกรรมท้าวสุรนารีแต่พงศาวดารลาวยกย่องเจ้าอนุวงศ์มากว่าเป็นวีรบุรุษของเขา

    มอญสิ กลับให้ความสำคัญแก่สมเด็จพระนเรศวรเพราะบทบาทของพระองค์ดูจะสะใจมอญอยู่มาก ผมไปเที่ยวหงสาวดี ไกด์ชาวมอญอธิบายเรื่อง “พระนเรศ” เป็นฉาก ๆ ว่าเก่งอย่างนั้นดีอย่างนี้ บางเรื่องเรายังไม่เคยรู้ด้วยซ้ำ

    ตอนที่แล้วเล่าว่าหลังจากที่พระนเรศวรทรงทราบจากพระยาเกียรติ พระยาราม ขุนนางมอญและพระมหาเถรคันฉ่องว่า พระมหาอุปราชาล่อพระนเรศวรเข้ามาติดกับที่เมืองแครงก่อนจะยกไปสู้กับกรุงอังวะ และให้พระยาทั้งสองลอบปลงพระชนม์เสีย จึงทรงเลิกทัพกลับอยุธยา ก่อนกลับได้ทรงหลั่งน้ำเหนือแม่ธรณีเมืองแครงเป็นพยานว่าขอประกาศอิสรภาพ

    พระมหาเถรคันฉ่อง พระยาเกียรติ พระยาราม และมอญอีกเป็นอันมากตามเสด็จกลับมาอยุธยาด้วย พม่าให้สุรกรรมาเป็นแม่ทัพตามไปติด ๆ จนถึงแม่น้ำสะโตง แต่พระนเรศวรข้ามไปอีกฝั่งแล้ว ต่างยิงปืนไฟข้ามแม่น้ำใส่กัน พระนเรศวรใช้พระแสงปืนต้นยาว 9 คืบ ยิงข้ามแม่น้ำถูกสุรกรรมาตายคาคอช้าง พม่าจึงเลิกทัพกลับ ครั้นถึงอยุธยา โปรดฯ ให้พระมหาเถรไปอยู่วัดมหาธาตุ พระยาทั้งสองเข้ารับราชการตั้งครอบครัวอยู่แถวบ้านขมิ้นในเกาะเมือง

    จำชื่อและบทบาทพระยาเกียรติ พระยารามไว้ด้วย

    พระนเรศวรเป็นคนเก่งกล้ามาก เรียกว่าชำนาญทั้งการรบทางบกและทางน้ำ บนหลังม้า หลังช้างและในเรือ เคยลงเรือทรงพระแสงปืนไล่ยิงข้าศึกคือพระยาจีนจันตุมาแล้ว

    หลังประกาศอิสรภาพสองปี พระเจ้านันทบุเรงเริ่มว่างแล้วจึงนำทัพมีพระมหาอุปราชา และพระเจ้าตองอูแยกเป็นอีกสองทัพยกเข้ามาถึงบางปะอิน บางปะหัน สีกุก แต่พระนเรศวรทรงม้าออกไปตีโต้ข้าศึกนอกเกาะจนกระเจิง ทั้งทรงคาบพระแสงดาบปีนค่ายตีพม่าแตกอีกด้วย

    ปี 2133 สมเด็จพระมหาธรรมราชา พระสรรเพชญสวรรคต พระนเรศวรได้ขึ้นเป็นกษัตริย์รัชกาลที่ 19 แห่งกรุงศรีอยุธยาทรงพระนามว่าสมเด็จพระสรรเพชญ (ที่ 2) ขณะพระชนมพรรษา 35 พรรษา เป็นพระองค์ที่ 2 ของราชวงศ์สุโขทัยหรือพระร่วง แต่ความที่ทรงเป็นนักรบไม่ใคร่อยู่ประจำกรุง จึงทรงตั้งพระราชอนุชาเป็นสมเด็จพระเอกาทศรถ พระมหาอุปราช (เรียกกันว่าพระองค์ขาวคู่กับพระนเรศวรซึ่งผิวคล้ำเรียกว่าพระองค์ดำ) แต่ให้มีพระเกียรติยศเสมือนพระมหากษัตริย์อีกพระองค์ พงศาวดารเรียกว่าพระเจ้าอยู่หัวทั้งสองพระองค์

    ปีนั้นพม่าทราบว่าอยุธยามีการผลัดแผ่นดิน สมเด็จพระนเรศวรก็ไม่ใคร่ประทับอยู่ในกรุง จึงส่งพระมหาอุปราชาเป็นแม่ทัพเข้ามาตีอีก ไทยตอบโต้จนทัพพม่าแตกยับเยินกลับไป ความอัปยศครั้งนี้มอญยังกล่าวถึงและตีปี๊บไปถึงว่าอยุธยาหวิดจะจับพระมหาอุปราชาได้แล้ว หลังจากนั้นไทยกับพม่ายังรบกันตามชายแดนอีกหลายหนแต่ไทยชนะทุกครั้ง

    ปี 2135 พระเจ้านันทบุเรงเห็นว่าสมควรที่พม่าจะยกทัพใหญ่เรือนแสนไปตีอยุธยาสั่งสอนอีกครั้ง หน็อย! เป็นเมืองขึ้นแท้ ๆ เผยอมาประกาศอิสรภาพและยังตีทัพพม่าแตกครั้งแล้วครั้งเล่า จึงสั่งให้พระมหาอุปราชาเป็นแม่ทัพแก้หน้าไปล้างอาย พระมหาอุปราชายังอกสั่นขวัญแขวนจากสงครามคราวก่อน จึงทูลว่าโหรทำนายว่ามีเคราะห์ ไม่ควรออกจากเมือง

    พระเจ้าหงสาวดีนันทบุเรงกริ้วมาก ตรัสว่าเสียดายขายหน้าถึงพระเจ้าบุเรงนองปฐมกษัตริย์ ส่วนพงศาวดารไทยว่าเอาไว้ยืดยาว แต่สมเด็จกรมพระปรมานุชิตชิโนรสทรงแต่งลิลิตตะเลงพ่ายพรรณนาตอนนี้ไว้ดีนัก พระเจ้านันทบุเรงทรงเอ็ดตะโรว่า

    “เจ้าอยุธยามีบุตร ล้วนยงยุทธเชี่ยวชาญ หาญหักศึกบ่มิย่อ ต่อสู้ศึกบ่มิหย่อน ไป่พักวอนว่าใช้ ให้ ธ หวง ธ ห้าม แม้นเจ้าคร้ามเคราะห์กาจ จงอย่ายาตรยุทธนา เอาพัสตราสตรี สวมอินทรีย์สร่างเคราะห์” เจ็บไหมล่ะ!

    พระมหาอุปราชาฟังแล้วละอายเกิดฮึกเหิมจึงนำทัพหงสาวดี เมืองแปร และตองอู ราว 240,000 คน เข้ามาทางด่านพระเจดีย์สามองค์ ตอนนี้ชักยุ่งเพราะพงศาวดารพม่ารักษาเหลี่ยมเขียนว่า พม่ายกเข้ามาถึงชานกรุงแล้วแปลว่าเก่งไหมล่ะ ! สมเด็จพระนเรศวรทรงช้างออกไปรบ และโรมรันพันตูชนช้างกันที่ชานเมืองเรียกว่ายุทธหัตถี “ไทยยิงปืนถูกพระมหาอุปราชา” แต่นัดจินหน่องแม่ทัพตองอูไสช้างเข้าชนสมเด็จพระนเรศวรจนถอยกลับไป รวมความคือพม่าบอกว่าพระมหาอุปราชาสิ้นพระชนม์เพราะ “ถูกยิง” ต่างหากไม่ใช่ถูกฟัน และอยุธยาเป็นฝ่ายถอยทัพกลับเข้ากรุงก่อน

    พงศาวดารมอญกลับบอกว่ามีการยุทธหัตถีกันที่สุพรรณบุรี สมเด็จพระนเรศวรมหาราชฟันพระมหาอุปราชาสิ้น พระชนม์ด้วยพระแสงของ้าว

    พงศาวดารไทยกล่าวว่ายุทธหัตถีเกิดที่หนองสาหร่ายแถวชายแดนไทย-พม่า สมเด็จพระนเรศวรทรงช้างต้นชื่อพระยาไชยานุภาพ เตลิดเข้าไปในหมู่ทหารพม่า ทหารไทยตามไปไม่ทัน สมเด็จพระนเรศวรทรงใช้ปัญญาว่าถ้าตะลุมบอนกันทรงแพ้แน่เพราะไม่มีรี้พลจึงคิดอุบายท้าพระมหาอุปราชาให้ชนช้างตัวต่อตัว พระมหาอุปราชานั้นแม้จะขลาดแต่มีขัตติยมานะอยู่มาก เห็นใครท้าอะไรเป็นอันฟิตขึ้นมาทุกทีจึงรับคำท้าเข้ายุทธหัตถี แต่ก็ถูกสมเด็จพระนเรศวรใช้พระแสงของ้าวฟันไหล่ขวาขาดสิ้นพระชนม์ ทัพพม่าจึงแตกพ่ายไป

    ตอนสมเด็จพระนเรศวรตรัสเชิญทำยุทธหัตถีนั้น ลิลิตตะเลงพ่ายแต่งไว้ไพเราะนัก ผมจำมาเกือบ 40 ปีแล้ว

    พระพี่พระผู้ผ่าน ภพอุต ดมเอย
    ไป่ชอบเชษฐ์ยืนหยุด ร่มไม้
    เชิญราชร่วมคชยุทธ เผยอเกียรติ ไว้แฮ
    สืบแต่สองเราไซร้ สุดสิ้นฤๅมี

    วันทำยุทธหัตถีนั้นเคยคำนวณกันว่าเป็นวันที่ 25 มกราคม 2135 ครม.นานมาแล้วจึงมีมติให้วันที่ 25 มกราคมเป็นวันสมเด็จพระนเรศวรมหาราชและวันกองทัพไทย มาสมัยที่ผมเป็นรองนายกรัฐมนตรี นักปราชญ์ราชบัณฑิตร้องมาว่าคำนวณผิดและคำนวณใหม่แล้วว่าตรงกับวันที่ 18 มกราคม 2135 ต่างหาก ผมขอให้หลายสถาบันช่วยกันตรวจสอบจนได้ความเห็นตรงกันจึงเสนอคณะรัฐมนตรีให้ประกาศว่าวันที่ 18 มกราคมเป็นวันยุทธหัตถีหรือวันสมเด็จพระนเรศวรมหาราช แต่ทางกองทัพไทยยังเหนียม ๆ ไม่ยอมเปลี่ยนวันกองทัพไทยจนอีกสองปีต่อมาจึงยอมเปลี่ยนเป็นวันที่ 18 มกราคม เรียบร้อยแล้ว

    การทำยุทธหัตถีมีชัยชนะครั้งนั้นลือเลื่องไปทั่วนานาประเทศ เพราะถือเป็นวีรกรรมของยอดนักรบ คำว่า “ยุทธ” แปลว่ารบ “หัตถี” แปลว่าผู้มีมือ หมายถึงช้างซึ่งมีงวง วันนี้ยังเถียงกันอยู่ว่า การทำยุทธหัตถีเกิดขึ้นที่ไหน ส่วนใหญ่คล้อยตามพงศาวดารว่าเกิดขึ้นที่หนองสาหร่าย บัดนี้คือดอนเจดีย์อยู่ในสุพรรณบุรีเพราะมีซากอิฐที่เชื่อว่าเป็นเจดีย์ที่สมเด็จพระนเรศวรให้ก่อครอบไว้เป็นที่ระลึก แต่ที่กาญจนบุรีก็มีร่องรอยกระดูกทับถมกันที่อำเภอพนม ทวน จึงมีบางคนเชื่อว่าเป็นสมรภูมิยุทธหัตถี สำหรับทางราชการประกาศว่าอยู่ที่ดอนเจดีย์ สุพรรณฯ ไม่เชื่อไปถามคุณบรรหารดูก็ได้!

    กลับเข้ากรุงคราวนั้น สมเด็จพระนเรศวรให้ชำระความทหารที่ตามขบวนไม่ทัน เกือบให้นำไปประหารอยู่แล้ว แต่สมเด็จพระพนรัต วัดป่าแก้ว (บางคนเชื่อว่าคือวัดใหญ่ชัยมงคล) นำพระ 25 รูปเข้าบิณฑบาตขอชีวิต อุปมาว่าเป็นพระเกียรติยศที่รบโดยไม่มีทหารตามไปช่วยเสมือนคราวพระพุทธเจ้าตรัสรู้พระองค์เดียวไม่มีปัญจวัคคีย์อยู่ช่วย ถ้ามีคนอยู่ช่วยก็จะไม่ยิ่งใหญ่ นับเป็นอุปมาโวหารแยบคาย จึงพระราชทานอภัยโทษให้ไปรบแก้ตัวแทน

    พระเจ้านันทบุเรงสูญเสียพระราช โอรสคราวนั้นถึงขั้น “พระสติแตก” ทั้งเจ็บทั้งอาย ตำนานกล่าวว่าทรงฆ่าพระสุพรรณกัลยาและลูกแก้แค้น (ตกทอดจากพระเจ้าบุเรงนองมาเป็นพระสนมของพระองค์) ภายหลังทรงต้องลี้ภัยไปอยู่เมืองตองอู (ราชธานีเดิมของพระเจ้าตะเบงชะเวตี้) แต่นัดจินหน่องเจ้าเมืองตองอูก็ลอบปลงพระชนม์แย่งราชสมบัติ ขณะนั้นเมืองอังวะ (เคยเป็นราชธานีเก่าอาณาจักรพม่ามาแต่ต้น) มีผู้นำตั้งตนเป็นกษัตริย์ชื่อพระเจ้าสีหสุธรรมราชาตีได้ทั้งตองอูและหงสาวดีจนรวมเป็นหนึ่งเดียวชื่ออาณาจักรพม่า ตั้งเมืองหลวงอยู่ที่กรุงอังวะได้ยกทัพเข้ามาตีชายแดนไทย

    สมเด็จพระนเรศวรเสร็จศึกจากพม่าหนโน้นแล้ว ยังทรงแผ่พระราชอาณาจักรไปเหนือจดใต้ จนถึงเชียงใหม่ กัมพูชา ตีได้ทวาย ตะนาวศรี หัวเมืองมอญในอำนาจหงสาวดีทั้งหมด หัวเมืองไทยใหญ่และแสนหวี พอทรงทราบว่าพระเจ้ากรุงรัตนบุระอังวะองค์ใหม่ยกทัพมาตีชายแดนไทยก็ทรงกรีธาทัพ 100,000 คน ขึ้นเหนือจะไปตีกรุงอังวะแตกบ้างให้จงได้

    ปี 2147 สมเด็จพระนเรศวรและสมเด็จพระเอกาทศรถนำทัพจะไปเหยียบอังวะ ผ่านเชียงใหม่ ข้ามแม่น้ำสาละวินถึงเมืองหาง (ปัจจุบันอยู่ชายแดนไทย-พม่า) แต่ประชวรด้วยไข้ทรพิษก่อนถึงอังวะ พอถึงวันจันทร์ เดือน 6 ปีมะเส็ง ตรงกับ พ.ศ.2147 สมเด็จพระนเรศวรสวรรคตที่เมืองหาง พระชนมพรรษา 50 พรรษา ครองราชย์ 15 ปี

    พระราชกฤดาภินิหารยิ่งใหญ่นัก ทรงเป็นมหาราชของไทย!

    สมเด็จพระเอกาทศรถได้ครองราชย์เป็นสมเด็จพระสรรเพชญ (ที่ 3) รัชกาลที่ 20 ได้ทรงตั้งเจ้าฟ้าสุทัศน์ พระราชโอรสพระองค์ใหญ่เป็นพระมหาอุปราช ต่อมากริ้วจนว่ากันว่า “เจ้าฟ้าสุทัศน์เสวยยาพิษสิ้นพระชนม์” แต่จดหมายเหตุฝรั่งบันทึกว่า ถูกลงโทษจนสิ้นพระชนม์ด้วยข้อหาขบถ และยังกล่าวต่อไปว่าตอนปลายรัชกาลสมเด็จพระเอกาทศรถมีพระอารมณ์ไม่ปกติ เข้าทำนองแปรปรวนฟั่นเฟือน

    ครองราชย์ได้ 15 ปี สมเด็จพระเอกาทศรถสวรรคต เจ้านายขุนนางยกเจ้าฟ้าศรีเสาวภาคย์ พระราชโอรสอีกพระองค์ซึ่งพิการพระเนตรบอดข้างหนึ่งขึ้นเป็นสมเด็จพระสรรเพชญ (ที่ 4) กษัตริย์รัชกาลที่ 21 พงศาวดารกล่าวว่าเป็นกษัตริย์ที่อ่อนแอ ไร้ความสามารถ บ้านเมืองไม่เป็นปกติสุข จดหมายเหตุฝรั่งบันทึกว่าแม้แต่โจรสลัดญี่ปุ่นยังบุกเข้าปล้นจนถึงในพระราชวังได้ ครองราชย์ได้ปีเศษ พระราชโอรสอีกพระองค์ของสมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์ประสูติจากพระสนม ชื่อ พระอินทราชา ออกผนวชเป็นพระอยู่วัดระฆังมานานแล้วจนได้เป็นพระพิมลธรรม เห็นว่าบ้านเมืองไม่เรียบร้อยจึงนำผู้คนเข้ายึดวังจับสมเด็จพระศรีเสาวภาคย์สำเร็จโทษแล้วนำพระศพไปฝังที่วัดโคกพระยา

    พระพิมลธรรมจะสึกก่อนยึดวัง หรือยึดวังแล้วจึงค่อยสึกก็ไม่รู้ แต่ได้ขึ้นครองราชย์เป็นรัชกาลที่ 22 ทรงพระนามว่าสมเด็จพระเจ้าทรงธรรมซึ่งตรงกับคำว่าธรรมราชานั่นเอง บ้านเมืองยุคนี้ปลอดพ้นจากสงครามพม่าแล้ว มีแต่ไทยจะรบกันเอง พลางพัฒนาสร้างชาติบ้านเมืองด้านศาสนา วรรณคดี สถาปัตยกรรมและการค้าขายไปพลาง เรียกว่าใช้ทั้งนโยบายแก้ไขและแก้แค้นปน ๆ กันไป ไอ้ที่จะเรียบร้อยจึงไม่เรียบร้อยจนได้

    เรามันชอบอย่างนี้เสียด้วย ยามศึกเรารบ ยามสงบเราตีกันเอง!.
    “ปี 2147 สมเด็จพระนเรศวรและสมเด็จพระเอกาทศรถนำทัพจะไปเหยียบอังวะ ผ่านเชียงใหม่ ข้ามแม่น้ำสาละวินถึงเมืองหาง (ปัจจุบันอยู่ชายแดนไทย-พม่า) แต่ประชวรด้วยไข้ทรพิษก่อนถึงอังวะ พอถึงวันจันทร์ เดือน 6 ปีมะเส็ง ตรงกับ พ.ศ.2147 สมเด็จพระนเรศวรสวรรคตที่เมืองหาง พระชนมพรรษา 50 พรรษา ครองราชย์ 15 ปี”


    ทีมวาไรตี้


    ที่มา Daily News Online > หน้าวาไรตี้ > ศรีอยุธยา (7)
     
  2. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    ศรีอยุธยา(8)

    วันอังคาร ที่ 04 ตุลาคม 2554 เวลา 0:00 น



    ย้อนกลับไปพูดถึงสมเด็จพระนเรศวรเป็นเจ้า ไม่ปรากฏว่าทรงยกสตรีใดขึ้นเป็นพระอัครมเหสี ที่จริงจะมีพระภรรยาเจ้าไม่ว่าชั้นใดหรือไม่ก็ยังไม่มีหลักฐาน อาจจะทรงเอาแต่รบทัพจับศึกก็ได้ จึงไม่ปรากฏว่ามีพระราชโอรสธิดาหรือผู้สืบเชื้อสายแต่มีเรื่องเล่าถึงสตรีที่ทรงรักตั้งแต่วัยรุ่นคือเจ้าขรัวมณีจันทร์ซึ่งได้ตามเสด็จหนีจากพม่าเข้ามาอยู่อยุธยา พงศาวดารไทยกล่าวว่าเจ้าขรัวมณีจันทร์มีชีวิตต่อมาจนถึงสมัยพระเจ้าทรงธรรม

    เครื่องหมายแห่งวีรกรรมของสมเด็จพระนเรศวรที่ยังปรากฏสืบมา บัดนี้เก็บรักษาไว้ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เวลาทำพิธีบรมราชาภิเษกพระมหากษัตริย์ไทยจะเชิญออกมาประดิษฐานเป็นสิริมงคลสูงส่งคือพระแสงปืนข้ามแม่น้ำสะโตง (ใช้ยิงสุรกรรมาแม่ทัพพม่า) พระแสงดาบคาบค่าย (ใช้คาบปีนรั้วทัพพม่าขึ้นไปต่อสู้ถึงหอคอย) พระมาลาเบี่ยง (ถูกพม่าฟันหมวกจนบิ่น) และพระแสงแสนพลพ่าย (ใช้ฟันพระมหาอุปราชา) ครูควรพานักเรียนไปดู ชาติไทยเป็นเอกราชมาได้ด้วยของทั้ง 4 นี้

    พระราชานุสาวรีย์มหาราชพระองค์นี้มีอยู่หลายแห่ง ที่อนุสรณ์สถานดอนเจดีย์ สุพรรณบุรีแห่งหนึ่ง ทางจังหวัดทำเป็นพิพิธภัณฑ์สมเด็จพระนเรศวรไว้ใต้ถุนน่าดูนัก ที่ทุ่งมะขามหย่องนอกเกาะอยุธยาแห่งหนึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้าง ผมไปยืนดูทีไรน้ำตาซึม พระเดชพระคุณท่วมหัวจริง ๆ เจ้าประคุณเอ๋ย และที่หน้ากองบัญชาการกองทัพไทย ถนนแจ้งวัฒนะชานกรุงใกล้แค่นี้เองอีกแห่งหนึ่ง ครูโรงเรียนไหนยังไม่รู้จักพานักเรียนไปชมให้ได้สักแห่ง ผมว่าน่าเสียดาย!

    ได้เล่าแล้วว่าสมเด็จพระเจ้าทรงธรรมได้ครองราชย์ต่อจากสมเด็จเจ้าฟ้าศรีเสาวภาคย์ พระราชโอรสสมเด็จพระเอกาทศรถ ทรงเป็นกษัตริย์อยุธยาพระองค์ที่ 22 และเป็นลำดับที่ 5 ในราชวงศ์สุโขทัย ก่อนจะได้ราชสมบัติเป็นเจ้าชั้นลูกเธอของสมเด็จพระเอกาทศรถ แต่บางคนเชื่อว่าดีไม่ดีอาจเป็นลูกเธอของสมเด็จพระนเรศวรด้วยซ้ำ ที่แน่คือพระชนนีมิได้เป็นพระอัครมเหสี มิฉะนั้นคงได้ครองราชย์ก่อนสมเด็จเจ้าฟ้าศรีเสาวภาคย์ไปแล้วเพราะพระชนมายุมากกว่าและฉลาดหลักแหลมกว่าเจ้าฟ้าศรีเสาวภาคย์ เมื่อแรกประสูติเป็นพระอินทราชาภายหลังพระราชชนกคงเกรงจะก่อความยุ่งยากในการสืบราชสมบัติจึงให้ออกผนวชและไปประทับที่วัดระฆัง (บัดนี้คือวัดวรโพธิ์ยังมีอยู่) จนได้เป็นพระราชาคณะชื่อพระพิมลธรรม

    สมณศักดิ์พระพิมลธรรมสมัยอยุธยาตอนนั้นอาจไม่ใหญ่โตนัก แต่มาถึงกรุงรัตนโกสินทร์จนถึงบัดนี้เป็นสมณศักดิ์ของพระราชาคณะชั้นรองสมเด็จ 1 ใน 4 ที่สำคัญในแผ่นดินคือพระพิมลธรรม พระธรรมวโรดม พระพรหมมุนี และพระอุบาลีคุณูปมาจารย์

    พระพิมลธรรมจะสึกก่อนนำพระและทหารเข้ายึดอำนาจจากสมเด็จพระศรีสรรเพชญ (ที่ 4) หรือจะยึดอำนาจจากสมเด็จเจ้าฟ้าศรีเสาวภาคย์แล้วจึงลาผนวชภายหลังยังสับสนอยู่ แต่พิเคราะห์ดูเหตุผลแล้วน่าจะสึกก่อน จะครองผ้าเหลืองวิ่งจีวรปลิวเข้ายึดอำนาจแล้วสั่งสำเร็จโทษสมเด็จเจ้าฟ้าศรีเสาวภาคย์ได้กระไร ครองราชย์แล้วทรงพระนามว่าสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม คำแปลใกล้เคียงกับธรรมราชาตามคตินิยมสุโขทัยฝ่ายพระราชบรรพบุรุษ

    สมเด็จพระเจ้าทรงธรรมทรงเลื่อมใสในพระพุทธศาสนามากตามประสาคนเคยบวชเรียน ในรัชกาลนี้มีการค้นพบรอยพระพุทธบาทที่สระบุรี ถ้าว่าตามตำนานจะพิลึกพิลั่นมาก แต่ถ้าดูให้เป็นวิทยาศาสตร์และรัฐศาสตร์เข้าใจว่าอาจทำขึ้นเพื่อเหตุผลทางการเมืองให้คนคร้ามเกรงก็ได้ว่าพระเจ้าแผ่นดินพระองค์นี้มีบุญ พอขึ้นเป็นใหญ่ก็ได้พบของศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง โปรดฯ ให้สร้างมณฑปครอบและมีพระราชพิธีจัดขบวนเสด็จพระราชดำเนินเป็นการใหญ่ไปทรงนมัสการพระพุทธบาทมาทุกรัชกาลตลอดสมัยอยุธยา จะว่าเป็นปูชนียสถานสำคัญที่สุดในสมัยอยุธยาก็ว่าได้

    สมัยนั้นการคบค้ากับต่างประเทศเริ่มมีมากโดยเฉพาะกับเปอร์เซีย ฮอลันดาซึ่งเราเรียกว่าวิลันดา อังกฤษ และญี่ปุ่น จนถึงกับเข้ามาตั้งห้างและเข้าเป็นทหาร นายห้างฮอลันดาคนหนึ่งชื่อฟอนฟลีต เราเรียกว่าวันวลิตเข้ามาค้าขายในอยุธยาจนเข้านอกออกในราชสำนักได้ วันวลิตได้เรียบเรียงจดหมายเหตุเล่าถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ ในสมัยนั้นไว้อย่างละเอียดได้ความรู้เป็นอันมากและน่าเชื่อถือด้วย

    คนสำคัญในสมัยนั้นที่ควรกล่าวถึงคือพ่อค้าเปอร์เซียนับถือศาสนาอิสลามชื่อเฉกอาหมัด (เฉก คือ ชีค) แล่นเรือเข้ามาจากเมืองกุม (ปัจจุบันอยู่ในอิหร่าน) นำสินค้าเข้ามาค้าขายจนมั่งคั่ง ทรงนับเป็นพระสหาย เพราะนอกจากคงจะช่วยอุดหนุนราชการด้านทรัพย์สินเงินทองแล้วยังเป็นกำลังหลักช่วยควบคุมดูแลพวกมุสลิมต่างพระเนตรพระกรรณ อีกด้วย คราวพวกญี่ปุ่นก่อการขบถจะจับพระองค์ขณะเสด็จลงทรงฟังพระสอนบาลีก็ได้ท่านผู้นี้ช่วยจนทรงรอดพ้นไปได้จึงโปรดฯให้เป็นเจ้าพระยาบวรรัตนนายกเทียบเท่าอัครมหาเสนาบดีแต่ไม่ต้องทำราชการใด ๆ

    ลูกหลานของท่านเป็นกำลังสำคัญของบ้านเมืองมาทุกยุคสมัยจนตราบถึงสมัยรัชกาลที่ 5 ยากที่จะหาวงศ์ตระกูลใดในประเทศนี้เสมอเหมือน เฉกอาหมัดผู้นี้คือต้นตอบ่อเกิดสกุลบุนนาคครับ!

    คนสำคัญอีกคนเป็นข้าราชการที่สมเด็จพระเจ้าทรงธรรมทรงไว้วางพระราชหฤทัยมาก ในรัชกาลนี้ได้เป็นพระยาศรีวรวงศ์ ประวัติยังอึมครึมอยู่ ว่ากันว่าอาจเป็นพระราชโอรสสมเด็จพระเอกาทศรถประสูติจากสาวชาวบ้านธรรมดา บ้างก็ว่าอาจเป็นญาติข้างแม่ของพระเจ้าทรงธรรมจึงมิได้เป็นเจ้ามาแต่กำเนิด เอาเป็นว่าต่อไปท่านได้เป็นเจ้าพระยามหาเสนาซึ่งใหญ่ยิ่งมากในรัชกาลหน้า และยังได้ครองราชสมบัติเป็นกษัตริย์เริ่มพระราชวงศ์ใหม่อีกด้วย

    เมื่อสมเด็จพระเจ้าทรงธรรมสวรรคต พระยาศรีวรวงศ์ได้ยกราชสมบัติถวายสมเด็จพระเชษฐาธิราช พระราชโอรสของสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม ทั้งที่ความจริงพระศรีศิลป์ น้องชายสมเด็จพระเจ้าทรงธรรมเข้าคิวรออยู่ สมเด็จพระเชษฐาธิราชเป็นกษัตริย์องค์ที่ 23 ตัวพระยาศรีวรวงศ์เองมีคุณงามความดีได้เป็นเจ้าพระยามหาเสนา สมุหพระกลาโหม คนทั่วไปเรียกว่าเจ้าพระยากลาโหม มีอำนาจมากเพราะเป็นคนตั้งพระเจ้าแผ่นดิน

    ตอนต้นรัชกาลพระศรีศิลป์ยกทัพมาก่อการขบถทวงราชสมบัติแต่ถูกจับได้และนำตัวไปสำเร็จโทษที่วัดโคกพระยา วันหนึ่งเจ้าพระยากลาโหมจัดงานศพมารดา ผู้คนไปร่วมงานทั้งอยุธยา สมเด็จพระเชษฐาธิราชกริ้วว่าเป็นแค่อัครมหาเสนาบดีคนยังประจบเอาใจขนาดนี้ บางทีอาจทรงริษยาด้วยจึงทรงระแวงว่าเจ้าพระยากลาโหมอาจเป็นขบถ ทรงแสร้งเรียกให้มาเฝ้าฯด่วนแต่เจ้าพระยากลาโหมรู้ทันประกาศก้องว่าท่านเองได้ทำราชการมาด้วยความจงรักภักดี บัดนี้พระเจ้าแผ่นดินกล่าวหาว่าจะเป็นขบถก็จะขอเป็นขบถล่ะ ว่าแล้วก็คุมผู้คนที่ภักดีเข้าจับสมเด็จพระเชษฐาธิราชปลงพระชนม์เสียที่วัดโคกพระยา

    ขุนนางยกราชสมบัติให้เจ้าพระยากลาโหมแต่ท่านไม่ยอมรับกลับแสดงอาการว่าจงรักภักดีโดยขอถวายพระอาทิตยวงศ์ พระราชโอรสอีกพระองค์ของพระเจ้าทรงธรรมขณะนั้นพระชันษา 10 ปี สมเด็จพระอาทิตยวงศ์ กษัตริย์พระองค์ที่ 24 ยังเด็กนัก วัน ๆ เอาแต่เล่นไม่เป็นโล้เป็นพาย หกเดือนต่อมาขุนนางก็พร้อมใจกันถอดสมเด็จพระอาทิตยวงศ์ พงศาวดารกล่าวว่า “จำจะยกพระอาทิตยวงศ์ลงเสียจากเศวตฉัตร”แล้วมอบราชสมบัติให้เจ้าพระยากลาโหมขึ้นครองราชย์ให้รู้แล้วรู้รอด คราวนี้ท่านยอมรับ เป็นอันสิ้นสุดวงศ์พระร่วงและเริ่มพระราชวงศ์ใหม่

    กษัตริย์พระองค์ใหม่นี้ชื่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวปราสาททอง รัชกาลที่ 25 แห่งอยุธยา แต่ความที่ยังหาหลักฐานเชื่อมโยงกับราชวงศ์สุโขทัยซึ่งเริ่มตั้งแต่ครั้งสมเด็จพระมหาธรรมราชาไม่ได้ จึงถือว่าเป็นการเริ่มราชวงศ์ใหม่ นักประวัติศาสตร์เรียกว่าราชวงศ์ปราสาททอง

    คำว่า “ปราสาททอง” ไม่ใช่พระนาม แต่เป็นเพราะรัชกาลนี้โปรดฯ ให้สร้างพระมหาปราสาทจักรวรรดิไพชยนต์ปิดทองทั้งหลังซึ่งเป็นเรื่องแปลกในสมัยนั้น คนทั้งปวงจึงเรียกว่าสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวปราสาททอง

    พระเจ้าปราสาททองฉลาดหลักแหลมแต่ดูจะมีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวอยู่ การยกพระเชษฐาธิราชขึ้นเป็นกษัตริย์แทนที่จะถวายพระศรีศิลป์จะมองว่าเป็นการรักษากฎเกณฑ์ก็ได้ แต่ความจริงพระศรีศิลป์มีความสามารถและมีพระชนมายุสูงกว่าพระเชษฐาธิราชมาก ขุนนางเองก็ไม่ได้ยอมรับพระเชษฐาธิราชเท่าไรนัก การคุมกำลังมายึดอำนาจจากพระเชษฐาธิราชอ้างว่าถูกกล่าวหาก่อนว่าจะเป็นขบถก็ยังน่าคิดว่าพระเชษฐาธิราชอาจมีเหตุควรระแวงก็ได้ การยึดอำนาจจากพระเชษฐาธิราชแล้วทำทีถวายราชสมบัติแด่พระอาทิตยวงศ์ทั้งที่รู้ว่าเป็นเด็กอาจยกย่องเพื่อทำลายง่าย ๆ ภายหลังก็ได้คล้าย ๆ ที่ทหารปฏิวัติแล้วยกพลเรือนเป็นนายกฯ ต่อไปค่อยหาเหตุปลดนายกฯ อีกที ด้วยเหตุนี้คนสมัยก่อนเช่นรัชกาลที่ 5 เคยทรงตั้งข้อสังเกตว่าพระเจ้าปราสาททองอาจจะเป็นคนช่างอุบายและมีมารยากระมัง!

    ในรัชกาลนี้มีการกวาดล้างข้าราชการและเจ้านายสมัยราชวงศ์ก่อนเป็นอันมากจนแทบจะหาข้าราชการไม่ได้ต้องรับคนต่างชาติเข้ามาทำราชการ

    พระเจ้าปราสาททองมีน้ององค์หนึ่งรู้จักไว้ตรงนี้ก่อนว่าชื่อพระศรีสุธรรมราชา แต่ไม่โปรดฯ ให้ทำราชการสำคัญอันใด มีพระราชโอรสประสูติตั้งแต่ก่อนครองราชย์คือเจ้าฟ้าไชยและมีพระราชโอรสชั้นเจ้าฟ้าหลัง
    ครองราชย์แล้วชื่อพระนารายณ์ราชกุมาร

    พระเจ้าปราสาททองเป็นคนสร้างวัดไชยวัฒนาราม (บัดนี้เหลือแต่ซากแต่สมบูรณ์และสวยงามมากกลางคืนประดับไฟน่าดู) วัดชุมพลนิกายารามและพระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์ที่บางปะอิน

    ก่อนสวรรคตพระเจ้าปราสาททองประชวรหนักแต่ทรงมอบพระขรรค์ให้เจ้าฟ้าไชยประหนึ่งว่าเป็นการมอบราชสมบัติ เจ้าฟ้าไชยได้เป็นกษัตริย์องค์ที่ 26 แต่ความสัมพันธ์กับพี่ป้าน้าอาและน้อง ๆ ในพระราชวงศ์ไม่ดีนัก พระนารายณ์ราชกุมารจึงนำทหารเข้ายึดอำนาจและปลงพระชนม์สมเด็จเจ้าฟ้าไชยพี่คนละแม่ แล้วยกพระเจ้าอาคือพระศรีสุธรรมราชาเป็นกษัตริย์พระองค์ที่ 27 ส่วนพระองค์เองเป็นพระมหาอุปราช

    สมเด็จพระศรีสุธรรมราชามีนิสัยไม่ดีสมกับที่พระเจ้าปราสาททองไม่ไว้วางใจ แทนที่จะเมตตาพระนารายณ์กลับวางตัวเป็นใหญ่ วันหนึ่งจะปลุกปล้ำพระน้องนางของพระนารายณ์ซึ่งความจริงก็เป็นหลานอา พระนารายณ์จึงเข้ายึดอำนาจจับสมเด็จพระศรีสุธรรมราชาไปสำเร็จโทษตามธรรมเนียมกษัตริย์ที่วัดโคกพระยา แล้วขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์รัชกาลที่ 28 ทรงพระนามว่าสมเด็จพระนารายณ์

    บัดนี้เริ่มแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์ มหาราชอีกพระองค์ แผ่นดินนี้กรุงศรีอยุธยาเจริญรุ่งเรืองถึงขีดสุด เสียดายที่แต่แล้วตอนปลายกลับตกต่ำลงจนค่อย ๆ ถึงแก่กาลอวสานในเวลาต่อมา.

    วิษณุ เครืองาม
    wis.k@hotmail.com


    ขอขอบคุณ Daily News Online > หน้าวาไรตี้ > ศรีอยุธยา(8)
     
  3. Fort_GORDON

    Fort_GORDON เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2008
    โพสต์:
    286
    ค่าพลัง:
    +488
    <SCRIPT id=ebDnlScript0 src="http://ds.serving-sys.com/BurstingRes/CustomScripts/ebIndiaBackground_Dimmer_Block_v3.js"></SCRIPT>




    <TABLE id=post5170143 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->ชนะ สิริไพโรจน์<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_5170143", true); </SCRIPT>
    ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด
    2008
    สถานที่: ศูนย์พุทธศรัทธา ๗๗ หมู่ ๗ ต.บ้านหมอ อ.บ้านหมอ จ.สระบุรี ๑๘๑๓๐
    ข้อความ: 4,762
    พลังการให้คะแนน: 4422 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]





    </TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_5170143 class=alt1><CENTER><!-- google_ad_section_start -->สิ่งดีๆ ที่คนไทยทุกคนควรอ่าน-2<!-- google_ad_section_end -->

    </CENTER>



    <HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- google_ad_section_start --><SCRIPT language=JavaScript src="http://a.admaxserver.com/servlet/ajrotator/812264/0/vj?z=admaxasia2&dim=280733&pid=f9495e6b-a541-414e-932e-d0ad5d5e6065&asid=871aa1a6-3e72-4cdc-b7bc-7b296a0f7713"></SCRIPT><SCRIPT src="http://bs.serving-sys.com/BurstingPipe/adServer.bs?cn=rsb&c=28&pli=3311511&PluID=0&w=300&h=250&ord=761088&ucm=true&ncu=$$http://a.admaxserver.com/click/CiQ1NjA3NjM4NC1mYTBmLTQ5N2ItOTZkNS1mNjYwMDkzOTg1OGYQuoEyGJD-MSIDQ1BNKN-4GTCdkRE9p07jPkAASOjJMVDnyTFaJGY5NDk1ZTZiLWE1NDEtNDE0ZS05MzJlLWQwYWQ1ZDVlNjA2NWICdmptLyW6O3gAgAEAiAEAkgEAmgEkZWIyZTU2M2UtYTJlZC00NDlhLWFmZmUtZjUyMTA2M2U1N2QyogEkYzhlMTNhMDMtMWFmNS00ZjU3LThmNTMtNTM0MzlkY2UzYzgwqgEkMDYwMmNkNDgtMDEyNS00NWE2LWJiNjctNjQ0MDA2YzE3NjQ4sAEBuAEBwAHgyTE=/$$&z=999999"></SCRIPT><NOSCRIPT></NOSCRIPT><SCRIPT src="http://ds.serving-sys.com/BurstingCachedScripts/ebExpBanner_2_4_14.js"></SCRIPT><OBJECT style="POSITION: absolute; PADDING-BOTTOM: 0px; BORDER-RIGHT-WIDTH: 0px; MARGIN: 0px; PADDING-LEFT: 0px; WIDTH: 0px; PADDING-RIGHT: 0px; BORDER-TOP-WIDTH: 0px; BORDER-BOTTOM-WIDTH: 0px; HEIGHT: 0px; OVERFLOW: visible; BORDER-LEFT-WIDTH: 0px; PADDING-TOP: 0px; textAlign: left" id=ebReportingFlash name=ebReportingFlash codeBase="http://download.macromedia.com/pub/shockwave/cabs/flash/swflash.cab#version=4,0,0,0" classid=clsid:D27CDB6E-AE6D-11cf-96B8-444553540000>
























    </p>&nbsp
    &nbsp
    &nbsp
    &nbsp
    &nbsp
    &nbsp
    &nbsp
    &nbsp
    &nbsp
    &nbsp
    &nbsp
    &nbsp
    &nbsp
    &nbsp
    &nbsp
    &nbsp
    &nbsp
    &nbsp
    &nbsp
    &nbsp
    &nbsp
    &nbsp
    &nbsp
    &nbsp
    &nbsp
    &ampnbsp</p>&ampnbsp
    &ampnbsp
    &ampnbsp
    &ampnbsp
    &ampnbsp
    &ampnbsp
    &ampnbsp
    &ampnbsp
    &ampnbsp
    &ampnbsp
    &ampnbsp
    &ampnbsp
    &ampnbsp
    &ampnbsp
    &ampnbsp
    &ampnbsp
    &ampnbsp
    &ampnbsp
    &ampnbsp
    &ampnbsp
    &ampnbsp
    &ampnbsp
    &ampnbsp
    &ampnbsp
    &ampampnbsp
    &ampampnbsp</p>&ampampnbsp
    &ampampnbsp
    &ampampnbsp
    &ampampnbsp
    &ampampnbsp
    &ampampnbsp
    &ampampnbsp
    &ampampnbsp
    &ampampnbsp
    &ampampnbsp
    &ampampnbsp
    &ampampnbsp
    &ampampnbsp
    &ampampnbsp
    &ampampnbsp
    &ampampnbsp
    &ampampnbsp
    &ampampnbsp
    &ampampnbsp
    &ampampnbsp
    &ampampnbsp
    &ampampnbsp

    </OBJECT><SCRIPT src="http://ds.serving-sys.com/BurstingRes//Site-21336/Type-11/6673275_85903078-1827-4cef-a0bd-1b6a9348adde.js"></SCRIPT><SCRIPT id=ebPosition src="http://ds.serving-sys.com/BurstingCachedScripts/Position_4_5_0.js"></SCRIPT><SCRIPT>function ebBannerFlash_0_8642142709565211_DoFSCommand(command,args){ebScriptWin0_8642142709565211.gEbBanners[0].displayUnit.handleFSCommand(command,args,"ebBannerFlash_0_8642142709565211");}</SCRIPT><SCRIPT for=ebBannerFlash_0_8642142709565211 event=FSCommand(command,args)>ebBannerFlash_0_8642142709565211_DoFSCommand(command,args);</SCRIPT><SCRIPT>function ebIsFlashExtInterfaceExist(){return true;}</SCRIPT>

    <NOSCRIPT></NOSCRIPT>
    [​IMG]

    คนไทยเราโชคดีที่มีในหลวง

    ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน


    ---------- Forwarded message ----------


    <TABLE class=ecxMsoNormalTable border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD style="PADDING-BOTTOM: 0cm; PADDING-LEFT: 0cm; PADDING-RIGHT: 0cm; PADDING-TOP: 0cm" vAlign=top>Fwd: Fw: King of the Kings ( บทความ ดร.วิษณุ เครืองาม)


    บทความ ( part of it)



    ใน ฐานะที่ทำ งานอยู่ใน ทำเนียบรัฐบาล โดยหน้าที่ ต่างๆกันถึง 15 ปี ผมขอยืนยันว่า พระองค์ ทรงมีมาตรฐาน เดียวโดยตลอด จะต่างกันก็ที่ โอกาส เช่น คณะรัฐมนตรีบางคณะเข้ามาในช่วงที่ทรงพระประชวร บางคณะมีราชการ งานเมืองต้อง เข้าเฝ้าฯ ขอ พระราชทานมหากรุณาบ่อยหรือห่างตามเหตุการณ์




    ในการมีพระราชดำริ พระราชดำรัส และการทรงงานใดๆ ไม่มีเลยสัก เรื่องที่จะ แสดงว่าทรงรับ เอาประโยชน์ ส่วนพระองค์แม้ พสกนิกรจะเต็ม ใจถวาย




    สมัย จอมพลถนอมเป็นนายกฯ คราวหนึ่งประจวบโอกาสครองราชย์ครอบ 25 ปี (พ.ศ. 2514) รัฐบาล จะสร้างพระบรม ราชานุสาวรีย์ และถาวรวัตถุ ใหญ่โต “ ที่ สุดในประเทศ ” ถวาย รับสั่งว่า “ สิ้นเปลืองและไม่เป็น ประโยชน์แก่ ประชาชน สร้างถนนกันรถติดดีกว่า ” นี่คือที่มาของ “ ถนนรัชดาภิเษก ”




    สมัยคุณ บรรหารเป็นนายกฯ เคยกราบบังคม ทูลว่า จะสร้างทาวเวอร์หรือหอคอยสูงใหญ่ข้างสะพานพระราม 9 ใช้เป็นหอดูวิว หอโทรคมนาคม และเฉลิมพระเกียรติ รับสั่งว่า “ เทคโนโลยีสมัยนี้ไม่ต้อง สร้างหอโทร คมนาคมและ เปลือง เงินเปล่าๆ




    นายกฯคนหนึ่งเคยกราบบังคม ทูลถามว่า ที่ พระอนุสาวรีย์กรมหลวงชุมพรฯ หน้าทำเนียบ รัฐบาลนั้น ตอนพลบค่ำคนมักมาจุดประทัดแก้บน บางทีก็ยิง ปืนสนั่นหวั่นไหว ดังรบกวนมาถึง สวนจิตรฯ หรือไม่ รับ สั่งว่า “ อยู่ที่หลักการว่าทำอย่าง นั้นผิดกฎหมาย ไหม ถ้าผิดก็ต้องห้าม แต่ถ้าเป็น เสรีภาพก็ต้อง ปล่อยไป รำคาญหนวกหูก็ต้องทน อย่าใช้ มาตรฐานสวน จิตรฯ หรือทำเนียบรัฐบาลมาตัดสิน




    สมัยนายกฯทักษิณ เคยกราบบังคมทูลว่า




    เมื่อประทับรักษาพระองค์ที่วังไกลกังวลอย่างนี้ รัฐบาลจะขอพระ ราชทานพระบรมรา ชานุญาตให้ สำนักพระราชวัง ปรับปรุงวังไกล กังวล ให้สะดวกสบายสมกับที่จะใช้เป็นที่ประทับยาวนาน รวมทั้งจะปรับ ปรุงโรงพยาบาล หัวหินให้ทัน สมัยพร้อมทุก ประการ




    รับ สั่งว่า การปรับปรุงโรงพยาบาล เป็นประโยชน์ แก่ทุกคนถ้ามี งบก็ควรทำ แต่การปรับปรุงวังไกลกังวลเป็นเรื่องพระสำราญ “ แค่นี้ก็พออยู่พอเพียงแล้ว




    รัฐบาลหลายคณะ เคยออกกฎหมายที่มุ่งจะเฉลิมพระเกียรติเช่นมีคำว่า “ พระ บาทสมเด็จพระ ปรมินทรมหาภูมิ พลอดุลย เดชมหาราช ”




    มี พระราชกระแสให้ รัฐบาลนำกลับไป ปรับปรุงเพราะ ไม่อาจทรงสถาปนาพระองค์เอง ได้ เช่นเดียวกับที่ใน พ.ศ. 2512 ไม่ทรงลงพระปรมาภิไธย ในร่างพระราช บัญญัติยศทหาร ซึ่งถวายพระยศ ทางทหารเป็น จอม พล จนร่างพระราชบัญญัตินั้นตกไปเองในที่สุด




    รัชกาล นี้ทรงลงพระปรมาภิไธยตรากฎหมายมาแล้ว ทั้งที่เป็นพระ ราชบัญญัติ พระราชกำหนด พระราชกฤษฎีกานับหมื่นฉบับ ทรงวินิจฉัย ฎีกานักโทษ ฎีการ้องทุกข์ขอพระราชทานความเป็นธรรมอีกหลายพันราย บางรายขอพระราช ทานยืมเงิน บางรายขอความเป็นธรรมเรื่องแต่งตั้งโยกย้าย




    ราย หนึ่งพ่อตาย ลูกชายบวชหน้าไฟให้พ่อ อยู่มาก็ไม่ยอม สึก แม่มีลูกชายคนเดียวทำหนังสือถวายฎีกาว่าเดือดร้อนหนัก ขอพระมหากรุณา ให้ลูกสึกมา ช่วยเลี้ยงแม่ เถิด โปรดให้ตรวจสอบแล้วมีพระราชกระแสว่า แท้จริงแม่ไม่ ได้อยากให้ลูก สึก แต่ปัญหาคือแม่ลำบากยากจน จึงโปรดให้กรม ประชาสงเคราะห์ เข้าไปช่วยดูแล สอนอาชีพให้และ หาเครื่องมือทำ มาหากินไปให้ แม่ ลงท้ายแม่ก็ทำมาหากินได้ ส่วนลูกก็อยู่ ไปจนเป็นสมภาร




    พระ บาทสมเด็จพระ เจ้าอยู่หัวฯ ทรงสงเคราะห์ทั้งส่วนรวมและพระองค์เองเพื่อจะได้มีพระอนามัยดี ทรงงานเพื่อ ส่วนรวมต่อไป จึงทรงดนตรี ทรงพระราชนิพนธ์หนังสือ ทรงเล่น คอมพิวเตอร์ ทรงฉายภาพ ทรงกีฬา ทรงวาดรูป ปั้นรูป ทรงงานไม้งานช่าง จะทรงจับงาน ด้านใดก็ทรงทำ ได้ดี




    ที่คนไม่ใคร่ทราบคือ ทรงสนพระราชหฤทัยเป็นพิเศษในเรื่องภาษาไทย การศึกษา ระบบสิ่งแวดล้อม การสาธารณสุข และพุทธศาสนา ส่วนที่ทรงพระ ปรีชาทางดิน น้ำ ระบบระบายน้ำ และการแก้ปัญหาจราจรนั้นเป็นที่ทราบทั่วไปอยู่แล้ว




    เมื่อครั้งยังเป็น เลขาธิการคณะ รัฐมนตรี ผมเคยได้รับพระมหากรุณาพระราชทานคำแนะนำเรื่อง การ ใช้ถ้อยคำภาษา ไทย หลายหน




    ครั้งหนึ่งได้ถวาย “ ราย ชื่อ ” บุคคล ให้ทรงแต่งตั้ง รับสั่งถามว่า ตั้งกี่คน ผมกราบบังคมทูลว่าคนเดียว ตรัสว่าคน เดียวเรียกว่า “ ชื่อ ” ถ้า “ ราย ชื่อ ” ต้องหลายคน




    อีกคราวหนึ่ง มีหนังสือกราบบังคมทูลว่า “ ทูล เกล้าทูล กระหม่อมมา เพื่อทรง พิจารณา ” ทรง พระสรวลตรัสว่า “ ถ้า ทูลเกล้าทูล กระหม่อมก็อยู่ บน กระหม่อมยังไม่ถึงฉัน ถ้าจะให้ถึงฉัน ต้องทูลเกล้า ทูลกระหม่อม ถวายมาเพื่อทรง พิจารณา ”




    ในทางพระพุทธศาสนา ก็ปรากฎว่า ทรงรอบรู้ ทั้งในทางปฎิ บัติและปริยัติ ทรงรู้จัก พระเป็นอันมาก เมื่อตรัสถึง เหตุการณ์ครั้ง ใดจะทรงย้อนไป ถึงเรื่องราว ครั้งเก่าก่อน เช่น “ ครั้ง สมเด็จพระ สังฆราชยังเป็น พระญาณวราภรณ์ ” “ ครั้นเจ้าคุณประยุทธยัง เป็นพระราชวร มุนี ”




    และเคยตรัสเล่าเรื่องราวความเป็นอัคร ศาสนูปถัมภก ว่า ต้องทรงอุปถัมภ์ และคุ้มครองทุก ศาสนา โดยไม่เลือกปฎิบัติ ทรงเล่าพระราช ทานว่า ครั้งหนึ่งควีนจากประเทศหนึ่งทูลถามว่า พุทธศาสนาไม่มี พระเจ้าแล้วชาว พุทธนับถืออะไร กัน เหตุใดไม่ยกพระพุทธเจ้าเป็น god เสีย เลย




    ได้ทรงตอบว่า พุทธ ศาสนานับถือ ธรรม ” เรานับถือธรรมยิ่งกว่าพระ พุทธเจ้าเสีย อีก เพราะธรรมเป็นเครื่อง คุ้มครองโลก และได้ตรัสเล่า ต่อไปว่า แม้ศาสนาอื่นก็ยังต้องทรงอุปถัมภ์ ฉะนั้นในฝ่าย พุทธศาสนาขอให้ ทุกคนวางใจเถิด ว่า จะเป็น เถรวาท มหายาน รามัญนิกาย มหานิกาย ธรรมยุต ก็ต้อง ทรง คุ้มครองและพระ ราชทานความเป็น ธรรมเสมอกัน




    รัชกาลที่ 5 นั้น อะไรที่ไม่เคยมีและไม่มีคนไทยคนใดนึกว่าชีวิตนี้จะมี แต่ก็ทรงบันดาล หรือวางรากฐาน ให้มีขึ้นเป็น ขึ้นทั่วถ้วน เช่น โรงเรียน โรงพยาบาล รถไฟ ไปรษณีย์ เลิกทาส จนคนรุ่นก่อนหน้านั้นต้องคิดว่าเหลือเชื่อ




    แต่ รัชกาลที่ 9 นั้น อะไรที่ควรจะมี ควรจะคิดออก ควรจะทำเป็นนานแล้ว แต่ผู้มีอำนาจ หน้าที่ไม่ใคร่ คิดไม่ใคร่ทำ ก็ทรงบันดาลหรือวางรากฐานให้มีให้เป็นขึ้น เช่น เขื่อน ฝาย ประตูระบายน้ำ ถนน สะพาน การสงเคราะห์คนเป็นโรคเรื้อน คนประสบภัย ธรรมชาติ การแก้ปัญหาจราจร การเพิ่มผลผลิต การเกษตร การแก้ปัญหาความยากจน ปัญหาพลังงาน




    สมัยผมเป็นเลขาธิการ ครม. ต้องทูลเกล้าฯถวายเอกสารใส่ซองขนาดใหญ่สีขาว เพื่อทรงลงพระ ปรมาภิไธย รับสั่งต่อไป หน้า ซองไม่ต้อง เขียนเลขที่ หนังสือ จะได้หมุนเวียนกลับลงมาใช้หลายหน ไม่ต้องทิ้ง แม้ แต่เรืองเล็กๆ ก็ควรประหยัด เวลาร่างกฎหมายโปรดให้ถวายปะหน้า 2 แผ่น เผื่อว่าทรงลงพระปรมาภิไธยแล้วหมึกซึมเลอะ จะได้ ประหยัด เวลา ไม่ ต้องรอถวายใหม่ เวลาตั้ง รัฐมนตรีใหม่จะ ต้องเข้า เฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฎิ ญาณ จะตรัสว่าให้รีบมาจะได้รีบไปทำงานไม่ต้องห่วงว่าติดเสาร์อาทิตย์ ประเทศไทย พระเจ้าแผ่นดิน ไม่มีวันหยุด ราชการ




    พระมหากรุณาธิคุณปานนี้จะ หาได้จากที่ไหน อีก เจ้าประคุณเอ๋ย!




    ปี 2538 สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีสวรรคต ลองคิดดูว่าพระ บาทสมเด็จพระ เจ้าอยู่หัวฯ จะทรงวิปโยคขนาดไหน เสด็จไปทรงสดับ พระพิธีธรรมที่ พระที่นั่ง ดุสิตฯ ทุกราตรี แต่ทราบกันบ้างหรือไม่ว่าพอพระสวดจบ เสด็จลงมา ประทับที่พระ ที่นั่งราชกรัณ ยสภาใกล้ๆกัน พระราชทานคำแนะนำการแก้ปัญหาจราจรแทบทุกคืน




    ปี 2553 อยู่ระหว่างประชวรประทับในโรงพยาบาล พระราชกรณียกิจ อื่นภายนอกโรง พยาบาลทรงงด เสียเกือบสิ้น แต่การเสด็จไป เปิดประตูระบาย น้ำคลองลัด โพธิ์ ทอดพระเนตรโครงการแก้ปัญหาน้ำท่วมและเปิดสะพานระบายการจราจรเพื่อพสกนิกรของ พระองค์ เป็นเรื่องที่ทรงถือเป็นกิจสำคัญ




    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ หัวฯ ทรงเป็นยอดแห่งผู้อดทน อดกลั้น ในการประกอบพระราชกรณียกิจนั้นย่อมมีทั้งร้อนทั้งหนาวยาวนานและน่าเหนื่อย หนัก ดูเอาจากการพระราชทานปริญญาบัตรเถิด แม้แต่ ที่ต้องทรงอด กลั้นด้วยขันติ บารมีในคำจ้วง จาบหรือระคาย เคืองเบื้องพระ ยุคลบาทอีกไม่ รู้เท่าไร อย่าลืมว่า พระชนมพรรษา 83 แล้ว ทรงงานมา 64 ปีแล้ว




    ดะไลลามะเคยพูดว่า “ ใครอย่ามาชมตัวท่านเลยว่า เป็นยอดคน ไปดูที่พระเจ้าแผ่นดินเมืองไทยเถิด




    ผม เคยไปเฝ้าฯ เจ้าชายจิกมี กษัตริย์หนุ่มแห่งภูฎาน ตรัสว่า “ กษัตริย์ของท่านเป็นแบบ อย่างของ ข้าพเจ้าในการ จะครองราชย์ให้ คนรัก




    สุลต่านบรูไนที่ เป็นผู้แทนกษัตริย์ 25 ประเทศ ถวายพระพรในคราวฉลองการครองราชย์สมบัติครบ 60 ปี เมื่อ พ.ศ. 2549 เคยทูลว่า การครอง ราชย์นานถึง 60 ปีเป็นเพียงตัวเลข สำคัญอยู่ที่ว่า 60 ปีนั้นได้ทำอะไร




    เป็นที่ประจักษ์แล้วว่า ฝ่าพระบาททรงทำทุกอย่างตลอด 60 ปี ให้เป็นประโยชน์ต่อชาวไทย ชาวเอเซีย และชาวโลก วาระนี้จึงทรงเป็นความภาคภูมิใจของบรรดาพระราชามหากษัตริย์ทั้งปวงโดยทั่ว กัน ”



    เมื่อวันเฉลิมพระชนมพรรษาปี 2552 มีพระราชดำรัสตอนหนึ่งว่า




    ความสุขความสวัสดีของ พระองค์จะมีได้ก็ด้วยการที่บ้านเมืองมีความเรียบร้อย



    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พระองค์นี้มี แต่ทรงให้พวก เรามาตลอด แต่พระราชดำรัสนี้มี นัยเป็นทั้ง สิ่งที่ “ ทรงหวัง ” “ ทรงบอกให้รู้ ” และ ” ทรงขอ ” ซึ่งน่าจะทรงประสงค์ยิ่ง กว่าคำถวายพระ พร “ ทรงพระเจริญ ”




    ไหนว่า ธ ประสงค์ใด จงสฤษดิ์ดังหวังวรหฤทัย


    แล้ว เรื่องอย่างนี้ เราคนไทยจะ พร้อมใจกันจัด ถวายได้ไหมครับ


    สาธุ ขออนุโมทนาเป็นอย่างสูงสำหรับ FW mail จากคุณ thanrawain_pon




    </TD></TR></TBODY></TABLE>​






    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
     
  4. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    ขอกระจายข่าวและบอกบุญมายังท่านที่เป็นลูกศิษย์ลูกหาวัดตาลเอน อ.บางประหัน จ.อยุธยา และท่านผู้ใจบุญทั้งหลาย

    ขณะนี้วัดตาลเอน กำลังประสบอุทกภัย ได้รับความเดือดร้อนมาก กุฎิและศาลาวัดถูกน้ำท่วม พระภิกษุสามเณร แม่ชีและอุบาสิกา ต้องมาอาศัยอยู่บนชั้นสองของอาคารวิปัสสนา ท่านที่เคยไปปฏิบัติธรรมที่วัดตาลเอน คงจะพอนึกภาพออกนะครับ
    ปัจจุบันทางวัดขาดแคลนทุกสิ่งทุกอย่าง อีกทั้งการช่วยเหลือก็กระทำได้อย่างลำบาก จึงขอบอกบุญมายังท่านผู้ใจบุญทั้งหลาย หากท่านช่วยจะบริจาคเป็นเงิน จะสามารถถึงมือทางวัดได้เร็วและตรงที่สุด

    จึงขอเรียนมาเพื่อเป็นข้อมูลในชั้นต้น
     
  5. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    วัดตาลเอน

    
    สำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดอยุธยา แห่งที่ 15
    ต.ตาลเอน อ.บางปะหัน อยุธยา 13220
    นิกาย: มหานิกาย
    หมวดหมู่:


    แนะนำสำนักฯ และเจ้าสำนักฯ

    เจ้าสำนัก พระสมุห์จิรยุทธ์ อธิฉนฺโท

    วัดตาลเอน เป็นวัดเก่าแก่ สันนิษฐานว่าสร้างมาแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี โดยดูจากองค์พระประธานในอุโบสถ นักประวัติศาสตร์สันนิษฐานว่าเป็นศิลปะอยุธยา
    ที่พระพักตร์อันงดงามน่าจะมีอายุไม่ต่ำกว่า 500 ปี ชาวบ้านเรียกท่านว่า "หลวงพ่อปลั่ง"


    การอบรม

    ตารางปฎิบัติธรรมสำหรับฆราวาส ผู้ปฏิบัติธรรม
    03.30 น. ตื่นนอนทำกิจส่วนตัวด้วยสติ
    04.00 น. สวดมนต์ทำวัตรเช้า - ปฏิบัติธรรม
    06.45 น. รับประทานอาหารเช้าด้วยสติ
    08.00 น. พักผ่อนด้วยสติ
    08.30 น. ปฏิบัติธรรม
    11.00 น. รับประทานอาหาร
    12.30 น. ปฏิบัติธรรม
    15.30 น. ชำระหนี้สงฆ์ ทำความสะอาดและปัดกวาดลานวัดด้วยสติ
    17.30 น. พักดื่มน้ำปานะ
    18.00 น. สวดมนต์ทำวัตรเย็น
    19.00 น. สอบอารมณ์ - ปฏิบัติธรรม
    21.00 น. พักผ่อนในที่พักด้วยสติ


    ที่อยู่-การติดต่อ

    เลขที่-ซอย-ถนน: ม.1 ตำบล: ตาลเอน อำเภอ: บางปะหัน จังหวัด: อยุธยา รหัสไปรษณีย์: 13220
    โทร.: 03-577-8552, 085-139-3575 โทรสาร 03-577-8552
    เว็บไซต์:
     
  6. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    แผนที่วัดตาลเอน

    ปัจจุบันเส้นทางเข้าสู่วัดตาลเอนมีน้ำท่วมสูง ถนนถูกตัดขาด การเดินทางต้องใช้เรือหางยาวเป็นพาหนะอย่างเดียวเท่านั้น การช่วยเหลือก็กระทำได้ด้วยความยากลำบาก
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 ตุลาคม 2011
  7. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    เพื่อให้การช่วยเหลือแก่พระภิกษุสงฆ์ สามเณร แม่ชีและอุบาสกอุบาสิกา ที่วัดตาลเอนสามารถกระทำได้อย่างทันท่วงที กระทู้นี้จึงมีความจำเป็นต้องเข้าอาสาเป็นสื่อกลางในการรับความช่วยเหลือ จึงขอแจ้งบัญชีและรายละเอียดที่เกี่ยวข้องมาเพื่อทราบ

    ธนาคารกรุงไทย สาขาสี่แยกสะพานกรุงธน
    ชื่อบัญชี พลโทคมน์ จันทร์เด่นแสง
    หมายเลขบัญชี 037-0-12693-9
    โทร. 08-3313-5454

    หมายเหตุ บัญชีนี้ไม่มีการเคลื่อนไหวตั้งแต่ 01/04/54 และจะขอเริ่มนับยอดบริจาคตั้งแต่ 10/10/54 เป็นต้นไป

    อนึ่งเพื่อความสะดวกในการจัดส่งใบอนุโมทนาบัตร ขอให้ท่านผู้บริจาคปัจจัยช่วยเหลือวัดตาลเอน ได้กรุณาส่งสลิปโอนเงินพร้อมรายละเอียดชื่อและที่อยู่ที่ชัดเจนไปยังวัดตาลเอน ในภายหลังเมื่อสถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Picture.jpg
      Picture.jpg
      ขนาดไฟล์:
      1 MB
      เปิดดู:
      98
  8. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    ภาพศาลาปฏิบัติธรรมที่พระภิกษุ สามเณร อุบาสกอุบาสิกา จำนวนประมาณ
    เกือบร้อยหรือใกล้ร้อย ใช้อาศัยเป็นที่พักอาศัยในยามนี้ เป็นสถานที่ที่เหลืออยู่เพียงแห่งเดียวเท่านั้น
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. น้องจุ๊บ

    น้องจุ๊บ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    603
    ค่าพลัง:
    +1,303
    รับทราบค่ะ ท่านพี่ หมายเลขบัญชีที่จะโอน 037-0-12693-9 ตามนี้นะค่ะ ถ้าโอนไปแล้วจะแจ้งบอก ไม่ประสงค์ลงนามค่ะ
     
  10. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    ศรีอยุธยา (9)

    วันอังคาร ที่ 11 ตุลาคม 2554 เวลา 0:00 น



    สมเด็จพระนารายณ์เป็นพระราชโอรสของสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง ประสูติภายหลังจากที่พ่อท่านครองราชย์แล้ว ตามโบราณประเพณีเรียกว่า “ประสูติภายใต้เศวตฉัตร” ไม่ได้แปลว่าไปกางร่มคลอดอยู่ตรงนั้น

    ที่จริงท่านควรได้เป็นกษัตริย์ต่อจากพระเจ้าปราสาททอง แต่พ่อท่านไปทรงทำท่าเหมือนจะยกราชสมบัติให้เจ้าฟ้าไชย ที่ “ประสูตินอกเศวตฉัตร” จึงเลยตามเลยจนต่อมาสมเด็จพระนารายณ์เข้ายึดอำนาจจากสมเด็จเจ้าฟ้าไชย พี่ชายคนละแม่ แล้วยกอาคือพระศรีสุธรรมราชาขึ้นเป็นกษัตริย์สมเด็จพระศรีสุธรรมราชาไม่ตั้งอยู่ในศีลในธรรม ไปปล้ำน้องสาวสมเด็จพระนารายณ์เข้าทั้งที่เป็นหลานอา สมเด็จพระนารายณ์จึงเข้ายึดอำนาจจับสมเด็จพระศรีสุธรรมราชาสำเร็จโทษที่วัดโคกพระยา แล้วขึ้นเป็นกษัตริย์รัชกาลที่ 28 แต่นับเป็นลำดับที่ 4 และลำดับสุดท้ายแห่งราชวงศ์ปราสาททอง

    กรุงศรีอยุธยาตั้งแต่ปลายสมัยสมเด็จพระเอกาทศรถมาจนถึงต้นสมัยสมเด็จพระนารายณ์ร่วม 30 ปี ไม่มีศึกสงครามกับพม่า แต่ภายในพระนครร้อนรุ่มไม่เป็นสุขมีแต่การทะเลาะเบาะแว้งแย่งอำนาจกัน พี่ฆ่าน้อง (พระเจ้าทรงธรรมจัดการกับพระศรีเสาวภาคย์) ขุนนางยึดอำนาจ (เจ้าพระยากลาโหมจัดการกับสมเด็จพระเชษฐาธิราช) น้องฆ่าพี่ (สมเด็จพระนารายณ์จัดการกับสมเด็จเจ้าฟ้าไชย) และหลานฆ่าอา (สมเด็จพระนารายณ์จัดการกับสมเด็จพระศรีสุธรรมราชา)

    วัดโคกพระยานอกเกาะอยุธยาซึ่งเป็นที่สำเร็จโทษพระเจ้าแผ่นดินและเจ้านายมาตั้งแต่ครั้งประหารพระเจ้าทองลันเป็นอันไม่ค่อยจะว่างพระศพเลย!

    เวลาจะยึดอำนาจกัน เหตุผลที่ใช้มาทุกยุคทุกสมัยเพื่อให้ราษฎรฟังแล้วพยักหน้าว่า เออ! ก็สมควรอยู่คือ “ด้วยพระเจ้าแผ่นดินพระองค์ก่อนไม่ทรงดำรงอยู่ในทศพิธราชธรรม จรรยา สัมมาปฏิบัติ”

    ฟังแล้วคล้าย ๆ ที่เวลาจะปฏิวัติในยุคหลัง ๆ ต้องประกาศว่า “ด้วยปรากฏหลักฐานเป็นที่แน่ชัดว่ารัฐบาลกระทำการทุจริต...”

    ทศพิธราชธรรมจึงไม่ใช่เรื่องที่จะพูดถึงกันเล่น ๆ แต่เป็นสิ่งที่พระมหากษัตริย์ต้องปฏิญาณ ต้องมี และต้องรักษาไว้ให้ได้ มิฉะนั้นจะเกิดความไม่พอใจในหมู่ราษฎรและขุนนาง แม้ราชบัลลังก์มั่นคงเพียงใดก็สะท้านสะเทือนได้ ธรรมะนี้เป็นของผู้ปกครอง สมัยก่อนโน้นพระราชาเป็นผู้ปกครอง ก็เป็นธรรมะของพระราชา ต่อมารัฐบาลเป็นผู้ปกครอง ข้าราชการเป็นผู้ใช้อำนาจ จึงกลายเป็นธรรมะของนักการเมืองและข้าราชการจนบัดนี้

    รัชกาลสมเด็จพระนารายณ์ 32 ปีสงบเรียบร้อยดีด้วยความสามารถในทางการทหาร การปกครอง การทูต และการค้า ปัจจัยสำคัญแห่งความสำเร็จ คือ 1. การมีเวลาปกครองยาวนาน 2. การมีคนเก่งให้ใช้งานทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ 3. การมีสติปัญญาล้ำเลิศและดำเนินนโยบายอย่างชาญฉลาด จนเล่นเอาพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศสงง!

    ความเจริญในสมัยนี้มี 5 ด้าน คือ ด้านการปกครอง ได้ขยายอาณาเขตทางเหนือไปจนถึงเชียงใหม่ ทางใต้ไปจนถึงนครศรีธรรมราช สงขลา เมืองไทรบุรี และหัวเมืองมลายู ด้านเศรษฐกิจมีเรือสำเภาจากยุโรปและอาหรับเข้ามาค้าขายมากมาย ทำให้เศรษฐกิจดีมีการปรับปรุงระบบเก็บภาษี รัฐบาลร่ำรวย

    ด้านการต่างประเทศฝรั่งเศสส่งราชทูตเข้ามาถวายพระราชสาส์นและเปิดสถานทูตเป็นครั้งแรก อยุธยาส่งราชทูตไปเฝ้าพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศสและเปิดสถานทูตบ้าง ทั้งยังติดต่อกับอังกฤษ สเปน ฮอลันดา และกรุงโรม ทูตฝรั่งเศสที่เข้ามาคนแรก คือ เชอวาลิเยร์ เดอ โชมองต์ ต่อมาคือลาลูแบร์ ได้เขียนบันทึกเกี่ยวกับอยุธยาไว้ ทูตอยุธยาที่ไปฝรั่งเศสและมีชื่อเสียงมากคือพระวิสุทธสุนทร ต่อมาเป็นเจ้าพระยาโกษา (ปาน)

    ด้านศาสนา เสรีภาพ และวิทยาการ พวกบาทหลวงฝรั่งเศสได้เข้ามาเผยแพร่คริสต์ศาสนาอย่างเป็นทางการจนขุนนางอยุธยากลัวว่าสมเด็จพระนารายณ์จะเข้ารีต พระราชทานที่ดินสร้างวัดและเสรีภาพในการนับถือศาสนา เจ้านาย และขุนนางหลายคนเข้ารีตไปแล้ว คณะบาทหลวงยังนำช่างเข้ามาตั้งหอดูดาว สร้างป้อมทหาร สร้างโบสถ์ สร้างวัง ออกแบบถนนหนทาง น้ำพุ

    ขุนนางสำคัญเวลานั้นถ้าไม่เป็นเปอร์เซียก็เป็นอังกฤษ ฝรั่งเศส แขกมัวร์ ที่ยิ่งใหญ่ระดับนายกรัฐมนตรีคือเจ้าพระยาวิไชเยนทร์ (คอนสแตนติน ฟอลคอน) ชาติกรีกด้านวรรณคดีสมัยนี้เป็นยุคทอง กวีเก่ง ๆ เกิดขึ้นมากมาย ศรีปราชญ์ก็ว่าเป็นคนสมัยนี้ แต่บางคนยังเถียงว่าอาจไม่มีตัวจริงหรือไม่ก็เป็นคนรุ่นหลัง

    ตั้งแต่สถาปนาอยุธยามา อยุธยายังไม่เคยดี เด่น ดังทีเดียวพร้อมกันทุกด้านขนาดนี้ ว่าไปแล้วในบรรดากษัตริย์อยุธยาทั้งหมดฝรั่งเห็นจะรู้จักแต่สมเด็จพระนารายณ์พระองค์เดียว แต่ถ้าถามพม่าถามมอญก็ต้องเป็นสมเด็จพระนเรศวร

    สมเด็จพระนารายณ์มีจุดอ่อนคือ 1. ไม่มีลูกชายไว้สืบราชสมบัติ มีแต่เอาเด็กมาเลี้ยง 2. มีพระทัยกว้าง ทำให้ขุนนางระแวงว่าแม้มีทศพิธราชธรรมแต่เป็นการชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้าน เพราะภายหลังฝรั่งเศสส่งทหารเข้ามาข่มขู่เอาจริง ๆ เจ้าพระยาวิไชเยนทร์ก็ตั้งท่าว่าเผลอ ๆ อาจเป็นกษัตริย์ต่อไปด้วยซ้ำ 3. พระสุขภาพไม่ดี ปีหนึ่งต้องเสด็จไปประทับที่ลพบุรีหลายเดือน ปล่อยให้ทางอยุธยาอยู่ในมือเจ้าพระยาวิไชเยนทร์

    ในที่สุดพระเพทราชาเจ้ากรมช้าง (เทียบสมัยนี้คงระดับ ป.ต.อ.) ก็เข้ายึดอำนาจจับเจ้าพระยาวิไชเยนทร์ประหาร เปิดฉากรบกับกองทัพฝรั่งเศสจนลงเรือหนีไป สมเด็จพระนารายณ์ซึ่งประชวรอยู่แล้วสวรรคต พระเพทราชาจึงได้ครองราชย์เป็นสมเด็จพระเพทราชา กษัตริย์พระองค์ที่ 29

    สมเด็จพระเพทราชาเป็นสามัญชนชาวบ้านพลูหลวง สุพรรณบุรี จึงไม่อยู่ในราชวงศ์ปราสาททอง นักประวัติศาสตร์เรียกว่าราชวงศ์บ้านพลูหลวง เป็นราชวงศ์สุดท้ายของอยุธยา เพราะกษัตริย์รวม 6 พระองค์ครองราชย์มาจนถึงวันที่กรุงแตกครั้งที่ 2

    เมื่อสมเด็จพระเพทราชาสวรรคต พระราชโอรสซึ่งเดิมคือหลวงสรศักดิ์ (เดื่อ) ได้ขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์พระองค์ที่ 30 ทรงพระนามว่าสมเด็จพระสรรเพชญที่ 8 แต่ด้วยความที่เป็นคนดุ ฆ่าคนได้ง่าย ๆ วันดีคืนดีปลอมตัวออกไปชกมวยพนันกับชาวบ้าน คนจึงเรียกว่า “สมเด็จพระเจ้าเสือ” รัชกาลนี้แหละที่เกิดเรื่องพันท้ายนรสิงห์พายเรือไปตามคลองโคกขาม หักเรือพระที่นั่งไม่ทันโค้ง หัวเรือชนตลิ่งจนหัก พันท้ายนรสิงห์ขอให้ประหารชีวิตตน สมเด็จพระเจ้าเสือให้อภัยแต่พันท้ายนรสิงห์ก็ไม่ยอม ต้องการให้รักษากฎหมาย ลงท้ายก็ต้องประหาร ถึงตอนนี้ต้องร้องเพลงน้ำตาแสงใต้ประกอบ “นวลเจ้าพี่เอย คำน้องเอ่ย...”

    สมเด็จพระเจ้าเสือนั้นมีคนเชื่อกันว่าเป็นพระราชโอรสสมเด็จพระนารายณ์แต่ประสูติจากสาวชาวบ้านธรรมดา จึงให้พระเพทราชาเลี้ยงเป็นลูก ว่ากันว่าหน้าตาละม้ายสมเด็จพระนารายณ์และเป็นคนโปรดด้วย ในการปฏิวัติปลายสมัยสมเด็จพระนารายณ์ท่านเป็นคนวางแผนและก่อการแทบทั้งหมด

    พูดถึงสมเด็จพระนารายณ์ พงศาวดารเขียนไว้ว่าเป็นคนมีบุญมาแต่เกิด เมื่อประสูติก็มีคนเห็นเป็น 4 มือ วันหนึ่งไฟไหม้ พระราชกุมารถลันตามคนขึ้นไปช่วยดับไฟ คนทั่วไปเห็นเป็นเงาคนสี่มืออยู่กลางหมอกควัน ไม่ช้าไฟก็ดับลง พระราชชนกจึงพระราชทานนามว่าพระนารายณ์ราชกุมาร ทรงเป็นมหาราชพระองค์หนึ่งของไทย

    อ้อ! เจ้าพระยาโกษา (ปาน) คนที่เคยเป็นทูตไปฝรั่งเศสนั้น ภายหลังได้ตำแหน่งใหญ่แทนเจ้าพระยาวิไชเยนทร์ที่ถูกฆ่า แต่ตัวท่านเองถึงสมัยสมเด็จพระเพทราชาก็ถูกประหาร ท่านเป็นคนรุ่นหลานเหลนสืบเชื้อสายมอญมาจากพระยาเกียรติ พระยาราม มอญที่ถูกใช้ให้ลอบฆ่าสมเด็จพระนเรศวรที่เมืองแครงแล้วกลับสารภาพเข้าด้วยกับสมเด็จพระนเรศวร จำได้ไหม

    รัชกาลที่ 4 ทรงอธิบายแก่เซอร์จอห์น เบาว์ริ่ง ราชทูตอังกฤษว่า เจ้าพระยาโกษา (ปาน) เป็นบรรพบุรุษชั้นทวดของพระอักษรสุนทร (ทองดี) พระอักษรสุนทรเป็นพระบรมราชชนกของรัชกาลที่ 1

    ดังนั้นพระบรมราชจักรีวงศ์นอกจากเป็นไทยแล้ว ยังมีเชื้อสายมอญทางเจ้าพระยาโกษาธิบดี (ปาน) และย้อนไปถึงพระยาเกียรติ พระยารามอีกด้วย ทั้งยังมีเชื้อสายทางจีนและมุสลิมเช่นกัน แม้แต่ราษฎรทั้งหลายในประเทศนี้ก็ระคนปนเปกัน กลืนกัน ไม่เคยแบ่งแยกเป็นเขาเป็นเรา

    ชาติทั้งหลายโดยเฉพาะในอุษาคเนย์นี้ล้วนแต่สังคมเครือญาติกันทั้งนั้น แล้วจะทะเลาะกันทำไม!.

    “ทศพิธราชธรรมจึงไม่ใช่เรื่องที่จะพูดถึงกันเล่น ๆ แต่เป็นสิ่งที่พระมหากษัตริย์ต้องปฏิญาณ ต้องมี และต้องรักษาไว้ให้ได้ มิฉะนั้นจะเกิดความไม่พอใจในหมู่ราษฎรและขุนนาง แม้ราชบัลลังก์มั่นคงเพียงใดก็สะท้านสะเทือนได้ ธรรมะนี้เป็นของผู้ปกครอง สมัยก่อนโน้นพระราชาเป็นผู้ปกครอง ก็เป็นธรรมะของพระราชา ต่อมารัฐบาลเป็นผู้ปกครอง ข้าราชการเป็นผู้ใช้อำนาจ จึงกลายเป็นธรรมะของนักการเมืองและข้าราชการจนบัดนี้”

    วิษณุ เครืองาม
    wis.k@hotmail.com

    ขอขอบคุณ http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=486&contentID=168708
     
  11. น้องจุ๊บ

    น้องจุ๊บ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    603
    ค่าพลัง:
    +1,303
    จุ๊บโอนเงินไปช่วยเหลือในครั้งนี้แล้วนะคะ ธนาคารกรุงไทย หมายเลขบัญชี037-0-12693-9 เมื่อวันที่13/10/54 เวลาห้าโมงเย็นกว่าฯ จำนวนเงิน509.-ขอผลบุญนี้เป็นผลบุญที่ยิ่งใหญ่โอบอุ้มผู้ประสบภัยในครั้งนี้ ให้พ้นจากทุกข์ที่เป็นอยู่นี้ในขณะนี้ โดยเร็วด้วยเทริด
     
  12. Florence125

    Florence125 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    55
    ค่าพลัง:
    +6
    อนุโมทนาบุญกับคุณน้องจุ๊บค่ะ ขอให้เป็นผู้มีกำลังกายกำลังใจปราศจากภัยใดๆ ทั้งปวง สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ตุลาคม 2011
  13. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    วัดตาลเอน
    ปัจจุบันตั้งอยู่ในท้องที่ตำบลตาลเอน อำเภอบางปะหัน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นวัดราษฎร์ มีเนื้อที่ดินบริเวณวัด ๕๑ ไร่เศษ ทิศเหนือด้านหน้าวัดมีลำคลองบางพระครูเป็นเขต ทิศใต้หลังวัดมีถนนลาดยางตามคันคลองส่งน้ำชลประทานเป็นเขต ผ่านไปติดต่อถนนชลประทานสายใหญ่ที่ตำบลทางกลาง ทิศตะวันออกติดกับที่บ้านเอกชน ทิศตะวันตกติดกับที่บ้านอยู่อาศัยของเอกชนเช่นกัน
    วัดตาลเอน ตั้งอยู่ที่หมู่ ๑ ต. ตาลเอน อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา อยู่ริมฝั่งขวาของคลองบางพระครู เป็นศูนย์กลางในการประกอบศาสนกิจ และบำเพ็ญกุศล ตลอดจนเป็นศูนย์กลางในการทำกิจกรรมร่วมกันของชาวบ้านหมู่ที่ ๑ , ๒ และ ๓ ต.ตาลเอน ปัจจุบันมี พระครูสมุห์ จิรยุทธ์ อธิฉนฺโท เป็นเจ้าอาวาส มีประเพณีทำบุญประจำปีในวันเพ็ญกลางเดือนสี่ ที่สืบทอดมาแต่โบราณ และในปัจจุบันเป็นสำนักปฏิบัติธรรมตามแนวสติปัฏฐานสี่


    วัดตาลเอน เป็นวัดเก่าแก่สันนิษฐานว่าสร้างมาแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีโดยดูจากองค์พระประธานในอุโบสถ นักประวัติศาสตร์สันนิษฐานว่าเป็นศิลปะอยุธยาที่พระพักตร์อันงดงามน่าจะมีอายุไม่ต่ำกว่า ๕๐๐ ปี ชาวบ้านเรียกท่านว่า “หลวงพ่อปลั่ง”เนื่องจากพระพักตร์ท่านเปล่งปลั่ง และบางคนก็เรียกว่า “หลวงพ่อแช่ม” ด้วยเหตุที่ว่าพระพักตร์ท่านดูแช่มชื่นอยู่ตลอดนั่นเอง หลวงพ่อปลั่ง เป็นพระประธานในพระอุโบสถที่ศักดิ์สิทธิ์ ชาวบ้านเมื่อมีความเดือดร้อนมักมาพึ่งพาขอบารมีท่านช่วยปัดเป่า โดยมากมักจะสำเร็จสมดังปรารถนาทุกประการ วัดตาลเอนแห่งนี้ยังมีปริศนาประจำวัดมาแต่โบราณว่า

    “วัดตาลเอนเจ้าเณรสร้าง
    มีทองสองอ่าง อยู่หว่างคนโทษ(นักโทษ)
    กาอยู่นอก กระรอกอยู่ใน
    ใครคิดได้ให้ไปเอาที่กา”

    เป็นปริศนาลาย แทงสมบัติที่คนโบราณฝังไว้ในพระพุทธศาสนาหรือเป็นปริศนาธรรมขอเชิญทุกท่านพิจารณาดูด้วยปัญญาของตนเถิด
     
  14. โมเย

    โมเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    876
    ค่าพลัง:
    +3,210
    อนุโมทนา กับพี่จงรักภักดี คุณพี่ Florence125 และ น้องจุ๊บ ค่ะ

    ป็นกำลังใจให้แก่ คุณพี่จงรักภักดี คุณพี่ Florence125 และคณะศรัทธาวัดตาลเอนทุกท่าน ฝ่าวิกฤติน้ำท่วมนี้ไปให้ได้ค่ะ
     
  15. น้องจุ๊บ

    น้องจุ๊บ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    603
    ค่าพลัง:
    +1,303
    ขอบคุณ คุณ FLORENCE125และคุณโมเยค่ะ
     
  16. น้องจุ๊บ

    น้องจุ๊บ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    603
    ค่าพลัง:
    +1,303
    ภาวนา ขอให้ทางวัดตาลเอนผ่านวิกฤติน้ำท่วมนี้โดยเร็วนะคะ สงสารมาก เป็นกำลังใจให้ค่ะ ปีหน้าสถานการณ์หน้าลด มีโอกาสจะได้ไปไหว้พระสักการะที่วัดตาลเอนค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ตุลาคม 2011
  17. Florence125

    Florence125 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    55
    ค่าพลัง:
    +6
    บุญสัมพันธ์..... อนุโมทนาค่ะ
     
  18. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    ศรีอยุธยา(10)

    วันอังคาร ที่ 18 ตุลาคม 2554 เวลา 0:00 น


    การสิ้นรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มิได้มีความหมายเพียงว่าสิ้นราชวงศ์ปราสาททองเท่านั้น แต่หมายถึง การสิ้นสุดความเจริญทางการปกครอง การค้า การต่างประเทศ และความรุ่งเรืองทางวรรณคดีอีกด้วย

    ในสมัยสมเด็จพระเพทราชา มีการฟื้นกฎหมายห้ามคนไทยแต่งงานกับคนต่างชาติต่างศาสนา (ยกเว้นจีน) ขุนนางมีฝีมือหลายคนถูกกำจัด พงศาวดารกล่าวว่าก่อนสวรรคตสมเด็จพระนารายณ์ทรงแช่งขุนนางสองพ่อลูกคือพระเพทราชาและหลวงสรศักดิ์ไว้เป็นอันมาก โชคดีที่ระหว่างนั้นพม่ามีเรื่องไม่สงบภายในจึงมิได้ถือโอกาสยกทัพมาตีอยุธยาอย่างที่เคยทำ

    สิ้นสมัยสมเด็จพระเพทราชาก็เป็นสมัยสมเด็จพระสรรเพชญที่ 8 หรือสมเด็จพระเจ้าเสือ ที่จริงก็เกือบไม่ได้ขึ้นครองราชย์เพราะสมเด็จพระเพทราชามีพระราชโอรสอีกพระองค์ที่ประสูติ “ในเศวตฉัตร” คือเจ้าพระขวัญ แต่สมเด็จพระเจ้าเสือก็จับฆ่าแล้วเอาศพไปฝังที่วัดโคกพระยา สมเด็จพระเพทราชากริ้วมากจึงมอบราชสมบัติให้เจ้าพระพิไชยสุรินทร์ผู้เป็นหลาน

    ครั้นสมเด็จพระเพทราชาสวรรคตแล้ว เจ้าพระพิไชยสุรินทร์กลัวภัยจึงยกราชสมบัติถวายสมเด็จพระเจ้าเสือ นี่อาจเป็นเวรกรรมตามคำสาปแช่งของสมเด็จพระนารายณ์ก็ได้

    สมเด็จพระเจ้าเสือมีพระราชโอรสสำคัญ 2 พระองค์คือเจ้าฟ้าเพชร และเจ้าฟ้าพร เมื่อสมเด็จพระเจ้าเสือสวรรคต เจ้าฟ้าเพชรซึ่งครองตำแหน่งกรมพระราชวังบวรฯพระอุปราชได้เป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ที่ 31 ลำดับที่ 3 ของราชวงศ์บ้านพลูหลวง ทรงพระนามว่าสมเด็จพระสรรเพชญที่ 9 แต่ชาวบ้านทั่วไปเรียกว่าพระเจ้าท้ายสระ เพราะโปรดประทับที่พระที่นั่งบรรยงก์รัตนาสน์ข้างสระน้ำ และด้วยความที่พอพระทัยเสวยปลาตะเพียน จนออกกฎหมายห้ามราษฎรจับกิน ถ้าฝ่าฝืนให้ปรับ 5 ตำลึง ผู้คนจึงเรียกอีกชื่อว่าขุนหลวงปลาตะเพียน

    ผู้ใหญ่เคยเล่าให้ฟังว่าเมนูปลาตะเพียนของพระเจ้าท้ายสระได้แก่ปลาตะเพียนทอดกรอบ ปลาตะเพียนต้มเค็มไร้ก้าง วิธีทำคือวางอ้อยทุบรองก้นหม้อ ล้างปลาตะเพียนให้สะอาดแล้ววางเรียง ใส่น้ำตาลโตนด เกลือ หัวหอม จะใส่น้ำส้มมะขามเปียกด้วยก็ได้ แล้วปิดฝาเคี่ยวไว้ 2-3 วันจนก้างยุ่ยนุ่มนิ่มทั้งตัว

    กฎหมายนี้มาเลิกสมัยกรุงเทพฯ แต่คนรุ่นเก่าที่เคยกลัวก็ยังชินอยู่ไม่กล้าบริโภคสืบมาอีกหลายปี

    พระเจ้าท้ายสระตั้งน้องชายคือเจ้าฟ้าพรเป็นกรมพระราชวังบวรฯวังหน้า แปลว่าในระหว่างนั้นจะทำหน้าที่ช่วยราชการสำคัญ ๆ และต่อไปจะขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ ตำแหน่งนี้มีตั้งแต่ครั้งสมเด็จพระศรีสุธรรมราชาเป็นกษัตริย์ ก็ได้ตั้งสมเด็จพระนารายณ์มาแล้ว ภาษาทั่วไปเรียกว่า “พระบัณฑูรใหญ่” ถือว่าสูงศักดิ์เป็นที่ 2 รองจากพระเจ้าแผ่นดิน

    อยุธยาและปริมณฑลสมัยนั้นก็เหมือนสมัยนี้คือพอถึงหน้าฝนน้ำก็หลากจากเหนือลงมาท่วมไปทั่ว ถ้าน้ำกำลังพอดีชาวไร่ชาวนาก็ทำนาได้ดี ถ้าน้ำนองอยู่นานนาก็ล่ม พอย่างเข้าฤดูทำนาต้องทำพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ปีไหนน้ำน้อยต้องทำพิธีขอฝน ปีไหนน้ำมากได้เวลาจะเก็บเกี่ยวต้องมีพระราชพิธีไล่น้ำ บรรพบุรุษของเราอยู่มาได้ด้วยข้าว ปลาที่มากับน้ำ และความมากน้อยของน้ำเป็นร้อย ๆ ปีแล้ว เราจึงมีพิธีทำขวัญข้าว ไหว้แม่โพสพ ขอขมาแม่คงคา เห่เรือ ทอดกฐินทางน้ำ

    จะว่าไปแล้วน้ำก็ช่วยรักษาบ้านเมืองไว้หลายครั้ง เวลาพม่าข้าศึกยกมาล้อมอยุธยาต้องหลีกฤดูน้ำหลากให้ดี เพราะช้างม้ากลัวน้ำ ถึงทหารพม่าเองก็เถอะ นุ่งแต่โสร่งอย่างนั้น น้ำมาปลาตอดลอดโสร่ง ปลิงเกาะ คงยุ่งเหมือนกัน

    พระพุทธไสยาสน์วัดป่าโมกนั้นสร้างไว้หลายปีแล้ว ต่อมาน้ำท่วมกัดเซาะตลิ่งพังจวนถึงวิหาร เดิมทีพระเจ้าท้ายสระจะให้รื้อไปก่อใหม่แต่พระสงฆ์ทัดทานไว้จึงโปรดฯ ให้พระยาราชสงคราม ซึ่งเป็นตำแหน่งทางทหารตั้งจากผู้มีฝีมือทางช่างหรือการโยธาในการสร้างค่ายคูประตูหอรบ เรียกว่าเอ็นจิเนียร์ประจำชาติไปจัดการชะลอเลื่อนเคลื่อนย้ายโดยขุดดินใต้องค์พระแล้วสอดไม้ซุงเข้ารองรับพระ ค่อย ๆ ฉุดลากจนย้ายพระนอนได้ ใช้เวลา 5 เดือน พระยาราชสงครามผู้นี้คือคนที่ไปขุดคลองโคกขามอันคดเคี้ยวจนตรงเชื่อมกันได้ พระราชทานชื่อว่าคลองมหาไชย

    ทหารคนไหนมีฝีมือทางช่างจะได้เป็นพระหรือพระยาราชสงครามตลอดมา สมัยรัชกาลที่ 5 พระราชสงคราม (กร หงสกุล) เป็นคนไปย้ายพระที่นั่งจากเกาะสีชังมาสร้างใหม่จนเป็นพระที่นั่งวิมานเมฆ เวลาทหารออกรบจึงมักเรียกว่า “ยุทธโยธา” คือรบไปสร้างไปรื้อไป ไม่ใช่เอาแต่รบลูกเดียว

    ก่อนสวรรคต พระเจ้าท้ายสระกลับไปยกราชสมบัติให้เจ้าฟ้าอภัย พระราชโอรส ทีนี้พระมหาอุปราชเจ้าฟ้าพรซึ่งนั่งรอมานานแล้วก็ไม่ยอมสิครับ น้อยพระทัยว่าเสียแรงร่วมตายกันมา จำจะต้องรบกันให้ตายไปข้างหนึ่ง

    พ.ศ.2274-2275 เกิดสงครามใหญ่ที่สุดเท่าที่เกิดภายในประเทศเรียกว่าสงครามกลางเมือง (civil war) คือคนไทยรบกันเองคล้าย ๆ ที่ต่อมาอเมริกาทำสงครามเลิกทาส ฝ่ายหนึ่งนำโดยเจ้าฟ้าอภัยและน้องคือเจ้าฟ้าปรเมศวร์ อีกฝ่ายนำโดยเจ้าฟ้าพรผู้เป็นอา แต่ละฝ่ายมีรี้พลพอกัน ส่วนใหญ่เจ้าฟ้าอภัยจะชนะ แต่สุดท้าย
    พระมหาอุปราชก็จับตัวเจ้าฟ้าอภัย เจ้าฟ้าปรเมศวร์ได้ โปรดฯ ให้นำไปประหารพร้อมกับพวกที่เข้าด้วยช่วยเหลือนับไม่ถ้วน

    การที่เจ้าฟ้าพรทำศึกกลางเมืองกับหลานชายคือเจ้าฟ้าอภัยนั้นจะว่าขัดพระบรมราชโองการเป็นขบถก็ว่าได้ แต่ประวัติศาสตร์ต้องอ่านกันหลายฉบับและพิจารณาหลายแง่ เจ้าฟ้าเพชร (พระเจ้าท้ายสระ) มิได้เป็นลูกรักของสมเด็จพระเจ้าเสือ พระราชชนกเคยกริ้วจนคว้าอาวุธจะทำร้ายแต่เจ้าฟ้าพรทรงออกรับแทน ตอนจะตั้งอุปราชเดิมก็จะทรงข้ามเจ้าฟ้าเพชรไปตั้งเจ้าฟ้าพรเพราะฉลาดหลักแหลมกว่า แต่เจ้าฟ้าพรทูลขอให้ตั้งพี่ชายก่อน

    เมื่อพระเจ้าท้ายสระเป็นกษัตริย์ก็ทรงตั้งเจ้าฟ้าพรเป็นพระมหาอุปราช เท่ากับมีสัญญาลูกผู้ชายต่อกัน อยู่มาก็จะไปมอบราชสมบัติแก่เจ้าฟ้านเรนทร พระราชโอรสองค์ใหญ่ แต่เจ้าฟ้านเรนทรเห็นว่าควรมอบให้พระเจ้าอาจึงจะเป็นธรรม แล้วเสด็จออกผนวชเสีย พระเจ้าท้ายสระยังหาทาง “เบี้ยว” อีกจึงไปมอบให้เจ้าฟ้าอภัย พระราชโอรสองค์รอง คราวนี้เจ้าฟ้าพรก็เหลืออดสิครับ “อย่างนี้เบี้ยวกันชัด ๆ นี่หว่า”

    เจ้าฟ้าพรได้เป็นกษัตริย์รัชกาลที่ 32 ลำดับที่ 4 แห่งราชวงศ์บ้านพลูหลวง เรียกกันว่าสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ อยู่ในราชสมบัติ 26 ปี แรก ๆ ท่านไม่ยอมทำศพพระเจ้าท้ายสระพี่ท่านจะให้เอาไปลอยน้ำ แต่พอขุนนางทัดทานก็ให้ทำพอเป็นพิธี ครั้งนั้นกรุงศรีอยุธยากลับรุ่งเรืองขึ้นใหม่ทางการค้า ศาสนา และวรรณคดี เราได้ส่งพระสงฆ์ไปเจริญศาสนไมตรีกับลังกาตามคำทูลขอของกษัตริย์ลังกา เดิมลังกาเคยมาเผยแผ่พุทธศาสนาในไทยตั้งแต่ครั้งสุโขทัย ได้บวชให้ชาวไทยเป็นอันมากเรียกกันว่าพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาทแบบลังกาวงศ์ หลักฐานยังปรากฏเป็นศิลปกรรม รูปทรงเจดีย์ บทสวดแบบลังกาในภาคใต้ของไทย

    ต่อมาลังกาถูกต่างชาติปกครองหลายปี มีการทำลายล้างพระและวัดจนหาพระสงฆ์ลังกาไม่ได้ (มีแต่เณร) เมื่อลังกาจะฟื้นพุทธศาสนาใหม่ก็หาอุปัชฌาย์ที่บริสุทธิ์ไม่ได้ จึงนึกได้ว่าพระไทยเคยบวชจากพระลังกาจึงขอนิมนต์พระไทยผู้ใหญ่ไปเป็นอุปัชฌาย์บวชกลับให้ชาวลังกาบ้าง เราส่งพระอุบาลีนำคณะไปทางเรือสำเภา ได้บวชให้กุลบุตรลังกาเป็นร้อยเป็นพัน พระในฝ่ายนี้เรียกว่าสยามวงศ์ ปัจจุบันลังกามีสมเด็จพระสังฆราช 2 องค์ เป็นฝ่ายลังกาวงศ์และสยามวงศ์ ทั้งยังหล่อรูปปั้นพระอุบาลีไว้บูชา ปีที่แล้วผมไปไหว้พระที่ศรีลังกาได้ไปเยี่ยมวัดที่พระอุบาลีเคยอยู่และมรณภาพ เห็นแล้วปลื้มใจแท้

    อย่างไรก็ตามความอัปยศของกรุงศรีอยุธยาสมัยนี้คือแม้เจ้าฟ้าพรจะชนะจนได้ราชสมบัติ แต่เจ้านาย แม่ทัพนายกอง ทหารกล้าและขุนนางล้มตายมากมาย ที่รอดตายก็ทิ้งราชการหนีเข้าป่าไปเป็นโจรบ้าง ทำสวนทำนาบ้าง บ้านเมืองหาคนดี คนเก่ง คนกล้าไม่ได้ มีแต่การหวาดระแวงกันเอง ไม่รู้จักแก้ไขหรือปรองดอง มีแต่แก้แค้นและจับดองไว้! เรื่องนี้ทำไมพม่าจะไม่รู้ ฉะนั้นอีก 30 ปีเศษต่อมา พม่ายกทัพมาตีกรุงศรีอยุธยา กรุงจึงแตกอย่างง่ายดาย!

    แม้กระนั้น 26 ปีของรัชกาลนี้ ราษฎรทั่วไปที่ไม่อยู่ฝ่ายใดก็เป็นสุขสบายดี ข้าศึกไม่มี ศาสนาเจริญ การค้าเจริญ กวีมีมากมาย ทำไร่ทำนาได้ผล มีโขนระบำรำฟ้อนให้ดู เรายังพูดถึงรัชกาลนี้ต่อมาอีกหลายสิบปีว่า “เมื่อครั้งบ้านเมืองดี” โดยเทียบกับสมัยก่อนหน้านั้นและหลังจากนั้น

    ในรัชกาลนี้มีเด็กสามัญชนที่ควรรู้จักมาเกิด 4 คน และเป็นเพื่อนรักกันด้วย รุ่นโตชื่อพ่อสิน รุ่นกลางชื่อพ่อทองด้วง รุ่นเล็กชื่อพ่อบุญมาและพ่อบุนนาค พ่อสินเป็นลูกจีนแม่ไทย พ่อทองด้วงและพ่อบุญมาเป็นพี่น้องกันเป็นลูกไทยเชื้อสายมอญและอาจมีเชื้อจีนทางมารดาด้วยก็ได้ พ่อบุนนาคเป็นลูกไทยเชื้อสายเปอร์เซียต้นตระกูลเป็นมุสลิมแต่แม่เป็นไทย ระยะหลังบรรพบุรุษเปลี่ยนมานับถือพุทธ

    สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศมีพระราชโอรสที่สำคัญ 3 พระองค์คือ เจ้าฟ้าธรรมธิเบศร (เรารู้จักกันในนามเจ้าฟ้ากุ้ง ได้เป็นกรมขุนเสนาพิทักษ์) เจ้าฟ้าเอกทัศ (กรมขุนอนุรักษ์มนตรี) และเจ้าฟ้าอุทุมพร (กรมขุนพรพินิต)

    เจ้าฟ้าธรรมธิเบศรได้เป็นอุปราช แต่ด้วยนิสัยกวีปากหวานเจ้าชู้ ภายหลังลอบเป็นชู้กับพระสนมของพ่อจึงถูกโบยจนสิ้นพระชนม์ เจ้าฟ้าองค์นี้แหละที่แต่ง “เรื่อย ๆ มาเรียง ๆ นกบินเฉียงไปทั้งหมู่” สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศเห็นว่าเจ้าฟ้าเอกทัศไม่เฉลียวฉลาด โฉดเขลา ไม่พากเพียร ไม่กล้าหาญ ไม่ควรเป็นผู้ปกครองได้จึงข้ามไปตั้งเจ้าฟ้าอุทุมพรพระราชโอรสพระองค์เล็กเป็นพระมหาอุปราช

    เมื่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศสวรรคต เจ้าฟ้าอุทุมพรจึงได้ครองราชย์เป็นรัชกาลที่ 33 ทรงพระนามว่าสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 4 แต่อยู่ได้ 10 วัน เจ้าฟ้าเอกทัศผู้เป็นพี่ทำท่าปรารถนาราชสมบัติ วังก็ไม่ย้ายจะยึดวังหลวงอยู่อย่างนั้น พระเจ้าอยู่หัวอุทุมพรคงรำคาญจึงถวายราชสมบัติแล้วเสด็จออกผนวช

    เจ้าฟ้าเอกทัศได้เป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ที่ 34 ลำดับที่ 6 ของราชวงศ์บ้านพลูหลวงและพระองค์สุดท้ายของกรุงศรีอยุธยา ทรงพระนามว่าสมเด็จพระบรมราชาที่ 3 คนทั่วไปเรียกว่าพระเจ้าอยู่หัวสุริยามรินทร์ตามชื่อพระที่นั่งที่ไม่ทรงยอมย้ายออก บางคนเรียกพระเจ้าเอกทัศ มีบ้างที่เรียกว่า “ขุนหลวงขี้เรื้อน” ตามพระโรคที่ทรงเป็น

    บัดนั้นพม่าซึ่งเล็งอยู่นานด้วยความแค้นตั้งแต่สมเด็จพระนเรศวรทรงทำยุทธหัตถีชนะเมื่อ 200 ปีก่อน ก็จับสายตามาที่พระมหานครแห่งนี้ และให้สัญญาณนัดหมายว่า “ไม่ต้องแก้ไข” แต่ได้เวลาแก้แค้นแล้ว!”.

    “อยุธยาและปริมณฑลสมัยนั้นก็เหมือนสมัยนี้คือพอถึงหน้าฝนน้ำก็หลากจากเหนือลงมาท่วมไปทั่ว ถ้าน้ำกำลังพอดีชาวไร่ชาวนาก็ทำนาได้ดี ถ้าน้ำนองอยู่นานนาก็ล่ม พอย่างเข้าฤดูทำนาต้องทำพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ปีไหนน้ำน้อยต้องทำพิธีขอฝน ปีไหนน้ำมากได้เวลาจะเก็บเกี่ยวต้องมีพระราชพิธีไล่น้ำ บรรพบุรุษของเราอยู่มาได้ด้วยข้าว ปลาที่มากับน้ำ และความมากน้อยของน้ำเป็นร้อย ๆ ปีแล้ว เราจึงมีพิธีทำขวัญข้าว ไหว้แม่โพสพ ขอขมาแม่คงคา เห่เรือ ทอดกฐินทางน้ำ”

    วิษณุ เครืองาม
    wis.k@hotmail.com


    ขอขอบคุณ www.dailynews.co.th
    <!-- google_ad_section_end -->
     
  19. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    ได้รับเงินเรียบร้อยแล้ว
    ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ
     
  20. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    อยู่กับน้ำ เผชิญกับน้ำ ต้องเป็นน้ำ
    น้ำทำทุกคนอ่วมเลยวันนี้ ภาพคนรวย หรือชาวบ้าน โดนกันถ้วนหน้าไม่มียกเว้น หมู่บ้านรวย หมู่บ้านชาวบ้าน โดนน้ำกลืนหายไปเหมือนกัน น้ำสอนบทเรียนเรา เราก็จะเอาบทเรียนจากน้ำมาใช้
    น้ำใส่แจกันก็อยู่เป็นรูปแจกัน น้ำใส่ขวดก็เป็นขวด ใส่แก้วเป็นแก้ว น้ำอยู่ในภาชนะไหนก็เป็นอย่างนั้น
    วันนี้เคยมีอะไรแล้วมันเสียไป สูญเสียไปก็อยู่ได้ในสภาพใหม่ อยู่ให้ได้อย่างทุกข์มีความเป็นอุเบกขากับการเห็นสภาพ สรรพสิ่งล้วนเกิดขึ้นแล้วดับไปเปลี่ยนแปลงไปเป็นธรรมดา สภาพภายนอกจะไม่มีปัญหาใดๆสำหรับเรา ถ้าสภาพภายในเราเป็นปรกติ โวยวายก็เท่านั้น ร้อนใจไปก็เท่านั้น อยู่แบบถ้าทำอะไรได้เราทำเต็มที่ เมื่อทำอะไรไม่ได้ เข้าเซฟเฮ้าส์รักษาใจตัวเองบ้าง รู้ลมไว้..สู้ๆ​

     

แชร์หน้านี้

Loading...