เชิญเข้าร่วมสนทนาพิเศษเรื่อง มิติ ความฝัน ชาติภพ จิตวิญญาณ โดย @โนวา อนาลัย@ [Writer]

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย mead, 8 สิงหาคม 2007.

  1. kindred

    kindred เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +5,897
    เอ่อ...ขออภัย ลืมค่ะ..แหะ แหะ
    ยินดีต้อนรับคุณ มะหน่อ
    สู่ห้องวิทย์ฯ นะคะ...

    [​IMG]
     
  2. เซลล์

    เซลล์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2008
    โพสต์:
    661
    ค่าพลัง:
    +310
    ยิ่งอ่าน และศึกษาหนังสือของ อ.อนาลัย ยิ่งทำให้รู้สึกว่า ยิ่งค้น กลับพบว่า มีหลายสิ่งหลายอย่างให้เรียนรู้ ให้เปลี่ยนแปลง อย่างไม่สิ้นสุดครับ
    ผลงานศิลปะของคุณ sijan ท้าทายความเชื่อของมนุษย์มากๆเลยนะครับ
    จนคิดว่าหากเราเคยชินกับการใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 และยึดถือว่าถูกต้อง แน่นอน เป็นจริง ไม่มีสิ่งใดที่มากไปกว่านี้แล้ว ก็เหมือนกับเราทำตัวเป็นหุ่นยนต์ที่มีชีวิตนะครับ
    ต่อไปในอนาคต ทุกคนคงต้องพกประสาทสัมผัสภายในเป็นอาวุธ ไว้คอยแยกว่าอันไหนคนจริง อันไหนไม่จริง
    เพราะผลงานนี้ทำได้เนียนมากๆเลยครับ อิอิ


    [​IMG]

    ผมขอทายว่ารูปนี้เป็นคนครับ เหตุผลคือ รู้สึกถึงความมีชีวิตชีวาที่ซ่อนอยู่ครับ
     
  3. soul2006

    soul2006 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    1,026
    ค่าพลัง:
    +5,169
    ภาพทั้งหมด รู้สึกว่าเป็นหุ่นค่ะ ...
     
  4. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]

    คิดว่า 4 รูปนี้เป็นคนค่ะ เพราะมีความรู้สึกร่วมด้วยร่วมไปด้วย..
    แฮ่.. แฮ่.. จาถูกหลอกมั้ยหนอ..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 พฤศจิกายน 2008
  5. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    ระหว่างรอพี่นักเขียนฯมาเฉลย พวกเราลองไปชมคลิปต่อไปนี้ดูนะครับ:-

    เป็นความน่าประทับใจของพ่อลูกคู่หนึ่ง ที่ลูกชวนพ่อไปแข่งขันตามรายการต่างๆ จนกระทั่งถึงการแข่งขันใหญ่อย่าง Iron Man (ไตรกีฬา) รายการนี้จะรวมมนุษย์เหล็กจากทั่วโลกมาแข่งขันกันโดยแบ่งออกเป็น ว่ายน้ำ 4 กิโล ปั่นจักรยาน 180 กิโล และ วิ่ง 42 กิโล โดยไม่มีการหยุดพัก ใครเข้าเส้นชัยก่อนเป็นผู้ชนะ

    ถึงแม้ว่าตัวคุณพ่อเองจะอายุมากแล้ว แถมยังเป็นโรคหัวใจ
    เขาเลือกที่จะตอบลูกของเขากลับไปว่า 'ได้ซิลูก' ทุกๆครั้ง


    วันนึง ลูกชายก็ถามพ่อของเขาอีกครั้งนึงว่า ...

    "พ่อครับพ่อจะลงแข่ง Iron Man กับผมได้ไหม?"
    และก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ผู้เป็นพ่อไม่เคยตอบปฏิเสธ
    ........"ได้สิลูก".........

    http://www.youtube.com/watch?v=VJMbk9dtpdY
    ดูแล้วจะรับรู้ถึงแรงบันดาลใจอันไม่สิ้นสุดของพ่อลูกคู่นี้เหลือเกินครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 พฤศจิกายน 2008
  6. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
    การกลับมาอีกครั้ง
    ฉันอยากจะมาแชร์ประสบการณ์ของฉันให้ทุกท่านฟังอีกครั้งหนึ่ง เพราะรู้สึกมันน่าสนใจ และ น่าแบ่งปันดี หลังจากที่ฉันได้อ่านคำแนะนำจากคุณนักเขียนครั้งที่แล้ว ฉันก็เริ่มเปลี่ยนแนวคิด ฉันมักจะเห็นภาพบนฝาผนังเป็นประจำทุกครั้งที่ฉันมองไปที่จุด ๆ เดียว หรือ ตอนฉันเหม่อลอย ภาพนั้นมักปรากฏเป็นภาพซ้ำซากของฉันที่กำลังเดินตามชายผมยาว (คนที่ฉันวาดน่ะแหละ เขาคงทดแทนภาวะจิตของฉัน) เดินอย่างเหมือนคนใกล้ตาย ฉันเริ่มเบื่อภาพนี้มาก เพราะมันอ่อนระโหยเหมือนฉันไม่มีผิด คราวนี้ฉันคิดใหม่ ชื่อของฉันคือจินตวดี ฉันย่อมต้องมีพลังของจินตนาการตามคุณสมบัติของจิตวิญญาณอยู่แล้ว ทุกครั้งที่ฉันเห็นภาพนี้ปรากฏขึ้น ฉันเอ่ยปากบอกด้วยใจจริงว่า คนอย่างฉันไม่ต้องการเดินตามใครด้วยท่าทางอ่อนแรงอย่างนั้น ถ้าฉันจะเดินกับใครฉันจะต้องก้าวไปอย่างสวยงาม มั่นคง และ กระฉับกระเฉง เคียงคู่กับคน ๆ นั้น หลังจากนั้น ฉันไม่ใส่ใจภาพนั้นเลย แม้จะเห็นอีกฉันก็จะเบนสายตาไปมองที่อื่น แต่มันก็พยายามจะตามฉันเรื่อย ไป ๆ มา ฉันเลยเอาสติไปไว้ที่รูจมูกแทน ช่วยได้เหมือนกันแฮะ หลังจากนั้นสุขภาพฉันดีขึ้นเป็นลำดับ พร้อมกับภาพที่เห็นกลายเป็นภาพของฉันและผู้ขายคนนั้นเหมือนเดิม แต่คราวนี้ ฉันเดินทันเขาและก็เดินอย่างรวดเร็ว แถมมีวิ่งไล่กันด้วยนะ แต่ปัจจุบันภาพที่เห็นอัพเกรดแล้ว กลายเป็นขี่จักรยานปั่นอย่างร่าเริง แข็งแรงเลย พร้อมสุขภาพฉันที่ดีขึ้นโดยลำดับ จนสามารถกลับไปทำงานนำเที่ยวได้เหมือนเดิม ความสำเร็จที่ได้จากจินตนาการครั้งนี้คงต้องยกความดีความชอบให้กับคุณนักเขียนจริง ๆ เพราะภาพที่เห็นมันก็สะท้อนให้เห็นถึงภาวะข้างในของตัวเองจริง อย่างน้อยจินตวดีก็โชคดี เพราะมันฉายออกมาให้เห็นถึงข้างนอกทีเดียว (ฮ่า ๆ คุณสมบัติของจิตวิญญาณข้มจริง ๆ

    ฉันยังมีเรื่องแปลกเกี่ยวกับมิติมาเล่าอีก เพราะหลังจากฉันออกจากโรงพยาบาลมา ก็เกิดเหตุการณ์แปลกขึ้นกับฉัน เพราะนอกจากฉันจะเห็นภาพบนฝาผนังแล้ว เวลาฉันดูโทรทัศน์มันปรากฏภาพอื่นเพิ่มขึ้นมาซ้อนในจอภาพด้วย อย่างเช่นวันที่ข่าวภูเขาไฟที่ชิลีจะระเบิด ในวันเดียวกันนั้นก่อนได้ข่าวนี้ ฉันเห็นภาพภูเขาไฟที่เต็มไปด้วยควันพุ่งมาจากปากปล่อง บางวันฉันเห็นภาพฝนตกหนักพร้อมลมแรง มันก็เกิดขึ้นตดังภาพนั้นจริง ๆ แต่ฉันไม่ค่อยใส่ใจหรอก เพราะถึงเห็นฉันคงทำอะไรไม่ได้ เพราะสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม และ กฏแห่งการดึงดูดอยู่แล้ว ดังนั้นขอให้ช่วยกันคิดแต่ในแง่ดีคงจะดีกว่า

    มีวันหนึ่งฉันเอากระจกมาส่องดูหน้า และเผลอเข้าไปดูในลูกตา ฉันพบความผิดปกติ เพราะเงาในลูกตาดำของฉันมันไม่ใช่ฉัน หรือห้องที่ฉันอยู่ มันกลับเป็นภาพของครอบครัวอื่น ในตาข้างขวาเป็นภาพ ผู้ชาย หญิง วัยกลางคน พร้อมผู้หญิงสาว นั่งโซฟากำลังมองมาทางฉัน ส่วนตาข้างซ้าย เป็นภาพห้องนอนมีเด็กผู้หญิงผูกผมแกละ กำลังอุ้มเด็กน้อย ฉันพยายามคิดว่ามันเป็นการหักมุมของแสงเงาหรือเปล่า ฉันพยายามสำรวจ และก็พบว่าไม่มีทางเป็นไปได้ ฉันมองอีกครั้ง คราวนี้บุคคลที่ปรากฏในดวงตาของฉัย โบกมือทักทายให้ฉันด้วย ฉันตกใจ แต่ในใจส่วนลึกนั้นฉันปฏิเสธไม่ได้ว่าฉันรู้สึกว่า เขาคือคนในครอบครัวของฉันเอง ฉันเหมือนเป็นพ่อพวกเขา เหมือนเขาเฝ้าดูฉันผ่านทางฝาผนังเหมือนเขาติดจอแอลซีดีไว้เลย เอหรือว่าเขากำลังดูละครชีวิตฉันผ่านทีวีกันแน่ หลังจากนั้นฉันลองดูอีก แต่ ก็เจอแต่หน้าฉันเองที่สะท้อนมาในดวงตา

    มีคืนหนึ่งฉันหลับตานอนลงแล้ว แต่แปลกมาก เพราะฉันหลับตาแต่ฉันก็ยังคงมองเห็นสภาพภายในห้องเหมือนเดิม ฉันคิดว่ายังลืมตาอยู่เหรอเนี่ย เลยลองปิดตาลงแต่มันปิดอยู่แล้ว ฉันเลยลองปิดตาใหม่ คราวนี้ฉันก็ยังเห็นอีกเหมือนเดิม ฉันทดลองอยู่หลายครั้ง ในที่สุดฉันแน่ใจ และตั้งใจว่า ฉันจะหลับขอให้ไม่เห็นอะไรเลบ ก็ไม่เห็นเลยเหมือนกัน พอตอนกลางดึก อยู่ ๆ ฉันก็ลืมตาขึ้นมา ฉันเห็นเงาคนเดินไปเดินมาในห้องฉันอย่างชัดเจน ฉันรู้ดีว่ามีจิตวิญญาณอื่น อยู่ร่วมกับฉันและดูเหมือนจะตามไปทุกหนทุกแห่ง เพราะมีวันหนึ่งฉันนั่งสมาธิ อยู่ ๆ เขาก็มาปรากฏในสมาธิฉันเช่นกัน เสียดายฉันมีความกลัว ฉันเลยลืมตาแทบไม่ทัน ตอนนี้ฉันกำลังฝึกเปลี่ยนจากความกลัวเป็นความรัก ความเมตตาแทน วันหลังคงได้คุยกันรู้เรื่องกว่านี้ นอกจากเพื่อนต่างมิติคนนี้แล้ว ยังมีสิ่งที่ฉันไม่ปรารถนาอีกอย่างคือ ฉันเห็นกลุ่มควันขาว ๆ แต่เป็นรูปหัวกระโหลก ลอยมาอยู่เหนือตัวฉันและกำลังพยายามส่งพลังอะไรบางอย่างเข้าจักระ 3 ของฉัน (ตรงสะดือ) ฉันพยายามไล่ แต่สิ่งนั้นกลับมาหยอกล้อในสิ่งที่ไม่สมควร (มากอดฉันจากด้านหลังฉันรู้สึกได้) คืนนั้นฉันนอนด้วยความกลัว พร้อมตื่นเช้ามา ผื่นขึ้นที่แขนสองข้างเต็ม ฉันไม่ค่อยชอบใจผื่นพวกนี้นัก แต่สิ่งนี้มาบ่อยมาก ทุกครั้งที่เขามาโดยไม่ได้รับเชิญ ผื่นฉันขึ้นทุกครั้งเลย ตอนนี้ฉันเปลี่ยนใหม่ ฉันไม่สนใจมันแม้แต่น้อย ไม่กลัวด้วย ฉันคิดว่ามันไร้สาระ และมันก็ไม่ดีกับตัวฉัน ฉันมีสิทธิอย่างเต็มที่ที่จะไม่ต้องรับมัน หลังจากนั้นผื่นทั้งหลายก็ค่อยจางลงและฉันก็หลับอย่างมีความสุขขึ้น

    ฉันคิดถึงคนอีกหลายคนที่ใฝ่ฝันหาพลัง ต้องการพลัง ประมวลพลัง ฉันกลับมองไม่เห็นความจำเป็นใด ๆ ที่จะต้องไปหลงติดกับมัน เพราะว่ามันเป็นทุกข์ เพราะถ้าคุณคิดว่าคุณจะเป็น เอ๊กซ์เมนล่ะก็ ฉันขอบอกเลยฉันเกือบบ้าเพราะภาพลวงตาของจักรวาลนี้ แต่โชคดี ฉันมีอาจารย์อนาลัยและคุณนักเขียนชี้ทางให้ ฉันก็เลยเลิกกลัว แต่ทำให้ฉันคิดได้ว่า นี่คือคุณสมบัติของจิตวิญญาณที่ฉันสามารถมีได้ ทำได้ และนี่ก็เป็นกำไรเล็ก ๆ น้อย ๆ ของมันเท่านั้น

    ฉันเคยฝันว่ามีเสียงของใครบางคนมาบอกว่า รหัสที่เป็นตัวเลขของท่านอาจารย์อนาลัยคือ 831 บุคลิคขี้เล่น แต่ก็แปลกวันที่ฉันออกจากโรงพยาบาล ฉันฝันเห็นการ์ด 1 ใบ มีตารางเต็มเลย แถวที่หนึ่งคือ เลข8.31 เช่นกัน

    ล่าสุดฉันประสบความสำเร็จในการจินตนาการ เพราะเวลาฉันหลับตา
    ฉันเห็นภาพหัวกระโหลกหัวเราะบ่อย ๆ ฉันเลยจินตนาการเป็นพระพุทธรูปแทน ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีเลย
     
  7. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,792
    ขอเล่นด้วยคนนะ อิอิ

    [​IMG] [​IMG]
    อันนี้คิดว่าเป็นหุ่น เพราะดูแล้วแข็งๆ หน่อยจ้า


    [​IMG]
    รูปนี้ก็หุ่น ดูตรงหู รู้สึกแข็งๆ (หรือเป็นคนหูแข็งหว่า) อิอิ


    [​IMG]
    รูปนี้คน เพราะดูจากแขนแล้วนุ่มนิ่ม มีพลังงาน อิอิ


    [​IMG]
    อันนี้หุ่น นิ่วแข็งมั๊กๆ


    [​IMG]
    อันนี้หุ่น เส้นๆ ดูแข็ง


    [​IMG]
    อันนี้ตาดำตรงกลาง ใหญ่ผิดปกติ หุ่นแน่ๆ


    [​IMG]
    อันนี้คน มีขนที่หัวไหล่ (อาจใส่ขนปลอม) อิอิ


    [​IMG]
    อันนี้น่าจะเป็นหุ่น เส้นหยาบๆ


    [​IMG]
    อันนี้น่าจะหุ่น เพราะคิ้วแข็งไปหน่อย

    [​IMG]
    อันนี้ก็น่าจะหุ่น เพราะเส้นขนไม่ค่อยชัด


    แฮ่กๆๆๆๆ ทายมาจะถูกบ้างไหมเนี่ย
    ;aa23
     
  8. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    ขอบคุณคุณจินต์ฯด้วยที่นำประสบการณ์มาเล่าให้ฟังครับ
    ดูจะพบเจอเรื่องราวที่ดูน่ากลัวมาเยอะมากเลยนะครับ
    ยังไงก็แก้ไขได้ทุกครั้ง เมื่อเราเปลื่ยนวีถีจดจ่อภาพนั้นในทิศทางใหม่นะครับ
    คุณจินต์ฯคิดถึงคนอื่นอย่างเข้าใจแบบนี้ดีแล้วครับ ยังไงเราก็ต้องเดินหน้าต่อไป
    เรื่องเหนือฟ้าใต้สมุทร ก็เป็นเรื่องธรรมชาติของจิตวิญญาณนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 พฤศจิกายน 2008
  9. axzon47

    axzon47 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    737
    ค่าพลัง:
    +3,155
    แวะมาทักทายชาวห้องวิทย์ หายไปนานเลยครับ
     
  10. เซลล์

    เซลล์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2008
    โพสต์:
    661
    ค่าพลัง:
    +310
    ใครคิดว่าเราทำไม่ได้ ท้อแท้ หมดหวัง ต้องลองดูคลิปนี้นะครับ
    แล้วจะรู้ว่า ทำเพื่อตนเองว่ายากแล้ว เมื่อเราทำสำเร็จ รางวัลที่ได้คือ ความภาคภูมิใจ
    แต่การนึกถึง และทุ่มเทกระทำเพื่อผู้อื่นโดยไม่เคยย่อท้อ กลับเป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจเป็นที่สุดนะครับ

    ขอบคุณคุณจินต์ที่เข้ามาแบ่งปันประสบการณ์ทางจิตนะครับ
     
  11. kindred

    kindred เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +5,897
    ช่วยคุณ mead สร้างบรรยากาศ ยกมาให้ดูกันในห้องวิทย์นี้เลยค่ะ

    <EMBED src=http://www.youtube.com/v/VJMbk9dtpdY&hl=en&fs=1 width=425 height=344 type=application/x-shockwave-flash allowfullscreen="true" allowscriptaccess="always"></EMBED>

    ปล.คุณเซลล์สอนให้ทำ ขอถือโอกาส ลองโพสนะค่ะ เพลงเพราะมากกก
    เรื่องราวก็....เอ่อ ดูไปน้ำตาไหลไป เนี่ยค่ะความรักที่ไม่มีเงื่อนไข
    ขอบคุณ คุณmead มากค่ะ ที่สรรหาเรื่องดีๆ แบบนี้มาให้ดู
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 พฤศจิกายน 2008
  12. ธรรมจิตต์

    ธรรมจิตต์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    197
    ค่าพลัง:
    +419
    พี่นักเขียนนำภาพถ่ายมาให้พวกเราลองทายกันว่า ภาพใดคือหุ่น และภาพใดคือคน โดยขอให้แต่ละคนลองให้เหตุผลว่า ทำไมจึงเชื่อว่าเป็นเช่นนั้น พี่นักเขียนจะกลับมาเฉลย และจะขอให้พวกเราสำรวจความเชื่อของตนเองอีกครั้งหลังจากเฉลยนะคะ ภาพที่สอง คือภาพมือ เป็นรายละเอียดของผู้หญิงในภาพแรกค่ะ

    กรุณาอ้างอิงภาพ โดยใช้ a,b,c...k ตามลำดับจากซ้ายไปขวาที่ละแถวค่ะ เช่นสตรีในภาพแรกคือ ภาพ a. ภาพมือคือ ภาพ b. ชายสวมแว่นตาเป็นภาพ c. ... rose)
    [/quote]


    สวัสดีครับคุณพี่นักเขียน และเพื่อนๆทุกท่าน

    สำหรับข้าพเจ้าภาพทั้งหมดเป็นหุ่นครับ เพราะมีความรู้สึกว่าไม่มีจิตวิญญาณ แต่ภาพบางภาพเช่นภาพ a. รู้สึกว่ามีชีวิตชีวากว่าภาพอื่นเนื่องจากมีการใส่เสื้อผ้าและเครื่องประดับที่มีสีสันเข้าไป เลยทำให้ลังเลอยู่นานเลยครับ

    ขอแสดงความยินดีกับคุณจินด้วยครับ
     
  13. Little Duck

    Little Duck เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    1,020
    ค่าพลัง:
    +1,981

    สวัสดีค่ะ คุณจินตวดี ..

    ขอแสดงยินดีกับสุขภาพที่ดีขึ้น ๆ และขออนุโมทนากับเรื่องราวประสบการณ์ที่ได้นำมาเล่าสู่กันฟัง .. จะคอยอ่านตอนต่อไปนะคะ ..

    ขอเป็นกำลังใจให้ค่ะ สู้ สู้ .. :VO
     
  14. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
    ไม่รู้สินะ แต่รู้สึกว่าเป็นหุ่นทุกภาพเลยค่ะ
     
  15. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    ว่างๆเชิญคุณ Little Duck นำประสบการณ์ที่น่าสนใจมาเล่าให้ฟังบ้างนะครับ
    ท่าจะสนุกไม่แพ้กันครับสองคนนี้ อิอิ
     
  16. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    เฉลย:
    ทุกภาพคือรูปปั้นค่ะ หัวหน้าและหลายๆท่านตอบถูกแล้วในชั้นแรก แต่ก็เผื่อความเชื่อไว้อีกส่วนหนึ่งว่า บางภาพอาจเป็นคนจริงๆ ส่วนท่านอื่นที่ให้เหตุผลไปตามความรู้สึก ก็สมเหตุผลด้วยกันทั้งนั้นนะคะ เป็นอันว่าไม่มีใครสอบตกนะคะ พี่นักเขียนยกประโยชน์ให้ทุกคนที่พยายามพิสูจน์จากภาพสองมิติ ซึ่งมีรายละเอียดอันจำกัด

    พวกเราชมรูปปั้นเหล่านี้เป็นภาพถ่ายสองมิติ แต่ในงานแสดง ผู้ชมมีโอกาสชมรูปปั้นเหล่านี้เป็นวัตถุสามมิติ ทำให้มันดูมีชีวิตชีวามากกว่าภาพถ่าย และหุ่นที่เขานำไปวางกลางแจ้งนั้น บางตัวมีหยาดเหงื่อเกาะตามผิวหนังด้วยค่ะ เล่นเอาผู้ชมตัดสินไม่ได้ว่าจะเชื่ออะไรดี หุ่นทั้งหมดนี้หล่อด้วย resin และ paint ทับด้วยสีน้ำมัน 25 ชั้น เพื่อเก็บรายละเอียดของไฝฝ้าจุดด่างดำบนผิวหนังให้เหมือนจริงที่สุดที่จะเป็นไปได้

    วันที่พี่นักเขียนไปชมงานเหล่านี้ แม้ว่าผู้ชมจะมีโอกาสได้เข้าใกล้หุ่นเหล่านี้มากขนาดว่า หากจะเอื้อมมือไปสัมผัสก็ถึงแล้ว แต่ผู้ชมก็เคารพในสิทธิของศิลปิน ไม่มีผู้ใดเล่นนอกกติกา ต่างก็ใช้การสังเกตด้วยตาและใช้ความรู้สึกส่วนตัว เพื่อพิสูจน์ความเป็นจริง และต่างก็พยายามใช้เหตุผลคล้ายคลึงกับพวกเราเพื่อแยกแยะว่า รูปใดคือรูปปั้นและรูปใดคือคน

    ผู้ที่ปักใจเชื่อว่า สตรีในภาพแรกคือคนจริงๆตั้งแต่ชั่วโมงแรกที่ศิลปินเปิดการแสดง ไปจนหลายชั่วโมงให้หลัง หลายท่านเปลี่ยนใจไม่ได้ ด้วยความเชื่ออย่างปักใจแต่แรกเริ่ม พี่นักเขียนได้ยินพวกเขาให้เหตุผลมากมายที่สนับสนุนความเชื่อของเขา เช่น บอกให้ผู้ชมอื่นๆดูที่ดวงตา ดูที่ผิวหนัง รอยย่น ฯลฯ

    ดวงตาเป็นจุดสำคัญที่ผู้ชมจำนวนมากนำมาใช้เป็นข้อพิสูจน์ เพราะนอกจากรายละเอียดทางกายภาพของดวงตาจะเป็นสิ่งที่ทำเลียนแบบธรรมชาติได้ยากมากแล้ว ดวงตายังเป็นส่วนที่แสดงออกถึงความรู้สึกทั้งหมดของการเป็นบุคคลตัวตนอีกด้วย ดังเช่นที่เรามักได้ยินคำกล่าวเสมอๆว่า ดวงตาเป็นหน้าต่างของดวงใจ ดวงตาของรูปปั้นเหล่านี้ ศิลปินได้นำเอาตาปลอมที่ใช้ในวงการแพทย์มาใช้ ทำให้มีแววตาเหมือนจริงมาก และขนาดของรูปปั้นซึ่งเท่าคนจริง ทำให้ความเชื่อของผู้ชมคล้อยตามได้มากทีเดียว

    Marc Sijan ได้ให้สัมภาษณ์ว่า เขาได้แรงบันดาลใจทั้งหมดมาจากรูปปั้น David ของ Michelangelo ซึ่งมีรายละเอียดของ anatomy อย่างน่าอัศจรรย์ เป้าหมายของ Sijan คือ การสร้างผลงานที่อยู่ได้โดยลำพังด้วยตัวของมันเองในทุกสถานที่ โดยไม่ต้องจัดฉาก ไม่ต้องใส่กรอบ ไม่ต้องมี background หรือ foreground เช่นงานศิลปะอื่นๆ

    พี่นักเขียนเองก็เป็นผู้ที่หลงใหลกับรูปลักษณ์ของมนุษย์เป็นอย่างมาก จึงชอบวาดภาพเหมือน และพยายามที่จะจับอารมณ์ของบุคคลในภาพวาด เพื่อทำให้ภาพวาดนั้นๆมีชีวิตชีวาไม่น้อยไปกว่าบุคคลจริง เช่นเดียวกับความพยายามของศิลปินทั้งหลาย การถ่ายทอดอารมณ์ของศิลปินสู่งานศิลปะ จากบุคคลที่เป็นต้นกำเนิดหรือแรงบันดาลใจของงานสร้างสรรค์ ก่อให้เกิดการสื่อสารอันเต็มไปด้วยความหมาย ซึ่งถ่ายทอดไปสู่ผู้ชมอีกต่อหนึ่ง

    มนุษย์ คือ ศิลปกรรมเก่าแก่ที่สุด และเป็นศิลปกรรมชิ้นแรกของโลกที่มนุษย์รู้จักก็ว่าได้ และเป็นศิลปกรรมที่มนุษย์เราได้พยายามที่จะทำความเข้าใจ ด้วยการศึกษาเพื่อให้คำอธิบาย ให้คำจำกัดความและตีความหมายครั้งแล้วครั้งเล่า ศตวรรษแล้วศตวรรษเล่า เป็นวิทยาศาสตร์การแพทย์ ศิลปศาสตร์ จิตวิทยา สังคมศาสตร์ และวิทยาการแขนงอื่นๆ และเราก็คงจะพบผลงาน เช่น ภาพยนต์ งานศิลปกรรม วรรณกรรม และ ผลงานวิจัยค้นคว้าทั้งหลาย รวมทั้งศาสนาและลัทธิความเชื่อใหม่ๆ ที่พยายามทำความเข้าใจในปัจจัยอันจับต้องไม่ได้ของความเป็นมนุษย์ ซึ่งพยายามอธิบายถึงความเป็นมนุษย์ ความหมายของการถือกำเนิดเป็นมนุษย์ พร้อมด้วยอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดของมนุษย์ต่อไปอย่างไม่มีวันสิ้นสุด

    หนังสือชุดของท่านอาจารย์อนาลัย เป็นคู่มือที่เสนอแนะให้เราทั้งหลายศึกษา และค้นหาความหมายที่แท้จริงของการถือกำเนิดเป็นมนุษย์ ให้คำอธิบายและตีความหมายกลไกของความเป็นมนุษย์ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากการเป็นจิตวิญญาณ พร้อมด้วยอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิด ที่สร้างสรรค์รูปลักษณ์และประสบการณ์ชีวิตทั้งหมด เพื่อช่วยให้เรารู้จักตนเอง และสามารถสร้างสรรค์ชีวิตและสุขภาพร่างกายของเรา ให้เป็นผลงานศิลปกรรมอันเป็นเอกลักษณ์ตามทิศทางของเราแต่ละคนได้อย่างดีที่สุด

    หลังจากการชมผลงานของ Sijan ผู้ชมจำนวนมากรวมทั้งพี่นักเขียน ต่างก็ยอมรับว่า ความน่าประทับใจของผลงานของ Sijan อยู่ที่ความเป็นธรรมชาติ หรือการลอกเลียนได้ใก้ลเคียงธรรมชาติที่สุด ไม่มีรูปปั้นรูปใด-ไม่สวย ไม่งาม ความเป็นธรรมชาติและความเป็นเอกลักษณ์มีคุณค่าเกินคำว่าสวยหรืองาม

    พี่นักเขียนเชื่อว่า หากเราค้นพบสิ่งที่เป็นธรรมชาติที่สุดในตนเอง ในสิ่งแวดล้อม ในผู้อื่น เราจะเผชิญกับภาวะที่คำจำกัดความบนปลายสุดของมาตรวัดทั้งสองปลายเป็นสิ่งที่ใช้การไม่ได้ เช่นคำว่า สวยงาม-น่าเกลียด สูง-ต่ำ ถูก-ผิด ดำ-ขาว ดี-ชั่ว เราอาจจะเหลือเพียงคำว่า แตกต่างกัน น่าประทับใจ-ไม่น่าประทับใจ อันได้แก่ภาวะที่สิ่งที่เรารู้เห็นนั้นๆ จะจารึกหรือสถิตย์อยู่ในจิตวิญญาณของเราต่อไปชั่วกัลปาวสานหรือจะผ่านไปโดยไม่ได้จารึกไว้เท่านั้น(rose)
     
  17. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    เป็นชีวิตที่น่าประทับใจมากนะคะ พี่นักเขียนเลยลองแกะเนื้อร้องออกมาให้
    ผิดพลาดประการใดขอโทษด้วยค่ะ ช่วยกันแก้หน่อย ขอบคุณคุณ Meadและคุณน้อง Kindred ที่ช่วยบริหารต่อมน้ำตา
    _______________________________________________________________

    Who taught the sun where to stand in the morning?
    And who told the ocean you can only come this far?
    And who showed the moon where to hide till evening?
    Whose words alone can catch a falling star?

    Well I know my redeemer lives
    I know my redeemer lives
    All of creation testifies
    This life within me cries
    I know my redeemer lives​

    The very same God
    Who spins things in orbit
    Runs to the weary, the worn and the weak
    And the same gentle hands that hold me when I'm broken
    They conquered death to bring the victory


    Well I know, my redeemer lives
    I know my redeemer lives
    All of creation testifies
    This life within me cries
    I know my redeemer lives
    I know my redeemer lives
    I know my redeemer lives
    All of creation testifies
    This life within me cries
    I know my redeemer​

    He lives to take away my shame
    He lives forever I'll proclaim
    That the payment for my sin
    Was the precious life he gave
    But now he's alive and
    There's an empty grave
    And I know my redeemer lives
    I know my redeemer lives
    Let all creation testify
    Let this life within me cry
    I know my redeemer lives

    Let all creation testify
    Let this life within me cry
    I know my redeemer

    I know my redeemer lives
    I know, I know my redeemer lives
    I know my redeemer lives
    He lives​

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 พฤศจิกายน 2008
  18. kindred

    kindred เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +5,897
    ขอบพระคุณพี่นักเขียนมากค่ะ ที่ช่วยแกะเนื้อเพลงให้เราอ่าน
    ตอนแรก kindred พยายามหาอยู่เหมือนกัน แต่หาไม่ได้
    จะแกะเอง ก็...เอ่อ ความสามารถไม่พอค่ะ..อิอิ

    หลังจากบริหารต่อมน้ำตา กันมาพอสมควร แล้ว
    ขอมอบเพลงนี้ให้กับทุกท่าน เพื่อบริหารกำลังใจค่ะ

    <EMBED src=http://media.imeem.com/m/GzxP17hKvc/aus=false/ width=300 height=110 type=application/x-shockwave-flash wmode="transparent">
    แถมเนื้อเพลงด้วย...นะค่ะ มาร้องคลอกันไป นะคะ

    Visions that can change the world trapped inside an ordinary girl
    She looks just like me too afraid to dream out loud
    And though it’s simple your idea, it won’t make sense to everybody
    You need courage now If you're gonna persevere

    To fulfill divine purpose, you gotta answer when you're called
    So don't be afraid to face the world against all odds


    CHORUS
    Keep the dream alive don't let it die
    If something deep inside keeps inspiring you to try, don't stop
    And never give up, don't ever give up on you
    Don't give up

    Every victory comes in time, work today to change tomorrow
    It gets easier, who’s to say that you can’t fly
    Every step you take you get, closer to your destination
    You can feel it now, don’t you know you're almost there?

    To fulfill divine purpose, you gotta answer when you're called
    So don't be afraid to face the world against all odds


    CHORUS
    Keep the dream alive don't let it die
    If something deep inside keeps inspiring you to try, don't stop
    And never give up, don't ever give up on you

    Sometimes life can place a stumbling block in your way
    But you're gotta keep the faith, bring what's deep inside your heart
    to the light
    And never give up Don't ever give up on you



    BRIDGE:
    Who holds the pieces to complete the puzzle?
    The answer that can solve a mystery
    The key that can unlock your understanding
    It's all inside of you, you have everything you need yeahhhh

    Sooooo, keep the dream alive don't let it die
    If something deep inside, keeps inspiring you to try don't stop
    And never give up, don't ever give up on you

    Sometimes life can place a stumbling block in your way
    But you're gotta keep the faith, bring what's deep inside your heart yeah your
    heart to the light
    And never give up Don't ever give up on you

    Nooo don’t give up,
    No, no, no, no don’t give up
    Oh, no, no, no, no don't...give...up


    </EMBED>
     
  19. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,226
    ค่าพลัง:
    +10,590
    กะว่าจะเข้ามาตอบพี่นักเขียนเฉลยซะแล้ว ตอนที่ดูคิดว่าคงจะมีซักรูปที่เป็นคนจริงๆ แต่กลายเป็นว่าเป็นหุ่นหมดเลยทุกรูป ฝีมือเค้าร้ายเหลือจริงๆ ครับ

    สำหรับเพลงในคลิปนั้น คิดว่าจะเป็นเพลง I Know my Redeemer Lives ของ Nicole C. Mullen ครับ ก็อปเนื้อเพลงที่พี่นักเขียนแกะมาเอาไปหาดูครับ ^_^
     
  20. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    Utopia

    พวกเราคงเคยได้ยินคำว่า Utopia ซึ่งมีรากศัพท์มาจากคำว่า Eutopia ในภาษา Greek ซึ่งแปลว่า good, well, perfection Utopia หมายถึง โลก ดินแดน หรือยุคสมัยที่เป็น Ideal เป็นอุดมการณ์ หรือที่เรียกว่า ideology ซึ่งเป็นโลก ดินแดน หรือยุคสมัยที่มีระบบสังคม การเมือง และระบบกฏหมาย (socio-politico-legal system) ที่เต็มไปด้วยความยุติธรรม ความเสมอภาค ความเป็นหนึ่งเดียวกัน และเต็มไปด้วยสันติสุขทุกหย่อมหญ้า

    ในทางกลับกัน พวกเราก็คงเคยได้ยินคำว่า dystopia, cacotopia, kakotopia, cackotopia, หรือ anti-utopia ซึ่งหมายถึง โลกหรือดินแดนหรือสังคมที่ตรงกันข้ามกับ Utopia มาแล้วไม่มากก็น้อย anti-utopia เป็น โลกหรือดินแดนหรือสังคมที่เต็มไปด้วยสงคราม ความโหดร้าย ความอดอยาก มนุษย์กลายเป็นคนกินคน โลกเต็มไปด้วยภัยพิบัติ แห้งแล้ง ขาดแคลน

    คนจำนวนไม่น้อยเชื่อว่า เรากำลังอยู่ในโลกที่ตรงกันข้ามกับ Utopia เพราะระบบสังคม การเมือง และระบบกฏหมายของประเทศของเรา และประเทศอื่นๆในโลก ยังห่างไกลความเป็นเลิศ และต้องการการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอราวกับว่าจะไม่มีวันสิ้นสุด และคนจำนวนไม่น้อยอีกเช่นกันมีความเชื่อว่า โลกและมนุษย์โลกจะตกต่ำลงไปจนถึงที่สุด จะต้องเผชิญและฟันฝ่ายุคสมัยของ anti-utopia ก่อนจึงจะไปถึง Utopia ได้

    ไม่มีประเทศใดในโลกหยุดนิ่ง ทุกประเทศพยายามปรับเปลี่ยน เปลี่ยนแปลง พัฒนา ปฏิรูป ปฏิวัติ ระบบสังคม การเมืองและกฏหมาย ต่อไปเพื่อแก้ไขปัญหาเก่า และปัญหาใหม่ที่เกิดขึ้นต่อไปอย่างไม่มีวันจบสิ้น

    สำหรับคนจำนวนมาก โลก ดินแดน หรือยุคสมัยที่เป็น Utopia จึงเป็น โลก ดินแดน หรือยุคสมัยที่มนุษย์ไม่มีวันไปถึง

    พวกเราก็คงเคยได้ยินคำว่า Garden of Eden ยุคพระศรีอารย์ มาแล้วไม่มากก็น้อยเช่นกัน ซึ่งเป็น Utopia ในศาสนาคริสต์และพุทธตามลำดับ ซึ่งตั้งอยู่บนความเชื่อที่ว่า เมื่อโลกหรือสังคมก้าวไปสู่ยุคสมัยที่ศาสนานั้นๆเจริญรุ่งเรืองถึงที่สุดแล้ว โลกจะเต็มไปด้วยความสงบสุข มนุษย์จะเพียบพร้อมไปด้วยคุณธรรม สังคมของมนุษย์โลกจะถึงจุดที่เรียกได้ว่า เป็นเลิศ

    อุดมการณ์ของการรวมเป็นหนึ่งเดียวของสังคมมนุษย์โลก การปราศจากการแบ่งแยกความแตกต่างด้วยเชื้อชาติ ภาษา วัฒนธรรม เพศ สีผิว ศาสนา ฯลฯ เคยเป็นเพียง Utopia สำหรับสหรัฐอเมริกาเมื่อ 200 กว่าปีมาแล้ว ก่อนหน้าที่ชนชาติหลากชาติภาษาจากทวีปอื่นๆทั่วโลกจะมาตั้งรกรากและรวมตัวกันขึ้นเป็นโลกใหม่หรือประเทศใหม่

    สหรัฐอเมริกามี 50 รัฐ แต่ด้วยขนาดของประเทศ และความหลากหลายของประชากร สหรัฐจึงเปรียบเสมือนประเทศ 50 ประเทศในโลกมารวมตัวกัน หันมาพูดภาษาอังกฤษเป็นภาษาเดียวกัน มีระบบสังคม การเมือง และระบบกฏหมายที่ตั้งอยู่บนรากฐานของการแบ่งปันและการปฏิบัติต่อกันอย่างเสมอภาค(Liberal) เพื่อลดช่องว่างความแตกต่างของสถานภาพทางการเงินและสังคม ฯลฯ ซึ่งประชาชนทั้งหลายล้วนแสวงหา และไม่เคยพบในโลกเก่าหรือประเทศเก่าที่ตนจากมา ระบบ liberal ปกป้องอิสรภาพส่วนบุคคล เพื่อสนับสนุนให้แต่ละบุคคลสามารถสานฝันของตนเองได้อย่างอิสระ

    ภาพลักษณ์ของอุดมการณ์ดังกล่าว เป็นไปอย่างไม่เป็นเลิศมายาวนาน เพราะคนจำนวนมากไม่สามารถเปลี่ยนความเชื่อและทัศนะคติที่มีต่อสีผิวได้ แต่พร้อมกันนั้นความเปลี่ยนแปลงมากมายก็เกิดขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อที่จะก้าวต่อไปสู่ภาวะที่เรียกได้ว่า ใกล้ Utopia เข้าไปอีก

    เมื่อวันที่ 4 November ที่ผ่านมา โลกของเราได้ก้าวต่อไปสู่ภาวะที่เรียกได้ว่า ใกล้ Utopia เข้าไปอีกก้าวหนึ่ง ผลการเลือกตั้งของสหรัฐครั้งล่าสุดนี้ ซึ่ง Obama ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีคนที่ 44 ด้วยคะแนนเสียงอย่างท่วมท้น ทำให้พี่นักเขียนเชื่อว่า สิ่งที่เคยเป็นเพียงอุดมการณ์ที่ไม่มีวันไปถึง อันได้แก่การรวมกันเป็นหนึ่งเดียว ด้วยการให้ความเสมอภาคอย่างแท้จริงต่อสีผิว ผ่าน anti-utopia มาแล้วและกำลังมุ่งหน้าไปสู่ Utopia ด้วยทัศนะคติใหม่ มุมมองใหม่ ความเชื่อใหม่ Obama ชนะเลือกตั้งพร้อมด้วย motto ที่ว่า "Yes we can."

    <object width="425" height="344"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/rw5IE5Bv95U&hl=en&fs=1"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowscriptaccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/rw5IE5Bv95U&hl=en&fs=1" type="application/x-shockwave-flash" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true" width="425" height="344"></embed></object>

    พี่นักเขียนเฝ้าดูชาวอเมริกันทุกสีผิวต่างออกมาแสดงความรู้สึกต่อกันอย่างท่วมท้นว่า แต่ละคนมีความภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างประวัติศาสตร์โลก ด้วยการพิสูจน์ต่อชาวโลกว่า อุดมการณ์ที่แท้จริงและเป็นหัวใจของประเทศชาติและสังคมอเมริกันคือ ความเสมอภาคและความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และความฝันทั้งหลายของแต่ละบุคคล เป็นสิ่งที่เป็นไปได้เสมอในภาวะที่มนุษย์เรารวมกันเป็นหนึ่งเดียว (United States)

    สมัยที่พี่นักเขียนกำลังเรียนหนังสืออยู่ที่นี่ มี Prof. ท่านหนึ่งได้ให้ข้อคิดติดตลกไว้ใน class ปรัขญาทางศาสนาว่า โลกและสังคมโลกจะไปถึง Utopia ได้ก็ต่อเมื่อ " God is a black woman who speaks Chinese." คำกล่าวของ Prof. ท่านนี้เรียกเสียงฮาจากนักศึกษา และก็ทำให้พี่นักเขียนอดคิดไม่ได้ว่า สิ่งที่เป็นเพียงอุดมการณ์ ความฝันที่ดูเสมือนจะสุดเอื้อม และดูเสมือนจะเป็นไปไม่ได้ทั้งหลาย ย่อมจะกลายเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ด้วยการเปลี่ยนความเชื่อ เปลี่ยนทัศนคติ ด้วยการน้อมจิตไปสู่ภาวะที่ตระหนักได้ถึงการเป็นหนึ่งเดียวกัน การรักอย่างปราศจากเงื่อนไข ซึ่งเป็นภาวะอันเป็นต้นกำเนิดหรือธรรมชาติที่แท้จริงของจิตวิญญาณของเราทั้งหลาย เช่นเดียวกันกับที่คนจำนวนมากทุ่มแทความรู้สึกอันเป็นธรรมชาตินี้ให้กับ Obama

    หลายปีมาแล้ว เมื่อพี่นักเขียนย้ายบ้านอย่างเป็นทางการมาตั้งรกรากอยู่ที่ Kansas ได้รับการต้อนรัับจากเพื่อนชาวอเมริกันผิวขาวด้วย card ที่เขาเขียนขึ้นเอง คำกล่าวบน card ใบเล็กนี้เป็นสิ่งที่ประทับใจพี่นักเขียนตลอดมา และก็ได้เห็นบทพิสูจน์ความเชื่อในแง่บวกของตนเองที่มีต่อคำกล่าวนี้ เมื่อ Obama ได้รับเลือกตั้งในครั้งนี้

    แม้ว่าพี่นักเขียนจะมีอันต้องย้ายถิ่นฐานมาพร้อมกับการพลิกผันความเชื่อ แต่พี่นักเขียนก็คาดหวังและจินตนาการให้ประเทศไทย ซึ่งเป็นบ้านเกิดของพี่นักเขียน ผ่านพ้นภาวะ anti-utopia และก้าวต่อไป ประสบการณ์ทั้งที่นี่และประเทศไทย ทำให้พี่นักเขียนมีความเชื่อต่อไปว่า Utopia จะอยู่ใกล้หรือไกล และเราจะไปถึงสังคมโลกที่เป็น Utopia จะก้าวไปสู่ Garden of Eden หรือก้าวล่วงไปสู่ยุคสมัยของพระศรีอารย์ได้หรือไม่ เร็วช้าเพียงใด ขึ้นอยู่กับการน้อมจิตไปสู่ภาวะที่ตระหนักได้ถึงการเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน การทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อส่วนรวม การรักอย่างปราศจากเงื่อนไข การกำจัดความแตกแยก ความแตกต่าง และตระหนักได้ในการเป็นหนึ่งเดียว ซึ่งเป็นภาวะอันเป็นต้นกำเนิดหรือธรรมชาติที่แท้จริงของจิตวิญญาณของเราทั้งหลาย เพราะ - Utopia is not a place, but a state of mind. (rose)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • america.jpg
      america.jpg
      ขนาดไฟล์:
      254.3 KB
      เปิดดู:
      47
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 พฤศจิกายน 2008

แชร์หน้านี้

Loading...