เตรียมตัวให้พร้อม!มันกำลังมา แจ้งข่าวสารการชำระโลก

มาคลายเครียดกันค่ะ 5555 น่ารักดี



ทำให้นึกถึงคำกล่าวที่บอกว่า ตัวเองคือจุดศูนย์กลางของจักรวาล คงหมายถึงถึงมุมมองของตัวเราเองเป็นคนตัดสินใจผู้อื่น

กรณีอย่างเช่น ยกตัวอย่าง่าย ๆ ก็แล้วกันนะคะ ถ้าสมมุติว่า....จิตยิ้ม เป็นคนคิดว่าตนเองรักเดียวใจเดียวและซื่อสัตย์ต่อความรักมาก และมีทัศนคติที่ว่า "หากเรารักใครคนอื่นมากพอ เราก็ไม่คิดมีคนอื่นอีก" และใช้แนวความคิดนี้ต่อตนเอง และต่อผู้อื่น มีมุมมองว่าตนเองเป็นเช่นไร ก็หวังให้คนอื่นเป็นเช่นนั้น และคนอื่นทำไม่เป็นดังที่คิดไว้ คือ ผิด ...ผิดจากอะไร คือผิดไปจากโลกที่ตนเองสร้างเอาไว้ พอคนอื่นทำ และเราก็ไม่รู้ว่าจริง ๆ เป็นเช่นไร จากการไปตัดสินเขาผิดจากมุมมองเของเรา และเราก็จะตัดสินคน ๆ นั้นอย่างที่เราเป็น ทั้ง ๆ ที่เขาคิดหรือเป็นอย่างนั้นหรือเปล่าก็ไม่รู้

นี้แหละ...คือ ความทุกข์ที่เรายึด โดยเราไม่รู้เลยว่าเบื้องหลังของการตัดสินใจในรูปแบบต่าง ๆ ล้วนมีคนอื่นเป็นเงื่อนไข เงื่อนไขว่าคนอื่นจะคิดอะไร อย่างไร ต่อเรา และนั่นทำให้เราทุกข์ใจ เผลอ ๆ บางทีอาจจะทำให้เราทุกข์ไปเสียยิ่งกว่า การที่เราตัดสินใจให้กับตนเองเสียอีก

หากโลกที่เราสร้างไว้ เปลี่ยนไป เราเปลี่ยนโลกด้วยความคิด หรือ เปลี่ยนทัศนคติในมุมมอง การตัดสินคนอื่นจะเป็นตามุมมอง หรือเปลี่ยนโลกใบใหม่ให้ตนเองทันที

สมมุติอีก สมมุติว่าทัศนคติความเห็นของจิตยิ้มเปลี่ยนไป มองในมุมใหม่ของเราก็จะไปตัดสินอื่นใหม่ตามมุมมองที่เปลี่ยนไป เราจะแปลกใจได้ทันทีว่า ทำไมคนอื่นที่เขาปฏิบัติแบบเดิม ๆ แต่มันทำไมไม่มีอิทธิพลทางความคิดเราอีกแล้วล่ะ เราทำไมกลับวางเฉยได้ นั่นเป็นเพราะ...เราอบรมใจของเราจนเข้าใจ และเราก็เลยเข้าใจคนอื่นได้อีกด้วย เราก็เลยเฉยได้นั่นเอง

และการเปลี่ยนมุมมองนั้นคือ ทุกคนมีอิสระเสรีในความเห็น และเหตุปัจจัยเท่านั้นที่เป็นตัวกำหนดให้มันเป็นไปทุกอย่าง มิใช่ความอยากของเราที่ต้องการให้มันเป็นไป เห็นไหมคะ แค่นี้เราก็ปล่อยวางได้แล้ว

ทีนี้การที่เราอบรมใจ ของตนเองไว้แล้ว เราจะได้มาอย่างหนึ่งคือ การตัดสินใจต่อเหตุการณ์

ดั่งที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์กล่าวไว้ว่า "สิ่งที่เจ้าแสดงออกมันจนความเคยชิน เจ้าคิดว่าจะละมันไปโดยง่าย ๆ กระนั้นหรือ!"

สำหรับคนอื่นไม่รู้ แต่สำหรับจิตยิ้ม ใช่เลย! มันยากกกมาก ที่จะละ ทั้ง ๆ ที่รู้คุณรู้โทษ รู้ว่าประโยชน์ไม่ใช่ประโยชน์ รู้ผลรู้อดีตเป็นมา ส่งผลปัจจุบัน และอนาคตจะต้องรับผลเช่นไร ก็ยังทำไม่ได้ ละไม่ได้หมด เชื้อก็ยังมีให้แสดงอยู่

ทีนี้ ผลที่เราอบรมใจมาแล้วเราได้อะไร ของแต่ละคนอาจได้ไม่เท่ากัน อยู่ที่สติ แต่สิ่งที่ตนเองได้คือ ปัญญามันรู้ทันทีว่าอะไรผิด และอะไรถูก เหมือนกับว่า มันมีการยกระดับ คือ การตัดสินใจกระทำถูกมากขึ้น เช่น ถ้าไม่อบรมใจ อาจไม่มีการยับยั้งชั่งใจเลย และการแสดงก็ตกต่ำลงไปเรื่อย ๆ แต่พอได้อบรมใจตนเอง. อาจจะนับหนึ่งได้ไม่ถึงสิบ อาจจะได้แค่ 3 หรือ 5 เพราะอดทนไม่พอ ก็พ่ายแพ้ไป แต่ยังดีที่ความรู้นั้นทำให้ตนเองทุกข์ เพราะไม่ได้ปฏิบัติตาม เรียกง่าย ๆ ว่า"สัจจะ" หรือการตั้งจิตเอาไว้ ทุกข์เพราะแพ้ภัยตนเอง ก็นำสิ่งที่พลาดมาอบรมใหม่ สร้างจิตสำนึกใหม่ การยกระดับก็ค่อย ๆ เป็นไปตามกระบวนการนี้ค่ะ

นี้คือ ประสบการณ์ทางสภาวะจิต ที่ตัวเองได้พิจารณามา และทำไมช่างเข้ากันเป็นสัจจะความจริงที่ตรงกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่กล่าวไว้เลย

ถ้าใครนำไปปรับประยุกต์ใช้กับพระไตรปิฎกแล้วนำมาบอกกล่าวกันน่าจะเป็นประโยชน์มากทีเดียว เพราะจิตยิ้มอ่านพระไตรปิฎกจบเล่มเดียวเองค่ะ

 

ประสบการณ์ที่พานพบ....

น่าเสียใจและน่าเสียดายยิ่งนักที่ธรรมะขององค์ราชาแห่งธรรม ซึ่งองค์พระศาสดาทั้งหลายนำมาสื่อถ่ายทอดนั้น สามารถสร้างสติทางวิญญาณ ยกระดับปัญญาญาณ และยกระดับจิตสำนึกมนุษย์ด้านบวกของมนุษย์เสรีได้น้อยเกินคาด ที่ผ่านมาก็ 23 พระองค์มาแล้วก็ตาม

แต่ก็ได้ค่เพียงชะลอ เหตุเพราะมนุษย์โลกส่วนใหญ่ดื้อรั้นดันทุรัง อวดดื้อถือดี และเต็มไปด้วยความงมงาย โดยมีจิตสำนึกที่คอยจะดิ่งลง ๆ อยู่ตลอดเวลา ซึ่งต่างมักจะกระทำตนเป็นเงื่อนไขด้านลบผู้อื่นแล้ว เป็นเหตให้ผู้อื่นสั่นสะเทือนทางจิตสำนึกด้านลบตอบสนองเสียจนเคยตัว ยังผลให้เพื่อนมนุษย์คนอื่น ๆ พลอยมีจิตสำนึกที่ต่ำเตี้ยตามไปด้วย

นี้เป็นความจริงมาก ๆ ค่ะ

 

จิตที่ฝึกดีแล้วคือ จิตที่ฝึกด้วยสติปัฐานสี่
มีสตินำปัฐานทั้งสี่

ของจิตยิ้ม การรู้และเห็นในสัญญา นำมาพิจารณา ขณะที่พิจารณานั้น เป็นตัวคิดแต่ไม่มีตัวรู้ การรู้ตัวดับ แต่เข้าไปอยู่ความคิดแทน

เมื่อไม่มีสติฐานที่รู้ตัว เมื่อไหลไปอยู่ในอารมณ์ จึงห้ามเป็นอารมณ์โดยยาก

การฝึกจิตแบบนั้นก็คือ ได้แค่ทิฐิ ได้ความดำริชอบ แต่ไม่มีตัวสติควบคุม และสมาธินำทาง ก็ยากที่จะทำใจให้หนักแน่นได้

 

ความกลัว ช่วยเปลี่ยนพฤติกรรมของคน
ตอนนี้กลัวไปทั่วโลก

โลกนิ่ง คนนิ่ง เพราะกลัวตาย!!!
บังคับให้โลกนิ่ง ทบทวน ใคร่ครวน
ด้วยโรคระบาด มันไปทั่วโลกเลย..

แต่สัตว์ไปตามกรรม! วลีนี้อมตะเสมอ
เมื่อกรรมส่งผล ต่อให้พระพุทธองค์อยู่ตรงหน้า
กรรมมันก็ทำหน้าที่ของมัน ยุติธรรมเสมอ
....
พูดง่ายๆถึงคลาวต้องตายต่อให้หนี้ไปขอบจักวาล
มัจุราชมันก็ไปทวงความยุติธรรมเสมอ

เรื่องกรรมช่างอัจรรย์ เหมือนเงาตามตัว

ปล.หวัดดีท่านจิตยิ้ม

 

มีคนเปิดเรื่อง มาอย่างนี้..

ไม่รู้จริงเท็จแค่ไหน แต่ คนเปิดเรื่องมาเห็นบอกว่า ถือ "สัจจะ" ยิ่งชีพ ไม่รู้เชื่อได้ป่าว..

 

มาเล่นห้องนี้บ้าง..ห่างไปนาน

 

ไม่ดีกว่า ขี้เกียจสนทนากับคนจำพวกหลงในธรรมารมณ์..

โดนอวิชชาลากไป มีคนเข้ามาชี้บอกทาง แต่ก็ยัง งม โข่ง อยู่ ที่เดิม..

 

แค่ไม่ได้คุยเรื่องจิตจักรวาล ถึงขนาด อยากกลับบ้านเก่า..

นิสัย เหยาะๆแหยะๆ..

ใช้ไม่ได้!!!

 

อันนี้ได้ข่าวมา ไม่รู้จริงไหม?

กรรมที่เคยส่งผลตั้งแต่ปึ47ถึงปี58
จะวกกลับมาใหม่ตั้งแต่ปี62ถึงปี73

 

สวัสดีค่ะ ท่านกล่องไม้ขีดไฟ สบายดีนะคะ ขอให้ปลอดภัยห่างไกลจากโรค COVID-19 รักษาสุขภาพกาย และสุขภาพใจให้แข็งแร็ง โดยเฉพาะภูมิต้านทานของร่างกายถ้าสมบูรณ์และแข็งแรงดีแล้ว ถึงแม้จะได้รับเชื้อ ภูมิต้านทานที่แข็งแกร่งจะป้องกันและกำจัดเชื้อได้เองค่ะ

เมื่อวานนี้ได้อ่านกระทู้ของท่านสุกิจ ข้อหาที่ท่านหามาให้ช่างครบเครื่องจริง ๆ จิตยิ้มได้อ่านเจอตึกถล่มที่ประเทศจีน ซึ่งเป็นตึกที่เอาไว้กักกันชาวจีนที่ต้องเฝ้าระวังการแพร่เชื้อ ผลปรากฎว่าอยู่ดี ๆ ตึกถล่มราบลงมาเฉยเลย ก็ให้มานั่งฉุกคิด ดั่งคำว่า "ผีซ้ำด้ามพลอย"



คือให้หมายถึง เคราะห์ซ้ำ กรรมซัด ก็เลยมาถึงนึกคำของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ว่าภัยพิบัติชำระโลกนี้กระบวนการที่สำคัญหนึ่งในนั้นคือ...

เปิดประตูมิติแห่งโอกาสให้ชำระความ นั้นคือ เจ้ากรรมนายเวร ที่อยู่ในนรกอย่างยาวนาน จิตวิญญาณที่ยังไม่สามารถละวางความอาฆาตพยาบาท และความเจ็บจิตคิดแค้นต่อคู่กรรมคู่กรณีของตนได้เลย เหตุเพราะครั้งที่เคยเป็นมนุษย์นั้นตนเคยถูกทำร้ายจนสั่นสะเทือนจิตสำนึกตนเองด้านลบเอาไว้ด้วยความรุนแรงอย่างมาก (เห็นข่าวปัจจุบันนี้ไหมคะ ที่คนใกล้ชิดมาฆ่ากันเองในครอบครัว ลองนึกดูข่าวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นถ้าสืบสาวราวเรื่องไปหาเหตุ บางทีเราอาจเข้าใจ)

และโรคระบาด COVID-19 นี้ รูปธรรมเจ้ากรรมนายเวรที่เคยเกิดเป็นมนุษย์และเกิดเป็นสัตว์ประจำโลกมาก่อน แต่ด้วยเหตุที่ถูกเพื่อนมนุษย์ทำร้ายฆ่ากัน มนุษย์ฆ่ามนุย์ มนุษย์ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตให้พวกเขาต้องตายอย่างทุกข์ทรมาน จนจิตวิญญาณน้อยใหญ่ไม่อาจละวางตวามโกรธแค้นของพวกตนลงได้ และคอยเฝ้าติดตามเสมือนเป็นเงา เพื่อหมายแก้แค้นเอาคืน

เมื่อที่จิตยิ้มทราบมาว่านักวิจัยชาวจีนบอกว่า อาจเกิดจากอาวุธชีวภาพ หรือ การตัดแต่งพันธุกรรมให้รักษายาก

https://latestfashionstrend.info/?p=7844

ตอนแรกตนเองจะนำมาลงให้พิจารณาปรากฎว่า ลงไม่ได้ ก็คิดในใจว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์คงไม่ได้รับอนุญาตให้ลงมั้ง ก็เลยมาคิดว่าไม่น่าจะใช่อย่างที่คิดกัน....

และ ข้อมูลจะเป็นจริงหรือ! ทำไมจีนและอิหร่านยืนยันเหมือนกัน





และถ้ายังไม่ใช่ หรือไม่ก็ไม่ยังรู้แน่ แสดงว่า....สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่กล่าวไว้เป็นจริง ถ้านั้น... กระบวนการชำระโลกครั้งใหญ่เกิดขึ้นแน่นอน ถ้าเป็นอย่างนั้น มันต้องยากแก่การควบคุม

และการทำนายของโหรนอสตราดามุสเมืองไทยปี 2563 ก็ช่างน่่าหวาดหวั่นยิ่งนัก โดยเฉพาะเรื่องของ การกราดยิงที่เทอร์มินอล 21 ก็ตรงเรื่องหนึ่งเข้าไปแล้ว และหลาย ๆ เรื่องก็ใกล้เคียง ถึงแม้จะเป็นแค่โหราศาสตร์ แต่ศาสตร์นี้ถ้าผู้ใช้ตำราถูกต้องและแม่นยำ เท่ากับเอาไปเอาอนาคตมาบอกกันทีเดียวเลยค่ะ (แต่อนาคตถูกเปลี่ยนแปลงด้วยปัจจุบันเสมอ)

 

มันนานเกินไปแล้วมั้ง ใช้เวลาตั้ง11ปี..

ไหนมีคนบอกว่า "กรรมส่งผลปัจจุบันทันด่วน" งั้นคนบอกก็ไม่มีสัจจะน่ะสิ..

 

เขามีสิทธิในการเขียน
ต้องเคารพสิทธิพื้นฐาน

มันเป็นการแสดงความเห็น เป็นสิทธิส่วนบุคคล..

 

บันชีบุญ บันชีบาป มี..

ตามที่พระสงฆ์ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ บอกมา มีเทวดาลงมาตรวจดูสัตว์โลกทุกวันพระไม่ใช่หรือ..

ทำไม่ต้องทำงานช้า ใช้เวลาตั้ง11ปี..

 

ครับสะบายดี แต่อ้วนไปหน่อย ตอนนี้น้ำหนักขึ้น..
แก่ขึ้น อิอิ

ปล.ที่ลงรูปนะรูปท่านสินะ..

 

งั้นการสอนเรื่องสัจจะ ก็สอนตามที่ตนเข้าใจน่ะสิ..

คนสอน คนแนะนำ กลับ ไม่มีสัจจะ ซะเอง..

 

กรรมส่งผลปัจจุบันทันด่วน คนอื่นไม่รู้ค่ะว่าเป็นอย่างไร แต่สำหรับจิตยิ้มแล้ว มันทันด่วนจริง ๆ ค่ะ ทำแล้วรับเลย ตลอดดดดด

หากปัจจุบันด่วนของนิยาม ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน เพราะกรรมปัจจุบันเกิดขึ้นในทันทีที่ทำ ที่มีเลยก็คือ "จิตเศร้าหมอง" เกิดเงามืดที่ทีอิทธิพลต่อชีวิตครอบจิต ลดพลังบุญ แล้วแต่ว่าใครจะเห็นหรือใส่ใจกันได้นะค่ะ

ถ้าหลายคนไม่ใส่ใจ เงามืดในดวงใจมืดมิดมองไม่เห็นในทันที ก็ถึงอย่างไร กรรมที่ทำรับผลชาตินี้ไม่ต้องรอชาติหน้า นั่นเองค่ะ

 

ใช่ค่ะ แต่รูปที่ถ่ายเป็นเพียงแค่ขณะจิตหนึ่ง ถ้าในใจมีความงดงามอยู่ ณ ขณะนั้น รูปก็ออกมางาม ดูรูปไม่แน่นอนหรอกค่ะ ต้องดูที่อาจิณกรรม

 

สอนไม่ตรงหลักธรรม มันก็พาคนอื่นเข้ารก เข้าพง ไปเรื่อย..

สุดท้ายพากันจม..

 

เสียชาติเกิดชัดๆ มัวมาหลงรูป แทบโงหัวไม่ขึ้น..

วางลงบ้าง กาม ตัณหา ในใจตนน่ะ..

 

555 เอ๊ะ ไม่ได้หมายถึงจิตยิ้มนะ ที่ไม่ลงเกี่ยวกับศาสนานะ นี่ภัยพิบัติ และเป็นความเห็นของจิตยิ้มนำมาบอกกล่าวให้พิจารณา อาจจะขอคำที่งดงามของสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาน่าจะได้