สารพันปัญหา ตอบโดยคุณ nopphakan

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย รูปติดบัตร, 26 พฤศจิกายน 2016.

  1. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,427
    ค่าพลัง:
    +35,048
    ไม่มีอะไรน่าห่วงถ้ายังทำบุญทำทานเรื่อยๆ
    เพื่อการค้าขายไม่น่าห่วงหรอกขายไม่ได้
    นี่น่าห่วง
    ปล ประมาณว่าอานิสงค์ไปหนุ่น
    เกี่ยวกับใช้คำพูดเชิงเจรจาค้าขาย
    พอเข้าใจเนาะ
     
  2. devotee57

    devotee57 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2014
    โพสต์:
    228
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +556
    ขอบพระคุณค่า:):D
     
  3. คนเก่ง ฟ้าประทาน

    คนเก่ง ฟ้าประทาน สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2017
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +12
    มีความสนใจในอาวุธทิพย์ เกิดจากการรวมกสิณกี่กองและเอาไว้ประโยชน์ด้านใดบ้างหนอ
     
  4. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,427
    ค่าพลัง:
    +35,048
    ฟังหูไว้หู....เป็นเรื่องเหนือวิสัย
    ท่านผู้อ่านควรพิจารณา
    แต่จะเล่าให้ฟังอย่างนี้นะครับ

    ขึ้นด้วยกสิณอย่างน้อย
    ๕ กอง ดิน น้ำ ลม ไฟ อากาศ
    แล้วปั่นรวมกัน ขึ้นอย่างนี้
    ซ้ายบน น้ำ ซ้ายบนขวา ดิน
    ซ้ายล่าง ไฟ ซ้ายล่างขาว ลม
    ส่วนอากาศ เด่วเข้ามารวมเอง
    อย่าวางต่ำแหน่งให้ผิดจากนี้
    เพราะกระแสที่เป็นเอกลักษณ์ของกสิณ
    แต่ละกองมันจะตีกัน ถ้าไม่เรียงตามที่บอกและให้


    ปั่นที่บริเวณเหนือหน้าอก ประมาณ ๑ คืบ(จำเป็นต้องฟิตหน่อย)
    รวมกันจนใสได้ แรกๆจะมีแต่กระแสเริ่มจาก
    ขาวๆขุ่นๆก่อน (หมายความว่า
    เมตตาจะต้องผ่าน คือ มีกระแสเมตตาจากภายใน
    ออกจากกายไปรวมกับ กสิณ ทั้ง ๕ กองนี้ก่อน
    มันถึงจะใสได้ พอเข้าใจเนาะ)
    เพราะการจะใช้ได้ จะต้องมีระบบภาคทิพย์
    มาสนับสนุน ดังนั้นควรต้องทำตัวอย่างไรบ้าง
    ตรงนี้ให้ไปพิจารณาเอาเอง โดยไม่ต้องบอกใคร...
    ที่ขึ้นได้บริเวณหน้าอก จะเริ่มจาก ๘ เขี้ยวตามด้วย ๙
    ในห่มเหลืองที่มากบารมี ท่านมีได้ ๑๒ ยกเว้น
    สายวิชาพิเศษ ที่พระพุทธฯองค์ต้นๆมอบให้
    จะมีหลายเขี้ยวและลวดลายเยอะกว่า......

    การใช้งานหลักๆ คือ การตัดสายใยวิญญานภายนอก
    ที่เข้ามาแทรกในดวงจิตหนึ่ง ที่ต้องตัดเพราะจะเลี่ยง
    การใช้ เพียวกสิณไฟ เพื่อบังคับให้ดวงจิตนั้นออก
    เนื่องจากในอดีต พวกที่แทรกจะยอมตายด้วยการ
    ทำให้ร่างกายนั้นพังไปด้วย มีตัวอย่างให้เห็นมากมาย....
    ย้ำว่าแค่ตัด แล้วส่งขึ้นบน ส่วนข้างบนจะจัดการอย่างไร
    เราจะไม่เข้าไปยุ่งในส่วนนี้ เรียกว่า ผู้ที่ใช้งานเป็นแค่
    คนกลางเท่านั้น....หรือใช้ประยุกต์ ในการปรับพลังงาน
    ธาตุเพื่อรักษาโรคเฉพาะต่ำแหน่งก็ได้
    *** ดูดจะหมุนขวา ถ้าตัดจะหมุนซ้าย ***

    ถ้าเกิดมีตรงนี้ได้ เด่ว ที่เหลือจะมาได้เอง เช่น ธนูไร้สาย
    ที่คันเป็นภูมิท่านพยานาค ที่เวลาใช้จะมีสายและธนูออกมา
    เอง ที่มักใช้ในกรณีเปิดทางที่บังสายตา เวลาเดินป่า
    แต่ส่วนมาก จะใช้ตามกรณีคนหาย ส่วนการปราบ
    ใช้แค่ชั่วคราวแต่ไม่นิยมใช้กัน.....
    ซึ่งที่เล่าให้ฟังมาก่อนนี้ หากเกิดมี
    เด่วจะรู้เอง ว่าจะต้องทำอย่างไร.....

    ปล.พวกนี้ถ้ามีจริง จะสามารถทำให้คนอื่นๆ
    สัมผัสได้จริง ดึงสายได้จริง แต่มองเห็นด้วย
    ตาเปล่าได้ยาก.....

    ท้ายนี้ เรื่องที่เล่าเป็นโหมด อจิณไตร
    ควรมีประสบการณ์ในการรับรู้ สัมผัสได้เอง
    แล้วจะเข้าใจด้วยตัวเอง
    และเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็น ไม่ต้องไปพูดอะไร...
    รู้กันเป็นเฉพาะกลุ่ม....

    อาวุธแบบนี้ คนละแบบกับดวงจิตที่มา จากแอตเลนติส
    หรือพวกที่กายทิพย์มีปีกนะ..เล่าให้ฟังเล่นๆ
     
  5. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,427
    ค่าพลัง:
    +35,048
    เฉพาะคุณ คนเก่ง ฟ้าประทาน นะครับ
    จะเรียงลำดับ กสิณที่แรงสุดให้ตามลำดับนะครับ
    ๑.ลม ๒ .ไฟ ๓. น้ำ และ ๔.ดิน ๕.อากาศ
    ๔ กับ ๕ เนี่ยพอๆกันคือ เบาที่สุด...
    ถ้าคุณเริ่มที่ตัวอ่อนสุด
    มันจะใช้เวลานานนะครับ
    ถ้าคิดว่า อนาคตมีความจำเป็น
    ที่จะต้องใช้กรรมฐานกองนี้ครับ
    ปล.เล่าให้ฟังเฉยๆนะครับ
    เป็นทางเลือกให้พิจารณาครับ
     
  6. คนเก่ง ฟ้าประทาน

    คนเก่ง ฟ้าประทาน สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2017
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +12
    บุคคลที่จะทำได้ถึงขนาดนี้ ผมว่าจะต้องเป็นผู้ที่เสียสละ ต้องรู้ว่าตัวเองเกิดมาทำหน้าที่อะไร ต้องเป็นทำงานในฝ่ายพุทธภูมิหรือทำเพื่อสร้างบารมีแน่ๆ ไม่งั้นบุคคลเหล่านี้คงไม่มาทำให้เสียเวลากันหรอก ส่วนตัวในฐานะฆราวาสถ้าเอาจริงก็คงจะมีสิทธิ์อะเนอะ
     
  7. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,427
    ค่าพลัง:
    +35,048
    ไม่รู้เหมือนกันแล้วแต่มุมมอง
    ของแต่ละบุคคล
    ตัวเราเองนั่นหละ
    ที่จะรู้ตัวเองได้ดีที่สุดครับ...
    แต่จะพูด หรือไม่พูด
    จะสื่อหรือไม่สื่อ
    จะทำหรือไม่ทำ
    เป็นอีกประเด็นคับ
     
  8. devotee57

    devotee57 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2014
    โพสต์:
    228
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +556
    ไม่เจอะกั่นนานคิดถึงจั่งเล้ยยยยยยย(พยายามจิ้นให้เป็นมนต์สิทธิ์ คำสร้อย เด้อ)

    หายไปนานมัวแต่วุ่นเรื่องโลกๆ(หากินก็งี้แหละ เฮ้อ)
    วันนี้เอาคลิปรถวิ่งผ่านไวๆมาฝากค่า
    เป็นศาลท่านพ่อตาหินช้าง ไม่ได้แวะจอดไหว้ท่าน
    ได้แต่ไหว้บนรถ และบีบแตรผ่านเท่านั้น
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. TheKunKeng

    TheKunKeng เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2015
    โพสต์:
    301
    ค่าพลัง:
    +919
    ผมอยากจะฝึก ทิพยจักษุญาณ อะครับ ...
    เพราะตัวผมนั้น ผมคิดว่าผมน่าจะพอมีของเดิมอยู่บ้าง สังเกตได้จาก การที่ผมมีอาการเห็นภาพ ที่เหมือนเคยเกิดขึ้นมาแล้ว(เดจาวู) อยู่บ่อยๆ ซึ่งบางทีนั้นภาพชัด มากๆ ชัดจนทำให้ตัวผมเองนั้น เหมือนเคยเห็นหรืออยู่ในเหตุการณ์นั้นมาแล้วจริงๆ บางครั้งก็เหมือนจะเห็นภาพในฝัน แต่บางครั้งก็เห็นภาพในหัวฉายขึ้นมาเองอัตโนมัติอะครับ
    แต่ส่วนใหญ่ที่ประสบมาจะเป็นภาพที่เห็นในขณะนั้นที่ตามองสิ่งเหล่านั้น แล้วในหัวผมก็เห็นภาพขึ้นมาเองว่า คลับคล้ายคับคลา เหมือนหตุการณ์เคยเกิดขึ้นมาแล้ว และก็อีกแบบหนึ่งก็คือ การเห็นเหตุการณ์ล่วงหน้าอะครับ แต่เห็นแค่ระยะล่วงหน้าสั้นมาก แค่ไม่กี่วินาทีเอง หรือไม่เกินนาทีอะครับ ซึ่งอยากฝึกให้บังคับให้เห็นภาพได้เป็น ชั่วโมงก่อนหน้านั้นขึ้นไป หรือถ้าให้ดี ข้ามวัน ได้ยิ่งดีอะครับ แต่ผมไม่รู้ว่าจะเริ่มฝึกด้วยการใช้ กสิณกองไหนก่อน หรือ การนั่งกรรมฐาน ภาวนาอะไรก่อนดีอะครับ วานคุณ nopphakan ช่วยชี้แนะให้ผมทีอะครับ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กันยายน 2017
  10. นทีบุญ

    นทีบุญ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    939
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +796
    สวัสดีค่ะคุณนพฯ ขอสอบถามเกี่ยวกับกรณี "เดจาวู" พอดีไปค้นในเน็ตมาก็มีหลากหลายทฤษฎี เช่น อาจเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตชาติ แล้วย้อนกลับมาเกิดอีก , เป็นเรื่องของจักรวาลคู่ขนาน หรือเป็นความผิดปกติบางอย่างที่เกิดกับสมองเพียงชั่วขณะ และอื่นๆ (จำไม่ได้ละค่ะ) ทีนี้อยากทราบว่าถ้าในทางพระพุทธศาสนา อาการ เดจาวู นี่คืออะไรอ่ะคะ จะว่าระลึกชาติไหม มันก็ก้ำกึ่ง เหมือนว่า เราเคยทำสิ่งนี้ไปแล้ว ในที่ตรงๆนี้ๆ แบบนี้ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดซ้ำ

    และอยากถามอีกหนึ่งเรื่องคือ "โลกคู่ขนาน" จริงๆแล้วในทางพระพุทธศาสนามีไหมคะ เคยอ่านว่าจริงๆแล้ว เป็นเหมือนทางแยกของการตัดสินใจของคนเรา เช่น ถ้าฉันเลือกเดินไปทางขวา ฉันก็จะได้พบสิ่งนั้นสิ่งนี้ ฯลฯ แต่ถ้าฉันเลือกเดินไปทางซ้าย ฉันก็จะพบกับอีกสิ่งหนึ่ง คือ ผลจากการตัดสินใจ มีส่วนที่จะเกิดเหตุการณ์ ในคนละรูปแบบ จึงเรียกว่า "โลกคู่ขนาน" แต่จากที่เคยดูละคร 555 เรื่องๆหนึ่ง ที่ทำเกี่ยวกับโลกคู่ขนาน คือ แม้ตัวละครๆนี้จะเดินไปซ้ายหรือขวา แน่นอน ชีวิตต่างกันราวฟ้ากับเหว แต่สิ่งที่เปลี่ยนไม่ได้คือ คนที่เขาต้องพบเจอรอบๆตัวเขา ก็จะเป็นคนๆเดียวกัน แต่เจอกันในสถานการณ์ที่แตกต่างกัน เช่น ถ้าเราเดินไปทางขวา เราได้ประกอบอาชีพเป็นนักธุรกิจ แล้วเราก็ได้เจอคนๆหนึ่งที่เป็นลูกค้า แต่ถ้าเราเดินไปทางซ้าย เราอาจได้เป็นวิศวกร เราก็จะเจอคนๆหนึ่งซึ่งเป็นคนเดียวกับทางขวา แต่ไม่ได้มาในฐานะลูกค้า อาจมาในฐานะอย่างอื่น แต่ก็เจอคนๆนี้เหมือนกัน

    ถามหรือบ่น 555
     
  11. ผ่านมาเฉยๆ

    ผ่านมาเฉยๆ ไรเซ็นมันพูดว่าอะไรหว่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    947
    ค่าพลัง:
    +1,210
    ไม่ใช่ตาทิพย์แต่เป็นญาณหยั่งรู้ครับ
    ที่มีในพระอภิธรรมว่า
    อตีตารัมมณังวา
    อนาคตารัมมณังวา
    เท่านั้นเองครับ
    อันนี้ก็ต่อเนื่องกันครับ
    ถ้าปฏิบัติธรรมถึงขั้นจริงๆจะเข้าใจคำที่ครูบาอาจารย์ท่านสอนว่า
    ก่อนที่จะทำอะไร อย่างไร ให้พิจารณาเสียก่อน
    เอาตรงๆก็คือดูว่าประกอบเหตุ อย่างนี้ๆ จะได้ผล อย่างนี้ๆ
    ที่เป็นเรื่องเล่าขานพอเป็นตัวอย่าง ก็
    เช่น
    ในสมัยหนึ่ง มีคณะพระออกธุดงค์แล้วหลงป่า
    นานหลายวันแล้วที่ไม่มีอาหารบิณฑบาตรตกถึงท้องเลย
    จึงพากันพิจารณาว่าสมควรจะออกเดินทางไปในทิศทางใดกันต่อดี
    มีท่านหนึ่ง ได้นิมิตว่าเดินทางไปตามทางทิศนี้จะได้พบชาวบ้าน
    แล้วจึงถามท่านอื่นๆดู
    ก็ได้รับคำตอบในทำนองเดียวกัน
    จึงตกลงไปตามนิมิตนั้น
    ก็ได้พบกับชาวบ้านตามนิมิตนั้นจริงๆ
    ประมาณนี้แหละครับ
    หากในส่วนของคนทั่วไปที่ไม่มีความรู้ที่พิสดารอย่างที่กล่าวมานี้
    จัดอยู่ในส่วนเรื่องที่ว่าด้วย ความเป็นอจินไต ครับ
    ไม่ใช่ลุงนพครับ
    แต่ถือวิสาสะ
    อิอิ
     
  12. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,427
    ค่าพลัง:
    +35,048
    มันก็เป็นการเห็นอย่างหนึ่งนะ ที่คุณ ผ่าน บอกก็เป็นหนึ่งใน
    สิ่งที่เราเห็นได้ เรียกรวมๆว่า ญานหยั่งรู้ก็ได้ แต่ส่วนตัว
    มักไม่ใช่คำนี้ เพราะว่า เด่วมันจะดูหล่อไป เด่วคนมาอ่าน
    จะเข้าผิดคิดว่า เราเป็นผู้วิเศษ ทั้งๆที่เป็นคนธรรมดาปกติ
    เพราะว่า เรื่องพวกนี้ มันเกิดได้กับทุกคน
    ถ้ารู้หลัก วิธีการฝึกเล็กน้อยก็ทำได้หมดแระ
    เพียงแต่ ส่วนมาก คนชอบเอาไปพูดให้ตัวเอง
    ดูหล่อเฉยๆ เอาไว้อวดอะไรประมาณนี้
    ส่วนถ้าอยากจะรู้จะเห็นอะไร ก็แล้วตัวเราเลย
    ไม่มีอะไรตายตัวกับเรื่องนี้
    เพราะจริงๆ มันก็เป็นมายาจิตอย่างหนึ่งอยู่
    เพราะถ้าเราจะหลุดพ้นจริงๆ ยังไงเราก็ตัดมัน
    เพียงแต่ ในขณะที่เรายังมีชีวิตอยู่
    เรื่องพวกนี้ มันก็สามารถใช้งานได้อยู่
    แต่เราจะใช้เฉพาะที่เป็นประโยชน์เท่านั้น


    ส่วนเฉพาะ ของ kungkeng ไม่ต้องฝึกอะไรแล้ว
    แค่เพิ่มเติมเทคนิคนิดหน่อย และจะได้เข้าใจว่า
    ในลักษณะการเห็น มันจะเห็นไม่นานอยู่แล้วเป็นปกติ
    แตกต่างกันที่ความละเอียดในการรู้ในสิ่งที่เห็นตรงนี้
    สำคัญกว่า เพราะไม่มีใครสามารถบังคับให้มันคงอยู่ได้
    ตลอดเวลา เพราะว่ามันเป็นนามธรรมเข้าใจนะ
    และในทางปฏิบัติ จะไม่ทำกัน เพราะจำทำให้จิต
    ไปแช่อยู่ในสภาวะนั้น ซึ่งเป็นอันตรายอย่างมาก
    สมาธิ การปฏิบัติ เราฝึก เพื่อเป้าหมายให้จิต
    คลายตัวเองได้ของมันเองในระหว่างวัน
    การไปแช่ จะทำให้การคลายตัวเองของจิตได้เอง
    มันห่างไกลออกไปอีก พอเข้าใจนะ
    เพราะฉนั้นให้ตัดประเด็นเรื่องการรักษาไว้ให้นานออกไป
    แต่มาเพิ่มเรื่อง การลด ละ กิเลส ในใจแทน ตรงนี้
    จะทำให้จิตเรามันมีความละเอียด ความลึกในการ
    รู้และเข้าใจสิ่งที่เห็นได้เอง โดยไม่ต้องไม่รักษาภาพไว้
    เข้าใจนะประเด็นแรก.....
    และเมื่อเกิดขึ้นแล้ว เราก็ทิ้งและตัดมันออกไปเลย
    ในครั้งต่อไป มันถึงจะเร็วขึ้น ดีขึ้น
    ละเอียดขึ้น และอัตโนมัติขึ้นได้ของมันเอง

    ทริกอยู่ตรงนี้นะ..
    เวลาที่รู้สึกว่าในหัว มันมีภาพ ให้พยายามผลักภาพที่
    เห็นในหัวนั้น ตรงนี แรกๆต้องเกร๊งกล้ามใช้กำลังสมาธิหน่อย
    เพื่อให้ภาพมันออกทางหน้าฝาก เหนือระหว่างคิ้ว
    ของตัวเอง ในขณะที่ตาปกติ ก็ให้นิ่งๆไว้ ห้ามขยับซ้ายและขวา
    โดยผลักภาพทั้งหมดนั้น ให้มันออกไปปรากฏ ค้าง บนอากาศ
    ในมุมที่เราต้องแหงนหน้ามองมันเล็กน้อย
    ตรงนี้ถึงจะเป็นการใช้งานได้แบบที่ควร
    ยังไม่ต้องสนใจว่า มันจะชัดหรือไม่ชัด
    เด่วมันค่อยๆพัฒนาของมันเอง
    เอาหลักการที่แนะนำให้ได้ก่อน

    ที่กล่าวว่า ที่ควรคือ เพราะว่าถ้ายังอยู่ในร่างกาย
    มันยังมีโอกาศสุ่มเสี่ยง กับการโดนแทรก
    ของพลังงานภายนอกต่างๆที่ไม่ดีได้(ไอ้ที่ทำให้
    เราเห็นเป็นโน้นนี่นั้นทั้งหลายนั้นหละ)
    หรือโดนแทรกได้จากขันธ์ ๕ ส่วนนามธรรม
    (ที่พอเห็นแล้ว ทำให้คิดว่าเป็นเรา เป็นอะไร
    ที่ยกให้เราเหนือมนุษย์ คิดอกุศล ต่างๆ)
    เป็นเหตุให้เราเกิดความลังเล สงสัย
    ตลอดจนไม่เข้าใจ ธรรมชาติของนามธรรม
    ที่ปรากฏขึ้นได้นั้นเอง
    หรือบางคนก็ยึดเป็นตัว เป็นตน
    จริงจัง จนท้ายสุดวิปลาสได้
    หรือถ้าใช้ในทางปฏิบัติก็จะเฝื่อได้
    พอเข้าใจเนาะ
    ปล.แก้ตามที่แนะ อีกเล็กน้อย ไม่มีอะไรหรอก
     
  13. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,427
    ค่าพลัง:
    +35,048
    คล้ายๆมาเล่าให้ฟัง เชิงบ่น และแอบมีแบบสปอยเล็กน้อย ๕๕
    ไอ้ เดจาวู เป็นแค่ส่วนหนึ่ง ของการรู้ในทางพุทธศาสนาเฉยๆ
    คือ ถ้าคนจะทำได้ มันจะรู้เห็นได้หมดแระ
    เช่น อยากรู้อดีตยุคไดโนเสาร์ รู้แล้วเป็นไง
    บอกใครได้ เพราะมันพิสูจน์เป็นรูปธรรมไม่ได้
    อยากรู้อนาตต ถ้ามันไม่ใช่หละ จะแก้ตัวยังไง ๕๕๕๕
    เพราะฉนั้น มันจะรู้หรือไม่รู้ตรงนี้ ก็ช่างมันและการรู้แบบนี้
    เพียงแต่มันไม่มีประโยชน์อะไร
    ยกเว้นไปรู้อดีต แล้วมาคิดว่า เอ่อ เราพลาดตรงไหนชาตินั้น
    (ส่วนมากเห็นดีๆ แล้วยึดว่าตัวเองเคยเป็น)
    รู้อนาคต ถ้าเห็นว่าไม่ดี เราจะได้แก้ไขได้ทัน ณ ปัจจุบัน
    (ส่วนมาก เห็นแล้วก็ยึด ว่าจะต้องเป็นอย่างที่ตนเคยเห็น
    เลยกลายเป็นมหากาฟย์แห่งการสปอย นั่นหละ ๕๕๕
    ทั้งๆที่ มันเปลี่ยนแปลงได้อยู่แล้ว เพราะมันเป็นนามธรรม
    มันสร้างให้เราเห็นจากสัญญาในจิตเราเอง เราถึงเห็นได้
    ถ้าเรายึด มันก็จะกลายเป็นแบบที่จิตเราสร้างนั้นหละ)
    ถึงแม้ว่ารู้ เค้าก็เลยไม่ได้สนใจอะไร
    เพราะพุทธฯ เราจะสอนให้อยู่กับปัจจุบันเท่านั้น
    ต้องอยู่ร่วมให้เป็นถึงจะมีประโยชน์......

    ในระหว่างการเดินทางนั้น มักจะเจอสิ่งต่างๆ
    เหล่านี้เข้ามาในชีวิตมากมาย เพียงแต่เราอยู่กับ
    มันไม่เป็น คือ ไม่เข้าใจว่า มันเกิดขึ้นได้เป็นปกติ
    และเราไม่ทิ้งมันไป คือ ไม่เลิกสนใจมัน
    จึงทำให้มีการระลึก นึกขึ้นได้ กับสิ่งทีเห็น
    ไม่ว่า อดีตหรืออนาคตนั้นเอง...
    ถ้าเราทิ้งเป็น ทำตัวของเราไปปกติ
    มันมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว
    สำหรับเรื่องพวกนี้ (หมายถึงเรื่องที่เกี่ยวกับเรา
    มีเราเข้าไปข้องเกี่ยวนะ)
    เมื่อเราเข้าใจได้ เราจะพบว่า
    โลกใบนี้ มันไม่มีอะไรที่เราจะสามารถ
    บังคับ หรือรักษาให้มันคงอยู่ได้ตลอดเวลาหรอก
    และมันก็มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
    เราฝึกมา ส่วนหนึ่ง ก็เพื่อให้จิต มันเห็นและเข้าใจตรงนี้นั่นหละ
    อย่างที่ได้เคยเป็นธรรมคำสอนมากว่า สองพันกว่าปีแล้วนั่นหละ
    เข้าใจได้ จิตเราก็จะเริ่ม ปล่อยวาง
    และเริ่มคลายตัวเองโดยธรรมชาติ
    ของมันเองในเวลาปกติ นั่นหละ
    ตรงนี้ถึงจะถือว่า การปฏิบัติของเราได้ผล
     
  14. TheKunKeng

    TheKunKeng เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2015
    โพสต์:
    301
    ค่าพลัง:
    +919
    ครับขอบคุณมากครับ....:)

    หลักๆคือ ไม่ควรไปยึดไปจับมันมากใช่มั๊ยครับ
    ภาพที่เห็นมันจะปรากฏเป็นอย่างไร อย่าไปใส่ใจมากใช่ไหมครับ เพราะยังไม่ใช่หลักการปฏิบัติทางธรรมเพื่อให้ปล่อยวางใช่ป่ะครับ :rolleyes:
     
  15. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,427
    ค่าพลัง:
    +35,048
    ใช่
    ถ้ามันจะรู้ก็รู้ไป รู้แล้วก็แล้วไป
    ถ้าไม่รู้ก็ช่างมัน ไม่ต้องไปอยากรู้อะไร
    แล้วมันจะอัตโนมัติขึ้นได้ของมันเอง
    จริงๆคือ มันจะกลับคืนสู่เนื้อหาเดิมแท้ของ
    ตัวจิตมันเองนั่นหละ
    ยิ่งวางได้เอง และจิตคลายตัวได้เอง
    ในระหว่างวันได้นานขึ้นเท่าไร
    พวกที่เคยสร้าง เคยสะสม มามันก็ค่อยๆ
    ขึ้นมาได้ของมันเองนั่นหละ
    ทางปฏิบัติ จิตคลายตัวได้เองโดยธรรมชาติได้จริง
    แบบไม่ใช้ความชำนาญ หรือวิธีการใดๆเข้าไปกระทำให้จิตวาง
    แค่ไม่กี่วินาทีนะ มันก็เริ่มเห็นผลได้แล้ว
    โดยเฉพาะความเข้าใจทางด้านนามธรรม
    รวมทั้งการไปรู้ สิ่งต่างๆที่ไม่มีในตำรา
    แบบไม่ต้องอ่านนั่นหละ แค่วินาทีเดียว
    ก็เขียนบรรยายได้เป็นหน้าๆแล้ว...

    ปล.พิสูจน์ได้ด้วยตัวเองในอนาคต ถึงความเปลี่ยนแปลง...
     
  16. นทีบุญ

    นทีบุญ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    939
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +796
    ขอบคุณสำหรับคำตอบดีๆจากคุณนพฯและคุณผ่านมาเฉยๆนะคะ:D
     
  17. devotee57

    devotee57 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2014
    โพสต์:
    228
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +556
    วันนี้มัภาพมาอวดแหละค่ะ
    ญาติเอามาลงไลกลุ่มให้ดู
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  18. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,427
    ค่าพลัง:
    +35,048
    แอบสวยงาม
     
  19. devotee57

    devotee57 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2014
    โพสต์:
    228
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +556
    คุณญาติแกเป็น อบต.นะคะ เคยเอาลงไลกลุ่มทีนึง ตอนแรกไม่รู้ต้นอะไร แต่รอบนี้มาเป็นดาวเรืองเลย
    คือชุมพรฝนตกชุกมากๆถึงมากที่สุดจังหวัดนึง
    ดาวเรืองเลยรอดยากกับฝนแรงและชุกขนาดนี้
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. SegaMegaHyperSuperCyberNeptune

    SegaMegaHyperSuperCyberNeptune "โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านกระทู้ผม"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2011
    โพสต์:
    4,087
    ค่าพลัง:
    +3,394
    ถามคุณนพ ถ้าตาที่สาม ใช่อันเดียวกับทิพจุกขุเปล่า เปิดเต็มที่ แล้วจะปิดยังไงดีอะ ไม่อยากเห็นทุกข์อีกแล้ว ห้ามก็ไม่ได้เหมือนเราดูช่องผ่านตาจากอีกคนหนึ่งอ่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...