เราไม่มีในกาย กายไม่มีในเรา

คุณธรรมภูต

อันนี้มันแบกตำรามาตอบ
นี่ขนาดแบกตำรามาตอบนะยังผิดเลย

คุณธรรมภูต คุณธรรมภูต.....
คุณเปลี่ยนชื่อที่คุณตั้งขึ้นนี่เถอะ
คุณเป็นใคร ไปยกเอาอีกพระนามของพระพุทธองค์มาตั้งชื่อตนเอง
แค่นี้ยังหาบบาป หาบกรรมไม่พออีกเหรอ

น่าอายนะคุณธรรมภูต
คนที่เข้ามีฌาณเค้าจะหัวเราะเอานะคุณธรรมภูต
ขนาดตอบภาคปริยัติยังผิด

แล้วภาคปฏิบัติไม่เคยพูดถึงเลย
คนปฏิบัติเค้าฟังแค่นี้นะ เค้ารู้เลยว่าคนที่ตอบนี่
เป็นยังไง ปฏิบัติเป็นยังไง จับจุดนิดเดียวรู้เลย

คุณกลับไปศึกษาพระพุทธศาสนาใหม่นะครับ

ผมสรุปได้แล้วล่ะว่าคุณไม่รู้อะไรมากนักหรอก
บังเอิญนั่งสมาธิไปจิตรวมโดยบังเอิญเท่านั้นเอง
ดีไม่ดีปฏิบัติมาเป็น สิบ ๆ ปี จิตรวมครั้งเดียว
แล้วไม่เคยรวมอีกเลย
เลยคิดเป็นตุเป็นตะว่า เป็น ฌาณ 4

เฮ้อ กิเลสหลอกคนนี่
หลอกได้สนิทใจจริง
รู้ไม่ได้เลยนะว่าถูกกิเลสหลอก

 

เอาชัดๆนะท่านเอกวีร์
ท่านเน้นเรื่อง ดูเฉยๆ
ผมเน้นเรื่อง การฝืนทวนกิเลส

พอดีว่า หลวงตาบัวสอนเมื่อคืน บอกว่า มีคนหาว่านอนเฉยๆก็ได้ ไม่ต้องปฏิบัติก็บรรลุได้ ไปเหน็ดเหนื่อยทำความเพียรกันทำไม
หลวงตาบอกว่า ถ้ามันได้จริง ในสมัยพุทธกาล คงไม่มีใครปฏิบัติจนเท้าแตก จักษุแตกหรอก แล้วหลวงตาก็ยกตัวอย่างสาวกองค์หนึ่งว่าปฏิบัติจนจักษุแตกแล้วได้สำเร็จอรหัตตผล
ผมหยิบเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อชี้ว่า หลวงตาสอนให้สู้กับกิเลส ทำความเพียร ไม่ย่อท้อ
ผมไม่ได้หมายความว่า นอนเฉยๆ กับ ดูเฉยๆ เหมือนกัน
นี่ท่านเอกวีร์เข้าใจคลาดเคลื่อนไปแล้ว
แบบนี้จะไม่ให้ขำได้อย่างไร 55555

แล้วคำพูดคุณมันเหมือนเด็กๆ เวลางอน
เวลาเด็กมันงอน มันก็มักบอกว่า ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน เธอจะคิดยังไงก็คิดไป ฉันไม่สนใจ
หรือ กับแฟนก็คล้ายๆกัน
พอเราบอกว่า ช่วงนี้ยุ่งๆ ไม่ค่อยมีเวลานะ
แฟนก็งอนแล้วตอบว่า ไม่มีเวลาก็ไม่ต้องมาหามาเจอกันอีกแล้ว
อ้าว! เป็นงั้นไป อิอิ
ท่านเอกวีร์ก็อย่างอนไปเลยนะ อิอิ

การที่ท่านส่งต่อคำสอนพระ ก็เป็นเรื่องดี
แต่ต้องระวังบ้างว่า ต้องเหมาะกับคน เหมาะกับกาล ด้วย
แล้วที่สำคัญ อย่าบิดเบือนธรรมออกไป
พระสอนให้ดูรู้เฉยๆ ก็ถูกแล้ว
แต่ท่านเอามาอ้างว่า เป็นทางเดียว สมาธิ ฝืน ทวน ห่างไกลมรรคผล
แบบนี้เท่ากับตีความด้านเดียว รู้ตัวหรือเปล่า ท่านเอกวีร์ เล่าปัง บุคคล3 นิวรณ์ ที่รัก...

 

อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ผมก็ทำได้แบบนี้ ดูมันไปอย่างนี้ ส่วนเรื่องดูวิญญาณ ผมก็บอกได้
เลยว่าผมเห็นมันแล้ว และเห็นได้แจ่มชัดกว่านั้น หากตอนนี้ไปฝึกเปิด
ภาครับ ก็จะเข้าใจภาษาสัตว์ต่างๆ แต่พระท่านว่า มันไม่มีประโยชน์
ดูเฉยๆ อย่างนี้ไปก่อน เพื่อสะสมบารมีให้เต็มเร็วๆ

ถ้าอยากรู้ว่า การไปรู้ภาษาสัตว์มีคุณหรือโทษ ให้ศึกษาชาดกที่กล่าว
ถึงจุดเริ่มแรกของ พรเทวทัตที่มีจิตปองอาฆาติพระพุทธองค์ </TD></TR></TBODY></TABLE>
ไป นั่น


เห็นข้อความนี้แล้วโคตรฮา
ไปไกลเกินไปแล้ว กลับมาใกล้ๆกันหน่อย หุๆๆๆ
ไปเรื่องเจโตปริยญาณแล้ว หุๆๆๆ
<!-- / message -->

 

เออ หนอ ถ้า การดูเฉยๆ ไม่ได้ผิดอะไร ไม่ได้มีเหตุว่า ผมปฏิบัติผิดอะไร

คุณจะยกธรรมะของหลวงตา มาสอนผมทำไมครับ ถ้าผมไม่ได้ทำผิดอยู่

นี่แปลว่า ดูเฉยๆ ของผม ไม่ใช่ นอนเฉยๆ สินะ

ถ้าอย่างนั้น ผมก็ปฏิบัติธรรมดีอยู่สินะ

แล้วคุณยกธรรมของหลวงตามมาแสดงให้คนที่ไม่มีปัญหาอะไร
แล้วมันก่อประโยชน์ตรงไหนหละครับ

 

เอาพี่ ฮาอะไรครับ ผมปฏิบัติธรรมดีอยู่ไม่ใช่เหรอ ไม่ได้นอนเฉยๆ ไม่ใช่
เหรอ คนที่ปฏิบัติธรรมอยู่ แล้วคุณมาหัวเราะนี่ แปลกคนไหม

แล้วอีกอย่างนะ รู้สึกไหมว่า บางอย่างที่ผมพูดนี่มันโคตรฮา ไม่รู้ว่าเอาอะไร
มาพูด ฟงยังไงก็ไม่รู้ว่าเขาบรรยาถึงอะไร มันมีเรื่องที่ตนไม่รู้ พอมีเรื่องที่
ตนไม่รู้ ก็สรุปเอาว่านั้นไม่ใช่ความรู้ เสร็จแล้วก็ฮา ตามประสา

 

55555 เห็นประโยคนี้แล้ว โคตรฮา ฮากว่าธรรมโม้ของท่านเอกวีร์เสียอีก

เห็นได้ก็สักกายทิฏฐิขาด สงสัยจะไม่มีในนี้นะ อิอิ
มีแต่พวกที่ต้องให้มันมีอะไรรู้เห็นในอะไร
จะมีบ้างไหม ที่เห็นแบบไม่ต้องไปรู้อะไรเนี่ย หุๆๆๆๆๆ

 

ยังไม่เก็ต หุๆๆๆๆๆ
ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ธรรม หรือวิธีการปฏิบัติ
มันอยู่ที่ความยึดมั่นในเส้นทางต่างหาก...อิอิ

 

นี่ พี่วิมุตติ อย่าลืมสิ ว่าผมหนะปฏิบัติธรรมไม่เป็น ผมนะโหลยโถ่ยปฏิบัติธรรม
ไม่เป็นเอาเลย ได้แ่ต่เอาคำพระมาโฆษณาหาคนที่มีวาสนา

แล้วคนที่ปฏิบัติธรรมไม่เป็นนี้ มันเหมือน คนพิการ

คนเช่นไรหรอ ทีเห็นคน พิการ แล้วหัวเราะเยาะ

ไอ้ หุๆ นี่มาจากไหน ทวนดูหรือยัง มันมาจากไหน

ปากตัวเองบอกว่า ฉันทวนเป็น ฉันทวนเก่ง แล้วไหน หุๆ มันมาจากไหน

ไหนฝืนกิเลส ไหนเป็นคนดี ไหนก่อกุศลเนืองๆ ไหนเป็นพุทธบุตร

โอ้พุทธบุตรลูกศิษย์อาจารย์ขันธ์หัวเราะเยาะคนพิการ !

 

สวัสดีครับ แว่ะมาดู แว่ะมาทัก จะได้ไม่ลืมกัน ขอดูต่อแล้วกัน ^-^

 

คร๊าบพ่อลูกศิษย์สุดประเสริฐของอาจารย์ขันนักทวน

ผมจำได้นะว่า คนที่คุณยกเป็นอาจารย์สอนคุณหลายครั้ง ไอ้เรื่อง หุหุ อิอิ
หัวเราะเยาะชาวบ้าน

โอ้ พ่อลูกศิษย์สุดประเสริฐของอาจารย์ขันธ์ผ่านไป 2 ปีแล้วกระมัง มันยัง
ทวนอะไรง่ายๆ ไม่ออกเลย !

 

โอ้ย ผมจะเอาอะไรไปเก็ต ผมก็อยากยึดทางของพี่เหมือนกันแหละถ้ามันดี

นี่ก็รอดูว่า อิอิ หุหุ มันจะหายไปจากกระดองพี่ได้หรือยัง ถ้าหายได้ก็อาจ
จะมีเอ๊ะ สงสัยจะดีจริง

แต่ถ้าวันๆ ยังเห็นพี่ หุหุ อิอิ ผมก็ขอ suspende ไว้ก่อน

 

พี่เอก ใจเย็นๆ
อย่าเผลอตามปฏิฆะ
ผมแต่พอทวนได้ แต่ยังทวนไม่เก่งหรอก
แล้วนี่อะไร หัวเราะเยาะคนพิการ ใครหรอ คนพิการ
ไปไกลอีกแล้ว หุๆๆๆๆๆ

 

ผมว่าคุณนิวรณ์
แกก็ตอบให้เข้าใจได้ง่าย ๆ นะครับ
เพียงแต่แกยกมาเป็นอุบายธรรมเท่านั้นเอง
ถ้ายกมาทั้งหมดก็ไม่ใช่อุบาย

ก็ไม่เห็นจะเข้าใจอะไรยาก
แล้วทำไมต้องบีบแกให้จนมุม
ทั้งที่มันไม่มีมุมให้จน

 

ก็ผมไง คนพิการ คือ ยึดการปฏิบัติทางเดียว ปรุงกิเลสไม่รู้จักวาง
จำคำพระมาพูดไม่เคยปฏิบัติเลย

สงสัยอะไรอีกเหรอ

 

แย้งธรรมไม่ได้ เลยตีตรง อิอิ หุหุ
นี่มันคนพาลหนิ
ผมเป็นคนอารมณ์ดี
พิมพ์ภาษาสไตล์แช๊ด เหมือนเล่นเอ็ม
ไม่เห็นเป็นปัญหาตรงไหน
ยกเว้น มีคนเอาไปคิดว่ามันเป็น...หุๆๆๆ

 

นี่ ต้องอย่างนี้ มีที่ไหน เห็นคนมีกิเลส แล้วมาไล่ต้อนคนมีกิเลสให้หยุด

ผมจะหยุดกิเลสผมได้อย่างไร ในเมื่อผมมันคนมีกิเลส ปฏิบัติก็ไม่เป็น ได้
แต่จำมาพูด ยึดรู้อยู่ทางเดียว

 

อย่ากล่าวเช่นนั้น
คุณปฏิบัติมามากกว่าผมอีกนะ
แล้วไม่ก้าวหน้าไปไหน เพราะทางมันปิดอยู่
คุณคิดว่า คนที่ปฏิบัติธรรมมากว่า 30 ปีเนี่ย ทำไมยังไม่ข้ามโคตรสักที
เสียเวลากับอะไรอยู่หรือ
หากจะกล่าวว่า คุณมีวาสนาน้อย
ผมว่า ยังไม่ใช่
ธรรมคุณดีมาก รอบรู้มาก ศรัทธามาก ปัญญาก็มาก
เพียงแต่ตอนนี้กำลังติด เราก็พยายามดึงออกมา
เจตนาไม่ต้องการเอาชนะ
ผมจะเอ่อ ออ กับท่านเอกก็ได้
ไม่ต้องเสียเวลา
แต่เราเป็นกัลยาณมิตรกัน
มิตรภาพที่ดี ผมไม่เคยลืม
ผมจะช่วยท่านให้ถึงที่สุด...ท่านเล่าปัง เอกวีร์ บุคคล3 นิวรณ์

 

ไปนั่น ผมเป็นคนอย่างนั้น เป็นคนอย่างนี้

โถๆ พอนักทวนกระแสธรรม ภพชาติบานเต็มกระโหลกกะลา

อุปมาได้เสด็จยาดกว่าผมอีก ผมแค่วิ่งไปคนพิการ

พี่เล่นไปนู้น นักแช๊ท

จ๊า พอนักแช๊ท สมเหตุสมผล แล้วหละที่ หุหุ อิอิ

 

เหรอ ผมปฏิบัติมามากกว่าคุณเหรอ แล้วใครสอนผมอยู่หละนี่ พ่อคูณทูลหัว

 

ถ้าอยากเป็นกัลยาณมิตร ก็ต้อง รู้จักพูดให้สวย ผมหนะจนปัญญาเพราะกิเลสหนา

แต่คุณนั้นดีกว่า ปฏิบัติธรรมได้หลายแนว ไม่ยึดทางเดียว ทวนธรรมก็เก่ง

ดังนั้น อะไรที่พอจะเอื้อให้ผมได้ ก็ให้พูดเอื้อให้ผมหน่อย อย่าได้ทำไปแล้ว พูด
ไปแล้ว อีกฝ่ายจะพลอยน้อยเนื้อต่ำใจ

สรุป หยุด หุหุ อิอิ ลง ก็จะเป็นกริยาของผู้ประเสริฐ จะพึงเอื้อแก่คนมีกิเลสหนาอยู่อย่างผมได้