เรื่องเด่น ชื่อมีผลต่อชีวิตประมาณกี่เปอร์เซ็นต์

ข้าเจ้าเป็นคนหนึ่งล่ะที่เปลี่ยนชื่อด้วยตัวเองโดยใช้เว็ปโหราศาสตร์ช่วย โดยหาตัวอักษรที่เข้ากับวันเดือนปีเกิด หาความหมายที่ดี ๆ มาผสมผสานเองจนพอใจ แล้วก็ไปเปลี่ยนชื่ออย่างเป็นทางการ ซึ่งขั้นตอนการเปลี่ยนค่อนข้างหลากหลายเพราะต้องเปลี่ยนในสำเนาทะเบียนบ้าน บัตรประรชาชน พาสปอร์ต (เพราะอยู่นอกประเทศ) บัตรวีซ่าของประเทศที่อาศัยอยู่ในปัจจุบัน บัตรธนาคาร บัตรประกันสุขภาพ ฯลฯ แต่เพื่อน ๆ ก็ยังคงเรียกชื่อเก่าอยู่ดี จนป่านนี้ข้าเจ้าก็ยังไม่รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงอะไรเลยค่ะ

 

คุณเอ๋ย ถ้าเพียงแค่เปลี่ยนชื่อแล้วทำให้ชีวิตดีขึ้นจริง ป่านนี้ใครๆก็ไม่ต้องทำงานหนัก
ไม่ต้องไปเสียเวลาเรียนหนังสือมากๆเพื่อหวังจะได้ทำงานดีๆ นอนอยู่กับบ้านสบายๆ นั่งกินนอนกิน
การเปลี่ยนชื่อเป็นชื่อเพราะๆนั้น มีผลต่อผู้ได้ยินทีแรก ทำให้คิดว่า
เจ้าของชื่อ คงจะหน้าตาดี เป็นคนนิสัยดี เท่านั้น
แต่เมื่อพบตัวจริงแล้ว ยังไง ความจริงก็ย่อมเป็นความจริงอยู่วันยังค่ำ ชื่อที่เปลี่ยนใหม่
ช่วยอะไรไม่ได้

ประการต่อมา ถ้าพูดถึงชื่อสองชื่อ คือ ระหว่างชื่อที่มีอยู่ในแผ่นกระดาษ
ซึ่งแทบไม่มีโอกาสใช้เรียก
กับชื่ออีกชื่อหนึ่ง ที่คนอื่นใช้เรียกเราเป็นประจำ ตั้งแต่เกิดจนตาย
คิดว่าชื่อไหน ควรจะมีอิทธิพลต่อชีวิตเรามากกว่ากัน ?
ยกตัวอย่างเช่น คนหนึ่ง มีชื่อในแผ่นกระดาษว่า คุณ ดีเลิศ นามสกุล ประเสริฐศรี
แต่ชื่อที่เพื่อนๆหรือใครๆพากันเรียกจนติดปากก็คือ คุณเห้
ลองคุณดู ว่าชื่อไหน ที่สมควรมีอิทธิพลต่อเจ้าของชื่อมากที่สุด

ผมมีวิธีพูจน์ว่า ชื่อไหนคือชื่อที่มีผลต่อความรู้สึกของเรามากที่สุด
คือ ให้เรายืนอยู่หน้ากระจก อยู่ในห้องคนเดียวเงียบๆ
จากนั้นจงเอ่ยชื่อตัวเอง ออกมาเบาๆ พอได้ยิน ไม่ต้องดังมาก
ระหว่างชื่อเล่นกับชื่อจริง
แล้วสังเกตความรู้สึกตัวเองว่า
ชื่อไหนที่กระตุกความรู้สึกของเรามากที่สุด
ชื่อไหนที่เอ่ยไปแล้วเรารู้สึกว่า มีคนเรียก
กับชื่อไหน ที่เอ่ยไปแล้วเรารู้สึกเฉยๆ เหมือนไม่ได้ถูกเรียก
ถ้าชื่อไหนที่เราเอ่ยไปแล้ว มันกระตุกความรู้สึกเรา
เรารู้สึกเหมือนถูกใครเรียก ก็ชื่อนั้นแหละ คือชื่อจริง ของเรา
เป็นชื่อที่มีอิทธิพลต่อเรามากที่สุด
เป็นชื่อที่เมื่อได้ยินแล้วเราต้องชะงัก
เป็นชื่อที่ระบบสมองของเราได้บันทึกไว้ว่า คำๆนี้คือคำที่มีอิทธิพลต่อเรา
เป็นเหมือนระหัสส่วนตัวที่เมื่อเราได้ยินแล้ว เราต้องสนองตอบ
ส่วนชื่อในกระดาษนั้น เป็นแค่ชื่อสมมุติ

 

ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นดีๆค่า

 

ขอบคุณความคิดเห็นดีๆค่า โดยส่วนตัวมีชื่อเยอะมาก เรียกไม่เหมือนกันสักคน ฉายาก็มี ถ้าที่ทำงานก็จะเรียกตามฉายา ชื่อเกิดก็อีกแบบ แม่เรียกอีกแบบ พี่เรียกอีกแบบ เพื่อนเรียกอีกแบบ 5555 ดีๆ ยังไงก็ขอบคุณค่ะที่มาช่วยแสดงความเห็น

 

ค

คือมีความเคยชินกับชื่อเก่ามานานนัก อีกทั้งเพื่อน ๆ ก็รู้จักแต่ชื่อเก่า ดังนั้นชื่อเก่าจึงมีอิทธิพลกับข้าเจ้ามากกว่าชื่อใหม่นัก ส่วนชื่อใหม่นั้น ในเมื่อมันไม่ได้ทำให้ชีวิตข้าเจ้าเปลี่ยนไปจากเดิม ไม่ดีและไม่เลว ก็เลยแล้ว ๆ กันไป เพราะไหน ๆ ก็เปลี่ยนไปแล้ว ไม่อยากเปลี่ยนอีก เพราะขั้นตอนยุ่งยากพอควร (เข็ด)
ทุกวันนี้เวลาเอ่ยชื่อตัวเองเวลากล่าวคำอธิษฐานหรือแผ่เมตตาอะไรต่าง ๆ ข้าเจ้ามักจะเอ่ยทั้งสองชื่อเลยค่ะ เอาที่สบายใจ

 

จากตัวผมที่เปลี่ยนมานะครับ การเรียกชื่อส่วนหนึ่งครับ ชื่อที่เปลี่ยนมาก้ส่วนหนึ่งใหญ่ๆครับ ส่วนใครเรียกชื่อเก่า ตรงนี้ต้องเป็นความพยายามของคุณแล้วครับ

 

ตรงนี้ผมหมายถึงชื่อจริงครับ ไม่ใช่ชื่อเล่น ชื่อเล่นเรียกห่าอะไรก็ได้ เพื่อนกันยังเรียกชื่อพ่อ ชื่อแม่กันเลย ถ้าใครเอาชื่อสัตว์มาตั้งเป็นชื่อจริงก็แล้วแต่ครับ อาจเป็นคนไทยๆ ง่ายๆ เพื่อจำง่ายครับ ชื่อมันถอดค่าว่าไคำทำนายก็ไปตามนั้นแหละครับ เพราะผมก็เป็นอีกหนึ่งคนที่เปลี่ยนมาครับ เพียงแต่ชื่อเดิมพ่อแม่ไม่เอาชื่อวัตย์มาตั้งเป็นชื่อลูกเท่านั้นเอง

 

เคยดูข่าว คนชื่อ นายวีรชน แต่โดนตำรวจวิสามัญตาย เพราะขนยาบ้า
แล้วยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ชื่อโคตรเท่ ฟังแล้วดูยิ่งใหญ่...แต่ว่า....ถูกตำรวจวิสามัญฆาตกรรม...

 

คือข้าเจ้ายังไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงอะไรเลยค่ะ รู้สึกเฉย ๆ ตอนนี้ก็ใช้ทั้งสองชื่อแหละค่ะ ใครเรียกชื่อเก่าก็ได้ ไม่เคยแย้งพวกเขา ส่วนชื่อใหม่ก็ใช้อย่างเป็นทางการทั่วไปเวลาที่ต้องใช้เอกสารต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นบัตรประจำตัวประชาชน หรือพาสปอร์ต เวลารับบุญอะไรก็มักจะบอกชื่อทั้งสองควบคู่กันไปเลยค่ะ

 

แสดงว่า. จะทำไรเกี่ยวกับชื่อ. ต้องเพิ่มขั้นตอนอีกหนึ่งสเตป. อิอิ

 

การที่ชีวิตของเราจะเปลี่ยนแปลงได้ ต้องเปลี่ยนที่พฤติกรรม
อยากมีชีวิตใหม่ ก็ต้่องเริ่มทำในสิ่งใหม่ๆ ชีวิตจึงจะเปลี่ยน
ถ้าหากเรายังทำแบบเดิมๆ งานเดิมๆ ที่อยู่เดิมๆ อาชีพเดิมๆ
แล้วชีวิตเราจะเปลี่ยนได้ยังไง
ถ้าหากเรายังรักของเดิม สิ่งที่มีอยู่เดิมๆ โดยที่ไม่ต้องการจะทิ้งไป
แต่ก็ต้องการให้ชีวิตเปลี่ยนแปลงด้วย มีอยู่วิธีเดียวก็คือ ต้องหามาเพิ่ม เช่นเราประกอบอาชีพนี้ ก็หาอาชีพเสริมมาเพิ่ม
เราอยู่บ้านหลังนี้ ก็ต่อเติมเพิ่ม
เมื่อเพิ่มแล้ว ชีวิตเราจะเปลี่ยนแปลงบ้างนิดหน่อย โดยไม่ต้องทิ้งของเดิม

ทีนี้การเปลี่ยนแปลงชีวิตของคนเรานั้นมีสองอย่างคือ
๑.เราเปลี่ยนแปลงตัวเราเอง เช่นเราทำงานนี้อยู่ แล้วลาออกไปหางานทำใหม่ที่ดีกว่าเดิม
ทำงานเดิมต่อไป โดยหางานอดิเรกมาทำเพิ่ม เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับตัวเอง หรือขยายงาน แบบนี้ชีวิตเราก็จะเปลี่ยนแปลง
๒.มีคนอื่นมาทำให้เปลี่ยนแปลง
เช่น เราถูกไล่ออก จึงต้องไปหางานใหม่ หรือ ถูกเลื่อนตำแหน่ง
ทำให้ชีวิตก้าวหน้าขึ้น

ดังนี้ก็จะเห็นได้ว่า ชีวิตจะเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ไม่ใช่อยู่ที่ชื่อ แต่อยู่ที่การลงมือทำ
ซึ่งมีสองแบบคือ เราทำเอง/หรือมีคนอื่นมาทำให้

 

คือ แบบนี้ครับ ถ้าเราเปลี่ยนมาแล้ว เราใช้ชื่อใหม่ไปเลนย ไม่ต้องถามหาอะไรชื่อเก่าอีก จะไปเรียกขานไปทำไมครับ เราทำบุญอะไรก็ทำในชื่อใหม่ไปเลยครับ อ.ผมบอกว่า "เปลี่ยนชื่อไม่ได้เป็นการเปลี่ยนกรรม หรือหนี้กรรมอะ แต่มันเป็นการเบี่ยนดวงชะตา หรือปรับดวงของเราเอง"

 

ในการตั้งชือนั้น ต้องระวัง อย่าตั้งชื่อให้มีความหมายสูงส่งกว่าวาสนาของตนเอง
เพราะอาจเป็นผลร้ายมากกว่ผลดี เช่นตั้งชื่อลูกว่า ฮ่องเต้
หรือการไปตั้งชื่อ ให้ตรงกับเทพเจ้าหรือสิงศักดิ์สิทธิ์ที่มีคนนับถือมากๆ
เจ้าของชื่ออาจจะไม่พอใจ และทำให้มีเรื่องยุ่งยากในชีวิต

 

อันนี้เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะ อยากได้ชื่อเก๋ๆ ชื่อที่ยิ่งใหญ่ แต่บารมีไม่ถึง
จริงๆควรหลีกเลี่ยง ไม่ใช้ชื่อที่พ้องกับเทพเจ้าหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ดีที่สุด

 

ข้าเจ้าอุทิศบุญให้ทั้งชื่อใหม่และชื่อเก่าไปด้วยค่ะ เผื่อว่าชื่อเก่าคือชื่อที่อยู่ในบัญชีของพญายมราช (เนื่องจากหลายท่าน มีความคิดเห็นว่า ชือใหม่ไม่เป็นผล) อีกอย่าง ในเมื่อยังมีคนเรียกชื่อเก่าข้าเจ้าอยู่ ข้าเจ้าเลยให้ความสำคัญกับทั้งสองชื่อไปเลยค่ะ จะได้ครอบคลุม ข้าเจ้าเลยถือโอกาสใช้ชื่อดับเบิ้ลให้ยาวไปเลย เหมือนพวกฝรั่งกันเขาจะมีหลาย ๆ ชื่อค่ะ บางคนมีตั้งสามขื่อในพาสปอร์ต กว่าจะมาถึงนามสกุล ต้องเขียนชื่อให้ครบเสียยาวเลย เขาให้เกียรติบรรพบุรุษ เลยมีชื่อของบรรพบุรุษพ่วงตามชื่อตัวเองไปด้วย ซึ่งข้าเจ้าคิดว่าไม่เลวแฮะ อิอิ

 

ใช้ชื่อเก่าเป็นชื่อกลางหรอคะ จริงๆเพิ่มชื่อกลางก็ดี อิอิ แม้จะยาวไปนิดแต่ก็โอเคนะเราว่า ป้องกันชื่อซ้ำ นามสกุลซ้ำ

 

@นทีบุญ สรุปได้ชื่อใหม่ว่าอะไรคะ จะแอบไปตามป้าชะมะนาด หาเลข ฮา แซวเล่นอีกละ
อันนี้เพื่อนมาเล่าให้ฟังว่าก่อนเปลี่ยนชื่อใหม่ อย่าลืมทำบุญให้กับบรรพบุรุษ พ่อแม่ เทพเทวาประจำตัวก่อนเปลี่ยนชื่อใหม่ด้วยการใส่บาตร สามวันเจ็ดวัน แล้วบอกกล่าวด้วย ไม่รู้เหมือนกันว่าหากเปลี่ยนชื่อแล้วนอกจากต้องแจ้งทางกฏหมายแล้ว ต้องแจ้งเทพเทวาด้วย ลองศึกษาดูด้วยนะคะ

 

ข้าเจ้าหาชื่อเองตามหลักโหราศาสตร์ พร้อมนามสกุลปัจจุบัน หาเลขที่อยากได้ คือถ้าเอาตัวอักษรรวมกันแล้วจะได้ตัวเลข ก็หาตัวอักษรให้ได้ตัวเลขที่อยากได้ เมื่อพอใจในชื่อที่ตัวเองตั้งเองแล้วก็จัดการเปลี่ยนอย่างเป็นทางการ หลังจากนั้นก็จุดธูป 108 ดอก บอกเทพเทพดาทั้งหมด (ปักกลางแจ้ง) ว่าตอนนี้ข้าเจ้าได้เปลี่ยนชื่อมาใช้ชื่อ....นี้แล้ว หลังจากนั้นก็ไปทำบุญสังฆทานให้ชื่อเก่าค่ะ (เอาที่สบายใจ อิอิ)

 

ตอนไปเปลี่ยนชื่ออย่างเป็นทางการ ข้าเจ้าไม่ได้ลงชื่อเก่าไปด้วยค่ะ เพราะไม่แน่ใจว่ากฎหมายการเปลี่ยนชื่อของประเทศไทยเขาจะยอมให้มีชื่อหลาย ๆ ชื่อเหมือนต่างประเทศหรือเปล่า (ตอนนั้นลืมคิดไปค่ะ ไม่งั้นก็จะถามแล้ว) แต่เวลาทำบุญ หรือเขียนชื่อในการทำบุญอะไร ข้าเจ้าก็จะเขียนชื่อใหม่และตามด้วยชื่อเก่า และนามสกุล ไปด้วยค่ะ ชื่อข้าเจ้าตอนนี้คือ ศิรธัสสรณ์ค่ะ ส่วนชื่อเก่าคือ ทับทิม ปล. มีแต่คนบอกว่าชื่อใหม่สวยจัง แต่ชื่อเก่าก็สวยเหมือนกันนะ
มีเรื่องตลกจะเล่าคือตอนไปเปลี่ยนชื่อที่อำเภอ ทางเจ้าหน้าที่เขาให้ใบกรอกมา ในใบกรอกเขาจะถามคำแปลของชื่อ ซึ่งข้าเจ้าไม่รู้ความหมาย (เพราะมัวแต่เลือกตัวอักษรให้ได้ตัวเลขที่ต้องการและเลือกให้เข้ากับวันเดือนปีเกิด) เลยไม่ได้กรอกความหมายชื่อไป พอยื่นใบกรอก เจ้าหน้าที่มาบอกว่า ต้องกรอกความหมายด้วย (สุ้มเสียงเอาจริง เอาจังมากเลยค่ะ) ข้าเจ้าเลยกรอกสุ่มสี่สุ่มห้าบอกความหมายชื่อไปว่า "นางฟ้าที่เลอเลิศ" อิอิ

 

555 แล้วศิรธัสสรณ์ จริงๆแปลว่าอะไรคะ แต่ชื่อสวยดีนะคะ พยางค์ต่างๆเรียงกันได้สวยดีทีเดียว ชื่อทับทิมก็เก๋ดีค่ะถ้าเป็นชื่อเล่นก็ดูน่ารักดี