ขอเชิญท่านที่มีความจงรักภักดีและเทิดทูนในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย จงรักภักดี, 28 เมษายน 2009.

  1. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,922
    ค่าพลัง:
    +6,434
  2. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,922
    ค่าพลัง:
    +6,434
    [​IMG]

    หมอกและควันธูปจะเห็นเป็นหมอกบางๆ ขณะที่ถ่ายรูปนี้น่าจะเกือบเที่ยงคืนแล้ว หมอกและควันก็ฟุ้งไปทั่วๆ ส่วนดวงธรรมก็แสดงตามจุดต่างๆ แม้แต่บนสายสินธุ์ ต้นไม้ บายศรี ทุกแห่งทุกที่ทุกจุดทั่วบริเวณพิธีนี้มีเทวดารักษาหมดเลยค่ะ
     
  3. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,922
    ค่าพลัง:
    +6,434
    รูปที่วัดวรเชษฐ์ ถ่ายไว้เยอะค่ะ นำมาฝากไว้เพื่อย้ำว่าสถานที่นี้มีเทพพรหมสถิตย์มหาศาลมากกว่าจำนวนคนที่ไปร่วมงานในคืนวันนั้นเสียอีก เทพเทวดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านมาอวยพร ใครมาใกล้ท่านคงจะได้รับพรจากท่านๆเทพเทวดาไปแล้วโดยไม่รู้ตัวค่ะ

    [​IMG]


    ขนาดบนสายสินธุ์ยังมีเทวดารักษาเลยค่ะ(สังเกตุสายสินธุ์เส้นบนสุดจะเห็นดวงธรรมสุขสว่างเกาะอยู่บนสายสินธุ์ด้วยค่ะ)​
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_0546.JPG
      IMG_0546.JPG
      ขนาดไฟล์:
      80.7 KB
      เปิดดู:
      97
    • IMG_0549.JPG
      IMG_0549.JPG
      ขนาดไฟล์:
      111.3 KB
      เปิดดู:
      77
    • IMG_0551.JPG
      IMG_0551.JPG
      ขนาดไฟล์:
      66.1 KB
      เปิดดู:
      77
    • IMG_0552.JPG
      IMG_0552.JPG
      ขนาดไฟล์:
      57.2 KB
      เปิดดู:
      89
    • IMG_0553.JPG
      IMG_0553.JPG
      ขนาดไฟล์:
      141.9 KB
      เปิดดู:
      79
    • IMG_0554.JPG
      IMG_0554.JPG
      ขนาดไฟล์:
      60.2 KB
      เปิดดู:
      86
    • IMG_0555.JPG
      IMG_0555.JPG
      ขนาดไฟล์:
      56.9 KB
      เปิดดู:
      82
    • IMG_0556.JPG
      IMG_0556.JPG
      ขนาดไฟล์:
      78.1 KB
      เปิดดู:
      83
    • IMG_0561.JPG
      IMG_0561.JPG
      ขนาดไฟล์:
      56.6 KB
      เปิดดู:
      87
    • IMG_0564.JPG
      IMG_0564.JPG
      ขนาดไฟล์:
      58.9 KB
      เปิดดู:
      103
    • IMG_0570.JPG
      IMG_0570.JPG
      ขนาดไฟล์:
      39.2 KB
      เปิดดู:
      102
    • IMG_0573.JPG
      IMG_0573.JPG
      ขนาดไฟล์:
      72.2 KB
      เปิดดู:
      87
    • IMG_0576.JPG
      IMG_0576.JPG
      ขนาดไฟล์:
      78.2 KB
      เปิดดู:
      108
    • IMG_0577.JPG
      IMG_0577.JPG
      ขนาดไฟล์:
      67 KB
      เปิดดู:
      83
    • IMG_0578.JPG
      IMG_0578.JPG
      ขนาดไฟล์:
      62.7 KB
      เปิดดู:
      92
    • IMG_0587.JPG
      IMG_0587.JPG
      ขนาดไฟล์:
      82 KB
      เปิดดู:
      85
    • IMG_0590.JPG
      IMG_0590.JPG
      ขนาดไฟล์:
      74.5 KB
      เปิดดู:
      80
    • IMG_0593.JPG
      IMG_0593.JPG
      ขนาดไฟล์:
      75.2 KB
      เปิดดู:
      112
    • IMG_0595.JPG
      IMG_0595.JPG
      ขนาดไฟล์:
      61.5 KB
      เปิดดู:
      85
    • IMG_0596.JPG
      IMG_0596.JPG
      ขนาดไฟล์:
      66.3 KB
      เปิดดู:
      96
    • IMG_0597.JPG
      IMG_0597.JPG
      ขนาดไฟล์:
      64.1 KB
      เปิดดู:
      81
    • IMG_0598.JPG
      IMG_0598.JPG
      ขนาดไฟล์:
      71.3 KB
      เปิดดู:
      70
    • IMG_0599.JPG
      IMG_0599.JPG
      ขนาดไฟล์:
      64 KB
      เปิดดู:
      102
    • IMG_0600.JPG
      IMG_0600.JPG
      ขนาดไฟล์:
      61.6 KB
      เปิดดู:
      80
    • IMG_0611.JPG
      IMG_0611.JPG
      ขนาดไฟล์:
      61 KB
      เปิดดู:
      80
    • IMG_0616.JPG
      IMG_0616.JPG
      ขนาดไฟล์:
      57.8 KB
      เปิดดู:
      83
    • IMG_0618.JPG
      IMG_0618.JPG
      ขนาดไฟล์:
      58.7 KB
      เปิดดู:
      91
    • IMG_0620.JPG
      IMG_0620.JPG
      ขนาดไฟล์:
      64.1 KB
      เปิดดู:
      83
    • IMG_0621.JPG
      IMG_0621.JPG
      ขนาดไฟล์:
      61.8 KB
      เปิดดู:
      90
    • IMG_0622.JPG
      IMG_0622.JPG
      ขนาดไฟล์:
      63.7 KB
      เปิดดู:
      84
    • IMG_0624.JPG
      IMG_0624.JPG
      ขนาดไฟล์:
      70.6 KB
      เปิดดู:
      80
    • IMG_0625.JPG
      IMG_0625.JPG
      ขนาดไฟล์:
      58.7 KB
      เปิดดู:
      96
    • IMG_0630.JPG
      IMG_0630.JPG
      ขนาดไฟล์:
      75.3 KB
      เปิดดู:
      81
    • IMG_0634.JPG
      IMG_0634.JPG
      ขนาดไฟล์:
      62.1 KB
      เปิดดู:
      102
    • IMG_0635.JPG
      IMG_0635.JPG
      ขนาดไฟล์:
      57.5 KB
      เปิดดู:
      72
    • IMG_0636.JPG
      IMG_0636.JPG
      ขนาดไฟล์:
      63.8 KB
      เปิดดู:
      68
    • IMG_0640.JPG
      IMG_0640.JPG
      ขนาดไฟล์:
      61.6 KB
      เปิดดู:
      77
    • IMG_0641.JPG
      IMG_0641.JPG
      ขนาดไฟล์:
      62 KB
      เปิดดู:
      71
    • IMG_0642.JPG
      IMG_0642.JPG
      ขนาดไฟล์:
      64.5 KB
      เปิดดู:
      67
    • IMG_0643.JPG
      IMG_0643.JPG
      ขนาดไฟล์:
      65.6 KB
      เปิดดู:
      57
  4. kib-kae

    kib-kae เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +259
    ขอบคุณค่ะพี่โมเย ขอบคุณค่ะพี่ทางสายธาตุ
    รูปสวยมากๆ เลยค่ะ เคยเห็นแต่ในหนังสือ
    หนูโพสไม่ค่อยเก่งเหมือนพี่ๆ ขอเป็นผู้อ่านดีกว่า

    พี่โมเยคะ หนูเป็นคนแม่ริม โดยกำเนิดค่ะ เป็นคนเมืองแต้ๆ นี่แหละเจ้า
    มีโอกาสจะแวะไปเยี่ยมพี่โมเย อย่างแน่นอน หนูเคยเห็นพี่แล้วแหละ
    ในงานบวงสรวงฯ ค่ายพันพัฒนาที่ 3 ยังแอบชื่นชมอยู่ห่างๆ
    ไม่น่าเชื่อว่าจะมีโอกาสได้รู้จัก เจ้าตัวจริงๆ ขอบคุณพี่ชานน อีกครั้งค่ะ
    ที่แนะนำให้ได้มารู้จักกับพี่ๆ
     
  5. โมเย

    โมเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    876
    ค่าพลัง:
    +3,210

    อนุโมทนา กับคุณพี่ทางสายธาตุค่ะ

    ยินดีจ้าน้องเก๋ ดีใจที่ได้รู้จักคนแม่ริมเหมือนกัน

    อนุโมทนา ดีใจที่น้องไปร่วมพิธีถวายพระแสงของ้าว ที่กองพันพัฒนาที่ 3

    วันนั้น น่าจะเข้ามาทักปี้โมเยหนาเจ้า งานผ่านไปได้ด้วยดี งดงามลงตัวทุกอย่างจ้าน้อง

    มีภาพ พระกฤษดาอภินิหาร ในพิธีถวายพระแสงของ้าวหื้อกอยตวย
    กลุ่มก้อนเมฆ รวมตัวกัน คล้ายรูปของสมเด็จพระนเรศวร เจ้า

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,922
    ค่าพลัง:
    +6,434
    น้องเก๋ ต้องเห็นพี่ทางสายธาตุและพี่รุ้งด้วยแน่เลย ก็ไปงานวันนั้นเหมือนกันค่ะ

    เมื่อคืนเข้าไม่ได้ trojan บุกเครื่อง เมื่อสักครู่เพิ่งจะกำจัดทิ้งไปได้

    ขออภัยที่บอกว่าจะเขียนตั้งแต่เมื่อคืนก็ไม่ได้เขียน เข้ามาไม่ได้ม้าtrojanบุกเมืองทรอยต้องป้องกันเมืองก่อน 55555
     
  7. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,922
    ค่าพลัง:
    +6,434
    ก็คิดอย่างนี้มาเรื่อยๆ ไปทำบุญที่วัดวรเชษฐ์ในวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ น่าจะเป็นวันมาฆบูชา ช่วงนั้นไปวัดบ่อยเพราะเกิดอัศจรรย์กับตนเองที่สามารถสัมผัสเจ้ากรรมนายเวรได้ด้วยตนเอง ถือศีลคืนนั้นอยู่อุโบสถร้างวัดวรเชษฐ์ เช้าวันที่ ๑ มีนาคา ๒๕๕๒ ลาศีลแล้วก็กลับ ถึงบ้านที่บางบัวทอง บ่ายสองเกือบบ่ายสาม อารมณ์กรรมฐานมันยังค้างอยู่ เลยเข้าห้องพระที่บ้านต่อเนื่อง โดยเปิดเทปดุริยมนตราแล้วนั่งสมาธิ พอง่วงก็นอนหน้าโต๊ะหมู่บูชา ทำวนๆอย่างนี้ไปจนกลางคืน พอตีสามเคลิ้มๆจะหลับ ก็หลับอยู่ในห้องพระ จำไม่ได้ว่ากี่โมงอาจจะเป็นใกล้รุ่งเข้าเช้าวันใหม่ ลุกขึ้นมานั่งกรรมฐานอีก คราวนี้เกิดนิมิตเป็น ภาพใต้ถุนเรือนไทยหลังใหญ่ คืนเดือนมืด เห็นพระนางทรงลงมาแอบในมุมมืดๆ ข้างๆเรือนไทย พระเศียรท่านพอดีใต้ถุนเรือนคือสามารถรอดใต้ถุนเรือนได้โดยไม่ต้องทรงก้ม ใส่ผ้าถุงแบบผ้าทิ้งๆหนักๆห่มผ้าแถบผืนใหญ่สีขาว จิตรับรู้ว่าพระนางทรงพระครรภ์อยู่ ทรงยืนกรรแสงร้องไห้ ไม่ช้านานจากตรงนั้นก็เห็นนายทหารร่างสูงใหญ่ ทรงใส่ชุดสีน้ำเงินขลิบทอง ทรงพระมาลาที่รัดสายพระมาลาแน่น พระบาทเชิงงอน ทรงเดินหาพระนางจนมาพบว่าอยู่ข้างๆเรือน ทรงกอดพระนางอย่างแน่น คิดว่าด้วยความที่ทรงคิดถึงห่วงหาพระนางมาก และเพราะทรงยืนข้างกัน จึงเห็นว่าจากยอดพระเศียรของพระนางจะทรงเตี้ยกว่าพระองค์ท่านราวๆฟุตหนึ่ง ยอดพระเศียรของพระนางอยู่แค่ไหล่ของพระองค์ พระองค์ท่านไม่สามารถเดินรอดเรือนได้เพราะทรงสูงสง่ามาก อีกอย่างพระองค์ท่านไม่เดินรอดเรือนหรือราวตากผ้าใดๆเป็นอันขาด จากนั้นก็ทรงอุ้มพระนางขึ้นเรือนไป (อิชั้นเห็นหน้าพระองค์ตอนที่เดินหาพระนางจนพบ ชัดมากและเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ได้เห็นพระองค์)

    ทรงสูงสง่า สมาร์ท ส่วนเรื่องทรงพระหล่อไหม ขอพระราชทานอภัยโทษ ทางสายธาตุไม่คิดว่าพระองค์ทรงพระหล่อ ทรงมีพระฉวีแบบคนออกแดดจัดๆแต่ผิวขึ้นเงามัน ที่เห็นพระองค์ทรงสมาร์ทมากๆ

    [​IMG]

    ดิฉันเห็นพระองค์เหมือนในรูปนี้แต่ว่าทรงพระหนุ่มกว่าในรูปนี้และรูปหน้าพระองค์คมสันกว่าในพระรูปนี้ ที่เห็นพระองค์ไม่ใช่หนุ่มหน้ามนนี่นา แล้วใครๆก็บอกว่าพระเอกาทศรถทรงพระหล่อ แล้วที่เห็นนั้นคือพระเอกาทศรถหรือพระนเรศวรมหาราชกันหล่ะหนอ​

    จึงกลับมาอ่านงานเขียนของพลตรี พิจิตร ขจรกล่ำ ท่านเล่าให้ฟังในหนังสือของท่านว่า สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงชอบดอกจำปี​

    กลับไปวัดชุมพลดูให้เห็นกับตาว่าตกลงดอกจำปีมีความหมายอะไรหรือไม่ ทำไมการเขียนลวดลายบนเสาโบสถ์วัดชุมพลฯ จึงผสมผสานดอกไม้จีนกับดอกไม้ไทย ถ้าจะเขียนลายจีนอย่างเดียวก็ทำได้มิใช่หรือ แต่เขียนลวดลายผสมผสาน พระเจ้าปราสาททองต้องการจะสื่ออะไร ​

    วัดชุมพลฯ รอดพ้นจากการเผาของพม่า หลวงเตี่ยเล่าว่าเพราะมีผู้เสกคาถาบังไพรไว้ ​

    ป.ล. ขออภัยที่ทางสายธาตุอาจเขียนอะไรไปขัดแย้งกับใคร หากใครคิดว่าพระองค์ที่ดิฉันเห็นไม่ใช่สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ดิฉันก็ไม่ได้คิดอะไรมากมาย ตอนนั้นเรื่องพระโฉมของพระองค์นี้ทำให้สะกิดใจให้หาต่อว่า แล้วแม่อินเป็นใครกันแน่เท่านั้น ถ้าท่านคิดว่าพระองค์ที่ดิฉันเห็นเป็นสมเด็จพระเอกาทศรถอยู่ดี ก็อาจเป็นได้ แต่ก็นั่นแหละจึงต้องหากันต่อไปว่า แล้วแม่อินเป็นใคร พระพี่สาวของพระเจ้าปราสาททองเป็นใคร เป็นจุดเริ่มต้นให้ดิฉันต้องอ่านพงศาวดาร ทั้งๆที่คิดว่าจะจบแค่เรื่องวัดชุมพล ท่านใดที่ยัง เสียใจ ใฝ่ใจกับเรื่องนี้มากๆ ขอให้ท่านอย่าอ่านตาม ดิฉันไม่อยากสร้างบาปไปทำให้ใครหมดกำลังใจในการดำเนินชีวิต ด้วยเหตุแห่งการมาอ่านแล้วก็คิดวนๆอยู่กับเรื่องพวกนี้ ท่านสามารถเลือกเชื่ออย่างที่อยากเชื่อเพื่อเป็นกำลังใจให้ดำเนินชีวิตต่อไป ตรงนี้ฝากถึงผู้ที่อินมากๆ ตรงนี้ไม่ได้เกี่ยวคุณนายโหน่งนะเจ้าคะ เพราะรู้ว่าคุณนายชิลชิลไม่ได้ซีเรียสกับชีวิตขนาดนั้น ​

    สำหรับดิฉันแล้ว เรื่องนี้เป็นเรื่องของประวัติศาสตร์ อยู่ที่หลักฐานทางประวัติศาสตร์และการตีความ ไม่เอามาเป็นอารมณ์กับเรื่องของข้อมูลทางประวัติศาสตร์ ก่อนหน้านี้ที่ต้องชี้แจงไปอีกกระทู้หนึ่งเพราะไม่ต้องการให้เกิดการเข้าใจผิด คิดว่าคนหนึ่งเป็นอีกคนหนึ่ง คนละคนเดียวกันแท้ๆ เข้าใจผิดกันไปเอง
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 ธันวาคม 2010
  8. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,922
    ค่าพลัง:
    +6,434
    สิ่งแรก ย่อมุมไม้สิบสองบนรูปเขียนวัดชุมพล มาจากอะไร มีความหมายแน่แต่อะไร

    ความเป็นจีน ใช่อยู่พระนางที่เห็นในนิมิตตั้งแต่ปี ๒๕๔๕ ๒๕๔๖ คหบดีจีน ร่ำรวยมาก ทรงงาม สูงเพรียว สูงกว่าสาวทั่วไป แขนขาเรียวยาว งามสะโอดสะอง

    เกี่ยวกับความเป็นจีนที่ปรากฏบนภาพวาดบนเสาโบสถ์เหล่านี้หรือไม่

    [​IMG]

    ส่วนเสามีทั้งหมด 4 คู่ 3 สี อ่านได้ตั้งแต่แรกเห็น สีขาวแทนพระบิดาและพระมารดา ด้วยเสา 2 คู่แรกติดองค์พระประธาน สีแดงแทนพระพี่สาว(พระเชษฐภคินี)ของพระเจ้าปราสาททอง สีฟ้าแทนพระเจ้าปราสาททอง มีสามพระองค์ที่ต้องรู้ให้ได้ อย่างน้อยต้องรู้ด้วยตนเองได้ว่า พระบิดา พระมารดา และพระเชษฐภคินีของพระเจ้าปราสาททองเป็นใคร ต้องมีหลักฐานอันไปเกี่ยวข้องกับพระองค์ท่าน(พระเจ้าปราสาททอง)บ้าง ต้องตั้งต้นที่พระเจ้าปราสาททองก่อน

    สามเล่มแรกที่หาหนังสือเก่าผ่านอินเตอร์เนตคือ

    1 ประวัติวัดชุมพลนิกายาราม ฉบับปี พ.ศ. ๒๕๒๓ พลเอกเปรม เป็นนายกรัฐมนตรี มีรูปพระญาณรังษี รับพัดยศจากสมเด็จพระเทพฯ รูปพระครูไพโรจน์โพธิวัฒน์ เข้าเฝ้าในหลวงที่วังสวนจิตรฯ

    2 พระเจ้าปราสาททอง กษัตริย์นักสู้ ของ นายแพทย์วิบูล วิจิตวาทการ


    3 จดหมายเหตุเรื่องพระราชไมตรีระหว่างพระเจ้ากรุงจีนกับพระเจ้ากรุงสยาม ตรงนี้ลึกๆคิดว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • PIC_0011.JPG
      PIC_0011.JPG
      ขนาดไฟล์:
      125.2 KB
      เปิดดู:
      520
  9. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,922
    ค่าพลัง:
    +6,434
    เขียนเรื่อยๆ สักประเดี๋ยวก็จะไปงานมหกรรมวิทยาศาสตร์ทางจิตนะคะ พระอาจารย์ ดร. สิงห์ทน นราสโภ ท่านมาบรรยายเรื่องดุริยมนตรา เวลาเที่ยงตรง ที่พันธุ์ทิพย์งามวงศ์วาน ชั้น ๘

    เขียนตรงนี้ต้องค่อยๆเขียนค่ะ ต้องเรียบเรียงเรื่องราวที่ผ่านมาในรอบสองปีนี้ จึงเขียนได้ช้าๆ คิดว่าจะหยุดตรงนี้ก่อน จะเตรียมตัวไปฟังพระอาจารย์สิงห์ทนที่งานค่ะ แล้วบ่ายๆเย็นๆคงจะกลับค่ะ ขอปลีกตัวไปก่อนนะคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 ธันวาคม 2010
  10. kib-kae

    kib-kae เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +259
    ขอบพระคุณค่ะพี่โมเย ขอบคุณค่ะพี่ทางสายธาตุ

    พึ่งทราบจากพี่โมเยเหมือนกันค่ะ ว่าพี่ๆ มาร่วมงานกันทุกท่าน

    เส้นผมบังภูเขา แท้ๆ เชียวค่ะ พี่ๆ
     
  11. kib-kae

    kib-kae เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +259
    พี่ๆ ได้ดูหนังเรื่องนี้หรือยังเจ้าคะ?


    “ยามาดะ ซามูไรแห่งอโยธยา” เป็นภาพยนตร์ย้อนยุค

    ที่อิงจากประวัติศาสตร์ของบุคลสำคัญ ยามาดะ นางามาสะ (ออกญาเสนาภิมุข)

    ซึ่งเป็นหัวหน้ากองอาสาญี่ปุ่นสมัยกรุงอยุธยาตอนกลาง ในช่วงพระเจ้าทรงธรรมครองราชย์ระหว่างปี พ.ศ. 2153-2171




    <TABLE cellSpacing=1 cellPadding=1 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="35%">ชื่ออังกฤษ</TD><TD width="65%">Yamada The Samurai of Ayothaya


    </TD></TR><TR><TD>ชื่อไทย</TD><TD>ซามูไร อโยธยา</TD></TR><TR><TD>ประเภทหนัง</TD><TD>Action/Drama/War</TD></TR><TR><TD>ผู้กำกับ</TD><TD>นพพร วาทิน</TD></TR><TR><TD>ผู้แต่ง</TD><TD>-</TD></TR><TR><TD>วันที่เข้าฉาย</TD><TD>02 December 2010</TD></TR><TR><TD>ความยาวหนัง</TD><TD>-</TD></TR><TR><TD>นักแสดง</TD><TD>เซกิ โอเซกิ, บัวขาว ป. ประมุข, ธรรมรส ใจชื่น, สรพงษ์ ชาตรี, วินัย ไกรบุตร, ธนาวุฒิ เกสโร</TD></TR></TBODY></TABLE>
    เรื่องย่อ ซามูไรอโยธยา
    ยามาดะซามูไรแห่งอโยธยา เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงในประวัติศาสตร์สมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ซึ่ง ยามาดะ ก็คือ ออกญาเสนาภิมุข เป็นเจ้าเมืองนครศรีธรรมราช เป็นคนใหญ่โตที่มีอิทธิพลในสมัยนั้น ถึงเป็นคนญี่ปุ่นแต่ก็รักผืนแผ่นดินไทยมาก ซึ่งที่นครศรีธรรมราชก็ยังมีอนุสาวรีย์ท่านอยู่
    จากเอกสารที่ค้นพบทํา ให้สันนิษฐานได้ว่าท่านยามาดะน่าจะเดินทางเข้ากรุงศรีอยุธยาในสมัยสมเด็จพระ นเรศวรมหาราช และได้สมัครเข้ากองอาสาญี่ปุ่นทําการออกรบให้อยุธยาหลายครั้ง จนได้รับการแต่งตั้งให้มีบรรดาศักดิ์เป็นขุนนาง และในสมัยสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม พระราชบุตรของสมเด็จพระเอกาทศรถ ท่านยามาดะก็ได้รับตําแหน่งสูงสุดเป็นถึงออกญาเสนาภิมุข ควบคุมกองอาสาญี่ปุ่น
    ต่อมาในสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง ท่านยามาดะก็ได้เดินทางไปปราบกบฏที่เมืองนครศรีธรรม-ราช จนสามารถทําการปราบปรามกบฏได้สําเร็จ ถือเป็นความดีความชอบจึงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าเมืองนครศรีธรรมราช ท่านยามาดะได้ปกครองเมืองนครศรีธรรมราช จนถึงแก่อนิจกรรมลงเมื่อค.ศ.1630 หรือ พ.ศ.2173 และถือได้ว่าท่านยามาดะเป็นชาวต่างชาติเพียงคนเดียวในโลก ที่ได้มาเป็นเจ้าเมืองนครศรีธรรมราช
    ภาพยนตร์เรื่องนี้ถูกสร้างขึ้น มาเพื่อนําเสนอถึงเรื่องราวและเหตุที่ว่า ทําไมท่านยามาดะถึงได้เทิดทูนพระมหากษัตริย์ไทยและยอมตายเพื่อแผ่นดินอโยธยา และยังเป็นส่วนหนึ่งที่แสดงถึงมิตรภาพและความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างประเทศไทย กับประเทศญี่ปุ่น
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • yamada.jpg
      yamada.jpg
      ขนาดไฟล์:
      75.8 KB
      เปิดดู:
      78
    • yamada2.jpg
      yamada2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      98.6 KB
      เปิดดู:
      69
    • yamada3.gif
      yamada3.gif
      ขนาดไฟล์:
      148.5 KB
      เปิดดู:
      73
  12. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    ยินดีต้อนรับครับคุณ kib-kae บ้านน้อยหลังนี้เป็นของทุกๆท่าน ตามชื่อของกระทู้นั่นแหละครับ เราทั้งหลายอาจจะเคยได้พบพานกันมาบ้างแล้ว ณ แห่งใดแห่งหนึ่ง บางท่านอาจจะจำได้บ้างไม่ได้บ้าง ก็ไม่ใช่สาระสำคัญนะครับ ขอเพียงแค่ เป็นคนหนึ่งที่มีความสำนึกดังเช่นชื่อของกระทู้นี้ เท่านั้นครับ

    เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม ที่ผ่านมาได้มีโอกาสไปที่วัดถ้ำเมืองนะ ขากลับแวะไหว้พระสถูปเจดีย์ ที่เมืองงาย ทั้งสองแห่งคุณ kib-kae คงต้องรู้จักดีแล้ว และอีกแหงหนึ่งที่ขอย้ำเป็นพิเศษคือที่วัดป่าอรัญญวิเวก ที่แม่แตง ที่วัดหลวงพ่อเปลี่ยน นั่นแหละครับ ถ้ายังไม่เคยได้ไปกราบท่าน ก็หาโอกาสไปนะครับ

    ติดตามอ่านรีวิวของคุณทางสายธาตุ อยู่ครับ ได้รู้จักศิลปย่อมุมไม้สิบสอง ก็จากคุณทางสายธาตุ เดิมก็รู้จักและคิดแต่เพียงว่าเป็นเพียงวิธีการเข้าเหลี่ยมเข้ามุมไม้ของช่างทั่วๆไป ที่ไหนได้มีความเป็นมาที่แฝงไว้ด้วยศิลปและศรัทธาที่สูงส่งและล้ำลึก เป็นเสมือนปริศนาให้อนุชนรุ่นหลังได้ศึกษาและค้นคว้า
    ระหว่างที่รอคอยคุณทางสายธาตุกลับมารีวิวความหลังในโอกาสครบวาระสองปีแห่งการท่องไปกับประวัติศาสตร์ในเชิงลึก (และลี้ลับ) ขอฝากคำถามเล็กๆถึงผู้รอบรู้(และเชี่ยวชาญ) ทางซอฟท์แวร์ ด้วยว่าท่านใช้ซอฟท์แวร์ตัวใดในการกำจัด ไวรัส trojan ครับ
     
  13. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
     
  14. kib-kae

    kib-kae เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +259
    ขอบคุณค่ะท่านพี่จงรักภักดี (ขออนุญาตเรียกท่านพี่นะเจ้าคะ) ที่ชี้แนะ..คิดเหมือนท่านพี่เจ้าค่ะ..ตั้งแต่เห็นตัวอย่างภาพยนตร์ในทีวี น่าสนใจมากค่ะ บอกกับตัวเองว่า ต้องดูหนังเรื่องนี้ให้ได้ (แต่ยังไม่มีโอกาสได้ดูเลยค่ะ) ติดงานยาวเลย ก็เลยมาถามๆ พี่ๆ ดูว่าท่านไหนได้ไปดูบ้าง (จะแอบถามเนื้อเรื่องก่อนไปดูหนะเจ้าค่ะ อิอิ) แต่ หนูเห็นหนังเรื่องนี้แล้ว นึกถึง พระองค์เจ้าท่านนี้เลยเจ้าค่ะ

    เจ้าขุนเณร แห่งกองทัพนินจาไทย คนสุดท้าย

    พระองค์เจ้าขุนเณร ผู้บัญชาการกองทัพนินจาของไทย

    (ที่มาจาก บล็อค โอเคเนชั่น okanation.net)

    หน่วยรบพิเศษของไทย ซึ่งเป็นหน่วยที่ถูกฝึกแบบไม่ธรรมดา ซึ่งเดิมทีได้มีการเริ่มฝึกมาตั้งแต่สมัยของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ผู้ที่รับหน้าที่นี้ได้แก่ออกญาเสนาภิมุข ซึ่งเป็นอาสาญี่ปุ่น นามตามภาษาญี่ปุ่นว่า "ยามาด้า(YAMADA)" อันเป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน "วิชานินจา" โดยได้แสดงต่อหน้าพระที่นั่งวังจันทร์เกษม เมืองสองแคว(พิษณุโลก) เป็นที่ประทับพระราชหฤทัยขององค์สมเด็จพระนเรศวรเจ้าเป็นที่ยิ่ง จึงทรงมอบให้จัดค่ายลับไว้ ณ ช่องเขาด้านเหนือของเมืองสองแคว (ปัจจุบันอยู่ที่ อ.วัดโบสถ์ จ.พิษณุโลก ติดกับเส้นทางไปชัยบาดาล ด้านหลังภูเขาติดพิจิตร และกำแพงเพชร) พื้นที่อยู่ในซอกสลับซับซ้อน มีหินเรียงเป็นฉาก คนภายนอกมิอาจมองเห็นภายในอันคล้ายดั่งน้ำเต้าใส่สุรา มีทัศนยภาพที่พิกลยิ่งนัก ค่ายนี้ไม่ปรากฏในบันทึกประวัติศาสตร์รัตนโกสินทร์ด้วยชำระทิ้งเสียสิ้น อนึ่งเป็นค่ายลับเฉพาะ ด้วยเหตุดั่งนี้จึงไม่มีผู้ใดได้ทราบว่าออกญาเสนาภิมุขนำทหารไปไว้ ณ ที่ใด (แลด้วยออกญาเสนาภิมุขคุมทหารกล้านี้ จึ่งเป็นที่หวาดเกรงแก่ขุนนางทั้งหลาย ร่วมกันใส่ความจนเป็นเหตุให้ออกญาเสนาภิมุขต้องถูกเนรเทศไปอยู่นครศรีธรรมราช ก็เพื่อกำจัดอำนาจบัญชาการหน่วยรบพิเศษนี้ในสมัยพระเอกาทศรศ)
    สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงคัดผู้จะเข้ารับการฝึกในหน่วยนี้ด้วยพระองค์เอง ผู้ที่ผ่านการคัดเลือกนั้นจะต้องมีความพิเศษในทุก ๆ ด้าน และมีหัวใจที่เสียสละ พร้อมที่จะสละชีวิตเพื่อแผ่นดินได้ในทุกวินาทีด้วยความเต็มใจ พระองค์ได้ทรงนำหน่วยรบนินจานี้ออกทดสอบเป็นครั้งแรกในการปล้นค่ายหงสาในยามค่ำคืน อันเป็นบันทึกประวัติศาสตร์ไทยอันลือลั่น ที่พระองค์ทรงปีนค่ายทหารหงสาด้วยพระองค์เอง พร้อมทหารไม่ถึงร้อย ก็คือหน่วยรบนินจา หรือกองอาสาอาทมาทนี้เอง นี่คือที่มาของตำนาน "พระแสงดาบคาบค่าย" นั่นเอง(ปัจจุบันพระแสงดาบคาบค่าย อยู่ในพิพิธพัณฑสถานแห่งชาต กรุงเทพฯ) กองทหารอาสาอาทมาท ได้มีบทบาทสำคัญในเหตุการณ์ยุทธหัตถี เพราะเป็นหน่วยรบเดียวที่ติดตามไปพร้อมกับช้างพระที่นั่ง ตีกระเจิดแทรกไปหว่างกลางทัพหงสา จึงบังเกิดเป็นเหตุการณ์สำคัญแห่งประวัติศาสตร์ คือ "สงครามยุทธหัตถี" ที่องค์สมเด็จพระนเรศวร ทรงชำนะศึกด้วยยุทธกษัตริย์เพียงลำพังพระองค์ และทหารกองอาทมาท เป็นเหตุการณ์หนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ อันประทับอยู่ในห้วงหัวใจของชนชาวไทยตราบเท่าทุกวันนี้
    ทหารหน่วยรบนี้ เป็นกองอาสาพิเศษ จะใช้ในราชการพิเศษเท่านั้น จึงเรียกว่า " กองอาสาอาทมาท" ซึ่งวิทยาการทางยุทธวิธี และยุทธศาสตร์ ได้ถูกถ่ายทอดมาจนกระทั่งถึงยุคกรุงศรีอยุทธยาตอนปลาย ถึงรัตนโกสินทร์ยุคต้น และถูกทำลายโดยได้ยุบกองอาสานี้ไปในสมัย ร.๔ (โดยคำแนะนำของปรึกษาทางทหารของต่างประเทศ ที่เข้ามารับราชการเปลี่ยนระบบกองทัพไทยเใหม่ เป็นแบบยุโรป...เนื่องจากฝรั่งรบโดยใช้ปืน แต่กองทัพนินจารบแบบประชิดตัว=ฝรั่งทำไม่เป็น ยังไม่รู้จักการรบกองโจร..??) ดังนั้นกองอาสาอาทมาท หรือ หน่วยรบพิเศษของไทย จะเรียกว่า กองทัพนินจานี้ ก็สาปสูญชื่อไปจากกองทัพไทยแต่บัดนั้น
    กองทัพนินจา หรือ กองอาสาอาทมาท ได้แสดงฝีมือให้ประจักษ์แก่ลูกหลานไทยครั้งสุดท้ายในยุคของ เจ้าขุนเณร เป็นผู้บัญชาการ เข้าทำการสู้รบใน "ศึกเจ้าอนุ" จนเป็นที่ร่ำลือกล่าวขานเป็นตำนานการรบของกองทัพไทย ตราบจนทั่วทุกวันนี้ ดังนั้น เราจะพาท่านไปพบกับ เจ้าขุนเณร ผู้บัญชาการกองทัพนินจาไทยคนสุดท้าย ว่าท่านเป็นใคร ?
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 ธันวาคม 2010
  15. kib-kae

    kib-kae เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +259
    พระองค์เจ้าขุนเณร พระโอรสของพระเจ้าขุนรามณรงค์ หรือออกหลวงรามณรงค์ (พระเชษฐาของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช) พระองค์เจ้าขุนเณรทรงปฏิบัติการรบในสมัยต้นรัตนโกสินทร์ ซึ่งพระภารกิจและวีรกรรมของพระองค์เจ้าขุนเณรในการรบที่สำคัญ ดังนี้
    ๑. การรบในสมัยสงครามเก้าทัพ กรณียกิจที่ปรากฏชัดเจนและมีความสำคัญยิ่งขึ้น คือ เหตุการณ์ในการทำสงครามกับพม่า ที่เรียกว่าสงครามเก้าทัพ ณ เมืองกาญจนบุรี ในปี พ.ศ. ๒๓๒๘ ในแผ่นดินสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก พระองค์เจ้าขุนเณรได้รับหน้าที่เฉพาะกิจโดย กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทโปรดเกล้าฯ ให้เป็นหัวหน้ากองโจร คอยทำลายกองกำลังของพม่า ตัดกำลัง แย่งชิงเสบียงอาหารและยุทโธปกรณ์ของพม่า รบกวน รังควานแย่งชิง ทำลายกองเกวียนกองช้างกองม้าที่นำเสบียงมาจากเมืองเมาะตะมะ เมืองทวาย และตะนาวศรี นำกำลังเข้าไปทางบก และทางน้ำแทรกซึมเข้าไปในพื้นที่ตั้งของข้าศึก และอาศัยภูมิประเทศ เหตุการณ์ดินฟ้าอากาศในขณะนั้น จู่โจม โจมตีทำลาย และจับกุมกำลังทหารของพม่า ทำให้ข้าศึกพะวักพะวน ต้องดึงกำลังมารักษาพื้นที่ส่วนหลังมากขึ้น เป็นการทำลายขวัญของพม่าให้ลดถอยในการสู้รบ พระองค์เจ้าขุนเณรใช้กองทัพนินจาที่พระองค์ทรงฝึกเองเพียง ๑,๘๐๐ คนเท่านั้น ที่จะต้องยันกองทัพพม่า ที่ยกมาเป็นจำนวนนับแสน ซึ่งในการปฏิบัติงานสำคัญ เป็นภารกิจเสี่ยงต่อภัยอันตรายตลอดเวลา ยากที่กำลังพลปกติทั่วไปจะกระทำได้สำเร็จ
    กองทัพนินจาของพระองค์เจ้าขุนเณรโดยมากปฏิบัติการอยู่ในพื้นที่ส่วนหลังของกองทัพพม่า พื้นที่ปฏิบัติการเข้าใจว่าอยู่ในเส้นทางเมาะตะมะ - ด่านเจดีย์สามองค์ – ท่าดินแดง – ไทรโยค – ท่ากระดานกับเส้นทางทวาย – บ้องตี๋ – ไทรโยค – พุตะไคร้ – ช่องแคบ – ท่าด่าน เป็นระยะเวลา ๒ เดือนเศษ
    ครั้นถึง ณ วันศุกร์ เดือน ๓ แรม ๔ ค่ำ ปีมะเส็ง ก็ตรัสสั่งให้กองทัพไทยเข้าระดมตีค่ายพม่าพร้อมกันทุกค่ายในเวลาเดียวกัน พม่าก็แตกฉานทั้งกองทัพที่ ๔ และ กองทัพที่ ๕ ไทยได้ค่ายหมดทุกค่าย ฆ่าฟันล้มตายเสียเป็นจำนวนมาก ที่เหลือตายก็แตกหนีไป กองทัพนินจาของพระองค์เจ้าขุนเณรก็ซ้ำเติม ฆ่าฟันพม่า และจับส่งมาถวายอีกหลายพันคน


    ๒. สงครามปราบเจ้าอนุวงศ์เวียงจันทน์
    กรณียกิจครั้งสุดท้ายของพระเจ้าขุนเณร ในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ จากเอกสารของ ฯขุนนคเรศฯ เรื่อง "บันทึกลับ เจ้าพระยาบดินทร์เดชาฯ " ได้พบพระนามของพระองค์เจ้าขุนเณรอีก ได้พิจารณาข้อความตอนหนึ่งที่ขุนนางผู้ใหญ่ ได้นำหนังสือกราบบังคมทูลถึงการปฏิบัติการรบกับกองทัพพระเจ้าอนุเวียงจันทน์ ในฐานะกองโจร และกรมพระราชวังบวรสถานมงคลแม่ทัพหลวงทรงตรัสว่า “ พระองค์เจ้าขุนเณรเขาเคยได้กระทำการศึกสงครามชำนิชำนาญ มาแต่ครั้งแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง แต่ครั้งท่านเสด็จไปตีพม่าที่เขาชะงุ้ม ราชบุรี ครั้งนั้น พระองค์เจ้าขุนเณรเขาได้เป็นนายทัพกองโจรไปตีกองลำเลียงพม่า เขาเคยมีชัยชนะมาแล้ว ” ยังมีข้อความตอนหนึ่งกล่าวว่าในปี พ.ศ. ๒๔๖๙ สันนิษฐานว่าพระองค์เจ้าขุนเณรมีพระชนมายุเกิน ๖๐ พรรษา และได้รับโปรดเกล้าฯให้เป็นนายทัพกองโจรคุมกำลังกองโจร ซึ่งเป็นคนพม่า คนทวาย และเป็นนักโทษมาแล้ว จำนวน ๕๐๐ คน ภายหลังให้ทหารเมืองนครราชสีมามารวมด้วยอีก ๕๐๐ คน โดยให้พระณรงค์สงครามเป็นหัวหน้า กองโจรต่างชาติซึ่งนำโดยแม่ทัพไทยได้เริ่มออกปฏิบัติการรบแบบกองโจร ในขณะที่กองทัพหลวงเข้าตีค่ายทหารลาวที่หนองบัวลำภู ค่ายส้มป่อย ค่ายทุ่งลำพี้ และค่ายเขาช่องสารเป็นลำดับไป
    สำหรับทัพหลวง กรมพระราชวังบวรฯ ได้โปรดเกล้าฯให้กรมหมื่นนเรศร์โยธี กรมหมื่นเสนีย์บริรักษ์ เป็นแม่ทัพใหญ่ นำกำลังเข้าประชิดทหารลาวที่ค่ายส้มป่อย เจ้าหน่อคำแม่ทัพใหญ่ค่ายส้มป่อยนำหน้าทหารเข้าตีค่ายทหารไทย พระยาเสน่หาภูธร และพระยาวิสูตรโกษาแม่ทัพหน้า ยกทหารออกต้านทานสัประยุทธ์ ยิงแทงกันเป็นสามารถ ยังไม่แพ้ชนะกันทั้งสองฝ่าย ไทยไพร่พลน้อยกว่าลาวจึงล่าทัพเข้าค่ายปีกกา ปิดประตูค่ายรักษามั่นไว้ กรมหมื่นนเรศร์ฯ แม่ทัพใหญ่ได้ทราบข่าวจากม้าเร็วว่า กองทัพหน้าถูกล้อมไว้ จึงยกกำลังเข้าไปแก้ไขอย่างเร่งด่วนโดยประมาท ถูกพระยาแสนหาญ กับพระยาน่านมือเหล็กแม่ทัพกองซุ่มของลาวคุมทหารแปดพันคน ซุ่มอยู่ข้างป่าดงตะเคียนยกพลเข้าโจมตีกองทัพกรมหมื่นทั้งสองพระองค์ ต่อสู้ตะลุมบอน ฟันแทงกันด้วยอาวุธทั้งสองฝ่าย ฝ่ายไทยเสียเปรียบจึงถูกฝ่ายลาวล้อมไว้อีกทัพหนึ่ง
    ฝ่ายพระองค์เจ้าขุนเณรซึ่งเป็นแม่ทัพกองทัพนินจา ก็ยกกองทัพพม่าทวายไปซุ่มคอยตีกลองลำเลียงลาวอยู่ในป่าหลังค่ายทุ่งส้มป่อย แล้วสามารถจับพลลาวได้เจ็ดคน ถามได้ความว่า “ เจ้าหน่อคำเป็นแม่ทัพใหญ่คุมพลทหารพันแปดร้อยยกไปตีกองทัพไทย และให้ท้าวเพี้ยคุมพลทหารพันหนึ่งรักษาค่าย แล้วเจ้าหน่อคำจัดการระวังทางป่าและลำธารเป็นสามารถ “ พระองค์เจ้าขุนเณรมีความวิตกกังวลนักจึงดำริอุบายที่จะไปช่วยกองทัพไทยฝ่ายกองหน้าที่ถูกล้อมไว้ จึงสั่งไว้ชีวิตทหารลาวทั้งเจ็ดคน แต่จับยึดเป็นเชลยอยู่หกคน ให้ทหารไทยปลอมตัวเหมือนลาวปลอมหาบคอนแทนหกคน รวมทหารลาวที่ปล่อยตัวไปหนึ่งคนเป็นเจ็ดคน พาพวกไทยหกคนเข้าไปในค่ายลาว ถ้าสำเร็จตามประสงค์ พระองค์เจ้าขุนเณรจะปูนบำเหน็จให้ เมื่อฝ่ายลาวขอรับอาสาตอบแทนพระกรุณาที่พระองค์เจ้าขุนเณรทรงไว้ชีวิตให้ พระองค์เจ้าขุนเณรจึงตรัสรับสั่งพระณรงค์สงครามให้เป็นแม่กองคุมทหารนินจาของพระองค์(อาทมาตทะลวงฟัน) และคุมพลทหารห้าร้อย ถืออาวุธสั้นและมีคบเพลิงสำหรับตัวทุกคน จะได้เผาค่ายลาว ให้ยกไปซุ่มอยู่ตามชายป่าห่างค่ายลาวประมาณ ๔๐ เส้น หรือ ๕๐ เส้น พอควรการให้ทันท่วงที ถ้าเห็นลาวพาไทยหกคนเข้าไปในค่าย เผาค่ายเจ้าหน่อคำได้แล้ว ให้พระณรงค์สงคราม ยกกองทัพอาทมาตรีบเร่งต้อนพลโห่ร้องกระหน่ำสับทับ หนุนเนืองกันเข้าไปหักค่ายให้พังลงแล้วไฟเผาค่ายลาวไหม้สว่างขึ้น พลทหารเจ้าหน่อคำก็จะตกใจ พว้าพวังทั้งข้างหน้าข้างหลัง ก็จะถอยทัพล่าถอยไปเอง ไทยที่อยู่ในที่ล้อมก็จะออกได้ แล้วจะได้เป็นทัพกระหนาบด้วย พระองค์เจ้าขุนเณรจึงตรัสสั่งไทยทั้งหกคนที่แต่งกายเป็นลาวนั้นว่า " ถ้าเข้าค่ายลาวได้ ให้ไล่ฆ่าฟันลาวในค่าย คลุกคลีตีลาวไป อย่าให้ลาวทันตั้งตัวหาอาวุธได้ ให้นำคบเพลิงเผาค่ายลาวขึ้นด้วย
    ครั้นเมื่อแผนการที่พระองค์เจ้าขุนเณรได้วางไว้สำเร็จ สร้างความอลหม่านให้แก่พลลาวเป็นอันมาก รวมทั้งช้างงาในค่ายลาวที่ตกมันน้ำมันอยู่ เห็นแสงไฟสว่างจ้าก็ตกใจแตกปลอกออก ไล่แทงผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก แล้ววิ่งหายเข้าป่าไปในค่ำนั้น ฝ่ายพระยาไชยสงคราม ท้าวสุวรรณ ท้าวหมี สามนายคุมพลทหารพันหนึ่ง อยู่รักษาค่ายที่ทุ่งส้มป่อย เห็นเชิงศึกไทยกระชั้นตีเข้ามาในค่ายได้โดยเร็วดังนั้นก็ตกใจ จะรวบรวมทหารให้เป็นเป็นหมวดเป็นกองออกต่อสู้ก็ไม่ได้ ด้วยรี้พลแตกตื่นตกใจมาก จะกดไว้ไม่อยู่ จึงปล่อยให้แตกแหกค่ายหนีไปซ่อนภายในป่าทั้งนายไพร่ได้บ้าง ที่ตายก็มากที่เหลือตายก็มี

    ขณะนั้นกรมหมื่นนเรศร์โยธี กรมหมื่นเสนีย์บริรักษ์ ทั้งสองพระองค์ที่อยู่ในที่ล้อมลาวทอดพระเนตรเห็นกองทัพลาวที่ล้อมอยู่นั้นล่าถอยไป จึงเข้าพระทัยชัดว่า ชะรอยจะมีกองทัพไทยผู้ใดไปจุดไฟเผาค่ายลาว ลาวจึงได้ล่าถอยไป จึงตรัสสั่งให้นายทัพ นายกองไทยเร่งรีบยกพลติดตามทัพลาวเจ้าหน่อคำที่ล่าถอยหนีไปนั้นให้เต็มมือ เจ้าหน่อคำสู้พลางถอยหนีมาพลาง เดินทัพรุดหนีมาตามทางในป่า ก็พอมาปะทะพบกองทัพพระองค์เจ้าขุนเณรที่ยกมาเป็นทัพกระหนาบหลังเจ้าหน่อคำ เจ้าหน่อคำกระทำศึกดุจดังฟองสกุณาปักษาชาติ อันถูกพายุพัดมาประดิษฐานตั้งกลิ้งกลอกอยู่ริมก้อนศิลาที่เป็นแง่อันแหลม

    ฝ่ายกองทัพไทยทั้งหลายไล่พิฆาตฆ่าฟันแทงลาวตายเป็นอันมาก ศพลาวซ้อนทับกันเต็มไปทั้งป่า นายทัพนายกองไทยเก็บเครื่องศาสตราวุธต่างๆ ไว้ได้ทุกอย่าง จับได้ช้างใหญ่ขนาดพลาย ๔๙ เชือก ช้างพัง ๔๑ เชือก ช้างเล็กไม่ถึงขนาดรวมทั้งพลายพังด้วยเป็น ๑๗๔ เชือก ม้า ๓๔๖ ม้า โคกระบือ ๖๐๐ เสบียง อาหารพร้อมบริบูรณ์ เจ้าหน่อคำแม่ทัพใหญ่หนีไปกับทหารร่วมใจสองร้อยเศษ ไปถึงค่ายเขาสาร ทหารไทยจับได้ไม่ หลังจากเสร็จสิ้นการศึก กรมพระราชวังบวรฯ ตรัสเรียกพระองค์เจ้าขุนเณรให้เข้ามาเฝ้าในที่ใกล้ และพระราชทานพระแสงดาบฝักทองคำองค์หนึ่งแด่พระองค์เจ้าขุนเณรเป็นรางวัล

    การปฏิบัติการแบบกองโจรของพระองค์เจ้าขุนเณรในพื้นที่การรบดังกล่าว ทำให้การรบของทัพหลวงได้รับชัยชนะรวดเร็วขึ้น แก้ไขสถานการณ์ที่เพลี่ยงพล้ำแก่ข้าศึก กลายเป็นการได้เปรียบอย่างคาดไม่ถึง ใช้กลยุทธ์เฉพาะหน้าที่เสี่ยงแก่ชีวิต และการแพ้ชนะชั่วเวลาอันสั้น ใช้การพิจารณาสถานการณ์ความรู้ในด้านจิตวิทยาเกี่ยวกับข้าศึกได้ถูกต้อง ใช้การลวง การจู่โจม ความเด็ดขาด ปฏิบัติการการรบอย่างกล้าหาญรุนแรง รวดเร็ว พฤติกรรมการรบของพระองค์ท่านเป็นอย่างกองโจรโดยแท้ และยังเป็นตัวอย่างที่เป็นแนวทางของการรบแบบกองโจรในสมัยนี้ได้อย่างสมบูรณ์ยิ่ง

    ปัจจุบันทางราชการได้สร้างเขื่อนขึ้นมาจึงให้ชื่อว่า เขื่อนเจ้าเณร ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น เขื่อนศรีนครินทร์ บ้านเจ้าเณรตั้งอยู่ริมแม่น้ำแควใหญ่ ต.ท่ากระดาน อ.ศรีสวัสดิ์ จว.กาญจนบุรี ปัจจุบันถูกน้ำท่วมหมดแล้วรวมทั้งเมืองท่ากระดาน ด่านแม่แลบ และด่านกรามเชียง( แก่งเรียง-ม่องคอย) ซึ่งเป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์อันสำคัญยิ่ง
    เพื่อเทิดทูนวีรกรรมของพระองค์เจ้าขุนเณร พระโอรสของเจ้าขุนรามณรงค์ หรือออกหลวงรามณรงค์ (พระเชษฐาของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช) พระองค์เจ้าขุนเณร ที่ทรงผู้บัญชาการหน่วยรบพิเศษคนแรกแห่งรัตนโกสินทร์ ปฏิบัติการรบในสมัยต้นรัตนโกสินทร์ ซึ่งพระภารกิจและวีรกรรมของพระองค์เจ้าขุนเณรในการรบที่สำคัญให้ปรากฏแก่อนุชนชาวไทยรุ่นหลังสืบไป
    ดังนั้น กองทัพไทยจึงได้มีหนังสือรายงานขออนุมัติ ทบ. เพื่อขอพระราชทานนามค่ายทหารของ กรมรบพิเศษที่ ๕ ว่า “ค่ายพระองค์เจ้าขุนเณร” ซึ่งได้รับพระมหากรุณาธิคุณทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามค่ายทหาร ให้แก่ กรมรบพิเศษที่ ๕ ซึ่งมีที่ตั้งปกติถาวร ณ ตำบลดอนแก้ว อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ว่า ค่ายขุนเณร ตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานนามค่ายทหาร ประกาศ ณ วันที่ ๒๙ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๔๘ ผู้รับสนองพระราชโองการ พลตำรวจเอก ชิดชัย วรรณสถิต รองนายกรัฐมนตรี ลงในหนังสือราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๓ ตอนที่ ๑ ง หน้า ๑๓ ลง ๓ มกราคม ๒๕๔๙


    <HR>
    อ้างอิง ๑. กรมศิลปากร, กรม. พระราชพงศาวดาร ฉบับพระราชหัตเลขา เล่มที่ ๒ ปี ๒๕๑๖.
    ๒. พลโทรวมศักดิ์ ไชยโกมินทร์. บทความ พระองค์เจ้าขุนเณร.
    ๓. ตำนานวัดยานนาวา, พระธรรมบาล, ฉบับทูลเกล้าฯ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช พ.ศ.๒๔๕๖
    ๔.พลตรีบัญชา แก้วเกตุทอง. สงครามเก้าทัพ.
    ๕. เอกสาร ฯขุนนครฯ, บันทึกลับ เจ้าพระยาบดินทร์เดชาฯ
     
  16. kib-kae

    kib-kae เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +259
    พระองค์เจ้าขุนเณร ปรมาจารย์การรบกองโจร แห่งศึกลาดหญ้า
    กรมหมื่นนเรศร์โยธี กรมหมื่นเสนีบริรักษ์ แม่ทัพใหญ่ ได้รู้ข่าวที่กองม้าเร็วคอยเหตุมากราบทูลนั้นแล้ว ก็ทรง พระวิตกเกรงเกลือกว่าสยามจักทำการรักษาค่ายไว้ไม่ได้ ก็จักเสียค่ายแก่ทัพลาวครั้งนี้เหมือนเสียค่ายหลวงด้วย เพราะค่ายหลวงตั้งชิดกับ ค่ายหน้า เพราะฉนั้นกรมหมื่นทั้งสองพระองค์จึ่งรีบร่งยกกองทัพขึ้นไปโดยเร็ว ปรารถนาจักช่วยทัพหน้าที่ถูกข้าศึก ลาวล้อมไว้นั้นให้ทัน ท่วงที จึ่งไม่ทันทรงระวังสองข้างทางที่เสด็จขึ้นไป แต่พอทัพกรมหมื่นทั้งสองพระองค์เถิงกลางทางในป่าดงตะเคียน อันเป็นที่ซุ่มกำลัง ของ ทัพลาว กองทัพสยามจึ่งเข้าสู่วงล้อมของทหารไพร่พลลาว
    พระยาแสนหาญ กับ พระยาน่านมือเหล็ก แม่ทัพนายกองซุ่มของลาว ซึ่งคุมพลแปดพันมาตั้งรออยู่ในป่าดงตะเคียนนั้นจึ่งเคลื่อน พลเข้าโจมตีกองทัพกรมหมื่นทั้งสองพระองค์ ๆ ได้ต่อสู้กับลาวที่กลางป่าเป็นสามารถ เถิงขั้นตะลุมบอนประชิดตัวฟันแทง กันด้วยอาวุธสั้น ทั้งสองฝ่าย จักยิงปืนใหญ่น้อยก็หาทันไม่เพราะเป็นการจวนตัว แต่ไพร่พลทหารสยามน้อยกว่าลาวจึ่งเริ่มล้าศึก
    นายทัพลาวจึ่งสั่งให้ไสช้างเข้าล้อมกองทัพสยามไว้ทุกด้าน พลช้างลาวไสช้างเข้าบุกบั่นฟันแทงทหารสยาม บอบช้ำ ลงมาก แต่ก็ยังเข้าไม่เถิงกรมหมื่นทั้งสองพระองค์ได้ เป็นแต่แค่ล้อมไว้กลางแปลง แลระดมยิงปืนใหญ่น้อยใส่กองทัพสยาม หวังละลาย ทัพให้สิ้นซาก
    กรมหมื่นทั้งสองพระองค์นั้น หาได้ครั่นคร้ามขามข้าศึกลาวไม่ กรมหมื่นนเรศร์โยธีจึ่งทรงให้ขรัวครูตามทัพ ๔ ท่าน ทำพิธีเสกทรายแลข้าวสาร ด้วยพระคาถาอิติปิโสเกราะเพชรพระพุทธเจ้าตามตำหรับพิไชยสงคราม แลทรงให้จาตุรงคบาท นำทราย แลข้าวสารไปซัดโรยโดยรอบหน้าทัพสยาม อำนาจคุณพระศรีรัตตรัยปกปักรักษาแผ่นดินเป็นที่อัศจรรย์นัก ด้วยพลทหารไพร่ลาว ก็มิอาจ ก้าวข้ามพ้นจากแนวข้าวสารแลทรายเสกเข้ามาได้กระสุนปืนใหญ่น้อย หล่นอยู่เพียงนอกเขตทรายแลข้าวสารเสกนั้นเป็นที่อัศจรรย์ ไพร่พล กองทัพลาวไม่อาจทำประการใดจึ่งล้อมนิ่งไว้เช่นนั้นด้วยหมดปัญญา คงเคลื่อนพลวนเวียนอยู่แต่ภายนอกเขตทัพสยามนั้น

    พระองค์เจ้าขุนเณร ซึ่งเป็นแม่ทัพกองโจร ยกกองทัพพม่า ทวาย นักโทษสยาม ไปซุ่มคอยตีกองลำเลียง เสบียงลาว อยู่ในป่าหลังค่ายทุ่งซ่มป่อย ขณะนั้นพลลาวในค่ายทุ่งซ่มป่อยออกเที่ยวหาเผือกมันกินเจ็ดคน กองทัพสยามม้าเร็วขี่ม้าเข้า ล้อม จับได้ทั้ง ๗ คน นำมาสอบถามได้ความว่า "เจ้าหน่อคำเป็นแม่ทัพใหญ่ คุมพลทหารพันแปดร้อยยกไปตีทัพสยาม แลให้ท้าวเพี้ยคุมพลพันหนึ่ง อยู่รักษาค่าย แล้วเจ้าหน่อคำจัดการระงรักษาทางป่าแลหนองน้ำ เอาไม้เบื่อไม้เมาใส่ลงธาร ให้ทหารสยามกิน ตอนนี้กองทัพสยามก็ถูกกองทัพของ ลาวล้อมไว้ได้สิ้นแล้วที่ป่าตะเคียน "
    พระองค์เจ้าขุนเณรได้รู้ความดั่งนั้นก็ตกพระทัย เกรงว่าพลลาวมากนั้นเมื่อยกไปตีสยาม ทัพสยามก็จักเสียเปรียบ ด้วยพลน้อยกว่าข้าศึกลาว จึ่งทรงดำริออกอุบายที่จักไปช่วยเหลือแก้กองทัพสยาม ฝ่ายกองหน้าที่ถูกล้อมนั้น จึ่งทรงเรียกพลลาวทั้งเจ็ด ที่จับมาได้นั้นเข้ามาเฉพาะพระพักตร์แล้วตรัสว่า " กูจับมึงทั้งเจ็ดคนนี้ได้โทษมึงเถิงตายทั้งสิ้น แจักยึดพวกมึงไว้หกคนก่อน แล้วจักให้พวกสยาม แต่งตัวเป็นลาวปลอมแบกหามหาบคอนแทนพวกมึงทั้งหกคน รวมเป็นเจ็ดคนทั้งพวกมึงคนหนึ่ง จักให้พวกมึงพาพวกสยามหกคนเข้าไปในค่ายลาว ในเพลาวันนี้มึงอย่าให้ ลาวในค่ายรู้ได้ ถ้าสำเร็จสมประสงค์ของกูแล้ว กูจักปูนบำเหน็จให้มีงเถิงขนาดความชอบของมึง มึงจักรับอาสาทำการ ตามที่กูสั่งนี้ได้ฤๅไม่ "
    ลาวทั้งเจ็ดคนต่างก้มลงกราบแล้วทูลว่า " ซึ่งท่านให้ชีวิตพวกข้าพเจ้าเจ็ดคนไว้ในครั้งนี้นั้น พระเดช พระคุณ ที่สุดแล้วมิได้ พวกข้าทั้งเจ็ดคนพร้อมใจกันจักขอรับอาสาทำหน้าที่ตามถ้อยคำของท่านนั้น"
    พระองค์เจ้าขุนเณรจึ่งตรัสสั่งให้ พระณรงค์สงคราม แม่กองอาทมาตครั้งศึกลาดหญ้า รับตำแหน่งแม่กองอาทมาต ทะลวงฟัน คุมพลทหารห้าร้อย ถืออาวุธสั้นมอมหน้าทาตัวด้วยเขม่า นุ่งหยักรั้ง ถืออาวุธสั้น มีคบเพลิง น้ำมันดินสำหรับตัวไปด้วยทุกคนจักได้เผาค่ายลาว ให้ยกไปซุ่มอยู่ที่ชายป่าห่างค่ายลาวสัก ๔๐ เส้น ฤๅ ๕๐ เส้น พอควรการให้ทันท่วงที ถ้าเหนลาวแลสยามทั้งเจ็ด คน เข้าไปในค่าย เผาค่ายเจ้าหน่อคำได้แล้ว ให้พระณรงค์สงครามนำพลกองโจรออกกระหน่ำหนุนเนื่องกันเข้าไปหักค่ายให้พังลง จุดไฟเผาค่ายให้ทั่ว พลทหารของเจ้าหน่อคำก็จักตกใจพว้าพวังทั้งข้างหน้าข้างหลัง ก็จักถอยทัพล่าไปเอง สยามที่อยู่ในที่ล้อมก็จักออก ได้แล้วจักได้เป็นทัพกระหนาบด้วย
    ครั้นพระณรงค์สงคราม นำไพร่พลกองโจรออกไปทำการแล้ว พระองค์เจ้าขุนเณรคุมพลทหารห้าร้อยคน ถืออาวุธ สั้นมอมหน้าทาตัวด้วยเขม่า ยกออกไปซุ่ม ห่างค่ายลาวทุ่งซ่มห้าสิบเส้น รอสัญญาณไฟ จากพลสยามที่จักแฝงตัวเข้าค่ายลาวตามที่สั่งไว้

    พลสยามหกคนกับลาวหนึ่งคนรวมเป็นเจ็ด แต่งเป็นลาวหาบคอนพากันเดินทางไปเถิงประตูค่าย เจ้าหน่อคำ ก็เป็นเพลาใกล้พลบค่ำ เหนนายประตูทั้งสี่คนกำลังกินอาหารอยู่ จึ่งชักดาบออกฟันนายประตูตายหมดทั้งสี่คน แล้วจึ่งวิ่งเข้าค่ายได้ก็ไล่ฟัน ลาวไปจนเถิงกลางค่าย พลทหารลาวสังเกตพลสยามไม่ถนัดเพราะแต่งเป็นลาวเหมือนกัน ต่างคนก็ต่างตกใจไม่รู้ว่าข้าศึกสยาม มาแต่ทาง ไหนไม่ พลสยามสี่คนนำคบเพลิงเผาค่ายขึ้นเป็นสัญญาณแก่พระณรงค์สงครามซึ่งซุ่มรออยู่ภายนอก ไพร่พลลาวสับสนค้นหาผู้ร้าย ที่แต่งตัวเป็นลาวแต่ก็หาพบไม่ ไฟก็จุดไหม้ไปทั่วค่าย
    พระองค์เจ้าขุนเณรแลพระณรงค์สงครามทั้งสองกองที่ซุ่มอยู่นั้น ครั้นเหนแสงเพลิงสว่างขึ้นที่ค่ายลาว จึ่งยกพล ทหารโห่ร้องเดินตามก้น หนุนเนื่องเข้าไปตีค่ายลาวพร้อมกัน พลทหารสยามพังค่ายเข้าสู่ข้างในได้ ก็ไล่ฆ่าฟันไพร่พลลาวตายเป็นกอง ๆ ช้างงาในค่ายลาวที่กำลังตกมันอยู่นั้น ครั้นเหนแสงไฟสว่างก็ตกใจ แตกปลอกออกไล่แทงผู้คนล้มตาย แล้วแล่นเข้าป่าไปในค่ำวันนั้น
    ในกองทัพลาว พระยาไชยสงคราม ท้าวสุวรรณ ท้าวหมี สามนายคุมพลทหารพันหนึ่ง อยู่รักษาค่ายซ่มป่อย เหนเชิงศึกสยามกระชั้นตีตะลุยเข้ามาในค่ายได้โดยเร็วเช่นนั้น ก็ตกใจไม่อาจรวบรวมทหารให้เป็นหมวดหมู่เป็นกองออกต่อสู้ได้ทัน ด้วยรี้พลแตกตื่นตกใจมากสุดที่จักกดไว้อยู่ ทหารลาวทั้งไพร่นายก็ตีแหวกแหกค่ายหนีไปซ่อนกายในป่าได้บ้าง ที่ตายก็มากที่เหลือตาย ก็มี
    พระองค์เจ้าขุนเณรเมื่อตีค่ายทุ่งซ่มป่อยแตกแล้ว ยึดได้ช้างพลายพังระวางเพรียวยี่สิบช้าง ม้าร้อยม้า โคต่าง เกวียน กระบือเป็นอันมาก กับเครื่องสรรพาวุธใหญ่น้อยกระสุนดินดำ พร้อมด้วยลาวเชลยสองร้อยแข็งแรงดี ที่ทุพลภาพป่วยไข้ด้วยอีกร้อยเศษ พระองค์เจ้าขุนเณรมีรับสั่งให้พระณรงค์สงครามคุมพลสยามแปดร้อย พร้อมกับพระองค์คุมพลทหารกองอาทมาตห้าร้อย รีบยกลงไปแก้ไข กลศึกลาวที่กำลังล้อมทัพของกรมหมื่นนเรศร์ แลกรมหมื่นเสนีบริรักษ์ที่ป่าตะเคียน เป็นการด่วน


    เจ้าหน่อคำแม่ทัพใหญ่ลาว กำลังตั้งทัพล้อมทัพสยามกรมหมื่นนเรศร์โยธี แลกรมหมื่นเสนีบริรักษ์ อยู่ที่ป่าตะเคียน แลเหนแสงไฟ ขึ้นจับขอบฟ้าทางด้านค่ายทุ่งซ่มป่อย ก็รู้ด้วยกลศึกว่าค่ายของตนเสียแก่ข้าศึกสยามแล้ว ด้วยว่าตนได้นำทัพมาหลงล้อมทัพสยามอยู่ทางฟากนี้ เจ้าหน่อคำจึ่งให้ล่าทัพถอยหนีกลับมาตั้งรั้งทัพอยู่


    ขณะนั้น กรมหมื่นนเรศร์โยธี กรมหมื่นเสนีบริรักษ์ ทั้งสองพระองค์ที่ตกอยู่ในวงล้อมกองทัพลาว เหนแสงเพลิงพุ่งจับ ขอบฟ้าทางด้านค่ายทัพลาวทุ่งซ่มป่อยเช่นกัน แลเหนกองทัพลาวที่ล้อมอยู่นั้นล่าถอยไป จึ่งเข้าพระทัยแน่ชัดว่า ชะรอยจักมีกองทัพสยามผู้ใดไปจุดไฟเผาค่ายลาว ๆ จึ่งได้ล่าถอยไป จึ่งตรัสให้นายทัพนายกองสยาม รีบเร่งยกตดตามตีทัพลาวเจ้าหน่อคำที่ล่าถอย ไปนั้น ให้เต็มมือ
    เจ้าหน่อคำสู้พลางถอยพลาง ถอยทัพรุกหนีมาตามทางในป่า ก็พอมาปะทะพบกองทัพพระองค์เจ้าขุนเณร ยกมาเป็นทัพกระหนาบหลังเจ้าคำ ๆ กระทำศึกดั่งคลื่นที่ถาโถมสู่ฝั่งทะเลยามพายุ
    พระองค์เจ้าขุนเณร ให้ทหารล้วนทาเขม่าตัวหน้าตาดำ โห่ร้องทะลวงฟันยิงแย่งแทงด้วยหอกดาบแลหลาว ดูคล้าย กับภูตผีปีศาจหนุนเนื่องกันเข้าโจมตีเป็นทัพกระหนาบสะกัดหลังทัพลาวไว้ ทัพลาวมิรู้ความแตกตื่นด้วยคิดว่าเป็นผีป่า ผีโขมดไม่เป็น อันจักต่อสู้ต่างวิ่งหนีเข้าป่า ทัพสยามจึ่งฆ่าฟันลาวตายเป็นอันมาก


    เจ้าหน่อคำเหนเชิงศึกสยามเจ้าขุนเณรหลักแหลมด้วยเล่ห์กลนัก เหลือกำลังจักตั้งหลักต่อสู้หาได้ไม่ จึ่งพา ทหารร่วมใจสองร้อยคนเศษตีแหกทัพสยามออกจากวงล้อมของพระองค์เจ้าขุณเณรได้ เจ้าหน่อคำถูก กองทะลวง ฟันอาทมาตซัดด้วย หอกตกลงมาจากหลังช้าง ได้รับบาดเจ็บแต่ทหารลาวก็พากระเสือก กระสนหนีตายอาศัยความมืดรกทึบเข้าป่าดิบ ไปได้พร้อมพลลาวเพียงยี่สิบกว่านาย กองทัพลาวที่เหลือทั้งหลายนั้นแตกฉานซ่านเซ็นเร้นหนีไปทั่วป่า จักควบคุมเข้ากันมิได้ ตัวแม่ทัพนายกองล้วนถูกกองทะลวงฟันมอมหน้าทาเขม่าของพระองค์เจ้าขุนเณรฆ่าเสียสิ้น ศพลาวตายซับซ้อนเต็มไปทั้งป่า ลาวที่จับ ได้เป็น ๆ มาเท่าใดไม่ปรากฏ เพราะไม่ได้รับรายงานการศึกในเพลานั้น
    นายทัพนายกองสยาม แลกองทะลวงฟันอาทมาตสยาม เก็บได้เครื่องศาสตราวุธต่าง ๆ ไว้ได้พันลึก ได้ช้างขนาด พลาย ๔๙ เชือก ช้างพัง ๔๑ เชือก ม้า ๓๔๖ ม้า โคกระบือ ๖๐๐ เสบียงอาหารพร้อมบริบูรณ์ เจ้าหน่อคำแม่ทัพใหญ่พร้อม กับทหารร่วมใจยี่สิบกว่านายหนีรอดจากทัพสยามไปจนเถิงค่ายเขาสาร

    ฝ่ายกรมหมื่นนเรศร์โยธี กรมหมื่นเสนีบริรักษ์ ทั้งสองพระองค์จึ่งตรัสสั่งนายทัพนายกองสยาม ให้เก็บรวบ รวมเครื่องสรรพาวุธ เสบียงอาหารที่ยึดจากทัพลาว บำรุงช้างม้าไพร่พลสยามทั้งหลายไว้ให้บริบูรณ์เป็นปกติ ทั้งยึดค่ายลาวใช้พักพล เป็นการชั่วคราว จึ่งมีรับสั่งให้นายทัพนายกองจัดทัพใหญ่ไว้รับเสด็จกรมพระราชวังบวรฯ แล้วทรงแต่หนังสือบอกข้อราช การศึก ซึ่งมีชัย ชำนะแก่ทัพลาวฉบับหนึ่ง โปรดให้ หลวงเดชอัศดร กับหลวงไกรสรสินธพ สองนายทหารคุมทหารม้าสี่สิบม้าถือหนังสือบอก ลงมาทูล เกล้าฯ ถวายกรมพระราชวังบวรฯ ที่ค่ายหลวงตำบลน้ำเชิน

    หากพี่ๆ ท่านไหนเคยอ่านแล้ว..น้องต้องขออภัยด้วยนะเจ้าคะ ที่นำมาลงซ้ำ..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 ธันวาคม 2010
  17. kib-kae

    kib-kae เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +259
    พี่ๆ ท่านไหน เดินทางไป อ. เชียงดาว คงเคยผ่านตา มาแล้วนะเจ้าคะ ส่วนพี่โมเย กลับบ้านแม่ริม ก็คงผ่านประจำ

    ขออนุญาต นำประวัติหน่วยมาลงให้พี่ๆ ชม นะคะ


    ที่ตั้งของหน่วย รพศ.๕

    ตั้งอยู่ ณ บ้านเลขที่ ๒๐๒ หมู่ ๑ ต.ดอนแก้ว อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ รหัสไปรษณีย์ ๕๐๑๘๐ มีเนื้อที่ประมาณ ๑๐,๖๒๕ ไร่

    ประวัติความเป็นมาของหน่วย
    รพศ.๕ จัดตั้งขึ้น ตามคำสั่ง ทบ. (เฉพาะ) ที่ ๑๔๔/๒๖ ลง ๗ ก.ค.๒๕๒๖ โดยเริ่มแรกเป็นหน่วยขึ้น

    ตรงของ พล.รพศ.๒ มีที่ตั้งชั่วคราวครั้งแรกอยู่ที่ค่ายสมเด็จพระนารายณ์มหาราช อ.เมือง จ.ลพบุรี
    และเมื่อวันที่ ๒๒ ธ.ค.๒๕๒๖ ได้เคลื่อนย้ายหน่วยมาเข้าที่ตั้งถาวรในเขต อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ต่อมา
    ๕ เม.ย.๒๕๔๔ กองทัพบกมีแผนปรับโครงสร้างกองทัพใหม่ จึงมีคำสั่งให้ รพศ.๕ และหน่วยขึ้นตรง ปรับสายการบังคับบัญชา เป็น นขต.พล.รพศ.๑ ตั้งแต่วันที่ ๕ เม.ย. ๒๕๔๔ ตามคำสั่งทบ.ลับ (เฉพาะ) ที่
    ๑๒๔/๔๓ ลง ๑ พ.ย. ๔๓ และมีคำสั่งให้ปิดหน่วย พล.รพศ.๒ ตั้งแต่วันที่ ๑ ต.ค. ๒๕๔๔ เป็นต้นมา
    รวมทั้งได้สั่งการให้ย้ายที่ตั้ง บก.รพศ.๕ และ ร้อย.นขต.ฯ มาเข้าที่ตั้ง ปัจจุบัน แทน บก.พล.รพศ.๒ และให้ รพศ.๕ พัน.๑ ย้ายไปเข้าที่ตั้งแห่งใหม่ แทน อาคารของ บก.รพศ.๕ เดิม และเมื่อ ๒๙ พ.ย.๒๕๔๘ หน่วยได้รับพระราชทานนามค่าย จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นามว่า “ค่ายขุนเณร” ราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ ๑๒๓ ตอนที่ ๑ ง หน้า ๑๓ ลง ๓ ม.ค. ๒๕๔๙ โดยกระทำพิธีเปิดค่ายอย่างเป็นทางการเมื่อ ๗ ก.ค.๒๕๔๙ รพศ.๕ มีที่ตั้งอยู่ ณ บ้านเลขที่ ๒๐๒ หมู่ที่ ๑ ต. ดอนแก้ว อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ปัจจุบัน
    มี พ.อ.สายัณห์ เมืองศรี เป็น ผบ.รพศ.๕ มีพื้นที่รับผิดชอบประมาณ ๑๐,๖๒๕ ไร่ อยู่ห่างจาก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ทางด้านทิศเหนือประมาณ ๑๒ กิโลเมตร

    วันสถาปนาหน่วย
    รพศ.๕ ได้จัดตั้งขึ้นตามคำสั่ง ทบ. (เฉพาะ) ที่ ๑๔๔/๒๖ เรื่อง การจัดตั้ง กรมรบพิเศษที่ ๕ ลง ๗ ก.ค.๒๕๒๖ โดยให้เป็นหน่วยขึ้นตรงในอัตราของ พล.รพศ.๒ ซึ่ง รพศ.๕ จึงได้กำหนดให้วันที่ ๗ ก.ค.ของทุกปี เป็นวันคล้ายวันสถาปนาหน่วย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  18. kib-kae

    kib-kae เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +259
    รออ่านของ ท่านพี่ทางสายธาตุ อยู่นะเจ้าคะ..แหะๆ น้องเหมามาหลายกระทู้แล้วเจ้าค่ะ..


    ;aa47
     
  19. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    เกรงใจน้อง kib-kae ขอเพียงสั้นๆก็พอนะครับ เรามันคนกันเอง นับพี่นับน้องก็ทราบซึ้งตรึงใจมากแล้วครับ

    ขอบคุณมากครับ บทความเรื่องพระองค์เจ้าขุนเณร ไม่เคยได้อ่านในรายละเอียดอย่างนี้ แย่จังเลย ผ่านกรมรบพิเศษที่ 5 ครั้งใดก็เกิดข้อกังขาในใจทุกครั้งไปที่ไม่สามารถตอบโจทย์ให้ตัวเองได้เกี่ยวกับชื่อ "ค่ายพระองค์เจ้าขุนเณร"
    พึ่งจะมาเคลียร์ได้วันนี้เอง เรื่องการรบแบบกองโจร หรือที่สมัยใหม่นำมาเรียกกันว่าการรบพิเศษ เป็นที่ยอมรับกันว่า ได้มีการริเริ่มในสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช คาดเดากันว่า พระองค์ท่านทรงได้แนวเคล็ดวิชานี้มาจากพระเจ้าบุเรงนองก็เป็นได้นะครับ เรื่องนี้คงต้องถกกันอีกนาน

    บทความดีๆอย่างนี้ถึงได้เคยอ่านแล้วก็ไม่น่าเบื่อ มีเรื่องอะไรอีกก็นำมาโพสลงนะครับ ถือว่าเป็นวิทยาทานก็แล้วกัน
     
  20. kib-kae

    kib-kae เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +259
    สมเด็จท่าน ถึง เป็นพระบิดาแห่งการรบพิเศษไทย ที่ทหารรบพิเศษไทยถึงศรัทธาพระองค์ท่านนักหนา

    ท่านพี่ก็คงเคยผ่านการฝึก การรบแบบจู่โจม มาแล้วนะเจ้าคะ

    "หัวเสือคาบดาบ"


    ประวัติหน่วยรบพิเศษไทย

    จอมกษัตริย์นักรบจู่โจม
    เมื่อกล่าวถึงในวงการการทหารของไทยแล้ว สมเด็จพระนเรศวรนับว่าเป็นพระองค์แรกที่ มีการบันทึกไว้ว่ามีการใช่ยุทธวิธีการรบแบบกองโจร ที่ นับได้ว่าเป็น การปฏิบัติการแบบรบพิเศษ หรือ การปฏิบัติการพิเศษ ตัวอย่างเช่น การใช้บันได หลายท่านคงอาจจะยังงง ว่า บันไดมันเกี่ยวอะไรกับ หน่วยรบพิเศษ แต่ถ้าท่านที่สนใจเรื่องการชิงตัวประกัน คงอาจจะเคยเห็น ภาพหรือ ข่าวโทรทัศน์ ของหน่วยสวาท สหรัฐ ใช้บันไดในการเข้าปฏิบัติการ การทหารไทย สมัยใหม่สมัย หลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ แถบไม่เห็นความจำเป็นของการใช้บันไดเลย ในส่วนของ หน่วยปฏิบัติการพิเศษ โดยเฉพาะการปฏิบัติการในพื้นที่สิ่งปลูกสร้าง, หรือการรบในเมือง ที่เราอาจะเห็นกันชินตาในการเข้าจู่โจมรถบัส เพื่อชิงตัวประกัน ของหน่วยสวาท ของตำรวจหรื่อ หน่วยปฏิบัติการพิเศษของเหล่าทัพ แต่ในส่วนของทหารไทยถูกลืม ไปโดยสิ้นเชิง จนกระทั่ง ไม่นานมานี้ การรบในพื้นที่สิ่งปลูกสร้างเริมที่จะเป็นที่สนเพราะพื้นที่สิ่งปลูกสร้างเริ่มมากขึ้น
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-LEFT-COLOR: #d4d0c8; BORDER-BOTTOM-COLOR: #d4d0c8; BORDER-TOP-COLOR: #d4d0c8; BACKGROUND-COLOR: transparent; BORDER-RIGHT-COLOR: #d4d0c8">

    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-LEFT-COLOR: #d4d0c8; BORDER-BOTTOM-COLOR: #d4d0c8; BORDER-TOP-COLOR: #d4d0c8; BACKGROUND-COLOR: transparent; BORDER-RIGHT-COLOR: #d4d0c8">

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ที่จริงในเมือง ไทยการใช้บันได ไม่ใช่เพิ่งเริ่มในยุคก่อตั้งหน่วยปฏิบัติการพิเศษ แต่ เริ่มมาตั้งแต่อยุธยา และมีปรากฏหลักฐานการบันทึกที่เด่นชัดในการเข้าโจมตีค่ายพม่าของสมเด็จพระนเรศวร
    ในเรื่อง การซุ่มยิง หรือ การปฏิบัติการโดยใช้พลแม่นปืน ในการรบ สมเด็จพระนเรศวร ก็เคยทรงใช้ พระแสงปืนต้น ข้ามแม่น้ำสโตง ( บังเอิญมาคล้าย ชื่อ ของ ปืน ซุ่มยิงปัจจุบัน สโตนเนอร์ STONER หรือ SR 25 ) ทำการยิง แม่ทัพพม่า สุกรรมมา เสียชีวิต ซึ่งเป็น ตรงหลักการจัดลำดับความสำคัญของเป้าหมายได้ คือ ระบบการบังคับบัญชา ซึ่งมีความสำคัญ ทุกยุค ทุกสมัย
    ดังนั้นจากพระราชกรณียกิจในด้านการทหาร ที่ถูกบันทึกไว้ หน่วยรบพิเศษ ไทย จึงถือว่า สมเด็จพระนเรศวรนพระบิดาแห่งการรบพิเศษ โดยเฉพาะ กองพันจู่โจมไม่ว่าจะเป็น กองพันนักเรียนจู่โจม หรือ กองพันจู่โจมหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ ล้วนนับถือ และถือว่า เป็น พระบิดาแห่งการรบแบบจู่โจม
    ในเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่ น่าสนใจมากเพราะนับตั้งแต่ตั้งหน่วยมา มีเรื่องหลายเรื่องที่ เป็นเรื่อง บังเอิญ ครั้งหนึ่ง ในการปรับแผนขั้นสุดท้ายก่อการเข้าปฏิบัติภารกิจ เข้าตี ข้าศึก บริเวณแนวชายแดน ผบ.หน่วยได้ร่วมกันวางแผนและทำภูมิประเทศ จำลองใต้ต้นไม้ ต้นหนึ่ง ต้นไม้ต้นนั้น คือ ต้นพุทรา หลายท่านอาจจะไม่ทราบว่า ต้นพุทรา มีความสำคัญอย่างไร ในประวัติศาสตร์ ในครั้งที่ สมเด็จพระนเรศวร ทำยุทธหัตถีกับ สมเด็จพระมหาอุปราชา ตอพุทรามีส่วนในการที่ช่วยให้ชัยชนะตกเป็นของสมเด็จพระนเรศวร และในครั้งนั้น ก็เป็นความสำเร็จในการปฏิบัติการที่ หลายคนบอกว่าเป็นการฆ่าตัวตาย ในการที่จะเขาตีข้าศึกที่อยู่ในทีสูงและมีชัยภูมิดีกว่า ..อาจจะเป็นเพราะต้นพุทรา ก็เป็นได้
     

แชร์หน้านี้

Loading...